ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [C0MPLETE] ✚ :: BE MY BABY :: ✚ [KAI x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #34 : ✚ BE MY L0VE :: CHANYE0L & BAEKHYUN I

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.44K
      7
      20 ม.ค. 56

    Author : MR.$N0WMAN*

    Pairing : Park Chanyeol & Byun Baekhyun

    Story : Jackboiz

    Rate : PG-15

     


     

     

    Be my Honey*




    ‘ Please.....
    tell me

    .....Why?


     

     



     

    ความรักเป็นเรื่องน่าแปลกนะ...

    ทั้งที่รู้ว่ารักกัน...แต่กลับเข้าใจคำว่ารักต่างกัน

    ทั้งที่รักเหมือนกัน...แต่กลับแสดงออกต่างกัน

    ทั้งที่รักกันแล้ว...แต่ก็ยังไม่เข้าใจกัน

    ทำไมกันนะ...ทำไม

     

     

     

     

    นั่นสินะ...ทำไม?

     

     

    นี่เป็นคำถามที่ บยอน แบคฮยอน ได้แค่เฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่เขาเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้

    ความรักช่างเป็นเรื่องเปราะบาง...และบางครั้งก็ไร้สาระ

    ผมเอาแต่ถามตัวเองว่าทุกวันนี้ผมรักแบบไหน...ทั้งๆ ที่เราก็รักกันแต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าเหนื่อยนัก

     

     

     

     

    แบคฮยอนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร...

    บนโต๊ะยังมีอาหารเย็นที่ ปาร์ค ชานยอล เป็นคนโทรบอกเอาไว้ตั้งแต่บ่ายเพราะว่าเขาอยากจะกินมัน

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนครับ...วันนี้ทำกิมจิชิเกให้กินหน่อยสิ น้า

     

     

     

     

    เสียงออดอ้อนของชานยอลที่ส่งมาจากปลายสายโทรศัพท์เมื่อตอนบ่าย

    แบคฮยอนจำได้ว่าเขายิ้มแย้มมากแค่ไหนตอนที่ได้ฟัง...และมันผิดจากตอนนี้ลิบลับเลย

     

     

    ยุ่งยากออก...กินอย่างอื่นไม่ได้หรือไง

    แถมทำไปนายก็กลับมากินไม่ทันอยู่ดี...ไม่ทำหรอกผมบอกกับเขา

     

     

    วันนี้ฉันไม่มีงานซักหน่อย...อยากจะกลับไปกินข้าวกับแฟนบ้าง

    เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาหลายวันแล้วน้า...

    ฉันอยากกินกับข้าวฝีมือนายด้วย ทำให้ฉันกินหน่อยนะ

    ถ้านายทำให้ฉันกิน...วันนี้ฉันสัญญาว่าจะรีบกลับบ้านเลย

     

     

     

    น้ำเสียงของเขาก็ขี้เล่นเหมือนเคย...เหมือนกับนิสัยของเขานั่นแหละ

    เหมือนกับทุกที ที่เมื่อได้ฟังแล้วผมก็ใจอ่อนทุกครั้ง...

     

     

     

    ลองนายไม่รีบกลับมาสิ...ฉันจะฆ่านายให้ตายเลยปาร์คชานยอล

     

     

     

    เย้! จะทำให้กินใช่ม้า...งั้นวันนี้ฉันจะรีบกลับบ้านนะที่รัก

    อย่าลืมทำหม้อใหญ่ๆ เลยน้าาาา

     

     

     

    อื้ม...แล้วฉันจะทำให้ เอาจนนายพุงแตกเลยล่ะ

     

     

     

    บทสนทนาของเราตอนนั้นช่างมีความสุขซะจริงๆ...จนผมไม่แน่ใจนักว่ามันกลายมาเป็นอย่างนี้ได้ยังไง

    ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อมองจานอาหารหลายอย่างที่ตั้งอกตั้งใจเตรียมเอาไว้

    เตรียมไว้เพื่อหวังว่าเราจะมีเวลาดีๆ ด้วยกัน...

     

     

     

    แบคฮยอนอ่า...ฉันขอโทษด้วยนะ

    แต่ฉันคงกลับไปกินข้าวที่บ้านไม่ได้แล้วล่ะวันนี้

     

     

     

    น้ำเสียงเดียวกันที่ออกมาจากโทรศัพท์เครื่องเดิม...แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกครั้ง

    ไม่ได้รู้สึกผิดหวังมากมายขนาดว่าต้องร้องห่มร้องไห้ เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้

    แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียใจเหลือเกินที่เขาทำแบบนี้...เสียใจ

     

     

     

    อะไรกัน...ไหนว่าวันนี้ไม่มีงานต่อแล้วไง?ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

     

     

     

    จู่ๆ ท่านประธานก็เรียกให้ฉันเข้าไปคุยกับหุ้นส่วนของเขาล่ะ

    ต้องไปร่วมกินอาหารเย็นกับเขา...ฉันจะปฏิเสธก็ไม่ได้

    นายเข้าใจฉันใช่ไหมแบคฮยอนนา...ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้จริงๆ นะ

     

     

     

    ถามมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความรู้สึกผิด...แต่ผมไม่แน่ใจนักว่าเขากำลังรู้สึกผิดจริงๆ หรือเปล่า

    เพราะถ้าหากว่ารู้สึกผิด...ทำไมเขาถึงต้องทำมันด้วยล่ะ? ทำไมต้องทำให้ผมเสียใจ?...

