ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short Fic AllChen inlove

    ลำดับตอนที่ #16 : คู่เดต (KrisChen) 1 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 362
      5
      6 ต.ค. 57

    Kris Part

     ผมชื่อ อู๋อี้ฟานครับ เป็นพ่อม่ายลูกสอง ภรรยาของผมเพิ่งเสียไปเมื่อปีที่แล้วด้วยโรคร้าย ทำให้ผมรู้สึกเดียวดายเหงาหงอย ถึงแม้จะมีลูกชายวัย7ขวบ กับลูกสาววัย5ขวบเป็นเพื่อนเล่นก็เถอะ แต่ก็ไม่อาจหักห้ามใจให้คิดถึงเธอได้เลย ผมได้แต่ร้องไห้ในใจ เพราะยังคงทำใจไม่ได้

     ลูกชายของผมชื่อ อี้ชิง ส่วนลูกสาวชื่อ ลี่อิน สองคนนี้เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจที่ผมต้องการรักษาเอาไว้ไม่ให้พรากจาก เพราะเขามีหน้าตาเหมือนกับภรรยาที่ผมตัดขาดไม่ได้มาก แต่ผมก็ต้องพยายาม…..พยายามลืมเรื่องนั้น เพื่ออยู่บนโลกนี้ให้ได้

     อาชีพของผมคือ สถาปนิก ซึ่งได้เงินมหาศาลเป็นค่าใช้ชีวิต แต่ผมคิดว่ามันเป็นเพียงสิ่งที่ให้ผมมีความสุขเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะมันไม่สามารถแทนเธอผู้จากไปได้……………………………………

     ผู้หญิงแสนสวยที่ผมได้พบเจอเขาตอนที่ผมไปออกแบบสร้างตึกที่คุณพ่อของเธอ ซึ่งเป็นเจ้าของอสัมหาริมทรัพย์ที่ประเทศจีนต้องการสร้างให้มันเป็นห้างสรรพสินค้า ผมจึงได้เจอเธอในขณะที่เธอกำลังเดินดูงานอยู่กับคุณพ่อ…………..เธอช่างสง่างามยิ่ง

     “เฉียน พ่อจะแนะนำให้เธอรู้จักกับคุณสถาปนิกคนเก่ง นื่คือคุณอี้ฟาน” คุณซ่งแนะนำผมให้ลูกสาวที่อยู่ข้างหลังของท่าน เธอยิ้มแล้วทักทายตามมารยาท

    “สวัสดีค่ะ คุณอี้ฟาน ดิฉัน ซ่ง เฉียน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เธอบอก  คุณเฉียน คุณช่างสวยยิ่งนัก

    หน้าตาของเธอไม่ได้แต่งเติมด้วยเครื่องสำอาง ความงดงามจึงเกิดจากธรรมชาติแท้ๆ กับรอยยิ้มหวานๆที่เธอให้แก่ผม มันทำให้ผมตกอยู่ในภวังค์รักชั่วครู่…………

     

    หลังจากวันนั้น ความใกล้ชิดสนิทสนมของเราสองคนก็มีมากขึ้น พวกเราสามารถไปกินข้าวด้วยกัน คุยกันอย่างเพื่อน จนกลายเป็น ‘Best Friend’ ของกันและกัน จนกระทั่งผมตัดสินใจบอกความในใจแก่เธอด้วยความกล้าที่รวมพลังมาตั้งแต่พบเจอ กันครั้งแรก

    “ผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะ” และมันก็สำเร็จ เธอตกลงและแต่งงานกับผมโดยไม่มีข้อกังขาหรือข้อครหาอะไรทั้งสิ้น

     

    เธอคลอดลูกชายให้ผมคนแรก ก่อนที่จะคลอดลูกสาวอีก2ปีให้หลัง แต่ก็เจ็บปวดออดๆแอดๆมาตั้งแต่ลี่อินอายุได้2ขวบ จากคนที่แข็งแร็งกลายเป็นคนที่อ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรง จนผมต้องเข้าออกพยาบาลเพื่อนำเธอไปส่ง ก่อนที่จะพบว่าเธอเป็น ‘ALS’ หรือ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั่นเอง!.........................แล้วเธอก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

    “อี้ฟาน” เสียงเรียกอันแผ่วเบาอย่างไร้เรียวแรงของหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังหลับตาเพราะตาไม่มีแรงเปิด ผมจึงต้องกำมือเธอไว้เพื่อบอกว่ารับรู้

