คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : ✚ BE MY H0NEY :: CHEN & XiUMiN IV
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Kim Jongdae & Kim Minseok
Story : Jackboiz
Rate : PG-15
Be my Honey*
‘ ...it's hard
to Say
Love.....’
ความใกล้ชิด ความสนิทสนม เป็นบ่อเกิดของความรักหรือแค่ความหวั่นไหว
เราอาจจะตอบได้ก็ต่อเมื่อมีตัวแปรของสิ่งที่เรียกว่า ‘เวลา’ เข้ามาเกี่ยวข้อง
เวลาจะบอกได้ว่าสิ่งที่ทำให้หัวใจของเราสั่นคลอนนั้นเป็นเพราะอะไร
เพราะความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นแค่ชั่วครู่ หรือเป็นความรักที่มันฝังแน่นตลอดไป
- Luhan’s Part -
มินซอกมีเจ้าของหัวใจแล้ว...
ใช่ว่าผมจะไม่เคยรับรู้ถึงความจริงข้อนี้...
แต่ผมเองก็ยังอยากจะลองพนันดูกับตัวเองว่ามันจะเป็นยังไงนะถ้าหากผมลองท้าทายมันดู
ให้มันรู้กันไปว่าหัวใจคนเรานั้นมันจะมั่นคงได้แค่ไหนกันเชียว
ยิ่งถ้าเจ้าของหัวใจของมินซอกนั้นมีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว...มันก็ยิ่งน่าลุ้นให้ผมต้องลองเสี่ยงดู
ผมชอบมินซอก...ชอบเขาเพราะเขาน่ารักจริงๆอย่างที่บอก
แต่ถามว่ารักไหม...ในตอนนั้นผมบอกได้เลยว่าไม่มีทางหรอก
คนเราที่เพิ่งรู้จักกันเห็นกันเพียงผิวเผินน่ะจะรักกันได้ยังไง...
ผมเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน และจะอยู่ที่เกาหลีเพียงแค่หนึ่งเทอมเท่านั้น
ตอนนั้นผมมีแต่ความสนุกและกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
ในเมื่อได้มาที่นี่ทั้งที...ทำไมผมถึงไม่ลองหาความทรงจำดีๆในเกาหลีดูบ้างล่ะ
ตัวอย่างเช่นมินซอกนี่ก็น่าจะทำให้ทุกวันในหนึ่งเทอมของผมดูน่าสนุกขึ้นมาไม่ใช่หรือ...
แต่สุดท้ายเมื่อผมตกหลุมที่ผมเป็นคนขุดขึ้นมาเอง...
ผมกลับเจ็บปางตายจนแทบสิ้นใจ...
เมื่อผมได้พิสูจน์จนค้นพบด้วยตัวเองแล้วว่า...ความรักนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อกันเล่นๆ
ผมชอบมินซอกมาก...ชอบมากขึ้นทุกวันๆที่ได้ทำความรู้จักกับเขา
จากชอบ กลับกลายเป็นรัก...แต่เมื่อรัก ผมก็ไม่อาจจะเดินไปต่อได้อีก
เพราะมินซอกนั้นไม่เคยคิดกับผมมากกว่าเพื่อนเลยซักครั้งเดียว...
เขาให้ความเป็นห่วง...แต่ไม่เคยให้ความหวัง
ทุกครั้งที่ผมหยิบยกขึ้นมา มินซอกไม่เคยปฏิเสธ...แต่เขาก็ไม่เคยเห็นด้วย
คิมจงแดมีชื่อเสียงอยู่พอตัว...ทำให้ผมรู้จักเขาอยู่บ้าง
อันที่จริงทุกคนในแก๊งค์นมเย็นต่างก็เป็นที่รู้จักกันในมหาวิทยาลัย
เพราะด้วยหน้าตาของแต่ละคนในแก๊งค์นั่นแหละที่ทำให้พวกเขาโด่งดัง
แต่ผมกลับเพิ่งมาได้รู้จักพวกเขาจริงๆจังๆก็ตอนที่ได้พบกับมินซอก
ผมรู้ว่ามินซอกแอบชอบจงแด แต่ผมไม่คิดว่ามันจะสำเร็จ เพราะจงแดเองก็มีแฟนอยู่แล้ว
แต่ความสงสัยของผมกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ...
จนกระทั่งตอนนี้เองที่ผมแน่ใจ...ว่าพวกเขาสองคนก็คิดไม่ต่างกัน
ตำแหน่งของผมถูกพลิกกลับเหมือนกับพื้นที่ผมยืนอยู่ตอนนี้นั่นแหละ
จากที่ผมมั่นใจว่าผมจะชนะได้...ตอนนี้มันกลับไม่ใช่เลยซักนิด
ผมแพ้คิมจงแดตั้งแต่ที่เขายังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าผมยกให้เขาเป็นคู่ต่อสู้ในการแย่งชิงหัวใจมินซอก...
ผมเคยคิดว่าถ้าหากคนเราจะพยายามที่จะทำอะไรซักอย่าง...ไม่นานสิ่งนั้นก็จะเป็นของเรา
แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเรื่องบางเรื่อง ต่อให้พยายามแค่ไหนทุ่มเทลงไปมันก็ไม่ได้อะไรกลับคืนมาอยู่ดี
และตอนนี้ผมรู้แล้วว่าถึงสู้ไปก็ไม่มีประโยชน์...
