ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adrenaline 1994 - #bnior

    ลำดับตอนที่ #21 : Adrenaline 19 - 110%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.92K
      29
      11 ก.ย. 58

    Adrenaline

     

    EAGLE  MAGPIE

     

    - 19 -

     

    ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦ ▦

     

     


                        เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นอย่างยากลำบากสายตากวาดมองไปรอบๆแต่ก็ไม่สามารถเห็นอะไรได้อย่างชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นเพราะสมองที่ยังสั่งการได้ไม่ดีบวกบรรยากาศรอบกายนั้นมืดสนิทไร้แสงไฟแม้แต่น้อย แขนทั้งสองข้างพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้นแต่ก็ทำได้เพียงใช้ศอกของแขนด้านซ้ายยันเอาไว้อย่างยากลำบากเพราะผลจากร่างกายทางด้านขวานั้นกระแทกเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่เข้าอย่างจังจนตอนนี้มันชาไปหมดทั้งข้างราวกับเป็นอัมพาต



     

                        ร่างบางค่อยๆขยับตัวอย่างช้าๆไปพิงตรงริมเขา ทุกการขยับมีแต่จะสร้างความเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆจนทนแทบไม่ไหวจึงเลือกที่จะนั่งอยู่อย่างนั้นโดยที่สายตามองไปยังทางด้านหน้าอย่างเลื่อนลอย เหงื่อกาฬเริ่มผุดขึ้นตามใบหน้าและร่างกาย การหายใจก็เริ่มติดขัดเหมือนมีอะไรมาทับตรงอกซึ่งเจ้าตัวไม่ได้แปลกใจซักเท่าไหร่เพราะว่านี่เป็นอาการของคนที่กลัวความมืดขั้นแรกเท่านั้น มือข้างที่ไม่ได้เจ็บยกขึ้นปาดเหงื่ออย่างลวกๆก่อนจะรู้สึกถึงสิ่งเหนียวๆบนใบหน้า เมื่อเพ่งมองดูอยู่ซักพักก็พบว่าสิ่งนั้นคือเลือดสีสดที่ออกมาจากตัวของเขาเอง

     

     

                        จู่ๆหยดน้ำสีใสก็ไหลลงจากดวงตาทั้งสองข้าง ไม่มีเสียงสะอื้นไม่มีการร่ำไห้มีเพียงสัมผัสเบาๆที่ไหลไปตามแก้มเนียนที่เปรอะไปด้วยฝุ่นและดินความรู้สึกทั้งหลายแหล่ถาโถมเข้าใส่จนน้ำในตาไหลออกมาอย่างไม่หยุด ความรู้สึกเหล่านี้มันง่ายมากที่จะสรุปออกมาเป็นคำสั้นๆให้หลายคนได้เข้าใจ

     
     

                        ผมกำลังกลัว ..

     

     

                        อาการขั้นที่สองเริ่มเข้ามาแทนที่ม่านตาที่เปิดอยู่เริ่มพล่ามัวมากขึ้นเรื่อยๆจากที่เห็นแต่ความมืดแล้วก็ยิ่งมืดมากขึ้นไปอีก หัวสมองอันหนักอึ้งพยายามฝืนคำสั่งให้ตนเองนั้นหลับตาลงซึ่งตัวผมเองก็ไม่สามารถบังร่างกายเองได้อย่างใจ จำต้องค่อยๆหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน จัดการปิดตัวเองให้อยู่แค่ในความฝันและอีกไม่นานก็คงตื่นมาพบว่าตัวเองนั้นแค่ฝันร้ายไป

     

     

                        จินยอง!!!!!”

     
     

                        ก่อนที่ประสาทการรับรู้จะปิดลงตามจู่ๆก็ได้ยินเสียงอันเบาบางราวกับสายลมของใครบางคนมาจากที่ไกลๆไม่รู้ว่าตอนนี้อาการมันเข้าขั้นหนักจนได้ยินเสียงลี้ลับแล้วรึเปล่า ถึงอยากจะตอบรับเสียงเรียกมากเท่าไหร่ปากอันสั่นเครือก็ไม่สามารถสั่งการให้เปิดออกเพื่อเปล่งเสียงออกไปได้เลย ทำได้แค่เพียงยอมแพ้กับทุกสิ่งและปล่อยให้ตัวเองหลับใหลไปในที่สุด

     









     

     

                        ร่างสูงที่ยังคงรอคนของเขาอยู่ทางด้านนอกทำได้เพียงเดินไปเดินมาและเงยหน้ามองจอมอร์นิเตอร์ที่ฉายภาพสดจากกล้องที่แต่ละบ้านถือเท่านั้น เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจะทำลายทุกอย่างในวันนี้แต่ก็เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะขัดคำขอของคนที่อยู่ด้านในถึงแม้ว่าในใจนั้นจะร้อนรนมากเสียจนอยากจะเป็นจีพีเอสตามติดตัวเข้าไปด้านในให้ได้

     

     

                        ไหล่หนากระทบเข้ากับใครบางคนหลังจากเดินวนไปวนมาพอเงยหน้าขึ้นมองก็สบตาเข้ากับดวงตานิ่งๆที่ไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งด้านในและด้านอกแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิงที่มันทั้งลุกลี้ลุกลนจนปิดแทบไม่อยู่ ใบหน้าคมหันหนีเพื่อนของตัวเองอย่างหัวเสีย ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายทำอะไรผิดไว้แต่มันเป็นเพราะตัวเขาเองที่อาจจะพาลใส่ทุกคนรอบตัวในตอนนี้ก็เป็นได้ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะหงุดหงิดและพาลกับตัวเองเพียงคนเดียวโดยไม่มีใครมาเกี่ยวข้อง

     
     

                        ใจเย็นซะบ้าง

     

     

                        เคิร์ลพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งตามใบหน้าเรียกให้อีเกิ้ลหันกลับไปมองด้วยสีหน้าหาเรื่องตามสไตล์และอารมณ์ที่ยังคงครุกครุ่นอยู่ คนกอดอกยกมือขึ้นชี้วนไปตรงบริเวณรอบๆหน้าตนเองเพื่อบอกให้รู้ว่าเขานั้นกำลังชักสีหน้าไม่พอใจอยู่ เมื่ออีกคนรู้ตัวจึงแสร้งตีสีหน้านิ่งกลบเกลื่อนบ้างถึงแม้ว่าจะไม่เนียนซักเท่าไหร่

     
     

                        ก็ทำอยู่

     

                        หรอ?