    แต่คำตอบจะเป็นอะไรได้ล่ะ...ผมจะตอบอะไรได้นอกจากต้องเข้าใจเขา

    ผมไม่อยากเป็นคนรักงี่เง่าที่ทำให้หน้าที่การงานของเขาต้องเสียเครดิต...

    มันดูงี่เง่า...และไร้สาระที่จะทำแบบนั้น

     

     

     

    อืม... เข้าใจ... แต่ไม่ได้อยากเข้าใจเท่าไหร่หรอกนะ...

     

     

     

    ขอบคุณนะครับแบคฮยอน...ขอโทษด้วยจริงๆ นะ

    วันนี้ฉันคงกลับดึกหน่อย แบคฮยอนนอนไปเลยไม่ต้องรอฉันนะ

     

     

     

     

    อืม...

     

     

     

    บทสนทนานี้จบลงไปเกือบๆ จะชั่วโมงได้แล้วล่ะมั้ง

    หากแต่ผมยังคงนั่งอยู่ตรงนี้เพื่อครุ่นคิดถึงอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับเรา

    แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าทำไมถึงต้องคิดถึงมันด้วย...เพราะมันรังแต่จะทำให้ผมเสียใจไปโดยไร้ประโยชน์

    ปาร์คชานยอลไม่ได้รับรู้ด้วยซักหน่อย...

     

     

     

     

    ผมควรลุกจากตรงนี้เพื่อไปอาบน้ำและนอนซะ

    จะได้ไม่ต้องคิดถึงอะไรอีก...แม้แต่ผู้ชายใจร้ายที่ชื่อปาร์คชานยอล

     

     

     

     

    *******

     

     

    กว่าปาร์คชานยอลจะกลับมาถึงห้องก็เกือบจะตีสองเข้าไปแล้ว

    พรุ่งนี้ผมต้องทำงานแต่เช้า...หากแต่เขากลับทำเสียงดังปึงปังจนผมต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาจนได้

    เดาได้ไม่ยากเพราะว่าปาร์คชานยอลคงจะเมากลับมาอีกตามเคย...ผมถอนหายใจออกมาและพยายามจะข่มตานอนต่อ

    หากแต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมา...เขาก็โถมตัวลงมาทับผมจนผมต้องสะดุ้ง

     

     

     

    ที่รักกกกกกก...คิดถึงจังเลยยยยยยยยยยย

     

     

     

    กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง พร้อมด้วยใบหน้าแดงก่ำนั้นยืนยันว่าปาร์คชานยอลคงดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปไม่น้อย

    ผมพยายามจะดันเขาให้ออกห่าง หากแต่ทำได้ไม่เต็มที่นัก เพราะยังคงสะลึมสะลือและไร้เรี่ยวแรง

     

     

     

    เป็นบ้าอะไรของนายน่ะชานยอล...

    ลุกออกไปสิ ฉันจะนอนผมแหวใส่เขาด้วยน้ำเสียงอู้อี้...เพราะเขาดึงดันที่จะจูบและก้มลงมาดูดเม้มที่ริมฝีปาก

     

     

     

    ไม่เอา...ไม่ให้นอน

    ฉันอยากกอดแบคฮยอนของฉัน

     

     

     

     

    เขาพูดในขณะที่พยายามจะถอดเสื้อนอนของผมออกไป

    เรี่ยวแรงที่มากมายของชานยอลทำให้ผมไม่สามารถที่จะหลีกหนีเขาไปได้เลย

     

     

     

    อื้อ...ไม่เอานะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแต่เช้านะชานยอล

     

     

     

    ไม่เอาไม่ทนแล้ว...

    ฉันอยากกอดแบคฮยอนจนทนไม่ไหวแล้วนะ

     

     

     

    ไม่พูดเปล่าหากแต่ชานยอลยังก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอของผมอย่างเอาแต่ใจ

    ผมรู้สึกรังเกียจกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งที่ลอยโชยมาจากลมหายใจของเขา

    แต่จะห้ามเขาได้ยังไง ในเมื่อชานยอลไม่ยอมแม้แต่จะให้โอกาสผมได้อธิบายอะไรเลยซักนิด

     

     

     

    เขาเลื่อนตัวขึ้นมาประจูบ...ในขณะที่ดึงเอากางเกงนอนของผมออกไป

    ผมได้แต่ขมวดคิ้วและพยายามจะดันเขาให้ออกห่าง

    หากแต่ทำไม่ได้เลย...ชานยอลแรงเยอะเกินไปที่ผมจะขัดขืน

    เหตุผลทั้งหมดเป็นศูนย์เมื่อปาร์คชานยอลกำลังต้องการ...

     

     

     

     

    จาบจ้วง....และเอาแต่ใจ

     

     

     

    และสุดท้ายผมจะทำอะไรได้...นอกจากให้เขาทำอย่างที่เขาต้องการ...

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

    ทำตามอารมณ์ปรารถนาและความเอาแต่ใจของเขา...