    “ฉันรักคุณกับลูกมากนะ…..” เธอพูดแล้วเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะส่งรอยยิ้มซึ่งคาดว่ามันอาจจะมาจากแรงพลังในใจของเธอที่ต้องการจะส่งยิ้มให้ผมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ชีพจรจะหาย หัวใจหยุดเต้น…………..เสียชีวิต

     

    ผมมานั่งรอโรงเรียนลูกเลิกอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง มีชื่อว่า ‘J.Kim’ ที่มีทั้งเค้กทั้งไอศกรีม มันเป็นร้านใหญ่มาก แต่ราคาถูกจริงๆ เอ้อ! ผมลืมบอกไปว่าผมย้ายจากจีนมาเกาหลี เพราะที่ทำงานของผมต้องการให้ผมมาอยู่ที่นี่ เพื่อเป็นการโปรโมทบริษัทไปในตัว ผมจึงต้องมาทำงานในกรุงโซลแล้วก็มาเจอกับร้านนี้ ซึ่งผมกลายเป็นลูกค้าประจำ เวลาเดินเข้าร้านแต่ละที คนขายก็จะมองและทักทายอย่างเป็นมิตร จำชื่อกาแฟที่ผมสั่งได้หมด

    “แอ๊ด” เสียงประตูของร้านถูกเปิด ผมรีบหันไปมองบุคคลผู้มาเยือน เขาเป็นผู้ชายร่างเพรียวกำลังถือช่อดอกไม้เข้ามาในร้าน ผมพินิจเพ่งใบหน้าของคนผู้นั้น เพราะรู้สึกคุ้นหน้าเหลือเกิน เขาก็เช่นกัน หยุดยืนนิ่งเล่นเกมจ้องตากับผมนานอยู่อย่างนั้น แล้วผมก็นึกขึ้นได้!

    “จงแด/อี้ฟาน!” ผมกับเขาร้องพร้อมกัน ใช่แล้ว! เขาคือจงแด ผู้ชายที่ผมเคยเดตด้วยเมื่อ10กว่าปีก่อน

    “นายเป็นไงมั่ง สบายดีมั้ย” จงแดกล่าว พลางถือดอกไม้ไปให้ลูกน้องคนสนิทอย่าง มินซอก จัดแจกัน

    “ก็สบายดี แล้วนายล่ะ” ผมถามกลับ

    “สบายดีเช่นกัน นายย้ายมาอยู่นี้แล้วเหรอ”

    “ใช่ ฉันต้องมาทำงานที่นี่ ก็เลยย้ายจากจีนมากอยู่เกาหลีนี่ล่ะ” ผมบอก เขาจึงยิ้มให้ผม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

    “โอ๊ะ! ต้องรีบไปรับลูกที่โรงเรียนsmtownแล้วสิ” ผมพูด เมื่อมองนาฬิกาที่ถึงเวลาต้องรับเด็กๆกลับบ้าน

    “นี่นายแต่งงานแล้วเหรอ” เขาถามผม ผมจึงพยักหน้า

    “อือๆ สองคน”

    “เหมือนฉันเลย ฉันก็ต้องไปรับลูกสองคนนั้นเหมือนกัน”  เขาบอก ผมจึงรู้เลยว่าเขาแต่งงานแล้วเช่นกัน

    “งั้นไปพร้อมฉันมั้ยล่ะ จงแด นายจะได้ไม่ยาก” ผมชวน

    “งั้นเหรอ ขอบใจมากนะ ไปกันเถอะเดี๋ยวลูกๆจะรอ” แล้วผมกับเขาก็เดินไปขึ้นรถของผม และออกรถไปรับเจ้าตัวแสบกันสองคน

     

    “พ่อทำไมวันนี้มารับช้าล่ะฮะ” เจ้าอี้ชิง เด็กป.1 ลูกชายคนโตของผมถาม แล้วมองจงแดด้วยความสงสัย

    “โทษที พ่อเพลินไปหน่อย อ้อ! นี่คุณน้าจงแด เพื่อนของพ่อ” เมื่อผมแนะนำ อี้ชิงจึงทักทายจงแดด้วยรอยยิ้มน่ารักที่คล้ายกับแม่ของเขา

    “สวัสดีครับ คุณน้าใช่พ่อของเซฮุนหรือเปล่า”

    “ใช่ครับ หนูเป็นเพื่อนของเซฮุนเหรอ”

