ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] ✚ :: L0VE N0TE :: ✚ [KAI x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #2 : ✚ :: L0VE N0TE :: 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.98K
      56
      16 ธ.ค. 55

     

     
    Author : FAKU HAKU
    Pairing : JONGIN x KYUNGSOO
    Rate : PG-15






    LOVE NOTE*

     

     



    - 2 -
     

     

     

     

     

    เสียงลูกบาสกระทบพื้นดังสนั่นเสียจนทำเอาคนหลายคนหันมามอง

    คิมจงอินทิ้งตัวลงนั่งพิงกำแพงกลางยกสองมือขึ้นมาปิดหน้า

    จังหวะหายใจรัวเร็วนั้นก็ยังดูไม่น่ากลัวเท่ากับท่าทีที่เปลี่ยนไป

    ผ่านกิริยาของสองมือหนาที่ปิดกั้นใบหน้าของตนเองออกจากเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ

    อย่างไรก็ตามชานยอลและเซฮุนค่อยๆ เดินตรงมาหาและทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

     

     

    เป็นอะไรไป"

     

     

    เป็นชานยอลที่ถามขึ้นก่อน

     

     

    "ไม่ได้เป็นอะไร...” ปฏิเสธกลับมา

    "...ขออยู่คนเดียวสักพักได้ไหม"

     

     

    ก็ถ้านายยังเป็นแบบนี้ก็คงไม่ได้" ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

    "...แต่นายคงอยากได้เวลาเงียบๆ ของนายคนเดียว

    งั้นพวกเราสองคนก็จะนั่งเป็นเพื่อนนายเงียบๆ ตรงนี้ และไม่พูดอะไรก็แล้วกัน"

     

     

     

    เซฮุนพยักหน้าเห็นด้วยแล้วทั้งสองคนก็ทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิเอาหลังพิงกำแพง

    ชานยอลส่งสัญญาณมือไปบอกคนอื่นๆ ที่กำลังเล่นอยู่ในสนามว่าให้เล่นต่อไปโดยไม่มีพวกเขาก่อน

    เสียงลูกบาสกระทบพื้นจึงกลับมาดังเป็นจังหวะอีกครั้ง

    และเมื่อทุกอย่างเริ่มต้นกลับไปเหมือนปกติอีกครั้งคิมจงอินก็ลดมือของเขาลง

     

     

    พวกนายเคยรู้สึกมั้ย...”

    สายตานั้นมองตรงไปข้างหน้าขณะที่พูด

     

     

    "รู้สึกอยากย้อนเวลากลับไปได้เพื่อที่จะได้ทำอะไรที่ตอนนั้นไม่กล้าทำ

    เผื่อที่ว่าทุกอย่างจะออกมาไม่เป็นแบบที่มันเป็นอยู่ตอนนี้"

     

     

    เคยสิ...” เป็นเซฮุนที่ตอบคำถามขึ้นมาก่อน

    "...พวกเราก็เป็นคนธรรมดานะ จะไม่ให้รู้สึกอย่างนั้นเลยก็คงแปลกแล้วล่ะ"

     

     

    เออจริงของเซฮุนมัน...” อีกคนแสดงความเห็นบ้าง "...ทุกคนเขาก็เป็นกันทั้งนั้น"

     

     

    แล้วนายจะทำยังไงในเมื่อนายสลัดความคิดนั้นออกไปไม่ได้"

    ถามต่อไปอย่างค่อนข้างจะฉุนเฉียว

     

     

    "ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้เพราะก็เคยสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่เสียใจในสิ่งที่ทำ

    ขอให้ได้ทำแล้วมีความสุข และคนที่ฉันแคร์มีความสุข...” มือข้างหนึ่งนั้นกำแน่น

    "...ทั้งๆ ที่เคยคิดไว้แบบนั้น"

     

     

    เรื่องคยองซูใช่ไหม" เซฮุนถาม

     

     

    ถ้าบอกว่าไม่ใช่จะเชื่อมั้ยล่ะ...” หันมายิ้มกวนๆ ครั้งหนึ่ง

     

     

    งั้นเล่าหน่อย"

     

     