    ✚ 50%








    มันจบแบบนี้ทุกที...ทำไมนะ

    ทั้งๆ ที่รู้ว่ารัก แต่ทำไมเขาไม่ทำให้มันดีกว่านี้

    ไม่ต้องบอกว่ารักกันทุกครั้งก็ได้ ไม่ต้องโทรมาทุกวันตอนพักกลางวัน

    ขอเพียงแค่เขาให้เวลากับผมบ้างก็เท่านั้น...

    ให้เราได้มีเวลาได้นั่งจับเข่าคุยกันบ้าง ได้กินข้าวด้วยกันบ้าง

    ให้เราได้มีเวลานั่งดื่มกาแฟ หรือทานไอศกรีมด้วยกัน

    หรือแม้กระทั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน...ทำไมเราถึงไม่ทำแบบนั้นกันบ้าง

    แทนที่จะบอกรักกันผ่านทางโทรศัพท์ทุกวัน ทำไมเขาถึงไม่มีแม้แต่เวลาที่จะบอกผมต่อหน้าล่ะ...

    ผมได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม...

     

     

     

    “พี่แบคฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

     

     

    เสียงของคยองซูที่ดังขึ้นมาทำให้ผมต้องหันกลับมาสนใจกับหน้าที่ๆ ตัวเองกำลังทำอยู่

    ผมมาสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้คยองซูและจื่อเทาเพื่อนของเขา

    ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราว เพียงแค่อยากจะช่วยไอ้จงอินดูแลคยองซูบ้างก็เท่านั้น

    แต่ผมกลับรู้สึกสนุกกับมัน เพราะเวลาที่ได้เห็นคยองซูกับจื่อเทาได้คะแนนดีๆ ในวิชาที่ผมช่วยติวให้เขา

    มันเป็นความรู้สึกที่ดี จนผมคิดว่ามันไม่ได้เสียหายที่จะทำต่อไป...

     

    “เปล่านี่ ไม่ได้เป็นอะไร” ผมตอบกลับคยองซูไป เพราะเขากำลังมองมาที่ผมอย่างเป็นห่วงเป็นใย

     

     

    “โกหกสินะ...พี่คงไม่รู้ตัวสินะครับว่าคิ้วน่ะแทบจะผูกกันเป็นโบว์อยู่แล้ว” 

     

    เป็นจื่อเทาที่ตอบ...เขาขมวดคิ้วและทำหน้าตาไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอกกับเขา

    ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพราะไม่ได้คิดจะปฏิเสธอะไร

     

    “ทะเลาะกับพี่ชานยอลอีกแล้วเหรอครับพี่แบคฮยอน?”

     

    คยองซูถามผมขึ้นมาอย่างห่วงใย

    น้ำเสียงเล็กๆ ที่ฟังดูเอื้ออาทรของเขาทำให้ผมต้องยกยิ้มออกมาบางๆ

    รู้สึกอิจฉาไอ้จงอินขึ้นมาตงิด ที่มีเด็กผู้ชายน่ารักๆ คนนี้อยู่ในบ้านด้วย

     

    “อืม...ก็ไม่ได้ทะเลาะหรอก

    แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้นะว่าเป็นเรื่องของชานยอล” ผมบอกกับเขา

     

     

    “คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะครับ?” จื่อเทาถามผม

     

     

    “ก็เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ...จะมีอะไรอีกล่ะ

    แต่ช่างเหอะ พวกพี่ไม่ได้ทะเลาะกันนะ

    เราเลิกพูดเรื่องนี้แล้วมาคุยกันเรื่องคะแนนของพวกนายกันดีกว่า

    เก่งมากเด็กๆ ที่ได้คะแนนท็อป! อาจารย์ของพวกนายน่ะปลื้มมากเลยรู้เปล่า”

     

    ผมพูดพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปขยี้หัวเล็กๆ ของพวกเขา

    คยองซูหัวเราะออกมาเอิ๊กอ๊ากและจื่อเทาเองก็ยิ้มร่าเช่นกันที่ผมทำแบบนั้น

     

    “เราต่างหากล่ะครับที่ต้องขอบคุณพี่...

    ถ้าไม่ได้พี่ช่วยติว ผมคงไม่ได้ท็อปแบบนี้แน่ๆ” จื่อเทาบอกกับผมพร้อมทั้งยิ้มร่าออกมาจนตาเกือบจะปิด

     

    “พวกนายทำได้ดีต่างหากล่ะ...ฉันก็แค่ช่วยทบทวนให้ก็เท่านั้น

    และตามสัญญา พี่จะพาพวกนายไปดูหนัง!

     

    “เย้!! คยองอยากดู โดราเอม่อน เดอะมูฟวี่!!!” คยองซูตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความร่าเริง

     

    “แหยะ...เด็กอ่ะคยองซู

    ฉันจะไม่ยอมดูโดราเอม่อนกับนายแน่ๆ ฝันไปเถอะ” จื่อเทาแหวใส่คยองซูอย่างไม่เห็นด้วยนัก

     

    “อะไรเล่า...ทำอย่างกับนายไม่เคยเด็ก” คยองซูกระชากเสียงใส่จื่อเทาเข้าให้

     

     

    “ฉันเคยเด็ก แต่ตอนนี้ฉันโตแล้ว

    ไม่ได้แอ๊บแบ๊วไปวันๆ เหมือนนายหรอกน่า”

     

    “บอกว่าโตแล้วแต่สมองอย่างกับเด็กป.สี่

    นายยังท่องสูตรคูณแม่แปดไม่ได้เลย...ฉันรู้นะ”

     

    คยองซูยกยิ้มเยาะคนเป็นเพื่อนไปอย่างสนุกปาก

    หากแต่จื่อเทาไม่ได้เห็นว่ามันสนุกในความคิดของเขาเลยซักนิด

     

     

    “ย๊า! โด คยองซู!!!

