ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [C0MPLETE] ✚ :: BE MY BABY :: ✚ [KAI x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #29 : ✚ BE MY H0NEY :: CHEN & XiUMiN III

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.43K
      13
      27 ธ.ค. 55

     


    Author : MR.$N0WMAN*

    Pairing : Kim Jongdae & Kim Minseok

    Story : Jackboiz

    Rate : PG-15

     


     

     

    Be my Honey*

     







     


    ‘ ...it's hard
    to Say

    Love.....’








    ได้เกิดมาครั้งเดียวจะขอทำทุกอย่าง

    ต่อให้เธอไม่เห็นคุณค่า

    อาจเหมือนคนไม่ฉลาด  ก็ยอมรับ

    มันโง่ตั้งแต่รักเธอหมดใจ...

     

     
     

    - Xiumin’s Part -


     

    ผมกำลังยิ้ม...โดยที่ไม่แน่ใจนักว่ายิ้มนี้บ่งบอกอะไร

    มันอาจหมายความว่าผมมีความสุข หรือไม่มีความสุขก็ได้...

    เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าผมยอมรับตัวตนของผมได้มากแค่ไหน

     

     

    นับจากวันนั้นมาผมและจงแดไม่ได้เปลี่ยนไป...เรายังเป็นเพื่อนกันแต่สถานะนั้นกลับคลุมเครือยิ่งกว่า

    ผมไม่ได้เลิกกับลู่หาน เช่นเดียวกับจงแดที่ไม่ได้เลิกกับรุ่นพี่ซูโฮเช่นกัน

    ผมรู้ว่ามันแปลกและบ้าบอ...และผมไม่แน่ใจนักว่าเราสองคนจะก้าวเดินต่อไปทางไหน

    ความสัมพันธ์จำเป็นต้องมีสถานะ...แต่ผมมั่นใจว่าเราสองคนยังไม่พร้อมที่จะทำให้อะไรมันชัดเจนขนาดนั้นหรอก

    ผมยังไม่พร้อม...เช่นเดียวกับที่จงแดยังไม่พร้อมเช่นกัน

     

     

    ผมไม่แน่ใจนักว่าผมเองอยากจะได้จงแดมาเป็นคนรักไหม

    อาจจะเป็นเพราะว่าผมมันขี้ขลาด...

    ผมไม่แน่ใจเลยว่าเราสองคนจะเป็นยังไงต่อไปถ้าหากใช้คำว่ารักหรือชอบต่อกันแบบเต็มปากเต็มคำ

    คำว่าเพื่อนมันทำให้ผมรู้สึกมั่นคงมากกว่าคำว่าคนรัก

    ผมไม่กล้าแม้แต่จะขอร้องให้จงแดเลิกกับซูโฮเพื่อหันมาเป็นคนรักของผม

    เพราะผมเองยังไม่เคยบอกเขาเลยด้วยซ้ำว่าผมคิดกับเขายังไง...

     

    ผมดีใจที่จงแดหึงหวงผมกับลู่หาน...แต่แน่นอนว่าเขายังไม่เคยพูดว่ารักกับผม และผมเองก็เช่นกัน

    ผมไม่เคยบอกเขาเลยซักครั้งว่าผมแอบชอบเขามานานเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่วันนั้นมาเราพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้กันน้อยมาก

    แต่ผมกลับรู้สึกดีเหลือเกินที่จงแดเริ่มหันกลับมาสนอกสนใจ และเอาอกเอาใจผมจนออกนอกหน้า

    และตั้งแต่วันนั้นมาเรายังไม่เคยพูดคุยกันจริงๆจังๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยซักที...

     

    “มินซอกอ่า...อยากกินไอติมไหม?”

     

    จงแดถามผมเมื่อเราสองคนกำลังเดินกลับเข้าหอพักในเย็นวันหนึ่ง

    วันนี้เราเลิกคลาสกันเกือบสองทุ่ม

    จงแดจึงชวนผมไปกินข้าวเย็นที่ร้านด้านหลังมหาวิทยาลัยก่อนจะเดินหอไปด้วยกัน

    ผมส่ายหน้าก่อนจะยกยิ้มให้เขา มองจงแดที่ทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา

     

     

    “จะกินทำไม ชวนกูอ้วนอีกแล้วนะ

    และอีกเรื่องนึงถ้าเผื่อมึงจะไม่ได้สังเกต...

