ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF-EXO] ✚ :: THE TWINS :: ✚ [ D.O. x KYUNGS00 ]*

    ลำดับตอนที่ #9 : ✚ SH0T 8 :: F0RGET ME

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.96K
      5
      18 ก.ย. 55

    Author : MR.SNOWMAN
    Pairing : D.O. x Kyungsoo
    Rate : NC - 18





    THE TWINS*





     

    -------------------------------------------





     

    ll   SH0T 8  ll 









     

    ความรัก ความฝัน กับ ความจริง ในบางครั้งก็เป็นเหมือนดั่งเส้นขนานด้วยตัวของมันเอง

    ยากยิ่งนักที่จะทำให้ทั้งสามสิ่งมารวมกันในที่เดียวกันของหัวใจ

     

    บางครั้ง ความรักก็อาจจะมาในวันที่ผิดและในเวลาที่ไม่ใช่

    ความฝันอาจจะทำให้สุขใจที่มีมัน แต่อาจจะกลายเป็นความปวดร้าวในความจริง

     

    และท้ายที่สุดแล้ว...

    ก็ต้องถูกความจริงทำลายลงสักวันด้วยตัวของมันเอง

     

     


     

     

    ผมนอนขดตัวอยู่บนพื้นห้องนอนของแบคฮยอน

    แรกเริ่มแบคฮยอนเองก็พยายามจะชักชวนให้ผมนอนบนเตียงกับเขาอยู่หรอก

    แต่ผมรู้ดีว่าผมไม่ควรทำแบบนั้น...เพราะชานยอลแวะมานอนกับแบคฮยอนด้วยในคืนนี้

    ถึงแม้จะไม่เคยบอก แต่ผมก็ไม่ได้โง่และอีคิวต่ำจนถึงขั้นที่จะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคบหาดูใจกันอยู่...

    และนั่นทำให้ผมรับรู้ว่าควรต้องเจียมตัวเจียมใจและปล่อยให้พวกเขาได้นอนบนเตียงด้วยกันในคืนนี้

     



    ผมนอนขดตัวอยู่กับฟูกบางๆที่แบคฮยอนจัดหามาให้ ข้างนอกหน้าต่างตอนนี้ฝนตกหนัก

    และนั่นทำให้ผมรู้สึกหนาวเกินกว่าจะข่มตาให้หลับได้

    หนาว...วันนี้ช่างหนาวเหน็บเหลือเกิน

    แม้ว่ามันจะเป็นค่ำคืนหนึ่งกลางเดือนกันยา

    แต่ความหนาวเหน็บแล่นเข้ามาแล่นงานคยองซูจนรู้สึกเจ็บปวด...

    เขานอนคุ้ดคู้อยู่บนฟูกนุ่มหากแต่ดวงตาก็ยังเบิกโพลง

     

    วันนี้ช่างหนาวเหลือเกิน...เมื่อไร้กอดอุ่นของดีโอ

    มันนานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมคุ้นชินกับอ้อมกอดอันอบอุ่นของดีโอ

    มันนานเท่าไหร่แล้วที่ผมมักจะซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของเขา...แล้วถือเอาเนื้ออุ่นนั้นเป็นผ้าห่มที่ช่วยให้ผมหลับสบาย

    วันนี้หนาว...มันหนาวเพราะหัวใจของผมกำลังถูกกัดกินด้วยความเจ็บปวด

    เจ็บปวดที่รับรู้ว่าที่สุดแล้วเราก็หนีความจริงไปไม่พ้นจนได้...

     


    ผมเลือกที่จะหันหลังให้แบคฮยอนและชานยอล...เพราะผมไม่ต้องการให้เขารับรู้ว่าผมยังตื่นอยู่

    ผมมองออกไปข้างนอกประตูกระจกของแบคฮยอน เฝ้ามองสายฝนที่กำลังกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย

    มันนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมทำแบบนั้น...จนกระทั่งผมรับรู้ได้ว่าแบคฮยอนกำลังขยับตัวมาชะเง้อมองผม

    ผมจึงแสร้งหลับตาลงเพื่อไม่ให้เขารับรู้และเป็นห่วง

     


    “หลับไปแล้วล่ะ....”