     

     

    “ย๊า!!! นายตวาดฉันเหรอ หวาง จื่อเทา!!!!

     

     

    “พอเลยๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว...ก็เด็กเหมือนกันจะมาเถียงกันทำไม”

     

     

    ผมยุติสงครามฝีปากที่เด็กทั้งสองสาดใส่กันแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเอือมระอาเล็กน้อย

    จื่อเทาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วตอบกลับผมมาอย่างไม่ค่อยชอบใจ

     

    “ผมไม่เด็กแล้วนะพี่แบคฮยอน!!” จื่อเทาแหวใส่

     

     

    “อ่า...ไม่เด็กก็ไม่เด็ก

    เลิกทะเลาะกันแล้วดูคำสั่งของนี้เถอะ

    ตรงนี้ยากใช้ได้เลยนะ Question tag เนี่ย...”

     

    เมื่อผมลากเด็กทั้งสองคนเข้าสู่บทเรียน บรรยากาศบนโต๊ะของเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

    จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ พวกผมก็จบบทเรียนกันจนได้...

     

    “โอเค...งั้นเราเจอกันอีกทีวันพุธหน้านะ

    โอ๊ะ! ไม่ใช่สิ ต้องวันเสาร์นี้สินะ เพราะฉันต้องเลี้ยงหนังพวกนายนี่นา

    งั้นเจอกันวันเสาร์ที่โรงหนังตอนบ่ายโมงนะ”

     

    ผมบอกเด็กๆ ในขณะที่พวกเราเก็บข้าวของลงกระเป๋า

    คยองซูเดินเอาแก้วไปเก็บในห้องครัวแล้วเดินกลับออกมาเพื่อส่งผม

    หากแต่เป็นจื่อเทาที่ถามผมขึ้นมาซะก่อน

     

     

    “พี่แบคฮยอนจะพาพี่ชานยอลไปด้วยไหม?” จื่อเทาถามผม

     

     

    “ชานยอลรับปากว่าจะไปด้วยนะ...พี่บอกเขาไว้แล้ว ทำไมเหรอ?”

     

     

    “ป...เปล่าหรอกครับ...  ผม...แค่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะชวนเซฮุนไปด้วยดีหรือเปล่า

    แต่เขาไม่ได้ท็อปเหมือนเรานี่นา...ไม่ชวนไปดีกว่า” จื่อเทาบอกกับผม

     

     

    “เฮ้...ไม่เป็นไรนะ พาเซฮุนมาด้วยก็ได้”

     

     

    “งั้นเดี๋ยวผมขอไปถามเซฮุนก่อนดีกว่าว่าเขาอยากจะไปกับเราไหม

    ถ้าเขาตกลงผมจะพาเขาไปด้วยก็แล้วกันครับ” จื่อเทายกยิ้มตอบผม

     

     

    ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดพร้อมทั้งยกยิ้มให้เขาบางๆ ด้วย

    กำลังจะบอกลาเด็กๆ ทั้งสองคนแต่ไอ้จงอินกลับเดินเข้ามาในบ้านเสียก่อน

     

    “จงอินนนนนน กลับมาแล้วเหรออออออ

    เหนื่อยมั้ยครับบบบบบบ”

     

    คยองซูรีบปรี่เข้าไปต้อนรับไอ้จงอินด้วยรอยยิ้มและอ้อมกอดเล็กๆ ที่คล้องได้แค่เอวของไอ้จงอินมันก็เท่านั้น

    ผมเห็นไอ้จงอินคลายปมเนกไทด้วยสีหน้าอิดโรยเล็กน้อย แต่รอยยิ้มบางๆ นั้นกลับผุดขึ้นทันทีที่คยองซูเดินเข้าไปหา

     

    เห็นแล้วก็รู้สึกตลกดี...เพราะไอ้จงอินมักจะบอกเสมอให้พวกเราเลิกยัดเยียดคยองซูให้กับมัน

    ทั้งๆ ที่ท่าทางของมันน่ะ ไม่ได้รู้เลยว่ามันเองก็ชอบน้องเขาอยู่เหมือนกัน

    เพื่อนผมมันงี่เง่าเกินไป...ในขณะที่คยองซูก็แสดงออกมากเกินไปเช่นกัน

    แต่ถึงขนาดว่าคยองซูแสดงออกมาชัดเจนขนาดนี้ไอ้จงอินก็ยังไม่รู้ตัวซักที

    ผมล่ะไม่แน่ใจและไม่กล้าฟันธงอะไรเลยด้วย...ว่าไอ้จงอินมันงี่เง่าจริงๆ หรือแค่หลอกตัวเองไปวันๆ ก็เท่านั้น

     

     

    “เหนื่อยมากเลย...กว่าจะประชุมเสร็จเล่นเอาแทบแย่เลยล่ะ” ไอ้จงอินบอกกับคยองซูพร้อมๆ กับที่โอบน้องเขากลับไป

     

     

