คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Adrenaline 13 - 130% + Talk {END OF SEASON1}
Adrenaline
EAGLE ♡ MAGPIE
- 13 -
▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦
“คุณเจบีครับ”
“หืม?”
“… นี่หน่ะหรอครับ .. ที่ที่เราสองคนจะมีความสุข” ผมถามย้ำคนข้างๆด้วยความไม่แน่ใจเมื่อเห็นสถานที่ที่ตรงหน้าอย่างเต็มตา มองเด็กผู้ชายตัวเล็กวิ่งตัดหน้าตนเพื่อเข้าไปยังสถานที่ด้านในโดยมือน้อยคอยจับมือผู้เป็นแม่อยู่ตลอดเวลา
“แล้วใครเขามาที่นี่แล้วไม่มีความสุขบ้างหล่ะ?”
“คุณอยากมาอยู่แล้วก็บอกสิครับ”
ผมเลิกคิ้วเหล่ตามองไปยังคุณเจบีอย่างรู้ทันแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับการที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นเลยซักนิด เขาจับแขนผมก่อนจะลากพาเดินผ่านประตูบานใหญ่เพื่อเข้าไปยังด้านในเสียทีหลังจากยืนเถียงกันไปกันมาอยู่นาน
“ยินดีต้อนรับสู่สวนสนุกครับคุณอิมแจบอม!!!”
ผมสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อเพียงแค่ผ่านประตูทางเข้าก็มีชายในชุดสูทหลายคนยืนขนาบข้างทั้งสองทาง เสียงเข้มตะโกนเสียงดังฟังชัดก้องไปทั่วทั้งทางเดินพลางก้มหัวต้อนรับให้กับลูกชายเจ้าของน้ำมันและการค้าอาวุธรายใหญ่ในหลายประเทศชั้นนำ
เจบีไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไร เขายกมือขึ้นอย่างส่งๆเป็นเชิงตอบรับคำต้อนรับจากตัวแทนสวนสนุกแห่งนี้ด้วยความรำคาญก่อนจะรีบจับข้อมือบางเพื่อเดินหนีไปจากตรงนี้โดยไว แต่ก็ไม่ทันเจ้าของที่มายืนดักรออยู่ก่อนหน้านี้แล้วทำเอาชายเลือดร้อนถึงกับหงุดหงิดขึ้นมาอีกระรอก
“นับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงเลยครับที่คุณอิมแจบอมอุส่าห์เสียสละมาใช้บริการทางสวนสนุกของเราในวันนี้”
“ครับ เช่นกัน”
เจบีตอบโดยไม่มองหน้าของเจ้าของสวนสนุกเลยซักนิด สิ่งที่เขาเบื่อที่สุดก็คือการจะไปไหนซักที่จะต้องมีพวกชอบประจบประแจงมาคอยต้อนรับกันอย่างอลังการเกินความจริง มากกว่านั้นก็คือเจ้าของสถานที่ต่างๆจะมาคอยเลียแข้งเลียขาเกะกะขวางทางเสียตลอดจนอยากจะใช้สินค้าของตัวเองระเบิดทุกที่ให้รู้แล้วรู้รอด
“ถ้ายังไงให้ผมแนะนำเครื่องเล่นที่เหมาะกับคุณอิมแจบอมกับเพื่อนของคุณให้นะครับ”
“น่ารำคาญโว้ย! ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผมดิวะ ถ้าคุณพูดอีกทีผมจะโทรหาพ่อแล้วสั่งให้ระเบิดที่นี่ทิ้งแม่ง”
ในที่สุดเส้นอดทนในหัวก็ขาดผึง เจบีโวยวายออกไปชุดใหญ่จนทุกคนพากันอึ้งไปตามๆกันรวมทั้งผมที่ยืนเป็นตัวประกอบอยู่ข้างๆอย่างกลัวๆเพราะไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศแปลกๆนี่ซักเท่าไหร่ ก่อนที่ผมจะโดนดึงแขนให้เดินออกมาจากจุดนั้นอีกครั้ง
หลังจากเดินออกมาได้ไกลพอสมควรอีกทั้งคนพวกนั้นก็ไม่ได้เดินตามมาแต่อย่างใดคุณเจบีจึงลดความเร็วลงจนกลายเป็นหยุดยืนอยู่ตรงบริเวณโซนนั่งพักสำหรับผู้เหน็ดเหนื่อยจากเล่นเครื่องเล่นแต่เราทั้งสองคนยังไม่ได้เล่นอะไรซักอย่างก็เหนื่อยราวกับไปเล่นมาสิบอย่างเสียแล้ว
“ไม่เห็นต้องพูดกับพวกเขาขนาดนั้นเลยครับ”
ผมเอ่ยขึ้นระหว่างที่กำลังยืนท่ามกลางแดดร้อนที่กำลังแผดเผาอยู่ ความร้อนบวกกับช่วงเวลาที่เดินเข้ามาถึงบริเวณนี้เริ่มขับเหงื่อให้ไหลออกมาตามรูขุมขนมากเสียจนเอามือปาดออกเท่าไหร่ก็ไม่หมดไปจากใบหน้าเสียที
“คนไม่รู้เรื่องราวในโลกมืดอย่างนายอธิบายไปก็คงไม่เข้าใจหรอก”
เจบีมองร่างเล็กพยายามโบกมือพัดใส่ตัวเองไปมาอย่างขำๆในท่าทางที่ออกจะติดตลกเล็กน้อย มองดูแล้วก็เหมือนกับนกตัวน้อยๆที่พยายามกระพือปีกเพื่อฝึกบินยังไงอย่างนั้น
“อ๊ะ! ทำอะไรหน่ะครับ!”
“นั่งพักสิ .. เหนื่อยไม่ใช่หรือไง?”
