คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : :::::::::::::: CURSE ' 14
Author : `MR.$N0WMAN *
Pairing : Kim Jongin
Xiao Luhan/Oh Sehun/Zhang Yi xing/
Kim Junmyun/Krystal JungDo Kyungsoo
Rate : NC - 18
✚ CURSE ' 14
“เสื้อโค้ท?”
“พร้อม”
“ยาล่ะ?”
“เรียบร้อยแล้ว...พี่เตรียมของพวกนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วน่าจงอิน
ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก...โธ่... น่ารักจริงๆเลย จงอินของฉัน...”
คยองซูยกยิ้มร่า ก่อนจะยกมือขึ้นหยิกแก้มคนเป็นน้องที่ทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงหน้า
ตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่ในสนามบิน โดยมีป้าคิมและลุงมินคนสวนอยู่ข้างๆ คยองซูไม่ห่าง
“เอ้า...งั้นก็เข้าไปข้างในได้แล้วนะลูก ใกล้จะถึงเวลาแล้ว รีบไปเถอะจ้ะ
คุณหนูเขามีเรียนพิเศษต่อนะคยองซู เดี๋ยวเขาจะสายซะก่อน”
ป้าคิมพูดขึ้นพร้อมทั้งยกมือเรียวขึ้นลูบหัวลูกชายของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันมายิ้มให้จงอินบางๆ
จงอินสังเกตเห็นน้ำตาที่คลออยู่ในเบ้าตาของป้าคิม...เขาเบือนหน้าหนีทันที
เพราะเขาเองก็อยากร้องไห้เหมือนกัน หากแต่ต้องอดกลั้นมันไว้ข้างใน
“เอ่อ...คือว่า...” จงอินเอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมๆกับที่หรุบตาลงต่ำ
“หืม? อะไรเหรอจงอิน?” คยองซูถาม
“ผมมีอะไรอยากจะคุยกับพี่ก่อนพี่จะไป...เอ่อ เราไปคุยกันตรงโน้นได้ไหม?”
จงอินเอ่ยปากชักชวน หากแต่ป้าคิมกลับค้านออกมาเบาๆ
“โอ้...ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณหนู ถ้างั้นป้าจะไปรอที่รถแล้วกันนะคะ
คุณหนูคุยกับคยองซูไปเถอะค่ะ แล้วเราไปเจอกันที่รถนะคะ”
ป้าคิมพูดพลางยิ้มให้จงอิน
เธอคว้าคยองซูมากอด ก้มลงจูบที่แก้มก่อนจะพูดคุยอะไรเล็กน้อยแล้วจึงจากไป
ทิ้งให้จงอินยืนอยู่กับคยองซูตามลำพังในที่สุด...
“.......................”
จงอินยืนนิ่งเงียบ การที่ป้าคิมเดินจากไปแบบนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่าคยองซูกำลังจะไปแล้วจริงๆ
คำพูดมากมายที่คิดว่าจะพูดมันออกมา ถูกกลืนไปกับความเจ็บปวดในหัวใจอย่างเงียบๆ
เขาเองก็ไม่อยากจะร้องไห้อีกแล้ว หากแต่มันยากเกินไปที่จะห้ามตัวเองไม่ให้มีน้ำตาในเวลาแบบนี้
“โธ่...จงอิน” คยองซูถอนหายใจออกมา พร้อมกับที่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้กับคนเป็นน้อง
“ผม...ขอกอดพี่หน่อยได้ไหม?” จงอินก้มหน้างุดเพื่อหลบซ่อนน้ำตา ก่อนจะเอ่ยปาก
“ขอให้ผมได้จำสัมผัสนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะคยองซู
ผมรู้ดีว่าผมคงต้องปล่อยพี่ไปในที่สุด...แต่ตอนนี้ขอให้ผมได้กอดพี่เอาไว้อย่างนี้ได้ไหม?”
ทันทีที่ได้ยินคำร้องขอ...