ผมลองสู้แล้ว...แต่ไม่ได้อะไรกลับมา
เพราะฉะนั้นผมก็จะหยุด...
ผมหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูในมือขึ้นกดส่งข้อความที่พยายามจะส่งมาตั้งแต่บ่าย
หากแต่ผมกลับรับรู้ว่ามันช่างเป็นเรื่องยากจริงๆที่จะทำอย่างนั้น
ผมไม่แน่ใจนักว่าถ้าหากผมตัดสินใจกดส่งมันไปแล้ว ชีวิตผมจะเป็นยังไง
ถ้าหากผมกดลบมันไปนั่นแปลว่าผมยังรั้นสู้ต่อได้...
แต่ถ้าหากผมกดส่งไป นั่นแปลว่าผมจะต้องหยุดทุกๆอย่างแล้วกลับมาเป็นเสี่ยวลู่หานคนเดิม
ถึงผมจะคิดสะระตะไปโน่นนี่...
แต่ผมรู้ดีว่าในตอนนี้ผมมีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น...
ติ๊ด....
นิ้วโป้งของผมกดส่งข้อความแล้วเอนหลังลงแผ่หลาลงไปบนฟูกนอน
หลับตาลงแล้วกลืนก้อนสะอื้นที่จุกตรงลำคอให้มันกลืนหายลงไปซะ...
ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้ได้สิ...ในเมื่อผมตัดสินใจว่าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องผมก็ต้องทำให้ได้
ผมคือใครกันล่ะ...ผมคือเสี่ยวลู่หานนะ...
ในเมื่อตัดสินใจจะหยุดทุกอย่าง...นั่นแปลว่าผมเลือกแล้วว่าควรหยุดยืนที่จุดไหน
********
มินซอกยกยิ้มออกมาบางๆ
เมื่อคนที่ปกติแล้วนอนกันคนละฝั่งเตียง มาตอนนี้กลับกลายเป็นว่าดึงเขาเข้าไปกอดไว้อย่างกับเป็นหมอนข้าง
จงแดกำลังนอนหลับสบายเสียเหลือเกิน ในขณะที่มินซอกไม่สามารถแม้แต่จะข่มตาลงได้
ถึงแม้ว่ามินซอกจะนอนหันหลังให้กับจงแด แต่อ้อมแขนที่จงแดยกมาพาดตรงเอว
และแผงอกของจงแดที่แนบสนิทอยู่กับหลังของเขานั้นทำให้มินซอกอบอุ่นเกินไปจนรู้สึกร้อนผ่าว
ทำเอามินซอกไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวเลยจนกลายเป็นแข็งขืนร่างกายไว้จนเมื่อย
ก็ในเมื่อจงแดกำลังหลับสบาย...ใครจะอยากทำให้เขาตื่นกันล่ะ...
หากแต่เสียงข้อความที่ดังขึ้นมานั่นแหละที่ทำให้มินซอกต้องสะดุ้งจนสุดตัว...
จงแดเองก็เช่นกัน...เขาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาทันทีที่เสียงโทรศัพท์นั้นดังขึ้นตรงหัวเตียง
มินซอกหันมามองหน้าจงแดเล็กน้อยเพื่อมองดูคนที่เพิ่งตื่น...
หากแต่เมื่อพบว่าจงแดตื่นขึ้นมาแล้ว
เขาเลยหันไปหยิบเอาโทรศัพท์ต้นเหตุที่ทำให้จงแดตื่นขึ้นมาดูว่าใครกันที่ส่งข้อความมา
และก็พบว่าเป็นเสี่ยวลู่หานอีกครั้ง...หลังจากครั้งสุดท้ายที่เขาส่งมาเมื่อคืนก่อน...
“งือ...ใครส่งข้อความมาเหรอมินซอกอ่า...”
จงแดถามผมอย่างงัวเงีย แต่ในที่สุดก็ยันตัวขึ้นมานั่งจนได้
ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอ ก่อนจะชั่งใจดูว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดี
“ลู่หานน่ะ...เขาส่งข้อความมา”
ผมตัดสินใจบอกความจริงกับจงแดไป...
เพราะเอาเข้าจริงแล้วผมเองก็ไม่อยากจะโกหกเขา
ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว...นั่นแปลว่าผมคงไม่ได้คิดไปเองอีกแล้วใช่ไหมครับ
“มึง...อ่านมันให้กูหน่อยได้ไหมจงแดอ่า”
ผมพูดพลางส่งมือถือไปตรงหน้าจงแดอย่างช้าๆ
หากแต่จงแดกลับเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างมีคำถาม...
“ทำไมต้องเป็นกูล่ะ?” เขาถามพลางชี้หน้าตัวเอง
“กูอยากให้มันไม่เป็นความลับไง...กูอยากเปิดเผยเรื่องนี้กับมึงนะ
มึงจะได้รู้ ว่าระหว่างกูกับลู่หานน่ะ มันจะไม่มีอะไร”
ผมพูดพลางยัดโทรศัพท์ลงไปกับมือของจงแด
หากแต่จงแดกลับหัวเราะแล้วยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี...เขาส่งมือขึ้นมาโครงที่ศีรษะของผมไปมาอย่างสนุกมือ
“มึงน่ารักนะเนี่ย มินซอกอ่า...แต่ไม่เป็นไรหรอก มึงเปิดอ่านเถอะ...