     


    ผมได้ยินแบคฮยอนกระซิบเสียงแผ่วเบา

    หากแต่มันกลับลอดผ่านเสียงสายฝนเข้ามาในโสตประสาทของผมอย่างชัดเจน

     

    “อืม...งั้นก็ดีแล้ว คงจะร้องไห้จนเหนื่อย” ชานยอลกระซิบตอบกลับแบคฮยอนไปเบาๆ

     

    “มึงไม่น่าพาดีโอมาที่นี่”  แบคฮยอนกระซิบด้วยน้ำเสียงคาดโทษให้กับชานยอลเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะได้ยินเขาถอนหายใจออกมาหนักๆ

     

    “กูแค่...สงสารไอ้ดีโอมัน”  ชานยอลตอบอย่างรู้สึกผิด

     

    “ขอถามจริงๆเถอะ...มึงยอมรับได้หรือไงมึงถึงพาไอ้ดีโอมาแบบนั้น”

     

    แบคฮยอนถามอย่างร้อนใจ น้ำเสียงของเขาดูเคร่งเครียดแม้จะเป็นเพียงแค่เสียงกระซิบแผ่วเบา

     

    “กูไม่รู้...กูแค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่กูต้องตัดสินใจ

    โอเคแบคฮยอน  มึงอย่าเพิ่งโกรธกูสิ...กูไม่ได้หมายความว่ากูส่งเสริมให้พวกมันรักกันซักหน่อย

    แต่มึงก็รู้ดีนี่ ว่าเวลาเรารักใครเราหักห้ามหัวใจไม่ได้หรอก

    สมองกับหัวใจมันไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานด้วยกันนะ สมองมีหน้าที่คิด แต่หัวใจต้องใช้ความรู้สึก”

     

    ชานยอลกระซิบตอบกลับ ผมได้ยินแบคฮยอนถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วเริ่มพูด

     

    “กูรู้ดี...กูเข้าใจว่าหัวใจคนเรามันกำหนดไม่ได้

    แต่กูเป็นห่วงคยองซู เพราะกูรักเพื่อนกูถึงไม่อยากให้เพื่อนเดินทางผิด

    ใช่...มันผิดศีลธรรมไงชานยอล ธรรมชาติของโลกใบนี้กำหนดให้มันเป็นแบบนั้น

    มองโลกแห่งความจริงเถอะ...ไม่มีใครหรอกที่จะยอมให้พวกมันได้รักกัน กูไม่ได้รังเกียจหรอกถ้าพวกมันจะรักกัน...

    แต่ที่กูไม่ยอมเพราะทุกคนในโลกไม่ได้รู้จักพวกมันเหมือนกับที่เรารู้จักไงล่ะชานยอล

    มึงเองก็รู้ว่าโลกใบนี้โหดร้ายแค่ไหน...

    ไม่มีใครจะสนใจมองหรอกว่าพวกมันมีสาเหตุและที่มาที่ไปยังไงถึงมารักกันได้

    ไม่มีใครสนใจอยากรู้หรอกว่าพวกมันมีอดีตผ่านมายังไง...

    ทุกคนจะมองก็แค่ผลลัพธ์และสิ่งที่มันเป็นอยู่ก็เท่านั้นแหละ ทุกคนจะมองว่าพวกมันเป็นคนบาป”

     

     

    แบคฮยอนกระซิบเสียงเข้ม...และนั่นทำให้ผมรู้สึกว่าน้ำตากำลังรินไหลลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้

    หากแต่ก็พยายามที่จะกลืนก้อนสะอื้นลงไปในลำคออย่างยากลำบาก

    รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งขั้วหัวใจที่ได้ยินแบบนั้น...คำว่าคนบาปที่แบคฮยอนเพิ่งพูดถึงราวกับมีดที่แทงหัวใจของผม

    คนบาป...คนเลว...คนที่สังคมไม่ยอมรับ....

     



    “กูรู้...กูรู้ดีเหมือนที่มึงก็รู้ดีนั่นแหละแบคฮยอน

    กูเองก็ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้...

    ถ้ากูบอกพวกมึงเรื่องที่กูดูออกตั้งแต่ต้น เรื่องมันคงจะไม่ถลำลึกแบบนี้”

     


    “ไม่หรอก...ไม่มีใครนึกออกหรอกว่าพวกมันจะทำแบบนี้”

     


    “แต่ไอ้ดีโอมันแสดงออกชัดเจนมาตลอด...ที่พวกเราไม่รู้ก็เพราะพวกเราไม่คิดว่ามันจะทำ”

     


    “และคงไม่มีใครจะอุตริคิดเหมือนมึงหรอกชานยอล...” แบคฮยอนพูด

     

     

    “กูแค่มองโลกเป็นกลาง...กูแค่เปิดใจมองความรักในทุกรูปแบบที่มันควรจะเป็น

    ถ้ากูไม่ใช่คนอย่างนี้กูคงรักมึงไม่ได้หรอกแบคฮยอน...คนอะไรขี้เหวี่ยงแถมยังอวดเก่งอีก”

     

     