    คิมจงอินถอนหายใจยืดยาวก่อนจะเอนหลังไปพิงกำแพงอีกครั้งหนึ่ง

    ชานยอลกับเซฮุนไม่ได้พูดอะไรขณะที่รอเวลาให้เจ้าตัวเรียบเรียงความคิดและคำพูด

    พวกเขาไม่จำเป็นต้องรีบ ไม่จำเป็นต้องถาม

    เพราะในเวลาที่ใครสักคนจะเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง เพียงแค่ปล่อยให้เรื่องนั้นไหลไปเหมือนสายน้ำก็คงเพียงพอแล้ว

     

     

    ฉันก็แค่คิด...” พูดออกมาเบาๆ พลางหลับตาลงเหมือนจะย้อนตัวเองกลับไปสู่เรื่องราวที่กำลังเล่าด้วยนั้น

    "...ว่าถ้าเมื่อสี่ปีก่อนฉันกล้าที่จะบอกชอบเขาก่อนหน้าพี่คริส...

    ถ้าเมื่อสี่ปีก่อนฉันเข้มแข็งพอที่จะแย่งคนที่ฉันรักกลับคืนมาจากเขา...

    มันคงไม่เป็นแบบนี้"

     

     

    เงียบกันไปครู่หนึ่ง

     

     

    ก็จริง มันคงไม่เป็นแบบนี้...” ชานยอลพูดออกมาในที่สุด

    "...แต่ก็ใช่ว่าถ้านายได้ทำแบบที่ว่าตอนเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว

    ทุกอย่างมันจะออกมาในแบบที่นายคิดซะเมื่อไรล่ะ...”

     

     

    จงอินหันมามองหน้าเพื่อนตัวสูงของเขา

     

     

    "...ทุกอย่างมันก็เป็นแค่ความคิดของนาย และมันก็อยู่แค่ในนี้เท่านั้น...”

    นิ้วชี้ของชานยอลกดลงมาที่หัวของอีกฝ่าย

    "...และในโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่เหมือนในหัวนายหรอก

    มันมีอีกตั้งหลายอย่างที่นายคิดไม่ถึง

    เพราะฉะนั้นถ้าถามฉัน อย่าไปคิดมาก"

     

     

    แล้วฉันควรจะทำยังไง"

     

     

    ไม่รู้ นายก็คือนาย ฉันบอกไปมันก็เป็นเรื่องของนายอยู่ดี"

     

     

    ชานยอลตอบก่อนจะหันกลับไปมองเพื่อนๆ เล่นบาสต่อ

     

     

    แล้วนายล่ะเซฮุน" หันกลับไปหาอีกคน

     

     

    ก็ฉันคิดเหมือนชานยอลนะเรื่องที่อยากย้อนเวลาได้น่ะ...” ตอบกลับมาพลางยิ้มอย่างอายๆ

    "...เพราะก็มีหลายๆ ครั้งที่ฉันอยากกลับไปทำอะไรให้มันดีกว่าที่ได้ทำ

    แต่มาคิดดูอีกทีมันก็คงไม่ออกมาเป็นแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้หรอกจริงป่ะ

    และถึงแม้ทุกวันนี้มันจะยังไม่เพอร์เฟคต์

    แต่ก็เพราะว่ามันไม่เพอร์เฟคต์ไม่ใช่หรือไงฉันถึงได้เป็นฉันอย่างทุกวันนี้น่ะ...

    พูดเสียยืดยาวแต่อีกคนก็ยังคงตั้งใจฟัง

    "...เพราะฉะนั้น ไม่ล่ะขอให้ฉันได้เติบโตไปกับสิ่งที่ผ่านมาก็น่าจะพอแล้วมั้ง"

     

     

    แล้วฉันควรจะทำยังไง" ถามคำถามเดิมซ้ำกลับไปอีกครั้ง

     

     

    เท่าที่ฉันเห็น...” เซฮุนทำท่าพิจารณาเพื่อนอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง

    "...คิมจงอินทุกวันนี้ก็เข้มแข็งและมีดีมากพออยู่แล้วนะ ไม่เห็นต้องย้อนกลับไปแก้ไขอะไรเลยสักนิด"

     

     

    เว้นระยะเล็กน้อย

     

     

    "...ส่วนเรื่องคยองซู ฉันว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับพี่คริสหรือใครเลยสักคน...

