ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : J Rock City : SID Tonw มารู้จักกับวง SID กันอีกซักครั้ง
SID
(เอาล่ะคับ ต่อไปนี้จาพามารู้จัก กับ พวกเค้า วง SID กัน
ซึ่งวงนี้ก็วงโปรดผมเหมือกันคับ ฮะๆ เพลงเค้าดีจิง)
ซิด (SID) เป็นวงวิช่วลร็อคที่ถือกำเนิดจากโปรดักชั่นอย่าง แดนเจอร์ ครู เรคคอร์ด (Danger Crue Records) หรือที่รู้จักกันในนาม DC สังกัดเดียวกับรุ่นพี่ในค่ายอย่างลาร์คอองเซียล (L’arc~en~Ciel) ซึ่งเป็นศิลปินญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในบ้านเรา
แนวเพลงของพวกเขายากที่จะจำกัดว่าเป็นแนวเพลงแบบใด ราวกับเป็นวงดนตรีที่รักจะทดลองกับเสียงเพลงเรื่อยไป ทั้ง ร็อค, ป๊อป, แด๊นซ์, แจ๊ซ, พังค์ ,บัลลาด และกลิ่นอายของเมดิเตอร์เรเนียน แต่พวกเขากลับสร้างความลงตัวในการผสมผสานความแตกต่างของแนวเพลงต่างๆ จนเป็นเอกลักษณ์ที่ตั้งอยู่บนความหลากหลายของซิด
ซิดตั้งขึ้นในปี 2003 โดยร้องนำมาโอะ (Mao) และมือเบสอากิ (Aki) และมีสมาชิกซัพพอร์ตอีกสองคนร่วมด้วยคือ มือกีต้าร์ชินจิ (Shinji) และมือกลองยูยะ (Yuya) ทั้ง 4 คน ได้ออกผลงานชิ้นแรกในรูปแบบของ MD ในเดือนสิงหาคมของปีนั้น คือ Yoshigai Manabu 17 sai (mushoku) แต่วันที่ซิดมีสมาชิกครบวงจริงๆนั้นคือ วันที่ 14 มกราคม ของปีถัดมา ซึ่งถูกประกาศในไลฟ์ที่ Meguro Rock May Kan โดยชินจิและยูยะอยู่ในฐานะสมาชิกวงเต็มตัว
เมื่อมีสมาชิกวงครบยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเขาก็ได้ออกซิงเกิ้ลแรกในเดือนมีนาคม ที่ชื่อว่า Kaijou-Ban ก่อนที่จะได้รับเชิญไปแสดงในงาน American convention ACEN (Anime Central) และได้รับเสียงตอบรับที่ดี เพิ่มจำนวนแฟนเพลงต่างประเทศ นอกจากนี้พวกเขายังแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่สักวันจะกลับมาแสดงที่อเมริกาอีกครั้ง
ในปลายปี 2004 ซิดกลับมาอีกครั้งด้วยการปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกเร็นไอ (Renai) และได้ร่วมแสดงในไลฟ์ Tenka คอนเสิร์ตรวมค่ายของ Danger Crue ซึ่งจะจัดในช่วงวันคริสต์มาสของทุกปี (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นชื่อคอนเสิร์ต Jack In The Box แทน) และนอกจากนี้ยังได้แสดงไลฟ์ที่นิตยสาร FOOL’S MATE เป็นผู้สนับสนุนในปีต่อมา รวมถึงคอนเสิร์ต one-man tour ครั้งแรกของพวกเขาด้วย และตามด้วยการออกอัลบั้มชุดที่สอง โฮชิโนะมิยาโกะ (Hoshi no Miyako) ในปี 2005
ในปี 2006 เป็นปีที่ทำให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านการติดอันดับท็อป 10 จากโอริคอนชาร์ต ด้วยซิงเกิ้ล Chapter1 ที่ออกมาในหน้าร้อนปีนั้น และได้เปิดการแสดงที่ Nippon Budokan แม้จะยังอยู่ในฐานะวงอินดี้ก็ตาม ส่งท้ายปีด้วยการออกอัลบั้มเต็มชุดที่สาม Play ซึ่งขึ้นอันดับโอริคอนชาร์ตถึงอันดับที่ 9 ด้วย