    “กูไม่ได้ขอให้มึงมารักกูแล้วกัน...ถ้ามึงอยากจะเลิกก็เรื่องของมึงเลย  ตามสบาย”

     

     

    แบคฮยอนกระซิบเสียงกระเง้ากระงอดบ่งบอกว่าเขาไม่ค่อยพอใจนักกับคำพูดของชานยอล

    ผมได้ยินเสียงขยับตัวและนั่นทำให้ผมจินตนาการเอาว่าชานยอลคงปรี่เข้าไปกอดแบคฮยอนเอาไว้

     

    “ไม่เลิกหรอก...ยังไงกูก็รักมึงคนเดียว”  

     

    “กูก็ไม่ได้แคร์หรอกนะถ้ามึงไม่รักกูอ่ะ” แบคฮยอนกระซิบ น้ำเสียงของเขาเจือแววประชดประชัน

     

    “แต่กูแคร์...”

     

    ผมได้ยินชานยอลกระซิบเบาๆพร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก

    พวกเขาเงียบกันไปครู่หนึ่ง และเสียงดูดเม้มริมฝีปากเบาๆนั้นทำให้ผมรับรู้ได้ว่าพวกเขากำลังจูบกัน

     

    ผมกัดริมฝีปากอย่างเจ็บปวด...อิจฉา...ผมรู้สึกอิจฉาพวกเขาเหลือเกิน

    ทำไมเราถึงต้องเกิดมาเป็นแฝดกันนะ...

    ถ้าหากเราไม่ใช่...เราอาจจะได้ใช้เวลาดีๆด้วยกันนานกว่านี้

    ได้กอดและจูบกันอย่างไม่ต้องรู้สึกผิดในใจที่จะทำมัน....ตอนนี้ผมคิดถึงสัมผัสของดีโอเหลือเกิน....

     


    “พอได้แล้ว...คยองซูอยู่ที่นี่”

     


    แบคฮยอนกระซิบออกมาเบาๆ

    เสียงลมหายใจของเขาขาดห้วงราวกับว่าลมหายใจนั้นถูกช่วงชิงไปจนหมดแล้ว

     


    “อืม...กูเข้าใจ  ไว้วันอื่นก็ได้” ชานยอลกระซิบตอบกลับ

     

    “ต่อไปนี้คงจะยากหน่อย...เพราะกูจะให้คยองซูย้ายมาอยู่ที่นี่” แบคฮยอนพูด เขาถอนหายใจออกมาเบาๆจนทำให้ผมรู้สึกผิด

     

    “แบคฮยอน...กูขอถามอีกครั้งเถอะว่ามึงคิดดีแล้วเหรอที่จะบังคับพวกมันอย่างนี้”

     

    “มึงคิดว่ากูอยากทำเหรอ?

    งั้นกูถามหน่อยว่ามึงมีเหตุผลอะไร...ถึงได้ทำให้มึงถามกูอย่างนี้”

     

    “มึงรู้ไหมว่าไอ้ดีโอมันตอบกูว่าอะไรในทุกคำถามที่กูพยายามจะเอาคำตอบจากมัน”

     

    “อะไร...?” แบคฮยอนกระซิบถาม

     

     

    น้ำตาผมไหลลงมาจากหางตาอย่างเงียบเชียบ...
    ตัวสั่นระริกเพราะพยายามจะกลั้นไม่ให้หลุดสะอื้นออกไปเมื่อได้ยินคำตอบของชานยอลที่กระซิบออกมา

    หัวใจของผมตะโกนร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

     

     

    “ดีโอมันพูดอยู่แค่ประโยคเดียว....พูดอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    เพราะคยองซูคือครึ่งหนึ่งของมัน 

    เป็นความฝันทั้งชีวิต...และเป็นทั้งหมดของลมหายใจ”

     

     

     

    ************

     

     

     


    ผมนอนซมอยู่บนเตียงนุ่มมากว่าสามวันแล้วเพราะฤทธิไข้ที่ขึ้นสูง

    อาการหนักถึงขั้นว่ากลับจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังไม่หายเสียที

    อาการนี้น่าประหลาด...แต่บัดนี้ผมกลับเข้าใจมันเป็นอย่างดีทั้งๆที่ไม่ต้องมีหมอคนไหนมาบอกผม

     

    ผมป่วยหนักเพราะว่าดีโอเองก็ป่วยเหมือนกัน...

    ผมอ่อนแอกว่าเขา ทั้งจิตวิญญาณและร่างกาย...และนั่นทำให้ร่างกายของผมทรุดหนักมากขึ้นเป็นทวีคูณ

    เราป่วยเพราะเรากำลังฉีกแยกครึ่งหนึ่งของวิญญาณออกไป

    ผมและดีโอรู้ดีที่สุด...