    “ครับ นั่นไงเซฮุนมาแล้ว!  อี้ชิงชี้ไปที่เด็กชายหน้าตาน่ารักอีกคนที่กำลังเดินเข้ามาหาจงแด แล้วส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยแก่ผม

    “เซฮุนอ่า…..นี่คุณลุงอี้ฟาน เพื่อนของพ่อ”

    “สวัสดีครับ โย่!อี้ชิง” เด็กทั้งสองทักทายกันอย่างน่ารัก ผมกับจงแดมองแล้วก็ยิ้มตาม

    “บังเอิญจริงๆที่ลูกของเราเป็นเพื่อนกัน” จงแดว่า

    “อืม….พรหมลิขิตมากกว่ามั้ง? อุ้บ!” ผมรีบปิดปากโดยพลัน เพราะสังเกตเห็นหน้าที่กำลังแดงด้วยความเขินอายของจงแด  ความจริงถ้าผมกับเขาไม่ปฏิเสธกันและกันก็คงจะได้เป็นคนรักกันไปนานแล้ว

    “โอ๊ะ ใช่สิ! ลืมเจ้าตัวเล็ก!” ผมกับจงแดพูดขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง ก่อนที่จะพาเจ้าลูกคนโตของเราทั้งสอง(?) ไปที่อาคารเด็กเล็กของโรงเรียน  

    เมื่อพวกเราไปถึง ก็พบว่ามีคนไม่กี่คนอยู่ในอาคารนั้น สองในนั้นคือ ลื่อิน ลูกสาวของผม และ ซึงฮวาน ลูกสาวของจงแด

     

     

     

    “พ่อทำไมมารับลี่อิน/ซึงฮวานช้าจังคะ” เด็กสองคนนั้นกล่าว ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พวกเราทั้งสองจึงรีบเข้าไปอุ้ม แล้วขอโทษขอโพยกันยกใหญ่ โชคดีที่เจ้าตัวเล็กของพวกเราไม่งอแง จึงขึ้นรถกลับบ้านกันอย่างมีความสุข แม้เซฮุนกับซึงฮวานจะรู้สึกสงสัยในรถผมไม่น้อย เพราะคงจะไม่คุ้น แต่เพราะสองคนนี้เป็นเพื่อนกับลูกของผม จึงคุยกันลืมความสงสัยไปเลย
    ต่อ

     

    ผมพาจงแดและลูกๆของเขามาส่งที่ร้าน แต่เจ้าสองตัวของผมดันนึกอยากกินเค้กทั้งๆที่กินขนมบนรถอิ่มเรียบร้อยแล้ว ผมจึงต้องพาไปซื้อเค้กในร้าน

    “คุณน้าครับ ผมอยากกินช็อกโกแลตลาวา” อี้ชิงรีบปรี่เข้าไปชี้เค้กชิ้นนั้นตรงตู้กระจก แล้วสั่งจงแด ซึ่งเขาก็ได้แต่ยิ้มอย่างสดใส อาจจะเป็นเพราะความเอ็นดูเจ้าตัวแสบของผมก็เป็นได้

    “ได้จ้ะ อ่ะ! นี่จ้ะ ทานให้อะไรนะจ๊ะ” จงแดพูดเสียงหวาน พลางขยี้หัวอี้ชิงและลี่อินอย่างเอ็นดู

    “ขอบคุณครับ/ค่ะ”

    “ราคาเท่าไหร่เหรอจงแด” ผมถามราคา พลางควานหากระเป๋าตังค์ ก่อนที่จะจกขึ้นมา

    “ฉันไม่คิดหรอก วันนี้ฉันถือว่าเป็นวันพิเศษ ฉันไม่ขาย ฉันให้เลย” เขาบอก โธ่! ช่างใจดีแท้

    “จะดีเหรอจงแด เอาไปเถอะน่าเงินน่ะ”

    “ไม่ๆ นายเก็บเอาไว้เถอะ ก็ฉันไม่ได้เจอนายต้องนานนี่ ถือว่าอันนี้เป็นของขวัญพิเศษแล้วกัน แล้วก็นี่ เค้กนี้ฉันให้นาย” จงแดยื่นกล่องเค้กกล่องใหญ่ให้ผม แล้วยิ้มหวานให้คนที่หัวใจเปล่าเปลี่ยวมานานอย่างผม จนรู้สึกทำตัวไม่ถูก