กูยังอยู่ตรงนี้ มันไม่ได้เป็นความลับซักหน่อย”
จงแดขยี้ผมของมินซอกไปมาอย่างสนุกสนาน รู้สึกชอบอกชอบใจที่คนตรงหน้านั้นทำตัวน่ารัก
มินซอกเบะปากเล็กน้อย หากแต่ก็ยังรบเร้าให้จงแดเป็นคนเปิดมันอ่านอยู่ดี
“น่านะ...มึงอ่านให้กูหน่อยนะจงแดอ่า
กูไม่อยากอ่านเลย มันทำให้กูรู้สึกไม่ดี
ทั้งรู้สึกไม่ดีกับลู่หานด้วย...และรู้สึกไม่ดีกับมึงด้วย”
“งั้นมาอ่านพร้อมกันสิ...ถ้ามันจะทำให้มึงสบายใจ”
จงแดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปลดล็อคและคว้ามือของมินซอกเพื่อดึงให้เขาเข้ามาอยู่ใกล้ๆ
และสุดท้ายเพื่อที่จะทำให้ทั้งตัวเขาและมินซอกสบายใจ...ทางที่ดีที่สุดก็คือเปิดอ่านมันพร้อมกันทั้งคู่นั่นแหละ
จงแดกดเปิดข้อความ...ก่อนจะพบข้อความเพียงแค่สั้นๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอ
มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไร หากแต่น่าจะทำให้มินซอกลำบากใจเข้าไปแล้วเต็มๆ
มาเจอฉันที่ร้านทีช็อปพรุ่งนี้บ่ายสามโมงนะ...
ฉันสัญญาว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย
ข้อความเพียงสั้นๆ หากแต่ทำให้มินซอกต้องกัดริมฝีปากด้วยความหนักใจ
จงแดยกแขนขึ้นโอบรอบคอมินซอกเอาไว้
แล้วส่งมือไปนวดที่ต้นคอของมินซอกเบาๆเพื่อหวังจะทำให้เขาได้ผ่อนคลาย...
ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วจงแดเองก็ไม่ได้อยากให้มินซอกไปนักหรอก...แต่จงแดกลับรู้ตัวดีว่าไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะห้ามมินซอกได้
เขาเองก็แค่เพื่อนเท่านั้น... หรืออาจจะเป็นเพื่อนพิเศษ...
มินซอกเอียงศีรษะไปซบเข้าที่บ่าของจงแดแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ
หากแต่แขนทั้งสองข้างก็ยื่นไปกอดแขนแกร่งของจงแดเอาไว้เสียแน่นแล้วทำอ้อน
จงแดยกยิ้มออกมาบางๆ เมื่อมินซอกทำอย่างนั้น
ราวกับว่านี่อาจจะเป็นคำตอบของคำถามที่เขาและซูโฮต่างก็ตามหามันมาตลอด
อาจจะเป็นเพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง เขาถึงได้คิดถึงแต่มินซอกทุกทีเวลาที่อยู่กับซูโฮ
หากแต่ทุกครั้งที่จงแดอยู่กับมินซอก...เขากลับไม่เคยคิดถึงซูโฮเลยซักครั้ง
อาจจะเป็นเพราะว่า...เขารักมินซอก
“ไปด้วยกันนะ...จงแดอ่า”
มินซอกกระซิบออกมาเบาๆ ในขณะที่ศีรษะนั้นก็ยังคงเอียงเอนซบอยู่บนไหล่กว้างของจงแดอยู่
จงแดยกยิ้มออกมาและกลับเป็นฝ่ายเอนศีรษะไปซบที่ศีรษะของมินซอกไว้บ้าง
“อื้ม...ไปด้วยกันนะมินซอกอ่า”
จงแดพูดออกมาพลางยิ้มเมื่อมินซอกกอดแขนของเขาให้แน่นขึ้นไปอีกราวกับเด็กๆ หวงของเล่น
เราสองคนไม่ได้พูดอะไรต่อกันอีก และความเงียบก็แล่นมาปกคลุมทั่วทั้งห้องสี่เหลี่ยมที่เราอยู่กันมาตลอดสองปีเอาไว้
หากแต่ในความเงียบนั้นไม่ได้อึดอัดเลย...สิ่งที่จะบอกแทนได้ทั้งหมดคือความอบอุ่นต่างหาก
จงแดเลื่อนมือไปประสานนิ้วมือของมินซอกเอาไว้แล้วบีบมันเบาๆ
เพื่อที่เขาจะบอกมินซอกว่าเขาจะยังคงอยู่ตรงนี้เสมอ...
ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาวเย็น หากแต่มินซอกกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่กำลังก่อตัวในหัวใจขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
และในเมื่อความอบอุ่นนั้นก่อเกิดขึ้นมาเพียงแค่สัมผัสผ่านปลายนิ้วที่กอบกุมกันไว้
มินซอกก็มั่นใจว่าต่อให้เอาทุกๆสถานะความสัมพันธ์ที่มีมากองอยู่ตรงหน้าเพื่อแลกกับช่วงเวลาเหล่านี้
มันคงไม่จำเป็นอะไรเลย...เพราะในเมื่อเราอยู่ข้างๆ กันมันก็บอกแทนสถานะทุกๆ คำได้ดีอยู่แล้ว
*********
ลู่หานยกกาแฟคาราเมลมัคคลิอาโตที่เขามักจะสั่งทุกครั้งที่มาที่นี่ขึ้นดื่มอย่างเชื่องช้า
ก่อนจะรับรู้ได้ว่ารสชาติคาราเมลที่ควรจะได้รับนั้นกลับกลายเป็นความขมไปเสียหมด...