     
     

                        คำถามที่ดูไม่ใช่คำถามของมาร์คทำให้เจบีต้องพ่นลมออกอย่างเซ็งๆ ความรู้สึกตอนนี้อยากจะระบายลงกับอะไรซักอย่างจริงๆ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคงดึงใครซักคนใกล้ๆมาต่อยจนหนำใจไปแล้ว แต่ตอนนี้เขากำลังจะเป็นคนใหม่เขาจะทำนิสัยเหมือนอย่างเดิมไม่ได้และนั่นก็เป็นบททดสอบที่ท้าทายอยู่เหมือนกัน

     

     

                        ในขณะที่ร่างสูงกำลังอดทนอดกลั้นต่อสู้กับตัวเองอยู่นั้น จู่ๆทีมงานใกล้ๆก็ซุบซิบกันก่อนจะรีบวิ่งไปทางจอมอร์นิเตอร์ด้วยความรวดเร็วแต่ก็ไม่อาจพ้นสายตาดุจเหยี่ยวของอีเกิ้ลไปได้ เจ้าตัวรีบเดินตามทีมงานไปโดยไม่รีรอก่อนจะมองไปที่จอเช่นเดียวกันก่อนจะพบว่าตอนนี้มุมจอของทางฝั่งบ้านอาร์เธน่านั้นดับไปแล้ว

     
     

                        เกิดอะไรขึ้น

     
     

                        เสียงเย็นเฉียบเอ่ยถามทุกคนขึ้นหลังจากเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่มีใครเอ่ยตอบกลับมาทีมงานทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง บางคนก็ผลักอีกคนให้ตอบบ้าง กุมมือมองพื้นบ้าง แต่ก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเขาได้เลยซักคน

     

     

                        กูถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมพวกมึงไม่ตอบ!!!

     
     

                        เสียงเข้มตะคอกใส่ทุกคนในบริเวณรอบๆอย่างเหลืออด ทีมงานทุกคนต่างขวัญดีหนีฝ่อกันไปหมดบางคนก็ทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ ในเมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการมือหนาจึงคว้าเข้าที่ไฟฉายหนึ่งในที่ทีมงานถืออยู่ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปยังปากทางเข้าป่าลึกอย่างไม่รีรออะไรทั้งสิ้น

     
     

                        .. เข้าไม่ได้นะครับมัน ….”

     
     

                        ผลั่ก!

     
     

                        ขืนมึงสั่งกูอีกครั้งกูกระทืบมึงให้ตายคาตีนกูแน่

     

     

                        หมัดหนักๆซัดเข้าไปที่ใบหน้าของคนเฝ้าประจำปากทางป่าเต็มๆจนเจ้าตัวล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรง อีเกิ้ลเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะชี้หน้าขู่ด้วยน้ำเสียงน่ากลัวอย่างไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน สีหน้าของคนที่ยืนอยู่ตอนนี้นั้นดุร้ายยิ่งกว่าเจ้าป่าเสียจนคนโดนต่อยไม่กล้าที่จะสบตา หากว่าตอนนี้อีเกิ้ลไม่ได้กำลังเป็นห่วงคนทางด้านในเขาคงสละเวลาในตอนนี้กระทืบเข้าที่ร่างโง่ๆนี้ซ้ำๆไปแล้ว

     
     

                        เจบีกดปุ่มเปิดไฟฉายก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในป่าตามทางที่ถูกปูไว้ด้วยความรวดเร็วโดยหวังไว้ในใจว่าจินยองของเขาจะต้องไม่เป็นอะไรมาก ขอให้มันเป็นเพียงเหตุขัดข้องเล็กน้อยที่สร้างความตกใจให้กับคนด้านนอกเล่นๆเพียงเท่านั้น

     





     

                        สองขาวิ่งตรงยาวจนมาถึงเส้นแยกแบ่งทางอย่างรวดเร็วแสงไฟจากไฟฉายพยายามสาดส่องไปยังบริเวณรอบๆเพื่อหาคนที่เขากำลังตามอยู่จนไฟนั้นปัดผ่านไปเห็นลูกศรที่คอยชี้บอกทางเข้าและสิ่งนั้นเองทำให้เจบีเอะใจกับอะไรบางอย่าง ถึงแม้ว่าเขาจะวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแต่เขาก็ไม่เคยมาเดินในป่าแห่งนี้มาก่อน การที่มาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะลูกศรและแสงเล็กๆจากตะเกียงคอยชี้นำทางมา แต่ลูกศรอันนี้กลับไม่มีตะเกียงคอยส่องแสงและสีที่ทาลูกศรก็ดูเหมือนจะไม่ใช่สีโทนเดียวกันเสียด้วย

     

     

                        จากการคาดเดาทำให้ความกังวลเริ่มทวีคูณมากขึ้นไปอีก สองขารีบสับไปยังทางที่ลูกศรชี้บอกในทันที หลังจากเดินเข้ามาได้เพียงครู่หนึ่งสัญชาตญาณนักสู้ที่ฝึกมายาวนานก็ทำให้เขาก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนไปของบรรยากาศรอบๆได้อย่างทันที

     
     

                        พื้นที่ที่เดินนั้นกลับเต็มไปด้วยใบไม้และกิ่งไม้ตลอดทั้งทางทำให้บางทีต้องคอยเดินหลบไปด้วย จากที่นำไฟฉายมาสาดส่องดูก็พบว่าทางที่เดินมานี้คับแคบมากขนาดที่ว่าสองคนเดินมาด้วยกันนั้นเป็นอะไรที่อันตรายเสี่ยงต่อการตกลงเขาเสียมากๆ หลังจากคิดได้นั้นอีเกิ้ลจึงนำไฟฉายส่องลงไปยังพื้นทางด้านล่างเขาทั้งสองฝั่งเพื่อตรวจดูถึงแม้ว่าเขาเองก็ไม่อยากให้เหตุการณ์ที่คิดเกิดขึ้นกับคนของเขาก็ตาม

