ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอบรู้...ไม่เสียหาย (เสื่อมสลายแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #40 : ประวัติศาสตร์ยุโรป2(ภาคยุคเก่า)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 599
      0
      28 เม.ย. 51

    ยุคเก่า

    สาธารณรัฐโรม

    พวกโรมันมีกษัตริย์ปกครองกันเรื่อยมาหลังจากตำนานของ โรมูลุส (Romulus) กษัตริย์ลูกหมาป่าที่ก่อตั้งกรุงโรม จนมาถึงรุ่นของกษัตริย์ทาควิน (Tarquin the pround) เป็นองค์สุดท้าย ว่ากันว่าชาวโรมันไม่พอใจที่ทาควินสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ มากมายจนประชาชนเดือดร้อนทำให้มีตระกูลชั้นสูงพวกพาร์ทริเชียน (Partrician) ที่มีอำนาจในกรุงโรมนำโดยสกุล บรูตัส (Brutus) พากันขับไล่ไสส่งเขาออกมา

    แต่กระนั้นก็ตามทาควินก็ไม่ลดละความพยายามที่จะทวงบัลลังค์ของเขากลับมา อ้างว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นก็เพื่อชาวโรมันนำกำลังของรัฐต่างถิ่นเข้ามาตีกรุงโรม แต่ก็ถูกชาวโรมันยันกลับไป

    ตั้งแต่นั้นมาชาวโรมันก็ใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐปกครองโดยสภาซีเนตมาถึงสี่ร้อยปีจวบจนมาถึงยุคของจักรพรรดิออกัสตัส (Augustus) จักรพรรดิพระองค์แรกของอาณาจักรโรมัน

     สงครามเปอร์เซีย และสงครามเปโลโปนีเซีย

    สงครามเปอร์เซีย คือสงครามของพวกกรีกกับชาวเปอร์เซียที่บุกมาจากทางฝั่งอาหรับเข้ามาทางตอนเหนือ ประวัติศาสตร์ได้จดบันทึกวีรกรรมของชาวสปาร์ต้า (Sparta) ที่ไปรบขวางพวกเปอร์เซียที่มีเป็นแสนได้ด้วยกำลังคนไม่กี่พันที่ช่องเขา“เทอร์โมพีเล” (Thermopylae) นำโดยกษัตริย์“เลโอนิดาส” (Leonidas) หยุดพวกเปอร์เซียไว้ได้หลายวันก่อนที่จะถูกทำลาย ถ่วงเวลาให้ชาวกรีกมีเวลาตั้งตัวต่อกรกับชาวเปอร์เซียได้สำเร็จในภายหลัง

    สงครามเปโลโปนีเซีย เป็นสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐของชาวเอเธนส์ (Athen) มหาอำนาจทางทะเลกับชาวสปาต้าร์ชนชาตินักรบหลังจากสงครามกับพวกเปอร์เซียได้ไม่นาน

    ชาวสปาตาร์ไปขอความช่วยเหลือจากพวกเปอร์เซียให้ช่วยต่อเรือไปสู้กับชาวเอเทน ตัดเสบียงทางทะเลจนชาวเอเทนอดอยากต้องยอมแพ้ไปในที่สุด หลังจากสงครามครั้งนี้รัฐกรีกก็เริ่มทำสงครามกันเรื่อยมาทำให้เสื่อมอำนาจลงอย่างรวดเร็วจนการมาถึงของชาว มาซีดอน (Macedon)

     พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช

    ในขณะที่รัฐของกรีกแตกกระจายเป็นก๊ก ๆ ชาวมาซีดอนทางตอนเหนือก็เรืองอำนาจขึ้นมา ฟิลลิปป์ (Phillip) เป็นผู้ที่เริ่มสร้างฐานอำนาจนำกองทัพบุกรัฐกรีกขึ้นเป็นผู้นำสมาพันธ์กรีกกุมอำนาจไว้ในมือ