     “ขอบใจมากนะจงแด นายใจดีสุดๆไปเลย  อี้ชิง ลี่อิน มาขอบคุณคุณน้าก่อนเร็ว” ลูกๆของผมรีบขอบคุณอย่างเร็ว เพราะต้องการเค้กในกล่องใหญ่นั้น เจ้าสองคนนี้ทำหน้าหิวกระหาย รีบเข้าไปดึงกล่องนั่น

    “อย่าๆ ไปกินที่บ้านสิลูก” ผมปรามเสียงดุ เจ้าสองคนนั้นเลยหยุดทำ ผมจึงลาจงแด

    “ฉันขอตัวลาล่ะนะจงแด ลุงไปก่อนนะเซฮุน ซึงฮวาน”

    “บ๊ายบาย เซฮุน/บ๊ายบาน ซึงฮวาน”

    “บ๊ายบายอี้ชิง/บ๊ายบายลี่อิน” เด็กทั้งสี่โบกมือล่ำลากัน ก่อนที่ผมจะจูงมืออี้ชิงกับลี่อินขึ้นรถกลับบ้านไป

    ……………………………………………………………………………………………

    ผมพาแสบเล็กแสบใหญ่ของผมเข้านอนเรียบร้อย แล้วเข้าห้องนอนของตัวเอง เปิดทีวีเสียงเบาๆเพราะกลัวว่าเจ้าสองคนนั้นจะตื่น ทำให้ผมเดือดร้อนต้องไปกล่อมนอน ไม่งั้นเด็กจะหาเรื่องไม่ยอมนอน กวนผมทั้งคืน

    ผมดูทีวีก็จริง แต่มันแค่ใช้ตามองเฉยๆ ไม่ใช่ใช้ใจและสมองดูด้วย ผมนั่งคิดถึงหน้าของจงแดตั้งแต่ขับรถกลับบ้าน นึกถึงเรื่องราวในวันนั้น วันที่เราเจอกันครั้งแรก ก่อนที่จะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คิดแล้วก็เสียดาย………….เสียดายที่ไม่คิดเอาจงแดมาคบ แต่ก็โชคดีที่เลือกอย่างนี้ เพราะถ้าไม่มีสองแสบ ชีวิตของผมก็คงจะไม่มีสีสัน มีแต่ความมืดมนอยู่อย่างนั้น

    ผมนั่งคิด…….คิดถึงจุดเริ่มต้นที่ของผมกับจงแด ซึ่งมันเกิดจากเหตุการณ์บางอย่างซึ่งเป็นค่านิยมของผู้คนในสมัยนั้น มันคือ การออกเดต และ มีแฟน’……………………………………………………………………………………

     

     

    10กว่าปีก่อน

    “เมื่อไหร่แกจะมีแฟนวะ” ลู่หาน เพื่อนของผมถาม

    “ก็อยากมีนะ แต่ฉันขี้เกียจว่ะ อยู่คนเดียวสบายกว่าเยอะ”

    “โธ่! เพราะแกคิดอย่างนี้ แกถึงไม่มีแฟนกับเขาเสียที ทำอย่างฉันสิวะ หาคู่เดตแล้วรีบขอลองคบ คบไปคบมาก็กลายเป็นแฟนกันอย่างสมบูรณ์ เหมือนที่ฉันทำกับจุนมยอนยังไงล่ะ ไม่งั้นคนอื่นคาบไปแดกนานแล้ว!” ลู่หานกล่าว มันยิ้มอย่างสดใสเ อาจเพราะมันคิดถึงแฟนตัวขาวของมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มาจากเกาหลี และกลุ่มนั้นเก่งมากๆ จนผมเกือบสู้พวกเขาไม่ได้ แต่ผมก็สนิทกับจุนมยอนมากที่สุด แม้จุนมยอนจะมีเพื่อนสนิทอีกคนและเวลามาหาไอ้ลู่หานก็จะพาคนคนนี้มาด้วย แต่ผมก็จำชื่อเขาคนนั้นไม่ได้

    “แล้วแกกับจุนมยอนไปเดตกันยังไงวะ ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”

    “โอ๊ย! แกนี่หัดทันโลกทันเหตุการณ์บ้างสิ เอาแต่เรียนกับออกแบบอะไรไม่รู้อยู่นั่นแหละ”

