ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้ามภพมาพบรัก

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่10 คนในปัจจุบัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 225
      3
      15 ก.พ. 57





    “เราสองคนมาเป็นแฟนกันนะกัน”^^

     

    “แฟน?”

     

                ริทยิ้มกับการทวนคำของคนผิวเข้ม เขาลืมไปว่าสมัยนี้ยังคงไม่มีศัพท์ไหนเรียกคนรักว่าแฟนซินะ

     

    “อ่อ แฟนก็คือ....?” มองหน้าคนรอฟังคำตอบ “แฟนก็คือ....คนรัก” คนฟังเบิกตาคมโตกว้างกว่าเดิม

     

    โครม!!!!!!!!!!!

     

    “โอ๊ยยยยยยยยย ถีบริททำไมเนี่ย?????”

     

    “มึงหุบปากไปเลยไอ้วิปริต มึงจงใจโกหกกูยกเรื่องนู้นนี้มาอ้างเพื่อจะปั่นหัวกูให้กูปล่อยมึงใช่ไหม? กูรู้เท่าทันมึงแล้วคราวนี้กูไม่ปล่อยมึงปั่นหัวกูอีกแล้ว”

     

    “ริทไม่ได้ปั่นหัวกันสักหน่อยที่ทำที่พูดน่ะเรื่องจริงทั้งนั้น”

     

    “มึงเป็นผู้ชายแต่มาขอให้กูที่เป็นผู้ชายเหมือนกันเป็นคนรักนี่นะ มึงเป็นคนประเภทไหนกันถ้าไม่ใช่คนวิปลาส”

     

    “ก็บอกแล้วไงว่าริทมาจากโลกอนาคต ในอีกพันปีข้างหน้าบ้านเมืองเสรีการคบกันของเพศเดียวกันมันไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย ในโลกนั้นก็มีนาย ไม่สิ คนที่หน้าตา ชื่อ น้ำเสียง เหมือนนายเป็นแฟนของฉัน”

     

    “กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นว่ามึงจะมาจากไหน แต่กูรู้แค่ว่าที่นี่ตอนนี้กูคือผู้ชายและกูชอบผู้หญิง กูไม่ใช่ไอ้แฟนหรือคนรักอะไรของมึงที่มึงพล่ามมา”

     

                คนหน้าหวานหน้าซึมเล็กน้อย เขาลืมไปว่ายุคและสมัยที่แตกต่างกันย่อมมีเสรีและวัฒนธรรมที่ต่างกัน

     

    “เรื่องนั้นฉันก็เข้าใจแหละ แต่จะให้ทำไง? ฉันพลัดหลงเข้ามาในยุคนี้จะกลับไปโลกเดิมก็กลับไม่ได้ แถมยังมาเจอนายคนที่เหมือนคนรักของฉันอย่างกับแกะ.........ถ้าเป็นนายนายจะทำยังไง? ถ้านายเป็นฉัน?”

     

    กันนิ่ง......ถ้าเรื่องที่ไอ้เตี้ยนี่พูดเป็นความจริง แล้วถ้าเกิดเขาต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างเขาจะทำยังไง?

     

    “ กูจะยอมรับเรื่องราวตรงหน้าว่า ใครคนนั้นไม่ใช่คนรักของกู......มึงเองก็ยอมรับความจริงสักทีเถอะ”

     

     

    ............................................................................

     

     

    “มึงเป็นยังไงบ้าง?”

     

                คนตาตี่ชะงักช้อนที่ตักน้ำซุปเตรียมเข้าปากแล้วมองคนที่นั่งร่วมสำรับกินข้าวของตัวเอง ไอ้ซาดิสต์มันถามทำไมวะ?

     

    “กูดูเหมือนสบายหรือไง?มึงมาโดนผู้ชายข่มขืนแถมทำร้ายร่างกายแล้วก็ล่ามโซ่ไว้ดูบ้างไหม?”

