ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [C0MPLETE] ✚ :: BE MY BABY :: ✚ [KAI x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #13 : ✚ BE MY BABY :: THIRTEEN

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.15K
      34
      26 ต.ค. 55

     

    Author : MR.$N0WMAN*

    Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo

    Story : Jackboiz

    Rate : PG - 15

     

     

    Be my Baby*

     

     

     

    ‘0.13’









    บางครั้งสิ่งที่ทำให้เราผิดหวังและเสียใจที่สุดในชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่เราสูญเสียหรือผิดหวัง

    แต่กลายเป็นความเสี่ยงที่เราไม่กล้าเสี่ยงหรือไม่กล้าที่จะลงมือทำ

    ไม่กล้าที่จะเอ่ยคำบางคำออกไป...

     

    ถ้าคุณคิดว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้คุณมีความสุข ก็จงมุ่งไปหามันทันทีเถอะ...

    เพราะในจังหวะของชีวิตที่เกิดขึ้นแล้วนั้น

    เราอาจจะไม่สามารถย้อนกลับมาบนถนนสายเดิมนี้ได้อีกครั้ง...

     

     

    จงอินตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยอาการวิงเวียนที่ศีรษะและอาการปวดเมื่อยทั่วทั้งร่างกาย

    ร่างกายแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อขยับตัวอยู่บนเตียงนุ่ม และนั่นทำให้เขาต้องร้องครางออกมาเบาๆ

    จงอินค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมามองไปรอบๆอย่างงุนงง

    และเขาก็ต้องรับรู้ได้ว่าเขาเองไม่เคยชินเลยกับการที่หันไปข้างๆแล้วไม่เห็นคนตัวเล็กอยู่ตรงนั้น

     



    จงอินหันไปมองที่นาฬิกาตรงหัวเตียงอย่างเชื่องช้า

    ก่อนจะพบว่าตอนนี้สายมากแล้วและเขาจำแทบไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาตื่นสายขนาดนี้คือเมื่อไหร่...

     

    คยองซูมักจะเป็นคนที่ปลุกผมเสมอ..

    .และผมก็เพิ่งมารู้สึกตัวเดี๋ยวนี้เองว่าผมไม่อาจจะตื่นเองได้อีกแล้วถ้าไม่มีเขาคอยปลุกแบบนี้

    ผมตื่นสาย...เพราะเมื่อคืนกว่าข่มตาให้นอนหลับได้ก็เกือบจะรุ่งเช้าแล้ว

    ผมยังอยู่ในชุดที่เดินตากฝนเมื่อคืน...แต่ตอนนี้มันแห้งสนิทไปแล้วเพราะแอร์คอนดิชันเนอร์ที่ผมเปิดเอาไว้จนเย็นฉ่ำ

     

     

    ผมค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่งอย่างช้าๆ รู้สึกว่าโลกหมุนไปหมดเพราะอาการวิงเวียนที่ศีรษะ

    การนอนไม่หลับมันทรมานอย่างนี้เองเหรอ?

    ผมเองไม่เคยรับรู้ถึงความเจ็บปวดแบบนี้มาก่อนเพราะตัวผมเองเป็นคนที่หลับง่ายถึงง่ายมากๆ

    แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าร่างกายของผมไม่ใช่ของผมเลยซักนิด....มันเจ็บปวดและขยับไม่ได้ตามที่ใจสั่งเลย

    แต่ผมก็พยายามจะฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นมาเพื่อที่ผมจะต้องลุกขึ้นไปทำในสิ่งที่ผมครุ่นคิดถึงมันอยู่ตลอดทั้งคืน...

    ผมต้องไปแก้ตัวกับเชา...ผมปรารถนาว่าผมยังมีโอกาส...

    ผมต้องบอกให้เขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้วผมรู้สึกกับเขายังไง...

     

     

    ถึงแม้ว่าผมจะเริ่มวันนี้สายเกินไป....

    แต่กับการบอกความรู้สึกที่แท้จริงของผมให้น้องเขาได้รู้....

     

    .

    .

     

    หากผมเริ่มมันตอนนี้...ผมหวังว่ามันคงจะไม่สายเกินไปใช่ไหม?

     

     

     

    ************

     

     

     

    คยองซูตื่นเช้าเหมือนทุกวันที่เคยทำตามปกติ...

    แต่เขากลับนอนกระพริบตาปริบๆและอยู่นิ่งๆแบบนี้มาร่วมครึ่งชั่วโมงได้แล้ว

    เพราะตอนนี้เขากลับเลื่อนลอยเพียงเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอะไรต่อไปดี

     

    ทุกเช้าที่เขาตื่นขึ้นมา ภารกิจแรกที่เขาต้องทำคือการปลุกจงอินให้ตื่นนอน

    หลังจากนั้นถึงจะลงไปทำข้าวเช้าแล้วรอให้เขาลงมากิน และเริ่มต้นวันตามปกติ

    คยองซูรู้สึกขัดใจที่ชีวิตประจำวันของเขาแต่ละอย่างนั้นมักจะมีจงอินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอๆ

    แม้ว่าจะกิน จะเดิน จะนอน หรือแม้กระทั่งหายใจ...มันเป็นเรื่องของจงอินทั้งนั้น...