ปี 2007 พวกเขาได้ออกซิงเกิ้ลจำนวนมาก และเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะซิงเกิ้ล Mitsuyubi ที่ออกในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกของวงที่ขึ้นไปถึงท็อป 5 ของโอริคอนชาร์ต และในปี 2008 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พวกเขาก็ได้ออกผลงานใหม่อีกครั้ง คืออัลบั้มที่ 4 ในชื่อว่า Sentimental Macchiato ที่ขึ้นไปติดโอริคอนชาร์ทที่อันดับ 6 และเริ่มส่งเค้าสัญญาณถึงการเมเจอร์เดบิวต์
ในปลายเดือนตุลาคม 2008 ในที่สุดพวกเขาก็ได้ประกาศการเป็นศิลปินเต็มตัวของพวกเขาทั้ง 4 ภายใต้สังกัด SONY MUSIC ด้วยซิงเกิ้ล Monokuro no Kiss ที่ได้รับเกียรติให้เป็นเพลงเปิดอนิเมชั่นเรื่องดังอย่าง คุโรชิทสึจิ (Kuroshitsuji) หรือที่รู้จักกันดีในบ้านเราภายใต้ชื่อ แบล็ค บัทเลอร์ (Black Butler) และสามารถคว้าอันดับ 4 ของโอริคอนชาร์ตมาได้ และต่อจากนั้นเพียงไม่กี่วัน คอนเสิร์ตเมเจอร์เดบิวต์ของซิดถูกจัดขึ้นที่ Nippon Budokan และตั๋วทุกที่นั่งถูกขายหมดในเวลาไม่ถึง 3 นาที ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับพวกเขาและวงการเพลงญี่ปุ่น
ซิงเกิ้ลต่อมาของพวกเขาออกมาในเดือนมกราคมปี 2009 ภายใต้ชื่อ Nidome no Kanojo และเป็นครั้งแรกที่ซิดขึ้นไปถึงท็อป 3 ของโอริคอนชาร์ต ต่อจากนั้นในเดือนเมษายนก็ได้ออกซิงเกิ้ลที่ 3 หลังจากเมเจอร์เดบิวต์ในชื่อ Uso เป็นอีกครั้งที่เพลงของพวกเขาได้รับเกียรติให้เป็นเพลงประกอบอนิเมชั่นเรื่องดังอย่าง Fullmetal Alchemist จนสามารถคว้าอันดับ 2 ของโอริคอนชาร์ตมาได้จากซิงเกิ้ลนี้ หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ซิดก็ได้ออกอัลบั้มที่ 5 มีชื่อว่า Hikari และต่อด้วยซิงเกิ้ล One Way ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คว้าอันดับ 3 จากโอริคอนชาร์ตได้อย่างเคย
แม้ในญี่ปุ่นซิดจะได้รับการขนานนามว่า “Post Laruku” (ลาร์ครุ่นหลัง)
หรือ Ikemen Band (วงหน้าตาดี) แต่ไลฟ์คอนเสิร์ตที่พวกเขากำลังจะจัดขึ้นต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
กลับเป็นไลฟ์ที่มีคอนเซ็ปต์ว่า “จำกัดคนเข้าเฉพาะผู้ชายเท่านั้น” เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ถึงความสามารถ และกระแสความมาแรงของพวกเขา ที่ไม่ได้ถือว่า
“ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นน้องศิลปินดัง” หรือ “ดังเพราะหน้าตา”
(โหย อย่างเจ๋ง ความคิด)
ต่อจากนี้ก็ยังจะมีผลงานของพวกเขาออกมาอีกทั้งในรูปแบบดีวีดีในเดือนกุมภาพันธ์ภายใต้ชื่อ LIVE DVD “SIDNAD Vol.4 ~TOUR 2009 hikari” และซิงเกิ้ล Sleep ที่กำหนดวันวางแผงในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ คงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า วันที่ทั้ง 4 หนุ่มจะสามารถพิชิตอันดับ 1 ของโอริคอนชาร์ตจะมาถึงเมื่อใด