    กูซื้อทิ้งไว้ให้มึงแล้วเมื่อวานนี้ตั้งสองควอท

    ชาเขียวควอทนึง คุกกี้แอนด์ครีมอีกควอทนึง”  

     

    ผมบอกเขาไปพลางยกยิ้มบางๆ

    จงแดทำตาโตแล้วยิ้มกว้างอย่างดีอกดีใจที่ได้ยินผมพูดอย่างนั้น

     

    “โอ้...มึงซื้อมาให้กูแล้วจริงเหรอ

    โธ่ มินซอกอ่า...มึงน่ารักจริงๆ”

     

    จงแดไม่พูดเปล่าหากแต่เขายังยกแขนขึ้นโอบที่รอบคอผมด้วย

    ผมเสตาไปมองทางอื่นแล้วลอบยิ้ม...กอดนี้อาจไม่มีความหมายกับเขา

    แต่สำหรับผมแล้วมันทำให้หัวใจเต้นแรงจริงๆ...

     

    “บ้าจริงจงแด...มึงพูดคำว่าน่ารักไปทั่วอีกแล้ว” ผมหันไปหรี่ตามองเขาแล้วพูดออกมาอย่างไม่ได้จริงจังอะไรนัก

     

    “โธ่...เดี๋ยวนี้กูก็พูดแค่กับมึงเท่านั้นแหละ มินซอกอ่า” จงแดตอบผม เขาหลบสายตาแล้วยกนิ้วขึ้นเกาที่จมูก

     

     

    ผมมองภาพนั้นแล้วหันสายตาออกไปมองทางอื่นด้วยความเขินอายแทบบ้า

    รู้สึกอยากจะเอาแขนของจงแดที่โอบรอบบ่าของผมให้ออกไปซักที

    เพราะผมกลัวเขาจะรู้ว่าหัวใจผมกำลังเต้นแรงแค่ไหน...

     

    ผมตัดสินใจดึงแขนเขาออกจากรอบบ่าแล้วเริ่มออกเดินอีกครั้ง

    หากแต่จังหวะการเดินของผมกลับหยุดชะงักไปอีกครั้ง...เมื่อจงแดสอดมือเข้ามากุมมือผมไว้

     

    บ้าเอ๊ย...หัวใจชักจะเต้นแรงเกินไปแล้วนะ

     

    “ทำอะไรของมึงเนี่ย?”

     

    ผมถามเขาเมื่อจงแดจูงมือผมให้เริ่มออกเดิน

    และถึงแม้ว่าผมจะพยายามแกะมือออกจากเขา...เขาก็ไม่ยอมปล่อยเลย

     

    “คนมันเยอะ...เดี๋ยวจะหลง”

     

    จงแดลอยหน้าลอยตาแล้วพูดยิ้มๆ

    ผมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความเขินอายจนตัวแทบระเบิด

    แต่ไม่ได้หรอก...จะให้แสดงออกไปน่ะมันน่าอายจะตาย

     

    “คนไม่เห็นเยอะตรงไหน...ไม่หลงกันหรอกน่า”

     

    ผมหลบสายตาของจงแดที่มองมาแล้วตอบไปส่งๆ

    แม้อากาศจะหนาว แต่ผมกลับรู้สึกเห่อร้อนจนแทบอยากจะหนีไปจากตรงนี้เลย

    จงแดเบะปากใส่ผมก่อนจะถามกลับ...และให้ตายเหอะ เขาจะรู้ไหมนะว่าเขากำลังฆ่าผมเพราะคำพูดของเขา

     

    “มึงอยากให้กูปล่อยมือจริงๆเหรอมินซอก?”

     

    จงแดหันมาถามผมอย่างจริงจัง...

    หากแต่ใบหน้านั้นก็เจือรอยยิ้มบางๆ และจงแดก็ยกหัวคิ้วขึ้นเพื่อรอคำตอบ

    ผมกัดริมฝีปากเมื่อมองเข้าไปในตาของเขา...

    อยากจะเบือนสายตาหนีแววตาที่มองมาตรงๆ แบบนั้น

    แต่อีกใจหนึ่งผมก็อยากมองมันให้เนิ่นนานเพื่อค้นหาว่าข้างในนั้นมีคำว่า “รัก” ซ่อนอยู่บ้างไหม

     

     

    “อย่าเงียบดิมินซอก...ถ้ามึงไม่ชอบก็บอกกูมา

    ถ้ามึงอยากให้ปล่อย  กูก็จะปล่อย...”

