คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Adrenaline 8 - 100%
- 8 -
มือเล็กเอื้อมไปแหวกผ้าม่านตรงหน้าต่างออกเผยให้เห็นแสงแดดอ่อนๆของยามเช้าภายใต้ท้องฟ้าด้านบนลอดเข้ามาในห้องที่มืดมิด ดวงตากลมโตมองออกไปซักพักก่อนจะปิดมันลงจนภายในห้องมืดลงเหมือนเดิม
ผมลุกขึ้นจากเตียงเดินเตาะแตะไปเปิดไฟในห้องน้ำก่อนจะเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงอ่างล้างหน้า กระจกใสสะท้อนให้เห็นภาพใบหน้าของตัวเองที่ดูหมองกว่าเมื่อวานหลายเท่าใต้ดวงตาดำคล้ำเสียจนกลัวว่าถ้าออกไปข้างนอกอาจจะมีทีมงานของสวนสัตว์มาลักพาตัวเพราะคิดว่าผมเป็นหมีแพนด้าก็เป็นได้
หลังจากยองแจทิ้งคำพูดไว้ให้คิดผมก็ลืมตาโพล่งในความมืดทั้งคืนจนเช้าหัวสมองเอาแต่คิดถึงเรื่องราวของเมื่อวานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกระดาษนั่นหรือเรื่องของคุณเจบี
บอกตามตรงว่าหลังจากคิดได้มาทั้งคืนใจของผมมันก็เริ่มเอนไปทางคุณเจบีมากขึ้นถึงแม้ว่าสมองจะพยายามคอยเตือนอยู่เสมอว่ายังไงเขาก็เป็นบุคคลที่อันตรายและคิดที่จะกลั่นแกล้งเราอยู่แล้วก็เถอะ แต่ไม่รู้ทำไมลึกๆถึงคอยเอาแต่ต่อต้านจนทำให้สับสนนี่หน่ะสิครับ
สงสัยผมคงอยู่กับคุณเจบีมากเกินไป …
ผมตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติไม่ให้คิดอะไรไปมากกว่านี้ก่อนจะทำการล้างหน้าล้างตาชำระร่างกายสำหรับเตรียมตัวการตัดสินโชคชะตาที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไรแต่ที่แน่ๆผมคิดว่าชีวิตคงไม่มีคำว่าสงบสุขอีกต่อไปชัวร์
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวในเครื่องแบบนักเรียนของบ้านอาร์เธน่าเสร็จผมก็เดินตรงดิ่งมายังตึกเรียนของตัวเองทันทีเพราะใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วถึงเมื่อวานจะมีเรื่องรุมเร้ามากแค่ไหนแต่หน้าที่ของนักเรียนต้องมาก่อนเสมอถ้าจะโดนแกล้งก็คงต้องกัดฟันสู้หล่ะครับงานนี้
ขาเล็กก้าวเดินไปตามทางเดินยาวช้าๆด้วยความแปลกใจเนื่องจากทางเดินจะมีนักเรียนหลายๆคนจับกลุ่มคุยกันเป็นหย่อมๆอยู่หน้าห้องซึ่งเป็นบรรยากาศปกติของโรงเรียนแต่ตอนนี้กลับว่างเปล่าไร้ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาโดยสิ้นเชิง ชะเง้อมองที่หน้าต่างห้องเรียนก็ไม่มีใครอยู่เลยซักคน
วันนี้ก็ไม่ได้มีกิจกรรมรวมตัวอะไรนี่แล้วทุกคนหายไปไหนกันหมด?
