คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : :::::::::: CURSE ' 10
Author : `MR.$N0WMAN *
Pairing : Kim Jongin
Xiao Luhan/Oh Sehun/Zhang Yi xing/
Kim Junmyun/Krystal Jung
Do Kyungsoo
Rate : PG-17
✚ CURSE ' 10
เพี๊ยะ!!!!
ไคเงื้อมือตบหน้าคยองซูจนสุดแรง
จนพี่ตัวเล็กล้มลงไปกองกับพื้น ถาดอาหารหล่นลงกระจัดกระจาย
คยองซูร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มจากแรงตบของไค หากแต่พูดอะไรไม่ออก ด้วยเพราะความตกใจ
“ออกไปนะคยองซู!! ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่
พี่มันคนทรยศ!!! ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้!!!”
“จงอิน...”
คยองซูกระซิบเสียงเครือ
ก่อนจะหันขึ้นไปมองหน้าของคนเป็นน้องด้วยความตกใจ
“อย่าเรียกผมด้วยชื่อนั้นนะ!!” ไคตวาด
ตัวเขาสั่นไปด้วยความโกรธ...ใบหน้าร้อนผ่าวจนเหมือนว่าเขาเองใกล้จะระเบิดเต็มที
ไคปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม พร้อมๆ กับที่เริ่มขว้างปาข้าวของเพื่อระบายอารมณ์ที่กำลังกลัดกลั้นอยู่
อยากจะให้พี่เขากลัวและออกไปจากห้องซะ แต่เห็นได้ชัดว่าคยองซูไม่ได้เป็นอย่างนั้น
“จงอิน ใจเย็นก่อนสิ...ได้โปรด!
ฟังพี่ก่อนได้ไหม พี่ขอโทษ....”
คยองซูผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปกอดไคเอาไว้ในอ้อมแขน
เพื่อไม่ให้ไคได้หยิบจับหรือขว้างปาอะไรอีก
คิดถึง...เขาคิดถึงจงอิน
แต่ไม่ใช่จงอินที่เป็นแบบนี้...ไม่ใช่เลย....
“ปล่อยนะ! ปล่อยผม!!
คยองซู ...ผมบอกให้ปล่อยย!!”
“ไม่!! พี่ไม่ปล่อยจนกว่านายจะสงบลงและคุยกับพี่!!!”
คยองซูตวาดใส่พลางยิ่งกอดรั้งไคเอาไว้แน่นขึ้นไปอีก
ไคร้องไห้และเหวี่ยงตัวไปมาในอ้อมแขนของคนเป็นพี่
พยายามให้ตัวเองหลุดพ้นออกจากอ้อมแขนที่พันธนาการเขาอยู่
ตัวของเขาใหญ่กว่าตัวของคยองซูเกือบเท่าตัว...แต่น่าแปลกที่ตอนนี้เขากลับไร้เรี่ยวแรงที่จะสะบัดคยองซูออกไป
เพราะมันไม่ได้ถูกรัดไว้แค่ตัวของเขา...หากแต่เป็นหัวใจด้วย
“จงอิน! ช่วยฟังพี่ก่อนได้ไหม??
พี่คิดถึงนายนะ...พี่ขอโทษ” คยองซูพูดเสียงสั่น น้ำตาไหลลงมาเปียกที่หัวไหล่ของไคเต็มไปหมด
จนสุดท้ายแล้วไคก็ต้องหยุดดิ้นรน แต่มันไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้า...
หากแต่เป็นน้ำตาและคำว่าขอโทษที่ออกมาจากปากของคยองซูต่างหากที่ทำให้เขาแทบอ่อนแรง
มันเป็นแบบนี้ไม่ได้...นายจะใจอ่อนไม่ได้นะ! ไคคิดในใจพร้อมทั้งกัดริมฝีปาก
“ได้โปรดช่วยฟังพี่...ได้ให้โอกาสพี่แก้ตัวบ้างได้ไหม?
พี่เข้าใจว่านายเกลียดพี่มาก แต่พี่ยังคงรักและคิดถึงนายนะ
....จงอิน”
“ฉัน-บอก-ว่า...
อย่าเรียกฉันด้วยชื่อนั้น!!!”
ไคกัดฟัน...หลับตาลงอย่างเจ็บปวดเมื่อได้ยินชื่อเรียกที่อยากจะหนีมันไปให้พ้นๆ
ชื่อจริงๆ ของเขา...ตัวตนจริงๆ ของเขา ที่เขาอยากจะเอาเงินทั้งหมดที่มีอยู่ซื้อมันทิ้งไป
หากแต่เขาหนีมันไปไม่เคยพ้นเลยซักครั้ง....
“พี่ขอโทษ...พี่ไม่นึกเลยว่านายจะเกลียดพี่ขนาดนี้
พี่ดีใจมากนะ ตอนที่รู้ว่าจะได้กลับมา...พี่คิดถึงนายมาก
พี่คิดไว้เสมอว่าเมื่อเจอนาย คำแรกที่พี่จะบอกกับนายคือทุกคำที่จะบอกว่าพี่คิดถึงนายแค่ไหน
ต...แต่พี่ไม่รู้...พี่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ พี่ขอโทษได้มั้ย...ขอโทษ....”