    มันอยู่ที่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ

    ถ้านายคิดว่านายดีพอ นายเจ๋งพอ เขาก็รอนายอยู่เสมอแหละ"

     

     

    และเพียงเท่านั้นคิมจงอินก็ยิ้มออกมา

     

     

    ไปเล่นบาสต่อได้ยัง"

     

     

     

    Love Note

     

     

     

    กริ๊ง!

     

     

    มือเรียวคว้าไปที่โทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็วเมื่อมันดังขึ้น

    ดวงตาจ้องไปยังหน้าจอที่บ่งบอกว่าใครเป็นคนโทรมา

    แล้วก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความสงสัยระคนตกใจที่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนรักเก่าของเขาเอง

    ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดรับสาย

     

     

    ครับ?”

     

     

    เวลาถัดมาชายหนุ่มเองก็แทบจะจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันไปบ้าง

    จำได้เพียงแต่ว่าหัวใจของเขานั้นเต้นดังโครมครามสนั่นหวั่นไหวมากขนาดไหน

    น้ำตาของเขารื้นขึ้นมากี่รอบและเขาต้องห้ามตัวเองไม่ให้มันไหลออกมากี่ครั้ง

    จำได้ว่าน้ำเสียงของตัวเองนั้นดีใจจนเหมือนกับคนบ้าและการควบคุมไม่ให้สั่นได้ยากมากเพียงไร

    และเมื่อวางสายก็เหลืออยู่เพียงไม่กี่คำที่ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่เขาเองก็รอฟังอยู่

     

     

    รอยยิ้มกว้างฉายขึ้นมาบนใบหน้าของคนตัวเล็กอย่างที่ไม่ต้องพยายามเมื่อเขาทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะอีกครั้ง

    มือทั้งสองก็ช่วยกันเก็บข้าวของใส่กลับลงไปในกระเป๋าเพื่อเตรียมจะเอาไปเรียนในวันพรุ่งนี้

    และเมื่อเสร็จก็ลุกขึ้นยืนเข้าห้องอาบน้ำไป

    สิบห้านาทีต่อมาก็แต่งตัวพร้อมที่จะออกไปข้างนอกอีกครั้งหนึ่ง

     

     

    เวลาผ่านไปอย่างค่อนข้างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าตอนที่คุยโทรศัพท์

    ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความหวังหรือเปล่าสำหรับโดคยองซู

    เขารู้เพียงแต่ว่าตัวเองแต่งตัวอย่างดีที่สุดแล้วตอนที่ออกไปกินข้าวเย็นกันสองคนกับพี่คริส

    พยายามทำใบหน้าให้มีความสุขและสดชื่นมากที่สุดแล้ว

    และก็ทำตัวให้มีข้อบกพร่องน้อยที่สุดแล้วตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน

    แต่พอท้ายที่สุดก็เป็นเขาเองที่รู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูกเมื่อตอนที่กลับถึงห้อง

    คยองซูปล่อยให้ตัวเองนอนร้องไห้อย่างทรมานอยู่ครู่หนึ่งจนทนไม่ไหว

    มือเล็กหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะกดส่งข้อความออกไปหาคนที่แว่บขึ้นมาในความคิดของเขา

     

     

      

     

     

    ...นายอยู่ที่ไหนเหรอ ว่างหรือเปล่า...

    ...ฉันอยากมีเพื่อน...

     

     

    ...นายเป็นอะไรไปคยองซู โอเคหรือเปล่า?

    นายอยู่ที่ห้องใช่ไหม?

    ...เดี๋ยวฉันไปหานะ...

     

     

    ...อืมอยู่ที่ห้อง แต่ถ้านายไม่ว่างไม่เป็นไรนะ ฉันโอเค...

     

     

    ...ร้องไห้อยู่สินะคยองซู?

    ...นายก็เป็นแบบนี้ซะเรื่อย...

    ...รอแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวไปถึงแล้วจะโทรไป...