จู่ๆผมก็ถูกคุณเจบีกระชากแขนจนร่างทั้งร่างเซถลาลงมานั่งบนตักแกร่งของคนด้านหลังที่นั่งบนเก้าอี้อยู่แล้วอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยความที่กำลังตกใจอยู่ร่างหนาจึงใช้โอกาสนี้ล็อคเอวบางไว้ไม่ให้หนีไปไหนด้วยแขนเพียงข้างเดียวเพราะเขารู้ดีว่าคนคนนี้เป็นอันต้องดิ้นคลุกคลิกซนเป็นแมวอีกแน่นอน
ผมพยายามแกะมือที่เกาะติดอยู่บนเอวออกแต่ก็ไม่สามารถเอากาวชนิดนี้ออกไปได้เลยซักนิด ผลสุดท้ายก็ต้องยอมนั่งในท่าแบบนี้ต่อหน้าผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างจำยอม ทั้งอายทั้งรู้สึกแปลกๆ ก็การที่มีผู้ชายสองคนนั่งบนตักในที่สาธารณะแบบนี้มันปกติซะที่ไหนหล่ะครับ
คุณเจบีหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงของตัวเองขึ้นมาพลางซับเหงื่อบนใบหน้าขาวใสให้อย่างอ่อนโยน ท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนสร้างความแปลกใจให้กับผมมากถึงกับเผลอใช้มือดันแขนของอีกคนออกก่อนจะมองผ้าเช็ดหน้าสีเข้มผืนเล็กสลับกับใบหน้าคมคายของคุณอีเกิ้ลที่กำลังมองมายังผมด้วยความสงสัย
“อะไร?”
“คุณพกผ้าเช็ดหน้าด้วยหรอครับ?”
“ก็เพิ่งจะเริ่มพกวันนี้”
“ ….. นี่คุณมีแผนอะไรแอบซ่อนอยู่รึป่าว? บอกผมมาซะดีๆเลยนะครับ”
ผมหรี่ตามองด้วยสายตาที่จ้องจับผิด จริงๆก็สงสัยตั้งแต่มาถึงสวนสนุกแห่งนี้แล้วหล่ะครับ จากที่ได้รู้จักกับเขามาคุณเจบีไม่น่าจะเป็นคนที่ย่างกรายเข้ามาในแหล่งรวมของเด็กเล็กและคู่รักหวานแหววอย่างแน่นอนดูท่าจะรังเกียจเสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้กลับทำทุกอย่างที่ดูตรงกันข้ามไปหมดจนอดที่จะสงสัยเสียไม่ได้
เจบียื่นโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองมาให้ผมโดยไม่ลังเลที่จะเล่นตัวเลยซักนิด หรือบางทีเขาก็อาจจะรอให้ผมถามคำถามนี้อยู่ก่อนแล้วก็เป็นได้ ผมรับโทรศัพท์มาเลื่อนๆเว็บเพจหนึ่งที่ถูกเปิดค้างไว้อยู่
“คู่มือการเดท?” ผมอ่านหัวข้อที่ถูกเขียนไว้ตัวใหญ่กลางหน้าเพจก่อนจะเอียงหัวเล็กน้อยด้วยความสงสัย ทำไมต้องคู่มือการเดทหล่ะ?
“ก็แค่อยากพามาเที่ยวแต่ไม่รู้จะพาไปที่ไหน นายก็รู้ว่าฉันไม่ถนัดอะไรพวกนี้”
“ไม่เห็นต้องพาผมไปที่ไหนเลยนี่ครับ”
“แต่ฉันอยากไปกับนาย”
คำพูดที่สื่อความหมายแปลกๆและสายตาจริงจังของคุณเจบีที่กำลังมองมาทำเอาผมเงียบลงและหันหน้าหนีไปอีกทางในทันที ความขัดเขินเริ่มก่อตัวขึ้นจนฟันขาวต้องกัดริมฝีปากล่างอมชมพูไว้เพื่อกลั้นรอยยิ้มไม่ให้ผุดขึ้นมา
วันนี้วันเกิดผมหรอ? ก็ไม่ใช่นี่นา … แล้วทำไมคนที่ดูจะเกลียดอะไรแบบนี้ถึงยอมทำมันทุกอย่างได้กันนะ? มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
คิดไปก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี ผมจึงเลือกที่จะสะบัดความคิดเมื่อกี้ออกและหันกลับมามองคนด้านหลังอีกครั้งหลังจากกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองได้แล้วเรียบร้อย
“ก็ได้ครับไหนๆก็มาแล้วผมจะยอมเป็นคู่เดทให้ก็ได้ครับ อืม .. เริ่มจาก …”
ผมมองไปยังรอบๆบริเวณรอบๆพื้นที่ที่เราทั้งสองคนนั่งอยู่เพื่อหาสิ่งที่น่าสนใจในการออกเดท .. เอ่อ … การไปเที่ยวสองต่อสองที่ว่านั้นควรทำอะไรบ้าง ความจริงแล้วผมเองก็ไม่รู้หรอก เอาเป็นว่าหาอะไรก็ได้ที่น่าสนใจสำหรับตัวเองเป็นพอ
ในขณะที่สายตากำลังกวาดมองก็ไปสะดุดเข้ากับร้านร้านหนึ่งซึ่งเป็นรถเข็นขนาดกลางมีขนมต่างๆตั้งโชว์อยู่หลากหลายอย่างเช่นอมยิ้มน้ำขนมและแน่นอน .. สายไหมสีสดใสซึ่งเป็นที่ถูกใจเหล่าเด็กๆที่เดินผ่านรวมทั้งตัวผมเองด้วย
“ไอ้นั่นเนี่ยนะ?” คุณเจบีมองตามนิ้วเรียวที่ยกขึ้นชี้ไปยังทางด้านหน้าก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแขยงในสีสันของร้านมันนิดหน่อยถึงแม้ว่ามันจะเข้ากับจินยองก็เถอะ
“ก็ผมเคยเห็นในละครนี่นา”
ผมลุกขึ้นเดินไปยังร้านขนมที่เล็งไว้ทันที โชคดีที่ร้านนี้คนไม่ค่อยหยุดซื้อกันมากนักเพราะมันตั้งติดอยู่กับร้านอาหารขนาดใหญ่จึงไม่มีใครให้ความสนใจมันซักเท่าไหร่
“ขอสายไหมสีฟ้าอันนึงครับ”
ผมชี้ตัวอย่างสายไหมที่ตั้งโชว์ไว้พลางเงยหน้ามองคนขายไปด้วยราวกับเด็กๆที่มายืนขอขนมฟรีหน้าร้าน ระหว่างที่คนขายกำลังทำสายไหมให้อยู่นั้นผมก็หยิบกระเป๋าตังค์ของตัวเองเพื่อรอจ่ายตังค์ไปพลางๆ