คยองซูร้องไห้สะอึกสะอื้นและซบหน้าอยู่ที่กลางหลัง เขากำลังทำให้ไคใจอ่อน
พี่เขาซบหน้าลงมาร้องไห้กับบ่าของไคเบาๆ
เสียงที่อุดอู้อยู่ในลำคอนั้นบ่งบอกว่าคยองซูเองเสียใจมากแค่ไหน
“ปล่อยผมได้แล้วคยองซู...พี่กำลังทำให้ผมเจ็บ” ไคพูด
“พ...พี่ขอโทษ...พี่กอดนายแรงไปสินะ นายเจ็บเหรอ?
พ...พี่จะปล่อยนายเดี๋ยวนี้แหละไค แต่นายต้องสัญญากับพี่นะ ว่าเราจะคุยกันดีๆ
ได้โปรดใจเย็นลงก่อน...นะ?” คยองซูกระซิบถามที่ข้างหูอย่างอ่อนโยน
“อืม” ไคตอบรับ
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น คยองซูจึงค่อยๆ ปล่อยไคออกจากอ้อมกอดช้าๆ
และนั่นทำให้ไคต้องรีบสะบัดหน้าเพื่อหันกลับมามองคยองซูได้อย่างถนัดตา
“พอเถอะคยองซู...เราไม่มีอะไรต้องพูดกัน
พี่แค่ออกไปจากห้องนี้ก็พอ”
ไคพูดพลางมองคนที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ด้านหน้าของเขา
ใบหน้าขาวเปล่งปลั่งของคยองซูมีสีแดงระเรื่อจากการร้องไห้
ดวงตาบวมช้ำนั้นทำให้หัวใจของไคหวั่นไหว
อยากจะดึงพี่เขาเข้ามากอด...อยากจะจูบให้หายคิดถึง
หากแต่ไคต้องเก็บกลั้นไว้ เพราะเหตุผลมากมายที่ตีกันอยู่ในหัวสมองจนวุ่นวายไปหมด
เขาเป็นคนที่ทิ้งนายไปไม่ใช่เหรอ? เป็นคนที่ทรยศนาย
หล่อนทอดทิ้งนายไว้กับความเหน็บหนาวมานานหลายปี
นายจะยอมยกโทษให้คนใจร้ายแบบนี้ได้เหรอ? ง่ายไป...มันไม่ง่ายเกินไปหน่อยเหรอ??
ไคหลับตาลง กำหมัดแน่นอย่างอดกลั้น
พยายามสูดหายใจลึก เพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมาอีกหน
“พี่ไปเถอะคยองซู...ไปซะ ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว
ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับพี่ตอนนี้ ไม่ใช่ตอนนี้!”
ไคพูดเบาๆอย่างอดกลั้นและพยายามจะควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น
หากแต่คำขอร้องนั่นไม่ได้ทำให้คยองซูเข้าใจได้
หรือเรียกอีกอย่างก็คือคยองซูไม่คิดจะทำความเข้าใจมันเลยด้วยซ้ำไป
“ไม่นะไค...ใจเย็นลงก่อนไม่ได้เหรอ?
เราต้องคุยกันนะ พี่ไม่อยากให้มันยืดเยื้อไปกว่านี้”
“ไม่!! พี่ต้องออกไปเดี๋ยวนี้!!!!
ผมบอกว่าผมไม่พร้อมจะคุยหรือฟังอะไรทั้งนั้น พี่ไม่เข้าใจหรือไง!
ต่อให้พี่มีเหตุผลร้อยพันอะไรมาบอก ผมก็ไม่ฟังพี่ทั้งนั้น!
ผมไม่ฟัง...พี่เข้าใจที่ผมพูดไหม??”
ไคเริ่มตวาดอีกหน...เขาล่ะเกลียดนักกับอะไรที่มันอยู่เหนือการควบคุม
และสถานการณ์ตอนนี้ก็จัดอยู่ในสถานการณ์ที่ไคไม่อาจจะควบคุมอะไรได้เลยซักนิด
มันทำให้ไคเริ่มจะประสาท เขาอยากจะตะโกนหรือวิ่งหนีไปไหนก็ได้
หรือขว้างปาข้าวของให้มันหนำใจ เพื่อที่เขาจะได้ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ ทั้งสิ้น
หากแต่คยองซูก็ยังคงยืนนิ่ง ซึ่งมันทำให้ไครู้สึกโมโหยิ่งขึ้นไปอีก
เขาไม่อยากเห็นหน้าคยองซู...แม้แต่ผิวขาวเปล่งปลั่งนั้น หรือแม้กระทั่งปลายเส้นผม
“ได้!! ถ้าพี่ไม่ออกไป...ผมจะไปเอง!”
“ไม่นะจงอิน! จงอิน!!”
ไคตัดสินใจวิ่งออกจากห้องไปทันที
โดยไม่สนใจเสียงตะโกนของคยองซูที่เรียกร้องเขาอีกต่อไป...
*********
ไคหลับตาลงอย่างช้าๆ เพื่อจะบรรเทาอาการแสบขัดที่ดวงตาของตัวเองในเวลานี้
เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองก่อนหน้านี้ หากแต่รู้สึกว่าสาสมใจอยู่เหมือนกันที่ได้ทำมันลงไป
เขาตบหน้าคยองซู...ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะกล้าทำมันลงไปได้
เขากลับมาตายรังที่ผับอีกแล้ว
นั่นเพราะว่าเขาไม่มีที่ไปที่อื่นเลยนอกจากที่นี่
ไคกัดริมฝีปากด้วยความเสียใจ
...เสียใจที่ตัวเองกำลังสูญเสียการควบคุม...