    หลังจากสงครามกับพวกเปอร์เซียชาวกรีกก็ยังแค้นไม่หาย พยายามอย่างยิ่งที่จะบุกเข้าไปบ้าง ฟิลลิปป์สร้างกองทัพของเขาบ้างหลังจากที่รวมกรีกไว้ได้ แต่ก็มาถูกสังหารเสียก่อน คราวนี้ อเล็กซานเดอร์ (Alexander the great) ลูกชายเพียงคนเดียวก็ขึ้นมาครองอำนาจแทน นำทัพสู้กับชาวเปอร์เซียบุกลงไปถึง “อียิปต์" จนชาวเปอร์เซียที่เคยรุ่งเรืองมากที่สุดอาณาจักรหนึ่งต้องมาเสื่อมอำนาจลงไป

    อเล็กซานเดอร์ยังไม่พอใจกับชัยชนะเพียงแค่นี้เขายังนำกองทัพบุกไปถึงอินเดีย แต่ก็ไปต่อไม่ไหวเนื่องจากห่าฝน[ฝนตกหนัก]ที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาของดินแดนเขตร้อน ทหารก็เหนื่อยอ่อนจากการทำศึกหนักอย่างยาวนาน และคิดถึงบ้าน จนจอมทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยังต้องจำใจเดินทางกลับบ้านเกิดเสียที เขาล่องเรือทางแม่น้ำสินธุมาถึงบาบิโลน (ระหว่างแม่น้ำไทกรีส และแม่น้ำยูเฟรติส ในปัจจุบัน) และตั้งเมืองหลวงที่นั่น

    อเล็กซานเดอร์กลับบ้านไปได้ไม่ทันไรก็มาด่วนตายตอนอายุสามสิบสามปี นักประวัติศาสตร์บันทึกสาเหตุว่าเป็นเพราะการดื่มเหล้าอย่างหนักในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งจนร่างกายของเขารับไม่ไหว แต่บางคนก็แย้งว่าเขาถูกวางยาพิษ ช่างเป็นจุดจบที่ไม่สมบูรณ์เลยสำหรับจอมคนที่ครองครึ่งโลกอยู่ในกำมือ

    จากนั้นอาณาจักรของเขาได้ถูกแย่งกันในหมู่แม่ทัพของกรีก คือ [แคสแซนเดอร์]] ไลซิมคัส เซลิวคัส และ พโตเลมี

     สงครามปุนิค

    ชาวคาเทจสืบเชื้อสายมาจากชาวโพนีเชียนที่เคยรุ่งเรืองด้วยการค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาแต่โบราณ เป็นอาณานิคมท่าเรือทางชายฝั่งของแอฟริกา เริ่มทำสงครามกับพวกโรมันที่เกาะซิซิลี (Sicily) ทางตอนใต้ของอิตาลีเป็นเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ

    สงครามพิวนิกมาสิ้นสุดลงในสมัยของจอมทัพ ฮันนิบาล (Hannibal) ที่นำกำลังบุกอิตาลีจากทางสเปนโดยข้ามเทือกเขาแอลป์เข้าไปยังตอนกลางของอิตาลีและยึดเมือง คาร์ปัวน์ (Capua) ที่สำคัญของโรมันเอาไว้ได้ แต่ฮันนิบาลก็ไม่สามารถรักษาสถานะภาพของเขาที่ประเทศอิตาลี(Italy)ได้ตลอดลอดฝั่ง เนื่องจากการที่กองทัพเรือของคาเทจ(Carthage)ได้ถูกทำลายลงไปทำให้ไม่มีกำลังสนับสนุนจากกรุงคาเทจเข้ามาเลยจนต้องถอยทัพกลับไปในที่สุด