คยองซูก็คว้าตัวจงอินเข้ามากอดไว้แนบแน่น ยกมือลูบที่หัวของจงอินเพื่อปลอบคนเป็นน้องที่กำลังร้องไห้อย่างเงียบๆ
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย คยองซูปล่อยให้จงอินได้ร้องไห้ออกมาโดยไม่รบกวนหรือบอกให้หยุด
ใช่ว่าเขามีสิทธิจะทัดทานให้คนเป็นน้องหยุดร้องได้เสียเมื่อไหร่
เขารู้ดีแก่ใจว่าเป็นเพราะเขาเองที่ทำให้จงอินต้องร้องไห้ออกมาแบบนี้
จนกระทั่งเสียงเรียกของประชาสัมพันธ์ดังขึ้นมา
จงอินจึงเริ่มสะอึกสะอื้นและคว้าไหล่ของคยองซูมากอดให้แนบแน่นเข้าไปอีก
กอดให้แน่นขึ้นราวกับว่าเขากำลังจะเปลี่ยนใจและไม่ยอมให้คยองซูจากไป...
“จ...จงอิน”
“สัญญากับผมได้ไหมคยองซู? สัญญากับผมว่าจากนี้อีกหนึ่งปีพี่ต้องกลับมาหาผมนะ
ผมจะรอพี่มาฉลองวันเกิดปีหน้าของเราไง ตอนนั้นพี่คงปิดเทอมแล้ว และผมเองก็ด้วย
ขอแค่ช่วงปิดเทอมที่ให้เราเจอหน้ากัน นะ...แล้วผมจะรอพี่?
ผมจะมารอพี่ที่ร้านไอศกรีมร้านโปรดของเรา...ให้สัญญากับผมได้ไหม?”
“เอ่อ.....” คยองซูครุ่นคิด ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขอของคนเป็นน้อง
“นะคยองซู -- ได้โปรด”
จงอินอ้อนวอน นัยน์ตาเขาแดงก่ำจากการร้องไห้
คยองซูหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจรับปากไปในที่สุด
“อื้ม...พี่สัญญา พี่จะกลับมาหานายจงอิน”
“พี่อย่าลืมนะ อย่าลืมผม...อย่าลืมสัญญาของเรา”
“ไม่ลืมจงอิน...พี่ไม่มีวันลืม”
คยองซูพูดเสียงสั่น และเขาเริ่มมีน้ำตา
คว้าตัวคนเป็นน้องให้เข้ามาใกล้แล้วกอดเอาไว้เพื่อที่จะยืนยันให้น้องเขามั่นใจ...
“เอานี่ไปสิคยองซู...เป็นตัวแทนคำสัญญาของเรา”
จงอินพูดพลางปลดสร้อยคอจี้โลหะที่เขาสวมอยู่ไปสวมให้คยองซู
คยองซูส่ายหน้าปฏิเสธอย่างหนักแน่น เพราะสร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยเส้นโปรดของจงอิน
มันเป็นของขวัญที่เขาให้กับจงอินในวันเกิดอายุครบสิบห้าปีที่ผ่านมานั่นเอง
จงอินชอบสร้อยเส้นนี้มาก เพราะว่าเขามักจะเดินผ่านร้านที่โชว์สร้อยนี้หลังเลิกเรียนเสมอ
จนกระทั่งคยองซูตัดสินใจซื้อมันให้จงอิน จงอินก็ใส่สร้อยเส้นนี้ตลอดเวลาไม่เคยห่าง
และมันมีค่ามากเกินกว่าจะมาอยู่กับเขา...
“ม...ไม่ได้นะจงอิน สร้อยเส้นนี้เป็นของนายนะ
พี่ให้นายไปแล้วจะคืนไม่ได้หรอก
พี่เอาไปไม่ได้หรอก นายเก็บไว้เถอะ”
“นี่เป็นเครื่องยืนยันของผม...เป็นตัวประกันที่พี่ต้องนำกลับมาคืนผมไง
มันจะอยู่กับพี่แค่ปีเดียวเท่านั้นคยองซู...แค่ปีเดียวไม่นานเสียหน่อย
ถ้าพี่นำมันกลับมาให้ผม เท่ากับว่าพี่ทำตามสัญญาแล้ว
สัญญาได้ไหม...สัญญาว่าจะนำมันกลับคืนมา”
จงอินพูดพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้คนตรงหน้าเบาๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังมีน้ำตาไหลอาบแก้ม
คยองซูเม้มปากเป็นเส้นตรงอย่างหนักใจในคำขอร้องครั้งนี้...