“ไม่ต้องทอน”
ยังไม่ทันที่จะหยิบตังค์ออกมาจากกระเป๋าก็มีมือที่คุ้นเคยมาดักหน้าไว้เสียก่อน คุณเจบีที่เดินมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ยื่นแบงค์หมื่นวอนให้กับคนขายที่ยื่นขนมสายไหมกลับมาพอดีก่อนจะพาเดินออกมาห่างจากร้านได้ระยะหนึ่ง
“จริงๆแล้วผมจ่ายเองก็ได้นะครับ”
“นายนี่ … ไม่ได้มาเที่ยวธรรมดานะจะให้จ่ายเองได้ไง” คุณอีเกิ้ลแกล้งมองไปยังทางอื่นก่อนจะพูดออกมาเบาๆราวกับบ่นอยู่กับตัวเองเพียงคนเดียวแต่ก็ไม่พ้นคนหูดีอย่างผมอยู่ดี รอยยิ้มรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ผุดขึ้นมาอีกระรอก
“อะ .. กินสิครับ อร่อยนะ”
ผมยื่นสายไหมสีฟ้าอ่อนไปยังตรงหน้าคุณอีเกิ้ลก่อนจะส่ายมันไปมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ เจบีขมวดคิ้วเบี่ยงใบหน้าหลบเมื่อเห็นของหวานชวนเลี่ยนใกล้มากเกินไป ที่เคยเห็นเขาติดอมยิ้มแบบนี้ก็ใช่ว่าเขาจะชอบของหวานเสียที่ไหน
“ไม่กิน”
“คุณเจบี~ กินน้า~”
น้ำเสียงออดอ้อนบวกกับใบหน้าน่ารักที่อมลมจนแก้มบวมตุ้บป่องอยากจะยื่นมือเข้าไปหยิกให้แก้มใสๆนั่นช้ำให้รู้แล้วรู้รอด เจบีได้แค่เหล่ตามองนิดหน่อยก่อนจะยอมใจอ่อนในที่สุด ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นจินยองว่านอนสอนง่ายและน่ารักขนาดนี้มันทำให้เขาใจแข็งกับคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
เมื่อเห็นท่าทียอมโอนอ่อนของคุณเจบีแล้วผมจึงย้ายตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าอีกคนก่อนจะชูสายไหมที่รอให้เจ้าของลิ้มลองขึ้นมาตรงหน้าอีกครั้ง เจบียื่นใบหน้าเข้าไปกัดขนมสีฟ้าอย่างไม่คิดอะไรเพราะคนตรงหน้าคงแค่เพียงอยากให้ตัวเขาลองกินของหวานบ้างหล่ะมั้ง
!!!!
คนตัวเล็กเขย่งเท้าขึ้นนิดหน่อยหลังจากนั้นใบหน้าหวานก็ยื่นเข้ามาใกล้จนร่างของทั้งสองคนนั้นอยู่ห่างกันเพียงคืบเล็กๆ ริมฝีปากบางงับขนมสายไหมทั้งๆที่ดวงตากลมช้อนมองสายตาคมกริบที่กำลังมองกลับมาอย่างอึ้งๆอยู่เช่นเดียวกัน โชคดีที่เสียงของสถานที่แบบนี้มันค่อนข้างที่จะดังทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ยินเสียงก้อนเนื้อด้านในที่เต้นอย่างรุนแรงจนแทบจะหลุดออกมา
“ในละครเขามีฉากนี้ด้วยนะครับ”
ผมแกล้งพูดโดยที่ใบหน้านั้นยิ้มจนดวงตาปิดสนิท สัมผัสของความสุขที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้ามาในชีวิตมากเท่าไหร่แต่จู่ๆก็กลับได้รับมาจากคนคนนี้มากมายเหลือเกินจนบางทีก็แอบคิดว่าถ้าวันนึงไม่มีเขาขึ้นมาชีวิตประจำวันของผมจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน
เจบีซึ่งไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาแกล้งได้ง่ายๆจึงยื่นมือเข้าไปเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นมองตนก่อนจะเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้มากเสียจนจินยองต้องรีบหลับตาปี๋ ลิ้นหนาไล้เลียเศษขนมสายไหมที่ติดอยู่บนขอบริมฝีปากอมชมพูของคนตรงหน้าอย่างเบาๆและเชื่องช้าราวกับไม่ต้องการที่จะผละช่วงเวลานี้ออก
“ในละครก็คงมีฉากแบบนี้เหมือนกันสินะ”
อีเกิ้ลผละออกมาก่อนจะส่งยิ้มแห่งชัยชนะให้กับร่างบางที่ยืนหน้าแดงก่ำตรงข้ามกับสายไหมสีอ่อนโดยสิ้นเชิง สัมผัสเมื่อครู่ยังคงตรึงตราจนผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ถือก้านสายไหมทั้งสองมือกัดมันอย่างเงียบๆโดยที่มีแขนแกร่งของคุณอีเกิ้ลคอยโอบรอบคอพาเดินไปยังสวนสนุกรอบๆอย่างอารมณ์ดี
แพ้อีกจนได้ …
40%
“รถไฟเหาะ”
“มันสูงนะครับ”
“ถ้วยหมุน”
“เดี๋ยวก็อ้วกหรอกครับ”
“บ้านผีสิง”
“คุณอยากตายหรอครับ?” ผมพูดน้ำเสียงเย็นเฉียบพลางหันไปมองคนด้านข้างด้วยหางตาที่กำลังเดินเอื่อยๆไปตามเส้นทางของสวนสนุกที่ถูกปูทางไว้อย่างดี
ก็รู้อยู่ว่ากลัวความมืดยังจะมีหน้ามาชวนเข้าบ้านผีสิงอีก นี่เขาอยากเห็นผมช็อคตายเป็นผีเฝ้าสวนสนุกอยู่ที่นี่รึไง?
“ขอโทษนะครับคุณปาร์คจินยอง แต่นี่พามาสวนสนุกนะครับไม่ได้มาโบสถ์เพื่อสวดมนต์” คุณเจบีเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชันไม่แพ้เช่นเดียวกัน
“ก็ผมไม่ได้อยากมาที่นี่ตั้งแต่แรกซักหน่อยนี่ครับ คนแถวนี้นั่นแหละที่เป็นคนพามาเองต่างหาก”
“นี่นายพูดกับคนที่พามาเที่ยวแบบนี้งั้นหรอ?”