อาการอกหักมันเป็นอย่างนี้เองสินะ...เขาถึงได้พูดกันว่าเวลาคนเราอกหักมักจะน้ำหนักลดลง
ก็เพราะว่ากินอะไรก็ไม่อร่อยไปซะหมดอย่างนี้ แม้แต่กาแฟรสโปรดจากร้านประจำที่เคยกินก็ยังทำให้รู้สึกแปลกลิ้นไปซะได้
ลู่หานกัดริมฝีปากแล้วเอนหลังลงอย่างช้าๆ
เสมองไปนอกหน้าต่างก่อนจะมองเห็นบางอย่างที่ทำให้เขาต้องหลับตาลงอย่างเจ็บปวด
มินซอกมาตามนัด...หากแต่เขาไม่ได้มาคนเดียวอย่างที่ลู่หานเข้าใจ
เขากำลังเดินมากับคิมจงแด...
และถ้าลู่หานไม่ได้ตาฝาดไป...เขาเห็นว่าจงแดและมินซอกกำลังจับมือเดินมาคู่กันด้วย
เจ็บ...เจ็บจะตายแล้วนะมินซอกอ่า
แต่จะทำอะไรได้ล่ะ...ท่องเอาไว้ใส่ใจซะนะลู่หาน
เขาไม่ได้รักนาย และการนัดพบกันในวันนี้คือทำให้ทุกอย่างจบ...
ลู่หานหันไปมองเมื่อมินซอกก้าวพ้นประตูร้านมาแล้ว...โดยที่มีจงแดติดสอยห้อยตามมาด้วย
มือของคนทั้งคู่ปล่อยออกจากกันไปแล้ว
หากแต่สิ่งที่ทำให้ผมยังคงรำคาญใจก็คือท่าทางที่ทั้งสองเอาแต่มองกันไปกันมาตลอดเวลา
ราวกับว่าจะถามความเห็นกันอย่างนั้นแหละ ว่าคิดถูกแล้วหรือที่เลือกมาเจอผมที่นี่...
หากแต่เขาก็ยังเดินเข้ามาหาผมด้วยกันทั้งคู่...และมินซอกก็เริ่มต้นทักทายผมอย่างหวาดๆ
“เอ่อ...สวัสดีนะลู่หาน
ฉันพาจงแดมาด้วยนะ ไม่เป็นอะไรใช่หรือเปล่า”
มินซอกถามผมอย่างไม่แน่ใจนัก...
จงแดนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกมาหากแต่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
“ฉันไม่ได้คิดไว้ว่านายจะพาเขามาตั้งแต่แรก...
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้านายอยากจะพาเขามาฉันจะห้ามอะไรได้ล่ะ
แต่ฉันขอเวลานายแค่ห้านาทีเท่านั้นล่ะมินซอกอ่า...
ฉันขอคุยกับนาย แค่สองคนเท่านั้นนะ ได้ไหม?”
ผมถามเขาอย่างเว้าวอน...ส่งสายตาไปบอกมินซอกว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะมากวนใจเขา
และผมอยากจะให้เขาตอบรับเพื่อผมซักครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย...
มินซอกเงยหน้าขึ้นมองจงแดที่ยืนอยู่ข้างๆ ราวกับจะขอความเห็นจากเขา
ผมเห็นจงแดเม้มริมฝีปากก่อนจะเสตามามองผมโดยไม่ได้ตั้งใจ
ก่อนที่เขาจะเงียบไปไม่นานนัก แล้วจึงหันไปบอกกับมินซอกเบาๆ
“กูจะรออยู่ที่โต๊ะตรงนั้นนะมินซอกอ่า...
มีอะไรก็ออกไปเรียกกูได้ตลอดเวลา” จงแดบอกกับมินซอกพลางยักไหล่
“อื้ม...รอกูแป๊ปเดียวนะจงแดอ่า
มึงหิวใช่ไหม? งั้นก็สั่งอะไรมากินระหว่างที่รอก็ได้นะ”
มินซอกตอบรับ แต่ก็ยังคงหันไปมองจงแดด้วยความเป็นห่วง
เขาเป็นอย่างนี้เสมอเลย...มินซอกน่ะ
แม้แต่กับผมหรือว่าจงแดเขาก็ยังคงแสดงท่าทีห่วงใยมากไปจนบางทีก็ทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ
แต่ผมกลับมั่นใจว่าเขาไม่เคยมองผมด้วยสายตาอย่างที่เขามองจงแดเลยซักครั้ง...