     

    คนหน้าสวยหน้าร้อนเล็กน้อยกับคำแดกดันปนด่าของไอ้นักต้มตุ๋นที่เขาจับมา

     

    “คนอย่างมึงสมควรโดน”

     

    โตโน่วางช้อนลงแล้วเตรียมลุกขึ้นกลับเข้าห้องเขาอย่างน้อยไอ้ห้องสี่เหลี่ยมที่เหมือนห้องขังก็ยังน่าอยู่กว่านั่งอิสระกับไอ้ซาดิสต์กวนประสาทนี่กว่าไหนๆ

    “กูยังไม่ได้อนุญาตให้มึงเข้าห้อง นั่งลงเดี่ยวนี้!!!!

     

    “ทำไมกูต้องฟังคำสั่งมึง” คนตาตี่ยังคงเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง คนหน้าสวยรีบลุกมาคว้าแขนอีกคนไว้แล้วรีบลากเข้าไปในห้อง

     

    “เอ้ยยยยย อยู่ๆทำบ้าอะไรวะ?”

     

    “ก็อยากเข้าห้องนักไม่ใช่หรือไง?กูจะช่วยให้มึงถึงห้องไวขึ้นไง?” ผลักลงกับเสื่อที่ยังถูกปูไว้ไม่ได้เก็บร่างโปร่งไถลครูดไปกับเสื่อกก แม้กกที่ทอจะไม่ได้แหลมคมอะไรแต่ด้วยที่สภาพการทอที่ถี่ทำให้ผิวขรุขระของเสื่อกกครูดเอาหนังกำพร้าเขาไปได้เล็กน้อยเช่นกัน

     

    “กูเจ็บนะเว้ย กูจะจ้างทนายมาฟ้องมึงให้หมดตัวเลย กูไม่ได้ทำอะไรผิดมึงจะมาหน่วงเหนี่ยวกูแบบนี้ไม่ได้”

     

    “ทนายอะไรของมึง แล้วมึงจะถูกหรือผิดกูเป็นคนตัดสินไม่ใช่ตัวมึงหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น”

     

    “ไอ้โรคจิต กูพอจะรู้แล้วว่าทำไมเมียมึงถึงหนีไปกับคนอื่น ก็เพราะมึงเป็นคนแบบนี้ไง มึงไม่เคยฟังใครคิดแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เมียมึงถึงทิ้งมึงไปมีชู้”

     

    ยังไม่ทันพูดจบแก้มตอบก็ได้รับฝ่ามือหนาที่ฟาดจนหน้าเขาหันไปอีกทาง...เป็นรางวัลในการพูดแทงใจดำอีกฝ่าย

     

    “กูจะฆ่ามึง!!!!

     

    ร่างโปร่งซึ่งตอนนี้ไม่ได้ล่ามข้อมือจับโซ่ที่ล่ามข้อเท้าตัวเองตามความยาวแล้วสะบัดฟาดใส่ขาอีกคน รุจรีบสับขาหนีก่อนจะคิดได้เลยจับโซ่ที่อีกคนฟาดเข้าแล้วกระตุกแรงๆ ได้ผลคือคนที่โดนล่ามไว้ล้มหงายท้องคนทำไม่รอช้ารีบคร่อมทับตัวคนที่กล้าทำร้ายเขา

     

    “ดีแต่ปากหรือไง? อย่างว่าแหละมึงมันพวกนักต้มตุ๋นที่มีดีแค่ปากไว้เยินยอคนอื่นให้หลงมึงนักต่อนักจะมาสู้ทหารอย่างกูได้ยังไง?”

     

    “เออใช่กูดีแต่ปากแล้วปากกูก็ทำแบบนี้ได้ด้วย” ไม่ทันให้อีกคนตั้งตัวมือใหญ่ก็โน้มคอคนที่นั่งทับเขาแล้วยกตัวเองให้ปากถึงหูอีกฝ่ายแล้วกัดไม่ยั้งแรง

     

    “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย ปล่อยกูกูจะฆ่ามึง!!!” รุจพยายามดันไอ้ปลิงที่กำลังกัดหูเขา คนหน้าสวยทั้งดันทั้งผลักแต่ดูเหมือนอีกคนจะออกแรงต้านเขาอย่างแรง

    “ไม่ปล่อยใช่ไหม ได้!!!!” รุจงับคออีกฝ่ายกลับจมเขี้ยวได้ผลอีกคนสะดุ้งเฮือกยอมละปากจากหูเขา แต่ไม่ได้ละเปล่ากลับประเคนหมัดใส่หน้าเขาอีกต่างหาก

     

    ผัวะ!!!!