ผมยกมือขึ้นปิดปากทันที ดูเหมือนว่าคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันหลุดออกไปทำให้คุณเจบีเริ่มมีน้ำโหขึ้นมานิดหน่อยเมื่อดูจากสีหน้าที่ขมวดคิ้วแน่นและท่าทางที่หันมาหาผมอย่างเคร่งเครียด ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ … ก็แค่ .. กรองคำพูดผิดนิดหน่อยเอง
“ก .. ก็มันจริงนี่นา”
“เหลือเชื่อเลยจริงๆ”
แจบอมหัวเราะหึออกมาเบาๆ ก่อนจะหันตัวเดินหนีหายเข้าไปด้านในร้านมินิมาร์ทของสวนสนุกทันทีเหมือนไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับผมอีก ท่าทางของเขาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าผมถูกอีกคนโกรธเสียเข้าให้แล้ว
ผมยกมือขึ้นตีหัวตัวเองเบาๆหวังให้สมองทำการจัดแจงสติให้คงที่ได้เสียที ยอมรับว่าผมเองก็ยังปรับตัวไม่ได้ซักเท่าไหร่ที่ต้องไปไหนมาไหนและคลุกคลีกับใครซักคนตลอดเวลา แถมเวลาในการสอบของเทอมที่หนึ่งก็เริ่มใกล้เข้ามาทุกที ทั้งที่โดยปกติแล้วเวลาแบบนี้ผมควรจะนั่งอยู่ในห้องสมุดเพื่อเพิ่มพูนความรู้เข้าหัวแท้ๆ แต่นี่หนังสือหนังหาก็ยังไม่ได้เริ่มอ่านอย่างจริงจัง ในขณะที่คนอื่นเขาอ่านจนสามารถแข่งวิชาการได้แล้วมั้ง
แต่จะให้ไปโทษคุณเจบีก็ไม่ได้เพราะวันนี้เขาดูมีความตั้งใจมากๆในการที่พาผมมายังที่นี่ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เถอะว่าเขามาที่นี่เพื่อทำอะไร
บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นผมเองที่ผิดเต็มประตู
เจบีเดินเข้ามาในมินิมาร์ทด้วยสีหน้าหงุดหงิดอย่างเป็นที่สุดจนพนักงานต้อนรับถึงกับชะงักคำต้อนรับไปชั่วขณะเมื่อเห็นแววตาของลูกค้าผู้มาใหม่มองมาราวกับจะฆ่าอย่างไงอย่างนั้น
กายหนาหยุดยืนอยู่ที่หน้าตู้ขายน้ำดื่มหลากหลายชนิดวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ดวงตามองไปยังขวดน้ำที่ถูกตั้งไว้อย่างนิ่งๆ แต่ภายในใจคิดวนเวียนเกี่ยวกับคนตัวเล็กด้านนอกให้วุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าทำไมจินยองถึงเอาแต่คอยปฏิเสธเขาอยู่ตลอด หรือว่าบางทีคนของเขาอาจจะไม่อยากยุ่งกับเขาตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นไปได้
“พ่อหนุ่มจ๊ะ เลือกน้ำได้รึยัง? ป้าไม่อยากรบกวนสมาธิการเลือกน้ำของหนูหรอกนะ แต่ป้ายืนรอหนูจนเมื่อยขาแล้ว”
“ขอโทษครับ”
ความคิดทั้งหมดถูกถูกสลัดทิ้งไปจนหมดด้วยคำพูดนุ่มนวลของป้าคนหนึ่งจากด้านหลัง อีเกิ้ลรีบขยับตัวเองออกจากตู้ก่อนจะเอ่ยขอโทษในทันที ร่างหนาถอนหายใจออกมาเบาๆพลางใช้มือนวดบริเวณขมับไปด้วย ไม่รู้ว่าตัวเขากลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหญิงสาวแรกแย้มที่คอยแต่พะวงเรื่องของอีกคนตลอดเวลา ขนลุกชะมัด
“สมัยนี้น้ำมันออกมาหลายยี่ห้อจริงๆนั่นแหละ … พ่อหนุ่มก็ตั้งใจเลือกนะ”
เจบียิ้มแห้งๆให้กับป้าคนหนึ่งที่เดินจากไปพร้อมกับคำพูดแปลกๆ บางทีป้าแกอาจจะคิดว่าเขากำลังเครียดหนักกับการเลือกน้ำพวกนี้จริงๆสินะ
ปึ่ก!