     

     

    จงแดยกมือขึ้นเกาที่ปลายจมูกอีกแล้ว...และนั่นทำให้ผมเม้มปากแน่นสนิท

    อยากจะลอบยิ้มอยู่หรอก แต่ผมก็พบว่ามันทำได้ยากเหลือเกิน

    ก็ในเมื่อผมกำลังมีความสุขขนาดนี้...จะให้ผมกลั้นยิ้ม มันคงทำได้ยากจริงๆ

     

     

    “ไม่ได้พูดเลยซักคำว่าอยากให้ปล่อย”

     

     

    ผมพูด...และเสตาหันไปทางอื่น

    ได้ยินจงแดกำลังหัวเราะเบาๆ ผมเหลือบไปเห็นเขายิ้มจนตาปิด และผมเองก็เช่นกัน...

    อา บ้าจัง...ผมกัดริมฝีปากจนเจ็บไปหมดแล้วนะ

    เขินจะบ้าตายแล้วครับ...ให้ตายเหอะ

     

     

    “งั้นเรากลับห้องกันเถอะมินซอก...ไปกินไอติมกัน

    กูไม่ได้จะชวนมึงอ้วนนะ แต่กูจะบังคับให้มึงกิน...

    เพราะถึงแม้ว่ามึงจะกินไอติมแล้วอ้วน

    .

    .

    แต่สำหรับกูแล้วมึงก็ยังน่ารักที่สุดอยู่ดี...”

     

     

     
     

    ********

     

     

     

    ผมไม่เคยคิดว่าการกำหนดสถานะจะสำคัญอะไรมากมายขนาดนั้น

    เพราะถ้าเรามีความสุขกับมันแล้วเราจะกำหนดจุดยืนมันไปเพื่ออะไร

    บางทีอาจเพราะเราไม่ได้อึดอัดต่อกัน...

    และถึงแม้ว่ามันจะดูป้ำๆเป๋อๆ และไม่ชัดเจน...แต่ผมก็ยังโอเคกับมันที่เป็นแบบนี้

     

    ผมและจงแดกลับมาที่ห้องและนั่งกินไอศกรีมด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย

    ไอศกรีมไม่เคยหวานขนาดนี้...ผมแทบจะไม่รู้สึกถึงรสชาติอะไรเลยนอกจากความหวาน

    ถึงแม้ว่าไอศกรีมรสโปรดของจงแดจะมีรสขมเฝื่อนเล็กน้อยพอให้รู้สึกทุกครั้งที่ได้กิน

    แต่วันนี้ผมกลับไม่รู้สึกถึงมันเลย...

     

     

    เราสองคนนั่งกินและดูหนังด้วยกันเงียบๆ

    ไม่มีคำพูดอะไรที่มากมาย แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกว่ามันเพียงพอแล้วที่จะอยู่แบบนี้

    บนโซฟาตัวเล็กขนาดพอเหมาะที่เราไปเลือกมาด้วยกันเพื่อใช้ดูหนัง

    มาวันนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันเล็กลงไปถนัดตา...หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเราเบียดเข้ามานั่งใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น

    ผมและจงแดแทบจะไม่ได้พูดอะไรกันซักนิด และผมเองก็มีความสุขเหลือเกินกับทุกๆอย่างที่ผมกำลังเผชิญอยู่ราวกับฝันไป

     

     

    แต่แน่นอนว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนเท่านั้น...

     

     

    เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมาและเรียกผมให้กลับไปสู่โลกของความเป็นจริงจนได้

    ผมหยิบเอาโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นดูที่หน้าจอโทรศัพท์

    ก่อนจะพบว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ใครเลย...

    หากแต่เป็น เสี่ยว ลู่หาน

     

     

    จงแดหันหน้าออกไปที่นอกหน้าต่างเมื่อเขาเหลือบมาเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของผม

    และนั่นทำให้ผมไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าเขากำลังทำหน้ายังไงอยู่...

    ผมลุกขึ้นออกจากโซฟาตัวเล็กและเดินออกจากตรงนั้นมายืนตรงริมระเบียงนอกห้องเหมือนทุกครั้งที่ลู่หานโทรมา

    ผมไม่อยากพูดคุยกับลู่หานให้เขาได้ยิน...เหมือนกับที่ผมไม่อยากได้ยินจงแดคุยกับพี่ซูโฮเหมือนกัน

     

    อากาศข้างนอกนี้หนาวเย็นเหลือเกิน...