ผมตัดสินใจเดินไปด้านหน้าเรื่อยๆจนเริ่มได้ยินเสียงโวยวายของผู้คนแว่วมาจากไกลๆ ช่วงขาเริ่มก้าวเร็วขึ้นก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ห้องเรียนห้องสุดท้ายที่อยู่ริมสุดของอาคาร
นักเรียนมากมายต่างมารวมตัวกระจุกกันอยู่ห้องเดียวอย่างมิได้นัดหมายและแทบไม่มีช่องว่างให้ผมมองลอดหรือแทรกตัวเข้าไปด้านในได้เลย จะสะกิดคนด้านหน้าก็กลัวว่าเขาจะหันมาแล้วต่อยผมเข้าให้
“อ่าวเฮ้ย! ประธานนี่หว่า .. ประธานรีบเข้าไปด้านในเร็ว”
ประหนึ่งมีญาณพิเศษรู้ว่าผมกำลังหมายถึงเขาอยู่ นักเรียนด้านหน้าหันหลังมาเจอผมพอดีแต่กลับไม่ทำร้ายอย่างที่คิด เขารีบคว้าแขนผมพลางดันตัวเข้าไปในฝูงชนอย่างยากลำบาก
“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?”
“อีเกิ้ลกำลังต่อยนักเรียนเราอะดิ ถึงจะมันส์ก็เหอะแต่ถ้าไม่รีบห้ามไอ้คนโดนต่อยแม่งอาจจะตายก็ได้”
“ว่าไงนะครับ!?”
ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะรีบแทรกตัวผ่านฝูงชนที่กำลังมุงดูโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้นเมื่อได้ยินชื่อของใครบางคนอยู่ในบทสนทนา ภาพตรงหน้าที่เห็นทำให้ผมถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยอาการช็อคเมื่อด้านหลังของคนที่คุ้นตากำลังกระชากคอเสื้อแล้วปล่อยหมัดใส่นักเรียนไม่ยั้งจนใบหน้าของคนถูกต่อยนั้นมีแต่รอยเลือดสีสดเต็มไปหมด
“คุณเจบี! หยุดเดี๋ยวนี้นะครับ!” ผมรีบวิ่งเข้าไปจับแขนที่กำลังจะง้างขึ้นต่อยกลางอากาศด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวว่าอีกคนเขาจะตายเสียก่อน
ร่างหนาหันมามองด้วยสายตาโมโหก่อนจะสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างรำคาญแต่ก็ยอมละมือที่เปื้อนเลือดจากนักเรียนที่สลบเหมือดไปแล้วเรียบร้อยท่ามกลางกองเลือดและรอยบอบช้ำก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยไม่ลืมที่จะเตะเข้าที่ท้องของคนด้านล่างเป็นการส่งท้าย
นักเรียนระแวกนั้นต่างวิ่งกรูกันเข้ามาอาสาพาคนเจ็บหนักแบกไปที่ห้องพยาบาลกันอย่างเร่งด่วนและวุ่นวายไปหมด ระหว่างนั้นเจบีจึงหันหลังเดินออกจากห้องผ่านฝูงชนไป
“เดี๋ยวครับ! ... คุณเจบีรอผมก่อน”
ผมรีบออกจากห้องเดินตามคุณเจบีก่อนจะรั้งแขนแกร่งไว้ให้หยุดแต่ก็โดนเขาสะบัดออกเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สอง
“ …… ”
“คุณทำแบบนี้ทำไมครับ?”
“คนที่มองว่าฉันเลวอย่างนายจะมาถามหาเหตุผลทำไม”
“แต่ว่า ... อ๊ะ!”
คุณเจบีดันผมชิดติดกำแพงก่อนจะยกมือขึ้นบีบคออย่างแรงจนต้องปัดป่ายมือคล้ายจะให้เขาปล่อยออกด้วยความทรมาน แรงบีบต้นคอของอีกคนทำให้ระบบหายใจเริ่มทำงานยากขึ้นเรื่อยๆ
หายใจไม่ออก …
ในตอนที่ผมกำลังจะทนไม่ไหวนั่นเองโชคดีที่คุณเจบีปล่อยมือออกเสียก่อน ทันทีที่ปล่อยผมก็ทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้นพลางหายใจหอบหนักราวกับชีวิตนี้จะไม่ได้หายใจแล้ว รู้สึกกลัวคนตรงหน้าจับใจจนไม่กล้าที่จะสบตาอีก
รู้สึกได้ว่าคนคนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“อย่ามายุ่งกับฉันอีก”
“เฮ้ย! ขนาดนั้นเลยหรอ!?”