แรงกระแทกจากด้านหลังทำให้อีเกิ้ลถึงกับเซไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง ใบหน้าหล่อเกือบชนเข้ากับตู้ขายน้ำเข้าให้โชคดีที่ใช้มือยันตู้ด้านหน้านี้ไว้ได้ทัน เขาหันไปมองต้นเหตุที่เป็นแผ่นหลังของชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อคลุมพร้อมฮู้ดสีดำสนิทเดินผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรือมองมาเลยซักนิด
“อา .. ให้ตายดิคนพวกนี้แม่ง”
ร่างสูงสบถออกมาเบาๆพอให้ได้ยินคนเดียว ถึงเขาจะเลือดนักเลงอยากเดินเข้าไปกระชากไอ้คนที่ชนมาต่อยให้หนำใจมากแค่ไหนก็ต้องระงับอารมณ์ตัวเองไว้ให้คงที่เพราะวันนี้เขามากับจินยอง ‘ทุกอย่าง’ที่ทำขึ้นมาจะให้มันพังเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้
หลังจากคิดได้อีเกิ้ลจึงกระชากเปิดตู้ขายน้ำออกอย่างแรงเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ที่คั่งค้างไว้อย่างหนึ่งก่อนจะหยิบขวดน้ำออกมาสองขวด แน่นอนว่าเผื่อคนด้านนอกด้วยอีกหนึ่ง
ขายาวรีบก้าวเดินถือขวดน้ำสองขวดไปยังแคชเชียร์เพื่อคิดเงินเสียทีหลังจากยืนคิดเรื่องไร้สาระมานานกลัวว่าเดี๋ยวออกมาช้าจะโดนคนด้านนอกบ่นให้อีกระรอก จะว่าไปเขากลายเป็นคนกลัวคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
คิวแถวคิดเงินค่อนข้างยาวพอสมควร เจบีได้แต่ยืนขยับไปมาด้วยความรู้สึกเร่งรีบในใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ขณะที่รอถึงคิวก็มีร่างดำๆเดินสวนทางกับเขาไป เมื่อสายตาไม่รู้จะเอาไว้ไหนจึงมองตามอย่างไม่ใส่ใจ พอมองดูดีๆจึงได้รู้ว่าเป็นคนที่ชนเขาเมื่อตะกี้นี้นี่เอง
เจบีขมวดคิ้วมองด้วยความไม่ชอบใจเสียเท่าไหร่ตามประสาของคนธรรมดาที่เมื่อเจอประสบการณ์แรกพบไม่ดีก็จะมองคนนั้นติดลบไปตลอด
อีเกิ้ลกวาดตามองแสกนเครื่องแต่งกายของคนแปลกหน้านี่อย่างรวดเร็ว น่าสงสัยอยู่เหมือนกันที่สวนสนุกกลางแจ้งอย่างนี้แต่มันกลับใส่ชุดสีดำทั้งตัว ขนาดเขาเองที่ชอบสีดำยังไม่เลือกที่ใส่มาในสถานที่แบบนี้เลย แถมอีกคนยังปกปิดร่างกายเสียมิดชิดอย่างกับจะเผาตัวเองให้สุกด้านในหรือไม่บางทีก็อาจจะเป็นมิฉาชีพที่มาปล้นสวนสนุกนี้ก็เป็นได้
ขณะที่กำลังกวาดสายตาอยู่นั่นเองก็ไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งบางอย่างในมือด้านซ้ายของคนปริศนาที่กำลังเดินออกจากร้านมินิมาร์ทไป ข้างในนั้นเหมือนเป็นของที่เขาเองก็รู้จักดี ใครที่อยู่ในวงการใช้หรือค้าขายอาวุธคงจะรู้ได้ในทันทีและเขาเองก็เช่นเดียวกัน …
มันเหมือนของมีคมเล็กๆที่สามารถพกไปไหนได้ตลอดเวลา
มีดพับ
‘ดูแลเขาให้ดี คนของมึงไม่ปลอดภัยแล้ว’
จู่ๆคำพูดของคิมนัมจุนเพื่อนสนิทของเขาก็ลอยกระทบเข้าสู่โสตประสาทราวกับสัญญาณเตือนภัยที่กำลังดังขึ้นว่ามีผู้คนกำลังได้รับความเดือดร้อน
และผู้คนที่ว่าคงไม่ใช่ใครที่ไหน
“ชิบหายแล้วไง … จินยอง!!”
“ช้าจังแฮะ .. ไปซื้อของหรือไปงอนตุ้บป่องในนั้นกันนะ?”
ผมกอดอกเดินไปเดินมาอยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งห่างจากร้านมินิมาร์ทที่คุณเจบีเข้าไปไม่เท่าไหร่นัก แต่นี่มันก็ซักพักใหญ่ๆแล้วที่เขาหายไปด้านในไม่ยอมออกมาเสียที จะตามเข้าไปก็ไม่กล้าเลยได้แต่ยืนรออยู่แบบนี้เหมือนกับคุณแม่ที่กังวลว่าลูกตัวเองจะหายไปไหนหรือไม่ยังไงอย่างนั้น
บ่นในใจได้ไม่เท่าไหร่ก็มีร่างคุ้นเคยออกมาจากร้านมินิมาร์ทนั่นเสียที ผมส่งยิ้มให้พลางยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อเป็นสัญญาณให้เขาเดินมาทางนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจนั่นก็คือคุณเจบีในความคิดที่ต้องเดินมาช้าๆทำหน้าตางอนเหมือนอย่างที่เคยเป็นกลับกลายเป็นคุณเจบีที่วิ่งหืดหอบออกมาจากร้านมายังผมด้วยความไวแสงพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดังเรียกให้ผู้คนในระแวกนั้นต่างหันมามองด้วยความตกใจ
“จินยอง!! ระวัง!!!”
ด้านหน้าคุณเจบีมีร่างของใครบางคนกำลังวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับมีดเล่มเล็กในมือที่เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ได้ยินคำพูดและเห็นนั้นสิ่งของในมืออีกคนผมถึงกับตกใจทำอะไรไม่ถูกได้แต่หลับตาแน่นด้วยความกลัวและแขนทั้งสองข้างยกขึ้นมากันไว้ตามสัญชาตญาณ
เจบีรีบวิ่งเข้าไปหาโดยเร็วที่สุดเท่าที่เคยวิ่งมาเพื่อให้ทันก่อนที่ของอันตรายนั้นจะโดนจินยอง ไม่รู้ว่าจะเป็นความโชคดีหรือเปล่าที่เขามักจะเล่นกีฬาบ่อยๆทำให้วิ่งได้ทันคนร้าย เสี้ยววินาทีนั้นมือหนาเอื้อมไปผลักเข้าที่ไหล่ของชายชุดดำอย่างแรงจนคนด้านหน้าเสียหลักเซออกไปด้านข้างก่อนที่ใบมีดนั้นจะถึงตัวจินยอง
“มันไม่โดนตัวนายใช่มั้ย?”
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา เมื่อรู้สึกตัวว่าไม่มีความเจ็บใดๆเข้ามาแต่กลับมีมือที่วางไว้บนไหล่เบาๆและร่างของคุณเจบียืนอยู่แทน ความรู้สึกตื่นกลัวเมื่อครู่นี้ถูกผ่อนออกเมื่อได้รับความอบอุ่นจากน้ำเสียงและสีหน้าของคนตัวสูงกว่าที่ดูเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่อยู่
“ม .. ไม่โดนครับ …. คุณเจบี! ระวัง!!!”
