ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [C0MPLETE] ✚ :: BE MY BABY :: ✚ [KAI x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #30 : ✚ BE MY H0NEY :: CHEN & XiUMiN IV

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.14K
      12
      6 ม.ค. 56

     

    Author : MR.$N0WMAN*

    Pairing : Kim Jongdae & Kim Minseok

    Story : Jackboiz

    Rate : PG-15

     


     

     

    Be my Honey*

     


     


    ‘ ...it's hard
    to Say

    Love.....’

     






    ความใกล้ชิด ความสนิทสนม เป็นบ่อเกิดของความรักหรือแค่ความหวั่นไหว

    เราอาจจะตอบได้ก็ต่อเมื่อมีตัวแปรของสิ่งที่เรียกว่า เวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง

     

    เวลาจะบอกได้ว่าสิ่งที่ทำให้หัวใจของเราสั่นคลอนนั้นเป็นเพราะอะไร

    เพราะความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นแค่ชั่วครู่ หรือเป็นความรักที่มันฝังแน่นตลอดไป

     

     

     

     

    -  Luhan’s Part -

     

    มินซอกมีเจ้าของหัวใจแล้ว...

     

    ใช่ว่าผมจะไม่เคยรับรู้ถึงความจริงข้อนี้...

    แต่ผมเองก็ยังอยากจะลองพนันดูกับตัวเองว่ามันจะเป็นยังไงนะถ้าหากผมลองท้าทายมันดู

    ให้มันรู้กันไปว่าหัวใจคนเรานั้นมันจะมั่นคงได้แค่ไหนกันเชียว

    ยิ่งถ้าเจ้าของหัวใจของมินซอกนั้นมีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว...มันก็ยิ่งน่าลุ้นให้ผมต้องลองเสี่ยงดู

     

     

    ผมชอบมินซอก...ชอบเขาเพราะเขาน่ารักจริงๆอย่างที่บอก

    แต่ถามว่ารักไหม...ในตอนนั้นผมบอกได้เลยว่าไม่มีทางหรอก

    คนเราที่เพิ่งรู้จักกันเห็นกันเพียงผิวเผินน่ะจะรักกันได้ยังไง...

     
     

    ผมเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน และจะอยู่ที่เกาหลีเพียงแค่หนึ่งเทอมเท่านั้น

    ตอนนั้นผมมีแต่ความสนุกและกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ

    ในเมื่อได้มาที่นี่ทั้งที...ทำไมผมถึงไม่ลองหาความทรงจำดีๆในเกาหลีดูบ้างล่ะ

    ตัวอย่างเช่นมินซอกนี่ก็น่าจะทำให้ทุกวันในหนึ่งเทอมของผมดูน่าสนุกขึ้นมาไม่ใช่หรือ...

     
     

    แต่สุดท้ายเมื่อผมตกหลุมที่ผมเป็นคนขุดขึ้นมาเอง...

    ผมกลับเจ็บปางตายจนแทบสิ้นใจ...

    เมื่อผมได้พิสูจน์จนค้นพบด้วยตัวเองแล้วว่า...ความรักนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อกันเล่นๆ

     
     

    ผมชอบมินซอกมาก...ชอบมากขึ้นทุกวันๆที่ได้ทำความรู้จักกับเขา

    จากชอบ กลับกลายเป็นรัก...แต่เมื่อรัก ผมก็ไม่อาจจะเดินไปต่อได้อีก

    เพราะมินซอกนั้นไม่เคยคิดกับผมมากกว่าเพื่อนเลยซักครั้งเดียว...

     

     

    เขาให้ความเป็นห่วง...แต่ไม่เคยให้ความหวัง

    ทุกครั้งที่ผมหยิบยกขึ้นมา มินซอกไม่เคยปฏิเสธ...แต่เขาก็ไม่เคยเห็นด้วย

    คิมจงแดมีชื่อเสียงอยู่พอตัว...ทำให้ผมรู้จักเขาอยู่บ้าง

    อันที่จริงทุกคนในแก๊งค์นมเย็นต่างก็เป็นที่รู้จักกันในมหาวิทยาลัย

    เพราะด้วยหน้าตาของแต่ละคนในแก๊งค์นั่นแหละที่ทำให้พวกเขาโด่งดัง

    แต่ผมกลับเพิ่งมาได้รู้จักพวกเขาจริงๆจังๆก็ตอนที่ได้พบกับมินซอก

     
     

    ผมรู้ว่ามินซอกแอบชอบจงแด แต่ผมไม่คิดว่ามันจะสำเร็จ เพราะจงแดเองก็มีแฟนอยู่แล้ว

    แต่ความสงสัยของผมกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ...

    จนกระทั่งตอนนี้เองที่ผมแน่ใจ...ว่าพวกเขาสองคนก็คิดไม่ต่างกัน

     

     

    ตำแหน่งของผมถูกพลิกกลับเหมือนกับพื้นที่ผมยืนอยู่ตอนนี้นั่นแหละ

    จากที่ผมมั่นใจว่าผมจะชนะได้...ตอนนี้มันกลับไม่ใช่เลยซักนิด

    ผมแพ้คิมจงแดตั้งแต่ที่เขายังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าผมยกให้เขาเป็นคู่ต่อสู้ในการแย่งชิงหัวใจมินซอก...

    ผมเคยคิดว่าถ้าหากคนเราจะพยายามที่จะทำอะไรซักอย่าง...ไม่นานสิ่งนั้นก็จะเป็นของเรา

    แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเรื่องบางเรื่อง ต่อให้พยายามแค่ไหนทุ่มเทลงไปมันก็ไม่ได้อะไรกลับคืนมาอยู่ดี

     

    และตอนนี้ผมรู้แล้วว่าถึงสู้ไปก็ไม่มีประโยชน์...