     

    คยองซูไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงด้วยซ้ำ

    เขาอยู่กับจงอินมาทั้งชีวิต...ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่จงอินเท่านั้นในทุกๆวันของเขา


    รักตั้งแต่เมื่อไหร่นะเหรอ...คุณอาจจะไม่เชื่อที่ผมพูดก็ได้ แต่ผมรักเขาตั้งแต่แรกที่เห็นจนกระทั่งเดี๋ยวนี้

    ผมพยายามจะทำทุกอย่างให้เขาประทับใจ ให้เขาไม่ทิ้งผมไปเหมือนพ่อของผม

    ผมแค่ต้องการจะอยู่กับเขานานๆ หรือตลอดไปได้เลยก็คงจะดี

    แต่ในตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าควรจะทำยังไงดี...

    ระหว่างหยุดรักเขาและตัดใจ หรือ... รักเขาต่อไปถึงแม้ว่าเขาจะรังเกียจผมก็ตาม

     

     

    ไม่ว่าจะเลือกทางไหนผมก็เจ็บอยู่ดี...

     

     

    เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นมาในขณะที่ผมเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องต่างๆอยู่ในความเงียบงัน

    เสียงนั้นทำให้ผมสะดุ้ง...ผมแข็งนิ่งไปอย่างกับหิน

    และไม่แน่ใจนักว่าควรจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูไหมว่าใครกันแน่ที่โทรเข้ามา

    ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับจงอินตอนนี้...หากแต่ในใจของผมเองก็วาดหวังไว้เหลือเกินว่าคนที่โทรมาจะเป็นเขา

    ผมยังคงนิ่งและไม่กระดุกกระดิก...แต่หัวใจกลับประท้วงเหลือเกินให้ผมหันไปหยิบมือถือขึ้นมากดรับเสียที

    หากแต่อีกใจหนึ่งผมเองก็ไม่อยากจะรับ ผมรู้ดีว่าผมยังไม่พร้อมจะพูดกับเขา

    และเรื่องมันอาจจะแย่ไปกว่าเดิมก็ได้ถ้าเราฝืนคุยกันแบบไร้เหตุผลแบบทุกที...

     

    โทรศัพท์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง...จนกระทั่งผมเองเริ่มจะทนใจตัวเองไม่ไหว

    ใช่...ถ้าเป็นจงอินผมไม่เคยทนได้ซักที ผมรักเขาและมันยากจริงๆที่จะทำเป็นไม่สนใจเขา

     

    ผมรีบผุดลุกนั่งขึ้นแล้วรีบควานหาโทรศัพท์ที่อยู่ใต้หมอนขึ้นมาเปิดฝาพับดูตรงหน้าจอ

    ก่อนหัวใจกลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อเบอร์ที่ขึ้นบนหน้าจอนั้นกลับไม่ใช่คนที่ผมหวังไว้

    นี่ไม่ใช่จงอิน....หากแต่เป็นจงฮยอน....

     

     

    ใช่สิ...เขาจะโทรมาทำไมในเมื่อเขาเกลียดผมแล้ว

    เขาคงมีความสุขสินะที่ตอนนี้ไม่ต้องทะเลาะกับผมให้ลำบากใจ

    ไม่มีใครที่จะดื้อหรือทำตัวเอาแต่ใจกับเขาอีกแล้วนี่...

     

     

    ผมคิดในขณะที่กัดริมฝีปาก...หลับตาลงครู่หนึ่งเพราะรู้สึกว่าน้ำตากำลังจะไหล

    หากแต่เพียงชั่วครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะกดรับสายของจงฮยอนไปแล้วยกขึ้นแนบหู

     

     

    “ว่าไงจงฮยอน?” ผมกรอกเสียงทักเขาผ่านสายโทรศัพท์

     

     

    “ตื่นแล้วเหรอ? ฉันไม่ได้โทรมาปลุกนายใช่เปล่า?”  

     

    จงฮยอนถามผมตอบกลับมาอย่างห่วงใย

    และเพียงแค่คำถามนั้นถูกเอ่ยขึ้นมา มันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดกับเขามากเหลือเกิน

    เมื่อวานผมตอบรับรักของจงฮยอนแล้ว...

    ตอบรับมันออกไป...ทั้งๆที่ผมไม่เคยรักเขาเลย...

     

     

    “อื้ม...ฉันตื่นแล้ว ไม่ได้โทรปลุกหรอก

    มีอะไรหรือเปล่าจงฮยอน” ผมถามเขากลับไป

     

     

    “ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ...ถ้าไม่มีอะไรแล้วโทรไปไม่ได้เหรอ?” เขาตอบกลับผมมาทันควัน

     

     

    “........................”