...เสียใจที่กำลังจะกลับกลายมาเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่อ่อนแออีกครั้ง...
หึ...นี่มันเรื่องบ้าๆ
เรื่องที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นอีกแล้วในชีวิตนี้
โดคยองซูกลับมา...หลังจากที่ทิ้งรอยแผลเป็นร้ายกาจไว้ในใจฉัน
มันอาจจะเนิ่นนานมาแล้ว แต่แน่นอนว่ารอยแผลนั้นยังคงไม่หายสนิท
ไม่สิ...อันที่จริงควรจะเรียกว่ามันไม่เคยถูกสมานให้ดีขึ้นเลยต่างหาก
ในทุกๆ วันที่ไคเผชิญกับชีวิตอันโดดเดี่ยวนั้นก็ยิ่งทำให้ปากแผลนั้นเปิดกว้างยิ่งขึ้น
ไม่มียาใดเลยที่จะช่วยสมาน...หรือทำให้มันจางหายไป...ไม่มี
ถ้าคิดไปแล้วมันอาจจะเหมือนเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์
ที่พ่อมดร้ายคนหนึ่งได้เสกคำสาปใส่เขาแต่เผลอทิ้งแผลเป็นไว้
หากแต่เขาไม่เคยจะเป็นปกติได้ เพราะแผลเป็นนั้นเจ็บตลอดเวลา
มันก็เหมือนกับตอนนี้นั่นแหละ...ที่คยองซูได้กลับมาซ้ำเติมให้รอยแผลนั้นได้เจ็บปวดอีกครั้ง
ผมอาจจะเหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่ก็ไม่อาจจะพูดได้เต็มปากหรอกนะ
เพราะพ่อมดน้อยในนิยายเรื่องนั้นมีเพื่อน มีคนที่รักและคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
...แต่ผมไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว...
*********
“พี่พูดว่าไงนะ?”
จงอินถามอย่างตกใจ
เมื่อได้ยินประโยคพี่ชายคนสนิทซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของป้าคิมเพิ่งพูดออกมา
“อื้ม...พี่ได้ทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษ
จงอิน ... พี่จะได้ไปอังกฤษแล้วนะ!
ดูสิ...มีรายชื่อพี่อยู่ในนี้ล่ะนายเห็นมันไหม?”
คยองซูยิ้มร่าจนแก้มแตก...พลางชี้ชวนให้จงอินมองดูรายชื่อมากมายที่ขึ้นโชว์ในหน้าจอคอมพิวเตอร์
คยองซูกำลังปิติยินดีอย่างที่สุด...หากแต่จงอินนั้นกลับกำลังจะร้องไห้ออกมา
“พี่จะไปอังกฤษ?
แล้วผมล่ะ?? พี่จะทิ้งผมไว้ที่นี่เหรอ???” จงอินตัดพ้อ
คยองซูมองหน้าจงอินก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
เมื่อคำถามที่คนเป็นน้องถามนั้นกำลังสร้างความลำบากใจให้เขาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“พี่...พี่ขอโทษ พี่หวังว่านายจะเข้าใจ
มันเป็นอนาคตของพี่ พี่ฝันว่าพี่จะได้ไปเรียนที่อังกฤษมานานแล้วนะจงอิน
ตอนนี้พี่มีโอกาส พี่หวังว่านายจะยินดีกับพี่นะ”
คยองซูหลบสายตาและพูดเสียงเอื่อย
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อนเลยว่าจะทำยังไงกับจงอินดี
จงอินส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่! ผมไม่ให้พี่ไปหรอก ถ้าพี่ไปแล้วผมจะอยู่ยังไง
ที่ผมยอมอยู่บ้านทุกวันนี้ก็เพราะพี่
แต่พี่กำลังจะทิ้งผมไว้ในในนรกนี้เพียงลำพัง!!
ไม่นะคยองซู...ผมไม่ยอม!!!”
จงอินตะโกนออกมาสุดเสียง และเริ่มร้องไห้ออกมาเมื่อไม่อาจจะห้ามตัวเองได้
คยองซูกำลังจะทิ้งเขาไป...จงอินกำลังจะต้องอยู่เพียงลำพังในบ้านที่เป็นเหมือนนรกหลังนี้
ไม่นะ...เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น!
“พี่...ขอโทษ”
คยองซูเอ่ยออกมาเสียงเครือ
เขาไม่ได้คิดมาก่อนว่าจงอินจะโมโหถึงขนาดนี้
“งั้นผมไปกับพี่ได้ไหม?? นะ...ให้ผมไปด้วย
ผมจะขอพ่อไปเรียนที่อังกฤษกับพี่ ขอแค่ให้เราได้อยู่ด้วยกันนะ
ได้ไหมคยองซู....ตอบผมมาสิ???”
จงอินพูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง...เขาเดินไปยกมือเรียวของคยองซูขึ้นมาแล้วบีบมันเบาๆ
หากแต่คยองซูกลับทำท่าทางอึกอักและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ...ไม่คิดว่าคงไม่ได้หรอกจงอิน...พี่ต้องไปอยู่หอพักของมหาลัยที่นั่น
พี่ให้นายไปด้วยไม่ได้หรอก เขาไม่อนุญาต...
แต่พี่ไปเรียนไม่นานก็กลับมาแล้วนะจงอิน!!
ให้พี่ไปเถอะ...ไม่สิ! ถึงนายไม่ยอมพี่ก็ต้องไป มันเป็นอนาคตของพี่นะ จงอิน”
“พี่กำลังจะทิ้งผมไป!! ไหนพี่บอกว่าพี่รักผมและจะดูแลฉันตลอดไปไงคยองซู!!
พี่โกหก...พี่โกหกผม!!”
ตวาดออกมาในจังหวะเดียวที่ยืนขึ้นค้ำศีรษะพี่ชายตัวเล็กเอาไว้
แล้วยื่นมือไปคว้าพี่เขาที่ต้นแขนแล้วเริ่มบีบมันด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในอก
“น...นายกำลังจะทำอะไร?”
คยองซูเอ่ยขึ้นมาอย่างหวาดกลัว เมื่อจงอินกำลังไร้สติและทำท่าทางราวกับว่าพร้อมจะบีบคอเขาได้ทุกเวลา...
จงอินเดินเข้าไปคว้าตัวแล้วกอดคนเป็นพี่เอาไว้แน่น ตัวเขาสั่นไปด้วยความโกรธและกลัว
พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรให้คยองซูเปลี่ยนใจ ไม่ให้คยองซูหนีไปจากเขา
มันอาจจะเห็นแก่ตัว แต่เขาจำเป็นต้องทำ...
เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้...ถ้าหากขาดคยองซู
ใครจะคอยอยู่เคียงข้างเขาล่ะ ในบ้านนี้มีเพียงคยองซูเท่านั้นที่คอยรักและใส่ใจเขา
ถ้าหากว่าคยองซูไปเขาจะต้องโดดเดี่ยว ใครจะคอยดูแลเขาถ้าหากพ่อกับแม่ทุบตีเขาขึ้นมาอีกล่ะ
ไม่...ผมจะไม่ยอมให้เขาไปไหน เพราะผมมีเขาคนเดียวเท่านั้น
“ไม่นะจงอิน!!
ปล่อย! ปล่อยพี่นะ!!”
คยองซูหวีดร้อง เมื่อจงอินเหวี่ยงเขาลงไปกับเตียงนอนกว้างที่อยู่ด้านหลัง
จงอินโถมตัวเข้าไปจูบอย่างรุนแรง โดยไม่ยอมให้คยองซูได้มีโอกาสพูดอะไรออกมาอีก
“อื้อ! จงอิน...ม...ไม่!
ปล่อยพี่นะ ปล่อยสิ!! ฮ...ฮึก”
“ไม่ปล่อย! พี่นั่นแหละหยุด!!
ผมไม่ให้ไป! ไม่! ไม่ให้ไป!!!”
คยองซูเริ่มร้องไห้ และเริ่มดิ้นรนขัดขืน...เขากำลังหวาดกลัวเหลือเกินที่จงอินทำตัวรุนแรงกับเขาแบบนี้
คยองซูรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อออกแรงผลักจงอินออกไปจนสุดแขน
จนคนที่อยู่ด้านบนพ้นออกไปจากตัว...จงอินตกลงจากเตียงนอนไปได้ในที่สุด
“โอ้ย!!! คยองซู! พี่ทำบ้าอะไร?!!”
จงอินผุดลุกขึ้นอย่างโมโห ทั้งโกรธทั้งเสียใจที่โดนทำแบบนี้
หากแต่เมื่อได้เห็นท่าทางหวาดกลัวของคยองซูแล้ว จงอินก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที
ผมทำอะไรลงไป... จงอินคิด
ไม่...มันเป็นความผิดของคยองซูทั้งนั้น
คยองซูกำลังทรยศเขา คยองซูกำลังจะทิ้งเขาไป
คิดในใจอย่างโมโห ก่อนจะเริ่มต้นตะโกนออกมาอีกครั้ง
“ไปคิดดูใหม่ซะคยองซู!
ผมไม่ยอมให้พี่ไป...พี่ต้องเปลี่ยนใจ!
อยู่กับผมที่นี่คยองซู! ไม่งั้นพี่จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!”
จงอินตะโกนใส่หน้าคนเป็นพี่ ที่ตอนนี้หดตัวราวกลับกลัวเขาจะทำอย่างนั้นอีก
หากแต่ความจริงแล้วจงอินไม่กล้าแม้แต่จะทำให้คยองซูหวาดกลัวอีกแล้ว
ยิ่งได้เห็นน้ำตาและท่าทางของคนเป็นพี่ที่แสดงออกว่ากำลังหวาดกลัวเขานั่นแหละที่ยิ่งทำให้จงอินต้องกัดริมฝีปาก
เขารู้สึกผิดในใจ แต่ก็ยังโกรธและเสียใจกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นพร้อมกันตอนนี้ ทำให้จงอินเริ่มสับสนราวกับจะเป็นบ้า
เขาอยากจะออกไปจากที่ตรงนี้...ไปยังที่ๆ ไม่ต้องเห็นหน้าคยองซูอีก
จงอินวิ่งออกจากบ้านไปทั้งน้ำตา...