แค่นั้นก็เห็นได้ชัดแล้ว ว่าความสำคัญนั้นใครกันที่มีมากกว่า
“ไม่เป็นไรหรอก...กูรอมึงได้ เราจะได้กินพร้อมกัน”
จงแดพูดพร้อมทั้งยิ้มบางๆ...ผมเสตาไปมองที่นอกหน้าต่าง
เพราะไม่อยากจะมองเห็นว่ามินซอกยิ้มตอบกลับจงแดไปแบบไหน
ก่อนที่ผมจะรับรู้ว่าคิมจงแดเดินออกไปยังโต๊ะที่เขาบอกไว้ก่อนหน้านี้
และมินซอกก็ลดตัวนั่งลงตรงหน้าผมจนได้...เราสองคนต่างเงียบกันไปซักพัก จนกระทั่งเป็นมินซอกเองที่พูดออกมาก่อน
“ลู่หาน...ไม่สบายหายดีแล้วใช่ไหม?”
เขาถามผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย
เหมือนเดิม...เป็นน้ำเสียงที่เคยได้ แต่กลับไม่ใช่แววตาที่ผมต้องการ
“หายแล้ว...ไม่เป็นไรแล้ว” ผมตอบเขา
“นายป่วยเป็นอะไรหรือลู่หาน?” มินซอกถามต่อ
“ก็แค่เป็นไข้หวัดธรรมดาน่ะ” ผมตอบไปพลางยักไหล่
“โธ่...น้ำเสียงวันนั้นดูแย่มาก ฉันก็นึกว่าจะเป็นอะไรหนักซะอีก” มินซอกบอกกับผมพลางถอนหายใจ
“ฉันก็แค่ทำเป็นอ่อนแอก็เท่านั้นแหละ...
เผื่อนายจะได้หันมาสนใจฉันบ้าง”
“.............................”
มินซอกเงียบและหลบสายตาของผมทันทีที่ผมพูดอย่างนั้น
เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและเราก็กลับเข้ามาสู่ความเงียบอีกหน
อึดอัด...มันน่าอึดอัดจริงๆ ที่เราทั้งคู่ต้องเป็นแบบนี้ และนี่มันมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้มากนัก
ผมไม่เคยคิดว่าคิมมินซอกจะมีผลต่อชีวิตของผมเลยซักนิด...จนกระทั่งวันนี้นี่แหละ
ที่แม้แต่ความเงียบก็ยังทำให้ผมอึดอัด และเจ็บปวดได้ขนาดนี้
“เราไม่ควรจะเป็นอย่างนี้มินซอก
และฉันคิดว่าฉันน่าจะบ้าพอแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้...เกี่ยวกับนาย
จากนี้ฉันขอให้นายฟังฉัน...ไม่ต้องพูดหรือแย้งอะไร แค่ฟังฉันก็พอ”
ผมบอกกับเขารัวเร็ว และคิมมินซอกก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
ผมเห็นว่าแวบหนึ่งนั้นเขาเสตาไปมองจงแดที่อีกมุมหนึ่งของร้าน...
แต่เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้น เขาก็กลับมามองผมเหมือนเก่า
ยังคงเงียบกริบราวกับตั้งใจ...คอยดูว่าผมจะพูดอะไรกับเขา
ผมรู้ดีว่าวิธีการนี้จะทำให้มันง่ายขึ้นมาก...มันจะรวดเร็ว และมันอาจจะทำให้ผมไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉัน...จะกลับจีนอาทิตย์หน้า” ผมพูด
“โอ...ไม่นะลู่หาน // หยุดก่อน...ฉันยังพูดไม่จบ”
ผมขัดเขาเมื่อมินซอกกำลังจะเถียง
ก่อนจะรีบพูดต่อเพื่อไม่ให้เรื่องทุกอย่างมันยาวไปมากกว่านี้อีก
“ความจริงฉันเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแค่สี่เดือน...และฉันเรียนเกินหน่วยกิตที่ฉันต้องการแล้ว
ทุกวันนี้ที่ฉันยังอยู่ก็เพราะว่าฉันตั้งใจจะอยู่เที่ยว และหนึ่งเหตุผลที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะนายด้วยเช่นกัน
มินซอกอ่า...รู้ไหมว่าทำไมเรื่องนี้มันถึงตลก นั่นเพราะว่าฉันเล่นสนุกมาตลอดแม้แต่เรื่องของนาย
ฉันขอโทษที่ต้องพูดนะ แต่ตอนแรกที่ฉันจีบนาย ฉันไม่ได้จริงจังอะไรเลยด้วยซ้ำ...
จนกระทั่งนายนั่นแหละที่ทำให้ฉันต้องเปลี่ยน ทำให้ฉันต้องรักนายมากขึ้นทุกวัน”
“.............................”
มินซอกหลุบตาลงมองที่โต๊ะกาแฟเล็กเมื่อผมมองตรงเข้าไปในตาคู่เล็กของเขา
เขาอาจจะกำลังรู้สึกผิด...หรือไม่แม้แต่จะคิดอะไรเลยซักนิดก็ได้
แต่ใครจะสนใจล่ะ ในเมื่อผมตัดสินใจจะพูด...และทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงอย่างถูกต้องเสียที
“ฉันรู้มาตลอดว่านายไม่ได้คิดกับจงแดแค่เพื่อน...
