ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✚ :: CURSE :: ✚ [ KAI & D.O. ]*

    ลำดับตอนที่ #15 : :::::::::::::: CURSE ' 14

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.68K
      8
      25 ม.ค. 56

        Author : `MR.$N0WMAN * 
    Pairing : Kim Jongin
    Xiao Luhan/Oh Sehun/Zhang Yi xing/
    Kim Junmyun/Krystal JungDo Kyungsoo
    Rate : NC - 18






     

    ✚ CURSE ' 14

     

     

     

     

    เสื้อโค้ท?”

     

     

    พร้อม

     

     

    ยาล่ะ?”

     

     

    เรียบร้อยแล้ว...พี่เตรียมของพวกนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วน่าจงอิน

    ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก...โธ่... น่ารักจริงๆเลย จงอินของฉัน...

     

     

    คยองซูยกยิ้มร่า ก่อนจะยกมือขึ้นหยิกแก้มคนเป็นน้องที่ทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงหน้า

    ตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่ในสนามบิน โดยมีป้าคิมและลุงมินคนสวนอยู่ข้างๆ คยองซูไม่ห่าง

     

     

    เอ้า...งั้นก็เข้าไปข้างในได้แล้วนะลูก ใกล้จะถึงเวลาแล้ว รีบไปเถอะจ้ะ

    คุณหนูเขามีเรียนพิเศษต่อนะคยองซู เดี๋ยวเขาจะสายซะก่อน

     

     

    ป้าคิมพูดขึ้นพร้อมทั้งยกมือเรียวขึ้นลูบหัวลูกชายของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันมายิ้มให้จงอินบางๆ

    จงอินสังเกตเห็นน้ำตาที่คลออยู่ในเบ้าตาของป้าคิม...เขาเบือนหน้าหนีทันที

    เพราะเขาเองก็อยากร้องไห้เหมือนกัน หากแต่ต้องอดกลั้นมันไว้ข้างใน

     

     

    เอ่อ...คือว่า...จงอินเอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมๆกับที่หรุบตาลงต่ำ

     

     

    หืม? อะไรเหรอจงอิน?” คยองซูถาม

     

     

    ผมมีอะไรอยากจะคุยกับพี่ก่อนพี่จะไป...เอ่อ เราไปคุยกันตรงโน้นได้ไหม?”

     

     

    จงอินเอ่ยปากชักชวน หากแต่ป้าคิมกลับค้านออกมาเบาๆ

     

     

    โอ้...ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณหนู ถ้างั้นป้าจะไปรอที่รถแล้วกันนะคะ

    คุณหนูคุยกับคยองซูไปเถอะค่ะ แล้วเราไปเจอกันที่รถนะคะ

     

     

    ป้าคิมพูดพลางยิ้มให้จงอิน

    เธอคว้าคยองซูมากอด  ก้มลงจูบที่แก้มก่อนจะพูดคุยอะไรเล็กน้อยแล้วจึงจากไป

    ทิ้งให้จงอินยืนอยู่กับคยองซูตามลำพังในที่สุด...

     

     

    “.......................”

     

     

    จงอินยืนนิ่งเงียบ การที่ป้าคิมเดินจากไปแบบนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่าคยองซูกำลังจะไปแล้วจริงๆ

    คำพูดมากมายที่คิดว่าจะพูดมันออกมา ถูกกลืนไปกับความเจ็บปวดในหัวใจอย่างเงียบๆ

    เขาเองก็ไม่อยากจะร้องไห้อีกแล้ว หากแต่มันยากเกินไปที่จะห้ามตัวเองไม่ให้มีน้ำตาในเวลาแบบนี้

     

     

     

    โธ่...จงอินคยองซูถอนหายใจออกมา พร้อมกับที่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้กับคนเป็นน้อง

     

     

    ผม...ขอกอดพี่หน่อยได้ไหม?” จงอินก้มหน้างุดเพื่อหลบซ่อนน้ำตา ก่อนจะเอ่ยปาก

     

     

    ขอให้ผมได้จำสัมผัสนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะคยองซู

    ผมรู้ดีว่าผมคงต้องปล่อยพี่ไปในที่สุด...แต่ตอนนี้ขอให้ผมได้กอดพี่เอาไว้อย่างนี้ได้ไหม?”

     

     

    ทันทีที่ได้ยินคำร้องขอ...