    ผมลองสู้แล้ว...แต่ไม่ได้อะไรกลับมา

    เพราะฉะนั้นผมก็จะหยุด...

     
     

    ผมหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูในมือขึ้นกดส่งข้อความที่พยายามจะส่งมาตั้งแต่บ่าย

    หากแต่ผมกลับรับรู้ว่ามันช่างเป็นเรื่องยากจริงๆที่จะทำอย่างนั้น

    ผมไม่แน่ใจนักว่าถ้าหากผมตัดสินใจกดส่งมันไปแล้ว ชีวิตผมจะเป็นยังไง

    ถ้าหากผมกดลบมันไปนั่นแปลว่าผมยังรั้นสู้ต่อได้...

    แต่ถ้าหากผมกดส่งไป นั่นแปลว่าผมจะต้องหยุดทุกๆอย่างแล้วกลับมาเป็นเสี่ยวลู่หานคนเดิม

     

    ถึงผมจะคิดสะระตะไปโน่นนี่...

    แต่ผมรู้ดีว่าในตอนนี้ผมมีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น...

     

     

    ติ๊ด....

     

     

    นิ้วโป้งของผมกดส่งข้อความแล้วเอนหลังลงแผ่หลาลงไปบนฟูกนอน

    หลับตาลงแล้วกลืนก้อนสะอื้นที่จุกตรงลำคอให้มันกลืนหายลงไปซะ...

    ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้ได้สิ...ในเมื่อผมตัดสินใจว่าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องผมก็ต้องทำให้ได้

    ผมคือใครกันล่ะ...ผมคือเสี่ยวลู่หานนะ...

     

     

    ในเมื่อตัดสินใจจะหยุดทุกอย่าง...นั่นแปลว่าผมเลือกแล้วว่าควรหยุดยืนที่จุดไหน

     

     

     

    ********

     

     

    มินซอกยกยิ้มออกมาบางๆ

    เมื่อคนที่ปกติแล้วนอนกันคนละฝั่งเตียง มาตอนนี้กลับกลายเป็นว่าดึงเขาเข้าไปกอดไว้อย่างกับเป็นหมอนข้าง

    จงแดกำลังนอนหลับสบายเสียเหลือเกิน ในขณะที่มินซอกไม่สามารถแม้แต่จะข่มตาลงได้


    ถึงแม้ว่ามินซอกจะนอนหันหลังให้กับจงแด แต่อ้อมแขนที่จงแดยกมาพาดตรงเอว

    และแผงอกของจงแดที่แนบสนิทอยู่กับหลังของเขานั้นทำให้มินซอกอบอุ่นเกินไปจนรู้สึกร้อนผ่าว

    ทำเอามินซอกไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวเลยจนกลายเป็นแข็งขืนร่างกายไว้จนเมื่อย

    ก็ในเมื่อจงแดกำลังหลับสบาย...ใครจะอยากทำให้เขาตื่นกันล่ะ...

     

     

    หากแต่เสียงข้อความที่ดังขึ้นมานั่นแหละที่ทำให้มินซอกต้องสะดุ้งจนสุดตัว...

    จงแดเองก็เช่นกัน...เขาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาทันทีที่เสียงโทรศัพท์นั้นดังขึ้นตรงหัวเตียง

    มินซอกหันมามองหน้าจงแดเล็กน้อยเพื่อมองดูคนที่เพิ่งตื่น...

    หากแต่เมื่อพบว่าจงแดตื่นขึ้นมาแล้ว

    เขาเลยหันไปหยิบเอาโทรศัพท์ต้นเหตุที่ทำให้จงแดตื่นขึ้นมาดูว่าใครกันที่ส่งข้อความมา

    และก็พบว่าเป็นเสี่ยวลู่หานอีกครั้ง...หลังจากครั้งสุดท้ายที่เขาส่งมาเมื่อคืนก่อน...

     

     

    “งือ...ใครส่งข้อความมาเหรอมินซอกอ่า...”

     

     

    จงแดถามผมอย่างงัวเงีย แต่ในที่สุดก็ยันตัวขึ้นมานั่งจนได้

    ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอ ก่อนจะชั่งใจดูว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดี

     

     

    “ลู่หานน่ะ...เขาส่งข้อความมา”

     

     

    ผมตัดสินใจบอกความจริงกับจงแดไป...

    เพราะเอาเข้าจริงแล้วผมเองก็ไม่อยากจะโกหกเขา

    ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว...นั่นแปลว่าผมคงไม่ได้คิดไปเองอีกแล้วใช่ไหมครับ

     

     

    “มึง...อ่านมันให้กูหน่อยได้ไหมจงแดอ่า”

     
     

    ผมพูดพลางส่งมือถือไปตรงหน้าจงแดอย่างช้าๆ

    หากแต่จงแดกลับเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างมีคำถาม...

     

     

    “ทำไมต้องเป็นกูล่ะ?” เขาถามพลางชี้หน้าตัวเอง

     

     

    “กูอยากให้มันไม่เป็นความลับไง...กูอยากเปิดเผยเรื่องนี้กับมึงนะ

    มึงจะได้รู้ ว่าระหว่างกูกับลู่หานน่ะ มันจะไม่มีอะไร”

     

     

    ผมพูดพลางยัดโทรศัพท์ลงไปกับมือของจงแด

    หากแต่จงแดกลับหัวเราะแล้วยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี...เขาส่งมือขึ้นมาโครงที่ศีรษะของผมไปมาอย่างสนุกมือ

     

     

    “มึงน่ารักนะเนี่ย มินซอกอ่า...แต่ไม่เป็นไรหรอก มึงเปิดอ่านเถอะ...