     

     

    ผมเพิ่งรับรู้ได้ถึงสัญชาติญาณของฝาแฝดที่ดีโอเฝ้ากรอกหูผมก็ในตอนนี้

    เพราะตลอดเวลาที่ผมหลับฝัน ผมมักจะได้กลิ่นบุหรี่รสแรงที่ดีโอสูบ

    วนเวียนอยู่ที่ปลายจมูกทั้งๆที่แบคฮยอนไม่ได้สูบบุหรี่

     

    คยองซูกำลังกลัดกลุ้มอย่างหนัก...และนั่นทำให้ผมป่วยหนักเพราะว่าผมอ่อนแอกว่าเขา

    นอกจากนี้ผมยังมีอาการของโรคกระเพาะที่เจ็บปวดขึ้นมาเป็นครั้งคราว

    ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเป็นโรคกระเพาะมาก่อนในชีวิต

    และแบคฮยอนก็พยายามจะยัดเยียดให้ผมทานข้าวทุกครั้ง จนผมกล้าพูดได้เลยว่าไม่มีมื้อไหนที่ผมได้อด...

     

    ผมหอบหายใจรวยรินอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน...

    เห็นแบคฮยอนกำลังกัดริมฝีปากอย่างเคร่งเครียดเพราะนี่เป็นเวลากว่าสามวันมาแล้วที่ผมนอนซมอยู่แต่บนเตียง

    ลำพังแค่จะเดินไปห้องน้ำยังไม่ค่อยไหว มันเหมือนกับว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของผมเลย...

     

    “ไหวไหมคยองซู?...ลุกมากินข้าวก่อนนะ  เสร็จแล้วจะได้กินยา”

     

    แบคฮยอนเดินเข้ามาประคองผมให้เดินมาที่โต๊ะอาหาร

    ผมไม่ได้มีความรู้สึกหิว...แต่ก็รับรู้ได้ว่าแบคฮยอนคงไม่ยอมแน่ๆ

    ผมพยักหน้าส่งให้แบคฮยอนอย่างไร้เรี่ยวแรงและปล่อยให้เขาพาผมไป

     

    หากแต่เสียงกริ่งที่ประตูหน้าทำให้แบคฮยอนวางผมลงบนโซฟาก่อนที่เขาจะเดินไปเปิดประตู

     

    “ทำไมมึงมาที่นี่อีกแล้ว....”

     

    แบคฮยอนถามเสียงเข้ม...ในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยอำนาจบางอย่าง

    และนั่นทำให้ผมรู้ว่าคนที่มายืนอยู่หน้าห้องไม่ใช่ใครที่ไหนเลย...ดีโอ

    ผมไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย...เพราะมันเหมือนกับว่าผมรับรู้แล้วว่าเขากำลังจะมาที่นี่

     

    ผมเห็นชานยอลเดินนำเข้ามา...และตามมาด้วยดีโอที่ผมไม่เคยรู้จัก

    ผมไม่รู้จักดีโอคนนี้เพราะเขาดูโทรมมากและดูเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง

    เขาไม่ได้ใส่เสื้อเชิ้ตที่ถูกซักรีดจนสะอาดและเรียบกริบเหมือนทุกที...แต่กลับกลายเป็นเสื้อยืดตัวโปรดของผม

     

     

    “กูมีเรื่องจะคุยกับคยองซู...”

     


    เขาพูดออกมาทั้งถอนหายใจ...ดวงตาลึกโหลของเขาถูกส่งมามองผมอย่างเจ็บปวด

    ผมคิดถึงประโยคนั้นที่ชานยอลบอกแล้วก็ต้องรู้สึกผิด...

    ผมเป็นคนเลือกที่จะทำแบบนี้...

    ผมเป็นคนเลือกที่จะทำร้ายเขา....

     


    “ถ้ากูบอกว่าไม่ล่ะ...” แบคฮยอนกระซิบถามเสียงต่ำ เขากอดอกอย่างมีมาด

     


    “ไม่เอาน่าแบคฮยอน” ชานยอลพูดขัด

     


    “กูขอแค่ครั้งนี้...ให้กูได้พูดกับคยองซู” ดีโอตอบ...ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะร้องไห้

     


    “กูไม่ให้ // แบคฮยอน!” แบคฮยอนปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ชานยอลกลับขัดขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจนัก

     


    “เออๆ! งั้นถามคยองซูเองแล้วกันว่าเขาอยากจะคุยกับมึงหรือเปล่า?!



    แบคฮยอนฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าปึงปังมาหาผม

     

     

    “นายอยากจะคุยกับมันไหม?”

