คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ✚ SH0T 8 :: F0RGET ME
Author : MR.SNOWMAN
Pairing : D.O. x Kyungsoo
Rate : NC - 18
THE TWINS*
-------------------------------------------
ll SH0T 8 ll
ความรัก ความฝัน กับ ความจริง ในบางครั้งก็เป็นเหมือนดั่งเส้นขนานด้วยตัวของมันเอง
ยากยิ่งนักที่จะทำให้ทั้งสามสิ่งมารวมกันในที่เดียวกันของหัวใจ
บางครั้ง ความรักก็อาจจะมาในวันที่ผิดและในเวลาที่ไม่ใช่
ความฝันอาจจะทำให้สุขใจที่มีมัน แต่อาจจะกลายเป็นความปวดร้าวในความจริง
และท้ายที่สุดแล้ว...
ก็ต้องถูกความจริงทำลายลงสักวันด้วยตัวของมันเอง
ผมนอนขดตัวอยู่บนพื้นห้องนอนของแบคฮยอน
แรกเริ่มแบคฮยอนเองก็พยายามจะชักชวนให้ผมนอนบนเตียงกับเขาอยู่หรอก
แต่ผมรู้ดีว่าผมไม่ควรทำแบบนั้น...เพราะชานยอลแวะมานอนกับแบคฮยอนด้วยในคืนนี้
ถึงแม้จะไม่เคยบอก แต่ผมก็ไม่ได้โง่และอีคิวต่ำจนถึงขั้นที่จะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคบหาดูใจกันอยู่...
และนั่นทำให้ผมรับรู้ว่าควรต้องเจียมตัวเจียมใจและปล่อยให้พวกเขาได้นอนบนเตียงด้วยกันในคืนนี้
ผมนอนขดตัวอยู่กับฟูกบางๆที่แบคฮยอนจัดหามาให้ ข้างนอกหน้าต่างตอนนี้ฝนตกหนัก
และนั่นทำให้ผมรู้สึกหนาวเกินกว่าจะข่มตาให้หลับได้
หนาว...วันนี้ช่างหนาวเหน็บเหลือเกิน
แม้ว่ามันจะเป็นค่ำคืนหนึ่งกลางเดือนกันยา
แต่ความหนาวเหน็บแล่นเข้ามาแล่นงานคยองซูจนรู้สึกเจ็บปวด...
เขานอนคุ้ดคู้อยู่บนฟูกนุ่มหากแต่ดวงตาก็ยังเบิกโพลง
วันนี้ช่างหนาวเหลือเกิน...เมื่อไร้กอดอุ่นของดีโอ
มันนานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมคุ้นชินกับอ้อมกอดอันอบอุ่นของดีโอ
มันนานเท่าไหร่แล้วที่ผมมักจะซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของเขา...แล้วถือเอาเนื้ออุ่นนั้นเป็นผ้าห่มที่ช่วยให้ผมหลับสบาย
วันนี้หนาว...มันหนาวเพราะหัวใจของผมกำลังถูกกัดกินด้วยความเจ็บปวด
เจ็บปวดที่รับรู้ว่าที่สุดแล้วเราก็หนีความจริงไปไม่พ้นจนได้...
ผมเลือกที่จะหันหลังให้แบคฮยอนและชานยอล...เพราะผมไม่ต้องการให้เขารับรู้ว่าผมยังตื่นอยู่
ผมมองออกไปข้างนอกประตูกระจกของแบคฮยอน เฝ้ามองสายฝนที่กำลังกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย
มันนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมทำแบบนั้น...จนกระทั่งผมรับรู้ได้ว่าแบคฮยอนกำลังขยับตัวมาชะเง้อมองผม
ผมจึงแสร้งหลับตาลงเพื่อไม่ให้เขารับรู้และเป็นห่วง
“หลับไปแล้วล่ะ....”