     

     

    จู่ๆความรู้สึกอึดอัดก็แล่นขึ้นมาในบทสนทนาของเราเสียอย่างนั้น

    ผมเองรู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจและไม่ได้รู้สึกชอบใจเลยที่เขาถามอย่างนั้น

    ผมรู้ดีว่าจงฮยอนเป็นคนดีและห่วงใยผมเสมอ

    มันคงจะดีถ้าผมรักเขา...แต่หัวใจกลับไม่ยอมฟังเหตุผลที่สมองกำลังพร่ำบอกผมอยู่เลย...

     

    “ช่างเถอะ...ตอนนี้อยู่ที่บ้านพี่แบคฮยอนใช่ไหม?

    แต่งตัวเถอะคยองซู เดี๋ยวฉันจะไปรับที่บ้านพี่แบคฮยอนตอนสิบโมงนะ”

     

    จงฮยอนถอนหายใจก่อนจะพูดกับผม

    มันไม่ได้เป็นประโยคที่ขอร้องให้ผมรับปาก...

    แต่มันเป็นประโยคคำสั่งที่ไม่ได้ฟังแล้วเสียความรู้สึกก็เท่านั้น

     

    “เราจะไปไหนกันเหรอ?” ผมถามเขา

     

    “ก็แค่ไปที่ไหนซักที่หนึ่ง...เพื่อคุยกัน

    ในเมื่อตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้ว

    มันคงไม่ผิดอะไรหรอกถ้าเราจะไปเดทด้วยกันซักหน่อยนี่จริงไหม?”

     

    จงฮยอนตอบกลับมาด้วยคำถาม  แต่ผมรู้ดีว่าเขาเองก็ไม่ได้ต้องการเอาคำตอบ

    ผมเงียบไปเพื่อรอให้เขาพูดต่อ และไม่นานหลังจากที่เขาถอนหายใจ เขาก็พูดออกมาอีกครั้ง

     

    “งั้นก็ตกลงตามนี้แหละนะ...เจอกันตอนสิบโมงนะคยองซู”

     
     

    “อื้ม...”


     

    เขาพูดก่อนจะกดตัดสายไป...

    ผมบอกลาเขา จากนั้นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วจ้องดูหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกอึดอัด

    ผมเองไม่ได้รังเกียจจงฮยอน...แต่ที่แน่ๆผมก็ไม่ได้รักเขาเช่นกัน

    ผมดีใจที่อย่างน้อยคนที่ผมจะเรียกได้ว่าเป็นแฟนของผมคือจงฮยอน

    แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่เคยอยู่ในแผนของผมมาตั้งแต่เริ่มต้นเสียด้วยซ้ำ...

     

     

    ผมรักจงฮยอน...แต่มันเป็นความรักแบบเพื่อนเท่านั้น

    ผมรักที่เขาใส่ใจและดูแลผมเสมอ และเป็นคนที่รับฟังความทุกข์ของผมเวลาที่ผมไม่สบายใจ

    ยิ่งรู้สึกแย่ไปใหญ่เมื่อได้คิดถึงทุกเรื่องที่ผมมักจะเอาไปปรึกษาเขา ซึ่งก็มีแต่เรื่องของจงอินเท่านั้น

     

    เขาเป็นคนดีเหลือเกิน...จงฮยอนน่ะ 

    ดีมากเกินไปจนผมคิดว่าผมไม่สมควรจะได้รับความรักจากเขา

    เขาทนได้ยังไงกันนะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา...เขารักผมมาตลอดได้ยังไง?

    อา...แต่นั่นก็เป็นคำถามเดียวกับที่ผมควรจะถามตัวเองเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

    ว่าผมทนรักจงอินแค่เพียงคนเดียวได้ยังไงนะตลอดเวลาที่ผ่านมา...ความรักนี่ช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

     

    ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง...

    โชคดีที่บ้านของแบคฮยอนมีห้องรับรองแขกจึงทำให้ผมได้นอนตามสะดวก

    ผมจึงหยิบเอาผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนราวแขวนขึ้นมาพาดบ่า ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำแต่งตัวทันที...

     

     

    ************

     

     

    จงอินนั่งอยู่ในรถมาซักพักใหญ่ๆแล้ว หากแต่เขากลับมัวแต่นั่งถอนใจและไม่กล้าลงไปจากรถเสียที

    ที่หลังรถมีตุ๊กตาจระเข้สีเขียวตัวยักษ์ยัดอยู่ด้านหลังเต็มพื้นที่จนไม่เหลือที่ว่าง...

     

    ผมไม่รู้ว่ามันจะช่วยให้คยองซูหายโกรธได้ยังไง แต่ที่แน่ๆผมคิดออกแค่วิธีนี้เท่านั้น

    มันอาจจะดูเด็กๆแต่มันอาจจะช่วยย้ำเตือนความทรงจำระหว่างเราได้บ้าง

     

     

    ทั้งๆที่ผมเองรู้ดีว่าควรจะบอกกับเขาไปตามความรู้สึกที่แท้จริง

    แต่เอาเข้าจริงเมื่อผมมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

     

     

    ฟู่ว....