     

     

    แบคฮยอนถามผม...และนั่นทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงไปในคออย่างลำบากใจ

    รับรู้ว่าแบคฮยอนจะต้องโกรธแต่ก็ต้องยอมรับว่าผมอยากจะคุยกับเขาจริงๆ...

     

     

    ผมมองเข้าไปในตาของดีโอเพื่อที่จะตัดสินใจว่าผมควรจะพูดคุยกับเขาหรือไม่

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าแววตาโศกเศร้านั้นทำให้ผมต้องใจเสีย...

    รับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้มาด้วยความคิดถึง...เขาไม่ได้มาเพื่อพาผมกลับไป

     

     

    “แบคฮยอน...ขอฉันคุยกับเขาได้ไหม?”

     

     

     

    “คยองซู!” 

     

     

     

    แบคฮยอนตะโกนออกมาอย่างไม่เชื่อหู

    ผมรีบกระซิบตอบเขากลับไปอีกครั้ง

     

     

     

    “มันจะไม่มีอะไร...ฉันรับรอง” ผมยืนยันกับเขา

     

     

    “แต่....”

     

     

    แบคฮยอนพยายามจะเถียง...

    แต่ชานยอลกลับเดินเข้ามาคว้าข้อมือขอองแบคฮยอนให้เดินออกไป

     

     

    “มากับกูแบคฮยอน...ปล่อยให้พวกมันได้คุยกัน” 

     

     

    ชานยอลกระซิบ ก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากแบคฮยอนให้เดินออกไปจากห้อง

    แบคฮยอนทำท่าฮึดฮัดแต่สุดท้ายก็ยอมเดินจากไป

    ทิ้งผมไว้กับดีโอเพียงลำพังในห้องนี้...

     

     

    ดีโอเดินมาทรุดนั่งที่ข้างผมบนโซฟา...

    เขาไม่ได้ทำท่าทีรุ่มร่ามหรือมั่นอกมั่นใจเหมือนทุกทีอีกแล้ว

    เขาเพียงแค่เดินมานั่งเคียงข้างผมเฉยๆ และถอนหายใจออกมา

     

    “นาย...สบายดีไหม?”




    เขากระซิบถามหลังจากที่เราทั้งสองคนเงียบกันไปพักหนึ่ง

    ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อยหลังจากที่ได้ฟังคำถามโง่ๆของเขา

     

    “นายก็รู้ว่าฉันเป็นยังไง...อย่ามาแกล้งถามไปหน่อยเลยดีโอ”

     

    ผมประชดประชัน...รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเพราะคำถามนั้นทำให้เราดูห่างเหิน

    ถึงแม้ว่าผมจะตัดสินใจยุติความสัมพันธ์แบบนั้นของเรา

    แต่ยังไงเราก็เป็นแฝดกันอยู่ดี...ความจริงข้อนี้ผมและดีโอไม่อาจจะปฏิเสธได้...

     

    ดีโอถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมามองหน้าผม

    เขายกมือขึ้นมาอังที่หน้าผากของผมเบาๆ ก่อนจะลูบแก้มของผมอย่างแผ่วเบา

     

    “อย่าป่วย...คยองซู

    ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้านายป่วย...ฉันจะรู้สึกป่วยไปด้วย”

     

    ดีโอพูดกับผมเบาๆ....ในน้ำเสียงนั้นกลับมามีแววห่วงใยและอาทรอีกครั้ง

    และนั่นทำให้ผมแทบจะร้องไห้ออกมา

    เพราะสัมผัสและน้ำเสียงที่คุ้นเคยของเขากำลังทำให้หัวใจผมอ่อนไหวจนแทบจะเป็นบ้า

     

     

    “งั้นนายก็เลิกกินเหล้าอย่างกับน้ำ แล้วก็เลิกสูบบุหรี่นั่นซักที

    ฉันกำลังจะแย่เพราะมันเหมือนกัน...มันทำให้ฉันป่วยนะดีโอ”

     


    ผมเอ่ยออกไปในขณะที่น้ำตาก็ไหลลงมาที่แก้มอย่างเงียบเชียบ

    ดีโอหันมามองผม...เขาเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา

    ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆแล้วพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด

     

     

    “โอ...นายสัมผัสถึงมันได้แล้วสินะ”

     

     

    “นายมีอะไรจะพูดกับฉัน?”

     

    ผมถาม...เอ่ยตัดเข้าประเด็นเพราะผมไม่อยากจะพูดคุยสัพเพเหระในเรื่องอัศจรรย์ของฝาแฝด

    ที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าเจ็บปวดแบบนี้อีกต่อไป...