    “งั้นจงอินไปนั่งก่อนน้า เดี๋ยวคยองไปเอาน้ำให้นะครับ...รอแป๊ปนึง”

     

     

    คยองซูพูดก่อนจะปล่อยเอวจงอินออกแล้ววิ่งแจ้นไปที่ห้องครัวอย่างเก่า

    จนสุดท้ายเมื่อไอ้จงอินเห็นผมกับจื่อเทา เขาก็เริ่มต้นทักทายอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมทั้งบ่นกระปอดกระแปด

     

    “อ้าว...กูนึกว่ามึงกลับไปแล้วนะเนี่ยแบคฮยอน

    วันนี้กูประชุมลากยาวมาตั้งแต่บ่ายเลย เพิ่งเลิกเมื่อกี้เนี้ย เหนื่อยชิบหาย...

    อ้าว...นายก็ยังอยู่ที่นี่เหรอ อยู่นานทำไม รีบๆ กลับไปได้แล้วไป”

     

     

    ไอ้จงอินทำนั่งลงโซฟาแล้วยืดแข้งยืดขา ในขณะที่เอ่ยปากไล่จื่อเทาให้กลับบ้านไปเสียที

    การกระทำของไอ้จงอินที่มีต่อจื่อเทาน่ะไม่เคยจะมีมารยาทหรอก

    (“จงอิน! พูดกับจื่อเทาอย่างนี้อีกแล้วนะครับ!! นิสัยไม่ดีเลย!!!” คยองซูที่เดินออกมาจากห้องครัวแหวใส่มันเข้าให้)

    แต่จื่อเทาก็ไม่ได้สนใจเขาเลยซักครั้ง...อย่างครั้งนี้ก็เช่นกัน

     

    ผมรีบเปลี่ยนประเด็นจากเรื่องนี้ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเถียงกัน

    ด้วยการบอกไอ้จงอินไปซะว่าวันเสาร์ผมกับเด็กๆ มีนัดดูหนังกัน

     

     

    “ไอ้จงอิน...วันเสาร์ไปดูหนังด้วยกันนะมึง

    เด็กๆ สอบได้ท็อปอิงค์ กูเลยจะให้รางวัลเขา” ผมบอกกับไอ้จงอินไป

     

     

    “เออ...ก็ดีเหมือนกันนะ กูไม่ได้ดูหนังมาซักพักแล้วนะเนี่ย”

     

     

    จงอินพยักหน้าอย่างชอบใจ ดวงตาที่อิดโรยของมันเริ่มมีประกายซุกซนแวบขึ้นมาบ้าง

    ผมยกยิ้มอย่างพอใจที่เห็นว่าไอ้จงอินไม่ได้สนใจจะโต้เถียงกับจื่อเทาอีก

    (และไอ้จงอินก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเมื่อคยองซูเดินมานั่งอยู่ข้างๆ แทนที่จะไปนั่งอยู่กับจื่อเทาตรงเก้าอี้โต๊ะกินข้าว)

     

     

    “เออ งั้นวันเสาร์ก็พาคยองซูไปเจอกูที่โรงหนังตอนบ่ายแล้วกัน

    กูกับชานยอลจะไปรออยู่ที่โน่น โอเคนะ?”

     

     

    “โอเคๆ มึงเองก็รีบกลับเหอะ

    นี่ก็จะทุ่มครึ่งแล้ว เดี๋ยวไอ้ยอลบ่นคิดถึงล่ะแย่เลย

    เดี๋ยวมันจะหาว่ากูเอาเมียมันมาซุกไว้ที่บ้าน”

     

     

    ไอ้จงอินยกยิ้มแซวขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี

    ผมได้ยินเสียงจื่อเทาทำนิตยสารที่ถืออยู่ในมือตกเมื่อจงอินพูดอย่างนั้น

    ( “อย่ามาทำลายข้าวของในบ้านฉันนะโว้ย” ไอ้จงอินแหวใส่)

     

    “เออๆ เดี๋ยวกูจะกลับแล้วล่ะ...

    มึงก็รีบๆ กินข้าวซะ คยองซูก็ยังไม่ได้กินเลย มัวแต่รอมึงอยู่เนี่ย

    อ้าว จื่อเทา...แม่นายมาพอดีเลยล่ะ...เรากลับไปพร้อมกันเลยเหอะ”

     

    ผมชักชวนจื่อเทาให้ออกจากบ้านไปพร้อมกัน

    จนกระทั่งเราร่ำลากันจนเสร็จสรรพ ผมก็ขับรถออกมาอยู่บนถนนจนได้

     

    ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคิดถึงคำที่ไอ้จงอินเอ่ยแซวเอาไว้

    อยากจะเถียงเขาใจจะขาด...แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องของผม และมันงี่เง่าเกินกว่าที่ไอ้จงอินจะใส่ใจ

    ผมเลยไม่พูดอะไรออกมา นอกจากแย้งอยู่ในใจก็เท่านั้น...

     

    ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเหงา...ช่วงก่อนชานยอลอาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ช่วงนี้เขากลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

    เมื่อก่อนเขารักและหวงผมมาก ข้อนี้ผมยอมรับว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนไป

    เขายังรักผมมาก และหึงหวงผมมากจนเกินไปแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่สมเหตุสมผลแค่ไหนก็ช่างเถอะ

    แต่ที่เขาเปลี่ยนไปก็คือเขาแสดงออกต่างไปจากเก่า...เพราะตอนนี้เราไม่ค่อยมีเวลาเจอหน้ากันเท่าไหร่นัก...