     

    ผมถอนหายใจออกมาเมื่อตัดสินใจเดินลงจากรถ

    เปิดประตูหลังออกกว้างแล้วก็ดึงเอาไอ้ตุ๊กตาสีเขียวยักษ์ที่ผมยัดเอาไว้ออกมาแบกไว้กลางหลัง

    เดินเข้าไปในบ้านของแบคฮยอนด้วยความรู้สึกกังวล

    เพราะผมกลัวว่าคยองซูจะไม่อยากเจอหน้าหรือพูดคุยกับผม

     

    แต่ถึงยังไงวันนี้ผมก็จะพาน้องเขากลับไปบ้านให้ได้...ขอปฏิญาณกับตัวเองในใจไว้เลย...

    เพราะผมรู้ซึ้งแล้วว่าการที่ไม่มีเขาในบ้านของเราน่ะมันเงียบเหงามากแค่ไหน...

     

    ผมวางตุ๊กตาคร๊องที่หน้าประตูบ้านของแบคฮยอนแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง...

    รู้สึกหน่วงๆในหัวใจ เพราะว่ากลัวไปหมดทุกอย่าง...

    กลัวว่าน้องเขาจะไม่อยากคุย กลัวว่าน้องเขาจะไม่เชื่อคำที่ผมพูด

    ...หรือแม้กระทั่งกลัวว่าวันนี้น้องเขาจะไม่ยอมกลับบ้านไปพร้อมกับผม...


    ผมรู้สึกวิงเวียนศีรษะอยู่เนืองๆ และทั้งวันนี้ก็รู้สึกอ่อนเพลียแม้ว่าจะไม่ได้ลงแรงทำอะไรมากนักก็ตาม

    ผมกดกริ่งก่อนจะยืนรออยู่ซักพักแบคฮยอนจึงเดินมาเปิดประตู

    เขาถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นผม...ก่อนจะยืนพิงกรอบประตูไว้แล้วกอดอกแน่น

     

     

    “ว่าไงมึง...รู้ตัวบ้างหรือยัง?” แบคฮยอนถามผม

     

     

    “ชัดเจนเลยมึง...อย่าถามอีกรอบนะ เดี๋ยวกูจะเปลี่ยนใจ”

     

    ผมตอบก่อนจะกลืนน้ำลายลงไปในคออย่างยากลำบาก...

    แบคฮยอนหัวเราะในลำคอก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆแล้วมองผมอีกครั้ง

     

    “ดีใจที่มึงฉลาด...กูนึกว่ามึงจะใช้เวลานานกว่านี้ซะอีกนะ

    แต่มึงมาสายไปหน่อยไหมครับ”

     

    แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วมองหน้าผมอย่างจะบอกว่า มึงไม่น่าเลย

    ผมได้แต่ขมวดคิ้วที่แบคฮยอนทำอย่างนั้น ก่อนจะเอ่ยถามเขาอย่างสงสัย

    น่าแปลกใจที่รู้สึกร้อนรนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...

     

     

    “มึงหมายความว่ายังไง?” ผมขมวดคิ้วก่อนจะถามเขา

     

     

    “ ไอ้น้องจงฮยอนมารับคยองซูออกไปเดทตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว”

     

     

    “อะไรนะ!! ไอ้เด็กนั่น!!

    แล้วมันพาคยองซูไปไหน! ทำไมมึงถึงอนุญาตให้คยองซูไปวะ!!

     

    ผมตะคอกใส่หน้าแบคฮยอนอย่างโมโห...

    ก่อนที่แบคฮยอนจะกรอกตาอย่างเอือมระอาแล้วเอานิ้วขึ้นมาจิ้มที่หน้าผากของผมเบาๆสองสามที

     

    “ขอโทษทีนะ แต่กูไม่ใช่พ่อเขา...และในเมื่อน้องเขาอยากจะออกไป ยังไงกูก็ห้ามไม่ได้

    ถ้ามึงเกิดอยากจะหึงอะไรขึ้นมาล่ะก็อย่าเอามันมาลงที่กูเลย

    ไปที่สวนสาธารณะเคสิ...อยู่ห่างจากนี่แค่สองโล

    จงฮยอนบอกว่าจะพาคยองไปเดินเล่นที่นั่น...เผื่อว่าน้องเขาจะได้ไม่ต้องคิดถึงมึง” แบคฮยอนตอบ

     



    “มึงหยุดพูดถึงความดีของไอ้เด็กนั่นได้แล้ว

    ไม่สิ! มันไม่ดีโว้ย!

    กูจะไปตามคยองกลับมา!!