ผมได้ยินแบคฮยอนกระซิบเสียงแผ่วเบา
หากแต่มันกลับลอดผ่านเสียงสายฝนเข้ามาในโสตประสาทของผมอย่างชัดเจน
“อืม...งั้นก็ดีแล้ว คงจะร้องไห้จนเหนื่อย” ชานยอลกระซิบตอบกลับแบคฮยอนไปเบาๆ
“มึงไม่น่าพาดีโอมาที่นี่” แบคฮยอนกระซิบด้วยน้ำเสียงคาดโทษให้กับชานยอลเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะได้ยินเขาถอนหายใจออกมาหนักๆ
“กูแค่...สงสารไอ้ดีโอมัน” ชานยอลตอบอย่างรู้สึกผิด
“ขอถามจริงๆเถอะ...มึงยอมรับได้หรือไงมึงถึงพาไอ้ดีโอมาแบบนั้น”
แบคฮยอนถามอย่างร้อนใจ น้ำเสียงของเขาดูเคร่งเครียดแม้จะเป็นเพียงแค่เสียงกระซิบแผ่วเบา
“กูไม่รู้...กูแค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่กูต้องตัดสินใจ
โอเคแบคฮยอน มึงอย่าเพิ่งโกรธกูสิ...กูไม่ได้หมายความว่ากูส่งเสริมให้พวกมันรักกันซักหน่อย
แต่มึงก็รู้ดีนี่ ว่าเวลาเรารักใครเราหักห้ามหัวใจไม่ได้หรอก
สมองกับหัวใจมันไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานด้วยกันนะ สมองมีหน้าที่คิด แต่หัวใจต้องใช้ความรู้สึก”
ชานยอลกระซิบตอบกลับ ผมได้ยินแบคฮยอนถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วเริ่มพูด
“กูรู้ดี...กูเข้าใจว่าหัวใจคนเรามันกำหนดไม่ได้
แต่กูเป็นห่วงคยองซู เพราะกูรักเพื่อนกูถึงไม่อยากให้เพื่อนเดินทางผิด
ใช่...มันผิดศีลธรรมไงชานยอล ธรรมชาติของโลกใบนี้กำหนดให้มันเป็นแบบนั้น
มองโลกแห่งความจริงเถอะ...ไม่มีใครหรอกที่จะยอมให้พวกมันได้รักกัน กูไม่ได้รังเกียจหรอกถ้าพวกมันจะรักกัน...
แต่ที่กูไม่ยอมเพราะทุกคนในโลกไม่ได้รู้จักพวกมันเหมือนกับที่เรารู้จักไงล่ะชานยอล
มึงเองก็รู้ว่าโลกใบนี้โหดร้ายแค่ไหน...
ไม่มีใครจะสนใจมองหรอกว่าพวกมันมีสาเหตุและที่มาที่ไปยังไงถึงมารักกันได้
ไม่มีใครสนใจอยากรู้หรอกว่าพวกมันมีอดีตผ่านมายังไง...
ทุกคนจะมองก็แค่ผลลัพธ์และสิ่งที่มันเป็นอยู่ก็เท่านั้นแหละ ทุกคนจะมองว่าพวกมันเป็นคนบาป”
แบคฮยอนกระซิบเสียงเข้ม...และนั่นทำให้ผมรู้สึกว่าน้ำตากำลังรินไหลลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
หากแต่ก็พยายามที่จะกลืนก้อนสะอื้นลงไปในลำคออย่างยากลำบาก
รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งขั้วหัวใจที่ได้ยินแบบนั้น...คำว่าคนบาปที่แบคฮยอนเพิ่งพูดถึงราวกับมีดที่แทงหัวใจของผม
คนบาป...คนเลว...คนที่สังคมไม่ยอมรับ....
“กูรู้...กูรู้ดีเหมือนที่มึงก็รู้ดีนั่นแหละแบคฮยอน
กูเองก็ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้...
ถ้ากูบอกพวกมึงเรื่องที่กูดูออกตั้งแต่ต้น เรื่องมันคงจะไม่ถลำลึกแบบนี้”
“ไม่หรอก...ไม่มีใครนึกออกหรอกว่าพวกมันจะทำแบบนี้”
“แต่ไอ้ดีโอมันแสดงออกชัดเจนมาตลอด...ที่พวกเราไม่รู้ก็เพราะพวกเราไม่คิดว่ามันจะทำ”
“และคงไม่มีใครจะอุตริคิดเหมือนมึงหรอกชานยอล...” แบคฮยอนพูด
“กูแค่มองโลกเป็นกลาง...กูแค่เปิดใจมองความรักในทุกรูปแบบที่มันควรจะเป็น
ถ้ากูไม่ใช่คนอย่างนี้กูคงรักมึงไม่ได้หรอกแบคฮยอน...คนอะไรขี้เหวี่ยงแถมยังอวดเก่งอีก”
“กูไม่ได้ขอให้มึงมารักกูแล้วกัน...ถ้ามึงอยากจะเลิกก็เรื่องของมึงเลย ตามสบาย”
แบคฮยอนกระซิบเสียงกระเง้ากระงอดบ่งบอกว่าเขาไม่ค่อยพอใจนักกับคำพูดของชานยอล
ผมได้ยินเสียงขยับตัวและนั่นทำให้ผมจินตนาการเอาว่าชานยอลคงปรี่เข้าไปกอดแบคฮยอนเอาไว้
“ไม่เลิกหรอก...ยังไงกูก็รักมึงคนเดียว”
“กูก็ไม่ได้แคร์หรอกนะถ้ามึงไม่รักกูอ่ะ” แบคฮยอนกระซิบ น้ำเสียงของเขาเจือแววประชดประชัน
“แต่กูแคร์...”