    พวกโรมันนำโดยขุนศึกตระกูล สซิพิไอ (Scipii) เริ่มตีโต้กลับจากสเปนไล่ไปจนถึงที่แอฟริกา สงครามชี้ขาดเกิดขึ้นที่ทางตอนใต้ของกรุงคาเทจ สซิพิโอนำกองทัพกำลังของเขาฆ่าทัพของฮันนิบาลจนทำให้พวกคาเทจไม่สามารถมารบได้อีกเลยแล้วแอฟริกาก็ตกไปอยู่ในมือของพวกโรมัน ในที่สุด

     สปาตาคัส

    สงครามในต่างแดนทำให้พวกโรมันมีทาสเข้ามาทำงานในอิตาลีมากมาย สปาร์ตาคัส เป็นทาสชาว ธเรส (Thrace) ที่เข้ามาเป็นแกลดิเอเตอร์แล้วก่อกบฏขึ้นมาที่เมืองคาร์ปัวน์ เป็นผู้นำรวบรวมกบฏทาสจากชนชาติต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก บุกขึ้นไปทางเหนือเอาชนะกองทัพโรมันไปตลอดทางจนถึงดินแดนกอล

    แต่ก็วกกลับเข้ามาอีกครั้งจากความโลภของพวกเขา คราวนี้ชาวโรมันไม่พลาดท่าอีกแล้วส่ง คราสซุส กงสุลที่จะต้องมาทัดทานอำนาจกับซีซาร์ในช่วงก่อนสงครามกลางเมือง นำทัพมาปราบพวกทาสได้อย่างราบคาบ เเล้วคราสซุสก็สั่งให้สปาร์ตาคัสต่อสู้กับเพื่อนเขาจนตายถ้าใครชนะก็ต้องถูกจับถอดเสื้อเเล้วนำไปตรึงกับไม้กางเขนเเต่สปาร์ตาคัสด้วยความไม่อยากให้เพื่อนถูกตรึงบนไม้กางเขนเขาจึงต้องฆ่าเพื่อนเพื่อไม่ให้เพื่อนต้องทรมานอยู่บนไม้กางเขนเเล้วเมือถึงรุ่งเช้าวันต่อมาสปาร์ตาคัสก็ถูกจับถอดเสื้อเเล้วตรึงกางเขนอย่างเหียมโหดมากพวกทาสถูกจับถอดเสื้อเพื่อเป็นการประจานสปาร์ตาคัสเเล้วจับตรึงไม้กางเขนไปตลอดทางยาวของถนนจากกรุงคาร์ปัวน์ไปยังโรม เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

     ซีซาร์ ออกัสตัส

    ตระกูล “จูลิอาย” (Julii) เป็นหนึ่งในพวกพาร์ทิเชียนของโรมมีบทบาทในการเมืองของโรมมานาน จูเลียส ซีซาร์เป็นลูกหลานของตระกูลที่จะเปลี่ยนแปลงโรม ซีซาร์สร้างชื่อจากการนำทัพของโรมบุกไปยังดินแดนกอลในประเทศฝรั่งเศสปัจจุบัน ชาวโรมมันกลัวพวกคนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้มานานมากแล้ว เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยถูกพวกคนเถื่อนบุกเข้าไปในถึงกรุงโรมปล้นสดมได้ไปเป็นอันมาก

    ประชาชนเริ่มนิยมในตัวซีซาร์จนทำให้สภาสูง (Senate) เกิดระแวงขึ้นมาวางแผนที่จะกำจัดเขา ซีซาร์ใช้ข้ออ้างนี้ในการก่อสงครามกลางเมืองกับ “ปอมเปย์” (Pompey) กงสุลจอมทัพที่เคยออกรบกับพวก “พอนติก” (Pontic) แต่ก็ไม่มีใครต้านเขาได้ ซีซาร์นำทัพเข้ากรุงโรมและสามารถไปรับหัวของปอมปีย์ได้ที่อียิปต์ แถมยังได้ราชินีโฉมงามพระนางคลีโอพัตรา กลับมาอีกด้วย แต่เขาก็ไม่ยอมขึ้นเป็นจักรพรรดิจนกระทั่งถูกสถาสูงรุมสังหาร