    กูยังอยู่ตรงนี้ มันไม่ได้เป็นความลับซักหน่อย”

     
     

    จงแดขยี้ผมของมินซอกไปมาอย่างสนุกสนาน รู้สึกชอบอกชอบใจที่คนตรงหน้านั้นทำตัวน่ารัก

    มินซอกเบะปากเล็กน้อย หากแต่ก็ยังรบเร้าให้จงแดเป็นคนเปิดมันอ่านอยู่ดี

     

     

    “น่านะ...มึงอ่านให้กูหน่อยนะจงแดอ่า

    กูไม่อยากอ่านเลย มันทำให้กูรู้สึกไม่ดี

    ทั้งรู้สึกไม่ดีกับลู่หานด้วย...และรู้สึกไม่ดีกับมึงด้วย”

     

     

    “งั้นมาอ่านพร้อมกันสิ...ถ้ามันจะทำให้มึงสบายใจ”

     

     

    จงแดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปลดล็อคและคว้ามือของมินซอกเพื่อดึงให้เขาเข้ามาอยู่ใกล้ๆ

    และสุดท้ายเพื่อที่จะทำให้ทั้งตัวเขาและมินซอกสบายใจ...ทางที่ดีที่สุดก็คือเปิดอ่านมันพร้อมกันทั้งคู่นั่นแหละ

     

     

    จงแดกดเปิดข้อความ...ก่อนจะพบข้อความเพียงแค่สั้นๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอ

    มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไร หากแต่น่าจะทำให้มินซอกลำบากใจเข้าไปแล้วเต็มๆ

     

     

    มาเจอฉันที่ร้านทีช็อปพรุ่งนี้บ่ายสามโมงนะ...

    ฉันสัญญาว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย

     

     

     

    ข้อความเพียงสั้นๆ หากแต่ทำให้มินซอกต้องกัดริมฝีปากด้วยความหนักใจ

    จงแดยกแขนขึ้นโอบรอบคอมินซอกเอาไว้

    แล้วส่งมือไปนวดที่ต้นคอของมินซอกเบาๆเพื่อหวังจะทำให้เขาได้ผ่อนคลาย...

    ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วจงแดเองก็ไม่ได้อยากให้มินซอกไปนักหรอก...แต่จงแดกลับรู้ตัวดีว่าไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะห้ามมินซอกได้

    เขาเองก็แค่เพื่อนเท่านั้น... หรืออาจจะเป็นเพื่อนพิเศษ...

     

    มินซอกเอียงศีรษะไปซบเข้าที่บ่าของจงแดแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ

    หากแต่แขนทั้งสองข้างก็ยื่นไปกอดแขนแกร่งของจงแดเอาไว้เสียแน่นแล้วทำอ้อน

    จงแดยกยิ้มออกมาบางๆ เมื่อมินซอกทำอย่างนั้น

     

    ราวกับว่านี่อาจจะเป็นคำตอบของคำถามที่เขาและซูโฮต่างก็ตามหามันมาตลอด

    อาจจะเป็นเพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง เขาถึงได้คิดถึงแต่มินซอกทุกทีเวลาที่อยู่กับซูโฮ

    หากแต่ทุกครั้งที่จงแดอยู่กับมินซอก...เขากลับไม่เคยคิดถึงซูโฮเลยซักครั้ง

     

    อาจจะเป็นเพราะว่า...เขารักมินซอก

     
     

    “ไปด้วยกันนะ...จงแดอ่า”

     
     

    มินซอกกระซิบออกมาเบาๆ ในขณะที่ศีรษะนั้นก็ยังคงเอียงเอนซบอยู่บนไหล่กว้างของจงแดอยู่

    จงแดยกยิ้มออกมาและกลับเป็นฝ่ายเอนศีรษะไปซบที่ศีรษะของมินซอกไว้บ้าง

     

     

    “อื้ม...ไปด้วยกันนะมินซอกอ่า”

     
     

    จงแดพูดออกมาพลางยิ้มเมื่อมินซอกกอดแขนของเขาให้แน่นขึ้นไปอีกราวกับเด็กๆ หวงของเล่น

    เราสองคนไม่ได้พูดอะไรต่อกันอีก และความเงียบก็แล่นมาปกคลุมทั่วทั้งห้องสี่เหลี่ยมที่เราอยู่กันมาตลอดสองปีเอาไว้

    หากแต่ในความเงียบนั้นไม่ได้อึดอัดเลย...สิ่งที่จะบอกแทนได้ทั้งหมดคือความอบอุ่นต่างหาก

    จงแดเลื่อนมือไปประสานนิ้วมือของมินซอกเอาไว้แล้วบีบมันเบาๆ

    เพื่อที่เขาจะบอกมินซอกว่าเขาจะยังคงอยู่ตรงนี้เสมอ...

     
     

    ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาวเย็น หากแต่มินซอกกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่กำลังก่อตัวในหัวใจขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

    และในเมื่อความอบอุ่นนั้นก่อเกิดขึ้นมาเพียงแค่สัมผัสผ่านปลายนิ้วที่กอบกุมกันไว้

    มินซอกก็มั่นใจว่าต่อให้เอาทุกๆสถานะความสัมพันธ์ที่มีมากองอยู่ตรงหน้าเพื่อแลกกับช่วงเวลาเหล่านี้

    มันคงไม่จำเป็นอะไรเลย...เพราะในเมื่อเราอยู่ข้างๆ กันมันก็บอกแทนสถานะทุกๆ คำได้ดีอยู่แล้ว

     

     
     

    *********


     

     

    ลู่หานยกกาแฟคาราเมลมัคคลิอาโตที่เขามักจะสั่งทุกครั้งที่มาที่นี่ขึ้นดื่มอย่างเชื่องช้า

    ก่อนจะรับรู้ได้ว่ารสชาติคาราเมลที่ควรจะได้รับนั้นกลับกลายเป็นความขมไปเสียหมด...