    คยองซูก็คว้าตัวจงอินเข้ามากอดไว้แนบแน่น ยกมือลูบที่หัวของจงอินเพื่อปลอบคนเป็นน้องที่กำลังร้องไห้อย่างเงียบๆ

    พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย คยองซูปล่อยให้จงอินได้ร้องไห้ออกมาโดยไม่รบกวนหรือบอกให้หยุด

    ใช่ว่าเขามีสิทธิจะทัดทานให้คนเป็นน้องหยุดร้องได้เสียเมื่อไหร่

    เขารู้ดีแก่ใจว่าเป็นเพราะเขาเองที่ทำให้จงอินต้องร้องไห้ออกมาแบบนี้

     

     

    จนกระทั่งเสียงเรียกของประชาสัมพันธ์ดังขึ้นมา

    จงอินจึงเริ่มสะอึกสะอื้นและคว้าไหล่ของคยองซูมากอดให้แนบแน่นเข้าไปอีก

    กอดให้แน่นขึ้นราวกับว่าเขากำลังจะเปลี่ยนใจและไม่ยอมให้คยองซูจากไป...

     

     

    จ...จงอิน

     

     

    สัญญากับผมได้ไหมคยองซู? สัญญากับผมว่าจากนี้อีกหนึ่งปีพี่ต้องกลับมาหาผมนะ

    ผมจะรอพี่มาฉลองวันเกิดปีหน้าของเราไง ตอนนั้นพี่คงปิดเทอมแล้ว และผมเองก็ด้วย

    ขอแค่ช่วงปิดเทอมที่ให้เราเจอหน้ากัน นะ...แล้วผมจะรอพี่?

    ผมจะมารอพี่ที่ร้านไอศกรีมร้านโปรดของเรา...ให้สัญญากับผมได้ไหม?”

     

     

    เอ่อ.....คยองซูครุ่นคิด ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขอของคนเป็นน้อง

     

     

     

    นะคยองซู -- ได้โปรด

     

     

    จงอินอ้อนวอน นัยน์ตาเขาแดงก่ำจากการร้องไห้

    คยองซูหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจรับปากไปในที่สุด

     

     

    อื้ม...พี่สัญญา พี่จะกลับมาหานายจงอิน

     

     

    พี่อย่าลืมนะ อย่าลืมผม...อย่าลืมสัญญาของเรา

     

     

    ไม่ลืมจงอิน...พี่ไม่มีวันลืม

     

     

    คยองซูพูดเสียงสั่น และเขาเริ่มมีน้ำตา

    คว้าตัวคนเป็นน้องให้เข้ามาใกล้แล้วกอดเอาไว้เพื่อที่จะยืนยันให้น้องเขามั่นใจ...

     

     

    เอานี่ไปสิคยองซู...เป็นตัวแทนคำสัญญาของเรา

     

     

     

    จงอินพูดพลางปลดสร้อยคอจี้โลหะที่เขาสวมอยู่ไปสวมให้คยองซู

    คยองซูส่ายหน้าปฏิเสธอย่างหนักแน่น เพราะสร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยเส้นโปรดของจงอิน

    มันเป็นของขวัญที่เขาให้กับจงอินในวันเกิดอายุครบสิบห้าปีที่ผ่านมานั่นเอง

     

    จงอินชอบสร้อยเส้นนี้มาก เพราะว่าเขามักจะเดินผ่านร้านที่โชว์สร้อยนี้หลังเลิกเรียนเสมอ

    จนกระทั่งคยองซูตัดสินใจซื้อมันให้จงอิน จงอินก็ใส่สร้อยเส้นนี้ตลอดเวลาไม่เคยห่าง

    และมันมีค่ามากเกินกว่าจะมาอยู่กับเขา...

     

     

     

    ม...ไม่ได้นะจงอิน สร้อยเส้นนี้เป็นของนายนะ

    พี่ให้นายไปแล้วจะคืนไม่ได้หรอก

    พี่เอาไปไม่ได้หรอก นายเก็บไว้เถอะ

     

     

     

    นี่เป็นเครื่องยืนยันของผม...เป็นตัวประกันที่พี่ต้องนำกลับมาคืนผมไง

    มันจะอยู่กับพี่แค่ปีเดียวเท่านั้นคยองซู...แค่ปีเดียวไม่นานเสียหน่อย

    ถ้าพี่นำมันกลับมาให้ผม เท่ากับว่าพี่ทำตามสัญญาแล้ว

    สัญญาได้ไหม...สัญญาว่าจะนำมันกลับคืนมา

     

     

     

    จงอินพูดพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้คนตรงหน้าเบาๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังมีน้ำตาไหลอาบแก้ม

    คยองซูเม้มปากเป็นเส้นตรงอย่างหนักใจในคำขอร้องครั้งนี้...