    หนาวจนผมแทบอยากจะเปลี่ยนใจกดตัดสายแล้วเดินกลับไปนั่งอิงกับจงแดบนโซฟาเหมือนเก่า

    หากแต่ก็รับรู้ได้ว่าผมไม่ควรจะทำอย่างนั้นเพราะลู่หานกำลังรอให้ผมกดรับสายอยู่ในตอนนี้

     

    ผมถอนหายใจออกมา เพราะรู้สึกว่าไม่อยากรับสายของลู่หานเลยซักนิดเดียว

    ผมรู้สึกผิดกับลู่หานเหลือเกิน และนั่นแหละที่ยิ่งทำให้ผมพยายามหนีหน้าเขามาตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้

    ผมไม่เคยรักเขา...และไม่เคยตอบตกลงเป็นแฟนกับเขาเลยซักครั้งเดียว

    แต่ผมจะโทษว่าลู่หานพูดเองเออเองก็ไม่เต็มปากนักหรอกครับ...เพราะผมเองก็ไม่เคยปฏิเสธเขาเลยซักครั้ง

    ไม่เคยจะปฏิเสธอะไรกับเขาได้เลยซักเรื่องเดียว...

     

    “อืม...ว่าไง?

    มีอะไรเหรอลู่หาน?”

     

     

    ผมกดรับสายเขาเป็นครั้งแรกในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมา...นั่นเพราะว่าผมยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยกับเขา

    แต่สุดท้ายแล้วผมก็รู้ว่าหนีไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี ในเมื่อผมทำผิดไป...ผมก็ควรจะรับผิดและโดนลงโทษซะ

     

    “ไม่มีอะไรโทรมาไม่ได้เหรอ?

    เพราะฉันโทรมามันเลยทำให้นายลำบากใจมากใช่ไหม”

     

    ลู่หานตอบกลับมาจากปลายสายแผ่วเบา

    น้ำเสียงนั้นดูไร้เรี่ยวแรงและทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

    ผมกัดริมฝีปากแล้วห่อไหล่ด้วยความหนาว...เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็พบว่าหิมะกำลังโรยตัวลงมาแล้วในที่สุด

     

    “ฉันเปล่าพูดอย่างนั้นซักหน่อย...ทำไมต้องประชดกันด้วย”

     

    ผมพูดพลางกลอกตา รู้สึกว่าตัวสั่นและฟันเริ่มจะกระทบกันดังกึกๆ

    และนั่นทำให้ผมคิดว่าควรต่อบทสนทนาให้น้อยที่สุดแล้วรีบกลับเข้าไปข้างในคงจะดีกว่า

     

     

    ฟุบ...

     

     

    หากแต่วินาทีที่ผมทำอย่างนั้น เสื้อโค้ทหนานุ่มตัวหนึ่งก็ถูกวางลงรอบบ่าของผมอย่างแผ่วเบา

    ผมมองหน้าจงแดที่เดินออกมาคลุมเสื้อให้ผมที่ไหล่ ก่อนจะเห็นว่าจงแดส่งยิ้มบางๆมาให้ผม

    ก่อนที่เขาจะเดินถอยกลับเข้าห้องไป...

     

    เพียงแค่เท่านั้น...โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะอุ่นขึ้นราวกับว่าฤดูใบไม้ผลิได้มาถึงแล้วในที่สุด

    เพียงแค่เสื้อโค้ทตัวเดียวคงไม่อาจทำได้...

    แต่มันเป็นเพราะความห่วงใยของเขามากกว่าที่ทำให้โลกของผมอุ่นขึ้นได้ทั้งใบ

     

    แต่ไม่นานเท่าไหร่ผมก็ต้องกลับมาเผชิญกับความเป็นจริงที่ผมไม่เต็มใจจะพบเจออีกครั้ง...

     

    “ไม่ได้ประชด...ฉันก็แค่ถามตามที่ฉันรู้สึก”

     

    ลู่หานตอบกลับมาอย่างอ่อนแรง...เขาดูไร้เรี่ยวแรงอย่างน่าประหลาด

    ประกอบกับเสียงไอที่ดังมาจากปลายสายนั้นแหละที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาไม่ปรกติ

    เพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลยซักครั้ง

     

     

    “นายเป็นอะไรน่ะลู่หาน...ไม่สบายเหรอ?”