     

    “มึงมันบ้า!!!!” โตโน่กดคอตัวเองที่โดนกัดไว้แน่นจากความเจ็บที่รู้สึกเขาคิดว่าไอ้บ้านั่นน่าจะกัดจนเลือดออกเลยด้วยซ้ำ

     

    “มึงแหละไอ้หมาบ้า” รุจหันกลับมาด่าคืน มือสวยลูบแก้มและหูตัวเองที่เจ็บแทบจะพอๆกัน

     

    “มึงออกไปจากที่นี่ซะ ถ้าอยากจะทำโทษหรือตัดสินประหารกูก็เชิญแต่อย่าเอาหน้ามึงมาให้กูเห็นอีก กูยอมตายโดยไม่ผิดอะไรดีกว่าอยู่ทนเห็นหน้ามึง”

     

    แทนที่จะโกรธใบหน้าสวยกลับคลี่ยิ้มออกมา ตาเรียวสวยมองมาที่เขาอย่างมีเลศนัย

     

    “ในเมื่อการเห็นหน้ากูทำให้มึงรู้สึกแย่กว่าการโดนประหารชีวิต...งั้นกูจะไม่ฆ่ามึงแต่จะให้มึงได้รู้บ้างว่าการตกนรกทั้งเป็นน่ะมันเป็นยังไง?” นิ้วเรียวยาวไล่ไปตามผิวเนื้อที่มีร่องรอยจากการสัมผัส

     

    “มึงจะทำอะไรกู?”

     

    “ทำเรื่องที่ทรมานใจมึงที่สุดยังไงล่ะ”

     

     

     

    .................................................................................................

     

     

     

    “หัวหน้าไอ้เชลยมันเป็นอะไรของมันน่ะหัวหน้า?” ไอ้เด่นถามขึ้นขณะที่เขามานั่งคุยธุระกับคนผิวเข้ม ตาที่มีรอยตีนกาบอกถึงอายุหรี่ตาอย่างสงสัย ปกติเขาเคยเห็นแต่ไอ้หน้าหวานนั่นหัวเราะแจ่มใสทั้งวันไม่มีท่าทีเดือดร้อนที่พวกเขาจับมาเลยสักครั้ง แต่วันนี้เจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มนั้นกลับนั่งหน้าเศร้านั่งกอดเข่าอย่างกับคนอมทุกข์สิบเรื่อง

     

    “ไม่ต้องไปสนใจมัน มันบ้าไปแล้ว” พูดทั้งๆที่ไม่หันไปมองสักนิด

     

    “หืมมม วิกลจริต ดูท่าทางมันไม่เหมือนคนพวกนั้นเลยนะหัวหน้า แถมมันยังเป็นหมอรักษาชาวบ้านด้วย กระผมไม่อยากจะเชื่อ”

     

    “มึงจะหาว่ากูพูดเท็จหรือไงไอ้เด่น กูว่ามันบ้ามันก็ต้องบ้าสิ มึงรีบกลับไปเลยไปก่อนที่จะทำให้กูโมโหจนใช้เท้ายันมึงกลับบ้าน”

     

    “แหะๆ งั้นผมลาล่ะครับหัวหน้า”

     

                ลับตาคนสนิทตาคมก็หันมามองคนที่นั่งซึม ตั้งแต่วันที่มันถามคำถามนั้นกับเขามันก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาไม่คุยกับเขาแถมไม่เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อย....แต่ก่อนเขาก็ชอบหรอกที่มันเลิกยุ่งกับเขาแต่ก็นะบางทีมันก็เหมือนขาดอะไรไป คนผิวเข้มถอนลมหายใจก่อนเดินขึ้นเรือนไปนั่งข้างไอ้คนที่นั่งจับเจ่าตัวเอง

     

    “มึงจะเลิกบ้าได้หรือยัง? พรุ่งนี้ต้องเปิดโรงหมอแล้วมึงนั่งอมทุกข์แบบนี้แล้วคนไข้ที่ไหนอยากจะมารักษากับมึง”

     

    “ไม่ได้บ้า แค่พูดเรื่องจริงแล้วไม่มีใครเชื่อ แล้วก็เสียใจที่ต้องมาเจอคนนิสัยไม่ดีหน้าตาเหมือนคนรักตัวเอง”

     

    .....ยังจะว่าแดกกูอีกไอ้เตี้ย.......