    อาการอกหักมันเป็นอย่างนี้เองสินะ...เขาถึงได้พูดกันว่าเวลาคนเราอกหักมักจะน้ำหนักลดลง

    ก็เพราะว่ากินอะไรก็ไม่อร่อยไปซะหมดอย่างนี้ แม้แต่กาแฟรสโปรดจากร้านประจำที่เคยกินก็ยังทำให้รู้สึกแปลกลิ้นไปซะได้

     

    ลู่หานกัดริมฝีปากแล้วเอนหลังลงอย่างช้าๆ

    เสมองไปนอกหน้าต่างก่อนจะมองเห็นบางอย่างที่ทำให้เขาต้องหลับตาลงอย่างเจ็บปวด

    มินซอกมาตามนัด...หากแต่เขาไม่ได้มาคนเดียวอย่างที่ลู่หานเข้าใจ


    เขากำลังเดินมากับคิมจงแด...

    และถ้าลู่หานไม่ได้ตาฝาดไป...เขาเห็นว่าจงแดและมินซอกกำลังจับมือเดินมาคู่กันด้วย

     
     

    เจ็บ...เจ็บจะตายแล้วนะมินซอกอ่า

    แต่จะทำอะไรได้ล่ะ...ท่องเอาไว้ใส่ใจซะนะลู่หาน

    เขาไม่ได้รักนาย และการนัดพบกันในวันนี้คือทำให้ทุกอย่างจบ...

     

     

    ลู่หานหันไปมองเมื่อมินซอกก้าวพ้นประตูร้านมาแล้ว...โดยที่มีจงแดติดสอยห้อยตามมาด้วย

    มือของคนทั้งคู่ปล่อยออกจากกันไปแล้ว

    หากแต่สิ่งที่ทำให้ผมยังคงรำคาญใจก็คือท่าทางที่ทั้งสองเอาแต่มองกันไปกันมาตลอดเวลา

    ราวกับว่าจะถามความเห็นกันอย่างนั้นแหละ ว่าคิดถูกแล้วหรือที่เลือกมาเจอผมที่นี่...

    หากแต่เขาก็ยังเดินเข้ามาหาผมด้วยกันทั้งคู่...และมินซอกก็เริ่มต้นทักทายผมอย่างหวาดๆ

     

     

    “เอ่อ...สวัสดีนะลู่หาน

    ฉันพาจงแดมาด้วยนะ ไม่เป็นอะไรใช่หรือเปล่า”

     

     

    มินซอกถามผมอย่างไม่แน่ใจนัก...

    จงแดนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกมาหากแต่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงนั้นเงียบๆ

     

     

    “ฉันไม่ได้คิดไว้ว่านายจะพาเขามาตั้งแต่แรก...

    แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้านายอยากจะพาเขามาฉันจะห้ามอะไรได้ล่ะ

    แต่ฉันขอเวลานายแค่ห้านาทีเท่านั้นล่ะมินซอกอ่า...

    ฉันขอคุยกับนาย แค่สองคนเท่านั้นนะ ได้ไหม?”

     
     

    ผมถามเขาอย่างเว้าวอน...ส่งสายตาไปบอกมินซอกว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะมากวนใจเขา

    และผมอยากจะให้เขาตอบรับเพื่อผมซักครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย...

     

     

    มินซอกเงยหน้าขึ้นมองจงแดที่ยืนอยู่ข้างๆ ราวกับจะขอความเห็นจากเขา

    ผมเห็นจงแดเม้มริมฝีปากก่อนจะเสตามามองผมโดยไม่ได้ตั้งใจ

    ก่อนที่เขาจะเงียบไปไม่นานนัก แล้วจึงหันไปบอกกับมินซอกเบาๆ

     

     

    “กูจะรออยู่ที่โต๊ะตรงนั้นนะมินซอกอ่า...

    มีอะไรก็ออกไปเรียกกูได้ตลอดเวลา” จงแดบอกกับมินซอกพลางยักไหล่

     

     

    “อื้ม...รอกูแป๊ปเดียวนะจงแดอ่า

    มึงหิวใช่ไหม? งั้นก็สั่งอะไรมากินระหว่างที่รอก็ได้นะ”

     
     

     
    มินซอกตอบรับ แต่ก็ยังคงหันไปมองจงแดด้วยความเป็นห่วง 

    เขาเป็นอย่างนี้เสมอเลย...มินซอกน่ะ

    แม้แต่กับผมหรือว่าจงแดเขาก็ยังคงแสดงท่าทีห่วงใยมากไปจนบางทีก็ทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ

    แต่ผมกลับมั่นใจว่าเขาไม่เคยมองผมด้วยสายตาอย่างที่เขามองจงแดเลยซักครั้ง...