โดยไม่สนใจคยองซูที่ยังนอนร้องไห้น้ำตานองหน้าอยู่บนเตียงเลยซักนิด
มันไม่ใช่ความผิดเขา...คยองซูนั่นแหละที่ควรจะต้องร้องไห้
และเขาไม่ควรที่จะต้องมาเสียน้ำตาแบบนี้...
*********
จงอินวิ่งออกจากบ้านมาและขึ้นรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมา
เกือบสองชั่วโมงแล้วที่จงอินนั่งร้องไห้อยู่ในรถแท็กซี่เงียบๆ
เขาสั่งให้รถแท็กซี่ขับไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่บอกจุดหมายว่าจะไปที่ไหน
เพราะว่าเขาไม่มีที่ไป...
เขาไม่มีเพื่อนที่สนิทมากพอที่จะไว้ใจทุกอย่างได้ขนาดนั้น
ทุกๆ วันที่ผ่านมา จงอินคบเพื่อนเป็นแค่เพียงทางผ่านของชีวิตที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จ
เขามีแต่เพื่อนที่เห็นแก่เงินของเขา
ไม่มีใครจริงใจกับเขาแม้แต่คนเดียว...
จงอินมีเพื่อนเพียงคนเดียวที่คบด้วยอย่างจริงจังคือคยองซูเท่านั้น
คยองซูเป็นเพียงคนเดียวที่เขาให้ความสนิทและไว้วางใจ
พวกเขากินข้าวด้วยกัน นอนด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ทำทุกๆอย่างด้วยกันเสมอ...
จงอินมีแค่คยองซูเท่านั้น...มีแค่พี่เขามาตลอด แต่บัดนี้คยองซูกลับจะทิ้งเขาไป
....ผมควรทำอย่างไรดี....
จงอินคิดในใจ ก่อนที่จะตั้งต้นร้องไห้ออกมาอีกหน
หากแต่คนขับแท็กซี่กลับหยุดจอดรถที่ข้างทางแล้วหันมาถามกับเขาว่า
“พ่อหนุ่ม...นี่ลุงขับวนรอบเมืองมาสองรอบแล้วนะ
และนี่มันก็ดึกมากด้วย ลุงต้องกลับบ้านไปหาลูกหาเมียลุงแล้ว
เพราะฉะนั้นพ่อหนุ่มควรกลับบ้านไปได้แล้ว...
จะให้ลุงไปส่งที่ไหนครับ ที่เดิมหรือเปล่า?”
“ม...ไม่ครับ จอดตรงนี้เลยครับลุง ผมจะลงตรงนี้แหละ”
“แต่หนุ่มน้อย! นี่มันย่านผู้ใหญ่นะ...นายจะลงตรงนี้ได้ยังไง?
ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลยแท้ๆ ลงตรงนี้ไม่ได้หรอก...ให้ลุงไปส่งที่เดิมก็แล้วกัน”
“ไม่ครับลุง ผมไม่กลับบ้าน ผมจะลง!
นี่เงินครับลุง เอาไปเลยไม่ต้องทอน...”
จงอินพูดพลางควักเงินในกระเป๋าส่งให้ลุงคนขับแท็กซี่
ลุงทำท่าทางงกๆเงิ่นๆ อย่างไม่เห็นด้วยที่จะให้เด็กชายลงไปในที่แบบนี้
หากแต่เมื่อจงอินยัดเงินลงไปในมือและเดินออกจากรถไป
ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ลุงจะพยายามโน้มน้าวให้เด็กชายเปลี่ยนใจได้
จงอินลงจากรถและลงเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงสี
ผู้คนในถนนมองเขาอย่างแปลกประหลาด
จงอินสังเกตเห็นผู้หญิงที่เดินผ่านเขาไปต่างก็แต่งตัวน้อยชิ้นและแต่งหน้าจัด
ก่อนที่เขาจะมองกลับมายังชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนม.ปลายของเขา
จงอินตัดสินใจปล่อยชายเสื้อที่ถูกยัดอย่างเรียบร้อยให้ออกมาจากกางเกง
และถอดเสื้อกระดุมเสื้อออกไปสองเม็ด จนแผ่นอกนั้นเปล่าเปลือยในที่สุด
ถึงแม้ว่าจะยังเป็นชุดยูนิฟอร์ม
แต่ตอนนี้เขาก็ดูกลายเป็นเด็กร้ายมากพอที่คนที่เดินผ่านจะไม่มองมาอย่างประหลาดใจอีก
จงอินหยุดเดินและนั่งลงที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
เยื้องด้านหน้าร้านไปเป็นผับขนาดใหญ่ที่คนเดินเข้าออกตลอดเวลา
จงอินเดินเข้าไปซื้อโคล่าออกมากระป๋องหนึ่ง และนั่งทอดถอนใจอยู่ที่หน้าร้านนั้นเป็นเวลานาน
จงอินนั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาหน้าผับและสังเกตุพวกเขา
ทุกคนที่เดินเข้าไปและออกมายิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข
จงอินเห็นผู้หญิงหลายคนที่แต่งตัวสวยงามและยิ้มให้กันพลางอวดเสื้อผ้าหรือกระเป๋าที่เธอถือมาด้วย
ผู้ชายหลายคนที่ออกมาหน้าผับ ต่างก็ยืนสูบบุหรี่และหัวเราะให้กันอย่างสนุกสนาน
ทำไมพวกเขาถึงมีความสุขกันขนาดนั้นนะ...