“อือ”
ยองแจอุทานด้วยความตกใจเมื่อรู้ที่มาของรอยช้ำตรงคอของเพื่อนสนิทระหว่างทายาให้อย่างเบามือในห้องพยาบาลที่ไม่มีคนดูแลอยู่มีเพียงนักเรียนที่ถูกเจบีซัดมาอย่างหนักกำลังนอนไม่ได้สติอย่างหมดสภาพเพียงเท่านั้น
“ฉันว่าฉันคงคิดผิดแล้วแหละที่มองอีเกิ้ลเป็นคนดี .. หนอยไอ้เลวทำเพื่อนฉันหรอ มันต้องโดน!!”
“โอ๊ย! ยองแจอะ … จะโกรธก็อย่าใส่อารมณ์กับแผลเราสิ”
“อ่าว โทษที”
ผมร้องลั่นเมื่อยองแจเผลอกดรอยตรงคอระหว่างทายาให้อย่างแรงจนสะดุ้งตัวโยนน้ำตางี้แทบไหลออกมาเลยครับ ไม่รู้ว่าใช้มือหรือเท้าทาให้ทำไมมันถึงหนักหน่วงเหลือเกิน
สุดท้ายความตั้งใจที่จะมาเรียนก็ต้องถูกพับเก็บไปแถมต้องมาลำบากเพื่อนตัวเองให้พามาทำแผลที่ห้องพยาบาลอีก ถึงแม้ว่าอีกคนจะดูเต็มใจที่จะมาพาโดยไม่ต้องเรียนก็เถอะ
“แล้วนายจะเอายังไงต่อ?” ยองแจถามขึ้นระหว่างที่ตนเองกำลังเก็บของอยู่
“ก็คงต้องทำตามที่คุณเจบีบอกหล่ะมั้ง เรากลัวที่จะโดนแบบตอนนั้นแล้ว”
“งั้นหรอ? ก็ดีแล้วหล่ะ .. ยุ่งกับคนพรรค์นั้นก็ใช่ว่าชีวิตจะดีเสมอไป”
ในตอนที่กำลังเก็บของเตรียมออกจากห้องพยาบาลอยู่ก็มีเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นั่งอยู่ ผมรีบเด้งตัวลุกขึ้นเดินไปยังเตียงผู้ป่วยด้านในทันทีเพราะรู้ว่าคงไม่ใช่เสียงใครที่ไหนนอกจากนักเรียนที่เจ็บหนักคนนั้น
“เป็นยังไงบ้างครับ?”
ผมมองคนบนเตียงที่มีผ้าพันแผลพันอยู่เกือบทั้งใบหน้าด้วยความเป็นห่วง โชคดีที่โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ทันสมัยแม้กระทั่งห้องพยาบาลมีเครื่องมือช่วยเหลือต่างๆอย่างครบถ้วนเหมือนเป็นโรงพยาบาลชั้นนำขนาดย่อมเลยก็ว่าได้
จริงๆแล้วผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าคนที่ถูกคุณเจบีทำร้ายก็คือคนของบ้านอาร์เธน่าจึงต้องทำหน้าที่คอยดูแลอาการของคนของบ้านตัวเองอย่างใกล้ชิด
คนเจ็บลืมตามองผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกลี้ลุกลนพยายามลุกขึ้นมาก้มหัวให้อย่างทุลักทุเล
“ผ .. ผมขอโทษครับผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ยกโทษให้ด้วยนะครับ ผมขอโทษจริงๆ”
“ใจเย็นนะครับคุณ พอจะเล่าเรื่องให้ผมฟังคร่าวๆได้มั้ยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
ผมรีบปลอบประโลมคนป่วยอย่างอ่อนโยนเพราะดูท่าทางเหมือนเขาจะหวาดผวาเอามากๆ คงจะเป็นผลข้างเคียงจากที่โดนคุณเจบีทำร้ายจนเจ็บหนักขนาดนี้หล่ะมั้ง
“ค .. คือเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะผมเอง ผมแค่ต้องการเงินมาหมุนใช้เพียงเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายถึงขนาดนี้”
“หมายความว่ายังไงครับ?”
