คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Adrenaline 2 - 100%
- 02 -
“มึงไปไหนมา?”
ผมชะงักขาที่กำลังก้าวผ่านห้องโถงหรูขนาดกว้างในบ้านประจำโรงเรียนที่ชื่อว่าแฮร์โรว์พลางมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนหัวสีควันบุหรี่ที่ชื่อมาร์คนอนยืดตัวอยู่บนโซฟากว้างพูดขึ้นด้วยท่าทางสลึมสลือนิดๆ ดูท่าคงจะเพิ่งตื่นหล่ะมั้ง
“ทำตัวเป็นภรรยาที่กำลังรอสามีกลับบ้านไปได้”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงติดขำพลางปัดขาอีกคนออกเพื่อที่จะได้มีที่ว่างพอให้ผมนั่ง มาร์คมองหางตาด้วยความหงุดหงิดนิดๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาก่อนจะพลิกตัวเพื่อกลับสู่นิทราต่อ คงเพราะห้องโถงตั้งกว้างเก้าอี้หรือโซฟาก็มีตั้งเยอะแยะไม่รู้ตั้งกี่ตัวแต่ผมกลับมานั่งโซฟาเดียวกับมันหล่ะมั้ง
ทำไมหล่ะ? ก็ผมชอบกวนตีนคนอื่นนี่ J
ผมถอดรองเท้ายี่ห้อดังราคาแพงที่ตอนนี้สภาพไม่เหลือเค้าโครงความแพงอยู่เลยเนื่องจากเปรอะเปื้อนและกลิ่นเหม็นเน่าจากขยะก่อนจะโยนทิ้งไว้บนพื้นอย่างไม่สนใจมันอีก เดี๋ยวแม่บ้านก็คงมาเก็บไปทิ้งเอง แถมรองเท้าคู่ใหม่ๆที่ผมซื้อไว้ก็ยังมีอยู่ในตู้อีกเป็นกองภูเขา
“อ่าวพี่ หายไปไหนมาตั้งแต่เช้า?” เสียงของบีไอที่วิ่งลงมาจากชั้นสองดังขึ้นเรียกให้ผมต้องกรอกตาขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย
อีกแล้ว .. แม่งเป็นแบบนี้อีกแล้ว
มันเป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่พวกเราห้าคนเริ่มใช้ชีวิตอยู่ในบ้านแฮร์โรว์ด้วยกัน ไม่เคยเลยซักครั้งที่พวกมันจะพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วถามทีเดียว ชอบเข้ามาถามทีละคนชวนให้ผมหงุดหงิดอยู่ตลอด ไอ้ผมก็ใช่ว่าจะเป็นคนพูดมากซะที่ไหน อะไรที่ชวนขัดหูขัดตาผมแม่งจะจัดการด่าให้หมดเลยเดี๋ยวก่อน
แต่ครั้งนี้จะหยวนให้แล้วกันเพราะผมก็ยังไม่ได้บอกไอ้มาร์คพอดี
“หมามันเห่าเลยไปเตะหมามา” ผมปลดเนคไทและกระดุมเสื้อด้านบนออกสองสามเม็ดเพื่อให้ความเย็นเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น
“เฮ้ย แค่หมาเห่าพี่ถึงกับเตะมันเลยหรอ?”
เบื่อจริงๆเวลาคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องเนี่ย หน้าอย่างผมดูทารุณหมาจริงๆขนาดนั้นเลยหรอ?