ผมได้ยินชานยอลกระซิบเบาๆพร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก
พวกเขาเงียบกันไปครู่หนึ่ง และเสียงดูดเม้มริมฝีปากเบาๆนั้นทำให้ผมรับรู้ได้ว่าพวกเขากำลังจูบกัน
ผมกัดริมฝีปากอย่างเจ็บปวด...อิจฉา...ผมรู้สึกอิจฉาพวกเขาเหลือเกิน
ทำไมเราถึงต้องเกิดมาเป็นแฝดกันนะ...
ถ้าหากเราไม่ใช่...เราอาจจะได้ใช้เวลาดีๆด้วยกันนานกว่านี้
ได้กอดและจูบกันอย่างไม่ต้องรู้สึกผิดในใจที่จะทำมัน....ตอนนี้ผมคิดถึงสัมผัสของดีโอเหลือเกิน....
“พอได้แล้ว...คยองซูอยู่ที่นี่”
แบคฮยอนกระซิบออกมาเบาๆ
เสียงลมหายใจของเขาขาดห้วงราวกับว่าลมหายใจนั้นถูกช่วงชิงไปจนหมดแล้ว
“อืม...กูเข้าใจ ไว้วันอื่นก็ได้” ชานยอลกระซิบตอบกลับ
“ต่อไปนี้คงจะยากหน่อย...เพราะกูจะให้คยองซูย้ายมาอยู่ที่นี่” แบคฮยอนพูด เขาถอนหายใจออกมาเบาๆจนทำให้ผมรู้สึกผิด
“แบคฮยอน...กูขอถามอีกครั้งเถอะว่ามึงคิดดีแล้วเหรอที่จะบังคับพวกมันอย่างนี้”
“มึงคิดว่ากูอยากทำเหรอ?
งั้นกูถามหน่อยว่ามึงมีเหตุผลอะไร...ถึงได้ทำให้มึงถามกูอย่างนี้”
“มึงรู้ไหมว่าไอ้ดีโอมันตอบกูว่าอะไรในทุกคำถามที่กูพยายามจะเอาคำตอบจากมัน”
“อะไร...?” แบคฮยอนกระซิบถาม
น้ำตาผมไหลลงมาจากหางตาอย่างเงียบเชียบ...
ตัวสั่นระริกเพราะพยายามจะกลั้นไม่ให้หลุดสะอื้นออกไปเมื่อได้ยินคำตอบของชานยอลที่กระซิบออกมา
หัวใจของผมตะโกนร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“ดีโอมันพูดอยู่แค่ประโยคเดียว....พูดอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ
.
.
.
.
เพราะคยองซูคือครึ่งหนึ่งของมัน
เป็นความฝันทั้งชีวิต...และเป็นทั้งหมดของลมหายใจ”
************
ผมนอนซมอยู่บนเตียงนุ่มมากว่าสามวันแล้วเพราะฤทธิไข้ที่ขึ้นสูง
อาการหนักถึงขั้นว่ากลับจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังไม่หายเสียที
อาการนี้น่าประหลาด...แต่บัดนี้ผมกลับเข้าใจมันเป็นอย่างดีทั้งๆที่ไม่ต้องมีหมอคนไหนมาบอกผม
ผมป่วยหนักเพราะว่าดีโอเองก็ป่วยเหมือนกัน...
ผมอ่อนแอกว่าเขา ทั้งจิตวิญญาณและร่างกาย...และนั่นทำให้ร่างกายของผมทรุดหนักมากขึ้นเป็นทวีคูณ
เราป่วยเพราะเรากำลังฉีกแยกครึ่งหนึ่งของวิญญาณออกไป
ผมและดีโอรู้ดีที่สุด...