    “แกเลิกบ่นและบอกฉันมาสิ ฉันชักจะสนใจแล้ว” ผมบอก เพื่อตัดบทเพราะรำคาญเสียงบ่นของไอ้ลู่หานที่ชอบบ่นผมจนหูชาไปสองข้างแล้ว

    “เออๆ ก็ฉันอ่ะนะ แอบชอบจุนมยอนมาตั้งแต่เขามาอยู่จีนใหม่ๆ ก็เลยเข้าไปทักในmailบ้าง ส่งข้อความบ้าง แล้วเข้าไปขอเดตด้วย ตอนแรกจุนมยอนก็ไม่ยอมนะ แต่ฉันทำให้เขารู้ว่าฉันจริงใจขนาดไหน เลยยอมออกเดตด้วย พอเดตเสร็จฉันจึงขอคบ เขาก็บอกว่าลองคบกันก่อน ฉันก็ทำตาม จนเขายอมคบแบบจริงๆจังๆ เราสองคนจึงกลายเป็นแฟนกันยังไงล่ะ”

    “อืมๆ ดูมีหลักการดีนะ แต่ว่ายากว่ะ ขี้เกียจ ออกแบบตึกเล่นดีกว่า” ผมจับดินสอสองบี วาดรูปออกแบบตึกโดยไม่สนใจเพื่อนที่กำลังหน้ามุ่ยอย่างกะตูด มันจึงบ่นพึมพำๆอะไรอยู่คนเดียว แล้วพวกเราก็เงียบโดยไม่คุยอะไรกัน

    “ลู่หานอ่า………………..” เสียงหวานๆของจุนมยอนเรียกแฟนหนุ่มชาวจีนอย่างไอ้ลู่หาน มันรีบลุกขึ้น วิ่งเข้าไปหาผู้ชายร่างเล็กอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากที่ๆที่เรานั่งนัก

    “เป็นไงบ้างตัวเอง เรียนสนุกมั้ย ถ้าเรียนไม่สนุก ก็มาสนุกบนเตียงเค้าก็ได้นะ”

    “บ้าน่าตัวเองก้อ อายคนรอบข้างบ้างสิ” จุนมยอนเขินหน้าแดง พลางทุบไอ้จอมทะลึ่ง ถ้ามันพูดอย่างนี้กับผมนะ ผมจะตบหัวมันเลย โทษฐานหวานแบบทะลึงเกินไปจนเลี่ยน น่าสงสารจุนมยอนที่ได้แฟนปัญญาอ่อนอย่างมันมากๆเลย

    “สวัสดี อี้ฟาน” จุนมยอนทักทายผม หลังจากเป็นตัวประกอบฉากของคู่รักคู่นี้นานพอสมควร

    “จ้าๆ สวัสดีจุนมยอน แล้วเอ่อ…………ชื่ออะไรนะที่มากับนายบ่อยๆไม่มาด้วยเหรอ”

    “อ้อ! จงแดน่ะเหรอ เขาไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดน่ะ เพราะเห็นว่าห้องสมุดมีหนังสือใหม่ๆมาให้เลือก ก็เลยไป ทิ้งฉันให้มาหาลู่หานคนเดียวนี่ล่ะ” แต่ผมคิดว่าจงแดอาจจะรำคาญ,เบื่อ หรือไม่อยากเป็นก้างขวางคอของคู่นี้ก็ได้ เพราะขนาดผมอยู่กับมันมานาน ผมยังระอาความหวานที่ไอ้ลู่หานมันมอบให้กับจุนมยอนจนมดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง จนเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมประสบพบเจอ

    “เค้าคิดถึงตัวเองมากเลยอ้า……….

    “เค้าก็เหมือนกัน”

    ผมนั่งฟังสองคนนี้งุ้งงิ้งป้อนคำหวานให้กัน จนต้องหันไปทางอื่น เพราะไม่อยากเป็นก้างขวางคอคู่นี้เต็มประดา  เลี่ยนโคตรๆ!