แต่ฉันก็ยังคิดว่าระหว่างเราคงไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก
เพราะว่าจงแดเองก็มีแฟนแล้ว และฉันก็รู้ดีว่านายเองไม่เคยคิดจะบอกเขาเหมือนกัน
แต่จะว่ากันตามจริงแล้ว ฉันเองก็ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเราจะมีวันนี้...วันที่ฉันต้องเก็บเรื่องนี้มาสนอกสนใจ
อาจจะเป็นเพราะฉันล้อเล่นกับความรักมากไป...และนี่ก็อาจจะเป็นผลกรรมของฉัน”
ผมพูดต่อไปรัวเร็ว...พูดทุกอย่างที่ใจคิด
มินซอกเงยหน้าขึ้นมามองผมเมื่อตอนที่ผมบอกว่าผมรู้ว่าเขาแอบชอบจงแด
ผมเห็นเขาเม้มริมฝีปากจนบางเฉียบ...และมันไม่ได้เป็นท่าทีที่จะขัดขวางให้ผมหยุดพูดได้ในตอนนี้
“ฉันจะถอนตัวแล้วมินซอกอ่า...จะถอนตัวออกมาก่อนที่มันจะทำร้ายฉันมากกว่านี้
ฉันจะไม่โทษนายหรือแม้แต่จงแดเลยซักอย่าง นั่นเพราะฉันรู้ดีว่าฉันเป็นใคร และฉันมาจากไหน
คิดซะว่าฉันเป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามา เป็นแค่คนที่ทำให้นายได้พิสูจน์ใจตัวเองก็แล้วกัน
ถ้านายจะคิดว่าฉันเสียใจล่ะก็...ฉันขอบอกเลยว่าใช่
แต่ฉันเสียใจไม่นานหรอกมินซอก ฉันไม่ใช่คนยึดติดกับอดีตแบบนั้น นายก็รู้ใช่ไหมล่ะ?”
ผมทิ้งท้ายแล้วส่งยิ้มให้กับเขาบางๆ...
มินซอกเสตามองไปที่นอกหน้าต่างแล้วลอบถอนหายใจออกมา แต่ผมก็ยังเห็นอยู่ดี
บางทีผมก็อยากจะบอกให้เขาไม่ทำอย่างนั้น
เพราะนั่นกำลังจะทำให้ผมคิดไปเองว่าเขากำลังเสียใจหรืออยากจะยื้อผมไว้บ้าง
แต่ผมก็ไม่ได้โง่หรือหูตาฝ้าฟางขนาดนั้น...ถึงได้ไม่รับรู้ว่าความจริงตอนนี้คืออะไร
ผมกระชับเสื้อโค้ทกันหนาวที่ใส่อยู่ให้เข้ารูปเข้ารอย
กระซิบประโยคสุดท้ายออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา...ในขณะที่ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่ง
หมดเวลาของผมแล้ว ผมได้ทำทุกอย่างๆ ที่ผมตั้งใจ...แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
และผมกำลังจะหยุดความบ้าบอของตัวเองนี้อย่างเป็นทางการ
“ฉันขอให้นายโชคดีนะมินซอกอ่า...
ถ้ารักเขาก็บอกเขาไปซะ ไม่งั้นนายจะต้องเสียดายแน่ๆ ที่ไม่ได้บอกเขา
ฉันไปล่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง...และลาก่อน”
ผมผุดลุกขึ้นและส่งยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย
หากแต่มินซอกกลับไม่เห็นด้วยกับการที่ผมจะเดินจากไปในตอนนี้
“เสี่ยวลู่หาน...อย่าเอาแต่พูดเองเออเองฝ่ายเดียวแล้วจากไปได้ไหม??
ที่นายกำลังทำอยู่คือการขอเลิกกับฉันแล้วหายไปจากฉันตลอดกาลใช่ไหม???
ทำไมเราต้องทำอย่างนั้น ในเมื่อเรายังเป็นเพื่อนกันได้”
มินซอกแย้งขึ้นมา...และนั่นจุดรอยยิ้มที่มุมปากของผมได้ไม่ยาก
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้มินซอกอ่า...และนั่นคือสิ่งที่เราเป็นมาตลอด
เราไม่เคยเป็นแฟนกันหรอกนะ...มันไม่เคยเป็นอย่างนั้น
มันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ เราจะใช้คำว่าแฟนด้วยกันได้ยังไง?
.
.
ก็ในเมื่อนายยังไม่เคยบอกว่ารักฉันเลยซักคำเดียว”
*********
“มันเป็นคนดีนะ..ไอ้ลู่หานนี่”
จงแดพูดขึ้นมาในขณะที่เราเดินเคียงข้างกันผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขาแล้วมองอย่างเย้าหยอก...
“นี่คือคำพูดของมึงกับคนที่มึงเกือบจะต่อยเขาไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเหรอ?” ผมถามเขาอย่างขบขัน
“หยุดพูดเรื่องนั้นเหอะน่า...ใครทำอะไรที่ไหน ไม่เห็นจะมี”
จงแดพูดพลางยักไหล่ ยกนิ้วขึ้นมาเกาที่ข้างแก้มเมื่อผมพูดถึงเรื่องวันนั้น
ผมค่อยๆ ลอบถอนหายใจออกมา หากแต่ใบหน้าก็มีรอยยิ้ม...
“มันง่ายไปนะ...มึงว่าไหม
แต่กูก็ดีใจนะที่มันจบลงด้วยดีแบบนี้
กูจะได้สบายใจซักที...กูไม่อยากจะทำให้ใครเดือดร้อนแล้วล่ะ”
ผมพูดต่อด้วยรอยยิ้มจางๆ
ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อจู่ๆ จงแดก็หยุดเดินแล้วจ้องมาทางผม
ใบหน้าของเขาจริงจัง...จนทำเอาผมตกใจ
“มินซอกอ่า กูคิดเรื่องนี้มาหลายคืนแล้ว...กูคิดว่ากูจะเลิกกับ // ไม่นะจงแด!”