         

     

     

    สิบห้านาทีถัดมาคิมจงอินก็มานั่งอยู่ในห้องของโดคยองซู

    เมื่อมาถึงนั้นร่างสูงเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองตรงเข้ามาในดวงตาและส่งยิ้มมาให้เท่านั้น

    และเพียงเท่านั้นคนตัวเล็กก็โผเข้าไปกอดอีกฝ่ายไว้อย่างแน่นหนาและปล่อยน้ำตาแห่งความอ่อนแอออกมาอย่างหักห้ามไม่ได้

    ปลอบประโลมกันอยู่พักหนึ่งจนดีขึ้นแล้วจึงขึ้นมาบนห้องนอน

     

     

    ขอโทษนะที่ต้องรบกวนนายอยู่เรื่อยเลย" พูดออกมาเป็นคำแรก

     

     

    เขาทำอะไรนาย" ตอบกลับไปด้วยคำถามสั้นๆ

     

     

    ไม่หรอก...” ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

    "...เขาไม่ได้ทำอะไรเลย"

     

     

    มือหนาทั้งสองข้างวางลงไปบนหัวไหล่กลมมนของคนตัวเล็ก

    ใบหน้าเนียนค่อยๆ เงยขึ้นอีกครั้ง ดวงตากลมโตสบเข้ากับดวงตาดุดัน

     

     

    นายร้องไห้จะเป็นจะตายหนักขนาดนี้แล้ว...”

    จงอินพูดออกมาอีกครั้งหลังจากที่เงียบไป

    "...ยังจะบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรนายอยู่อีกเหรอคยองซู"

     

     

    ถ้าหากจะมีความโกรธหรือน้อยใจซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนั้นชายหนุ่มก็ปกปิดมันได้อย่างแนบเนียนนัก

     

     

    "...ทำไมถึงต้องปกป้องเขามากมายขนาดนั้นด้วย"

     

     

    แต่ที่อีกฝ่ายตอบกลับมามีเพียงความเงียบเท่านั้น

    ร่างสูงรออยู่อีกพักหนึ่งจึงยอมปล่อยมือลงไปในที่สุด

    มือหนาส่งข้ามมาอีกครั้งก่อนจะจรดลงไปบนเรือนผมสีดำของคนตัวเล็กและลูบอย่างแผ่วเบาอย่างปลอบโยน

    มือเรียวสองข้างรวบเข้าหากัน

     

     

    จงอิน... อย่า...”

     

     

    นายนั่นแหละอย่าห้ามฉัน...”

    ตอบกลับไปก่อนที่อีกฝ่ายจะบอกให้เขาหยุด

     

     

    "...ฉันไม่รู้ว่าพี่คริสเขามีอะไรดี หรือทำไมนายถึงรักเขา

    แต่ตรงนี้ ที่นี่ ที่อยู่กับนายตอนนี้ คือฉัน”

     

     

    แต่ละคำของจงอินนั้นชัดเจนและมั่นคง

     

     

    "และที่หัวใจของฉันสั่งคือทำยังไงก็ได้ให้หัวใจของนายหยุดร้องไห้

    ทำยังไงก็ได้ให้นายมีความสุข เพราะฉันจะมีความสุขตามไปกับนายด้วย...”

     

     

    หยดน้ำตาเม็ดเล็กๆ ก่อตัวขึ้นที่ขอบตาของคนตัวเล็กช้าๆ

     

     

    "...และมันบอกให้ฉันทำแบบนี้ เพราะฉะนั้นอย่าห้ามฉันเลยนะ"

     

     

    แล้วคยองซูก็ต้องปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างอีกครั้งอย่างห้ามไม่ไหวและไม่สนใจที่จะห้าม

    เขาไม่สนใจว่าตัวเองจะอ่อนแอมากเท่าไรเพราะก็อย่างที่จงอินบอก

    ที่ตรงนี้มันมีแค่เขากับจงอินสองคนเท่านั้น

    และคนตรงหน้าเขาก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่แสดงความไม่ยอมรับส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวเขา

    ดังนั้นหากจะร้องไห้เสียจนไม่มีน้ำตาให้ไหลอีกต่อไปกับคนๆ นี้ก็คงไม่เป็นไรกระมัง

     

     

    จงอิน...” พูดออกไปอีกครั้งอย่างยากลำบาก

    "...อยู่ตรงนี้กับฉันสักพักเถอะนะ"