ชายคนนั้นมีท่าทีอึกอักนิดหน่อยแต่ก็ยอมเอ่ยปากบอกอย่างตะกุกตะกักอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เรื่องของประธาน .. บนบอร์ดนั่น .. ผมเป็นคนลงมือทำเองครับแต่ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับ ผมแค่รับงานมาจากคนอื่นเท่านั้นเพราะเห็นว่ามันได้เงินดีเลยรับมาทำแบบไม่ได้คิดอะไร ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับอีเกิ้ลด้วย”
ผมรู้สึกเหมือนมีใครยกภูเขาออกจากอกแต่กลับมีฆ้อนเหล็กอันใหญ่ทุบเข้าที่หัวซ้ำเข้าเต็มๆจนหัวสมองเบลอไปหมด
โล่งอกที่คุณเจบีไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด แต่กลับเจ็บปวดที่ตัวเองดันโทษไปเองว่าเขาเป็นคนทำ
ที่เขาทำกับเราขนาดนี้คงเพราะโกรธเรามากสินะ …
“คดีพลิกจากหลักตีนเป็นฝ่ามือเลยอะ”
ยองแจที่ฟังเรื่องราวอยู่เงียบๆจากด้านหลังเปรยออกมาด้วยความตะลึงซึ่งผมเองก็เป็นไปกับเขาด้วย
“แล้วใครเป็นคนจ้างคุณหรอครับ?”
“ไม่รู้จริงๆครับ … ผมรับงานนี้มาจากเว็บบอร์ดแยกของโรงเรียนแล้วเขาก็เป็นฝ่ายโอนเงินเข้ามาในบัญชีผมก่อนทันทีโดยใช้นามแฝงโอนมา”
ผมพยักหน้ารับพลางบอกให้เขาพักผ่อนให้สบายก่อนจะขอปลีกตัวออกมาจากห้องพยาบาลพร้อมกับยองแจ
“ทำหน้างี้คงคิดถึงเรื่องอีเกิ้ลอยู่อะดิ”
“ใช่ .. ยองแจทำไงดีอะ เราทำผิดเต็มๆเลยเพราะความโง่ของเราแท้ๆ” ผมเกาะแขนเพื่อนตัวเองพลางกระโดดโหยงเหยงด้วยความกังวลจนยองแจหรี่มองด้วยหางตา
“ให้ทำหล่ะ ก็ไปง้อดิ”
“ง้อยังไงอะเราง้อใครไม่เป็นหรอก”
“แล้วหน้าอย่างฉันดูเหมือนง้อใครเป็นหรอ? ลองเสิร์ตหาในเน็ตเอาแล้วกันนะ … ฉันไปก่อนละ บ๊ายบาย”
“ยองแจ! … คนใจร้าย!!!”