“กูแค่เปรียบเปรย … มีคนเอาเรื่องของกูไปพูดมั่วๆกูเลยจัดรางวัลหนักให้มันไปดอกสองดอก” พูดแล้วก็แค้นจริงๆครับ แม่งพูดมาได้ว่าผมพาผู้หญิงบริการเข้าคอนโดส่วนตัว จริงอยู่ที่ผมอาจจะมั่วผู้หญิงแต่ผมไม่เคยคิดจะพาใครเข้าคอนโดของผมเลยซักคน ที่ส่วนตัวก็คือที่ส่วนตัวถ้าผมจะทำจริงๆผมก็คงพาไปที่โรงแรมแล้ว
“วู้! เรื่องแค่นี้เอง บางทีพี่ก็ปล่อยวางบ้างเหอะ เจ็บมือเจ็บเท้าเปล่าๆ”
“ถ้ากูปล่อยพวกมันก็ยิ่งได้ใจอะดิ ต้องทำให้พวกแม่งสำนึกว่าไม่ควรเอาเรื่องของอีเกิ้ลมาพล่ามมั่วๆ”
“ยิ่งใหญ่เหลือเกิ๊น”
ผมยกเท้าเปล่าของตัวเองขึ้นเตะสีข้างของบีไอเต็มแรงข้อหาทำน้ำเสียงกวนส้นตีน ผมคืออีเกิ้ลหัวหน้าของริปเปอร์และมีอำนาจที่สุดในโรงเรียนเลยนะโว้ย!!
หลังจากทำให้บีไอมันร้องโอดครวญจากการโดนเตะไปแล้วผมก็ลุกขึ้นจากโซฟาเตรียมเดินขึ้นชั้นสองเข้าห้องของตัวเองเพื่อไปชำระร่างกายบ้าง ดันแฮงค์เอาท์ยาวจนเช้าทำเอาคนแรงเยอะอย่างผมเหนื่อยอ่อนอยู่เหมือนกันแถมต้องมากระทืบหมาให้เสียแรงยิ่งเข้าไปอีก
ไหนๆก็ไหนๆแล้วโดดเรียนมันเลยแล้วกัน ค่อยไปโผล่หน้าอีกทีตอนเลือกประธานคนใหม่ของบ้านอาร์เธน่าแล้วกัน เห็นคนพูดกันว่าประธานคนใหม่เป็นนักเรียนทุนซึ่งเป็นครั้งแรกที่นักเรียนทุนธรรมดาถูกเลือกให้เป็นหัวหน้า เรื่องแบบนี้จึงน่าสนใจอยู่ไม่น้อยสำหรับคนอย่างอิมแจบอม
“พี่! ไปไหนมาอะ? ไม่เห็นหน้าเห็นตาตั้งแต่เมื่อคืน”
นั่นไง ไม่มีผิดเลย …
“ไปถามแม่มึงไป”
ปัง!
เสียงประตูปิดดังสนั่นบ้านจนมาร์คคนที่หลับลึกสุดๆยังสะดุ้งตื่น จุนฮเวกับเซฮุนได้แต่ยืนมองหน้ากันอย่างงงๆ ‘พี่เขาอารมณ์เสียมาจากไหนวะ?’
“กูถามไปแล้ว” บีไอตอบแทนเพียงแค่นั้นก็ทำให้ทั้งสองบรรลุ ทุกคนรู้ว่าการถามคำถามซ้ำๆและเซ้าซี้จะทำให้ผู้ชายคนนั้นหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แต่ใครจะไปรู้หล่ะว่ามีคนถามไปแล้ว
ว่าแต่ ..
“แม่บีไอ พี่เขาไปไหนมาอะ?”
“ไอ้สัดจุนฮเว กูไม่ใช่แม่มึง!”