    แค่นั้นก็เห็นได้ชัดแล้ว ว่าความสำคัญนั้นใครกันที่มีมากกว่า

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอก...กูรอมึงได้ เราจะได้กินพร้อมกัน”

     

     

    จงแดพูดพร้อมทั้งยิ้มบางๆ...ผมเสตาไปมองที่นอกหน้าต่าง

    เพราะไม่อยากจะมองเห็นว่ามินซอกยิ้มตอบกลับจงแดไปแบบไหน

    ก่อนที่ผมจะรับรู้ว่าคิมจงแดเดินออกไปยังโต๊ะที่เขาบอกไว้ก่อนหน้านี้

    และมินซอกก็ลดตัวนั่งลงตรงหน้าผมจนได้...เราสองคนต่างเงียบกันไปซักพัก จนกระทั่งเป็นมินซอกเองที่พูดออกมาก่อน

     

     

    “ลู่หาน...ไม่สบายหายดีแล้วใช่ไหม?”

     

     

    เขาถามผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย

    เหมือนเดิม...เป็นน้ำเสียงที่เคยได้ แต่กลับไม่ใช่แววตาที่ผมต้องการ 

     

     

    “หายแล้ว...ไม่เป็นไรแล้ว” ผมตอบเขา

     

     

    “นายป่วยเป็นอะไรหรือลู่หาน?” มินซอกถามต่อ

     

     

    “ก็แค่เป็นไข้หวัดธรรมดาน่ะ” ผมตอบไปพลางยักไหล่

     

     

    “โธ่...น้ำเสียงวันนั้นดูแย่มาก ฉันก็นึกว่าจะเป็นอะไรหนักซะอีก” มินซอกบอกกับผมพลางถอนหายใจ

     

     

    “ฉันก็แค่ทำเป็นอ่อนแอก็เท่านั้นแหละ...

    เผื่อนายจะได้หันมาสนใจฉันบ้าง”

     

     

    “.............................”

     

     

    มินซอกเงียบและหลบสายตาของผมทันทีที่ผมพูดอย่างนั้น

    เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและเราก็กลับเข้ามาสู่ความเงียบอีกหน

    อึดอัด...มันน่าอึดอัดจริงๆ ที่เราทั้งคู่ต้องเป็นแบบนี้ และนี่มันมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้มากนัก

    ผมไม่เคยคิดว่าคิมมินซอกจะมีผลต่อชีวิตของผมเลยซักนิด...จนกระทั่งวันนี้นี่แหละ

    ที่แม้แต่ความเงียบก็ยังทำให้ผมอึดอัด และเจ็บปวดได้ขนาดนี้

     

     

    “เราไม่ควรจะเป็นอย่างนี้มินซอก

    และฉันคิดว่าฉันน่าจะบ้าพอแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้...เกี่ยวกับนาย

    จากนี้ฉันขอให้นายฟังฉัน...ไม่ต้องพูดหรือแย้งอะไร แค่ฟังฉันก็พอ”

     

     

    ผมบอกกับเขารัวเร็ว และคิมมินซอกก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

    ผมเห็นว่าแวบหนึ่งนั้นเขาเสตาไปมองจงแดที่อีกมุมหนึ่งของร้าน...

    แต่เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้น เขาก็กลับมามองผมเหมือนเก่า

    ยังคงเงียบกริบราวกับตั้งใจ...คอยดูว่าผมจะพูดอะไรกับเขา

    ผมรู้ดีว่าวิธีการนี้จะทำให้มันง่ายขึ้นมาก...มันจะรวดเร็ว และมันอาจจะทำให้ผมไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่นิดเดียว

     

     

    “ฉัน...จะกลับจีนอาทิตย์หน้า” ผมพูด

     

     

    “โอ...ไม่นะลู่หาน // หยุดก่อน...ฉันยังพูดไม่จบ”

     

     

    ผมขัดเขาเมื่อมินซอกกำลังจะเถียง

    ก่อนจะรีบพูดต่อเพื่อไม่ให้เรื่องทุกอย่างมันยาวไปมากกว่านี้อีก

     

     

    “ความจริงฉันเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแค่สี่เดือน...และฉันเรียนเกินหน่วยกิตที่ฉันต้องการแล้ว

    ทุกวันนี้ที่ฉันยังอยู่ก็เพราะว่าฉันตั้งใจจะอยู่เที่ยว และหนึ่งเหตุผลที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะนายด้วยเช่นกัน

    มินซอกอ่า...รู้ไหมว่าทำไมเรื่องนี้มันถึงตลก นั่นเพราะว่าฉันเล่นสนุกมาตลอดแม้แต่เรื่องของนาย

    ฉันขอโทษที่ต้องพูดนะ แต่ตอนแรกที่ฉันจีบนาย ฉันไม่ได้จริงจังอะไรเลยด้วยซ้ำ...

    จนกระทั่งนายนั่นแหละที่ทำให้ฉันต้องเปลี่ยน ทำให้ฉันต้องรักนายมากขึ้นทุกวัน”

     

     

    “.............................”

     

     

    มินซอกหลุบตาลงมองที่โต๊ะกาแฟเล็กเมื่อผมมองตรงเข้าไปในตาคู่เล็กของเขา

    เขาอาจจะกำลังรู้สึกผิด...หรือไม่แม้แต่จะคิดอะไรเลยซักนิดก็ได้

    แต่ใครจะสนใจล่ะ ในเมื่อผมตัดสินใจจะพูด...และทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงอย่างถูกต้องเสียที

     

     

    “ฉันรู้มาตลอดว่านายไม่ได้คิดกับจงแดแค่เพื่อน...