    “แล้วอี้ฟานไม่คิดที่จะมีแฟนบ้างเหรอ” จู่ๆจุนมยอนที่กำลังนัวเนียกับลู่หานก็หันหน้ามาถามคำถามที่ทำให้ผมจุกตรงคอ

    “ก็อยากนะ แต่ว่าไม่มีผู้ชายผู้หญิงคนไหนถูกใจน่ะ”

    “ใช่! คนอย่างมันจะสนใจใครล่ะ ขนาดเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่แม่ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ยังไม่ใส่ใจเลย” จุนมยอนรีบทุบหลังไอ้เพื่อนนี่ดังตุ้บ เพราะกลัวว่าจะพูดอะไรไม่สมควรไป

    “อย่าพูดอย่างนี้สิตัวเอง เอ่อ……งั้นให้ฉันหาให้มั้ยล่ะ” จุนมยอนอาสา ผมจึงต้องคิดดูก่อนว่าจะเอาหรือไม่

    “อืม……………” ผมเงียบไปพักใหญ่ เพราะคิดตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำ กว่าจะได้คำตอบที่เปลี่ยนชีวิตผมเล็กน้อย

    “เอาสิ” ผมตอบสั้น มองหน้าลู่หานที่มันทำหน้าอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

    “ไอ้อี้ฟาน ในที่สุดแกก็อยากมีแฟนกับคนอื่นแล้วสินะ ไชโย! เอ๊ะ!ฝนคงจะตกหนัก แผ่นดินน่าจะไหวแน่ๆเลย…….” ก่อนที่มันจะพูดอะไรอีก ก็โดนแฟนตัวขาวตบปากอย่างแรงไปเสียก่อน มันจึงร้องโอ๊ยแทน

    “โอ๊ย! จุนมยอนตบแรงจังเลย”

    “ก็ไปพูดว่าอี้ฟานอย่างนั้นทำไม  โอเคนะอี้ฟาน! เดี๋ยวฉันจะจัดการให้” จุนมยอนบอกผม ในขณะที่ผมก็รู้สึกกล้าๆกลัวกับการตัดสินใจในครั้งนี้

    “แหม! ทีเพื่อนถามทำขี้เกียจ พอแฟนฉันถาม แกรีบตัดสินใจเอาเลยนะ ไอ้คนสองมาตรฐานเอ๊ย!” ลู่หานเหน็บผม จึงโดนฝ่ามือขาวๆของจุนมยอนตบปากอีกครั้ง มันจึงต้องนั่งหน้าหงอยเงียบไปเลย


     

    ผมไม่ทราบว่าจุนมยอนจะคิดและทำอย่างไรบ้างในการหาคู่เดตให้ ผมจึงต้องนั่งเหม่อไปออกแบบตึกไปโดย ส่วนลู่หานก็หายหน้าหายตาไป มันไม่คุยกับผมเหมือนเก่า จนผมสงสัยว่าผมไปทำอะไรให้มันโกรธ พอจะเข้าใกล้ก็หลบหน้าผม แล้วก็ไปอยู่กับกลุ่มของจุนมยอน มันคิดอะไรของมันนะ?

    ผมนั่งเก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นไม้เหมือนเดิม รู้สึกเหงาๆเพราะไอ้เพื่อนปากดีมันไม่อยู่ด้วย ดันมาตามต้อยๆกับแฟนของมันจนลืมผมเสียนี่ นึกแล้วก็ชักฉิว ถ้ามันมาหา ผมจะชกหน้ามันไปสักหมัดสองหมัด เพราะทั้งโกรธและสงสัยว่ามันคิดอะไรอยู่ แล้วมาทิ้งเพื่อนโดยไม่บอกไม่กล่าวก่อนเลย

    “อี้ฟานโว้ย” มาแล้วครับเสียงที่ผมคุ้นหู เสียงเรียกที่ผมกำลังเตรียมตัวชกหน้าคนเรียกในตอนนี้ ผมหันตัวไปมองมันช้าๆ ก็พบว่ามันกำลังเดินมาอยู่ไม่ไกลมาก ผมจึงทำหน้านิ่ง รอคอยมันมาอยู่ตรงหน้าปุ๊ปแล้วชกปั๊ป!

    “โย่วๆ” ยังมีหน้ามาโย่วใส่กันอีกนะไอ้ลู่หานตีนกาบาน ยังไม่รู้ตัวอีกว่าจะโดนอะไร

    “ตุ้บ” ผมปล่อยหมัดของผมชกหน้ามันเข้าจังๆและแรงมาก ซึ่งผมก็ไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้

    “โอ๊ย! แกทำอะไรของแกไอ้อี้ฟาน อู๊ย! เจ็บจัง” ลู่หานลูบหน้าหวานๆที่แถมตีนกาประดับไว้เบาๆ เพราะกลัวเจ็บมากกว่านี้ มันมองหน้าผมด้วยสายตาอาฆาต

    “ชกฉันทำไมวะ!