     

     

    ผมตะคอกตอบกลับไปอย่างโมโห...รู้สึกว่าเดือดจัด เพราะหึงจนเลือดขึ้นหน้า

     


    ใช่ครับ...ตอนนี้ผมกล้าพูดคำว่า 'หึง' ออกมาได้เต็มปากเต็มคำ  อย่างที่ไม่คิดจะปิดบังอะไรอีกต่อไปแล้ว...

     

    แบคฮยอนยกยิ้มออกมา  เขาเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆแล้วกระซิบด้วยรอยยิ้ม


     

    “เอาสิ งั้นก็รีบไปเลย...ถัดจากนี่ไปสองบล็อก มันอยู่ตรงข้ามกับธนาคาร

    แต่สวนสาธารณะมันใหญ่หน่อยนะ...กูขอให้มึงโชคดีนะเพื่อน

     

     

    ************

     




    ผมแบกตุ๊กตาคร๊องไว้ที่กลางหลังทั้งๆที่เอาแต่คิดอยู่ในหัวว่าทำแบบนี้มันไม่เข้าท่า

    ผมไม่รู้ว่าจะแบกมันมาทำไมเหมือนกันแต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมมาไกลเกินกว่าจะเอามันกลับไปยัดไว้ในรถได้แล้ว


    วันนี้แสงแดดออกจะสดใสเกินไปจนทำให้ผมเหงื่อแตกหลังจากที่วิ่งมาจนถึงสวนสาธารณะที่แบคฮยอนบอกไว้

    ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองแล้วหัวเราะกับผมยกใหญ่

    แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรพวกเขา...เพราะคนๆเดียวที่ผมสนใจและตามหาก็คือคยองซูเท่านั้น...

     



    แต่ในสวนสาธารณะที่กว้างใหญ่แห่งนี้คยองซูจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ??

    เพราะถึงแม้ว่าผมจะวิ่งวุ่นไปทั่วทั้งสวนแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของเราเลยซักนิด..

     

    .

    .

     

    นายอยู่ที่ไหนนะคยองซู...

     

     

     

    ************




     

    ท่ามกลางแสงแดดอุ่นในเช้าวันอาทิตย์ทำให้ผู้คนในสวนสาธารณะนั้นดูหนาแน่น

    ผู้คนมากมายอยู่เดินสวนกันในสวนสาธารณะ ที่มีแสงแดดอ่อนและอากาศจัดได้ว่าดีมากสำหรับเช้าวันอาทิตย์แบบนี้

    ทุกอย่างดูดีสำหรับการออกมาเดินเล่นเปิดหูเปิดตาและออกมานั่งรับแสงแดด

    แต่คยองซูกลับลอบถอนหายใจออกมาเบาๆในระหว่างที่เดินอยู่

    และในตอนนี้เขากลับไม่ได้รับรู้ถึงความสวยงามของสวนสาธารณะแห่งนี้เลยซักนิด

     


    "นายเคยบอกฉันไม่ใช่เหรอ...ว่าถ้าเราถอนหายใจหนึ่งครั้ง 

    ความสุขจะบินหายไปจากเราครั้งหนึ่ง..." จงฮยอนถามขึ้นในขณะที่เขาก็นั่งอยู่ข้างๆผม

     


    ผมเพิ่งจะรับรู้ว่าเราแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยตั้งแต่มาถึง 

    เพราะผมก็เพิ่งมารู้สึกตัวว่าเขานั่งอยู่ข้างๆก็ตอนที่เขาพูดออกมาอย่างนี้

    ผมหันไปสนใจเขา...และมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเสมอยามที่ผมได้มองหน้าเขา


     

    ....ความรู้สึกผิด...

     

     

    "ขอโทษนะ" ผมตอบเขา

     
     

    จงฮยอนมองไปบนท้องฟ้าแล้วส่ายหน้า

    เขาหัวเราะน้อยๆ...แต่ผมไม่แน่ใจนักว่าเขาหัวเราะจริงๆหรือเปล่า

     

     

    "ขอโทษสำหรับอะไรล่ะ?

    เรื่องที่ถอนหายใจเมื่อกี้

    หรือเรื่องที่ลากฉันเข้าไปประชดพี่เขาเมื่อวาน?" จงฮยอนถาม ใบหน้าของเขายังคงยิ้มระรื่น...

     

     

    "..............................."

     
     

     

    ผมเงียบกริบ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไป

    ผมไม่อยากทำให้เขารู้สึกไม่ดี

    และไม่ต้องการให้เขารู้สึกว่าผมคบเขาเพื่อประชดจงอินด้วย...

    ทั้งๆที่มันก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ....ผมก็แค่ประชดพี่เขาไปอย่างนั้นเอง....

     
     

     

    จงฮยอนยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นผมก้มหน้าลงมองพื้น

    และเมื่อเขาเห็นว่าผมไม่พูดอะไร เขาจึงพูดต่อ...