    “ออกตาเวียน” (Octavian) ลูกบุญธรรมขึ้นมาสืบทอดอำนาจต่อจากเขา แล้วก็เกิดสงครามกลางเมืองกันอีกครั้งกับ “มาร์ค แอนโทนี” (Mark Antony) นายทัพของซีซาร์ในสงครามกับพวกกอล ออกตาเวียนรุกไล่มาร์คแอนโทนีไปถึงอียิปต์ ที่ซึ่งเขากับพระนางคลีโอพัตราได้ฆ่าตัวตายเป็นเหตุการณ์ที่เช็คสเปียร์นำมาแต่งเป็นบทละคร

    เมื่อชนะสงครามออกตาเวียนก็ตั้งตนขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรกของอาณาจักรโรมัน ใช้ชื่อว่าจักรพรรดิ “ออกัสตัส”

     กรุงคอนสแตนติโนเปิล

    โรมในสมัยของคอนแสตนตินมีอาณาเขตกว้างขวางมาก จนมีการแบ่งการปกครองเป็นสองส่วนตะวันออกกับตะวันตก แต่แทนที่จะมีการปกครองที่ดีขึ้น ทั้งสองฝั่งกับทำสงครามกันเองเพื่อความเป็นใหญ่

    คอนสแตนตินเป็นจักรพรรดิทางด้านตะวันออกที่ทำสงครามชนะ สามารถบุกเข้าโรมร่วมอาณาจักรโรมันไว้เป็นหนึ่งเดียว แต่ครั้งนี้เมืองหลวงไม่ได้อยู่ที่โรมเสียแล้ว เนื่องจากว่าคอนสแตนตินเป็นจักรพรรดิด้านตะวันออกก็อยากจะอยู่ที่ด้านตะวันออก เขาจึงย้ายเมืองหลวงไปที่ คอนสแตนติโนเปิล เมืองท่าปากทางเข้าทะเลดำซึ่งก็ตั้งตามชื่อของเขาเอง ซึ่งเดิมชื่อ ไบแซนทิอุม หรือ ไปแซนไทม์ (Byzantium)

    ในช่วงวาระสุดท้ายคอนสแตนตินก็หันไปพึ่งศาสนาในขณะที่นอนป่วยอยู่บนเตียง มีเรื่องเล่าว่าครั้งที่คอนแสตนตินจะข้ามแม่น้ำไปยังกรุงโรมในสมัยสงครามกลางเมืองเขาได้เห็นนิมิตจากสวรรค์ (ชึ่งก็พึ่งจะแปลความหมายออกตอนนอนป่วย) เขาทำให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของจักรวรรดิ ซึ่งกฎหมายของพวกโรมันบังคับให้ประชาชนต้องหันมานับถือ

     การล่มสลายของกรุงโรม

    พวกคนเถื่อนทางตอนเหนือของยุโรปก้าวร้าวบุกรุกอาณาจักรโรมันกันเป็นว่าเล่น หนึ่งในนั้นมี “แอตติลา” (Attila) ผู้นำของคนเถื่อนที่เป็นตำนาน รวบรวมเหล่าคนเถื่อนมาไว้ด้วยกันนำกำลังบุกเข้าไปในอาณาจักร โรมันแต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถที่จะบุกเข้าไปถึงกรุงโรมได้ถูกพวกโรมันหยุดยั้งไว้ได้ก่อน แล้วก็มาด่วนตายไป

    แต่การกระทำของแอตติลาก็ส่งผลให้พวกคนเถื่อนบุกเข้าไปในอาณาจักรโรมัน จนในที่สุดกรุงโรมก็ถูกตีแตกโดยพวกเยอรมัน เป็นการสิ้นสุดอิทธิพลของพวกโรมันในยุโรปตะวันตก คงเหลือแต่พวกโรมันที่กรุงคอนสแตนติโนเบิลเท่านั้นที่ยังคงแผ่อิทฺธิพลออกไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×