“ถามจริงเถอะ ทำแต่งานพวกนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรอจินยอง” ผมเงยหน้าขึ้นจากกองชีทหนาเตอะก่อนจะฉีกยิ้มให้ยองแจที่หันกลับมามองจากโต๊ะด้านหน้า
“ช่วยไม่ได้นี่นา ก็คนเขาวานมาขอให้ช่วย”
“ถึงจะช่วยแต่ก็หัดปฏิเสธบ้างเถอะ รับๆๆจนงานกองท่วมหัวแล้วเนี่ย ไหนจะงานของนายเองอีก”
“เอาหน่าๆ” ผมยกมือห้ามปรามอีกคนที่เริ่มจะมีน้ำโหจากการบ่น ถึงยองแจจะเป็นห่วงแค่ไหนแต่ผมก็ปฏิเสธใครไม่เป็นหรอกครับ
มันเป็นแบบนี้จนผมเริ่มจะชินแล้วหล่ะ งานจากหนึ่งอย่างเป็นสองจากสองเป็นสาม มากขึ้นเรื่อยๆจนไม่มีเวลาว่างให้ได้พัก แต่ผมก็เข้าใจนะบางทีคนที่มาฝากงานเขาอาจจะมีเรื่องที่สำคัญกว่าจนไม่มีเวลาว่างทำก็ได้ เพื่อนร่วมโลกก็ต้องช่วยเหลือกันสิครับจริงมั้ย?
“โอ๊ยนายนี่มันจริงๆเลย” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ยองแจจึงหันกลับไปกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว ผมยิ้มเหยๆจากด้านหลัง ถึงแม้จะรู้สึกผิดต่อเพื่อนคนเดียวของผมก็เถอะนะ แต่ไม่รู้จะทำไงจริงๆนี่นา…
ครืดด ..
“คุณปาร์คจินยองอยู่มั้ยครับ?” หนึ่งในผู้ช่วยของประธานบ้านเดินเข้ามาในห้องก่อนจะตะโกนถามดัง ทำเอาทุกคนในห้องที่กำลังพูดคุยกันเสียงดังถึงกับเงียบกริบพร้อมหันมาส่งสายตามายังโต๊ะผมเป็นจุดเดียว … แม้แต่ยองแจ
“เอ่อ … ผมเองครับ”
“ช่วยมาที่ห้องของประธานบ้านหน่อยครับ” ผู้ช่วยคนนั้นผายมือให้ผมอย่างมีมารยาท สมกับเป็นโรงเรียนของพวกคุณหนูคุณชายจริงๆ อย่างที่บอกนะครับว่าผมไม่ใช่คนรวย ผมเป็นแค่นักเรียนทุนจากต่างจังหวัดเพียงเท่านั้น วันๆนึงที่หมดไปก็จะมีเพียงแค่หนังสือตำราเรียนเพียงเท่านั้น ไม่อยากจะบอกว่าผมอยู่กับหนังสือมากว่าอยู่กับยองแจซะอีกครับ
ผมลุกขึ้นจากกองงานของคนอื่นก่อนจะเดินตามผู้ช่วยไปที่ห้องของประธานบ้านอาร์เธน่าซึ่งเป็นบ้านสำหรับพวกหัวกะทิและเชี่ยวชาญทางด้านศิลปศาสตร์ แน่นอนครับว่านักเรียนทุนอย่างผมก็ต้องมาอยู่ที่บ้านนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“เอ่อ .. พอจะรู้มั้ยครับว่าทำไมผมถึงถูกเรียกให้ไปพบกับประธาน”
“คุณไม่รู้หรอครับว่าการถูกเรียกให้ไปพบในวันนี้มันหมายถึงอะไร?” คุณผู้ช่วยยกมือขึ้นมาปิดปากไว้เพื่อขำอย่างมีมารยาท ผมได้แต่ทำหน้าเป็นหมางง ก็ไม่รู้หน่ะสิครับถึงได้ถาม
“เดี๋ยวเข้าไปก็รู้เองครับ” คุณผู้ช่วยหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูไม้บานใหญ่ที่สลักไว้อย่างสวยงามก่อนจะเคาะที่ประตูสองสามทีแล้วเปิดออก
อะไรกัน … ทำมาเป็นมีลับลมคมใน
เมื่อประตูถูกเปิดออกผมก็ถึงกับอ้าปากค้างกับบรรยากาศภายใน มันหรูหรามากจนผมแทบไม่กล้าที่จะก้าวขาเข้าไปเพราะกลัวว่ารองเท้าของผมมันจะทำเปรอะเปื้อน ห้องนี้เรียกได้ว่าใหญ่กว่าบ้านของผมอีกมั้งครับ เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างทั้งหรูและทั้งแพงมหาศาล หากพลาดพลั้งทำอะไรแตกหักขึ้นมาผมคงต้องใช้เวลาชดใช้เป็นสิบปีแน่ๆ
“คุณปาร์คจินยอง เข้ามานั่งสิครับ” ประธานบ้านบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่พูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมก้มหน้าลงด้วยความเกรงใจก่อนจะค่อยๆก้าวขาเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา
“ถึงแม้จะกระทันหันไปหน่อยแต่ผมก็หวังว่าคุณคงพร้อมสำหรับวันนี้ใช่มั้ยครับ?”