    หากแต่เมื่อได้ยินประโยคแผ่วเบาที่คนเป็นน้องนั้นพูดออกมา

    คยองซูก็แทบจะหยุดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้เลย...

     

     

    ผมรักพี่....

     

     

    จงอินกระซิบคำบอกรักที่ข้างหูในขณะที่คว้าตัวคยองซูเข้ามากอดไว้

    คยองซูหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะพูดว่า

     

     

    อืม....พี่รู้

     

     

    ผมจะรอนะ...จะรอ

     

     

    กระซิบออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้มลงไปมอบจูบแสนหวานให้กับคยองซู

    ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเด็กผู้ชายสองคนที่ยืนจูบกันอยู่หน้าทางเข้าเกท

    มันอาจจะดูไม่สมควรหรืออาจจะชวนให้ใครต้องลงไปกองพับลงกับพื้นเพราะความช็อกได้ง่ายๆ

     

     

     

    หากแต่ในเวลานี้ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งให้จงอินและคยองซูให้ผละออกจากกันได้อีกแล้ว

    คยองซูตวัดลิ้นตอบโต้อย่างกระหายจะตักตวงรสจูบนี้ไว้ตลอดไป

    มือเล็กของเขากอบกำเส้นผมสีน้ำตาลของน้องเขาเอาไว้แล้วบีบมันแน่น

    เพื่อเป็นการบอกให้จงอินได้รับรู้ว่าเขาพอใจกับจูบนี้มากเพียงใด

     

     

    หากแต่จูบแสนหวานนั้นก็ต้องมีการเลิกรา

    รอบข้างมีแต่เสียงประชาสัมพันธ์ที่ดังแว่วมาตักเตือนให้คยองซูต้องติดสินใจผละตัวออกจากอ้อมกอดของจงอินในที่สุด

    ผลักอกคนเป็นน้องแล้วปาดน้ำตา...แสรงยกยิ้มออกมา ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วในใจเขาไม่ได้ยิ้มเลยซักนิด...

     

     

    พ...พี่ต้องไปแล้วจงอิน

     

     

    คยองซูพูดก่อนจะลากกระเป๋าเดินจากไป...เขามองไปที่ดวงตาเว้าวอนของจงอินเป็นครั้งสุดท้าย

    แล้วจึงสะหัดหน้าหนีให้พ้นไปจากสายตาที่ทำให้แสนเจ็บปวดไปด้วยความรู้สึกผิดคู่นั้น

     

     

    ได้โปรดปล่อยพี่ไปเถอะจงอิน...

    อย่ารั้งพี่ไว้เพราะรอยจูบ และความทรงจำของเราสองคนเลยนะ

    ได้โปรด...ปล่อยให้พี่จากไป...

     

     

     

     

    คยองซูคว้ากระเป๋ามาถือไว้และเดินจ้ำอ้าวอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

    หากว่าเขาต้องอยู่ตรงนี้นานอีกซักนาทีหนึ่ง มันอาจจะทำให้เขาเปลี่ยนใจไม่ไปอังกฤษก็ได้

     

     

    คยองซูหันหลังวิ่งจากไปโดยไม่คิดจะหันกลับมา

    เพราะถ้าหากเขาเผลอหันไปมองจงอินแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อไหร่... เขาคงเลือกที่จะเดินกลับไปหาจงอินแน่ๆ

    และถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

    คยองซูร้องไห้จนตัวโยน และเริ่มออกวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว

     

     

    ทำไมนะ...ทำไมผมถึงต้องรู้สึกเสียใจ ทำไมถึงต้องร้องไห้ขนาดนี้

     

     

    คิดพลางปาดน้ำตาที่เริ่มไหลทะลักลงมาราวกับเขื่อนแตก

    เมื่อได้ยินคนเป็นน้องตะโกนออกมาสุดเสียง

     

     

    พี่สัญญาแล้วนะคยองซู...พี่สัญญาแล้ว!