ผมกระทืบเท้าอย่างงอนๆที่เพื่อนไม่คิดจะช่วยเหลือคนอื่นยามเดือดร้อนแต่กลับเดินหนีหายไปในกลีบเมฆอย่างลอยนวล เมื่อไม่มีใครที่ช่วยเหลือได้จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดเว็บกูเกิ้ลเสิร์จหาวิธีง้อคนด้วยความเร่งด่วน
ไม่ต้องมองแบบนั้นเลยนะครับ! ก็ผมง้อใครไม่เป็นจริงๆนี่นา L
50%
“ประธานครับ .. ผู้อำนวยการเรียกพบครับ”
ผมพยักหน้ารับพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกจากห้องประธานไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไหร่เพราะรู้ดีว่าผลที่เกิดขึ้นวันนั้นมันคงทำให้ผมหลุดจากสถานะนักเรียนทุนแน่นอนอยู่แล้ว ที่เรียกไปพบก็คงชี้แจงรายละเอียดเพื่อความเป็นทางการเพียงเท่านั้น
แต่ถึงจะรู้แบบนั้นก็อดที่จะใจเต้นตึกตักด้วยความกังวลไม่ได้ เหงื่อกามเริ่มผุดออกมาตรงฝ่ามือจนต้องถูมันออกกับกางเกงอย่างลวกๆก่อนจะเคาะประตูบานใหญ่ดูน่าเกรงขามแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ประตูบริเวณนี้จึงไม่ค่อยมีผู้คนผ่านมามากนักนอกจากคณะครูอาจารย์
ก็อกก็อกก็อก
“เชิญค่ะ”
ผมโค้งตัวให้เลขาส่วนตัวก่อนจะค่อยๆเดินไปยังโต๊ะของผู้อำนวยการพลางก้มหัวให้คนบนเก้าอี้นวมทรงสูงอย่างเกร็งๆ ถ้าใครเคยอยู่ณจุดนี้จะรู้เลยครับว่ามันเป็นอะไรที่ทำตัวไม่ถูกจริงๆ จริงอยู่ที่ผมมักจะคลุกคลีกับผู้ใหญ่ซะส่วนใหญ่จึงทำให้มีนิสัยอ่อนน้อมตลอด แต่การที่ต้องอยู่กับคนใหญ่คนโตน่าเกรงขามขนาดนี้ต่อให้ใครเก่งมาจากไหนก็คงต้องเกร็งกันบ้างเหมือนกัน
“ประธานอาร์เธน่า … เชิญนั่งครับ”
ผู้อำนวยการผายมือเป็นการอนุญาตก่อนจะทำการเปิดแฟ้มข้างตัวเพื่อดูอะไรบางอย่างซึ่งผมก็ไม่สามารถคาดเดาได้อยู่ซักพักก่อนจะปิดมันลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมตรงๆด้วยแววตาของผู้เป็นใหญ่
“ผมจะขอไม่ซักไซร้สาเหตุที่แท้จริงนะครับว่าคนที่มีประวัติดีขาวสะอาดตลอดอย่างคุณปาร์คจินยองจะทำอะไรที่ผิดกฏได้มากมายขนาดนี้ภายในไม่กี่วัน … แต่ผมคิดว่าคุณคงทราบดีว่าการทำแบบนี้มันทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงทั้งทางภายในและภายนอกอีกทั้งยังเป็นที่นินทาของพวกเด็กนักเรียนอีกด้วย”
“ครับ ผมทราบดี”
ผมพยักหน้ารับทั้งๆที่ยังก้มหน้าไม่สบตากับผู้อำนวยการ มือที่อยู่ไม่สุขก็คอยจับๆถูๆกับกางเกงอย่างวิตกกังวล รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังสารภาพบาปกับคุณพ่อและกำลังจะโดนไล่ออกจากบ้านในไม่ช้า อยากจะร้องขอโอกาสแต่ความผิดมันมากเสียจนปากหนักไม่กล้าพูดเหมือนมีอะไรมาถ่วงไว้
“ความผิดขนาดนี้ทางเราจะต้องปลดคุณออกจากการเป็นประธานของบ้านอาร์เธน่าและอนุมัติใบลาออกให้กับคุณเช่นกัน”
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นผมขอตัวไปเก็บขอ …”
“แต่ …”
ผู้อำนวยการเอ่ยแทรกขึ้นมาหนึ่งคำเรียกให้ผมลืมไปชั่วครู่ว่ากำลังเกรงกลัวคนตรงหน้าอยู่และกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ลิ้นชักด้านล่างของโต๊ะถูกเปิดขึ้นโดยมีแผ่นกระดาษสีขาวที่ถูกพับไว้อยู่ภายในเจ้าของหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเลื่อนไปยังตรงหน้านักเรียนของเขา
เมื่อได้รับการอนุญาตผมจึงคลี่มันออกมาอ่านโดยไม่ลังเล ด้านในเป็นข้อความสั้นๆไม่กี่บรรทัดแต่เป็นลายมือทั้งหมดซึ่งลายมือก็ขยุกขยิกแทบที่จะจับใจความไม่ออกเหมือนผู้เขียนไม่ได้ผ่านการคัดลายมือมาอย่างยาวนาน เนื้อหาด้านในเหมือนเป็นการโอนสัญญาอะไรซักอย่างซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“หมายความว่าไงครับ?”