     

     

                        หลังจากเดินส่องหาทั้งสองฝากฝั่งอยู่ครู่ใหญ่เจบีก็พบกับบางอย่างที่ผิดปกติเข้า เขาพยายามใช้ไฟฉายที่มีแสงอันน้อยนิดส่องลงไปยังด้านล่างเพื่อเพ่งมองดูว่าสิ่งนั้นคืออะไรโดยที่ดวงตาคมพยายามประมวลผลในสิ่งที่ภาพเห็นอย่างละเอียดพลางเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ

     
     

                        เส้นผมสีดำสนิทที่ดูยุ่งเหยิงผสมปนเปไปกับใบไม้ใบหญ้าเสื้อสีเขียวหม่นกับกางเกงขายาวที่ขาดเป็นจุดและเลอะเปรอะดินเต็มไปหมดและสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงนั้นนั่นก็คือร่างอันบอบบางที่แสนคุ้นเคยแม้จะมองเห็นในระยะไกลแต่ก็ไม่เคยทำให้เขาลบเลือนร่างกายของคนคนนี้ไปได้เลยซักครั้ง

     




     

                        จินยอง!!!!!”

     
     

                        เจบีตะโกนเรียกก่อนจะทิ้งตัวเองลงเขาไปอย่างไม่ลังเล เท้าทั้งสองข้างพยายามทรงตัวตามเนินเขาอย่างชำนาญจนสามารถลงมาถึงจุดด้านล่างได้อย่างสำเร็จ ร่างสูงรีบวิ่งปรี่เข้าไปหาคนที่นั่งพิงเนินเขาอยู่ด้วยใจที่สั่นไหวไปหมดและสิ่งที่เห็นตรงหน้าทั้งหมดแทบจะทำให้เขาอยากจะร้องไห้เสียให้ได้

     
     

                        ร่างของจินยองที่เนื้อตัวปนเปื้อนและมีแต่รอยแผลถลอกเต็มไปหมดใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อและเลือดสีแดงสดผสมปนเปไปหมด สีหน้าซีดเผือกและดูอิดโรยจนน่าสงสารราวกับสัตว์ในป่าตัวน้อยๆที่ใกล้จะหมดลมหายใจ

     

     

                         “จินยอง … จินยอง …”

     
     

                        ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามเรียกชื่ออีกคนมากเท่าไหร่ก็ไม่มีการตอบรับจากอีกฝ่ายเลยซักนิด ไม่รู้ว่าการที่จินยองกำลังอยู่ในความฝันอยู่นั้นจะเป็นผลดีหรือผลร้ายก็ไม่อาจจะทราบได้ ที่ไม่สามารถเห็นอาการของอีกคนที่กำลังใช้มือต่อยเข้าผนังริมเขาเข้าอย่างแรงจนมือนั้นห่อเลือดก่อนจะคว้าร่างไร้สติเข้ามากอดไว้แนบอก หยาดน้ำสีใสหยดแรกไหลลงบนลาดไหล่ของเสื้อนักเรียนสีเขียวหม่นใบหน้าคมก้มลงทับรอยน้ำตาของตัวเองบนไหล่เล็กราวกับไม่อยากให้อีกคนรับรู้ได้ว่าคนอย่างอีเกิ้ลกำลังร้องไห้เพราะตนอยู่

     
     

                        อีเกิ้ลผู้ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับใคร ...

     

                        กลับต้องเสียน้ำตาให้กับคนที่เขารักในวันแบบนี้

     

                        พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่กันแน่?








     

    35%





     

                        ผมค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้งรู้สึกราวกับเป็นเดจาวูเมื่อจำได้ลางๆว่าเคยทำแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งแต่แตกต่างอยู่นิดหน่อยตรงที่ภาพทั้งหมดไม่ได้เป็นสีดำมืดของเวลาในตอนกลางคืนและไม่ได้อยู่ในท่านั่งพิงกับริมเนินเขา หลังจากสายตาโฟกัสได้อย่างชัดเจนก็พบว่าตนเองนั้นอยู่ในห้องสีขาวสะอาดด้านข้างมีพยาบาลท่านหนึ่งกำลังนำดอกไม้สดใส่ลงบนแจกันอยู่อย่างเงียบๆ เสาเหล็กสำหรับห้อยน้ำเกลือที่พร่องลงไปบ้างแล้วจึงเลื่อนสายตาลงมาดูมือที่มีรอยถลอกของตัวเองมีสายสีขาวเจาะเข้าไปด้านในอยู่

     
     

                        โรงพยาบาล … สินะ

     

     

                        เมื่อสมองประมวลผลได้สำเร็จและไม่มีอะไรที่ต้องกังวลจึงตัดสินใจขยับตัวนิดหน่อยเนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองคงนอนท่าเดิมเป็นเวลานานเกินไปแต่ก็ต้องร้องออกมาเบาๆด้วยความเจ็บปวดที่บริเวณช่วงด้านข้างของเอวเนื่องจากมันยังเป็นแผลใหม่อยู่เพิ่งได้รับการรักษาและยังไม่หายสนิท

     

     

                        คุณจินยองคะ คุณเพิ่งได้รับการรักษาไปอย่าเพิ่งขยับตัวจะดีกว่านะคะ

     

                        จินยอง!”