    ผมจะรอพี่นะคยองซู ได้ยินไหม? ผมจะรอ!!!!

     

     

    จงอินตะโกนออกไปสุดเสียง น้ำตาไหลอาบแก้มนั้นทำให้เขาเสียงสั่นเครืออย่างช่วยไม่ได้

    กัดริมฝีปากอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นแผ่นหลังเล็กๆ ของคยองซูเดินหายวับเข้าไปในเกทโดยไม่หันมองกลับมาที่เขาอีกเลย

    .

    .

    .

     

    ไม่มี...แม้แต่สายตาที่หันกลับมามองที่เขาเลย แม้แต่นิดเดียว...

     

     

     

    *********

     

     

    แม้เวลาจะผ่านไปหลายนาที แต่จงอินก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน

    ในใจปรารถนาให้คยองซูเปลี่ยนใจ เขาภาวนาขอให้มีปาฏิหาริย์...

    เหมือนอย่างละครน้ำเน่าที่มักจะเปิดไปเจอเสมอในช่วงเวลาหลังข่าว

    ช่วงเวลาที่เขาเคยบอกว่ามันเพ้อเจ้อและไร้สาระ...

     

    ทั้งๆ ที่เขาเองไม่เคยเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้...แต่ในใจจงอินตอนนี้กลับหวังให้มันเกิดขึ้นจริงซักครั้งในตอนนี้

    เขาปรารถนาเหลือเกินที่จะให้คยองซูเดินกลับมาหาเขา...และบอกว่าจะไม่มีวันจากเขาไปไหนอีก...

     

    แต่ไม่เลย คยองซูไม่เดินออกมา มันผ่านไปนานจนน้ำตาของจงอินเริ่มแห้งเหือด

    จงอินลุกขึ้นปาดน้ำตาที่คั่งค้างอยู่บนใบหน้าก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากสนามบินไปอย่างเชื่องช้า

     

    ถึงตอนนี้จะไม่มีปาฏิหาริย์ แต่เขามั่นใจเหลือเกินว่าสุดท้ายคยองซูต้องกลับมา...

    จงอินรู้ว่าว่าคยองซูต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับจงอินแน่...

     

     

     

     

    .

     

     .

     

    .

     

     

     

     

     

     

     

    แต่คยองซูก็ไม่กลับมา...

     

     

     

    วันเวลาผ่านไปหนึ่งปี...และมันช่างเป็นหนึ่งปีที่ทรมานที่สุดในชีวิตของเขา

    หนึ่งปีที่จงอินต้องโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงาและไร้คยองซูยืนเคียงข้างกันเหมือนเช่นเคย...

     

    พ่อกับแม่เริ่มทำร้ายเขาบ่อยครั้งขึ้นกว่าเดิม...

    เพราะการที่เขาดันไปรู้จักกับคริสนั้นเป็นเรื่องไม่เข้าท่าในสายตาของพ่อกับแม่

    คริสมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักหรอกในสังคมธุรกิจ เพราะเขาทำธุรกิจกลางคืน

    และพ่อกับแม่ไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วยเลยที่จงอินจะไปมาหาสู่หรือรู้จักกับคนแบบนั้น

     

    จงอินต้องทนอยู่กับคำกระแหนะกระแหนประชดประชันที่คนเป็นแม่มอบให้

    ซ้ำยังต้องทนให้คนเป็นพ่อลงไม้ลงมือกับเขาให้ได้เจ็บปวดตลอดเวลาที่จงอินเริ่มต้นเถียง

    จงอินเกลียดพ่อและแม่เข้าไส้...เขามีชีวิตอยู่ได้ด้วยการรอคอยคำสัญญาของคยองซูเท่านั้น

     

    จนวันแห่งคำสัญญาได้เวียนมาถึง

    มันเป็นหนึ่งปีที่ทั้งสองคนให้สัญญากันไว้ และจงอินยังคงรักษาสัญญาเสมอ

     

    เมื่อถึงวันเกิดของจงอิน เขาจึงกลับไปรอคยองซูที่ร้านไอศกรีมร้านนั้น ตั้งแต่เช้าตรู่จนกระทั่งร้านปิด

    แต่คยองซูก็ไม่มา....