ระหว่างที่กำลังถามไถ่กันนั้นผมก็สังเกตเห็นด้านหลังว่าคนปริศนานั่นทรงตัวอยู่และกำลังหันกลับมาใช้มีดเล่มเดิมเข้ามาทำร้ายอีกครั้ง
เจบีที่เผลอตัวไปชั่วครู่เพราะมัวแต่เป็นห่วงร่างบางรีบหันกลับมาและยกมือเปล่าขึ้นจับใบมีดแหลมคมกันไว้ไม่ให้โดนตัวเองด้วยความรวดเร็ว
ความคมของใบมีดทำให้เลือดสีสดจากมือของร่างหนาค่อยๆไหลออกมาพร้อมกับความเจ็บแสบจนอีเกิ้ลต้องกัดปากด้วยความฝืนทน แรงดันจากคนร้ายและแรงเกร็งจากเจบีทำให้เลือดข้นหยดลงบนพื้นจากหยดหนึ่งเป็นหยดที่สองและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางผู้คนที่ดูตื่นตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้าพร้อมกับร่างบางที่เบิกตากว้างเมื่อเห็นน้ำสีแดงไหลออกมาเต็มแขนของอีกคน
“อย่าทำคุณเจบีนะ!!!”
ตามสัญชาตญาณของคนตัวเล็ก ร่างกายจึงขยับไปเองโดยการใช้มือปัดแขนของคนร้ายออกอย่างแรงจนทำให้หลุดออกจากกันได้ในที่สุด ชายชุดดำรีบวิ่งฝ่าผู้คนหนีออกไปเมื่อเห็นว่าเริ่มมีคนเดินเข้ามามุงดูเหตุการณ์ตรงหน้าทิ้งไว้เพียงชายผู้รับเคราะห์ทั้งสองคนท่ามกลางตื่นตกใจ
คุณเจบีทำท่าจะวิ่งตามคนร้ายแต่ก็ต้องหยุดตัวเองไว้เมื่อถูกแรงกอดจากด้านหน้าฉุดรั้งไว้ไม่ให้ไปเสียก่อน
“ห้ามตามไปนะครับ!! อย่าลืมสิอีกฝ่ายเค้ามีอาวุธนะครับ แถมเลือดคุณก็ออกเยอะขนาดนี้แล้วด้วย ไปปฐมพยาบาลก่อนเถอะครับ”
“แต่ว่านั่น … ”
เจบีเงียบลงเมื่อตัวเองเกือบหลุดปากว่าคนคนนั้นอาจจะเป็นคนที่คิดจะทำร้ายคนของเขาอย่างที่มินจุนเคยบอกไว้ก็เป็นได้ แต่เขาไม่อยากจะบอกออกไปเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าต้องคิดมากแน่ๆถ้าหากรู้จึงเลือกที่จะเก็บคำพูดทั้งหมดลงคอและมองดูร่างของคนชุดดำที่วิ่งห่างออกไปเรื่อยๆและลับสายตาไปในที่สุด
“นะครับ .. ผมขอหล่ะ"
80%
“แผลค่อนข้างลึกอยู่นะครับ คงต้องใช้เวลานานซักหน่อยกว่าจะหายสนิท”
แพทย์หน่วยฉุกเฉินประจำสวนสนุกกล่าวถึงอาการข้างต้นขึ้นพลางม้วนผ้าพันแผลบนมือของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปด้วยท่ามกลางทีมงานและเจ้าของสวนสนุกที่ยืนใบหน้าซีดเผือกอยู่ห่างๆด้วยความกลัวว่าสิ่งที่ได้ยินไปเมื่อเช้าอาจจะกลายเป็นเรื่องจริงในอีกไม่ช้าก็เป็นได้
ร่างหนายังคงนั่งอย่างสงบนิ่งไม่ไหวติงใดๆ เขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ถูกพามายังที่นี่หรือแม้กระทั่งตอนที่เขาถูกทำแผลสดโดยการราดแอลกอฮอล์เจ้าตัวก็ยังไม่พูดหรือร้องอะไรออกมาซักคำ มีเพียงดวงตาคมที่มองมือข้างที่ได้รับบาดเจ็บของตัวเองราวกับคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
“คุณอิมแจบอมครับ .. ทางเราต้องขออภัยเป็นอย่างสูงจริงๆที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ด้านตำรวจพยายามตามหาคนร้ายผ่านทางกล้องวงจรปิดและบริเวณรอบๆแล้วแต่ ….”
เจ้าของสวนสนุกและทีมงานทุกคนตรงนั้นก้มหัวพลางขอโทษขอโพยกันยกใหญ่และนั่นก็ทำให้คนบนเก้าอี้รู้สึกตัวและขยับตัวหลังจากนั่งเป็นเสาหินอยู่นาน อีเกิ้ลลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมองไปยังผู้คนที่ยืนเรียงอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความดุร้ายที่พร้อมจะฆ่าทุกคนได้ทุกเมื่อ
“สวนสนุกของพวกคุณเป็นแบบนี้นี่เองหรอครับ? ถ้ารู้ว่าสามารถให้คนพกอาวุธเข้ามาได้แบบนี้ผมคงพกปืนมายิงพวกคุณทุกคนแล้ว”
แม้ว่าน้ำเสียงจะพูดเชิงสนุกแต่ริมฝีปากที่กระตุกยิ้มร้ายและใบหน้าที่กินเลือดกินเนื้อนั้นทำให้เจ้าของและผู้ติดตามเหงื่อตกกันไปตามๆกัน ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาซักคำไม่ใช่ว่าเป็นใบ้แต่อย่างใด คงเป็นเพราะความผิดพลาดของที่นี่ในการกลั่นกรองคนเข้าสถานที่เองจึงไม่มีคำจะแก้ตัวใดๆ
เจบีหันไปมองเมื่อรู้สึกถึงแรงดึงน้อยๆจากทางด้านหลังก็พบว่าเป็นเด็กน้อยจินยองของเขาเองที่กำลังยืนทำสีหน้าลังเลและหนักใจอยู่ไม่น้อยที่ตัดสินใจขัดอารมณ์โทสะของคนอื่นแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเหมือนกับคนพวกนั้น อารมณ์ที่กำลังขุ่นมัวกลับอ่อนลงทันทีเพียงเพราะแค่เห็นใบหน้าของจินยอง
ผมส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงว่าอย่าต่อว่าพวกเขาอีกเลย ถึงพวกเขาจะทำผิดจริงแต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาโดยตรงแถมพวกเขาก็อายุมากกว่าด้วย การที่ยอมก้มหัวให้คุณเจบีขนาดนี้เขาคงรู้สึกผิดมากจริงๆนั่นแหละ
คุณเจบีหันไปมองคนพวกนั้นด้วยหางตาก่อนจะทำท่าฟึดฟัดอารมณ์เสียอยู่คนเดียวครู่หนึ่งราวกับโดนขัดใจที่ไม่ได้จัดการพวกนี้ตามที่ตัวเองคิดไว้
“ผมจะไม่เอาเรื่องในวันนี้ไปบอกพ่อ พอใจยัง?”