     

     

                        พยาบาลที่ยืนอยู่ทางด้านข้างบังเอิญหันมาเห็นผมกำลังขยับตัวอยู่พอดีจึงเอ่ยเตือนอย่างมีมารยาท หลังจากนั้นเพียงครู่หนึ่งก็ตามมาด้วยเสียงเข้มที่เอ่ยเรียกขึ้นจากไม่ใกล้ไม่ไกลก่อนจะพบร่างที่คุ้นเคยวิ่งปรี่เข้ามาหาตรงข้างเตียงนอนด้วยความรวดเร็ว ผมเลื่อนสายตาไปมองเจบีอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ริมฝีปากจะยกยิ้มขึ้นมาหน่อยๆเมื่อผมสีดำสนิทของอีกคนนั้นยุ่งเหยิงเหมือนมีนกมาสร้างรังไว้บนหัวพร้อมกับใบหน้าที่ดูยังตื่นไม่เต็มที่นักทำให้คนที่มีนิสัยโหดๆอย่างอีเกิ้ลนั้นกลายเป็นคนตลกขึ้นในสายตาผมในทันที

     
     

                        ครืดดด ..

     

     

                        ตื่นตามเวลาที่คำนวณไว้เป๊ะเลยนะครับ

     
     

                        คุณหมอที่ดูมีอายุเปิดประตูเข้ามาและหลังจากเห็นผมกำลังมองตาแป๋วด้วยความงุนงงอยู่จึงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส เจบีทำท่าราวกับอยากจะพูดอะไรซักอย่างแต่ก็เก็บมันไว้และเดินถอยออกไปยืนอยู่อีกฝั่งของเตียงเพื่อให้คุณหมอได้ดูอาการอย่างใกล้ชิด

     

     

                        ขอตรวจเช็ครอยแผลหน่อยนะครับ

     
     

                        คุณหมอเอ่ยขออย่างมีมารยาทก่อนจะจับเสื้อตัวใหญ่ของทางโรงพยาบาลที่ผมกำลังใส่อยู่ถกขึ้นในขณะที่ผมนั้นพยักหน้ารับและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

     

     

                        เฮ้ย เอ่อ .. มีแผลตรงนั้นด้วยรึไงครับ?

     
     

                        ทั้งสามคนหันมามองเจบีที่เผลอใช้คำสบถตามความเคยชินก่อนที่เจ้าตัวจะรีบแก้ต่างด้วยการถามขึ้นอย่างตะกุกตะกักเพราะตนเองนั้นก็ลืมไปเหมือนกันว่าคนที่เขากำลังพูดอยู่เป็นถึงผู้อาวุโสและมีระดับการศึกษาสูงกว่าเขามากนัก โชคดีที่คุณหมอไม่ได้ติดใจอะไรกลับยิ้มขำในความหึงหวงของเด็กคนนี้มากกว่าเสียอีก

     

     

                        ครับคุณแจบอม .. ช่วงส่วนกลางของคนไข้นั้นได้รับแรงกระแทกจากหินอย่างแรงโชคดีที่ซี่โครงหักไปเพียงหนึ่งท่อนและช้ำบริเวณนั้นเพียงปานกลาง ปกติแล้วคนที่ตกจากที่สูงแถมกระแทกกับหินแบบนั้นคงจะใช้เวลาฟื้นตัวอยู่นานพอสมควร”

     

                        จากที่ผมได้ดูแผลของคุณจินยองแล้วคิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ อย่าขยับตัวเยอะหรือทำอะไรหักโหมก็พอซักหนึ่งถึงสองอาทิตย์น่าจะหายสนิทแล้วหล่ะครับ

     
     

                        คุณหมอพูดถึงอาการและการรักษาพื้นฐานให้ผมและเจบีฟังก่อนจะปิดเสื้อลงไว้อย่างเดิมพลางจดรายละเอียดผลของคนไข้ห้องนี้ลงบนแฟ้มตามหน้าที่




     

                        ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอไปดูคนไข้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่อีกห้องหนึ่งก่อนนะครับ

     

                        เดี๋ยวนะครับคุณหมอ คนไข้ที่เกี่ยวข้องหรอครับ?



     

                        ผมเรียกขัดคุณหมอที่กำลังเดินออกไปจากห้องนี้พร้อมกับคุณพยาบาลไว้ได้ทัน คุณหมอที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหันมามองตรงไปยังเจบีที่ยืนกอดอกอยู่ไม่พูดอะไรและไม่สบตากับใครทั้งสิ้นก่อนจะหันมายิ้มให้ผมตามแบบฉบับคุณหมอผู้ใจดี

     

     

                        อ๋อ .. ครับ หลังจากคุณถูกส่งมารักษาที่นี่ได้ราวๆห้าชั่วโมงหลังจากนั้นก็มีเด็กนักเรียนจากที่เดียวกันหลายสิบคนถูกหามมายังที่นี่เช่นเดียวกันครับ

     

                        ว่าไงนะครับ? ก .. เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหรอครับ? เป็นแบบผมรึเปล่า?

     
     

                        เปล่าครับ นักเรียนเหล่านั้นถูกซ้อมอย่างหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลหน่ะครับ

     

     

                        หลังจากได้รับคำตอบจากคุณหมอผมถึงกับต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ถึงแม้สิ่งที่คุณหมอบอกมานั้นยังไม่มีสาเหตุของนักเรียนที่ถูกซ้อมก็ตามแต่ก็ทำให้ผมเข้าใจได้อย่างถ่องแท้และไม่ว่าใครที่ได้ฟังนั้นก็ต้องเข้าใจเหมือนผมเช่นเดียวกันว่าสาเหตุนั้นมันมาจากอะไรและใครเป็นคนกระทำ

     

     

                        ขอตัวนะครับ

     
     

                        คุณหมอที่ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่เอ่ยก่อนจะออกไปจากห้องนี้พร้อมกับคุณพยาบาลจนในที่สุดก็เหลือเพียงผมที่ยังคงนอนอึ้งค้างอยู่และเจบีที่กอดอกทำหน้าไม่รู้เรื่องราวกับเหตุการณ์ที่ตนได้ฟังไป

     

     



     

                        เจบี ทำไมทำแบบนั้นหล่ะ?


                        ผมหันมามองร่างสูงตรงๆก่อนจะจ้องอย่างดุๆที่ไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่นั้นจะกลัวบ้างรึเปล่า เจบีทำท่าไม่พอใจใส่ก่อนจะมองมาที่ผมกลับอย่างไม่ยอมเช่นเดียวกัน


     

                         “ทำไม? คนพวกนั้นมันสมควรโดนแล้วที่ไม่จัดการเรื่องพวกนี้ให้ดี ฉันทำเพื่อนายขนาดนี้แล้วนายหล่ะเคยฟังฉันบ้างมั้ย!? รู้มั้ยว่าฉันตามหานายในป่านั่นนานขนาดไหน บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าให้ฉันไปด้วยนายก็ไม่เชื่อ!