     

     

    ผมถามเขาอย่างเป็นห่วง...

    ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ใครเข้าใจผิด แต่นั่นเพราะว่าผมเป็นห่วงเขาจริงๆ

    ผมเพิ่งมาสังเกตว่าลมหายใจของเขารวยรินแค่ไหนก็ตอนที่ผมได้ตั้งใจฟังมันดีๆอย่างในตอนนี้

    และใช่ครับ...ลู่หานกำลังไม่สบายจริงๆ

     

     

    “ไม่เป็นอะไรมากหรอก...ก็แค่เป็นไข้เท่านั้น” ลู่หานตอบกลับผมมา

     

     

    “นายกินยาหรือยังลู่หาน...นายไหวหรือเปล่า

    นายไหวไหม ถ้านายไม่ไหวนายควรจะไปโรงพยาบาลนะ”

     

     

    “ฉันอยากจะบอกนายว่าไม่เป็นไร แต่เอาจริงๆแล้วฉันไม่โอเคเลยล่ะมินซอก

    ฉันอยากเจอนายจริงๆ ฉันคิดถึงนาย...อยากให้นายมาอยู่ข้างๆฉันตรงนี้”

     

    ลู่หานตอบกลับมาอย่างเว้าวอน...ในน้ำเสียงมีแววขอร้องให้ผมทำตามอย่างที่เขาต้องการ

    แต่ผมไม่ต้องการเลย...ผมไม่อยากจะทำอย่างนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นห่วงลู่หานแค่ไหนก็เถอะ

     

     

    “ฉันไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกลู่หาน...

    ไปโรงพยาบาลเถอะนะ อย่าทำอย่างนี้เลย

    รักษาตัวเองได้ไหม? ฉันขอร้องแค่นี้...ถือซะว่าทำเพื่อฉัน”

     

    ผมบอกเขาพลางกัดริมฝีปาก...กระชับเสื้อโค้ทที่วางอยู่รอบบ่าให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก

    ผมหนาวเหน็บเพราะความรู้สึกผิด ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้

    ถ้าไปหานั่นก็แปลว่าเรื่องราวมันก็จะยาวนานมากขึ้นเรื่อยๆ

    แต่ถ้าตัดไปตอนนี้ แม้แต่คำว่าเพื่อนของผมกับเสี่ยวลู่หานก็อาจจะจบลงไปตลอดกาล...

     

     

    “แต่นั่นคือคำขอร้องของฉันเหมือนกัน...

    ทำเพื่อฉันได้ไหมคิมมินซอก

    แค่มาหาฉันและแกล้งทำเป็นว่านายเป็นห่วงฉันเท่านั้นนะ...ได้ไหม?

    พอจะให้ฉันได้หลอกตัวเองต่อไปอีกหน่อยว่าฉันยังพอจะมีความหวังอะไรได้บ้าง

    ถือว่าเป็นคำขอร้องของฉัน...ถือซะว่าทำเพื่อฉัน”

     

    “โธ่...ลู่หาน”

     

    ผมร้องออกมาอย่างรู้สึกผิดเมื่อได้ยินลู่หานร้องขออย่างนั้น

    หากแต่ไม่ทันได้พูดอะไรลู่หานก็พูดต่อไปอย่างไม่สนใจจะฟังความเห็นของผมอีก

     

     

    “ฉันจะรอนะมินซอก...และฉันหวังว่านายจะมา”

     

     

    เขาพูดเสร็จแล้วก็ตัดสายไปอย่างถือวิสาสะ

    ทิ้งผมไว้กับอาการหงุดหงิดงุ่นง่านและไม่แน่ใจว่าควรต้องทำยังไงต่อจากนี้

     

     

    ผมเดินเข้ามาในห้องและพบว่าจงแดกำลังนั่งรออยู่บนโซฟาเงียบๆ

    เขากดปิดหนังไปแล้วและในห้องนั้นมีแต่ความเงียบสงัดและบรรยากาศน่าอึดอัดยามที่เขามองมาทางผมก็เท่านั้น

     

    ผมเดินไปที่ราวแขวนเสื้อโค้ทแล้วแขวนเสื้อจงแดลงไปที่ราวแขวนนั้น

    ก่อนจะตัดสินใจหยิบเสื้อโค้ทของตัวเองมาสวมอย่างเชื่องช้า

     

     

    “มึงกำลังจะไปไหนน่ะมินซอก”

     

    จงแดถามผมขึ้นมาแหวกความเงียบที่เราทั้งสองกำลังเผชิญอยู่

    ผมรู้ดีว่าเขากำลังมองหน้าผม...แต่ผมไม่กล้าที่จะสบตาเขา

     

     

    “ลู่หานไม่สบายน่ะ...กูจะไปหาเขา” ผมตอบจงแดพลางหันไปมองหน้าเขา

     

     

    “...............................................................”