“นั่นเป็นจดหมายขอโอนย้ายความผิดของคุณปาร์คจินยองไปยังผู้อื่นแทน … จริงๆแล้วมันไม่มีจดหมายแบบนี้หรอกแต่เจ้าของจดหมายเขาร่างขึ้นมาก่อนจะยื่นมันให้ผมด้วยตนเอง”
“แล้วมัน … โอนไปยังใครหรอครับ?”
“คุณอิมแจบอมหรืออีเกิ้ลที่เขาเรียกกัน”
!!!!!
ผมเบิกตากว้างเท่าไข่ห่านด้วยความตกใจพลางก้มลงมองจดหมายในมืออีกครั้ง ลายมือและคำเขียนทั้งหมดเมื่ออ่านดูดีๆก็รู้สึกได้ว่าคุณเจบีเป็นเจ้าของจดหมายนี้จริงๆ
จู่ๆก้อนเนื้อด้านในก็เต้นตึกตักถี่ยิ่งกว่าตอนก่อนมาคุยกับผู้อำนวยการเสียอีก มันไม่ได้เป็นอาการของคนที่วิตกกังวลแต่มันเป็นความรู้สึกแปลกๆทั้งดีใจเสียใจสับสนปนเปกันมั่วไปหมดจนผมไม่รู้จะอธิบายมันยังไง
“เมื่อช่วงเช้าในตอนที่ผมกำลังจัดการเรื่องของคุณอยู่ จู่ๆเขาก็เข้ามาหาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมบอกกับผมว่าความผิดทุกอย่างที่คุณทำให้โอนมาที่เขาแทน … ซึ่งผมก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะอิมแจบอมเป็นลูกหลานของคนใหญ่คนโตที่พวกเขาต่างบริจาคเงินให้ทางโรงเรียนมากจนไม่สามารถประเมินค่าได้”
“ …… ”
“และในเมื่อความผิดของคุณถูกโอนไปแล้วแน่นอนว่าตอนนี้คุณจึงสามารถใช้ชีวิตในโรงเรียนนี้ได้อย่างปกติ … แต่ขอให้จำบทเรียนนี้ไว้เป็นอุทาหรนะครับ ยังไงซะนักเรียนของผมต้องเป็นคนดีได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น”
เมื่อผู้อำนวยการพูดจบเขาก็ขอตัวสานงานของตัวเองที่ต้องทำต่อทันที ผมโค้งหัวกล่าวลาก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงเลยซักนิด รู้สึกได้ว่าตอนนี้หัวใจมันได้ลอยหายไปที่ไหนซักแห่งเสียแล้วและคิดว่าคงไม่ได้หายไปไหนไกล ..
ผมมองจดหมายในมืออีกครั้งก่อนจะเดินออกจากตึกไปอย่างไม่ลังเล ในหัวสมองตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรนอกจากวิธีการคืนดีกับใครบางคนที่กำลังโกรธเขาอยู่
และคิดหาเหตุผลว่าทำไมคุณเจบีถึงคอยช่วยเหลือมากมายขนาดนี้
ภายในห้องปลูกผักของบ้านแฮร์โรว์มีชายหนุ่มผู้สวมชุดนักเรียนสีน้ำตาลกำลังนอนตะแคงบนพื้นเย็นเฉียบด้วยความเบื่อหน่ายหลังจากที่ตนได้ซัดหมัดใส่ไอ้คนที่มันบังอาจะเอาชื่อเสียงเรียงนามของเขามาอ้างในการทำร้ายใครบางคนจนถูกหามเข้าห้องพยาบาลและแถมยังเผลอทำร้ายคนที่ตั้งใจว่าจะไม่ทำร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจอีก
ถึงแม้ว่าจะชดใช้ความผิดให้แล้วด้วยการให้ผู้อำนวยการโอนความผิดของอีกคนมาที่เขาแทนแต่ในหัวมันยังมีแต่ภาพของเขากำลังใช้อารมณ์เพียงชั่ววูบบีบเข้าที่คอของผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งวนเวียนไปมาจนถึงกับไม่เป็นอันทำอะไรทั้งสิ้น
ถึงจะรู้สึกผิดแต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
“แม่งเอ๊ย!”