     

                         “ ……. ”

     

                         “แถมนายหลับไปตั้งสองวัน! ฉันนอนแทบไม่หลับตลอดสองวันที่ผ่านมา วันๆฉันเอาแต่มองหน้านายที่กำลังหลับอยู่อย่างไม่รู้เรื่องและยิ่งฉันเห็นนายอยู่ในสภาพแบบนี้ทีไรมันยิ่งทำให้ฉันโมโห”



     

                        เจบีทั้งตะคอกทั้งสวดใส่ยาวด้วยอารมณ์ที่ครุกครุ่นจนผมที่กะจะดุอีกคนเสียหน่อยกลับได้แต่นอนสงบเสงี่ยมอยู่บนเตียงคนไข้อย่างหงอยๆเหมือนลูกหมาถูกเจ้าของดุ ดวงตากลมหลุบลงมองด้านล่างก่อนจะเปล่งเสียงออกไปที่ทั้งสั้นและเบาบางจนคนที่ยืนอยู่แทบไม่ได้ยิน

     

     

                         “ …. ขอโทษนะ”

     

                        ฉันเป็นห่วงแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วรู้มั้ย … สาบานว่าครั้งนั้นมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ห่างนาย

     
     

                        คนข้างๆพูดก่อนจะกระแทกตัวลงบนเก้าอี้พลางเอาแขนพาดกับราวเหล็กสีขาวที่กั้นไว้ไม่ให้คนไข้ตกลงพื้นมืออีกข้างก็ยกขึ้นกุมขมับราวกับคนหมดอาลัยตายอยากมีเรื่องภายในใจให้เครียดอยู่มากมาย สีหน้าไม่สู้ดีของเขาทำให้ผมรู้สึกแย่ไปด้วย มือบางที่ถูกตรึงด้วยสายน้ำเกลืออยู่ค่อยๆยกขึ้นก่อนจะจับเข้าที่มือหนาเบาๆเพราะตนเองก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงซักเท่าไหร่

     

     

                        แต่เราดีใจนะ ที่เราตื่นขึ้นมาแล้วเจอเจบีอยู่ข้างๆเป็นคนแรก

     
     

                        ผมพูดก่อนจะยิ้มให้คนที่นั่งอยู่ ทุกอย่างมันออกมาจากใจจริงถึงแม้ว่าคนคนนี้จะใจร้อนเป็นที่หนึ่งและมักจะอารมณ์ร้ายใส่ผมอยู่บ่อยๆแต่เขาก็กลับเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยมากที่สุดเวลาที่อยู่ด้วย ความถนุถนอมเอาใจใส่และความอบอุ่นของเขามักจะทำให้หัวใจของผมเต้นแรงได้อยู่เสมอมันอาจจะเป็นสาเหตุหลักก็ได้ที่ทำให้ผมรู้สึกมากกับเขาได้ขนาดนี้

     

     

                        นายนี่มันจริงๆเลยให้ตาย

     
     

                        เจบีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่ถึงจะมีท่าทีแบบนั้นร่างหนากลับลุกขึ้นยืนพลางโน้มตัวลงไปใช้แขนแกร่งทั้งสองข้างโอบกอดร่างบอบบางที่นอนอยู่นั่นไว้หลวมๆมือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหัวปากหนาจูบซับที่ขมับด้านข้างของผมเบาๆราวกับอยากจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดทั้งหลายให้หายไปจนหมดสิ้น

     

     

                        หายดีเมื่อไหร่โดนลงโทษแน่

     

                        รอแทบไม่ไหวแล้วสิ

     
     

                        ถึงแม้ว่าผมจะเจอกับเหตุการณ์ร้ายๆจนทำให้บาดเจ็บต้องเข้ารับการรักษาหรือเจบีที่แทบจะขาดใจเมื่อเห็นคนของตัวเองต้องได้รับบาดเจ็บโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยก็ตาม แต่ตอนนี้เราทั้งสองกลับต่างคนต่างหัวเราะให้กันและกันมันถือเป็นความสุขที่เกือบจะที่สุดเพราะเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นมันทำให้ความสัมพันธ์ของเราแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เขาทำให้ผมรู้ว่าการที่ขาดเขาไปซักคนมันทำให้อ้างว้างมากขนาดไหน และผมเองก็ทำให้เขารู้เช่นกันว่าความรักและความเสียสละที่ดีมันเป็นเช่นไร









    65%









                        จินยองในสภาพด้านบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นร่างขาวเนียนไปทุกสัดส่วนด้านล่างสวมเพียงกางเกงขาสั้นสีขาวเพื่อไม่ให้ร่างกายดูโล่งจนเกินไปพลางยืนมองตัวเองในกระจกบานยาวในห้องพักห้องหนึ่งของบ้านอาร์เธน่าอย่างนิ่งๆ ดวงตากลมเลื่อนลงมองรอยแผลบริเวณช่วงเอวที่ตอนนี้แทบจะหายสนิทแล้วหลังจากใช้เวลาพักฟื้นเพื่อให้ทุกอย่างหายดีและคงที่อยู่นานหลายวัน

     
     

                        ตั้งแต่เจบีประกาศตัวว่าจะไม่ห่างจากผมอีกเขาก็จัดการทำตามที่สัญญาไว้อย่างดิบดีด้วยการไม่ไปไหนเลยอยู่แต่ในโรงพยาบาลห้องคนไข้ที่มีผมนอนซมอยู่ถึงขนาดที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำเขาก็ยังจะตามมาด้วย โชคดีที่ผมหยิบกล่องทิชชู่ใกล้ๆปาใส่ได้ทันท่วงทีเสียก่อนข้อนั้นจึงถูกยกเว้นไป แต่นอกนั้นถ้าผมไปไหนก็มักจะมีร่างสูงกว่าติดสอยห้อยไปด้วยเสมอ ถ้าพูดตามความจริงผมก็ไม่ได้อึดอัดกับการกระทำของเขาหรอกนะครับในใจกลับชอบเสียด้วยซ้ำที่เขารักษาคำสัญญา