     

    จงแดจ้องหน้าผมและเงียบลงไปอีกครั้ง...

    ก่อนที่วินาทีต่อมาเขาก็หันหน้าไปทางอื่นและไม่ได้พูดอะไรอีก

    ผมไม่ชอบเลยเวลาที่จงแดหนีหน้าผม อย่างน้อยเขาก็น่าจะพูดอะไรบ้างสิ

    พูดอะไรก็ได้ให้ผมเปลี่ยนใจ...

     

     

    “กูควรทำยังไงดีจงแด...กูควรไปหรือเปล่า”

     

     

    ผมถามเขาขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจนัก ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพื่อรอฟังคำตอบของเขา

    หันมองใบหน้าด้านข้างของจงแดที่กำลังเพ่งมองไปทางอื่นอย่างเอาเป็นเอาตาย...

    เพียงแค่เฝ้ารอว่าเขาจะพูดให้อะไรบ้าง...อะไรก็ได้...แค่เขาพูดมาเท่านั้น

     

     

    “................................................”

     

     

    หากแต่เขาก็ยังเงียบกริบ...ผมเห็นเขานิ่งอย่างกับหินและไม่ทำแม้แต่กระพริบตา

    หัวใจผมบีบรัดที่ได้เห็นว่าเขาไม่แคร์เลยไม่ว่าผมจะออกไปหาใคร

    ผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังปรารถนาอะไร...

    อยากให้เขาหึงหวงเหรอ...

    หรือว่าอยากให้เขาตัดสินใจอะไรให้ชัดเจนกันแน่...

     

     

    “อย่าเงียบดิจงแด...กูขอให้มึงพูดมาแค่คำเดียวเท่านั้น

    ถ้ามึงไม่อยากให้ไป  กูก็จะอยู่...”

     

    ผมบอกเขาอย่างหนักแน่น...หมายความจริงจังอย่างที่ได้พูดออกไป

    ความรู้สึกตอนนี้เหมือนผมกำลังวางเดิมพันกับตัวเองอยู่ก็ไม่แตกต่าง...

    แต่สิ่งที่เอาวางเดิมพันนั้นคือหัวใจของผม...

     

    ถ้าเขาบอกให้ผมอยู่ ผมก็จะไม่ไปไหน

    แต่ถ้าเขาไม่คิดแม้แต่จะยื้อผมไว้...นั่นก็แปลว่าเขาไม่ได้รักผมอย่างที่ผมเข้าใจ

    และมันก็จะทำให้ผมรู้ว่าผมควรตัดสินใจยังไง

     

     

    “ถ้ามึงอยากไปก็ไปดิ...จะมาถามกูทำไม”

     

     

    จงแดพูดออกมาในที่สุดทั้งๆ ที่ยังไม่หันมามองหน้าผม

    ผมหลับตาลงอย่างเจ็บปวดเมื่อสิ่งที่วางเดิมพันเอาไว้มันแหลกสลายไปในพริบตา

    หัวใจของผมแหลกสลายเพียงแค่เพราะว่าผมมั่นใจในตัวเองมากเกินไป

    มั่นใจว่าจงแดจะรักผมอย่างที่ผมเข้าใจ...ทั้งๆที่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เลย

     

     

    “อ่อเหรอ...งั้นก็ดี" ผมพูด...ในหัวใจเต้นกระตุกและเจ็บปวดอย่างน่าประหลาด




    "..................................................." หากแต่จงแดก็ยังเงียบ




     

    "งั้นกูจะไปแล้ว และไม่แน่ว่ากูอาจจะนอนค้างที่ห้องลู่หาน

    มึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ กู...กูไปล่ะ”

     

     

    ผมพูดออกมาอย่างอดกลั้น...ก่อนจะพาตัวเองเดินออกจากจุดที่ยืนอยู่อย่างยากลำบาก

    ทั้งๆที่ความจริงแล้วผมอยากจะวิ่งหนี วิ่งออกไปจากตรงนี้ให้ไกลได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี

    มันอาจจะจบแล้ว...ผมไม่น่าจะคิดไปเองว่าภายใต้ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนี้

    มันอาจจะหมายความว่าจงแดก็คิดไม่ต่างจากผม

     

    แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นผมที่คิดไปเองคนเดียว...