    แต่ฉันก็ยังคิดว่าระหว่างเราคงไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก

    เพราะว่าจงแดเองก็มีแฟนแล้ว และฉันก็รู้ดีว่านายเองไม่เคยคิดจะบอกเขาเหมือนกัน

    แต่จะว่ากันตามจริงแล้ว ฉันเองก็ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเราจะมีวันนี้...วันที่ฉันต้องเก็บเรื่องนี้มาสนอกสนใจ

    อาจจะเป็นเพราะฉันล้อเล่นกับความรักมากไป...และนี่ก็อาจจะเป็นผลกรรมของฉัน”

     

     

    ผมพูดต่อไปรัวเร็ว...พูดทุกอย่างที่ใจคิด

    มินซอกเงยหน้าขึ้นมามองผมเมื่อตอนที่ผมบอกว่าผมรู้ว่าเขาแอบชอบจงแด

    ผมเห็นเขาเม้มริมฝีปากจนบางเฉียบ...และมันไม่ได้เป็นท่าทีที่จะขัดขวางให้ผมหยุดพูดได้ในตอนนี้

     

     

    “ฉันจะถอนตัวแล้วมินซอกอ่า...จะถอนตัวออกมาก่อนที่มันจะทำร้ายฉันมากกว่านี้

    ฉันจะไม่โทษนายหรือแม้แต่จงแดเลยซักอย่าง นั่นเพราะฉันรู้ดีว่าฉันเป็นใคร และฉันมาจากไหน

    คิดซะว่าฉันเป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามา เป็นแค่คนที่ทำให้นายได้พิสูจน์ใจตัวเองก็แล้วกัน

    ถ้านายจะคิดว่าฉันเสียใจล่ะก็...ฉันขอบอกเลยว่าใช่

    แต่ฉันเสียใจไม่นานหรอกมินซอก ฉันไม่ใช่คนยึดติดกับอดีตแบบนั้น นายก็รู้ใช่ไหมล่ะ?”

     

     

    ผมทิ้งท้ายแล้วส่งยิ้มให้กับเขาบางๆ...

    มินซอกเสตามองไปที่นอกหน้าต่างแล้วลอบถอนหายใจออกมา แต่ผมก็ยังเห็นอยู่ดี

    บางทีผมก็อยากจะบอกให้เขาไม่ทำอย่างนั้น

    เพราะนั่นกำลังจะทำให้ผมคิดไปเองว่าเขากำลังเสียใจหรืออยากจะยื้อผมไว้บ้าง

    แต่ผมก็ไม่ได้โง่หรือหูตาฝ้าฟางขนาดนั้น...ถึงได้ไม่รับรู้ว่าความจริงตอนนี้คืออะไร

    ผมกระชับเสื้อโค้ทกันหนาวที่ใส่อยู่ให้เข้ารูปเข้ารอย

    กระซิบประโยคสุดท้ายออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา...ในขณะที่ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่ง

    หมดเวลาของผมแล้ว ผมได้ทำทุกอย่างๆ ที่ผมตั้งใจ...แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

    และผมกำลังจะหยุดความบ้าบอของตัวเองนี้อย่างเป็นทางการ

     
     

     

    “ฉันขอให้นายโชคดีนะมินซอกอ่า...

    ถ้ารักเขาก็บอกเขาไปซะ ไม่งั้นนายจะต้องเสียดายแน่ๆ ที่ไม่ได้บอกเขา

    ฉันไปล่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง...และลาก่อน”

     

     

    ผมผุดลุกขึ้นและส่งยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย

    หากแต่มินซอกกลับไม่เห็นด้วยกับการที่ผมจะเดินจากไปในตอนนี้

     

     

    “เสี่ยวลู่หาน...อย่าเอาแต่พูดเองเออเองฝ่ายเดียวแล้วจากไปได้ไหม??

    ที่นายกำลังทำอยู่คือการขอเลิกกับฉันแล้วหายไปจากฉันตลอดกาลใช่ไหม???

    ทำไมเราต้องทำอย่างนั้น ในเมื่อเรายังเป็นเพื่อนกันได้”

     

    มินซอกแย้งขึ้นมา...และนั่นจุดรอยยิ้มที่มุมปากของผมได้ไม่ยาก

     

     

    “เรายังเป็นเพื่อนกันได้มินซอกอ่า...และนั่นคือสิ่งที่เราเป็นมาตลอด

    เราไม่เคยเป็นแฟนกันหรอกนะ...มันไม่เคยเป็นอย่างนั้น

    มันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ เราจะใช้คำว่าแฟนด้วยกันได้ยังไง?

    .

    .

    ก็ในเมื่อนายยังไม่เคยบอกว่ารักฉันเลยซักคำเดียว”

     

     
     

    *********

     

     

     

    “มันเป็นคนดีนะ..ไอ้ลู่หานนี่”

     

     

    จงแดพูดขึ้นมาในขณะที่เราเดินเคียงข้างกันผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง

    ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขาแล้วมองอย่างเย้าหยอก...

     

     

    “นี่คือคำพูดของมึงกับคนที่มึงเกือบจะต่อยเขาไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเหรอ?” ผมถามเขาอย่างขบขัน

     

     

    “หยุดพูดเรื่องนั้นเหอะน่า...ใครทำอะไรที่ไหน ไม่เห็นจะมี”

     

     

    จงแดพูดพลางยักไหล่ ยกนิ้วขึ้นมาเกาที่ข้างแก้มเมื่อผมพูดถึงเรื่องวันนั้น

    ผมค่อยๆ ลอบถอนหายใจออกมา หากแต่ใบหน้าก็มีรอยยิ้ม...

     

     

    “มันง่ายไปนะ...มึงว่าไหม

    แต่กูก็ดีใจนะที่มันจบลงด้วยดีแบบนี้

    กูจะได้สบายใจซักที...กูไม่อยากจะทำให้ใครเดือดร้อนแล้วล่ะ”

     

     

    ผมพูดต่อด้วยรอยยิ้มจางๆ

    ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อจู่ๆ จงแดก็หยุดเดินแล้วจ้องมาทางผม

    ใบหน้าของเขาจริงจัง...จนทำเอาผมตกใจ

     
     

    “มินซอกอ่า  กูคิดเรื่องนี้มาหลายคืนแล้ว...กูคิดว่ากูจะเลิกกับ // ไม่นะจงแด!