“ขอบคุณมากครับคุณอิมแจบอม!!! พวกเราซาบซึ้งมากจริงๆ”
เสียงตอบรับกลับมาที่แทบจะทันทีดังขึ้นพร้อมกับเหล่าผู้ดูแลสวนสนุกที่พากันดีใจยกใหญ่พลางเดินออกจากห้องไปหมดในทันทีเมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจแล้ว อีเกิ้ลได้แต่หัวเราะหึออกมาด้วยความเซ็งกับสังคมของคนพวกนี้ ดีแต่ใส่หน้ากากเข้าหากันเองพอหมดประโยชน์ก็ปลีกตัวหนีอย่างกับวิญญาณที่มาขอส่วนบุญแล้วจากไป
“เจ็บมากมั้ยครับ?”
เมื่อห้องทั้งห้องเงียบลงหลังจากเหลือกันอยู่เพียงลำพังแค่สองคน ผมจึงเอ่ยถามขึ้นพลางเลื่อนมือเข้าไปจับมือข้างที่คุณเจบีอย่างเบามือเพราะกลัวเขาจะเจ็บบาดแผลที่ยังไม่หายดี
“ขอโทษนะครับ … เพราะผมมัวแต่ตกใจแท้ๆ ถึงทำให้มือคุณกลายเป็นแบบนี้”
อีเกิ้ลเผลอยิ้มออกมาโดยที่อีกฝายไม่ทันได้สังเกตเห็น มือหนาข้างที่ว่างเลื่อนขึ้นวางไว้บนหัวเล็กก่อนจะขยี้มันเบาๆด้วยความหมั่นไส้แต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“ฉันยอมให้มือของฉันเป็นแบบนี้ดีกว่าเห็นรอยพวกนี้อยู่กับตัวนาย”
ตึกตัก ..
คำพูดและสีหน้าที่จริงใจของคนตรงหน้าทำให้ก้อนเนื้อด้านในของผมทำงานหนักระรอกใหญ่ เลือดในตัวต่างขึ้นมารวมตัวกันอยู่บนใบหน้าจนรู้สึกร้อนไปหมด ผมเลิ่กลักทำตัวไม่ถูกก่อนจะรีบเดินนำไปที่หน้าประตูเพราะดูท่าว่ามันคงจะเริ่มแดงผิดปกติจนอีกคนสังเกตเห็นแล้วแน่ๆ
“ก .. กลับเถอะครับ ตอนนี้สวนสนุกมันไม่สนุกแล้วเนอะ”
“เดี๋ยว … ยังกลับไม่ได้”
จู่ๆคุณเจบีก็รีบฉุดแขนบางรั้งไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดประตูเดินออกไปเรียกความสงสัยได้เป็นอย่างดี ผมเลิกคิ้วเอียงคอมองตามนิสัยของตัวเอง
“ทำไมหล่ะครับ?”
“ยังมีอีกที่ … ที่ฉันอยากให้นายไป”
ช่วงเวลาเย็นดวงอาทิตย์เริ่มลดระดับลงลับขอบฟ้าแสงแดดสีส้มอ่อนๆตัดเข้ากับเงาบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวเป็นวงกลมใหญ่ไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ ทั้งคู่เงยขึ้นมองเครื่องเล่นที่อยู่ตรงหน้าที่ไม่มีใครอยู่ด้านในซักคนแต่เครื่องเล่นกลับเปิดไว้เพื่อหมุนอยู่อย่างนั้นก่อนที่ร่างบางจะมองไปยังบรรยากาศรอบๆด้านซึ่งไม่มีผู้คนเข้ามาตรงบริเวณนี้เลยซักคนราวกับเครื่องเล่นนี้เป็นเครื่องเล่นต้องห้ามทั้งๆที่เวลาตอนเย็นเครื่องเล่นนี้มักจะเป็นซิกเนเจอร์ของสวนสนุกแท้ๆ
แต่ถึงจะแปลกใจอย่างไรขาเล็กก็ก้าวขึ้นตามคนตรงหน้าที่เดินเข้าไปนั่งในกระเช้ารอแล้วอยู่ดี
“เป็นอะไรไป?”
คุณเจบีถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของคนข้างๆที่หันซ้ายหันขวามองนู่นมองนี่เหมือนกำลังหาอะไรอยู่ระหว่างที่กำลังรอพนักงานเปิดเครื่อง
“เอ่อ .. ป่าวครับ … ว่าแต่คุณแค่อยากมาเล่นไอ้นี่แค่นี้จริงหรอครับ?”
ผมเอ่ยปฏิเสธเมื่อสิ่งที่ผมสังเกตเห็นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรก่อนจะถามกลับพลางมองชิงช้าสวรรค์อันใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวพาผมกับคุณเจบีขึ้นไปยังด้านบนสูงขึ้นเรื่อยๆและเรื่อยๆจนเมื่อเผลอมองลงไปด้านล่างถึงกับรู้สึกเสียวท้องขึ้นมาให้หวั่นใจเล่น
“ใช่ … ทำไม?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ใครจะกล้าขัดใจคุณกันหล่ะ”
ผมบึนปากใส่คนเจ้าอารมณ์ที่ถามสวนกลับมาเหมือนกำลังหาเรื่องผมอยู่ยังไงอย่างนั้นไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวสนใจขึ้นมาแต่อย่างใด หนำซ้ำเขายังยกนิ้วขึ้นมาหนีบปากบางจนผมต้องรีบปัดออกทันทีด้วยความเจ็บ
“ชิงช้าสวรรค์หน่ะ มีอะไรดีๆมากกว่าการนั่งดูวิวเฉยๆเยอะนะ”
กึก!