    “ขอโทษทีว่ะ ฉันไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้”

    “ก็ไม่ต้องชกตั้งแต่ทีแรกสิวะ คนเจ็บไม่ใช่คนชกเสียหน่อย” แล้วมันนั่งเก้าอี้อย่างอารมณ์เสีย

    “ก็แกเล่นหลบหน้าหลบตาฉัน ไม่คุยกับฉันเหมือนแต่ก่อน ไปอยู่กับกลุ่มของแฟนแกจนฉันมึนงงไปหมด ไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ฉันเลยโกรธ ชกหน้านายอย่างนี้ล่ะ แต่ไม่คิดว่าแรงของฉันจะเยอะขนาดนี้” ผมอธิบายเหตุผล แล้วจับหน้า ไม่สิ! ดั้งของมันที่ผมชกโดนเข้าจังๆ

    “โอ๊ย! อย่ามาจับ” มันรีบปัดมือผมพัลวัน ผมจึงหัวเราะ

    “ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก ไอ้เพื่อนบ้า…… เอ้อ! ฉันมีข่าวดีจะมาบอก ฉันกับจุนมยอนหาคู่เดตให้นายได้แล้วนะ”

    “หา! จริงเหรอ” ผมไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วขนาดนี้ แสดงว่าที่มันไปอยู่กับจุนมยอนแล้วทิ้งผม มันไปหาคู่เดตให้ผมงั้นเหรอ

    “ดีใจมั้ยวะ” ลู่หานถามผม แต่ผมกลับหน้าซีดเพราะความกล้าที่มีอยู่45และความกลัวที่มีอยู่ 55

    “ใครวะ” ผมถาม

    “เดี๋ยวแกก็รู้ เพราะเย็นวันนี้แกต้องไปเดตกับเขาที่ร้านxxxx แต่งชุดให้มันเรียบร้อยล่ะ” ลู่หานบอก ผมได้แต่พยักหน้า ไม่กล้าบอกมันว่ายังไม่พร้อม เดี๋ยวมันจะล้อว่าปอดแหกและอีกอย่างผมก็กลัวเสียมาดด้วย

     

    ในตอนเย็นผมรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วรีบมาที่ร้านxxxxตามที่ลู่หานบอก ผมรู้สึกกระวนกระวายใจเพราะไม่ค่อยกล้าที่จะพบหน้าคู่เดตสักหน่อย

    “กริ๊ง!” โทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมจึงรีบเปิดมันเพื่อรับสาย ซึ่งสายที่ว่านั่นคือลู่หาน

    “ฮัลโหล ว่าไง”

    “ฮัลโหล เอ้อ! อี้ฟาน แกนั่งโต๊ะ12นะเว้ย พวกฉันเตรียมการเรียบร้อยแล้ว” แล้วมันก็ปิดเครื่องโดยที่ผมยังไม่ทันพูดอะไรต่อ  โธ่ไอ้ส้นตีน(กา)!

    ผมจำใจเดินเข้ามานั่งร้านด้วยความกังวลสุดฤทธิ์ เมื่อมองเห็นพวกบริกรและผู้หญิงคนนั้นซึ่งดูท่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านยิ้มให้ เธอเข้ามาหาผมแล้วถามผมว่า

    “ใช่คุณอี้ฟานหรือเปล่าคะ” นั่นน่ะ! รู้ชื่อผมด้วย

    “ครับ”

    “คุณจุนมยอนจองโต๊ะให้คุณที่12 เชิญค่ะ” เธอพาผมมานั่งในห้องแห่งหนึ่ง เป็นห้องแอร์และออกจะทึบ ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้น และมีแต่ผมคนเดียว บนโต๊ะมีอาหารหลายอย่าง ซึ่งคาดว่าทีมงานลู่หานกับจุนมยอนคงจะสั่งเอาไว้ แล้วใครจ่ายวะ?