     

     

                        สุดท้ายแล้วเราสองคนก็ยังอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขดีเรื่อยๆผมก็ยังคงเป็นเด็กเนิร์ดแก่เรียน เจบีก็ยังคงเป็นหัวหน้าแฮร์โรว์ที่ทุกคนต่างเกรงกลัวเมื่อรู้ข่าวว่าเพิ่งส่งคนในโรงเรียนไปที่โรงพยาบาลเป็นสิบคน ส่วนเรื่องทั้งหมดที่เจอในป่าคืนนั้นผมเลือกที่จะเก็บเอาไว้คนเดียวและไม่บอกใครโดยเฉพาะเจบี เพราะถ้าหากบอกเขาไปเดี๋ยวมันต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่มากและมันคงไม่จบที่โรงพยาบาลแน่ๆ ผมไม่อยากให้เขาทำร้ายใครอีกแค่ทีมงานต้องไปนอนหยอดน้ำเกลือเป็นสิบคนก็เกินพอแล้ว

     
     

                        ถึงแม้ว่าผมจะสงสัยว่าใครเป็นคนจัดฉากและต้องการจะทำร้ายผมมากแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อคิดดูอีกทีผมเองก็ยังไม่ตายบวกกับสิ่งเหล่านั้นก็ทำให้เราสองคนรักกันมากขึ้นและตอนนี้เจบีเองก็ตามติดให้ผมอุ่นใจอยู่เสมอจึงไว้วางใจได้แน่นอนว่าต่อจากนี้คงไม่มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นอีกแล้วหล่ะ



     

                        ได้แต่ปล่อยเรื่องราวให้กลายเป็นอดีตและคิดซะว่าฟาดเคราะห์แล้วกัน

     



     

                        ก็อกก็อกก็อก …


     

                        ผมสะดุ้งโหยงจนความคิดต่างๆหลุดลอยหายไปในอากาศทันทีเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มือขาวรีบหยิบเสื้อไหมพรมแขนยาวสีดำขึ้นมาสวมใส่ก่อนจะจัดผมเพ้าให้ดูเป็นผู้เป็นคน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปประตูให้คนที่รออยู่ด้านนอกเข้ามาในห้องทันที

     
     

                        โอ้ย! ห้องนายนี่มันไกลชะมัด ฉันเดินจนเมื่อยขาไปหมดแล้วเนี่ย

     

     

                        เมื่อเพื่อนสนิทเข้ามาในห้องได้ปุ๊บเจ้าตัวรีบเดินไปนั่งลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะเอ่ยปากบ่นใส่ทันที แน่นอนว่าเรื่องลำบากๆต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนมันก็ยังไม่ใช่สไตล์ของยองแจคนนี้อยู่ดี

     
     

                        ยองแจอ่า .. ขอโทษนะ พอดีมีเรื่องด่วนขอให้ช่วยหน่ะ

     

                        แน่นอนสิ นายทำอะไรเป็นซะที่ไหนหล่ะ

     

     

                        ผมยกมือขึ้นทำท่าจะตีเพื่อนผมทองซักทีสองทีแต่ก็ทำได้เพียงยกค้างขู่ไว้แล้วเก็บมือลงอย่างเดิมเพราะไม่กล้าพอที่จะตีใคร อีกอย่างผมเป็นคนมาขอความช่วยเหลือถ้าจะให้ทำร้ายร่างกายคนที่มาช่วยมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องซักเท่าไหร่ ดีไม่ดีแผนคงได้พังเสียก่อนจะเริ่ม ยองแจมองกริยาของผมทั้งหมดด้วยหางตาอย่างไม่ใส่ใจราวกับไม่มีอาการกลัวท่าทางขู่ของผมเลยซักนิด

     
     

                        โทรเรียกให้มาถึงนี้แสดงว่าเรื่องสำคัญหล่ะสิ เรื่องวันเกิดอีเกิ้ล?

     

     

                        ผมมองหน้ายองแจก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักตอบ ไม่ใช่ว่าผมลืมวันเกิดของคนสำคัญแต่อย่างใดผมจำและจดไว้บนปฏิทินอย่างดีแต่เรื่องมันเกิดขึ้นเนื่องจากผมนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานไปหน่อยบวกกับเจอหน้าเจบีทุกวันจึงทำให้ผมไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากการกินและนอน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มีข้อความจากเจบีส่งมาตอนเช้าตรู่บอกว่าจะส่งชุดและการ์ดเชิญงานวันเกิดที่กำลังจะจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าตัวมาให้ที่ห้อง นั่นทำให้ผมวิ่งวุ่นไปมาด้วยความกังวลจนลืมไปเลยว่าตัวเองนั้นเพิ่งหายจากอาการเจ็บและท้ายที่สุดก็ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้ที่กำลังนอนแผ่อาณาเขตตัวเองอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้

     
     

                        ทำไม? ไม่รู้ว่าจะให้อะไรงั้นสิ?

     

                        ไม่ใช่ว่าไม่รู้ ไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ ยองแจช่วยเราหน่อยนะมันกระทันหันจริงๆอ่า

     

     

                        ผมขยับตัวเข้าไปเขย่าแขนยองแจรัวจนร่างทั้งร่างอีกคนสั่นคลอนไปหมด คนที่นอนอยู่ลุกขึ้นมานั่งเช่นเดิมพลางทำหน้าหงุดหงิดใส่ที่ไปขัดความสุขในการนอนของเขาก่อนจะกลับมาทำท่าครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะใช้ความคิดอย่างหนักเลยทีเดียว

     
     

                         “…. ข้าวสองมื้อ ขอจัดเต็มแบบฟูลคอร์ส

     

                        ยองแจ!!”

     

                        เออเออก็ได้ … แล้วนายคิดว่าควรให้ของขวัญอะไรกับเจบีหล่ะ? ตุ๊กตา? กรอบรูป? นาฬิกาแขวนผนัง?”