หากแต่เมื่อได้ยินประโยคแผ่วเบาที่คนเป็นน้องนั้นพูดออกมา
คยองซูก็แทบจะหยุดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้เลย...
“ผมรักพี่....”
จงอินกระซิบคำบอกรักที่ข้างหูในขณะที่คว้าตัวคยองซูเข้ามากอดไว้
คยองซูหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะพูดว่า
“อืม....พี่รู้”
“ผมจะรอนะ...จะรอ”
กระซิบออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้มลงไปมอบจูบแสนหวานให้กับคยองซู
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเด็กผู้ชายสองคนที่ยืนจูบกันอยู่หน้าทางเข้าเกท
มันอาจจะดูไม่สมควรหรืออาจจะชวนให้ใครต้องลงไปกองพับลงกับพื้นเพราะความช็อกได้ง่ายๆ
หากแต่ในเวลานี้ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งให้จงอินและคยองซูให้ผละออกจากกันได้อีกแล้ว
คยองซูตวัดลิ้นตอบโต้อย่างกระหายจะตักตวงรสจูบนี้ไว้ตลอดไป
มือเล็กของเขากอบกำเส้นผมสีน้ำตาลของน้องเขาเอาไว้แล้วบีบมันแน่น
เพื่อเป็นการบอกให้จงอินได้รับรู้ว่าเขาพอใจกับจูบนี้มากเพียงใด
หากแต่จูบแสนหวานนั้นก็ต้องมีการเลิกรา
รอบข้างมีแต่เสียงประชาสัมพันธ์ที่ดังแว่วมาตักเตือนให้คยองซูต้องติดสินใจผละตัวออกจากอ้อมกอดของจงอินในที่สุด
ผลักอกคนเป็นน้องแล้วปาดน้ำตา...แสรงยกยิ้มออกมา ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วในใจเขาไม่ได้ยิ้มเลยซักนิด...
“พ...พี่ต้องไปแล้วจงอิน”
คยองซูพูดก่อนจะลากกระเป๋าเดินจากไป...เขามองไปที่ดวงตาเว้าวอนของจงอินเป็นครั้งสุดท้าย
แล้วจึงสะหัดหน้าหนีให้พ้นไปจากสายตาที่ทำให้แสนเจ็บปวดไปด้วยความรู้สึกผิดคู่นั้น
ได้โปรดปล่อยพี่ไปเถอะจงอิน...
อย่ารั้งพี่ไว้เพราะรอยจูบ และความทรงจำของเราสองคนเลยนะ
ได้โปรด...ปล่อยให้พี่จากไป...
คยองซูคว้ากระเป๋ามาถือไว้และเดินจ้ำอ้าวอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
หากว่าเขาต้องอยู่ตรงนี้นานอีกซักนาทีหนึ่ง มันอาจจะทำให้เขาเปลี่ยนใจไม่ไปอังกฤษก็ได้
คยองซูหันหลังวิ่งจากไปโดยไม่คิดจะหันกลับมา
เพราะถ้าหากเขาเผลอหันไปมองจงอินแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อไหร่... เขาคงเลือกที่จะเดินกลับไปหาจงอินแน่ๆ
และถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
คยองซูร้องไห้จนตัวโยน และเริ่มออกวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว
ทำไมนะ...ทำไมผมถึงต้องรู้สึกเสียใจ ทำไมถึงต้องร้องไห้ขนาดนี้
คิดพลางปาดน้ำตาที่เริ่มไหลทะลักลงมาราวกับเขื่อนแตก
เมื่อได้ยินคนเป็นน้องตะโกนออกมาสุดเสียง
“พี่สัญญาแล้วนะคยองซู...พี่สัญญาแล้ว!