    ผมไม่กล้าที่จะตักอาหารขึ้นมารับประทาน เพราะกลืนไม่เข้า ด้วยความกังวลและใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกไม่กล้าที่จะพบกับคู่เดต จึงได้แต่นั่งเหม่อไปเรื่อยๆเหมือนคนไร้จุดหมาย

    “สวัสดีครับ” เสียงผู้มาเยือนที่เปิดประตูเข้ามา เขาทักทายผม ขณะที่ผมหันหลังให้ จึงต้องรีบหันกลับไปเพื่อทักทายเขากลับ

    “สวัสดีครับ อ้าว! นาย…..” ผมจำหน้าเขาได้ทันที เขาคือ…..คือ….ใครวะจำชื่อไม่ได้ คนที่เป็นเพื่อนของจุนมยอน

    “อี้ฟาน นายเองเหรอ” เขาก็คงจะตกใจไม่เบาที่เห็นหน้าผม

    “ลู่หานกับจุนมยอนปิดซะแน่นเลยนะความลับเนี่ย” ผมพูด เขาจึงยิ้มให้ผม แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ทำให้เรามองหน้ากันได้อย่างตรงกันพอดี

    ผมกับเขาจึงต้องรับประทานอาหารเพื่อจะได้ไม่ต้องมีอาการใบ้กินเวลาอยู่ใกล้กันเพราะพูดอะไรไม่ออก  แล้วผมก็สังเกตเห็น คู่เดต ของผมหยุดทานอาหาร แล้วกล่าวอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้ว่า เขาคือเพื่อนร่วมชะตากรรม!

    “เอ่อ…..คืออย่างนี้นะอี้ฟาน คือว่าความจริงฉันก็ไม่อยากมีคู่เดตอะไรนั่นหรอก แต่ที่ฉันมาเพราะทนเสียงรบเร้าของเพื่อนๆไม่ไหว แล้วก็กลัวเสียมาดเพราะในกลุ่มก็มีแฟนกันหมดแล้ว จุนมยอนกับลู่หานเลยอาสาน่ะ หวังว่านายคงจะไม่โกรธ”

    “เหมือนกันเลย! ฉันก็เจอเสียงรบเร้าของสองคนนั้นไม่ไหว แต่ก็รู้สึกสนใจนิดๆ ก็เลยต้องมาหาคู่เดตในวันนี้ยังไงล่ะ” เขาตาโตแล้วยิ้มเห็นฟัน แล้วจับมือผมแบบ เช็คแฮนด์

    “พวกเราคือผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันสินะอี้ฟาน” เขายิ้มหวานผม จนผมรู้สึกหวั่นไหวไม่น้อยที่ได้มองหน้าและรอยยิ้มของเขาที่ส่งมาผมอย่างรัวๆ

    “อือๆ ทานกันเถอะเดี๋ยวอาหารจะเย็น” ผมบอก เราจึงรีบรับประทานกัน

    “เอ่อ….แต่ว่านายชื่ออะไรนะ” ผมถามเขา ที่กำลังรับประทานอาหารอย่างน่ารัก(?)

    “นี่นายจำไม่ได้เหรอ”

    “ฉันขอโทษนะที่จำไม่ได้” ผมประนมมือของโทษ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะให้คนตรงหน้าไม่น้อย

    “โอเคๆ ฉันชื่อ คิมจงแด  ต่อไปนี้ก็จำให้ได้แล้วกัน ถ้าจำไม่ได้ฉันจะโกรธให้ดู”

    “อือๆ คิมจงแด ฉันจะจำชื่อนายไปตลอดชีวิตเลย”

     

    หลังจากวันนั้น ผมกับจงแดก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ไม่ถึงขั้นคบกันนะครับ ไอ้พวกแม่ยกทั้งหลายก็เชียร์กันอยู่นั่นแหละ โดยเฉพาะไอ้ลู่หานที่กลายเป็นหัวหน้าแกนนำ ‘FanDae’ คอยยุให้ผมคบกับจงแด จนผมเตะมันไปหลายรอบ

    แล้ววันเรียนจบก็มาถึง………

    พวกเราทั้งสี่ซึ่งได้แก่ ผม ลู่หาน จุนมยอนและจงแด ต่างพากันแยกย้ายไปหางานทำ ผมก็ได้ทำงานเป็นสถาปนิกอยู่ในบริษัทดังๆของจีน ส่วนลู่หานกับจุนมยอนก็สานต่อธุรกิจพวกเสื้อผ้าเครื่องประดับที่ครอบครัวของสองคนนั้นเอาเงินมารวมกัน แล้วก็ได้รายได้มหาศาล แต่ผมก็ไม่ได้ข่าวจงแดอีกเลย………จนมารู้ว่าเขากลับเกาหลีไปแล้ว!

    ทำไมนะ? ใจของผมถึงเรียกร้องหาเขาถึงเพียงนี้ หรือว่าผมหลงรักเขาเสียแล้ว……...........  

     


     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×