     

     

    ไม่ต้องให้นายบอกฉันก็จะอยู่...” มืออีกข้างที่ยังว่างยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา

    "...และฉันไม่ไปไหนหรอก...” กระซิบเบาๆ แต่ก็ดังมากพอที่จะก้องสะท้อนอยู่ในใจของคนตัวเล็ก

    "...ร้องเถอะ ร้องมันออกมาให้หมด ไม่ว่าจะมีอะไร ร้องออกมาเถอะนะ"

     

     

    ราวห้านาทีที่ไม่มีใครพูดอะไรและก็ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงสะอื้นของคนตัวเล็กสลับกับเสียงลมหวีดหวิวเท่านั้น

    บรรยากาศรอบๆ ห้องค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปตามเวลา

    เวลาที่คงจะช่วยทำให้หยดน้ำตาแห้งไปได้ในสักวันหนึ่ง

     

     

    โมบายเล็กๆ ที่แขวนห้อยลงมาจากเพดานห้องนั้นก็หมุนไปตามแรงลมเอื่อยๆ

    คิมจงอินนั่งนิ่งและคอยซับหยดน้ำออกไปจากใบหน้าของอีกคน

    จนในที่สุดคยองซูก็ยืดตัวขึ้นอีกครั้ง

     

     

    ขอบคุณนะ ฉันโอเคแล้วล่ะ”

     

     

    ร่างสูงเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยตอบรับคำพูดนั้นก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและเดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง

    เมื่อก่อนนี้เขาก็มานั่งเล่นที่นี่อยู่บ่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรทำให้พักหลังๆ ก็เริ่มห่างเหินไป

    พอได้กลับมาอีกครั้งก็รู้สึกแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อย

    หลายสิ่งหลายอย่างก็ยังอยู่ที่เดิมอย่างเป็นระเบียบตามนิสัยของเจ้าของห้อง

    ไม่เว้นแม้แต่ของขวัญต่างๆ ที่เขาเป็นคนมอบให้เจ้าตัวเองก็เช่นกัน

    ทุกชิ้นยังคงตั้งอยู่ที่ๆ เขาจำได้ และไม่มีเศษฝุ่นแม้สักนิดมาจับ

     

     

    วันนี้พี่คริสโทรมาชวนไปกินข้าวเย็นกันสองคน...”

     

     

    อยู่ๆ คยองซูก็พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

     

     

    "...ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม...”

     

     

    ไม่มีใครมองหน้ากันระหว่างที่พูดและคยองซูก็ยิ้มกับตัวเองขณะที่ทบทวนเรื่องเมื่อเย็น

     

     

    "...หวังว่าเราคงจะได้ขอโทษกัน และก็พูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

    แล้วทุกอย่างก็จะเป็นเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น...” น้ำเสียงนั้นเริ่มสั่นอีกครั้ง

    "...แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น และเพราะว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย...”

     

     

    ชู่ว์" ห้ามอีกฝ่ายไม่ให้พูดต่อด้วยนิ้วที่จรดไปอยู่บนเรียวปากเล็กนั้น

    "...ถ้านายไม่อยากเล่าถึงมัน ถ้ามันทำให้นายช้ำใจ...”

     

     

    แต่คยองซูกลับค่อยๆ ยกมือของอีกฝ่ายลง

     

     

    ฉันไม่เป็นไรหรอกก็มีนายอยู่ตรงนี้ทั้งคน...”

     

     

    เผยยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง และอาจจะเป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุดในคืนนี้ก็เป็นได้

     

     

    "...และเพราะเขาไม่ทำอะไรเลยนั่นแหละมันก็เลยเหมือนกับว่าฉันเองก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วมันยังไง

    ตกลงที่เราไปกินข้าวด้วยกันคือในฐานะอะไร

    และพอฉันกลับมามันก็เลยมีแต่ความสับสน...” เว้นระยะเล็กน้อย

    "...และมันก็ ไม่รู้สิ... เหมือนหมดแรงน่ะ"

     

     

    คิมจงอินทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนตัวเล็กอีกครั้ง

    ในมือของเขามีหีบเพลงอยู่เครื่องหนึ่งที่เขายังจำได้ดีว่าพอเปิดออกมาแล้วข้างในเป็นรูปอะไร