ตอนต่อไปเป็น ประวัติสมาชิกวงนะคับ
THANK
(เอาล่ะคับ ต่อไปนี้จาพามารู้จัก กับ พวกเค้า วง SID กัน
ซึ่งวงนี้ก็วงโปรดผมเหมือกันคับ ฮะๆ เพลงเค้าดีจิง)
ซิด (SID) เป็นวงวิช่วลร็อคที่ถือกำเนิดจากโปรดักชั่นอย่าง แดนเจอร์ ครู เรคคอร์ด (Danger Crue Records) หรือที่รู้จักกันในนาม DC สังกัดเดียวกับรุ่นพี่ในค่ายอย่างลาร์คอองเซียล (L’arc~en~Ciel) ซึ่งเป็นศิลปินญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในบ้านเรา
แนวเพลงของพวกเขายากที่จะจำกัดว่าเป็นแนวเพลงแบบใด ราวกับเป็นวงดนตรีที่รักจะทดลองกับเสียงเพลงเรื่อยไป ทั้ง ร็อค, ป๊อป, แด๊นซ์, แจ๊ซ, พังค์ ,บัลลาด และกลิ่นอายของเมดิเตอร์เรเนียน แต่พวกเขากลับสร้างความลงตัวในการผสมผสานความแตกต่างของแนวเพลงต่างๆ จนเป็นเอกลักษณ์ที่ตั้งอยู่บนความหลากหลายของซิด
ซิดตั้งขึ้นในปี 2003 โดยร้องนำมาโอะ (Mao) และมือเบสอากิ (Aki) และมีสมาชิกซัพพอร์ตอีกสองคนร่วมด้วยคือ มือกีต้าร์ชินจิ (Shinji) และมือกลองยูยะ (Yuya) ทั้ง 4 คน ได้ออกผลงานชิ้นแรกในรูปแบบของ MD ในเดือนสิงหาคมของปีนั้น คือ Yoshigai Manabu 17 sai (mushoku) แต่วันที่ซิดมีสมาชิกครบวงจริงๆนั้นคือ วันที่ 14 มกราคม ของปีถัดมา ซึ่งถูกประกาศในไลฟ์ที่ Meguro Rock May Kan โดยชินจิและยูยะอยู่ในฐานะสมาชิกวงเต็มตัว
เมื่อมีสมาชิกวงครบยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเขาก็ได้ออกซิงเกิ้ลแรกในเดือนมีนาคม ที่ชื่อว่า Kaijou-Ban ก่อนที่จะได้รับเชิญไปแสดงในงาน American convention ACEN (Anime Central) และได้รับเสียงตอบรับที่ดี เพิ่มจำนวนแฟนเพลงต่างประเทศ นอกจากนี้พวกเขายังแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่สักวันจะกลับมาแสดงที่อเมริกาอีกครั้ง
ในปลายปี 2004 ซิดกลับมาอีกครั้งด้วยการปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกเร็นไอ (Renai) และได้ร่วมแสดงในไลฟ์ Tenka คอนเสิร์ตรวมค่ายของ Danger Crue ซึ่งจะจัดในช่วงวันคริสต์มาสของทุกปี (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นชื่อคอนเสิร์ต Jack In The Box แทน) และนอกจากนี้ยังได้แสดงไลฟ์ที่นิตยสาร FOOL’S MATE เป็นผู้สนับสนุนในปีต่อมา รวมถึงคอนเสิร์ต one-man tour ครั้งแรกของพวกเขาด้วย และตามด้วยการออกอัลบั้มชุดที่สอง โฮชิโนะมิยาโกะ (Hoshi no Miyako) ในปี 2005
ในปี 2006 เป็นปีที่ทำให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านการติดอันดับท็อป 10 จากโอริคอนชาร์ต ด้วยซิงเกิ้ล Chapter1 ที่ออกมาในหน้าร้อนปีนั้น และได้เปิดการแสดงที่ Nippon Budokan แม้จะยังอยู่ในฐานะวงอินดี้ก็ตาม ส่งท้ายปีด้วยการออกอัลบั้มเต็มชุดที่สาม Play ซึ่งขึ้นอันดับโอริคอนชาร์ตถึงอันดับที่ 9 ด้วย