จงแดพูดออกมาแผ่วเบา...หากแต่เสียงกระซิบนั้นก็หนักแน่น
ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะส่งนิ้วขึ้นไปหยุดสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมาจากปาก
“กูจะเลิกกับพี่ซูโฮ”
จงแดจับมือของผมที่ปิดปากเขาไว้เมื่อครู่ออกแล้วต่อจนจบประโยค
ผมกลอกตาเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น...ก่อนจะพูดกับเขาอย่างเหนื่อยหน่าย
“มึงฟังนะจงแด...ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้เพื่อกูก็ได้
กูโอเคแล้วกับสิ่งที่กูเผชิญอยู่ แค่มึงยังคิดถึงกู ยังยิ้มให้กู กูก็พอใจมากแล้ว
เพราะงั้นมึงไม่ต้องทำอย่างนี้หรอก...มึงไม่จำเป็นต้องเลิกกับพี่เขา ถ้ามึงไม่อยาก
กูไม่ได้ต้องการอะไร เข้าใจที่กูพูดใช่ไหม?
กูรักมึงนะ...แต่กูไม่ได้เรียกร้องให้มึงมารักกู
เพราะแค่กูได้อยู่ตรงนี้ แค่มึงไม่ขับไสไล่ส่งกูไปที่ไหน กูก็ดีใจมากๆ แล้ว...”
ผมบอกกับจงแดไปอย่างบริสุทธิใจในสิ่งที่พูด
จงแดดูโกรธขึ้นมาเล็กน้อยกับการที่ผมพูดอย่างนั้น
เขาเริ่มพูดออกมาเสียงแข็ง...ด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะแรงขึ้นมาเล็กน้อย
“ถึงมึงจะไม่ต้องการอะไร แต่กูต้องการ!
กูเองก็อยากจะทำให้มันถูกต้องนะมินซอกอ่า
กูไม่ได้รักซูโฮแล้วไง!! และกูก็ไม่แน่ใจด้วยว่ากูรักเขาไหม!!
กูก็เครียดอยู่นะทุกวันเนี้ยยย ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้ตัวหรอกนะมินซอก!
คือความจริงกูก็รักมึง!! ต...แต่คำว่ารักมันพูดยากนะ กูพูดไม่ได้หรอก!!”
จงแดขึ้นเสียงใส่ผมอย่างหัวเสีย และดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ตัวว่ากำลังพูดอะไรออกมา
ผมหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ตลกชะมัด...จงแดมักจะเป็นอย่างนี้เสมอล่ะเวลาโมโห
และสิ่งที่ทำให้ผมรักเขาคืออาการปากไม่ตรงกับใจแบบเด็กๆ ที่มักจะหลุดออกมาเองแบบนี้ตลอดนี่ล่ะ
อ่า...เขาน่ารักชะมัด
“มึงหัวเราะอะไรมินซอก...นี่กูกำลังโกรธอยู่นะ!” จงแดถามผมอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ฮ่าๆ...ก็ไหนมึงบอกว่าคำว่ารักมันพูดยากไง
แต่มึงก็บอกกูแล้วนี่ จงแดอ่า...พาโบ”
ผมหัวเราะร่าก่อนจะวาดแขนเข้าไปกอดเขาไว้
ผมดีใจ...ดีใจที่ได้ยินว่าเขาก็รักผมเช่นกัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นคำว่ารักที่หลุดปากพูดออกมาก็เถอะ
แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างและหัวใจเต้นแรงได้ไม่แพ้กันหรอกนะครับ...
“จ...จริงดิ! โอ๊ยเวร! กูหลุดปากไปแล้วจริงเหรอ???
บ้าตายยย กูอยากจะหาจังหวะที่มันเท่ๆ กว่านี้นะ...ไหงมาตกม้าตายได้ล่ะเนี่ย!
ความผิดมึงนะมินซอก! มึงมาทำให้กูโมโหทำไมเล่า”
จงแดทำหน้าเหยเกเหมือนกับว่าจะร้องไห้...
ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนที่โอบรอบตัวจงแดเอาไว้
ก่อนจะยิ้มส่งให้เขาจนตาหยิบหยี...
ก่อนจะกัดริมฝีปากแล้วเอ่ยกับเขาด้วยเสียงหวานที่สุดในชีวิต
“ไม่ต้องหาจังหวะอะไรหรอกจงแดอ่า...