“พร้อม? พร้อมอะไรหรอครับ?”
ประธานชะงักไปก่อนจะมองหน้าผู้ช่วยของเขาอย่างต้องการคำตอบ คุณผู้ช่วยขำอยู่นิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าไปกระซิบใกล้ๆประธาน
หลังจากครู่นั้นประธานก็กระแอมไอแก้เขินทันที
“ขอโทษครับ ผมนึกว่าคุณจินยองจะรู้สาเหตุที่ผมเรียกคุณมาซะอีก”
“ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันครับ ผมงงไปหมดแล้ว”
“คือแบบนี้นะครับ … ทุกๆปีจะมีการคัดเลือกประธานบ้านโดยการคัดเลือกจะถูกเลือกโดยประธานคนปัจจุบันนั่นก็คือผม และการเลือกนั้นก็จะเป็นการสังเกตุการณ์คนในบ้านและทำการให้คะแนนรายบุคคล และคนที่เหมาะสมที่สุดในปีนั้นๆก็จะถูกเชิญมาที่ห้องของประธานเพื่อรับรู้ข้อมูลและรายระเอียดของขั้นตอนในพิธีแต่งตั้งประธานคนใหม่”
“แล้วคนที่คุณเลือกนั่นก็ ….”
“ก็คือคุณไงครับ คุณปาร์คจินยอง”
ตลกแล้วมั้ยหล่ะ!!!!
60%
ผมยกนิ้วขึ้นกัดพร้อมเดินวนไปวนมาในห้องเตรียมตัวด้วยความตึงเครียด ถัดไปไม่ไกลเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ซึ่งถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นพิธีต้อนรับประธานคนใหม่ของปีนี้ … นั่นก็คือผมเอง
“จินยอง หยุดเดินแบบนี้ซักทีเถอะหน่า ฉันเวียนหัวแล้วนะ” ยองแจที่นั่งบนเก้าอี้นวมยกมือขึ้นนวดบริเวณขมับเนื่องจากมองดูเพื่อนของตัวเองเดินอยู่นานจนเริ่มจะมึนหัว
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ ทุกคนเค้าคิดอะไรกันอยู่? ทำไมจู่ๆถึงให้เราไปเป็นประธานของบ้านนี้กัน? ปกติเค้าก็จะเลือกคนที่ร่ำรวยพ่อแม่ใหญ่กันไม่ใช่หรอ?”