ถ้าผมได้เข้าไปบ้าง ผมจะสามารถหัวเราะได้เหมือนพวกเขามั้ย?
และทันใดนั้นจงอินก็ต้องชะงัก
เขาหยุดมองไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินออกมาสูบบุหรี่ด้านหน้าผับ
เขาคนนั้นเป็นชายหนุ่มที่หล่อมากๆ จนใครหลายคนต้องเหลียวหลังมองกันเป็นตาเดียว
และจงอินเองก็เช่นกัน...เขาเองก็มองผู้ชายคนนั้นอย่างพิจารณา
เขามีรูปร่างสูงโปร่งและผิวที่ขาวผุดผ่องราวกับไม่เคยเจอแสงแดด...
ผมสีบลอนด์ทองและคิ้วสีเข้มนั้นทำให้จงอินรู้ว่าคนตรงหน้านั้นเป็นลูกครึ่งอย่างแน่นอน
ริมฝีปากหยักโค้งนั้นที่เผยอออกตอนอ้าปากคาบบุหรี่ชวนให้รู้สึกหลงเสน่ห์ได้ง่ายๆ
รวมถึงดวงตาและสันจมูกนั้นสะกดสายตาของจงอินเอาไว้ไม่ให้เบือนหนีไปทางไหน
ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นบริกรของผับก้มหัวให้เขาอย่างนอบน้อม
เขาไม่เข้าใจว่าทำไม...แต่ก่อนจะได้คิดอะไรต่อไป ผู้ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับจงอินเสียแล้ว
และดวงตาของเขาก็สวยจริงๆ เสียด้วยสิ สวยจนตรึงจงอินไว้ไม่ให้ละสายตาไปจากเขาได้
ดวงตาสีน้ำตาลทองทรงสเน่ห์นั้นทำเอาจงอินต้องหลบสายตาด้วยความประหม่า
อาจจะเพราะว่าเขากำลังมองผู้ชายคนนี้ด้วยท่าทางเปิดเผยเกินไป จงอินเลยต้องรีบหลบสายตาแล้วมองไปทางอื่น
ชายหนุ่มตรงหน้านั้นยกยิ้มให้จงอิน ก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์ของเขาที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
จงอินรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ชายคนนั้นละสายตากลับไป
หากแต่เมื่อทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้...เขาเลยยกกระป๋องโค้กขึ้นดื่มจนหมด และขยำกระป๋องนั้นทิ้งไป
ก่อนจะกลับไปจ้องมองชายหนุ่มคนเดิม ที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าผับดังเดิม
เขายังคงสนุกกับการพูดคุยหยอกล้อกับปลายสายไม่หยุด
“เฮ้ พ่อหนุ่มน้อย...ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียวล่ะครับหื้มมม?
มาๆไปกับพี่สิ เดี๋ยวพี่พาไปสนุกกันนะ น้องคิดเท่าไหร่ครับเนี่ยยย
หน้าตาหล่อทะลุไส้ แถมยังใส่ชุดฟอร์มมาครบอย่างน้องนี่ต้องแพงแหงเลยสินะ
แต่ไม่เป็นไร วันนี้พี่มีเงินมาเต็มกระเป๋า ไม่ต้องกลัว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
จู่ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาจงอิน
ตัวเขาเหม็นเหล้าหึ่งไปหมด แถมยังพูดจาอะไรไม่รู้เรื่องเลยซักนิด
“แกพูดเรื่องอะไรของแก? ออกไปนะ...ฉันไม่ไป”
จงอินตะคอก เมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาคว้าข้อมือของเขาไว้
แล้วฉุดกระชากให้เขาเดินตามไปเสียอย่างนั้น จงอินรีบสะบัดมือนั้นออก ก่อนจะเดินหนี
หากแต่ผู้ชายคนดังกล่าวก็สาวเท้ามาคว้าข้อมือของเขาไว้อีกครั้ง
“อะไรก๊านนนน...พี่ดูเหมือนไม่มีเงินเหรอจ๊ะ?
แสนวอนพอไหม? พี่ทุ่มสุดตัวเลยเอ้า!”
“แสนวอน?? ค่าอะไร?” จงอินมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“อ้าว...น้องไม่ได้ขายเหรอจ๊ะ??”
“ขายอะไร?”
จงอินในเวลานั้นยังเด็กมากนักที่จะเข้าใจเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นพูด
เขาไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อน และไม่เข้าใจว่านี่คืออะไร
หากแต่ไม่ทันได้คำตอบ...เสียงนุ่มเย็นก็ดังขึ้นมาข้างหลัง
“ขอโทษด้วยนะครับ แต่เด็กคนนี้เป็นคนของผม...”
จงอินหันไปมองตามเสียง และก็ได้เห็นผู้ชายคนนั้นกำลังยืนส่งยิ้มที่มุมปากให้กับชายหนุ่ม
รอยยิ้มนั้นดูน่ากลัวเกินกว่าจะทัดทานได้ เขาไม่ดูเหมือนชายหนุ่มรูปงามคนนั้นเลยซักนิด
แต่จงอินกลับรู้สึกถึงเสน่ห์ที่ต่างออกไป...