     

     

    "นายน่าจะบอกเขาซะว่าเราไม่ได้คบกัน... แต่ก็แล้วแต่นาย...อยากจะบอกเขาตอนไหนก็ได้นะ

    ถ้าอยากจะอ้างชื่อฉันไปเรื่อยๆก็ได้ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก

    เผื่อคนโง่นั่นจะได้รู้ตัวบ้างว่ากำลังทำอะไรอยู่"

     

    จงฮยอนพูดขึ้นก่อนจะยกกระป๋องโค๊กในมือขึ้นดื่ม

    ผมหันขึ้นไปมองหน้าเขาก่อนจะถามด้วยความแปลกใจ

     

     

    "นายหมายความว่ายังไง?"

     

     

    "นายคงไม่คิดว่าเราจะคบกันจริงหรอกใช่ไหม?

    เพราะถ้านายคิดอย่างนั้นจริง นายคงจะทำร้ายฉันมาก

    ฉันไม่คิดจะคบกับนายหรอกคยองซู

    ฉันรู้ดีว่าฉันไม่ควรไปต่อสู้แย่งชิงอะไรที่ไม่ใช่ของฉันมาตั้งแต่แรก...และฉันมั่นใจว่ายังไงหัวใจนายก็ไม่มีวันเป็นของฉันด้วย

    เพราะงั้นแล้ว...ก็อยู่ที่นายจะตัดสินใจล่ะ ว่าจะเอายังไงต่อไป"

     

     

    จงฮยอนพูดออกมาเบาๆราวกับว่าปลงตกในสิ่งที่พูดออกมา

    และเมื่อผมได้ฟัง...มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดเขาไปอีก...

     

     

    "ฉันขอโทษนะจงฮยอน...ฉันไม่ได้ตั้งใจ

    ฉันไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไง...นอกจากขอโทษ"

     

     

    ผมกระซิบตอบเขา รู้สึกว่าจะร้องไห้ขึ้นมาอยู่มะรอมมะร่อ

    แต่จงฮยอนกลับหัวเราะออกมาก่อนจะเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆก่อนจะพูดปลอบใจกับผม

     

     

    "ไม่เอาน่า...ไม่มีอะไรที่ต้องขอโทษซักหน่อย...ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นด้วยซ้ำ

    ฉันก็แค่คิดว่านายประชดพี่เขาไปอย่างนั้นแหละ

    และฉันก็ไม่ได้เฮิร์ทอะไรนักหรอก  ดีซะอีก...ยิ่งนายทำอย่างงี้ฉันก็จะได้ตัดใจจากนายเร็วๆไง"

     

     

    จงฮยอนยกมือขึ้นมาลูบหัวผม

    และนั่นทำให้น้ำตาของผมที่กลั้นไว้ไหลลงมาราวกับเขื่อนแตก

    จงฮยอนเป็นคนดีเหลือเกิน...

    มันคงดีถ้าผมรักเขา...หรือทำใจให้รักเขาได้

     

    แต่ความจริงคือผมไม่ได้รักเขา และไม่เคยรักเขา

    และไม่ว่าเขาจะดีกับผมเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่สมควรที่จะรักเขามากขึ้นเท่านั้น...

     

     

     

    "น...นายเป็นคนดีนะจงฮยอน...ฉันรู้ว่านายจะเจอคนดีๆที่เหมาะกับนายแน่ๆ

    และฉ...ฉันคิดว่าใครคนนั้นจะเป็นคนที่โชคดีมากๆด้วย...รู้ใช่ไหม?"

     

     
     

    ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตา...รู้สึกดีที่จงฮยอนยกยิ้มบางๆเพื่อปลอบใจผม

    มือของเขายังคงลูบที่หัวของผมเพื่อปลอบใจ

    แต่จู่ๆเขาก็ชะงักและขมวดคิ้วขึ้นมาเฉยๆ...

     
     

    ผมล่ะแปลกใจจังที่จู่ๆเขาก็ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก...เพราะสายตาของเขาที่กำลังมองไปด้านหลังของผม

     
     

    "ม...มีอะไรเหรอ?"



    ผมถามพลางหันไปมองตามสายตาของเขา

    หากแต่จงฮยอนกลับจับให้ผมหันกลับมาแล้วยกยิ้มกว้าง

     

     

    "ฉันขอโทษนะคยองซู...แต่นี่เพื่อนายนะ"

     

     

    จงฮยอนพูดจบก่อนที่เขาจะโน้มเข้ามาใกล้ผม

    เราห่างกันแค่คืบเดียวเท่านั้น...เขากำลังจะจูบผม

    แต่เมื่อริมฝีปากนั้นกำลังจะเคลื่อนเข้ามาประกบ....

    เขากลับยกนิ้วโป้งของเขาขึ้นมากั้นระหว่างกลางริมฝีปากของเราทั้งคู่เอาไว้

    แต่ผมยังคงไม่เข้าใจว่าเขาทำอย่างนั้นทำไม?

     



    ผมอยากจะถามเขาเมื่อเขาเอียงคอกดริมฝีปากส่งไปที่ปลายนิ้วโป้งของเขาเอง...

    ผมได้แค่นั่งแข็งทื่อและเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ

    ก่อนที่คำตอบจะมาอย่างรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน...