     

    ผมเองเคยคิดว่ามันจะต้องมาถึงวันนี้เข้าซักวันเหมือนกัน วันที่เราต้องโตและเจอกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้

    เราคบกันมาตั้งแต่มัธยม ผมเคยบอกกับตัวเองเอาไว้ว่ายังไงซักวันก็ต้องมีวันที่ความรักของเรามันจืดจางลงไปบ้าง

     

    ในตอนนั้นผมเคยคิดว่าผมคงทำใจรับมันได้...

    ก็แหงล่ะสิ ก็ผมคิดเอาไว้ล่วงหน้าเอาไว้เล่นๆ ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนี่นา

    แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว...ผมกลับพบว่าถึงแม้ว่าจะทำใจมานานแค่ไหน พอเราได้เจอกับมันเข้าจริงๆ เราก็เจ็บอยู่ดี...

     

    เราโตขึ้นจากวันวาน...มีหน้าที่ๆ ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งคู่

    ชานยอลเป็นผู้ชายที่ชอบทำกิจกรรมมาตั้งแต่สมัยเรียน ไม่แปลกหรอกที่เขาจะทุ่มเทให้กับเรื่องงานมากเป็นพิเศษ

    ทั้งๆ ที่ผมคิดได้อย่างนี้ แต่ผมกลับมีอีกมุมหนึ่งในใจที่ขัดแย้งกับมันและเอาแต่ตั้งคำถาม

    เอาแต่ถามว่า...ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาก็บ้างานเหมือนกัน...

    แต่ทำไมตอนนี้เรากลับแตกต่างจากวันนั้นราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ?

     

    ผมไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย...ออกจะเป็นคนร่าเริงและคิดบวก

    ผมเลยเอาแต่บอกกับตัวเองว่างานของเขาก็เติบโตขึ้นตามวัยอยู่แล้ว ถ้ามันจะมีอะไรเปลี่ยนไปมันก็ไม่แปลกไปหรอก

    มันก็ดีเหมือนกันที่ผมเอาแต่บอกกับตัวเองอย่างนี้...

    เพราะถ้าผมไม่ใช่คนแบบนี้...ผมคงเลิกกับเขาไปนานเป็นปีได้แล้วล่ะมั้ง...

     

    ผมพยายามไม่คิดอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องคิดมาก

    ทั้งๆ ที่ผมรู้ดีว่าเราสองคนเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อผมตัดสินใจที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาไปอีกขั้น

    ผมพาเขาไปแนะนำกับที่บ้าน...และตั้งแต่นั้นมาชานยอลเองก็เปลี่ยนไป

     

    ผมเคยเผลอคิดน้อยใจไปเองบ้างเป็นบางครั้ง...ว่าเขาคงไม่อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์จนถึงขั้นที่ต้องพาไปพบกับพ่อแม่

    ผมคิดว่าเขาคงอยากให้เราคบกันแบบไม่จริงจัง แต่ท่าทางของเขากลับจริงจังมากกว่าที่จะทำให้ผมคิดอย่างนั้น

    เพราะเขาเองก็ดูตื่นเต้นและตื่นตัวทุกครั้งที่พ่อและแม่ของผมชวนให้ไปกินข้าวที่บ้าน

    ผมเลยตัดสินใจตัดข้อสงสัยเรื่องนี้ไปในที่สุด...แต่ก็ไม่ได้ลบมันออกไปจากใจ

     

    พูดกันตามจริงแล้ว...ผมยังหาสาเหตุไม่เจอเลยด้วยซ้ำว่าเราห่างกันเพราะอะไร

    ผมไม่คิดว่าเขากำลังมีคนใหม่ เพราะผมยังไม่เคยเห็นหลักฐานอะไรที่ต้องคิดอย่างนั้น

    จะมีแค่เรื่องงานเท่านั้นแหละที่ผมมองเห็น...และทำให้ผมต้องอึดอัดใจจนจะบ้าตายอย่างนี้

     

    ถ้าหากว่าเราเปลี่ยนไปเพราะเรื่องคนอื่น ผมว่ามันคงจะจัดการง่ายซะกว่า

    เพราะถ้าหากเป็นคนอื่น ผมคงรู้ตัวว่าต้องทำยังไงต่อไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    แต่ถ้าเป็นเรื่องงานแล้ว...ผมกลับกลายเป็นฝ่ายที่ทำอะไรไม่ได้เลย

    ผมไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปยุ่มย่าม และไม่มีสิทธิจะเรียกร้องอะไรเพราะนั่นคืองานของเขา

    เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะมันเป็นงานไง...

    นี่แหละถึงได้ทำให้ผมอึดอัด...และรู้สึกว่ามันค้างๆ คาๆ อยู่ที่เก่า

     

     

    เรายังคงรักกัน...แต่ความสัมพันธ์ของเราแค่ไม่เหมือนเดิม...

     

     

    สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็คือการอดทนรอนั่นแหละ...

    รอให้ซักวันที่หน้าที่การงานของเขามั่นคงแล้วนั่นแหละ เราก็อาจจะดีขึ้นมาได้บ้าง...