“อ...เอ่อ...เด็กคนนี้ของคุณเองเหรอครับ?
ผ..ผมขอโทษด้วย ผมนึกว่าเขามาขายน่ะ
งั้นผม...ผมขอตัว” ผู้ชายคนนั้นตะกุกตะกักพูดอย่างเกรงใจ
เขาก้มหัวให้ชายหนุ่มผมทองก่อนจะวิ่งหนีออกไปในที่สุด
จงอินมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปมองยังชายหนุ่มที่มาช่วยเขาเอาไว้
“เกือบไปแล้วนะ...ฉันไม่ได้มาทำลายงานของนายใช่รึเปล่า?
นายคงไม่ได้ขายหรอกใช่ไหม?” ชายหนุ่มคนนั้นถาม
“ขายอะไรเหรอครับ?”
“โอ! ดีจังที่นายไม่ใช่...มาทางนี้เถอะ เข้าไปข้างในกันดีกว่า
ถ้าขืนปล่อยนายไว้ตรงนี้มีหวังได้เจอแบบนั้นอีกแน่ รีบตามมาสิ”
ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า หากแต่ยังคว้ามือของจงอินเอาไว้ก่อนจะบอกให้เดินตามไป
จงอินเดินตามไปอย่างไม่อิดออด จนกระทั่งเขาเดินตามเข้าไปในผับตรงหน้าอย่างว่าง่าย
“นี่เด็กของฉัน...ช่วยไปหาคุณอันแล้วบอกให้เขาไปหาฉันที่ห้องหน่อย
อ้อ! บอกให้เขาเอาเครื่องดื่มมาให้ฉันด้วยนะ”
ชายหนุ่มคนนั้นสั่งบริกรที่ก้มหัวนอบน้อมให้อย่างว่าง่าย
ก่อนจะส่งยิ้มให้จงอินและลากเขาให้เดินตามเข้าไปข้างใน
แต่ทันทีที่จงอินเดินลอดประตูเข้าไปภายในผับ
แสงสว่างจากเสาไฟฟ้าและป้ายไฟที่เคยเห็นถูกแทนที่ด้วยเสียงเพลงดังกระหึ่ม
และแสงไฟที่กระพริบไปมารอบตัวของเขา
เหมือนจงอินถูกสะกดด้วยคลื่นมหึมาที่โถมเข้ามาใส่ตัวเขา
ทุกอย่างดูพร่าเลือนและมองเห็นไม่ชัดเจน หากแต่นั่นทำให้จงอินรู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นรัวเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
ความรู้สึกเจ็บปวดที่มีมาตั้งแต่ทะเลาะกับคยองซูถูกแทนที่ด้วยเสียงเพลงกระหึ่ม
ทุกความเศร้าในหัวสมองกำลังถูกลบล้างเมื่อจงอินได้ยืนอยู่ตรงนี้
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ...เราจะได้ลงมาแน่ๆล่ะ เพียงแต่นายต้องขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อน”
ชายหนุ่มผมทองเข้ามากระซิบที่ข้างหูของจงอิน ก่อนจะเรียกสติของเขาให้กลับมาได้
จงอินเดินต่อไปอย่างว่าง่าย จนกระทั่งพวกเขาขึ้นลิฟท์มาถึงห้องๆหนึ่ง
จงอินเดินเข้ามาในห้องก่อนจะสังเกตเห็นเตียงนอนและห้องชุดขนาดใหญ่
ชายหนุ่มคนนั้นถอดชุดเสื้อหนังที่ใส่พาดลงกับเตียง
ก่อนจะเดินไปหยิบเอาเจลแต่งผมมาเปิดแล้วเริ่มจัดแต่งทรงผมให้กับจงอินอย่างถือวิสาสะ
หากแต่จงอินก็ไม่ได้รังเกียจที่เขาทำอย่างนั้น...
“ฉัน...ชื่อคริส นายชื่ออะไรล่ะวัยรุ่น?”
ชายหนุ่มที่เพิ่งแนะนำตัวถามเขาในขณะที่ป้ายเจลแต่งผมลงบนศีรษะของเขา
“ผม....ชื่อจงอินครับ” จงอินตอบ
“โอ้! ชื่อนายแปลกไปหน่อยนะ
มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าชื่อนายน่ะมันฟังดู....ห่วยแตกมาก” คริสพูดก่อนจะยิ้มแกนๆ ส่งมาให้จงอิน
“ไม่เคยหรอกครับ...แต่ผมเองก็ไม่ได้ชื่นชอบชื่อนี้ซักเท่าไหร่
พ่อแม่ของผมไม่ได้ตั้งใจตั้งชื่อนี้ให้ผมหรอกครับ
เขาไม่ได้ตั้งใจให้ผมเกิดมาด้วยซ้ำ ผมล่ะรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ลืมตั้งชื่อให้”
จงอินพูดขึ้นมาเรื่อย ซึ่งนั่นทำให้คริสหัวเราะออกมาอย่างขันๆ
“โอ้...นายเป็นเด็กมีปัญหาสินะ
ถ้านายไม่ชอบฉันจะตั้งชื่อให้นายใหม่ก็ได้นะ
หรือว่านายอยากลองตั้งเอง ไหนดูซิ! นายอยากชื่ออะไรล่ะ?”