เพราะสำหรับกูแล้ว ถึงมึงจะเฟอะฟะงี่เง่ายังไง มึงก็ยังเท่ที่สุดอยู่ดี”
“.....................ปากหวานไปทั่วนะมึงเนี่ย” จงแดพูดกับผมพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“กูพูดแค่กับมึงคนเดียวเท่านั้นแหละ...จงแดอ่า”
“อืม...กูเชื่อ”
จงแดตอบกลับมายิ้มๆ
เขาโอบแขนไว้รอบเอวผมแล้วดึงให้เราสองคนเข้าไปแนบชิดกันยิ่งขึ้นไปอีก
“แต่กูก็อยากทำให้มันดีๆ นี่นา...เพราะงั้นมึงฟังกูดีๆ นะมินซอกอ่า
คำว่ารักน่ะ สำหรับมึงแล้วมันพูดยากนะ
กูอาจจะเคยบอกรักคนอื่นไปทั่ว...แต่รู้ไหมว่ากูไม่เคยอยากจะหาวิธีที่จะพูดมันดีๆ เหมือนกับมึงเลยซักครั้ง
ที่ผ่านมาน่ะ ถ้ากูคิดอยากจะพูดกูก็แค่พูดออกไป...แต่กับมึงแล้วมันกลับแตกต่าง มึงเข้าใจกูไหม?
กูไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าที่เคยพูดออกไปน่ะ กูเคยรู้สึกถึงมันจริงๆ บ้างไหม
จนคราวนี้แหละที่กูกลับรู้สึกว่ามันพูดยาก อาจจะเป็นเพราะว่า มึงเป็นคนเดียวที่กูรักจริงๆ...”
จงแดพูดกับผมเบาๆ และมองเข้ามาในตาของผมอย่างแน่วแน่
ผมยิ้มบางๆ แล้วเขย่งตัวขึ้นไปจูบเขา...ห้ามใจไม่ไหวหรอกนะที่จะหยุดยั้งริมฝีปากนี้เอาไว้
ในเมื่อเขาน่ารักกับผมขนาดนี้...ผมจะหยุดตัวเองไม่ให้จูบเขาได้ยังไงล่ะ
นั่นมันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย...
“จงแดอ่า...ตอนนี้มึงเท่มากๆ” ผมบอกกับเขาด้วยรอยยิ้ม
“อืม...กูรู้” จงแดหัวเราะตอบกลับผมมาพลางยักไหล่
“โธ่...ช่วยถ่อมตัวหน่อยก็ดีนะ”
ผมกลอกตาและผละกอดออกมาชกที่บ่าของเขา
จงแดจับมือของผมที่ชกไปกุมเอาไว้เบาๆ ก่อนจะตอบกลับผมมาอย่างน่าหมั่นไส้
“จะถ่อมตัวไปทำไม...กูรู้ดีว่าถึงยังกูก็เท่ที่สุดสำหรับมึงอยู่แล้ว
เหมือนกับที่มึงน่ารักที่สุดสำหรับกูเหมือนกัน”
จงแดยิ้มตอบผมมาพลางยักคิ้ว
และนั่นทำให้ผมรู้สึกเขินอายขึ้นมาจริงๆ ก็ตอนนั้นเอง...
อ่า...จะบ้าตาย ผมเคยบอกพวกคุณไปแล้วใช่ไหมครับ ว่าผมแพ้รอยยิ้มของเขา
แล้วยิ่งคำหวานๆ ที่เขาเพิ่งพูดออกมาอีก...นั่นมันทำให้ผมรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เลยจริงๆ
“มึงนี่ทำตัวน่ารักนะเนี่ยจงแดอ่า...”
ผมพูดออกไปแล้วเสตาไปทางอื่นเพื่อแก้เขิน...จงแดยิ้มให้ผมเพื่อตอบรับคำชมนั้น
ก่อนที่เขาจะดึงมือผมเข้าไปซุกเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเขา
มือของเรากำลังกอบกุมกันไว้...ภายใต้กระเป๋าเสื้ออันแสนอบอุ่นของจงแด
“ต่อไปนี้กูจะน่ารักยิ่งกว่านี้อีกมินซอกอ่า...
กูสาบานว่าต่อไปนี้มึงจะตกหลุมรักกูซ้ำแล้วซ้ำอีก...ซ้ำแล้วซ้ำอีก”
จงแดยิ้มแล้วบีบมือที่เรากุมไว้เบาๆ
เราเริ่มออกเดินกันอีกหน แต่มือของเราก็ยังคงกุมกันไว้ไม่ห่างไปไหน
ผมเบียดตัวเข้าไปอิงแอบกับจงแดอย่างหมายจะขอความอบอุ่นจากเขา
เราสองคนยิ้มให้กันและกันโดยไม่ได้พูดอะไรต่อกันอีก
เพราะในใจของผมกำลังตอบรับในสิ่งที่จงแดเพิ่งพูดมันออกมา
เป็นคำตอบที่น่าตลก...แต่ผมกลับคิดว่านี่คือคำตอบเดียวที่ผมมีต่อเขา
ผมจะตกหลุมรักเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ยังไง...
ในเมื่อผมไม่เคยปีนขึ้นจากหลุมรักที่เต็มใจกระโดดลงมาแล้วปักหลักอยู่ตรงนี้เลยซักที...
✚ TALK
แอร๊ยยยยยย ทำไมแฮปปี้จังเลยยยยยยยยย T////////T
มันกำลังจะจบแล้วค่ะ...นมน.จะแถมให้อีกตอนก็จบแล้วนะสำหรับเฉินหมินนะ
เม้นท์ด้วยนะ อย่าให้นมน.น้อยใจอีกนะคะ ><
ปีใหม่แล้ว นมน.สัญญาว่าจะงอนให้น้อยลง 5555555
รักทุกคนจังเลย...สวัสดีปีใหม่ค่ะ
- ไรเตอร์นมน. -
ความคิดเห็น