ผมจะรอพี่นะคยองซู ได้ยินไหม? ผมจะรอ!!!!”
จงอินตะโกนออกไปสุดเสียง น้ำตาไหลอาบแก้มนั้นทำให้เขาเสียงสั่นเครืออย่างช่วยไม่ได้
กัดริมฝีปากอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นแผ่นหลังเล็กๆ ของคยองซูเดินหายวับเข้าไปในเกทโดยไม่หันมองกลับมาที่เขาอีกเลย
.
.
.
ไม่มี...แม้แต่สายตาที่หันกลับมามองที่เขาเลย แม้แต่นิดเดียว...
*********
แม้เวลาจะผ่านไปหลายนาที แต่จงอินก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน
ในใจปรารถนาให้คยองซูเปลี่ยนใจ เขาภาวนาขอให้มีปาฏิหาริย์...
เหมือนอย่างละครน้ำเน่าที่มักจะเปิดไปเจอเสมอในช่วงเวลาหลังข่าว
ช่วงเวลาที่เขาเคยบอกว่ามันเพ้อเจ้อและไร้สาระ...
ทั้งๆ ที่เขาเองไม่เคยเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้...แต่ในใจจงอินตอนนี้กลับหวังให้มันเกิดขึ้นจริงซักครั้งในตอนนี้
เขาปรารถนาเหลือเกินที่จะให้คยองซูเดินกลับมาหาเขา...และบอกว่าจะไม่มีวันจากเขาไปไหนอีก...
แต่ไม่เลย คยองซูไม่เดินออกมา มันผ่านไปนานจนน้ำตาของจงอินเริ่มแห้งเหือด
จงอินลุกขึ้นปาดน้ำตาที่คั่งค้างอยู่บนใบหน้าก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากสนามบินไปอย่างเชื่องช้า
ถึงตอนนี้จะไม่มีปาฏิหาริย์ แต่เขามั่นใจเหลือเกินว่าสุดท้ายคยองซูต้องกลับมา...
จงอินรู้ว่าว่าคยองซูต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับจงอินแน่...
.
.
.
แต่คยองซูก็ไม่กลับมา...
วันเวลาผ่านไปหนึ่งปี...และมันช่างเป็นหนึ่งปีที่ทรมานที่สุดในชีวิตของเขา
หนึ่งปีที่จงอินต้องโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงาและไร้คยองซูยืนเคียงข้างกันเหมือนเช่นเคย...
พ่อกับแม่เริ่มทำร้ายเขาบ่อยครั้งขึ้นกว่าเดิม...
เพราะการที่เขาดันไปรู้จักกับคริสนั้นเป็นเรื่องไม่เข้าท่าในสายตาของพ่อกับแม่
คริสมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักหรอกในสังคมธุรกิจ เพราะเขาทำธุรกิจกลางคืน
และพ่อกับแม่ไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วยเลยที่จงอินจะไปมาหาสู่หรือรู้จักกับคนแบบนั้น
จงอินต้องทนอยู่กับคำกระแหนะกระแหนประชดประชันที่คนเป็นแม่มอบให้
ซ้ำยังต้องทนให้คนเป็นพ่อลงไม้ลงมือกับเขาให้ได้เจ็บปวดตลอดเวลาที่จงอินเริ่มต้นเถียง
จงอินเกลียดพ่อและแม่เข้าไส้...เขามีชีวิตอยู่ได้ด้วยการรอคอยคำสัญญาของคยองซูเท่านั้น
จนวันแห่งคำสัญญาได้เวียนมาถึง
มันเป็นหนึ่งปีที่ทั้งสองคนให้สัญญากันไว้ และจงอินยังคงรักษาสัญญาเสมอ
เมื่อถึงวันเกิดของจงอิน เขาจึงกลับไปรอคยองซูที่ร้านไอศกรีมร้านนั้น ตั้งแต่เช้าตรู่จนกระทั่งร้านปิด
แต่คยองซูก็ไม่มา....
จงอินไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะวันและเวลาในอังกฤษกับเวลาในเกาหลีไม่ตรงกัน หรือว่าเขาจงใจไม่มากันแน่
จงอินจึงตัดสินใจไปนั่งรอที่ร้านอีกสองวัน เพื่อให้แน่ใจว่าคยองซูจะไม่ได้จำวันผิดไปอย่างที่เขาเข้าใจจริงๆ
แต่ไม่มีวันไหนเลยซักวันที่คยองซูจะเดินเข้ามาในร้านและส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง
ไม่มี...ไม่มีคยองซู ไม่มีใครทั้งนั้น
จงอินรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง....
เขารู้สึกเจ็บปวดที่เฝ้ารอคอยแต่คยองซู และยังคงเป็นเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
...แต่คยองซูกลับไม่รักษาสัญญา....
วันนั้นเป็นวันที่จงอินรู้สึกว่าโดดเดี่ยวจริงๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา
เมื่อเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของจงอิน ซึ่งเป็นคนรักและเป็นคนเดียวที่คิดว่าซื่อสัตย์กับเขา
กลับกลายเป็นคนเดียวที่ทำให้จงอินต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หลังจากวันนั้นมาจงอินต้องทนทรมาณอยู่กับโรคซึมเศร้าอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือน
เขากลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ก้าวร้าว และ อารมณ์รุนแรงมากขึ้นหลายเท่าตัว
มันทวีความรุนแรงมากขึ้น จนไม่มีใครในบ้านอยากจะสุงสิงหรือพูดคุยกับเขาอีกต่อไป...
แม้แต่ป้าคิมที่เคยใจดีกับเขามาเสมอ ก็ยังไม่อยากจะรับรู้ถึงตัวตนของจงอินที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ
จงอินต้องใช้เวลาเกือบปีเพื่อเยียวยารักษาตัวเองอย่างช้าๆ
เขาต่อสู้กับมันเพียงลำพัง โดยที่ไม่มีแม้แต่ใครซักคนที่จะสนใจ
จนเวลาผ่านไปอีกปี...จงอินก็ตัดสินใจที่จะกลับไปรอคยองซูที่ร้านไอศกรีมอีกครั้ง
และสุดท้ายก็เป็นอีกครั้งที่คยองซูไม่รักษาสัญญา...
ตั้งแต่วันนั้น...วันที่หัวใจของจงอินได้ถูกบีบจนแหลกสลาย...
จงอินเรียนรู้ที่จะเลิกสนใจพ่อแม่และคยองซูไปได้ในที่สุด และหันมาสนใจเรื่องเรียนแทน
เขาเริ่มวางแผนเล่นเกมส์ชีวิตของเขามาตั้งแต่วันนั้น...วางชีวิตในเกมส์ที่มีเขาเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง
เกมส์ที่ทุกอย่างจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของจงอิน...
จงอินฝันอยากจะเป็นแบบคริส เขาอยากเปิดกิจการผับเหมือนคริส
เพราะนอกจากจะทำรายได้มหาศาลในแต่ละวันแล้ว
จงอินยังเห็นคริสเป็นที่นับหน้าถือตาของใครหลายคน และได้พบผู้คนมากหน้าหลายตาไม่ซ้ำอีกด้วย
นี่แหละจะเป็นวิธีที่จะทำให้ฉันยืนได้โดยไม่ต้องพึ่งพ่อกับแม่อีกต่อไป
ฉันจะหาเงินแล้วออกจากบ้าน จะสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง
ฉันจะไม่ง้อแม้แต่เศษเงินจากคนอย่างพวกเขา...จงอินคิด
จงอินทุ่มเรียนอย่างหนักโดยไม่คิดจะเหลือเวลาเอาไว้พักผ่อน
เขาจัดตารางเวลาของตัวเองเพื่ออุทิศให้กับการเรียนและอ่านหนังสือ และมันก็ได้ผลมากมายเหลือเกิน...