     

    “คือกูต้องบ้าไปกับมึงแล้วก็เชื่อสิ่งที่มึงพูดใช่ไหม?มึงถึงจะหาย?”

     

    ใบหน้าหวานรีบหันมาพยักหน้า

     

    คนผิวเข้มถอนหายใจ เอาวะอยู่กับคนบ้าต้องบ้าตาม

     

    “งั้นกูจะเชื่อเรื่องที่มึงพูดทุกอย่าง”

     

    “จริงเหรอกัน?” ตากลมหวานส่องประกายวิ๊งค์ๆจากดวงตา

     

    “เออกูพูดจริงทำจริง แต่....กูไม่ใช่คนรักมึงจำเอาไว้” คนฟังพยักหน้าหงึกๆอย่างตกลง

     

    “ขอบใจมากนะ แค่นายยอมเชื่อคนอย่างฉัน ฉันก็ดีใจมากแล้ว แต๊งค์กิ้ว “ริมฝีปากนุ่มฉวยโอกาสประทับตรงแก้มบุ๋มอย่างไว

     

    “ไอ้เวรนี่กูบอกมึงแล้วว่ากูไม่ใช่คนรักมึง กูจะฆ่ามึงไอ้เตี้ย!!!

     

    “555+ ถ้าไม่ใช่คนรักงั้นอยากเป็นไหม?”

     

    “มึงกลับไปรักกับคนรักมึงสิ” คนผิวเข้มยกมือจะเขกหัวอีกฝ่ายแต่โดนไอ้มือขาวนี่จับกันเขาออกมา

     

                ริทจับมือคนผิวเข้มไว้แน่นไม่ให้มาทำร้ายเขาได้ ตาคู่สวยมองนิ่งไปยังตาคมโตที่ยังค้อนเขาอยู่ไม่เลิก

     

    “อนาคตข้างหน้าไม่รู้ว่าริทจะได้กลับไปโลกที่ริทมาไหม? อาจจะต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป ถ้ากันไม่ว่าอะไรริทขอรักกันได้ไหม? ไม่ใช่ว่าจะให้กันเป็นตัวแทนคนรักของริทในโลกนู้น แต่ริทอยากรักกันคนนี้จริงๆ.....การที่ริทได้มาเจอกันในโลกนี้ เจอกันคนนี้ ริทเชื่อว่ามันต้องอยู่ในกำหนดของโชคชะตา”

     

    จ้องเข้าไปในสายตาที่หนักแน่นของอีกฝ่าย......ถ้าเรื่องทั้งหมดที่มันพูดเป็นเรื่องจริง แปลว่าตอนนี้มันกำลังขอเขาเป็นคนรักมันอยู่ใช่ไหมเนี่ย????

     

    “กูไม่มีทางรับรักมึงแน่นอน”

     

     

     

    ...........................................................................................

     

     

    “ไอ้หอคอยสูงๆนั่นเวลาเขาสร้างๆอย่างไรเนี่ย? ถ้าต่อนั่งร้านขึ้นไปคงต้องใช้ต้นไผ่เป็นดงแน่” คนตัวเล็กเกาะกระจกแล้วมองทิวทัศน์รอบกายตัวเอง น่าแปลกที่บ้านเมืองของเขาที่เขาเคยอยู่เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้

     

    “ไม่มีต้นไม้สักต้น นี่คงตัดเอามาทำนั่งร้านจริงๆใช่ไหมนี่”

     

    “ไม่ใช่ครับ ต้นไม้มันโดนตัดไปก็จริงแต่ไม่ได้เอามาทำนั่งร้านอะไรนั่นหรอก เขามีเครื่องจักรที่สามารถต่อขึ้นไปสูงๆจนสร้างตึกได้”

     

    “เช่นนั้นหรือ?”