ผมเพิ่งรับรู้ได้ถึงสัญชาติญาณของฝาแฝดที่ดีโอเฝ้ากรอกหูผมก็ในตอนนี้
เพราะตลอดเวลาที่ผมหลับฝัน ผมมักจะได้กลิ่นบุหรี่รสแรงที่ดีโอสูบ
วนเวียนอยู่ที่ปลายจมูกทั้งๆที่แบคฮยอนไม่ได้สูบบุหรี่
คยองซูกำลังกลัดกลุ้มอย่างหนัก...และนั่นทำให้ผมป่วยหนักเพราะว่าผมอ่อนแอกว่าเขา
นอกจากนี้ผมยังมีอาการของโรคกระเพาะที่เจ็บปวดขึ้นมาเป็นครั้งคราว
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเป็นโรคกระเพาะมาก่อนในชีวิต
และแบคฮยอนก็พยายามจะยัดเยียดให้ผมทานข้าวทุกครั้ง จนผมกล้าพูดได้เลยว่าไม่มีมื้อไหนที่ผมได้อด...
ผมหอบหายใจรวยรินอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน...
เห็นแบคฮยอนกำลังกัดริมฝีปากอย่างเคร่งเครียดเพราะนี่เป็นเวลากว่าสามวันมาแล้วที่ผมนอนซมอยู่แต่บนเตียง
ลำพังแค่จะเดินไปห้องน้ำยังไม่ค่อยไหว มันเหมือนกับว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของผมเลย...
“ไหวไหมคยองซู?...ลุกมากินข้าวก่อนนะ เสร็จแล้วจะได้กินยา”
แบคฮยอนเดินเข้ามาประคองผมให้เดินมาที่โต๊ะอาหาร
ผมไม่ได้มีความรู้สึกหิว...แต่ก็รับรู้ได้ว่าแบคฮยอนคงไม่ยอมแน่ๆ
ผมพยักหน้าส่งให้แบคฮยอนอย่างไร้เรี่ยวแรงและปล่อยให้เขาพาผมไป
หากแต่เสียงกริ่งที่ประตูหน้าทำให้แบคฮยอนวางผมลงบนโซฟาก่อนที่เขาจะเดินไปเปิดประตู
“ทำไมมึงมาที่นี่อีกแล้ว....”
แบคฮยอนถามเสียงเข้ม...ในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยอำนาจบางอย่าง
และนั่นทำให้ผมรู้ว่าคนที่มายืนอยู่หน้าห้องไม่ใช่ใครที่ไหนเลย...ดีโอ
ผมไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย...เพราะมันเหมือนกับว่าผมรับรู้แล้วว่าเขากำลังจะมาที่นี่
ผมเห็นชานยอลเดินนำเข้ามา...และตามมาด้วยดีโอที่ผมไม่เคยรู้จัก
ผมไม่รู้จักดีโอคนนี้เพราะเขาดูโทรมมากและดูเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง
เขาไม่ได้ใส่เสื้อเชิ้ตที่ถูกซักรีดจนสะอาดและเรียบกริบเหมือนทุกที...แต่กลับกลายเป็นเสื้อยืดตัวโปรดของผม
“กูมีเรื่องจะคุยกับคยองซู...”
เขาพูดออกมาทั้งถอนหายใจ...ดวงตาลึกโหลของเขาถูกส่งมามองผมอย่างเจ็บปวด
ผมคิดถึงประโยคนั้นที่ชานยอลบอกแล้วก็ต้องรู้สึกผิด...
ผมเป็นคนเลือกที่จะทำแบบนี้...
ผมเป็นคนเลือกที่จะทำร้ายเขา....
“ถ้ากูบอกว่าไม่ล่ะ...” แบคฮยอนกระซิบถามเสียงต่ำ เขากอดอกอย่างมีมาด
“ไม่เอาน่าแบคฮยอน” ชานยอลพูดขัด
“กูขอแค่ครั้งนี้...ให้กูได้พูดกับคยองซู” ดีโอตอบ...ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะร้องไห้
“กูไม่ให้ // แบคฮยอน!” แบคฮยอนปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ชานยอลกลับขัดขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจนัก
“เออๆ! งั้นถามคยองซูเองแล้วกันว่าเขาอยากจะคุยกับมึงหรือเปล่า?!”
แบคฮยอนฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าปึงปังมาหาผม
“นายอยากจะคุยกับมันไหม?”
แบคฮยอนถามผม...และนั่นทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงไปในคออย่างลำบากใจ
รับรู้ว่าแบคฮยอนจะต้องโกรธแต่ก็ต้องยอมรับว่าผมอยากจะคุยกับเขาจริงๆ...
ผมมองเข้าไปในตาของดีโอเพื่อที่จะตัดสินใจว่าผมควรจะพูดคุยกับเขาหรือไม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าแววตาโศกเศร้านั้นทำให้ผมต้องใจเสีย...
รับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้มาด้วยความคิดถึง...เขาไม่ได้มาเพื่อพาผมกลับไป
“แบคฮยอน...ขอฉันคุยกับเขาได้ไหม?”
“คยองซู!”
แบคฮยอนตะโกนออกมาอย่างไม่เชื่อหู
ผมรีบกระซิบตอบเขากลับไปอีกครั้ง
“มันจะไม่มีอะไร...ฉันรับรอง” ผมยืนยันกับเขา
“แต่....”
แบคฮยอนพยายามจะเถียง...
แต่ชานยอลกลับเดินเข้ามาคว้าข้อมือขอองแบคฮยอนให้เดินออกไป
“มากับกูแบคฮยอน...ปล่อยให้พวกมันได้คุยกัน”
ชานยอลกระซิบ ก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากแบคฮยอนให้เดินออกไปจากห้อง
แบคฮยอนทำท่าฮึดฮัดแต่สุดท้ายก็ยอมเดินจากไป
ทิ้งผมไว้กับดีโอเพียงลำพังในห้องนี้...
ดีโอเดินมาทรุดนั่งที่ข้างผมบนโซฟา...
เขาไม่ได้ทำท่าทีรุ่มร่ามหรือมั่นอกมั่นใจเหมือนทุกทีอีกแล้ว
เขาเพียงแค่เดินมานั่งเคียงข้างผมเฉยๆ และถอนหายใจออกมา
“นาย...สบายดีไหม?”
เขากระซิบถามหลังจากที่เราทั้งสองคนเงียบกันไปพักหนึ่ง
ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อยหลังจากที่ได้ฟังคำถามโง่ๆของเขา
“นายก็รู้ว่าฉันเป็นยังไง...อย่ามาแกล้งถามไปหน่อยเลยดีโอ”
ผมประชดประชัน...รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเพราะคำถามนั้นทำให้เราดูห่างเหิน
ถึงแม้ว่าผมจะตัดสินใจยุติความสัมพันธ์แบบนั้นของเรา
แต่ยังไงเราก็เป็นแฝดกันอยู่ดี...ความจริงข้อนี้ผมและดีโอไม่อาจจะปฏิเสธได้...
ดีโอถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมามองหน้าผม
เขายกมือขึ้นมาอังที่หน้าผากของผมเบาๆ ก่อนจะลูบแก้มของผมอย่างแผ่วเบา
“อย่าป่วย...คยองซู
ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้านายป่วย...ฉันจะรู้สึกป่วยไปด้วย”
ดีโอพูดกับผมเบาๆ....ในน้ำเสียงนั้นกลับมามีแววห่วงใยและอาทรอีกครั้ง
และนั่นทำให้ผมแทบจะร้องไห้ออกมา
เพราะสัมผัสและน้ำเสียงที่คุ้นเคยของเขากำลังทำให้หัวใจผมอ่อนไหวจนแทบจะเป็นบ้า
“งั้นนายก็เลิกกินเหล้าอย่างกับน้ำ แล้วก็เลิกสูบบุหรี่นั่นซักที
ฉันกำลังจะแย่เพราะมันเหมือนกัน...มันทำให้ฉันป่วยนะดีโอ”
ผมเอ่ยออกไปในขณะที่น้ำตาก็ไหลลงมาที่แก้มอย่างเงียบเชียบ
ดีโอหันมามองผม...เขาเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆแล้วพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด
“โอ...นายสัมผัสถึงมันได้แล้วสินะ”
“นายมีอะไรจะพูดกับฉัน?”
ผมถาม...เอ่ยตัดเข้าประเด็นเพราะผมไม่อยากจะพูดคุยสัพเพเหระในเรื่องอัศจรรย์ของฝาแฝด
ที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าเจ็บปวดแบบนี้อีกต่อไป...