“ประธานเขาคงเห็นความสามารถในตัวนายนั่นแหละ ฉันว่านายก็เหมาะกับตำแหน่งนี้ดีออก คนอื่นเขาจะได้เลิกดูถูกและเอาเปรียบนายกันซักที”
“แต่เราไม่ได้ต้องการตำแหน่งสูงใหญ่ขนาดนี้นี่นา … มันเกินความสามารถของเราแล้ว”
“เอาหน่า เท่าที่ฉันได้ยินมางานของประธานจริงๆมันไม่มีอะไรมากหรอก แค่ได้เป็นแล้วมันดูยิ่งใหญ่เท่านั้นเอง” ยองแจบีบไหล่บางอีกคนเบาๆเพื่อปลุกกำลังใจ ถึงจะช่วยได้ไม่มากแต่ก็อยากให้อีกคนรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง
“คุณปาร์คจินยอง ถึงคิวแล้วครับ” เสียงเรียกของทีมงานทำให้ผมกลายเป็นหนูติดจั่นมากขึ้น สติสตังเริ่มจะหดหายจนยองแจต้องตบหลังเบาๆเพื่อเรียกสติให้กลับมา
ทางด้านภายในห้องประชุมถูกเติมเต็มด้วยชุดสีเขียวจากนักเรียนของบ้านอาร์เธน่าเสียงพูดคุยดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ด้านบนเวทีของห้องประชุมปรากฏร่างของประธานคนปัจจุบันซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนเต็มยศยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผย เหล่านักเรียนด้านล่างเมื่อเห็นประธานก็ต่างแยกย้ายกันนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเรียบร้อยและเสียงพูดคุยก็ค่อยๆเบาลงจนเงียบในที่สุด
บ้านของอาร์เธน่าจะถือว่าเป็นบ้านที่รู้กฏระเบียบมากที่สุดก็ว่าได้ เนื่องจากคนที่อยู่บ้านนี้จะต้องเป็นเด็กเรียนเก่งมีความสามารถทางด้านกีฬา แน่นอนว่าการที่เด็กจะเก่งทางด้านนี้ได้พ่อแม่ของเขาก็ต้องอบรมลูกหลานของตัวเองมาอย่างดีอยู่แล้ว จึงทำให้การควบคุมสถานการณ์ต่างๆเป็นไปได้อย่างไม่ต้องออกแรงเหมือนบ้านอื่นๆมากนัก
‘พิธีแต่งตั้งประธานคนใหม่ประจำปีนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นณบัดนี้ครับ’ เสียงประกาศของทีมงานดังขึ้นจนไปถึงด้านหลังที่เป็นห้องรับรอง ในใจผมเริ่มจะกระวนกระวายมากขึ้นทุกทีจนยองแจต้องเป็นฝ่ายทั้งลากทั้งดึงให้เดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเวทีเพื่อเตรียมตัวขึ้นไปเปิดเผยหน้าตาสู่เหล่านักเรียนแห่งอาร์เธน่ากว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ก็เสียเวลาอยู่พอสมควรจนทีมงานบริเวณนั้นเริ่มจะเอือมระอากับการกระทำของทั้งสองคน
“ยองแจยองแจยองแจอ่า … เราทำไม่ได้หรอกไปช่วยพูดกับประธานอีกทีเถอะนะ”
“ไม่ทันแล้วมั้ง จะให้ฉันวิ่งไปบนเวทีแล้วบอกกับประธานว่า’ปาร์คจินยองจะไม่เป็นประธานคนต่อไป!’รึไง?”
“ไม่ใช่แบบนั้นสิ…”
‘และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกคนลุ้นและรอคอยกันแล้วนะครับ ขอเชิญพบกับประธานคนใหม่ของปีนี้ครับ!’