    ดีโอหันกลับไปมองที่นอกหน้าต่าง...เขาเงียบนิ่งจนทำให้ผมรู้สึกใจเสีย

    สีหน้าของเขาราวกับกำลังจะครุ่นคิดในสิ่งที่เขาพูดเป็นครั้งสุดท้าย...

     

    ความเงียบกำลังมาเยือนเราสองคน และทำให้บรรยากาศในห้องนั้นน่าอึดอัด

    ผมปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆ

    แต่ยิ่งรู้สึกว่าปาดมันออกเท่าไหร่...มันก็ไหลออกมามากขึ้นทุกทีๆ

    ผมกระซิกออกมาเมื่อความเงียบนั้นทำให้ผมรู้สึกหวาดหวั่น...

    จนเมื่อเวลาผ่านไปร่วมนาที...ดีโอจึงเอ่ยปากอีกครั้ง

     

    “ฉัน...ไปคิดดูแล้วนะ เกี่ยวกับเรื่องของเรา”

     


    “......................................”

     


    ดีโอกระซิบออกมาเสียงแผ่วเบา...เขากัดริมฝีปากแล้วมองไปที่พื้นตลอดเวลาที่พูดคุยกับผม

    ผมเงียบนิ่งเพื่อรอให้เขาพูดจนจบ รู้สึกว่าหัวใจกำลังถูกบีบรัด เมื่อได้รู้สึกถึงอะไรซักอย่างที่เขาพยายามจะสื่อมันออกมา

     

    “โชคชะตาของเรา....มันถูกกำหนดไว้แบบนี้มาตั้งแต่ต้นนะนายว่าไหม?

    เราถูกกำหนดให้เกิดมาด้วยกัน แต่ไม่สมควรจะอยู่ด้วยกัน

    เราถูกทำให้พลัดพราก และมันควรจะเป็นอย่างนั้นต่อไปถ้าฉันไม่ฝืนโชคชะตาของเรา”

     


    “..................”

     

     

    “ฉันมาคิดๆดูแล้ว...

    ถึงแม้ว่าฉันจะรักนายมากแค่ไหน แต่ตั้งแต่เด็กก็มีเพียงฉันคนเดียวที่รับรู้ว่ามีนายอยู่บนโลก

    มันอาจเป็นบาปของฉัน ที่พระเจ้าส่งมันมาให้ฉันต้องทนทุกข์กับมันโดยลำพังก็ได้

    เขาอาจจะไม่ต้องการให้นายรับรู้ว่ามีฉันอยู่...แต่ต้องการให้ฉันรับรู้แค่คนเดียวเท่านั้น

    แต่เป็นฉันเองที่ฝืนมัน  ฉันทำให้เราต้องมาเผชิญกับโชคชะตาแบบนี้ทั้งคู่”

     



    “.................” 

     

     

    “และฉันคิดว่า....ถ้าหากเรื่องนี้จะมีทางออกแบบไหน

    ฉันคิดว่าเราอาจจะต้องย้อนกลับไปเริ่มมันใหม่ตั้งแต่ต้น.....”

     

     

    “แต่เราเกิดใหม่ไม่ได้” ผมกระซิบออกมา

     

     

    “ฉันไม่ได้หมายความว่าให้เรากลับไปเกิดใหม่ซักหน่อย.....”

     

     

    ดีโอกระซิบเสียงแผ่ว...ก่อนจะหันมามองตาผมแน่วแน่จนผมใจหาย

    ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่อยากจะได้ยินสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมาก็ตอนนี้

    เพราะผมรับรู้ได้แล้ว....ว่าดีโอกำลังจะตัดสินใจแบบไหน

     

     

    “ดีโอ...”

     

     

    ผมร้องไห้...กระซิบออกมาเว้าวอนเพื่อขอให้เขาคิดใหม่

    ดีโอยกยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นว่าผมเข้าใจเขาแล้ว

    เขายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มของผมออกไปอย่างช้าๆ

    ก่อนจะกระซิบเฉลยออกมา....และนั่นทำให้หัวใจของผมเจ็บปวดราวกับถูกกรีด...

     

    “ฉัน....จะกลับอเมริกาพรุ่งนี้” 

     

     

    “อย่า...ทำแบบนี้มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก”  ผมขอร้องเขา

     

     

    “ฉันจะกลับไปเป็นดีโอคนเดิม...และนายก็เป็นคยองซูคนเดิมที่ไม่รู้จักฉัน

    เราไม่เคยรับรู้ว่ามีกันและกันอยู่บนโลกนี้  ไม่เคยรับรู้ว่ามีฝาแฝดอีกคนที่อยู่คนละซีกโลกกัน”

     

     

    ผมแทบจะหยุดหายใจเมื่อเขาพูดมันออกมา...