เจบีคว้าสลิปเปอร์สีเหลืองที่อยู่ใกล้มือก่อนจะปักมันลงกับแปลงผักปลอดสารพิษที่เคิร์ลถนุถนอมปลูกมันอยู่นับปีซ้ำๆหวังจะระบายความเครียดออกไปได้บ้างจนสลิปเปอร์ในมือเริ่มกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนเนื่องจากเปื้อนดินก่อนจะเขวี้ยงมันทิ้งออกไปอย่างไร้เยื้อใยแปลงผักกลายเป็นหลุมบ่อหลายจุดผักสีเขียวสดนาๆชนิดที่เคยตั้งไว้อย่างสวยงามตอนนี้ต่างนอนจมลงกับกองดินอย่างน่าสงสาร
แอบรู้สึกผิดกับผักที่อุส่าห์ฝังรากตัวเองมานานเป็นปีแต่ก็สมควรแล้วกับการที่มาร์คมันสั่งให้คนอย่างอีเกิ้ลมาคอยรดน้ำพรวนดินแถมยังสั่งให้คอยเฝ้าพวกผักอีก
แต่ที่โง่สุดๆก็คงจะเป็นเขาเองที่กลับยอมทำตามที่มันสั่ง …
ติ๊ง!
เสียงข้อความเข้าช่วยดึงความสนใจจากคนบนพื้นได้เป็นอย่างดี มือหนาเอื้อมหยิบโทรศัพท์ก่อนจะสไลด์เปิดมันอย่างเนือยๆโดยไม่ได้ดูชื่อว่าใครเป็นคนส่งมา
Jinyoung P.
คุณเจบีครับ .. ผมรู้ว่าคุณคงโกรธอยู่มาก
ถ้าหากคุณอ่านข้อความนี้ผมอยากจะขอโทษคุณอย่างเป็นทางการโดยไม่ใช่ผ่านทางตัวหนังสือ
วันนี้ตอนหนึ่งทุ่มผมจะรออยู่ที่สนามข้างๆกับบ้านพักคุณ … หวังว่าคุณจะมานะครับ
ดวงตาคมไล่วนอ่านข้อความนั้นอยู่หลายรอบราวกับต้องมนต์ก่อนจะกดปุ่มdeleteข้อความเหมือนกับว่าต้องการที่จะลบความรู้สึกในใจไปด้วย ข้อความแจ้งเตือนการยืนยันลบข้อความเด้งขึ้นอีกครั้ง นิ้วเรียวขยับสลับไปมาระหว่างคำว่ายืนยันกับยกเลิกมีตัวเลือกอยู่สองตัวเลือกแต่เขาไม่กล้ากดซักปุ่ม หากกดปุ่มยืนยันมันจะสามารถลบได้ทุกอย่างจริงๆหรอ? และถ้าหากกดปุ่มยกเลิกมันจะสามารถทำให้คนคนนั้นกลับมาเชื่อใจเขามากขึ้นหรอ?
ร่างสูงกดล็อคเครื่องทั้งๆที่ยังไม่ได้กดเลือกก่อนจะเอามือที่จับโทรศัพท์อยู่ขึ้นมาก่ายหน้าผากเหมือนคนไร้ทางออก เขารู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อราวกับถูกบีบอยู่ภายในจนเจ็บแปล๊บขึ้นมาเบาๆ
เขารู้ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร แต่เรื่องที่จะให้ยอมรับคงเป็นไปได้ยาก
“ให้ตายดิวะ .. นี่มันวิกฤตชัดๆ”
-----------------------------------------------
ใครที่รอฉากละมุนอยู่ขอให้อดทนอีกซักนิด
#ADNL9494
ฟิคเรามีคลิปทีเซอร์แล้วนะรู้ยัง!?
ใครที่ยังไม่เคยดูคลิก ที่นี่!!
ความคิดเห็น