     

     

     

    จงอินไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะวันและเวลาในอังกฤษกับเวลาในเกาหลีไม่ตรงกัน หรือว่าเขาจงใจไม่มากันแน่

    จงอินจึงตัดสินใจไปนั่งรอที่ร้านอีกสองวัน เพื่อให้แน่ใจว่าคยองซูจะไม่ได้จำวันผิดไปอย่างที่เขาเข้าใจจริงๆ

    แต่ไม่มีวันไหนเลยซักวันที่คยองซูจะเดินเข้ามาในร้านและส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง

    ไม่มี...ไม่มีคยองซู ไม่มีใครทั้งนั้น

     

     

    จงอินรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง....

    เขารู้สึกเจ็บปวดที่เฝ้ารอคอยแต่คยองซู และยังคงเป็นเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

     

     

    ...แต่คยองซูกลับไม่รักษาสัญญา....

     

     

    วันนั้นเป็นวันที่จงอินรู้สึกว่าโดดเดี่ยวจริงๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา

    เมื่อเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของจงอิน ซึ่งเป็นคนรักและเป็นคนเดียวที่คิดว่าซื่อสัตย์กับเขา

    กลับกลายเป็นคนเดียวที่ทำให้จงอินต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ

     

     

     

     

     

    หลังจากวันนั้นมาจงอินต้องทนทรมาณอยู่กับโรคซึมเศร้าอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือน

    เขากลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ก้าวร้าว และ อารมณ์รุนแรงมากขึ้นหลายเท่าตัว

    มันทวีความรุนแรงมากขึ้น จนไม่มีใครในบ้านอยากจะสุงสิงหรือพูดคุยกับเขาอีกต่อไป...

    แม้แต่ป้าคิมที่เคยใจดีกับเขามาเสมอ ก็ยังไม่อยากจะรับรู้ถึงตัวตนของจงอินที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ

     

     

    จงอินต้องใช้เวลาเกือบปีเพื่อเยียวยารักษาตัวเองอย่างช้าๆ

    เขาต่อสู้กับมันเพียงลำพัง โดยที่ไม่มีแม้แต่ใครซักคนที่จะสนใจ

     

     

     

     

    จนเวลาผ่านไปอีกปี...จงอินก็ตัดสินใจที่จะกลับไปรอคยองซูที่ร้านไอศกรีมอีกครั้ง

    และสุดท้ายก็เป็นอีกครั้งที่คยองซูไม่รักษาสัญญา...

     

     

     

    ตั้งแต่วันนั้น...วันที่หัวใจของจงอินได้ถูกบีบจนแหลกสลาย...

    จงอินเรียนรู้ที่จะเลิกสนใจพ่อแม่และคยองซูไปได้ในที่สุด และหันมาสนใจเรื่องเรียนแทน

    เขาเริ่มวางแผนเล่นเกมส์ชีวิตของเขามาตั้งแต่วันนั้น...วางชีวิตในเกมส์ที่มีเขาเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง

    เกมส์ที่ทุกอย่างจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของจงอิน...

     

    จงอินฝันอยากจะเป็นแบบคริส  เขาอยากเปิดกิจการผับเหมือนคริส

    เพราะนอกจากจะทำรายได้มหาศาลในแต่ละวันแล้ว

    จงอินยังเห็นคริสเป็นที่นับหน้าถือตาของใครหลายคน และได้พบผู้คนมากหน้าหลายตาไม่ซ้ำอีกด้วย

     

     

    นี่แหละจะเป็นวิธีที่จะทำให้ฉันยืนได้โดยไม่ต้องพึ่งพ่อกับแม่อีกต่อไป

    ฉันจะหาเงินแล้วออกจากบ้าน จะสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง

    ฉันจะไม่ง้อแม้แต่เศษเงินจากคนอย่างพวกเขา...จงอินคิด

     

     

     

     

    จงอินทุ่มเรียนอย่างหนักโดยไม่คิดจะเหลือเวลาเอาไว้พักผ่อน

    เขาจัดตารางเวลาของตัวเองเพื่ออุทิศให้กับการเรียนและอ่านหนังสือ และมันก็ได้ผลมากมายเหลือเกิน...