    ความจริงข้อนี้โหดร้ายมากเสียจนผมไม่อาจจะกักกั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว

    ผมปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย...

    คว้าแขนเขาเอาไว้แล้วเขย่ามันอย่างอ่อนแรงเพื่อจะทำให้เขาได้สติและคิดดูอีกทีที่จะทำแบบนี้

     

     

    “น...นายคิดว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ?

    ค...คิดว่าฉันจะลืมนายเหรอ? ทั้งๆที่ฉันรับรู้ว่ามี...น...นายอยู่บนโลกนี้แล้ว”

     

     

    “มันเปลี่ยนได้ถ้าเราตั้งใจจะเปลี่ยนมัน...ที่รัก

    เพียงแค่ลืมมันไปซะแล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบที่เราเคยเป็น

    เราอยู่กันคนละฟากโลก  และเราไม่จำเป็นต้องคิดถึงกันอีกแล้ว

    ตอนที่ฉันตื่น...นายก็หลับ   ตอนที่ฉันหลับ...นายก็ใช้ชีวิตของนายโดยไม่มีฉัน”

     

     

    ดีโอพูดเสียงแผ่ว...รอยยิ้มของเขาถูกยกขึ้นมาที่มุมปาก

    แต่น้ำตาของเขากลับรินไหลลงมาอย่างช้าๆ...

     

     

    “ม...ไม่ได้! ฉันไม่ให้นายกลับไป!

     

     

    “แต่นายเป็นคนเลือกเองนี่....ว่าเราสองคนสมควรเป็นได้แค่นี้”

     

     

    “...........................................”

     

     

    ดีโอพูดออกมาพร้อมๆกับน้ำตาที่รินไหล...

    ผมเห็นเขาหลับตาลงแล้วน้ำตาก็ร่วงผล็อยลงมาไม่ได้หยุด

    มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นน้ำตาของเขา...น้ำตาของดีโอที่ร้องไห้ให้กับความเอาแต่ใจของผม

     


    “มันดีที่สุดแล้วที่รัก...เราแค่ต้องกลับไปเริ่มมันใหม่

    ก็แค่แกล้งทำเป็นว่าฉันยังไม่เคยมาที่นี่  แล้วลบฉันออกไปจากชีวิตซะ...

    หาแฟนดีๆ...ซ...ซักคน  แล้ว ช...ใช้ชีวิตกับเขา

    ไม่ต้องติดต่อฉัน  ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน  ฟ...แฟร์ดีนะว่าไหม?”

     

    ดีโอร้องไห้ออกมาจนตัวโยน...และผมเองก็เช่นกัน

    ทุกคำพูดที่เขาพูดออกมาทำร้ายหัวใจของผมให้ตายทั้งเป็นตรงนี้

    มันโหดร้ายเกินไปกับการที่ต้องลืมเขา...โหดร้ายมากไปกับความสัมพันธ์ของเรา...

    เพราะนั่นหมายความว่าเขาไม่ต้องการจะเจอผมอีกแล้วในชีวิตที่เหลือต่อจากนี้...

     

    “ต...แต่เราเป็นฝาแฝด”

     

    “นายไม่เคยมีฝาแฝด...ไม่เคย

    จำมันฝังไว้ในหัวสมองของนายซะคยองซู

    นายเป็นลูกคนเดียวของ  ซอง  ชิวอน...พ่อนายตายไปนานแล้ว

    เป็นแบบนี้ไง...นายรับรู้มันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วนี่ ไม่ยากหรอกคยองซู...มันไม่ยากเลย”

     

     

    “ถ้าฉันไม่ยอมล่ะ....”

     

     

    “นายต้องยอม...เพราะนายไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

     


    ดีโอยกยิ้ม...เขาปาดน้ำตาแล้วผุดลุกขึ้นจากโซฟา

    ผมยังคงนั่งนิ่งและยื้อชายเสื้อของเขาไว้...

    ยากเหลือเกินที่จะทำใจ...ยากเหลือเกินที่จะทำตามคำขอของเขา

     

     

    “หยุดร้องไห้ซะคยองซู...ไม่งั้นนายจะป่วยกว่านี้”

     

     

    “แต่ฉันอาจจะตายถ้านายทำแบบนี้”  ผมกระซิบบอกเขาทั้งน้ำตา...

     

     

    “ไม่หรอก...นายจะหาย”  ดีโอตอบผมพลางถอนหายใจออกมาช้าๆ มองเข้ามาในตาของผมแน่นิ่ง

     

     

    “ฉ...ฉันไม่เข้าใจ” 

     

     

    “ยาของนายอยู่ที่ไหน?”