     




                        ผมเอามือเท้าคางพลางนึกภาพที่ผมให้ของขวัญพวกนี้กับเจบีตาม เพียงแค่นึกถึงก็ต้องเบ้ปากออกนิดหน่อยเมื่อรู้สึกขนลุกกับการที่ได้เห็นคนตัวสูงหน้านิ่งๆเดินถือตุ๊กตาหมีน่ารักๆไปมาหรือไม่เขาก็คงฉีกตุ๊กตาหมีเป็นชิ้นๆแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีแน่นอน

     
     

                        เราว่าไม่ดีมั้ง

     

     

                        ใช่มั้ยหล่ะ? บอกให้เลยว่าของพวกนี้หน่ะล้าสมัยแล้วแถมโหลด้วย ขืนให้ไปคนอย่างอีเกิ้ลก็ไม่ได้ประทับใจเท่าไหร่หรอก” ยองแจพูดก่อนจะเข้าสู่โลกส่วนตัวด้วยการครุ่นคิดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเวลาผ่านไปซักพักจึงเงยหน้าขึ้นมาใหม่



     

                        แล้วพวกของราคาแพงหล่ะ? ส่วนมากเขาก็จะให้ รถสปอร์ต บ้านพักตากอากาศ หรือไม่ก็พวกคอลเล็คชั่นเสื้อที่หายากๆอะไรประมาณนี้

     

                        ยองแจอ่า .. เราเป็นนักเรียนทุนนะ

     

                        อ๋อ … ฉันลืมไป

     

     

                        ยองแจร้องอ๋อออกมาเบาๆหลังจากลืมไปว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้มีฐานะร่ำรวยเหมือนคนอื่นๆในโรงเรียน คนผมทองมีท่าทางลังเลนิดหน่อยก่อนจะยกมือขึ้นจับไหล่บางเบาๆพร้อมกับจ้องมองไปยังใบหน้าน่ารักที่กำลังมองกลับมาอย่างงงๆเช่นเดียวกัน

     
     

                        ถ้าอย่างนั้นก็มีอยู่อย่างเดียวแล้วหล่ะ แต่รับรอบว่าอีเกิ้ลต้องชอบแน่ๆ

     

                        จริงหรอ!? อะไรหล่ะ?

     








     

     

                        มือบางกำการ์ดเชิญร่วมงานวันเกิดของลูกชายเจ้าของน้ำมันและอาวุธรายใหญ่แน่นด้วยความกดดันเนื่องจากมันเป็นครั้งแรกที่ได้รับเชิญไปงานที่ใหญ่โตมากขนาดนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการฉลองวันเกิดก็ตามอีกอย่างคือของขวัญที่ผมเตรียมมามันก็สร้างความกดดันให้เช่นกัน

     

     

                        ผมมองออกไปยังด้านนอกผ่านกระจกรถคันหรูประจำบ้านของเจบีที่เจ้าตัวสั่งให้มารับเป็นกรณีพิเศษที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านรั้วเหล็กสีขาวขนาดสูงไปอย่างช้าๆซึ่งดูท่าแล้วคงจะเข้ามายังตัวบ้านของเจ้าของงานแล้วเป็นแน่ ดวงตากลมมองแม่น้ำกว้างขวางด้านข้างทั้งสองฝั่งด้วยความสนอกสนใจ ตัวรถขับตรงไปยังตัวบ้านผ่านแม่น้ำไปโดยที่มีสะพานอิฐสีหม่นและโคมไฟหรูหราประดับตามทางเป็นตัวนำทางไปยังจุดหมาย

     
     

                        รถเก๋งคันยาวสีดำเงาขับเคลื่อนวนตรงจุดที่มีน้ำพุตั้งอยู่หน้าคฤหาสน์ก่อนจะหยุดจอดสนิทตรงทางเข้าที่ถูกปูด้วยพรมสีแดงเข้มยาวไปจนถึงประตูสีขาวบานโตที่ถูกพนักงานต้อนรับเปิดรอแขกคนสำคัญให้เข้าไปในงานอยู่ ผู้คนทั้งหญิงชายไม่ว่าจะสูงวัยหรือหนุ่มสาวต่างประยลโฉมแต่งตัวกันอย่างหรูหราราคาแพงไม่ว่าจะเครื่องเพชรกับเดรสจากแบรนด์ดังหรือชุดสูทที่ถูกสั่งตัดเย็บอย่างดีโดยช่างชั้นนำเรียกได้ว่าลิมิเต็ทที่ผู้คนปกติคงไม่สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ คนเหล่านั้นค่อยๆทยอยเดินเข้าไปในงานเรื่อยๆโดยมีนักข่าวคอยถ่ายรูปอยู่ทางด้านหน้าเนื่องจากมีเหล่าคนดังมารวมกันอย่างมากมายตั้งแต่ดารานักแสดงชื่อดัง นักธรุกิจต่างๆหรือแม้กระทั่งนักการเมืองก็ต่างให้ความสนใจมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

     

     

                        ผมอ้าปากค้างมองสิ่งต่างๆทั้งหลายด้วยความตกใจ จากตัวที่สั่นด้วยความกังวลอยู่แล้วตอนนี้มันยิ่งสั่นมากขึ้นไปอีก มือบางควานหาโทรศัพท์ตัวเองในเสื้อสูทที่เจบีส่งมาให้เมื่อตอนเย็นเพื่อที่จะโทรหาเจ้าของงานวันเกิดให้มาหาเพราะตัวผมเองคงไม่มีความกล้าพอที่จะเข้าไปในงานอันสำคัญนี่ได้คนเดียว

     

     

                        กึก

     
     

                        คุณหนู ถึงแล้วครับ

     

     