“อ่า...ผมยังไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยครับ”
“อืม...งั้นฉันตั้งให้นายแล้วกัน ชื่อคิวเป็นไง
แต่ฉันว่าไม่เวิร์คกับนายหรอกมั้งนะ
มันแปลว่าเลขเก้าในภาษาญี่ปุ่น นายไม่ได้ชอบเลขเก้าใช่มั้ย?”
“ไม่ครับ...ผมชอบเลขสิบสี่”
“อา...งั้นเอาอะไรดีนะ
นายชอบอะไรเป็นพิเศษมั้ยจงอิน?”
“ไม่รู้สิครับ” จงอินปฏิเสธพลางยักไหล่
“งั้นเรื่องตั้งชื่อเอาไว้ทีหลังแล้วกันนะ คุณอันมาพอดีเลย
คุณอันครับ...ช่วยหาชุดที่ไซส์พอดีกับเขาหน่อย
เด็กอะไรก็ไม่รู้หุ่นดีชะมัด...แต่โชคดีที่ผมยังสูงกว่า ฮ่าๆ”
หลังจากนั้นคุณอันก็ไปหาเสื้อผ้ามาให้จงอินใส่
และคริสก็จัดการเลือกเฟ้นเสื้อผ้าสำหรับเขา
ถึงแม้ในความคิดของจงอินนั้นมันดูมากเกินไปหน่อย แต่คริสกลับพออกพอใจมาก
“ดีเสียอีก เสื้อผ้าพวกนี้มันจะได้เพิ่มอายุของนายขึ้นหน่อยไง” คริสบอก
และหลังจากนั้นจงอินก็นั่งคุยกับคริสอยู่ร่วมชั่วโมง
คริสเป็นคนพูดจาสนุกสนานแถมยังมีเสน่ห์มาก
ถึงแม้จะเพิ่งได้เจอกันเป็นครั้งแรก แต่จงอินก็สามารถเล่าทุกเรื่องได้อย่างสนิทใจ
เขาเล่าทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมาจนหมด...และคริสก็รับฟังทุกอย่างๆ ตั้งใจ
และคอยปลอบโยนเขาทุกๆครั้งที่เขาร้องไห้
“ตอนนี้ผมเป็นเพียงคนที่ทนอยู่กับความมืดไม่ได้เท่านั้นล่ะครับ
แต่พระอาทิตย์ของผมกำลังจะจากผมไป...”
จงอินพูดพลางร้องไห้ออกมาอีกหน
คริสจึงหยิบทิชชู่ส่งให้จงอินอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจ
“ถ้าอย่างนั้นนายก็เป็นพระอาทิตย์เสียเองเลยสิ” คริสพูด ก่อนจะยกยิ้มส่งให้จงอินที่มุมปาก
“ผมไม่เข้าใจครับ””
“ฉันจะตั้งชื่อนายว่าไค...นายชอบมันไหม?
ไคร่า มันเป็นภาษาโบราณของชาวอัซเท็ค เป็นชื่อพิธีกรรมของการบูชาพระอาทิตย์
คราวนี้นายจะได้เป็นพระอาทิตย์ และต่อจากนี้ความมืดมิดจะไปจากนายตลอดไป
ฉันจะสอนนายเอง จะสอนให้นายมองข้ามเรื่องหยุมหยิมพวกนั้น
แล้วต่อจากนี้นายจะยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง นายเชื่อใจฉันไหมไค?”
คริสถาม พลางยื่นมือมาให้กับจงอินเพื่อจะดึงให้เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ผมชอบชื่อนี้ครับ...
และแน่นอนครับ ผมเชื่อใจคุณ” ไคยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอามือของคริสแล้วดึงตัวเองให้ลุกขึ้น
“งั้นเราลงไปข้างล่างกันเถอะ...
ไปสนุกกันให้ลืมความเจ็บปวดทั้งหมดดีไหม?”
คริสหลิ่วตาให้กับไคที่ตอนนี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนข้างกายเขาแล้ว
คริสยิ้มก่อนจะเดินนำไคออกไปจากห้อง
และตลอดราตรีนั้นคริสและไคก็หัวเราะให้แก่กันไม่หยุด
✚ TALK
โอ้วแม่เจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา *ปาดเหงื่อ*
แชปนี้มาแบบยืดเยื้อสุดๆ ตอนนี้เขียนยากมากค่ะแล้วก็ยาวมาก
ตอนแรกยาวกว่านี้ตั้งใจไม่ตัด เพราะถ้าตัดรีดเดอร์ก็อาจจะไม่เข้าใจ
ไรเตอร์เลยต้องยอมแบ่งครึ่งไปเลยย จะได้เคลียร์กันสุดๆ
(แต่เอาจริงๆที่เอามาลงนี่ก็ตัดออกเยอะเหมือนกันนะ)
เรื่องของคริสและอิเสี่ยยังไม่จบ และกับคยองก็ยังจะยืดเยื้อต่อไป
ยังไงรอตอนหน้านะคะ ^^
จะรีบมาลงให้หายสงสัยโดยเร็วที่สุด...
ความคิดเห็น