ดีโอหันกลับไปมองที่นอกหน้าต่าง...เขาเงียบนิ่งจนทำให้ผมรู้สึกใจเสีย
สีหน้าของเขาราวกับกำลังจะครุ่นคิดในสิ่งที่เขาพูดเป็นครั้งสุดท้าย...
ความเงียบกำลังมาเยือนเราสองคน และทำให้บรรยากาศในห้องนั้นน่าอึดอัด
ผมปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆ
แต่ยิ่งรู้สึกว่าปาดมันออกเท่าไหร่...มันก็ไหลออกมามากขึ้นทุกทีๆ
ผมกระซิกออกมาเมื่อความเงียบนั้นทำให้ผมรู้สึกหวาดหวั่น...
จนเมื่อเวลาผ่านไปร่วมนาที...ดีโอจึงเอ่ยปากอีกครั้ง
“ฉัน...ไปคิดดูแล้วนะ เกี่ยวกับเรื่องของเรา”
“......................................”
ดีโอกระซิบออกมาเสียงแผ่วเบา...เขากัดริมฝีปากแล้วมองไปที่พื้นตลอดเวลาที่พูดคุยกับผม
ผมเงียบนิ่งเพื่อรอให้เขาพูดจนจบ รู้สึกว่าหัวใจกำลังถูกบีบรัด เมื่อได้รู้สึกถึงอะไรซักอย่างที่เขาพยายามจะสื่อมันออกมา
“โชคชะตาของเรา....มันถูกกำหนดไว้แบบนี้มาตั้งแต่ต้นนะนายว่าไหม?
เราถูกกำหนดให้เกิดมาด้วยกัน แต่ไม่สมควรจะอยู่ด้วยกัน
เราถูกทำให้พลัดพราก และมันควรจะเป็นอย่างนั้นต่อไปถ้าฉันไม่ฝืนโชคชะตาของเรา”
“..................”
“ฉันมาคิดๆดูแล้ว...
ถึงแม้ว่าฉันจะรักนายมากแค่ไหน แต่ตั้งแต่เด็กก็มีเพียงฉันคนเดียวที่รับรู้ว่ามีนายอยู่บนโลก
มันอาจเป็นบาปของฉัน ที่พระเจ้าส่งมันมาให้ฉันต้องทนทุกข์กับมันโดยลำพังก็ได้
เขาอาจจะไม่ต้องการให้นายรับรู้ว่ามีฉันอยู่...แต่ต้องการให้ฉันรับรู้แค่คนเดียวเท่านั้น
แต่เป็นฉันเองที่ฝืนมัน ฉันทำให้เราต้องมาเผชิญกับโชคชะตาแบบนี้ทั้งคู่”
“.................”
“และฉันคิดว่า....ถ้าหากเรื่องนี้จะมีทางออกแบบไหน
ฉันคิดว่าเราอาจจะต้องย้อนกลับไปเริ่มมันใหม่ตั้งแต่ต้น.....”
“แต่เราเกิดใหม่ไม่ได้” ผมกระซิบออกมา
“ฉันไม่ได้หมายความว่าให้เรากลับไปเกิดใหม่ซักหน่อย.....”
ดีโอกระซิบเสียงแผ่ว...ก่อนจะหันมามองตาผมแน่วแน่จนผมใจหาย
ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่อยากจะได้ยินสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมาก็ตอนนี้
เพราะผมรับรู้ได้แล้ว....ว่าดีโอกำลังจะตัดสินใจแบบไหน
“ดีโอ...”
ผมร้องไห้...กระซิบออกมาเว้าวอนเพื่อขอให้เขาคิดใหม่
ดีโอยกยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นว่าผมเข้าใจเขาแล้ว
เขายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มของผมออกไปอย่างช้าๆ
ก่อนจะกระซิบเฉลยออกมา....และนั่นทำให้หัวใจของผมเจ็บปวดราวกับถูกกรีด...
“ฉัน....จะกลับอเมริกาพรุ่งนี้”
“อย่า...ทำแบบนี้มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก” ผมขอร้องเขา
“ฉันจะกลับไปเป็นดีโอคนเดิม...และนายก็เป็นคยองซูคนเดิมที่ไม่รู้จักฉัน
เราไม่เคยรับรู้ว่ามีกันและกันอยู่บนโลกนี้ ไม่เคยรับรู้ว่ามีฝาแฝดอีกคนที่อยู่คนละซีกโลกกัน”
ผมแทบจะหยุดหายใจเมื่อเขาพูดมันออกมา...