เพราะนอกจากเขาจะไม่เหลือเวลาให้ตัวเองได้คิดถึงเรื่องต่างๆ..ผลการเรียนของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย
จงอินจบการศึกษาชั้นมัธยมด้วยคะแนนสูงสุด...แต่เป็นเกียรติยศที่ไม่มีแม้แต่เพื่อน หรือพ่อแม่มาร่วมยินดีด้วย
แม้แต่ในวันรับประกาศนียบัตรจบการศึกษาของเขา ก็ไม่มีใครมาร่วมยินดีกับเขาแม้แต่คนเดียว
สุดท้ายแล้วจงอินก็หยุดยิ้ม...เพราะเหมือนกับว่าเขาจะลืมวิธีการยิ้มไปเสียแล้ว
ทุกอย่างในโลกของเขาช่างมืดหม่นเป็นสีเทา...และมันทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจ
จงอินรู้สึกราวกับว่าสัตว์ร้ายที่เคยนอนนิ่งอยู่ในตัวเขานั้นกำลังตื่นขึ้นมาจากนิทราอันมืดมิด
ราชสีห์...สิงห์หนุ่มผู้ไม่เคยยอมพ่ายให้ใคร เป็นที่หนึ่งของเผ่าพันธุ์และพร้อมจะทำทุกอย่างให้ได้มาเพื่ออำนาจ...
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะเรียกมันออกมา...
ความดุร้ายและหยิ่งยะโสราวกับราชสีห์ของเขา...
จงอินยังคงแวะเวียนไปหาคริสเป็นครั้งคราว และเขาเองก็มักจะได้รับคำสอนใหม่ๆ เสมอ
คริสเป็นคนสอนให้เขากลับมายิ้มอีกครั้ง แต่ยิ้มที่จงอินได้เรียนรู้นั้นกลับไม่ใช่ยิ้มที่แสดงออกมาด้วยความยินดี
แต่เป็นยิ้มจากการแสดงเพื่อให้เขาได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตต่างหาก...และจงอินก็ทำได้ดีเสียด้วย....
เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเกี่ยวกับด้านธุรกิจชื่อดังในเกาหลีได้ด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง
และก็ใช้การแสดงที่คริสสั่งสอนมา ทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในหมู่เพื่อน
เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองขึ้นสู่อันดับหนึ่งโดยไม่ต้องหยุดคิด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเลว...หากมันทำให้เขาได้กลายเป็นที่หนึ่งในทุกๆ ด้านเขาก็จะยอมทำ
.
.
.
จนสุดท้าย...จงอินก็จบจากมหาวิทยาลัยออกมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
*********
ไม่นานนักพ่อกับแม่ก็เสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตก...
ผู้คนต่างร่ำไห้เสียใจกับการจากไปของคนทั้งคู่...แต่ไม่ใช่จงอิน แน่นอนว่าเขาไม่คิดเสียใจเลย...
เขาจัดตกแต่งงานศพของพ่อกับแม่ให้สมฐานะ และแสดงละครเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต
จงอินปล่อยให้หยดน้ำตาไหลลงมาอาบหน้าได้ทั้งวัน แต่มันไม่ใช่เพราะว่าเขาเสียใจหรอก
ดีใจเสียเต็มประดาต่างหากที่คนใจดำทั้งสองคนตายจากไปเสียได้
เพราะถึงอยู่ไปเขาก็ไม่มาดูดำดูดีอะไรกับจงอินอยู่แล้ว....
และนับจากนั้นมาเขาก็เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นไค เขาตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่พ่อแม่ให้มานับจากวันนั้น
ไม่ว่าจะเป็นคิมจงอินคนเดิม ความอ่อนแอ หรือความทรงจำเลวร้ายทุกอย่างในชีวิต
เขาฝังมันลงดินไปพร้อมกับพ่อแม่ของเขา
แล้วเขาสาบานว่าจะปล่อยให้มันจมดินอยู่อย่างนั้นไปจนชั่วกัลปาวสาน...
ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ได้ตกทอดมา ไคเองไม่คิดจะแตะต้องมันซักสตางค์แดงเดียว
เขาตัดสินใจยกส่วนหนึ่งให้ป้าคิมและคนสวนไป เพื่อเป็นรางวัลที่ทำงานให้ครอบครัวของเขามานาน
แต่เหตุผลจริงๆ ของไคก็คือ...ให้เป็นรางวัลที่ไม่เคยเอาเรื่องเลวร้ายในบ้านหลังนี้ไปขายให้กับพวกสื่อต่างหาก
ไคกำลังซื้อใจพวกเขา...เพราะพวกเขายังคงต้องปิดบังความร้ายกาจของไคต่อไป
*********
ไม่นานนักคริสก็ปิดกิจการผับและย้ายไปเมืองนอกกะทันหัน...ผู้คนมากมายส่งเสียงฮือฮากับข่าวที่ออกจะปุปปัป
ไม่มีใครรู้ว่าคริสปิดกิจการเพราะอะไร เพราะผับของเขามีคนมากมายหลั่งไหลกันเข้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย
แถมยังเป็นผับที่ดังมากๆ ในโซล เพราะฉะนั้นแล้วมันไม่มีทางจะปิดตัวลงเพราะพิษเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
คริสไม่มีหนี้สินและไม่มีบ้านที่ไหนเลย เอาง่ายๆก็คือ...เขาไม่มีข้อมูลที่ไหนเลยนอกจากเป็นเจ้าของกิจการผับแห่งนี้
ลูกจ้างหลายๆ คนตกงานและพากันสาปแช่งคริสอู๋
ก็ใครจะคิดว่าผับที่เคยคึกคักและรุ่งเรือง อยู่ๆวันรุ่งขึ้นก็ปิดกิจการโดยไม่บอกไม่กล่าวให้ได้รู้ล่วงหน้ามาก่อนกันล่ะ...
ทุกคนต่างพากันคิดว่าไครู้สาเหตุ แต่เอาจริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่าทุกคนหรอก
เพราะคริสเองก็ไม่แม้แต่จะทิ้งข้อความอะไรเอาไว้ให้เขาเลยแม้แต่น้อย
ถึงไคจะโกรธแต่เขาก็เข้าใจคริส เพราะตั้งแต่ต้นคริสก็พยายามที่จะไม่ให้ความสนิทสนมกับเขามากมายอยู่แล้ว
คริสให้คำจำกัดความของตัวเองอยู่ในฐานะเพื่อนที่คอยพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวเลวร้ายกับเด็กที่ชื่อจงอิน
หรืออาจจะเรียกว่า ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ที่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายเหมือนกับตัวเองก็คงไม่ผิดแปลกไปหรอก
แต่ก็นั่นแหละ...สุดท้ายแล้วคริสก็เดินออกไปจากชีวิตของไคไปอีกคน
*********
หลังจากผ่านไปเกือบปีกับการตายของพ่อแม่
ไคก็ตัดสินใจที่จะใช้เงินมรดกเป็นครั้งแรกกับการลงทุนซื้อกิจการต่อจากคริส
ที่ถูกเอาไปขายทอดตลาดด้วยราคาสูงลิบลิ่วจนไม่เคยมีใครกล้าคิดจะซื้อ
เขาปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ใหญ่โตยิ่งขึ้น
และใช้ความรู้ที่ได้มาจากตำแหน่งเกียรตินิยมของเขามาบริหารดูแลงานเป็นอย่างดี
และกิจการก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง...
ไม่นานนัก ไคก็กว้านซื้อร้านค้าในบริเวณรอบๆ ผับของเขาเพื่อเปลี่ยนมันเป็นโรงแรมห้าดาวและเปิดคาสิโนที่ชั้นใต้ดิน
เขาเปลี่ยนทัศนียภาพจากตรอกแคบๆ โทรมๆ ที่มีชื่อด้านกิจการกลางคืน
ให้กลายเป็นที่ดินธุรกิจทำเลทองได้ในเพียงเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น...
กิจการทุกอย่างสำเร็จและดังเป็นพลุแตก เขาขยายสาขาไปทั่วทั้งเกาหลี จนกระทั่งต่อมา...ก็ขยายไปทั่วเอเชีย
ชื่อเสียงของมิสเตอร์ไคดังกระฉ่อน...