“ไปได้แล้ว!!” ยองแจออกแรงทั้งหมดผลักผมไปบนเวทีทันทีที่เสียงของพิธีกรเงียบลงจนผมทรงตัวไม่อยู่ทำให้เซถลาไปตรงเกือบกลางเวทีอย่างช่วยไม่ได้
นักเรียนด้านล่างเมื่อเห็นร่างของผู้มาใหม่ต่างก็พากันซุบซิบด้วยความประปลาดใจเพราะคนที่พวกเขาเห็นนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นก็คือปาร์คจินยองที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเบ๊ของอาร์เธน่านั่นเอง
ผมหลบสายตาทุกคนจากด้านล่างด้วยความหวาดกลัว ทุกสายตาที่มองมาทั้งไม่เชื่อ ดูถูกและอีกต่างๆนาๆทำให้ผมไม่กล้าที่จะสู้หน้าใครทั้งนั้น ปกติแค่เพียงสายตาคู่เดียวก็ทำให้ผมกลัวแล้ว แต่ตอนนี้กลับโดนคนทั้งบ้านมองมาแบบนี้รู้สึกอยากจะวิ่งไปที่ฝ่ายทะเบียนแล้วยื่นใบลาออกเลยจริงๆครับ
“เงียบก่อนครับทุกคน” น้ำเสียงทรงอำนาจของประธานผ่านไมค์โครโฟนสามารถทำให้ทุกๆคนในห้องประชุมเงียบลงได้ภายในไม่กี่วินาที สมแล้วจริงๆที่เป็นประธาน
“ผมทราบว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับการแต่งตั้งให้นักเรียนทุนได้เป็นประธานของบ้านอาร์เธน่าคนใหม่ แต่การประเมินนั้นผมได้ทำการปรึกษากับทางทีมงานมาเป็นอย่างดีและเป็นที่เอกฉันท์ คนที่มีคะแนนสูงสุดนั่นก็คือคุณปาร์คจินยอง … ผมหวังว่าทุกๆคนจะเข้าใจและยอมรับประธานคนใหม่ของบ้านอาร์เธน่าด้วยนะครับ”
พูดจบประธานก็โค้งตัวเก้าสิบองศาให้ทุกคนในงานโดยทั้งห้องมีแต่เสียงปรบมือด้วยความยินดีซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าทุกคนได้ทำความเข้าใจและปฏิบัติตามเป็นอย่างดีถึงแม้จะไม่ทุกคนก็ตาม
ปัง!
ระหว่างนั้นจู่ๆก็มีเสียงดังเหมือนมีใครถีบที่ประตูเข้าอย่างจังจนประตูบานใหญ่เปิดออกกว้างโดยหลังประตูบานนั้นปรากฏร่างของผู้ชายกลุ่มนึงซึ่งเป็นที่รู้จักของชาวเซนต์ฟราสซิสเป็นอย่างดี
‘ริปเปอร์!?’
‘กรี๊ด นั่นพวกริปเปอร์นี่นา’
ผมมองดูผู้คนที่กำลังตื่นเต้นด้วยความไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าริปเปอร์เป็นใครและทำไมคนอื่นถึงดูตื่นตาตื่นใจกับริปเปอร์นัก?
ชายห้าคนที่ได้ชื่อว่าริปเปอร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเวทีด้วยท่าทีที่ดูสนุกสนานจนผมคิดว่าพวกเขาคงไม่ได้มาดีแน่ๆ
“มีการแต่งตั้งประธานแห่งบ้านอาร์เธน่าใหม่ทั้งทีทำไมถึงไม่ชวนคนของบ้านแฮร์โรว์บ้าง ใจร้ายจังนะครับ” คนตรงกลางของกลุ่มแสร้งตีหน้าเศร้าแต่ด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยจะเสียใจขัดกับคำพูดโดยสิ้นเชิงเหมือนต้องการจะกวนประสาทกันเสียมากกว่า ผมเพ่งเล็งไปที่ชายคนนั้นด้วยความสงสัยจนเขาสังเกตเห็นจึงสบสายตามองกลับก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัยจนผมสะดุ้งตกใจและหลุบสายตาหนีทันที
นั่นมันคนที่เจอในตรอกซอยนั้นนี่นา!