    เพราะนอกจากเขาจะไม่เหลือเวลาให้ตัวเองได้คิดถึงเรื่องต่างๆ..ผลการเรียนของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย

     

     

     

    จงอินจบการศึกษาชั้นมัธยมด้วยคะแนนสูงสุด...แต่เป็นเกียรติยศที่ไม่มีแม้แต่เพื่อน หรือพ่อแม่มาร่วมยินดีด้วย

    แม้แต่ในวันรับประกาศนียบัตรจบการศึกษาของเขา ก็ไม่มีใครมาร่วมยินดีกับเขาแม้แต่คนเดียว

     

    สุดท้ายแล้วจงอินก็หยุดยิ้ม...เพราะเหมือนกับว่าเขาจะลืมวิธีการยิ้มไปเสียแล้ว

    ทุกอย่างในโลกของเขาช่างมืดหม่นเป็นสีเทา...และมันทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจ

    จงอินรู้สึกราวกับว่าสัตว์ร้ายที่เคยนอนนิ่งอยู่ในตัวเขานั้นกำลังตื่นขึ้นมาจากนิทราอันมืดมิด

    ราชสีห์...สิงห์หนุ่มผู้ไม่เคยยอมพ่ายให้ใคร เป็นที่หนึ่งของเผ่าพันธุ์และพร้อมจะทำทุกอย่างให้ได้มาเพื่ออำนาจ...

    และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะเรียกมันออกมา...

    ความดุร้ายและหยิ่งยะโสราวกับราชสีห์ของเขา...

     

     

     

     

    จงอินยังคงแวะเวียนไปหาคริสเป็นครั้งคราว และเขาเองก็มักจะได้รับคำสอนใหม่ๆ เสมอ

    คริสเป็นคนสอนให้เขากลับมายิ้มอีกครั้ง แต่ยิ้มที่จงอินได้เรียนรู้นั้นกลับไม่ใช่ยิ้มที่แสดงออกมาด้วยความยินดี

    แต่เป็นยิ้มจากการแสดงเพื่อให้เขาได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตต่างหาก...และจงอินก็ทำได้ดีเสียด้วย....

     

    เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเกี่ยวกับด้านธุรกิจชื่อดังในเกาหลีได้ด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง

    และก็ใช้การแสดงที่คริสสั่งสอนมา ทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในหมู่เพื่อน

    เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองขึ้นสู่อันดับหนึ่งโดยไม่ต้องหยุดคิด

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเลว...หากมันทำให้เขาได้กลายเป็นที่หนึ่งในทุกๆ ด้านเขาก็จะยอมทำ

    .

    .

    .

    จนสุดท้าย...จงอินก็จบจากมหาวิทยาลัยออกมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง

     

     

    *********

     

     

    ไม่นานนักพ่อกับแม่ก็เสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตก...

    ผู้คนต่างร่ำไห้เสียใจกับการจากไปของคนทั้งคู่...แต่ไม่ใช่จงอิน แน่นอนว่าเขาไม่คิดเสียใจเลย...

    เขาจัดตกแต่งงานศพของพ่อกับแม่ให้สมฐานะ และแสดงละครเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต

    จงอินปล่อยให้หยดน้ำตาไหลลงมาอาบหน้าได้ทั้งวัน แต่มันไม่ใช่เพราะว่าเขาเสียใจหรอก

    ดีใจเสียเต็มประดาต่างหากที่คนใจดำทั้งสองคนตายจากไปเสียได้

    เพราะถึงอยู่ไปเขาก็ไม่มาดูดำดูดีอะไรกับจงอินอยู่แล้ว....

     

     

    และนับจากนั้นมาเขาก็เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นไค เขาตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่พ่อแม่ให้มานับจากวันนั้น

    ไม่ว่าจะเป็นคิมจงอินคนเดิม ความอ่อนแอ หรือความทรงจำเลวร้ายทุกอย่างในชีวิต

    เขาฝังมันลงดินไปพร้อมกับพ่อแม่ของเขา

    แล้วเขาสาบานว่าจะปล่อยให้มันจมดินอยู่อย่างนั้นไปจนชั่วกัลปาวสาน...