เพราะเป็นนักธุรกิจหนุ่มคนแรกที่สามารถขึ้นมายืนอยู่บนเส้นทางธุรกิจด้วยอายุแค่เพียง 23 ปีเท่านั้น...
เขามีเงินมากมายมหาศาล และมีผู้หญิงผู้ชายเข้ามาพัวพันในชีวิตหลายคน
เขาเปลี่ยนคู่นอนตามความพอใจ...และให้ค่าขนมไว้ใช้จ่ายสำหรับคนพวกนั้น
เขามีเพื่อนอยู่บ้าง...แต่ก็ไม่เคยจริงใจกับใครเลยแม้แต่คนเดียว
เพราะถึงเวลาจะผ่านมานานหลายปี แต่คำสอนของคริสก็ยังดังก้องอยู่ในหัวของเขาเสมอ
แต่ถึงแม้ไม่ต้องจดจำมัน ไคก็ใช้ชีวิตตามแบบคำสอนพวกนั้นอยู่แล้ว
เขากลายเป็นคาสโนว่าเต็มรูปแบบ และเป็นนักธุรกิจที่เก่งฉกาจในเวลาเดียวกัน
เขามีทั้งแง่ดีและแง่ร้ายให้พวกนักข่าวชอบคุ้ยเขี่ยได้เอาไปเขียนข่าวเล่นเสมอ
แต่ทุกอย่างไม่ได้ทำให้ชีวิตของไคแย่ลงเลย...เขามีแต่รวยขึ้น ร้ายกาจขึ้น และหยิ่งทะนงมากยิ่งขึ้น
จนเหมือนว่าทุกอย่างที่เขาต้องการและปรารถนาจะมาสยบแทบเท้าเขาไปเสียหมด
เกมส์ชีวิตของไคราบรื่นและสวยงาม เกมส์ทุกอย่างเป็นไปตามการควบคุมของเขาเสมอ
จนกระทั่งชีวิตมันก็วนเวียนกลับมาถึงวันที่เขาเริ่มสูญเสียการควบคุมจนได้...
ไครู้สึกว่าเรื่องนี้มันช่างน่าตลกเสียเหลือเกิน...เพราะสุดท้ายแล้วไคก็ได้ย้อนกลับมาวันที่เขาต้องอ่อนแออีกครั้ง
วันที่ทุกอย่างดูจะทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนเปลี้ยและไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินตามเกมส์ที่วางไว้
ใครจะคิดว่าราชสีห์อย่างมิสเตอร์คิม ไครา...เศรษฐีหนุ่มผู้หยิ่งทะนง
จะต้องกลับมาเป็นลูกหนูตัวกระจ้อยให้ผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งกุมชีวิตและหัวใจของเขาเอาไว้ในกำมือ...
และถ้าหากเขาบีบมันเมื่อไหร่...ไคจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคำพิพากษาของเขา
หัวใจของไค...หัวใจที่เย็นชาและแข็งแกร่งดุจเพชรน้ำงามที่ถูกเจียระไนอย่างหัวใจของเขา
มันกลับกลายมาเป็นเพียงแค่ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่เต้นอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงและพร้อมจะหยุดเต้นได้ทุกเมื่อ
จากผู้ชายที่แข็งแกร่งและเคยเป็นเจ้าชีวิตของใครหลายๆ คน...
กลับต้องกลายมาเป็นเพียงทาสที่ถูกจองจำไว้ในคุกที่เต็มไปด้วยความมืดมิดไร้แสงสว่าง
ใช่...ไคกำลังเป็นอย่างนั้น และเขากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับมัน...
มันคือเวลานี้ วันนี้ ชั่วโมงนี้...และตอนนี้
✚TALK
ช่วงนี้นมน.ไม่ค่อยสบายค่ะ...
ขอลงไว้ยาวๆ แล้วหายไปซักสองสามวันเพื่อพักฟื้นนะคะ
ไว้ถ้าหายสนิทเมื่อไหร่นมน.จะสัญญาว่าเข้ามาอัพต่อให้อย่างไวเลยนะคะ
รักรีดเดอร์ :)
ความคิดเห็น