     

     

    เขาถามผมพลางสอดส่ายสายตาไปทั่วทั้งห้อง
    ก่อนที่เขาจะเดินไปที่ถุงยาจากโรงพยาบาลที่แบคฮยอนวางทิ้งไว้ที่โต๊ะอาหาร

    เขาหยิบมันขึ้นมาถือไว้ก่อนจะเดินกลับมาหาผม

     

    ดีโอยัดถุงยานั้นลงไปในกระเป๋าเสื้อ...ผมมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

     


    “น...นายกำลังทำอะไร?”

     

    “ฉันจะทำให้นายหายป่วยไง  คนที่ต้องกินยาพวกนี้ต่อไปไม่ใช่นาย...แต่เป็นฉัน”

     


    ดีโอกระซิบก่อนที่จะโน้มตัวเข้ามาใกล้...เขาช่วงชิงลมหายใจและกลีบปากของผมเข้าไปไว้ในครอบครอง

    ลิ้นร้อนๆถูกส่งเข้ามาตวัดข้างในโพรงปากของผมอย่างเชื่องช้า

    ผมตกใจ...หากแต่ก็ยังหลับตาพริ้มรับสัมผัสของเขา

    สะอึกแต่ก็ไม่ยอมผละริมฝีปากออก เพราะในใจกำลังบอกว่านี่อาจจะเป็นจูบสุดท้ายที่เราจะมีให้กัน

     


    ผมเอนตัวลงนอนราบกับโซฟา เมื่อจูบเอาแต่ใจนั้นทำให้ผมรู้สึกมึนงงไปหมด

    มันไม่ได้รุนแรงและวาบหวามเหมือนทุกครั้ง หากแต่กลับอ่อนโยนเหลือเกินจนผมไม่อยากให้มันผละออกไป

     


    ผมสะอื้นออกมาเมื่อดีโอผละริมฝีปากออกแล้วเลื่อนไปจูบที่หน้าผากของผมแผ่วเบา

    ผมพยายามคว้าคอของเขาเอาไว้แต่เรี่ยวแรงที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ...

    เขากำลังจะจากไปผมไป...ตลอดกาล...

     

     

    “หายแล้วคยองซู...นายไม่ต้องกินยาแล้ว”

     

     

    เขายกยิ้มออกมาพลางกระพริบถี่ๆ

    ผมเห็นน้ำตาหยดใสคลออยู่เต็มเบ้าตาของเขา...แต่เขาเลือกที่จะถดหน้าออกไปเพื่อปกปิดน้ำตานั้น

     

     

    “ฉันต้องไปแล้ว...กลับไปเก็บของ

    พรุ่งนี้นายก็กลับไปนอนที่ห้องได้แล้วนะ อย่ารบกวนแบคฮยอนอีกเลย

    และตอนนั้น...ฉันก็คงไปจากเกาหลีแล้ว”

     


    ดีโอเดินถอยหลังออกไปเรื่อยๆ...หากแต่สายตาเขาก็ยังมองผมไม่ห่าง

    ผมสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลอาบแก้ม อยากจะลุกไปยื้อเขาไว้

    แต่ผมกลับรับรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร...

    เพราะดีโอตัดสินใจไปแล้ว และผมรับรู้ดีว่าไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจเขาได้

     


    ......ผมยังเป็นคนเดิมที่รู้จักเขาดีที่สุด.....

     

     

    “น...นายจะลืมฉันได้เหรอดีโอ?”

     


    ผมถามเขา...ไม่แน่ใจนักว่าปรารถนาคำตอบแบบไหน

    แต่ที่ถามออกไปเพียงเพราะอยากให้เขาได้คิดทบทวนมันดูอีกซักที...

     

     

    “ไม่...ไม่มีวันหรอก

    สิ่งที่นายต้องทำคือลืมฉัน...เพราะนายเป็นคนเลือกที่จะทำแบบนั้นแต่ฉันไม่

    ในเมื่อนายตัดสินใจเลือกแล้วนายก็ต้องเป็นคนที่ลืม...

     

    แต่ฉันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น...เพราะฉันรู้ดีว่าฉันไม่มีวันลืมนายได้หรอก...

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    เพราะนายคือครึ่งหนึ่งของฉัน

    เป็นความฝันทั้งชีวิต...และเป็นทั้งหมดของลมหายใจ” 








    P.S.  คิดไหมคะว่าคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือดีโอ..?
    P.S.1. ขอโทษที่ดราม่า...
    P.S.2. ตอนหน้าน่าจะจบแล้วค่ะ...





    © Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×