    ผมไม่รู้หรอกว่าต้องอดทนไปอีกนานแค่ไหน...แต่ก็ได้แต่คิดและพร่ำบอกกับตัวเองเอาไว้

     

    .

    .

    .

     

    ถ้ายังรักก็ต้องยังไหวสิ บยอนแบคฮยอน...

     

     

     

     

    *********

     

     

    ผมกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์และก็พบกับบรรยากาศเช่นเดิม

    ปาร์คชานยอลยังคงไม่กลับมา...เพราะเขาเองติดงานและโอทีของเขาจนดึกดื่นแบบนี้ตลอด

    ในอาทิตย์หนึ่งก็คงจะมีแค่สองวันที่เขาไม่ทำโอที...นอกนั้นก็เป็นแบบนี้

    ทำงาน เคลียร์งาน ต้องไปกินเลี้ยงกับลูกค้า...วันๆ เขาก็เอาแต่โทรบอกผมแบบนี้นั่นแหละ

     

    อยากจะโกรธแต่จะทำอะไรได้ล่ะ...ก็ทำได้แค่น้อยใจกับตัวเองแบบนี้

     

    ผมตัดสินใจหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดขึ้นต่อสายหาเขาจนได้

    นี่ก็ใกล้จะสามทุ่มเต็มที...ผมคิดว่าเขาคงจะใกล้จะเลิกงานแล้วล่ะ

     

     

    “มิสเตอร์ปาร์ค...เลิกงานหรือยังครับ?”  ผมถามเขาเมื่อชานยอลกดรับสาย

     

     

    “อื้ม...อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วล่ะที่รัก

    ที่รักจะเอาอะไรเหรอ เดี๋ยวฉันซื้อเข้าไปให้นะ” ชานยอลถามผมกลับมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

     

     

    “ไม่เอาอะไรหรอก...ฉันแค่จะโทรมาถามว่านายกินข้าวหรือยัง” ผมถามเขากลับไป

     

     

    “อ่า...นั่นสิ ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่นา” ชานยอลบ่นอุบอิบออกมาเมื่อผมถามเขา

     

     

    “บ้าจัง...ออกมาก็หาอะไรกินด้วยนะ

    ที่ห้องไม่มีอะไรเลย นายแวะซื้อเข้ามาหรือกินแวะกินระหว่างทางกลับก็ได้นะ”

     

     

    “แล้วนายกินแล้วเหรอแบคฮยอน? ให้ฉันซื้อเข้าไปเผื่อไหม?”

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันกินมาตั้งแต่ก่อนไปสอนคยองซูแล้วล่ะ

    วันนี้เหนื่อยมากเลย...เดี๋ยวกะว่าจะอาบน้ำนอนแล้ว” ผมบอกกับเขา

     

     

    “ง่า...ฉันอยากกอดนายจังเลยแบคฮยอนอ่า” ชานยอลพูดกับผมด้วยน้ำเสียงติดจะงอแงเล็กน้อย

     

     

    “วันนี้ไม่ได้หรอกนะชานยอลอ่า...

    ฉันเหนื่อยมากเลย และพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นเช้าด้วย

    นายเข้าใจฉันใช่ไหม?” ผมบอกกับเขา

     

     

    “อื้ม...งั้นไม่เป็นไร ฉันแค่คิดถึงนายมากๆ ก็เท่านั้นแหละ

    ว่าแต่โทรมานี่มีอะไรหรือเปล่าครับหืม?” ชานยอลถามผมกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

     

     

    “ก็ว่าจะโทรมาเตือนว่าอย่าลืมนัดของเราวันเสาร์นี้นะ

    นายตื่นไม่เคยทันฉันออกจากห้องเลย ฉันกลัวว่านายจะลืม”

     

    ผมเตือนย้ำเขาถึงนัดที่เราคุยกันไว้เกือบจะครบอาทิตย์ได้แล้ว

    น่าตลกดีใช่ไหมครับ? อยู่ด้วยกัน นอนด้วยกันทุกวัน

    แต่เรากลับไม่มีแม้แต่เวลาจะคุยกันเลยซักนิด...

     

     

    “อื้มม ไม่ลืมหรอกครับ...วันเสาร์เราต้องได้ไปเดทกัน!

     

     

    ชานยอลพูดออกมาพลางหัวเราะเบาๆ ตอบกลับผมมา

    ผมยกยิ้มออกมาบางๆ เมื่อได้ยินว่าเขารับปากอย่างนั้น

     

     

    “อืม....ดีแล้วล่ะ งั้นก็รีบๆ กลับมานะ”

     

     

    ผมบอกกับเขาทิ้งท้ายด้วยเสียงอันแผ่วเบา

    แม้ว่าถึงบอกไปก็ไม่ได้ช่วยให้เขาตัดสินใจพับงานของเขาลงไปก็เถอะ...

     

    “ครับ...เดี๋ยวจะรีบกลับเลยน้า

    จะรีบบึ่งรถกลับไปเลย เผื่อว่าที่รักของยอลยังไม่หลับ

    เราจะได้กู๊ดไนท์คิสกันซักนิดหน่อยก็ยังดี”

     

    เขาหัวเราะคิกคักและพูดให้ความหวังกับผม...