                        ผมสะดุ้งตกใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนขับรถประจำบ้านเจบีที่เดินมาเปิดประตูรถให้ตามหน้าที่ด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก มือยังคงกำการ์ดเชิญและโทรศัพท์ที่กำลังเปิดหน้าลิสเบอร์โทรค้างไว้อยู่สายตาของลูกแมวกวาดมองไปยังบริเวณรอบๆที่เริ่มหันมาให้ความสนใจกับรถที่เพิ่งจอดเพิ่มมากขึ้นหลังจากผู้คนส่วนมากได้เข้างานกันไปหมดแล้วโดยเฉพาะนักข่าวที่ต่างชะเง้อคอกันไปมาให้ขวั่กแต่ไม่สามารถวิ่งเข้ามารุมถ่ายได้เนื่องจากคนของที่นี่ได้กั้นบริเวณสำหรับนักข่าวไว้เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายเวลาเหล่าคนดังมาเยือน

     
     

                        เมื่อทนความกดดันจากสายตาของทุกคนบริเวณหน้างานและคนขับรถที่เปิดประตูค้างรอไว้อยู่นานร่างบางจึงตัดสินใจก้าวขาออกมาจากรถยืนขึ้นเต็มความสูง ผู้คนรอบตัวต่างซุบซิบพูดคุยกันเบาๆรวมถึงนักข่าวที่ไม่รู้ว่าควรจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายดีหรือไม่เพราะไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาเด็กผู้ชายคนนี้ในวงการมาก่อน รถสีดำขับออกไปแล้วแต่คนที่เพิ่งออกมาจากรถยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ขาทั้งสองข้างมันแข็งทื่อเสียจนเดินไม่ออก สายตาที่จ้องมองมาจากรอบด้านทำให้คนตัวเล็กไม่ลังเลที่จะก้มลงเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เพื่อหาเบอร์ของเจบีจนมือระวิง

     

     

                        จินยอง!”

     
     

                        มือขาวที่สั่นเทาและกำลังเลื่อนลิสเบอร์โทรของตัวเองขึ้นลงไปมาถูกจับขืนอย่างถือวิสาสะด้วยมือของใครบางคน แต่เมื่อพอเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายร่างสูงในชุดสูทสีดำราคาแพงพร้อมกับรองเท้าหนังคู่ใจที่เอาไว้ใช้ออกงานบ่อยๆ ผมสีดำเข้มที่ปกติมักจะเป็นทรงธรรมดาเหมือนคนทั่วไปตอนนี้มันถูกเซ็ทขึ้นแบบเปิดหน้าผากเผยให้เห็นใบหน้าคมคายที่ดูหล่อเหลาและดูเหมือนสัตว์ร้ายในเวลาเดียวกันทั้งหมดทั้งมวลคนตรงหน้าสามารถทำให้ผมรู้สึกเหมือนเวลาถูกหยุดไว้ชั่วครู่และตกอยู่ในภวังที่มีแค่ผมและคนคนนี้หัวใจเต้นแรงราวกับกลองที่ถูกบรรเลงเป็นเสียงเพลงกึกก้องอยู่ภายใน

     
     

                        จินยอง

     

                         “ ….. ”

     

     

                        จินยอง!!!”

     

                        อ๊ะ .. ฮ่ะ?

     
     

                         “ฉันหล่อมากจนละสายตาออกไปไม่ได้เลยใช่มั้ยหล่ะ?

     
     

                        เจ้าของงานยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวแทบทุกซี่เมื่อพบว่าคนที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอตั้งแต่งานยังไม่เริ่มนั้นมองมายังตนจนแทบจะเข้าไปสิงร่างได้อยู่แล้วแถมจินยองในวันนี้นั้นน่ารักเป็นพิเศษคนตัวเล็กในชุดสูทสีดำเหมือนกันแต่ไม่รู้ทำไมในสายตาของเขากลับมองว่ามันน่าถนุถนอมและอยากจะถอดชุดที่ใส่อยู่นั้นให้หมดเสียจริงๆ แต่ขืนบอกไปตามตรงคงได้โดนฝ่ามือตบเข้าเต็มๆแน่ ส่วนคนที่ถูกจับได้ว่ากำลังมองอยู่นั้นรีบเฉไฉมองไปทางอื่นทันทีถึงแม้ว่าจะไม่ทันแล้วก็เถอะ

     
     

                         “ป ..ป่าวซะหน่อย เรากำลังตกใจอยู่ต่างหาก

     

                        ไม่ต้องตกใจหรอก เพราะเดี๋ยวมีสิ่งที่น่าตกใจมากกว่านี้อีก

     

     

                        ระหว่างที่เจบีกำลังพูดอยู่นั้นมือหนาก็เลื่อนลงโอบเอวบางอย่างถือวิสาสะ คนถูกโอบพยายามแกะมือซนออกเพราะมีคนหลายคนกำลังจับตามองดูอยู่แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของคนคนนี้ได้เลยซักนิดหนำซ้ำพออีกคนรู้ว่าอายจึงแกล้งดึงเข้ามาใกล้ๆจนคนตัวเล็กได้กลิ่นถึงน้ำหอมเฉพาะตัวของอีกคนอย่างอ่อนๆ

     
     

                        เมื่อเหล่านักข่าวเห็นลูกคนใหญ่คนโตกำลังมีฉากสวีทกับคนคนหนึ่งเข้าทุกคนต่างกรูกันเข้ามาถึงริมเขตที่กั้นไว้แล้วรีบหยิบกล้องของตัวเองขึ้นมากดชัตเตอร์ด้วยความรัวเร็ว แสงแฟลชสาดเข้าใส่จนผมต้องก้มลงซบเข้ากับแผงอกแกร่งที่มีเสื้อสูทเนื้อดีกั้นกลางอยู่ เจบียิ้มกริ่มนิดหน่อยก่อนจะพาตัวเองและคนข้างๆเดินเข้าไปในงานท่ามกลางแขกที่ได้รับเชิญที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าตกอกตกใจและนักข่าวที่ยังคงส่องเลนส์กล้องมายังทั้งสองคนไม่หยุด

     

                         “ที่น่าตกใจกว่าก็คือพ่อแม่ฉันเอง”



    ----------------------------------------------

    ขอของขวัญหน่อย
    #ADNL9494


    Adrenaline bot;
    @EAGLEXADNL ///// @MAGPLEXADNL



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×