     

     

    ผมสาวเท้าเดินไปหยิบเอากระเป๋าเงินหย่อนลงในกระเป๋าเสื้อโค๊ทแล้วก้าวเดินไปที่ประตูห้อง

    ขอบตาร้อนผ่าวเพราะน้ำตาที่กำลังรื้นขึ้นมาอย่างไม่สามารถจะห้ามได้

    สาวเท้าไปหยุดที่หน้าประตูห้องแล้วเริ่มสวมบู๊ทลงไปโดยไม่หันกลับไปมองอีก

    ไม่หรอก...ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องหันไปมองเลยนี่นา...

     

    น้ำตาผมไหลลงมาแล้วในที่สุด เมื่อผมยื่นมือไปคว้าลูกบิดแล้วเปิดมันออกมา

    ผมก้าวเท้าออกมาจากห้อง...

    หากแต่วินาทีต่อมาน้ำตานั้นกลับทะลักทลายลงมาอย่างกับเขื่อนแตก

     

     

    จงแดสาวเท้าเข้ามาแล้วกอดผมเอาไว้ในอ้อมแขน...

     

     

    “ไม่ไปนะมินซอก...กูไม่ให้ไป...

    กูรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิจะห้ามไม่ให้มึงไป แต่ถ้ากูขอร้องมึงจะฟังคำขอของกูใช่ไหม?

     

    .

    .

    .

     

    ถ้างั้นก็อยู่กับกูตรงนี้...อย่าไปไหนนะ” 

















    ✚ TALK 


    ความจริงมันเหมือนจะครบร้อยแล้ว แต่นมน.ตั้งใจว่าคู่เสริมจะแต่งให้คู่ละสามตอน...
    แล้วจะเอาไงดีล่ะเนี่ย ก็ในเมื่อมันยังไม่จบ T T
    (ว่าแล้วเชียว อินมน.ไม่เคยแต่งช็อตฟิคได้เลยยยยสินะะะะะ)
    เดี๋ยวจะมาต่อในตอนนี้ให้เรื่อยๆ จนจบแล้วกันค่ะ 
    หรืออาจจะเปิดตอน 4 ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน...คอยดูกันอีกที

    อืม...ขอพื้นที่หน่อยค่ะ
    คือเห็นว่านมน.ไม่ขอให้เม้นท์ก็เลยไม่เม้นท์กันสินะคะ
    ก็ขอบคุณอ่ะค่ะ ขอบคุณที่ทำให้นอยด์แล้วกัน
    ไม่ต้องเม้นท์ก็ได้ค่ะ...ปล่อยมันไว้งี้แหละ อ่านแล้วกดปิดไปไม่เห็นต้องแคร์

    อ่า... ขอโทษที่เหวี่ยงนะคะ พอดีว่าง่วงไปหน่อย...
    เมื่อคืนก็เมาวันนี้ตื่นเช้าและจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้นอนก็เลยอารมณ์เสียนิดหน่อย
    แต่ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ ไปนอนแล้วเดี๋ยวซักพักก็หาย

    ในเมื่อฟิคเรื่องนี้มันเป็นสิทธิของคุณ...
    ก็แล้วแต่ค่ะตามใจเลย อยากทำไรก็ทำ 
    อ่านแล้วเม้นท์นมน.ก็ดีใจค่ะ แต่อ่านแล้วไม่เม้นท์แล้วนมน.จะทำไรได้ล่ะจริงไหม?
    นมน.มีหน้าที่แต่งมาลงให้อ่านกันเฉยๆอยู่แล้วค่ะ...ไม่เห็นต้องแคร์อะไรเลยยย


    เออ...ความจริงก็คิดได้นี่นาอินมน.  
    คือก็รู้แล้วจะมาบ่นทำไม?
    อ่า...งั้นไปนอนก่อนนะคะ ง่วงจังเลย...

    ลาล่ะค่ะ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×