    แน่ล่ะครับ...ผมเรียกมันว่าเป็นการพูดให้ความหวัง

    เพราะผมรู้ดีว่ายังไงเขาก็กลับมาไม่ทันอยู่แล้ว

     

     

    “อื้ม...งั้นก็รีบกลับมาสิ ไม่งั้นอดคิสนะ”  แต่ผมก็ยังพูดไปแบบนั้นอยู่ดี...

     

     

    “รออยู่ตรงนั้นเลยนะแบคฮยอนอ่า...

    ฉันไม่พลาดกู๊ดไนท์คิสแน่ๆ นับถอยหลังได้เลย”

     

    ผมยกยิ้มเมื่อในที่สุดแล้วเราสองคนก็ต่างพากันล่ำลาแล้วกดวางสายไป

    ผมหัวเราะออกมาอย่างขันๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

    น่าตลกดีเหมือนกันนะครับ...ทั้งๆ ที่ผมรู้ดีว่าเขาน่ะมาไม่ทันหรอก

     

    .

    .

     

    แต่ผมเองกลับคิดว่าผมควรจะรอ...อย่างที่เขาอยากจะให้รอ

     

     

    ************

     

     

    เข็มนาฬิกาเดินไปเรื่อยๆ จนย่างเข้าเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ ใกล้จะห้าทุ่มเต็มทีแล้ว

    ตาของผมกำลังจะปิดเพราะความอ่อนล้าและเหน็ดเหนื่อยจากงานที่ทำมาทั้งวัน

    รู้ตัวดีว่ากำลังรอคอยอะไรที่ไร้สาระ แต่ผมเองกลับยังดื้อรั้นและฝืนตัวเองไปแบบนี้

     

    ผมเอาแต่นับกับตัวเอง...

    บอกกับตัวเองว่าจะให้เวลาเขาอีกแค่ห้านาทีเท่านั้น จนกระทั่งต่อเวลาไปเรื่อยๆ มาเป็นชั่วโมง

    จากห้านาที เป็นสิบนาที...บอกตัวเองว่าอีกแค่สิบนาทีจะไม่รอแล้ว แต่ก็ยังคงนั่งรอไปเรื่อยๆ...

     

    จนมาถึงจุดๆ หนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเกินลิมิตที่ตัวเองจะทนฝืนได้

    ผมจึงตัดสินใจปิดทีวีและปิดไฟในห้องโถง จนเหลือแค่ไฟดวงเล็กๆ ในห้องครัวเท่านั้น

    ยกยิ้มกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างเชื่องช้า...

    เอาแต่คิดว่ามันคงจะดีถ้าจะรีบๆ นอนไปให้หลับสนิทซะจะได้หายเหนื่อยอย่างที่ตั้งใจซักที

     

     

    แต่ความจริงแล้วผมแค่อยากจะบอกตัวเองไม่ให้เสียใจมากกว่า

    บอกตัวเองว่าอย่าเสียใจ...ไม่มีประโยชน์อะไรนี่นา

     

    .

    .

     

     

    มันเชื่อไม่ได้อยู่แล้วนี่นา...กับคำสัญญาของปาร์ค ชานยอล














    ✚ TALK 

    ครบ 100% แล้วนะคะ...ทำไมเหนื่อยจังเลย T T 
    สงสารแบคฮยอนมากค่ะ อดทนหน่อยนะคะน้องแบค
    ตอนนี้ยาวมากเลยเนอะ ตอนแรกที่ว่าลง 50% เลยดูสั้นไปเลยค่ะ
    เลยลงเอาไว้เป็น 150% เลย เพราะที่มันต่อมันยาวมากอย่างกับเป็นตอนนึงเลยแหน่ะ 5555555


    ขออนุญาติประกาศหน่อยค่ะ...
    ใครที่ยังไม่ได้โอนเงินค่าฟิคน้องคยอง รบกวนติดต่อนมน.เพื่อยกเลิกหรือเลื่อนโอนเงินด้วยนะคะ
    ตอนนี้คนไม่โอนเงินมามีเยอะมากค่ะ ประมาณ 34 คน
    ถ้าหายไปแบบไร้สาเหตุนมน.จะตัดเข้ารายชื่อขึ้นบัญชีดำนะคะ
    เพราะงั้นรบกวนติดต่อหน่อยค่ะ ที่ 
    @SunnySnowman ค่ะ

    สำหรับคนที่เพิ่งสั่งจองเข้ามา
    นมน.ขออนุญาติแจ้งว่าวันโอนเงินวันสุดท้ายคือวันที่ 22 มกราคม นะคะ...
    รบกวนรีดเดอร์เข้าไปเช็คที่หน้าแฟนเพจบ่อยๆ ด้วยนะคะ
    เผื่อนมน.จะแจ้งข่าวหรือชี้แจงอะไร นมน.ไม่อยากจะตอบซ้ำๆ หลายๆ รอบค่ะ...
    บางทีก็ไม่มีเวลาตอบ ก็กลัวว่าจะโกรธกันอีก  
    เพราะงั้นรบกวนนะคะ รบกวนเข้าไปอ่านประกาศในหน้าแฟนเพจด้วยค่ะ
    ลิงค์แฟนเพจ >>> 
    MR.$N0WMAN FANPAGE


    ขอบคุณมากๆนะคะที่เข้าใจ...


    - ไรเตอร์นมน. -




    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×