     
     

    จงแดพูดออกมาแผ่วเบา...หากแต่เสียงกระซิบนั้นก็หนักแน่น

    ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะส่งนิ้วขึ้นไปหยุดสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมาจากปาก

     
     

    “กูจะเลิกกับพี่ซูโฮ”

     
     

    จงแดจับมือของผมที่ปิดปากเขาไว้เมื่อครู่ออกแล้วต่อจนจบประโยค

    ผมกลอกตาเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น...ก่อนจะพูดกับเขาอย่างเหนื่อยหน่าย

     

     

    “มึงฟังนะจงแด...ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้เพื่อกูก็ได้

    กูโอเคแล้วกับสิ่งที่กูเผชิญอยู่ แค่มึงยังคิดถึงกู ยังยิ้มให้กู กูก็พอใจมากแล้ว

    เพราะงั้นมึงไม่ต้องทำอย่างนี้หรอก...มึงไม่จำเป็นต้องเลิกกับพี่เขา ถ้ามึงไม่อยาก

    กูไม่ได้ต้องการอะไร เข้าใจที่กูพูดใช่ไหม?

     

    กูรักมึงนะ...แต่กูไม่ได้เรียกร้องให้มึงมารักกู

    เพราะแค่กูได้อยู่ตรงนี้ แค่มึงไม่ขับไสไล่ส่งกูไปที่ไหน กูก็ดีใจมากๆ แล้ว...”

     

     

    ผมบอกกับจงแดไปอย่างบริสุทธิใจในสิ่งที่พูด

    จงแดดูโกรธขึ้นมาเล็กน้อยกับการที่ผมพูดอย่างนั้น

    เขาเริ่มพูดออกมาเสียงแข็ง...ด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะแรงขึ้นมาเล็กน้อย

     


     

    “ถึงมึงจะไม่ต้องการอะไร แต่กูต้องการ!

    กูเองก็อยากจะทำให้มันถูกต้องนะมินซอกอ่า

    กูไม่ได้รักซูโฮแล้วไง!! และกูก็ไม่แน่ใจด้วยว่ากูรักเขาไหม!!

    กูก็เครียดอยู่นะทุกวันเนี้ยยย ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้ตัวหรอกนะมินซอก!

    คือความจริงกูก็รักมึง!!  ต...แต่คำว่ารักมันพูดยากนะ กูพูดไม่ได้หรอก!!

     
     

    จงแดขึ้นเสียงใส่ผมอย่างหัวเสีย และดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ตัวว่ากำลังพูดอะไรออกมา

    ผมหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ตลกชะมัด...จงแดมักจะเป็นอย่างนี้เสมอล่ะเวลาโมโห

    และสิ่งที่ทำให้ผมรักเขาคืออาการปากไม่ตรงกับใจแบบเด็กๆ ที่มักจะหลุดออกมาเองแบบนี้ตลอดนี่ล่ะ

    อ่า...เขาน่ารักชะมัด

     

     

    “มึงหัวเราะอะไรมินซอก...นี่กูกำลังโกรธอยู่นะ!” จงแดถามผมอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

     

     

    “ฮ่าๆ...ก็ไหนมึงบอกว่าคำว่ารักมันพูดยากไง

    แต่มึงก็บอกกูแล้วนี่ จงแดอ่า...พาโบ”

     
     

    ผมหัวเราะร่าก่อนจะวาดแขนเข้าไปกอดเขาไว้

    ผมดีใจ...ดีใจที่ได้ยินว่าเขาก็รักผมเช่นกัน

    ถึงแม้ว่าจะเป็นคำว่ารักที่หลุดปากพูดออกมาก็เถอะ

    แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างและหัวใจเต้นแรงได้ไม่แพ้กันหรอกนะครับ...

     

     

    “จ...จริงดิ! โอ๊ยเวร! กูหลุดปากไปแล้วจริงเหรอ???

    บ้าตายยย กูอยากจะหาจังหวะที่มันเท่ๆ กว่านี้นะ...ไหงมาตกม้าตายได้ล่ะเนี่ย!

    ความผิดมึงนะมินซอก! มึงมาทำให้กูโมโหทำไมเล่า”

     

     

    จงแดทำหน้าเหยเกเหมือนกับว่าจะร้องไห้...

    ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนที่โอบรอบตัวจงแดเอาไว้

    ก่อนจะยิ้มส่งให้เขาจนตาหยิบหยี...

    ก่อนจะกัดริมฝีปากแล้วเอ่ยกับเขาด้วยเสียงหวานที่สุดในชีวิต

     

     

    “ไม่ต้องหาจังหวะอะไรหรอกจงแดอ่า...