     

     

     

     

     

    ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ได้ตกทอดมา ไคเองไม่คิดจะแตะต้องมันซักสตางค์แดงเดียว

    เขาตัดสินใจยกส่วนหนึ่งให้ป้าคิมและคนสวนไป เพื่อเป็นรางวัลที่ทำงานให้ครอบครัวของเขามานาน

    แต่เหตุผลจริงๆ ของไคก็คือ...ให้เป็นรางวัลที่ไม่เคยเอาเรื่องเลวร้ายในบ้านหลังนี้ไปขายให้กับพวกสื่อต่างหาก

    ไคกำลังซื้อใจพวกเขา...เพราะพวกเขายังคงต้องปิดบังความร้ายกาจของไคต่อไป

     

     

    *********

     

     

    ไม่นานนักคริสก็ปิดกิจการผับและย้ายไปเมืองนอกกะทันหัน...ผู้คนมากมายส่งเสียงฮือฮากับข่าวที่ออกจะปุปปัป

    ไม่มีใครรู้ว่าคริสปิดกิจการเพราะอะไร เพราะผับของเขามีคนมากมายหลั่งไหลกันเข้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย

    แถมยังเป็นผับที่ดังมากๆ ในโซล เพราะฉะนั้นแล้วมันไม่มีทางจะปิดตัวลงเพราะพิษเศรษฐกิจอย่างแน่นอน

    คริสไม่มีหนี้สินและไม่มีบ้านที่ไหนเลย เอาง่ายๆก็คือ...เขาไม่มีข้อมูลที่ไหนเลยนอกจากเป็นเจ้าของกิจการผับแห่งนี้

     

     

    ลูกจ้างหลายๆ คนตกงานและพากันสาปแช่งคริสอู๋

    ก็ใครจะคิดว่าผับที่เคยคึกคักและรุ่งเรือง อยู่ๆวันรุ่งขึ้นก็ปิดกิจการโดยไม่บอกไม่กล่าวให้ได้รู้ล่วงหน้ามาก่อนกันล่ะ...

    ทุกคนต่างพากันคิดว่าไครู้สาเหตุ แต่เอาจริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่าทุกคนหรอก

    เพราะคริสเองก็ไม่แม้แต่จะทิ้งข้อความอะไรเอาไว้ให้เขาเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

     

    ถึงไคจะโกรธแต่เขาก็เข้าใจคริส เพราะตั้งแต่ต้นคริสก็พยายามที่จะไม่ให้ความสนิทสนมกับเขามากมายอยู่แล้ว

    คริสให้คำจำกัดความของตัวเองอยู่ในฐานะเพื่อนที่คอยพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวเลวร้ายกับเด็กที่ชื่อจงอิน

    หรืออาจจะเรียกว่า ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ที่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายเหมือนกับตัวเองก็คงไม่ผิดแปลกไปหรอก

    แต่ก็นั่นแหละ...สุดท้ายแล้วคริสก็เดินออกไปจากชีวิตของไคไปอีกคน

     

     

    *********

     

     

    หลังจากผ่านไปเกือบปีกับการตายของพ่อแม่

    ไคก็ตัดสินใจที่จะใช้เงินมรดกเป็นครั้งแรกกับการลงทุนซื้อกิจการต่อจากคริส

    ที่ถูกเอาไปขายทอดตลาดด้วยราคาสูงลิบลิ่วจนไม่เคยมีใครกล้าคิดจะซื้อ

     

    เขาปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ใหญ่โตยิ่งขึ้น

    และใช้ความรู้ที่ได้มาจากตำแหน่งเกียรตินิยมของเขามาบริหารดูแลงานเป็นอย่างดี

    และกิจการก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง...

     

    ไม่นานนัก ไคก็กว้านซื้อร้านค้าในบริเวณรอบๆ ผับของเขาเพื่อเปลี่ยนมันเป็นโรงแรมห้าดาวและเปิดคาสิโนที่ชั้นใต้ดิน

    เขาเปลี่ยนทัศนียภาพจากตรอกแคบๆ โทรมๆ ที่มีชื่อด้านกิจการกลางคืน

    ให้กลายเป็นที่ดินธุรกิจทำเลทองได้ในเพียงเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น...

    กิจการทุกอย่างสำเร็จและดังเป็นพลุแตก เขาขยายสาขาไปทั่วทั้งเกาหลี จนกระทั่งต่อมา...ก็ขยายไปทั่วเอเชีย

    ชื่อเสียงของมิสเตอร์ไคดังกระฉ่อน...