ความจริงข้อนี้โหดร้ายมากเสียจนผมไม่อาจจะกักกั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว
ผมปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย...
คว้าแขนเขาเอาไว้แล้วเขย่ามันอย่างอ่อนแรงเพื่อจะทำให้เขาได้สติและคิดดูอีกทีที่จะทำแบบนี้
“น...นายคิดว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ?
ค...คิดว่าฉันจะลืมนายเหรอ? ทั้งๆที่ฉันรับรู้ว่ามี...น...นายอยู่บนโลกนี้แล้ว”
“มันเปลี่ยนได้ถ้าเราตั้งใจจะเปลี่ยนมัน...ที่รัก
เพียงแค่ลืมมันไปซะแล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบที่เราเคยเป็น
เราอยู่กันคนละฟากโลก และเราไม่จำเป็นต้องคิดถึงกันอีกแล้ว
ตอนที่ฉันตื่น...นายก็หลับ ตอนที่ฉันหลับ...นายก็ใช้ชีวิตของนายโดยไม่มีฉัน”
ดีโอพูดเสียงแผ่ว...รอยยิ้มของเขาถูกยกขึ้นมาที่มุมปาก
แต่น้ำตาของเขากลับรินไหลลงมาอย่างช้าๆ...
“ม...ไม่ได้! ฉันไม่ให้นายกลับไป!”
“แต่นายเป็นคนเลือกเองนี่....ว่าเราสองคนสมควรเป็นได้แค่นี้”
“...........................................”
ดีโอพูดออกมาพร้อมๆกับน้ำตาที่รินไหล...
ผมเห็นเขาหลับตาลงแล้วน้ำตาก็ร่วงผล็อยลงมาไม่ได้หยุด
มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นน้ำตาของเขา...น้ำตาของดีโอที่ร้องไห้ให้กับความเอาแต่ใจของผม
“มันดีที่สุดแล้วที่รัก...เราแค่ต้องกลับไปเริ่มมันใหม่
ก็แค่แกล้งทำเป็นว่าฉันยังไม่เคยมาที่นี่ แล้วลบฉันออกไปจากชีวิตซะ...
หาแฟนดีๆ...ซ...ซักคน แล้ว ช...ใช้ชีวิตกับเขา
ไม่ต้องติดต่อฉัน ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ฟ...แฟร์ดีนะว่าไหม?”
ดีโอร้องไห้ออกมาจนตัวโยน...และผมเองก็เช่นกัน
ทุกคำพูดที่เขาพูดออกมาทำร้ายหัวใจของผมให้ตายทั้งเป็นตรงนี้
มันโหดร้ายเกินไปกับการที่ต้องลืมเขา...โหดร้ายมากไปกับความสัมพันธ์ของเรา...
เพราะนั่นหมายความว่าเขาไม่ต้องการจะเจอผมอีกแล้วในชีวิตที่เหลือต่อจากนี้...
“ต...แต่เราเป็นฝาแฝด”
“นายไม่เคยมีฝาแฝด...ไม่เคย
จำมันฝังไว้ในหัวสมองของนายซะคยองซู
นายเป็นลูกคนเดียวของ ซอง ชิวอน...พ่อนายตายไปนานแล้ว
เป็นแบบนี้ไง...นายรับรู้มันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วนี่ ไม่ยากหรอกคยองซู...มันไม่ยากเลย”
“ถ้าฉันไม่ยอมล่ะ....”
“นายต้องยอม...เพราะนายไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
ดีโอยกยิ้ม...เขาปาดน้ำตาแล้วผุดลุกขึ้นจากโซฟา
ผมยังคงนั่งนิ่งและยื้อชายเสื้อของเขาไว้...
ยากเหลือเกินที่จะทำใจ...ยากเหลือเกินที่จะทำตามคำขอของเขา
“หยุดร้องไห้ซะคยองซู...ไม่งั้นนายจะป่วยกว่านี้”
“แต่ฉันอาจจะตายถ้านายทำแบบนี้” ผมกระซิบบอกเขาทั้งน้ำตา...
“ไม่หรอก...นายจะหาย” ดีโอตอบผมพลางถอนหายใจออกมาช้าๆ มองเข้ามาในตาของผมแน่นิ่ง
“ฉ...ฉันไม่เข้าใจ”
“ยาของนายอยู่ที่ไหน?”