     

    “ครับ ว่าแต่ริทอยากไปไหนพิเศษไหม? เด๋วกันขอแวะเข้าไปดูร้านก่อนเด๋วค่อยพาไป”

     

    “ตามใจเอ็ง”

     

                ร่างเล็กมองดูบ้านไม้สีขาวเล็กๆที่มีบรรดาต้นไม้และดอกไม้เลื้อยแปลกๆปลูกรอบๆสร้างความร่มรื่นแก่พื้นที่

     

    “ร้านของกันเอง ร้านดอกไม้เข้าไปข้างในร้านกันไหม?” ตอบข้อสงสัยของใบหน้าหวาน

     

    พยักหน้ารับก่อนลงจากรถเดินตามคนผิวเข้มเข้าไปในร้าน

     

    “อ้าวคุณกัน คุณริทเป็นไงบ้างคะ?แหมหายไปนานเลยนะคะตั้งแต่ฮันนี่มูน” เสียงเจื้อยแจ้วของมิ้นหญิงสาวที่เป็นพนักงานของร้านทักทายสองชายหนุ่มเจ้าของร้านของเธอเอง

     

    “ไม่ได้ฮันนีมูนสักหน่อย พอดีเกิดเรื่องยุ่งๆเลยไม่ได้มาเท่านั้น”

     

                คนตัวเล็กฟังบทสนทนาสองคนนั้นผ่านๆ เขาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาต่างหาก ดอกไม้แปลกๆหลายชนิดที่เขาไม่เคยเห็น บางดอกดูสวยอย่างกับของปลอม บางดอกก็มีกลิ่นหอมนวลๆสร้างความแปลกใจให้กับเขามากขึ้นไปอีก

     

    “ชอบเหรอ?” คนผิวเข้มเห็นคนตัวเล็กหยุดนิ่งไปนาน

     

    “อืมมันสวยดี แปลกตาดี มันคือดอกอะไร?” คนตัวเล็กยังคงมองดอกไม้สีม่วงที่มีกลีบทับซ้อนหลายกลีบ

     

    “ดอกกุหลาบ แต่นี่เป็นสีพิเศษ นู้นไงมีอีกหลายสีเลย” ชี้ให้ดูสีอื่นๆในร้าน

     

    “อืมแต่ข้าชอบดอกนี้สีนี้ ดอกกุหลาบงั้นเหรอ?”

     

                คนผิวเข้มอมยิ้มบางๆกับความไร้เดียงสาของร่างเล็ก ก่อนจะหยิบดอกไม้ที่อีกคนมองแล้วจัดแจงตัดทรงให้ได้รูปแล้วยื่นส่งให้คนตัวเล็ก

     

    “ให้ข้าหรือ?” คนผิวเข้มพยักหน้า มือขาวใสเลยยอมรับเอามาแล้วลองดมดูซึ่งมันมีกลิ่นแปลกๆบางๆอวลอยู่ด้วย

     

    “รู้หรือเปล่าว่าดอกไม้มันมีความหมายด้วยนะ....เวลาคนให้ดอกไม้เขาจะนึกถึงความหมายของมัน”

     

    “งั้นเหรอ?แล้วไอ้ดอกนี่มันมีความหมายว่ายังไง?” คนตัวเล็กทำท่าสนใจ

     

    “กุหลาบสีม่วง แปลว่า รักแรกพบ ยังไงล่ะ”




    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    ชื่อตอนงงไหม? เขาพยายามจะบอกว่า คนปัจจุบันคือคนที่อยู่ด้วยในเวลานั้น แต่ละคนจะทำยังไงกับคนตรงหน้าก็เชิญจร้าาา555555+

    แอร่ก รุสึกคู่กากกับริทในปัจจุบันมันหวานไปไหม? แต่ก็นะขมแล้วก็ต้องดับหวาน ส่วนไอ้เปรี้ยวๆแปร๋นๆนี่ไม่ต้องบอกว่าคู่ไหนนะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×