    เพราะสำหรับกูแล้ว ถึงมึงจะเฟอะฟะงี่เง่ายังไง มึงก็ยังเท่ที่สุดอยู่ดี”

     
     

    “.....................ปากหวานไปทั่วนะมึงเนี่ย” จงแดพูดกับผมพร้อมด้วยรอยยิ้ม

     
     

    “กูพูดแค่กับมึงคนเดียวเท่านั้นแหละ...จงแดอ่า”  

     
     

    “อืม...กูเชื่อ”

     

    จงแดตอบกลับมายิ้มๆ

    เขาโอบแขนไว้รอบเอวผมแล้วดึงให้เราสองคนเข้าไปแนบชิดกันยิ่งขึ้นไปอีก

     

     

    “แต่กูก็อยากทำให้มันดีๆ นี่นา...เพราะงั้นมึงฟังกูดีๆ นะมินซอกอ่า

    คำว่ารักน่ะ สำหรับมึงแล้วมันพูดยากนะ

    กูอาจจะเคยบอกรักคนอื่นไปทั่ว...แต่รู้ไหมว่ากูไม่เคยอยากจะหาวิธีที่จะพูดมันดีๆ เหมือนกับมึงเลยซักครั้ง

    ที่ผ่านมาน่ะ ถ้ากูคิดอยากจะพูดกูก็แค่พูดออกไป...แต่กับมึงแล้วมันกลับแตกต่าง มึงเข้าใจกูไหม?

    กูไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าที่เคยพูดออกไปน่ะ กูเคยรู้สึกถึงมันจริงๆ บ้างไหม

    จนคราวนี้แหละที่กูกลับรู้สึกว่ามันพูดยาก อาจจะเป็นเพราะว่า มึงเป็นคนเดียวที่กูรักจริงๆ...”

     

     

    จงแดพูดกับผมเบาๆ และมองเข้ามาในตาของผมอย่างแน่วแน่

    ผมยิ้มบางๆ แล้วเขย่งตัวขึ้นไปจูบเขา...ห้ามใจไม่ไหวหรอกนะที่จะหยุดยั้งริมฝีปากนี้เอาไว้

    ในเมื่อเขาน่ารักกับผมขนาดนี้...ผมจะหยุดตัวเองไม่ให้จูบเขาได้ยังไงล่ะ

    นั่นมันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย...

     

     

    “จงแดอ่า...ตอนนี้มึงเท่มากๆ” ผมบอกกับเขาด้วยรอยยิ้ม

     

     

    “อืม...กูรู้” จงแดหัวเราะตอบกลับผมมาพลางยักไหล่

     

     

    “โธ่...ช่วยถ่อมตัวหน่อยก็ดีนะ”

     

     

    ผมกลอกตาและผละกอดออกมาชกที่บ่าของเขา

    จงแดจับมือของผมที่ชกไปกุมเอาไว้เบาๆ ก่อนจะตอบกลับผมมาอย่างน่าหมั่นไส้

     
     

    “จะถ่อมตัวไปทำไม...กูรู้ดีว่าถึงยังกูก็เท่ที่สุดสำหรับมึงอยู่แล้ว

    เหมือนกับที่มึงน่ารักที่สุดสำหรับกูเหมือนกัน”

     
     

    จงแดยิ้มตอบผมมาพลางยักคิ้ว

    และนั่นทำให้ผมรู้สึกเขินอายขึ้นมาจริงๆ ก็ตอนนั้นเอง...

    อ่า...จะบ้าตาย ผมเคยบอกพวกคุณไปแล้วใช่ไหมครับ ว่าผมแพ้รอยยิ้มของเขา

    แล้วยิ่งคำหวานๆ ที่เขาเพิ่งพูดออกมาอีก...นั่นมันทำให้ผมรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เลยจริงๆ

     
     

     

    “มึงนี่ทำตัวน่ารักนะเนี่ยจงแดอ่า...”

     

     

    ผมพูดออกไปแล้วเสตาไปทางอื่นเพื่อแก้เขิน...จงแดยิ้มให้ผมเพื่อตอบรับคำชมนั้น

    ก่อนที่เขาจะดึงมือผมเข้าไปซุกเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเขา

    มือของเรากำลังกอบกุมกันไว้...ภายใต้กระเป๋าเสื้ออันแสนอบอุ่นของจงแด

     

     

    “ต่อไปนี้กูจะน่ารักยิ่งกว่านี้อีกมินซอกอ่า...

    กูสาบานว่าต่อไปนี้มึงจะตกหลุมรักกูซ้ำแล้วซ้ำอีก...ซ้ำแล้วซ้ำอีก”

     

     

    จงแดยิ้มแล้วบีบมือที่เรากุมไว้เบาๆ

    เราเริ่มออกเดินกันอีกหน แต่มือของเราก็ยังคงกุมกันไว้ไม่ห่างไปไหน

    ผมเบียดตัวเข้าไปอิงแอบกับจงแดอย่างหมายจะขอความอบอุ่นจากเขา

    เราสองคนยิ้มให้กันและกันโดยไม่ได้พูดอะไรต่อกันอีก

    เพราะในใจของผมกำลังตอบรับในสิ่งที่จงแดเพิ่งพูดมันออกมา

    เป็นคำตอบที่น่าตลก...แต่ผมกลับคิดว่านี่คือคำตอบเดียวที่ผมมีต่อเขา

     

     

    ผมจะตกหลุมรักเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ยังไง...

    ในเมื่อผมไม่เคยปีนขึ้นจากหลุมรักที่เต็มใจกระโดดลงมาแล้วปักหลักอยู่ตรงนี้เลยซักที...

     










    ✚ TALK 

    แอร๊ยยยยยย ทำไมแฮปปี้จังเลยยยยยยยยย T////////T
    มันกำลังจะจบแล้วค่ะ...นมน.จะแถมให้อีกตอนก็จบแล้วนะสำหรับเฉินหมินนะ
    เม้นท์ด้วยนะ อย่าให้นมน.น้อยใจอีกนะคะ ><
    ปีใหม่แล้ว นมน.สัญญาว่าจะงอนให้น้อยลง 5555555


    รักทุกคนจังเลย...สวัสดีปีใหม่ค่ะ 


    - ไรเตอร์นมน. -



     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×