เขาถามผมพลางสอดส่ายสายตาไปทั่วทั้งห้อง
ก่อนที่เขาจะเดินไปที่ถุงยาจากโรงพยาบาลที่แบคฮยอนวางทิ้งไว้ที่โต๊ะอาหาร
เขาหยิบมันขึ้นมาถือไว้ก่อนจะเดินกลับมาหาผม
ดีโอยัดถุงยานั้นลงไปในกระเป๋าเสื้อ...ผมมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“น...นายกำลังทำอะไร?”
“ฉันจะทำให้นายหายป่วยไง คนที่ต้องกินยาพวกนี้ต่อไปไม่ใช่นาย...แต่เป็นฉัน”
ดีโอกระซิบก่อนที่จะโน้มตัวเข้ามาใกล้...เขาช่วงชิงลมหายใจและกลีบปากของผมเข้าไปไว้ในครอบครอง
ลิ้นร้อนๆถูกส่งเข้ามาตวัดข้างในโพรงปากของผมอย่างเชื่องช้า
ผมตกใจ...หากแต่ก็ยังหลับตาพริ้มรับสัมผัสของเขา
สะอึกแต่ก็ไม่ยอมผละริมฝีปากออก เพราะในใจกำลังบอกว่านี่อาจจะเป็นจูบสุดท้ายที่เราจะมีให้กัน
ผมเอนตัวลงนอนราบกับโซฟา เมื่อจูบเอาแต่ใจนั้นทำให้ผมรู้สึกมึนงงไปหมด
มันไม่ได้รุนแรงและวาบหวามเหมือนทุกครั้ง หากแต่กลับอ่อนโยนเหลือเกินจนผมไม่อยากให้มันผละออกไป
ผมสะอื้นออกมาเมื่อดีโอผละริมฝีปากออกแล้วเลื่อนไปจูบที่หน้าผากของผมแผ่วเบา
ผมพยายามคว้าคอของเขาเอาไว้แต่เรี่ยวแรงที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ...
เขากำลังจะจากไปผมไป...ตลอดกาล...
“หายแล้วคยองซู...นายไม่ต้องกินยาแล้ว”
เขายกยิ้มออกมาพลางกระพริบถี่ๆ
ผมเห็นน้ำตาหยดใสคลออยู่เต็มเบ้าตาของเขา...แต่เขาเลือกที่จะถดหน้าออกไปเพื่อปกปิดน้ำตานั้น
“ฉันต้องไปแล้ว...กลับไปเก็บของ
พรุ่งนี้นายก็กลับไปนอนที่ห้องได้แล้วนะ อย่ารบกวนแบคฮยอนอีกเลย
และตอนนั้น...ฉันก็คงไปจากเกาหลีแล้ว”
ดีโอเดินถอยหลังออกไปเรื่อยๆ...หากแต่สายตาเขาก็ยังมองผมไม่ห่าง
ผมสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลอาบแก้ม อยากจะลุกไปยื้อเขาไว้
แต่ผมกลับรับรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร...
เพราะดีโอตัดสินใจไปแล้ว และผมรับรู้ดีว่าไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจเขาได้
......ผมยังเป็นคนเดิมที่รู้จักเขาดีที่สุด.....
“น...นายจะลืมฉันได้เหรอดีโอ?”
ผมถามเขา...ไม่แน่ใจนักว่าปรารถนาคำตอบแบบไหน
แต่ที่ถามออกไปเพียงเพราะอยากให้เขาได้คิดทบทวนมันดูอีกซักที...
“ไม่...ไม่มีวันหรอก
สิ่งที่นายต้องทำคือลืมฉัน...เพราะนายเป็นคนเลือกที่จะทำแบบนั้นแต่ฉันไม่
ในเมื่อนายตัดสินใจเลือกแล้วนายก็ต้องเป็นคนที่ลืม...
แต่ฉันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น...เพราะฉันรู้ดีว่าฉันไม่มีวันลืมนายได้หรอก...
.
.
.
.
.
เพราะนายคือครึ่งหนึ่งของฉัน
เป็นความฝันทั้งชีวิต...และเป็นทั้งหมดของลมหายใจ”
P.S. คิดไหมคะว่าคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือดีโอ..?
P.S.1. ขอโทษที่ดราม่า...
P.S.2. ตอนหน้าน่าจะจบแล้วค่ะ...
ความคิดเห็น