     

     

    "เอาปากห่วยๆของนายออกไปจากคยองซูของฉันนะไอ้เด็กงี่เง่า!!!!!"

     

     

    เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังแล้วซักพักสัมผัสของจงฮยอนก็ถูกกระชากออกไป

     

     

    ผัวะ!!!!

     

     

    "จงอิน!!!"

     

     


    ผมร้องออกมาเมื่อจงอินถลาเข้ามาต่อยจงฮยอนจนหน้าหัน

    เหงื่อเม็ดใสไหลเต็มหน้าเขาและสิ่งที่ทำให้ผมสะดุดกึกคือตุ๊กตาขนาดมหึมา

    ที่เขาเพิ่งขว้างมันลงไปกับพื้นก่อนจะถลามาต่อยจงฮยอน

    ....ตุ๊กตาพี่คร๊องที่ผมเคยบอกเขาว่าอยากได้...

     

     

    "ย...หยุดนะจงอิน!! หยุดซี่!!!"

     

     

    ผมรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนเขาเอาไว้ เมื่อเห็นว่าจงอินกำลังเงื้อหมัดขึ้นสูงอีกหน

    จงอินหันมาจ้องหน้าผมอย่างโกรธเคือง...ก่อนที่เขาจะพูดสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินจากปากเขา


     

    ถึงแม้ว่ามันจะกำกวมแต่ผมกลับมั่นใจว่าความหมายนั้นไม่ผิดไป...

    หัวใจของผมกำลังเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก

     


    เขาพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร? 


     

    "นายทำอย่างนี้ได้ยังไง?!!

    ริมฝีปากของนาย! ตัวนาย! แม้กระทั่งหัวใจนาย!!

    ทั้งหมดนั่นเป็นของฉัน...ของฉันคนเดียวเท่านั้น!!

    นายยอมให้มันจูบนายได้ยังไง?!!"

     

     

     

    จงอินตวาดใส่หน้าผมเสียงดังก้อง...เขาหายใจหอบและเหงื่อก็อาบใบหน้าซีดๆราวกับกระดาษของเขา

    ผมสาบานได้ว่าตั้งแต่อยู่กับเขามาเป็นสิบปี เขายังไม่เคยออกแรงวิ่งหรือทำอะไรให้ตัวเองต้องเสียเหงื่อเลยซักครั้ง...

     

    แต่ตอนนี้เขากลับแบกพี่คร๊องมาหาผมถึงที่นี่...

    พระเจ้า...บอกผมสิว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่...

     

     
     

    "หึ! กว่าจะรู้ตัวนะครับพี่จงอิน

    โมโหสินะครับ...แต่ขอโทษด้วยนะที่ผมจูบคยองซูไปแล้ว"

     
     

     

    จงฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย...จนจงอินต้องหันขวับไปกระซิบขู่กับเขาอย่างเดือดดาล

     ท่าทางของเขาเย็นชาและโกรธขึ้งจนน่ากลัว...


     

     

    "หุบปากของนายไปเลยก่อนที่ฉันจะเลาะฟันนายหลุดจากปาก"

     

     

    "หยุดว่าจงฮยอนได้แล้วจงอิน!

    พี่มาที่นี่ทำไม?!"

     


    ผมตวาดใส่หน้าพลางผลักอกเขาเมื่อเห็นว่าพี่เขากำลังเดินตรงเข้าไปหาจงฮยอนแล้วทำท่าว่าจะหาเรื่อง
    ผมรู้สึกดีใจที่เขามาหาผม...แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรมาทำท่าทางอย่างนี้
    ผมไม่ได้รู้สึกดีหรอกนะ...กับท่าทางของเขา

     

     

    "ฉันมาตามนายกลับบ้าน" เขาหันกลับมาหาผม แล้วจ้องมองด้วยสายตาเว้าวอน...
    ผมกลืนน้ำลายลงไปในคออึกใหญ่...


    อย่านะคยองซู แค่นี้ก็จะใจอ่อนให้พี่เขาแล้วเหรอ? ไม่นะ...ห้ามใจอ่อนนะ..

     

     

    "เพื่ออะไร?...บอกเหตุผลมาสิว่าทำไมคยองต้องกลับไปกับจงอิน"

     

     

    ผมถามเขาเสียงเรียบ...แม้ว่าหัวใจจะพองโตเมื่อเห็นทุกอย่างที่ทำให้คิดเองเออเองว่าจงอินอาจจะรักผมอยู่บ้าง

    ผมรู้สึกถึงความหวังที่เขาไม่เคยหยิบยื่นให้ผมมาก่อน...

    และสิ่งที่ผมต้องทำตอนนี้คือการยืนยันให้แน่ใจ...ทำให้ทุกสิ่งมันแน่ชัด...