ปี 2007 พวกเขาได้ออกซิงเกิ้ลจำนวนมาก และเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะซิงเกิ้ล Mitsuyubi ที่ออกในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกของวงที่ขึ้นไปถึงท็อป 5 ของโอริคอนชาร์ต และในปี 2008 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พวกเขาก็ได้ออกผลงานใหม่อีกครั้ง คืออัลบั้มที่ 4 ในชื่อว่า Sentimental Macchiato ที่ขึ้นไปติดโอริคอนชาร์ทที่อันดับ 6 และเริ่มส่งเค้าสัญญาณถึงการเมเจอร์เดบิวต์
ในปลายเดือนตุลาคม 2008 ในที่สุดพวกเขาก็ได้ประกาศการเป็นศิลปินเต็มตัวของพวกเขาทั้ง 4 ภายใต้สังกัด SONY MUSIC ด้วยซิงเกิ้ล Monokuro no Kiss ที่ได้รับเกียรติให้เป็นเพลงเปิดอนิเมชั่นเรื่องดังอย่าง คุโรชิทสึจิ (Kuroshitsuji) หรือที่รู้จักกันดีในบ้านเราภายใต้ชื่อ แบล็ค บัทเลอร์ (Black Butler) และสามารถคว้าอันดับ 4 ของโอริคอนชาร์ตมาได้ และต่อจากนั้นเพียงไม่กี่วัน คอนเสิร์ตเมเจอร์เดบิวต์ของซิดถูกจัดขึ้นที่ Nippon Budokan และตั๋วทุกที่นั่งถูกขายหมดในเวลาไม่ถึง 3 นาที ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับพวกเขาและวงการเพลงญี่ปุ่น
ซิงเกิ้ลต่อมาของพวกเขาออกมาในเดือนมกราคมปี 2009 ภายใต้ชื่อ Nidome no Kanojo และเป็นครั้งแรกที่ซิดขึ้นไปถึงท็อป 3 ของโอริคอนชาร์ต ต่อจากนั้นในเดือนเมษายนก็ได้ออกซิงเกิ้ลที่ 3 หลังจากเมเจอร์เดบิวต์ในชื่อ Uso เป็นอีกครั้งที่เพลงของพวกเขาได้รับเกียรติให้เป็นเพลงประกอบอนิเมชั่นเรื่องดังอย่าง Fullmetal Alchemist จนสามารถคว้าอันดับ 2 ของโอริคอนชาร์ตมาได้จากซิงเกิ้ลนี้ หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ซิดก็ได้ออกอัลบั้มที่ 5 มีชื่อว่า Hikari และต่อด้วยซิงเกิ้ล One Way ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คว้าอันดับ 3 จากโอริคอนชาร์ตได้อย่างเคย
แม้ในญี่ปุ่นซิดจะได้รับการขนานนามว่า “Post Laruku” (ลาร์ครุ่นหลัง)
หรือ Ikemen Band (วงหน้าตาดี) แต่ไลฟ์คอนเสิร์ตที่พวกเขากำลังจะจัดขึ้นต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
กลับเป็นไลฟ์ที่มีคอนเซ็ปต์ว่า “จำกัดคนเข้าเฉพาะผู้ชายเท่านั้น” เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ถึงความสามารถ และกระแสความมาแรงของพวกเขา ที่ไม่ได้ถือว่า
“ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นน้องศิลปินดัง” หรือ “ดังเพราะหน้าตา”
(โหย อย่างเจ๋ง ความคิด)
ต่อจากนี้ก็ยังจะมีผลงานของพวกเขาออกมาอีกทั้งในรูปแบบดีวีดีในเดือนกุมภาพันธ์ภายใต้ชื่อ LIVE DVD “SIDNAD Vol.4 ~TOUR 2009 hikari” และซิงเกิ้ล Sleep ที่กำหนดวันวางแผงในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ คงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า วันที่ทั้ง 4 หนุ่มจะสามารถพิชิตอันดับ 1 ของโอริคอนชาร์ตจะมาถึงเมื่อใด
ตอนต่อไปเป็น ประวัติสมาชิกวงนะคับ
THANK
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น