    เพราะเป็นนักธุรกิจหนุ่มคนแรกที่สามารถขึ้นมายืนอยู่บนเส้นทางธุรกิจด้วยอายุแค่เพียง 23 ปีเท่านั้น...

     

     

    เขามีเงินมากมายมหาศาล และมีผู้หญิงผู้ชายเข้ามาพัวพันในชีวิตหลายคน

    เขาเปลี่ยนคู่นอนตามความพอใจ...และให้ค่าขนมไว้ใช้จ่ายสำหรับคนพวกนั้น

    เขามีเพื่อนอยู่บ้าง...แต่ก็ไม่เคยจริงใจกับใครเลยแม้แต่คนเดียว

     

    เพราะถึงเวลาจะผ่านมานานหลายปี แต่คำสอนของคริสก็ยังดังก้องอยู่ในหัวของเขาเสมอ

    แต่ถึงแม้ไม่ต้องจดจำมัน ไคก็ใช้ชีวิตตามแบบคำสอนพวกนั้นอยู่แล้ว

     

     

    เขากลายเป็นคาสโนว่าเต็มรูปแบบ และเป็นนักธุรกิจที่เก่งฉกาจในเวลาเดียวกัน

    เขามีทั้งแง่ดีและแง่ร้ายให้พวกนักข่าวชอบคุ้ยเขี่ยได้เอาไปเขียนข่าวเล่นเสมอ

    แต่ทุกอย่างไม่ได้ทำให้ชีวิตของไคแย่ลงเลย...เขามีแต่รวยขึ้น ร้ายกาจขึ้น และหยิ่งทะนงมากยิ่งขึ้น

    จนเหมือนว่าทุกอย่างที่เขาต้องการและปรารถนาจะมาสยบแทบเท้าเขาไปเสียหมด

    เกมส์ชีวิตของไคราบรื่นและสวยงาม เกมส์ทุกอย่างเป็นไปตามการควบคุมของเขาเสมอ

     

     

     

     

    จนกระทั่งชีวิตมันก็วนเวียนกลับมาถึงวันที่เขาเริ่มสูญเสียการควบคุมจนได้...

    ไครู้สึกว่าเรื่องนี้มันช่างน่าตลกเสียเหลือเกิน...เพราะสุดท้ายแล้วไคก็ได้ย้อนกลับมาวันที่เขาต้องอ่อนแออีกครั้ง

    วันที่ทุกอย่างดูจะทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนเปลี้ยและไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินตามเกมส์ที่วางไว้

     

     

    ใครจะคิดว่าราชสีห์อย่างมิสเตอร์คิม ไครา...เศรษฐีหนุ่มผู้หยิ่งทะนง

    จะต้องกลับมาเป็นลูกหนูตัวกระจ้อยให้ผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งกุมชีวิตและหัวใจของเขาเอาไว้ในกำมือ...

    และถ้าหากเขาบีบมันเมื่อไหร่...ไคจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคำพิพากษาของเขา

     

     

    หัวใจของไค...หัวใจที่เย็นชาและแข็งแกร่งดุจเพชรน้ำงามที่ถูกเจียระไนอย่างหัวใจของเขา

    มันกลับกลายมาเป็นเพียงแค่ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่เต้นอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงและพร้อมจะหยุดเต้นได้ทุกเมื่อ

    จากผู้ชายที่แข็งแกร่งและเคยเป็นเจ้าชีวิตของใครหลายๆ คน...

    กลับต้องกลายมาเป็นเพียงทาสที่ถูกจองจำไว้ในคุกที่เต็มไปด้วยความมืดมิดไร้แสงสว่าง

     

     

     

    ใช่...ไคกำลังเป็นอย่างนั้น และเขากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับมัน...

    มันคือเวลานี้   วันนี้  ชั่วโมงนี้...และตอนนี้

     

     

     






     

     




    TALK



    ช่วงนี้นมน.ไม่ค่อยสบายค่ะ...
    ขอลงไว้ยาวๆ แล้วหายไปซักสองสามวันเพื่อพักฟื้นนะคะ
    ไว้ถ้าหายสนิทเมื่อไหร่นมน.จะสัญญาว่าเข้ามาอัพต่อให้อย่างไวเลยนะคะ

    รักรีดเดอร์ :)




     

    Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×