แม้แต่ประธานของบ้านอาร์เธน่าก็ยังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้ากับการมาของริปเปอร์ “เอ่อคือ … งานแต่งตั้งประธานครั้งนี้เราจัดขึ้นเล็กๆเข้างานเฉพาะคนของอาร์เธน่าเท่านั้น หากพวกคุณไม่พอใจเราก็ต้องขออภัยด้วย”
“แต่ไหนๆพวกผมก็มาแล้วจุดประสงค์ที่มาเพราะอยากจะดูว่านักเรียนทุนจนๆนี่มีดีอะไรถึงได้เป็นถึงประธานเท่านั้นเอง” คนคนนั้นถือวิสาสะเดินขึ้นไปบนเวทีก่อนจะยืนจ้องหน้าผมแบบไม่วางตา ถึงแม้ว่าเขาจะยิ้มให้อยู่แต่แววตาของเขากลับแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมโดยที่มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้
ประธานรีบแทรกตัวเข้าคั่นกลางระหว่างผมกับคนนั้นในทันที “คุณอีเกิ้ลครับ ถ้ามีข้อสงสัยอะไรถามที่ผมดีกว่าครับ … หรือคุณสงสัยเกี่ยวกับการประเมินในครั้งนี้? ผมมีหลักฐานเตรียมไว้อยู่พอดี”
ประธานหยิบกระดาษใบหนึ่งมาจากทีมงานก่อนจะยื่นให้คนที่ได้ชื่อว่าอีเกิ้ลให้เขาดู คนคนนั้นเหลือบมองเเพียงแค่หางตาก่อนจะปัดมือของประธานออกไปอย่างไม่ใยดี
“กระดาษโง่ๆแผ่นเดียวมันไม่ได้ไขข้อสงสัยผมได้หรอกนะครับ … ของแบบนี้มันต้องเห็นด้วยตา”
“คุณจะทำอะไรกับผม” ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าถามคุณอีเกิ้ลออกไปแม้ในใจจะกลัวอยู่ไม่น้อยก็เถอะ
“ภายในหนึ่งชั่วโมงมาหาฉันที่ห้องเรียน”
“แต่อีกหนึ่งชั่วโมงผมมีเรียน”
คุณอีเกิ้ลจับไหล่ผมก่อนจะบีบเบาๆ “หนึ่งอย่างที่สำคัญสำหรับประธานก็คือความรับผิดชอบต่อหน้าที่และการเรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง … ฉันกับการเรียนอะไรควรมาก่อนมาหลัง แต่ถ้านายเลือกการเรียนฉันไม่รับประกันความสงบของชีวิตนายนะ”
นี่เป็นการข่มขู่รึป่าว!? ทำไมต้องมากดดันผมแบบนี้ด้วยแถมต่อหน้าคนทุกคนอีก การที่ผมได้เป็นประธานมันทำให้คนต้องมาวุ่นวายกับชีวิตผมขนาดนั้นเชียวหรอ?
ผมมองหน้าท่านประธานเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ดูจากสีหน้าลำบากใจของเขาแล้วผมคงต้องไปทำเรื่องลาการเรียนแล้วหล่ะมั้ง …
“ถ้าผมไปหาคุณผมจะได้อะไร?”
“ได้สิ นายได้แน่ๆ …” คุณอีเกิ้ลยิ้มกว้างโดยที่สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ผมมองแขนทางด้านขวาที่ยื่นออกมาจนเห็นว่ามือด้านนั้นของเขามีอะไรบางอย่างอยู่ภายใต้กระเป๋ากางเกงนั้น
การ์ดขาวๆใบนั้น …
ลวดลายแบบนั้น …
เสื้อแบบนั้น …
หน้าตาแบบนั้น …
“นั่นมันของผม!!” ผมเอื้อมมือคว้าบัตรนักเรียนของตัวเองในกระเป๋าอีกคนแต่แน่นอนว่าไม่มีทางทันคนอย่างเขา
“อะอะ อย่าแย่งของของคนอื่นแบบนี้สิครับ ไม่เหมาะสมกับการเป็นประธานเลยนะ”
“แต่นั่นมันเป็นของผมนะ!”
“แต่ตอนนี้มันเป็นของฉัน … อยากได้คืนหรอ? มาหาฉันที่ห้องเรียนสิ” คุณอีเกิ้ลยิ้มให้ผมอีกครั้ง คนอื่นเห็นอาจจะคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ดูขี้เล่นแต่ใครจะรู้ว่าภายใต้รอยยิ้มนั่นมันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมขนาดไหน
ผมคนนึงแหละที่รู้ !!!
----------------------------------------------------------
#ADNL9494
ความคิดเห็น