    และเพลงที่หีบเพลงเล่นนั้นเป็นเพลงอะไร

    และยิ่งไปกว่านั้นก็ยังจำได้ว่าซื้อให้คยองซูเนื่องในโอกาสอะไร

     

     

    นายคงเหนื่อยมากสินะ..." ถามออกไปอีกครั้งอีกฝ่ายไม่ตอบอะไร

    "...นายลองกำมือดูนะ...” มือเล็กข้างขวากำเข้าหากันตามที่อีกฝ่ายบอก

    "...กำไว้ให้แน่นที่สุดเลย...” มือนั้นบีบเกร็งแน่นขึ้นไปและมือข้างซ้ายของจงอินก็ทำแบบเดียวกัน

    "...เจ็บเนอะนายว่ามั้ย"

     

     

    อือ เจ็บ"

     

     

    งั้นทำยังไงดีล่ะให้หายเจ็บ"

     

     

    ก็คงแบบนี้มั้ง"

     

     

    พูดพลางปล่อยมือที่กำไว้ออกจากกันและเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงส่งรอยยิ้มมาให้

     

     

    บางทีถ้าฝืนมากนายก็เจ็บเอง เหนื่อยเองนะ...”

     

     

    เขาพูดออกมาเบาๆ พลางส่งมือมานวดมือข้างนั้นให้อย่างนุ่มนวล

     

     

    "ลองปล่อยมันออกไปสักครั้ง ไม่แน่นายอาจจะเห็นอะไรมากขึ้นก็ได้...”

     

     

    คนตัวเล็กนิ่งฟังเหมือนรูปปั้น

     

     

    "...ปล่อยให้คนที่เขาไม่เห็นค่านายให้เขาไปตามทางของเขา...

    ปล่อยตัวเองออกมาจากเรื่องราวพวกนั้นที่มันกักขังนายไว้

    ฉันไม่ได้บอกว่ามันทำง่ายแต่ถ้านายไม่ทำฉันเองก็ช่วยอะไรนายไม่ได้...” เขาเว้นระยะ

    "...กุญแจที่จะปลดปล่อยตัวนายน่ะมันอยู่ที่นายเองอยู่แล้ว เหลือที่นายเลือกจะทำหรือเปล่า"

     

     

    อีกครั้งที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบและไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงลมหวีดหวิดเท่านั้น

     

     

    นายจำนี่ได้หรือเปล่า" หีบเพลงถูกยกขึ้นมาระหว่างคนทั้งสองคน คยองซูพยักหน้าเบาๆ

    "...แล้วถ้าฉันเปิดมันออกนายจะเห็นอะไร"

     

     

    ก็เป็นกรอบรูปไม้ที่นายทำเอง ข้างในเป็นรูปฉันกับนายกำลังกอดคอกัน...”

    รอยยิ้มฉายชัดอยู่บนใบหน้า "...และมันก็เป็นเพลงที่ฉันชอบมากเสียด้วยสิ"

     

     

    และคิมจงอินก็บรรจงเปิดมันออกและปล่อยให้หีบเพลงทำหน้าที่ในการดึงความทรงจำของอีกฝ่ายกลับมาอีกครั้ง

     

     

    มีเรื่องดีๆ ให้นายจำตั้งเยอะนะ เรื่องที่นายแค่คิดถึงมันก็ยิ้มได้”

    เขาพูดช้าๆ พลางลอบมองอีกฝ่ายที่จับจ้องไปยังหีบเพลงที่ไม่ได้เปิดออกฟังมานานแสนนาน

    "อย่าผูกตัวเองไว้กับเรื่องที่มันทำร้ายนายเลยคยองซู"

     

     

     

    จงอิน...” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นเมื่อบทเพลงนั้นจบลง

     

     

    "...กอดฉันหน่อยได้ไหม"

     

    Love Note




    TALK



    จะมีใครใจดีกดเรตติ้งฟิคเรื่องนี้ให้ผมมั้ยน้าาาา ~~~
    แค่เปรยเล่นๆ นะครับ
    แต่ก็แอบหวังจริงๆ จัง้ๆ เหมือนกัน


     


    Minor!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×