     

     

    จงอินหน้าซีดเผือด...หัวใจกำลังเต้นรัวเพราะสายตาจริงจังจนน่าใจหายที่น้องเขาส่งมาให้

    เขายังคงเหนื่อยหอบ...และมีความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะเป็นลมอยู่มะรอมมะร่อ...

    ผมไม่แน่ใจว่านี่ถึงเวลาที่ต้องบอกเขาแล้วหรือเปล่า...ผมรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม

    แต่ไม่ได้หรอก...นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่ผมจะได้บอกกับคยองซู



    ก็แค่พูดออกไปเท่านั้นเองไอ้จงอิน...มันถึงเวลาที่ต้องบอกเขาแล้ว...

     

     

     

    "ม...ไม่มีหรอก...ฉันไม่มีเหตุผลจะลากให้นายกลับไปบ้าน -- บ...บ้านของเรา

    แต่ฉันแค่มีบางอย่างจะมอบให้นายก็เท่านั้น...

    ฉ...ฉันไม่รู้ตอนนี้มันสายไปหรือเปล่า

    แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันไม่อาจจะมอบให้ใครได้อีกแล้ว...นอกจากนายเท่านั้น"

     

     

    จงอินกระซิบตอบผมด้วยเสียงลมหายใจขาดห้วง

    หน้าของเขาซีดเผือดราวกับกระดาษ

    และตอนนี้เขากำลังยืนโอนเอนจะล้มแหล่มิล้มแหล่

     

    หากแต่ผมยังคงถามเขาต่อไป...

    ไม่หรอก...ยังแน่ใจอะไรไม่ได้หรอกจนกว่าเขาจะพูดมันออกมา

     

     

    "อ...อะไร...ความเป็นผู้ปกครองหรือไง

    ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องมอบมันให้คยองหรอก คยองไม่อยากได้"

     

     


    ผมกระซิบถามเขาอย่างประชดประชัน

    หากแต่คำพูดนั้นกลับทำให้จงอินรีบส่ายหน้าอย่างแรงจนตัวโยน

    ก่อนที่เขาจะตอบคำถามด้วยข้อความที่ทำให้หัวใจของผมพองโต...

    หัวใจแทบจะกระโจนออกจากอกเมื่อคำพูดนั้นถูกเอ่ยออกมา

     

     

     

    "ม...ไม่ใช่... แต่เป็นหัวใจของฉัน หัวใจของฉันเป็นของนายนะคยองซู ทั้งตัวฉัน ใจฉัน --- ทั้งหมดของฉัน"

     

     

    ตึกตัก...ตึกตัก....ตึกตัก....

     

     

    หัวใจของผมเต้นแรงเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่อคำๆนั้นถูกเอ่ยออกมาจากปากของเขา

    ผมเห็นจงฮยอนหัวเราะในลำคอแต่รอยยิ้มนั้นก็ดูจริงใจมากกว่าตอนที่เราคุยกันก่อนหน้านั้น

    จงอินหน้าซีดเผือดพลางจ้องหน้าผมอย่างประหม่า...

    เหงื่อเม็ดเล็กๆเม็ดหนึ่งกำลังไหลลงมาเข้าตาเขา

    และโอ...มันบ้าชะมัดที่มือของผมกลับยกขึ้นไปเช็ดมันออกโดยอัตโนมัติ

     

     

    วูบ....

     

     

    วินาทีที่ถูกมือเล็กนั้นสัมผัส

    ราวกับมีไฟฟ้าแลบแปลบปลาบขึ้นมาในตัวของจงอินขึ้นมาอย่างกระทันหัน

    ดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวเป็นสีขาว...

    ก่อนที่ใบหน้าของคยองซูจะลอยกลับขึ้นมาอีกครา...แต่มันก็ช่างเลือนรางเหลือเกิน

     

     

    "จงอิน!! จงอิน!!!"

     

     

    เสียงของเด็กตัวเล็กเรียกผมอย่างตื่นตระหนก เขาถลาเข้ามาหาผมและจงฮยอนก็เช่นกัน...

    ผมอยากจะตอบเขา แต่ก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจจะทำได้...

     

     

    .

    .

     

    และโลกทั้งใบก็ดับวูบลงไปในพริบตา....

     

     






    ✚ TALK 

    โอยยยยย...ครบร้อยเปอร์ซักทีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ไรเตอร์ขอโทษนะคะ อย่างอนไรเตอร์เลยนะ 
    ตอนนี้ไรเตอร์อยู่พัทยา มาเที่ยวกับเพื่อนๆค่ะ ><

    ที่มาอัพช้าเพราะว่าไวฟายที่รีสอร์ทมันอ่อนล้าแรงกำลังมากค่ะ OTZ 
    อัพไม่ได้เลยอ่า...ขอโทษน้าาาาาา ขอโทษจริงๆ T^T
    อ่ะๆ...เค้าเอารูปมาฝากกกกกกกกก ดูแล้วยกโทษให้ไรเตอร์ด้วยน้าา


     






    รักนะคะ มายรีดเดอร์ 



    - ไรเตอร์นมน. -


     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×