ทันทีที่เสียงเข้มพูดจบจู่ๆเครื่องเล่นก็หยุดเคลื่อนไหวกระทันหันจนกระเช้าโคลงเคลงไปมาอย่างแรง ด้วยความตกใจสุดขีดผมจึงเผลอเขยิบตัวเข้าไปประชิดกับอีกคนและเกาะชายเสื้อแน่นราวกับเด็กน้อยทันที
“เกิดอะไรขึ้นหน่ะครับ!?”
ผมร้องขึ้นก่อนจะเขย่าแขนแกร่งด้วยความร้อนรน เพราะจากตรงที่กระเช้าหยุดเคลื่อนไหวนั้นเป็นจุดที่สูงที่สุดพอดิบพอดีทำให้คนขี้กลัวอย่างผมคิดเตลิดไปไกลแถมยังเพิ่งมีเหตุการณ์แย่ๆเกิดขึ้นได้ไม่นานจึงทำให้ยิ่งชวนให้ขวัญผวามากขึ้นไปอีก
“ดูท่าเราสองคนคงต้องอยู่ตรงนี้ไปทั้งคืนแล้วหล่ะ”
“ห๊ะ!? ไม่เอานะครับ!! ผมหิวข้าวแล้วด้วยอะ …”
ผมร้องโอดครวญครางพลางทำหน้าหงิก ดวงตาเริ่มที่จะเอ่อไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ นี่ผมจริงจังนะครับรู้แบบนี้ก่อนขึ้นมาแอบแวะไปกินข้าวก่อนก็ยังดี จะให้ผมอดข้าวตายอยู่บนนี้ไม่ได้นะครับมันเป็นการตายแบบแอดเวนเจอร์เกินไป
“จินยอง .. หันไปดูนู่น”
คุณเจบีสกิดแขนก่อนจะชี้ผ่านหน้าผมไปเพื่อให้ดูอะไรบางอย่างที่ด้านหลัง แต่นั่นก็ไม่ควรที่จะเป็นประเด็นหลักในตอนนี้ทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาไม่ตกใจกังวลกลัวอะไรบ้างเลยหรืออย่างไร? แต่ถึงอย่างนั้นผมก็หันหลังกลับไปดูอย่างว่าง่ายอีกครั้งนั่นแหละ
ปัง!
เสียงบางอย่างที่เหมือนกระสุนปืนดังขึ้นจนผมสะดุ้งสุดตัว แต่หลังจากนั้นก็พบว่าเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ใช่กระสุนปืนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่ามีสะเก็ดไฟลอยอยู่บนท้องฟ้าเป็นลวดลายสวยงามน่ามองจนไม่อาจที่จะละสายตาออกไปได้
เสียงของพลุนับไม่ถ้วนถูกจุดและลอยขึ้นบนฟ้าเป็นสีสันหลากหลายสีตัดกับแสงแดดยามเย็นใกล้ที่จะมืดลงได้เป็นอย่างดี และเพราะความงามของมันทำให้ผมลืมความกลัวทั้งหมดพลางเกาะขอบกระเช้าเพื่อมองดูแสงสียามเย็นอย่างเงียบๆแต่สามารถเรียกรอยยิ้มกว้างของผมได้ตลอดเวลาราวกับเด็กน้อยที่ได้เจอของขวัญถูกใจ
“จินยอง”
“ครับ?”
ผมหันหลังกลับไปมองคุณเจบีอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยจากด้านหลัง แต่เมื่อพอหันกลับไปก็พบกับร่างหนาที่เปลี่ยนไปเมื่อจู่ๆสายตาที่จ้องมองมากลับจริงจังและดูคาดหวังกับบางสิ่งบางอย่างอย่างเห็นได้ชัดจนผมเองก็ละสายตาไปจากดวงตาคู่นั้นไม่ได้เช่นกัน
จู่ๆหัวใจด้านในเต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง
ราวกับว่า …
มันกำลังรออะไรบางอย่างจากอีกฝ่าย
.
.
.
“ฉันชอบนาย”
ปัง!
เสียงพลุที่ดังสนั่นเหมือนกับหัวใจของใครบางคนที่กำลังสั่นไหว …
แสงสีของพลุที่แต่งเติมเรื่องราวต่างๆของใครบางคนให้มีความหมาย …
สุดท้ายแล้ว … พลุในใจของคนทั้งสองคนได้ถูกจุดฉนวนขึ้น ♥
- END OF SEASON 1 -
-------------------------------------------------
จบแล้ว!!! กับซีซั่นหนึ่งอันแสนยาวนาน
ยาวจนไม่รู้ว่ายังมีใครรออ่านอยู่มั้ย 5555555
แต่ใครที่รออ่านตลอดก็อยากจะขอบคุณและรักนะ
อาจจะดูตัดจบเร็วไปหน่อย แต่เนื้อหาหลังจากนี้จะอยู่ในส่วนของสเปเชี่ยลซีซั่นในเล่มหนังสือคิดว่าน่าจะมีสามตอน
แต่จะมีอะไรบ้างนั้นเดี๋ยวจะบอกอีกที อีกทีนี่ตอนไหนก็ไม่รู้รอติดตามเอาแล้วกันนะ กำ55555555
เรื่องการตีพิมพ์หนังสือนั้นไรท์คิดว่าจะตีพิมพ์ตอนจบซีซั่นสองเลยทีเดียว
เพราะถ้าหากตีพิมพ์เล่มละซีซั่นมันจะบางเกินไปที่จะเป็นหนังสือ
เลยตัดสินใจว่าบีบมันให้อยู่ในเล่มเดียวไปเลยดีกว่า
ถือซะว่าเป็นการบอกล่วงหน้าให้เหล่านักสะสมเก็บตังค์กันซะตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกัน
เรื่องซีซั่นสองนั้นจะเริ่มในอีกไม่นานนี้แหละ ไม่แน่ก็อาจจะรอลงพร้อมกับเรื่อง #ODN9397
รับรองรุกรองเลยว่าซีซั่นสองมันส์แน่นอนพะยะค่ะ
บ่นมาเยอะแล้วยังไงก็ต้องขอปิดท้ายด้วยคอนเซปทอร์คของเรื่องนี้เหมือนเดิมแล้วกัน
"รีดเดอร์ทุกคนระวังโดนต่อยนะ .. เพราะว่า'มีต่อ' "
#ADNL9494
ความคิดเห็น