ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adrenaline 1994 - #bnior

    ลำดับตอนที่ #6 : Adrenaline 5 - 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.86K
      25
      29 ธ.ค. 57

    - 5 -

     

     

              ปัง ..

     

              “เฮ้อ”

     

              หลังจากปิดประตูห้องของตัวเองผมก็ปล่อยของทุกอย่างลงพื้นพลางทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มอย่างเหนื่อยอ่อน พอโดนคำขู่แปลกๆเข้าให้เมื่อตอนนั้นมันทำให้ผมตั้งตัวกับเขาไม่ถูกเลยจริงๆ จนผมลืมตามาก็พบว่าใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ผมมากเสียจนเกือบจะเกิดเรื่องน่าอายขึ้นมาแล้ว

     

              ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายเมื่อมือของผมมันตอบสนองอัตโนมัติด้วยการกำหมัดยกขึ้นต่อยเข้าที่แก้มของคุณเจบีเต็มๆ ถึงจะไม่ได้แรงมากแต่มันก็ทำให้เขาลดมือลงมาจับแก้มตัวเองด้วยความตกใจ และตอนที่คนตรงหน้ากำลังเผลอนั่นเองผมก็ฉวยโอกาสวิ่งหนีออกมาจากห้องแล้วตรงดิ่งกลับหอพักตัวเองในทันที

     

     

              โลกนี้มันโหดร้ายเกินไปสำหรับคนอย่างผมจริงๆ แค่คิดถึงวันข้างหน้าที่ต้องเผชิญต่อจากนี้ก็อยากจะเอาหน้าไปจุ่มกับโถส้วมเพื่อฆ่าตัวตายไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด

     

               โอ้ย! หงุดหงิดโว้ย!! … ไอ้คุณเจบีคุณมันบ้า! ป่าเถื่อน! เผด็จการ!”

     

              พูดไปมือก็ต่อยลงบนหมอนใบใหญ่อย่างเน้นๆหนักๆ ในหัวพยายามจินตนาการไปเองว่าหมอนใบนี้เป็นหน้าของเจบี หวังให้อารมณ์ครุกครุ่นในตัวเองผ่อนลงบ้าง



     

              แรงสั่นของโทรศัพท์เรียกให้ผมหยุดทำร้ายหมอนในมือที่ยุบจนน่าสงสารก่อนจะวางลงไว้ที่เดิม มือบางคว้าเครื่องมือสื่อสารคู่ใจมาปลดล็อคดูปรากฏว่าเป็นแอพพลิเคชั่นที่ฮิตในประเทศที่เรียกว่าคาทกนั่นเองที่เด้งขึ้นมา

     

              Eagle b. :

              ฉันรู้ว่านายกำลังนินทาฉันอยู่                     11:26 P.M.

     

              !!!!

     

              ผมโยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียงทันทีด้วยความตกใจ ตำแหน่งอีเกิ้ลจำเป็นต้องฉลาดจนถึงขนาดรู้ว่าใครกำลังทำอะไรที่ไหนอย่างไรเลยหรอ? หรือว่าก่อนผมจะกลับเขาแอบมาซ่อนกล้องแอบตั้งไว้แล้ว? ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะเขายังไม่รู้ห้องผมเลยด้วยซ้ำ สงสัยคุณเจนญาณทิพย์ในประเทศไทยคงได้โดนแย่งงานก็ตอนนี้แล้วมั้งครับเนี่ย

     
     

              ผมตีหน้าตัวเองเพื่อตั้งสติให้คงที่หลังจากคิดเพ้อเจ้อเสียสติอยู่นานก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าต่างแชทที่เปิดค้างไว้อีกครั้ง

     

     

              Eagle b. :

              กล้าอ่านข้อความของฉันแล้วไม่ตอบหรอ!11:27 P.M.

     

              Eagle b. :

              นอนแล้วรึไง? ห้ามนอนนะถ้าฉันยังไม่ได้สั่ง!            11:28 P.M.

     

              Jinyoung p. :

              อย่าเวอร์ให้มันมากสิครับ แล้วผมก็ไม่ได้นินทาคุณด้วย        11:30 P.M.

     
     

              ผมอมยิ้มให้กับข้อความที่คุณเจบีส่งย้ำมาก่อนจะตอบกลับไปด้วยงานแถล้วนๆ เรื่องอะไรจะยอมรับความจริงหล่ะครับ? กับคนอย่างนี้หน่ะสารภาพความจริงไปก็มีแต่จะโดนแกล้ง ฮึ!

     
     

              Eagle b. :

              แต่เมื่อกี้ฉันจาม คนที่จะกล้านินทาฉันก็มีแต่นายเท่านั้นแหละ      11:31 P.M.

     

              Jinyoung p. :

              ถ้าจะมาหาเรื่องผมว่าคุณเอาเวลาไปนอนเถอะนะครับ ฝันดี 11:32 P.M.

     
     

              ว่าแต่เขาไปเอาไอดีคาทกผมมาจากไหนเนี่ย? สงสัยคงใช้เส้นสายหามาอีกหล่ะสิเนี่ย .. ป่าเถื่อนไม่พอยังเป็นโรคจิตแอบค้นหาไอดีคนอื่นมาแอดเพื่อกวนประสาทกันอีก ผมหล่ะหมดคำพูดกับคนอย่างเขาเลยจริงๆ

     

              ถึงจะอย่างนั้นอย่างนี้แต่ทำไมผมกลับเอาแต่นอนจ้องโทรศัพท์รอข้อความเด้งขึ้นมาอยู่กัน นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่? อีกฝ่ายเป็นคนที่เราไม่ควรจะยุ่งด้วยนะเฮ้ย! ปาร์คจินยองตั้งสติเดี๋ยวนี้! ไปอาบน้ำแล้วนอนซะ

     
     

              เมื่อคิดได้ผมจึงละทิ้งโทรศัพท์ที่ยังมืดสนิทอยู่พลางหยิบผ้าเช็ดตัวตรงตู้เสื้อผ้าเตรียมเข้าไปชำระร่างกายที่สั่งสมมานานและเข้านอนในที่หลังเสียที




     

              ครืดด

     

              ผมวิ่งกลับมาตะครุบโทรศัพท์ก่อนจะปลดล็อคเปิดดูทันทีราวกับแมวที่จับเหยื่อได้ รอยยิ้มผุดขึ้นมาอีกระรอกเมื่อเห็นข้อความที่อ่านปราดเดียวก็รู้ว่าคนที่ส่งมานั้นมีนิสัยเอาแต่ใจมากแค่ไหน

     

              Eagle b. :

              ย๊า! ฉันแค่ไปอาบน้ำแปปเดียวนายถึงกับเมินแบบนี้เลยหรอ!?           11:57 P.M.

     

              Eagle b. :

              สนุกไปให้พอเถอะปาร์คจินยอง เพราะหลังจากนี้ชีวิตนายจะไม่มีความสุขแน่  11:58 P.M.

     

              Jinyoung p. :

              โอ้ยแทบจะรอไม่ไหวแล้วครับคุณอีเกิ้ลผมนี่เนื้อเต้นไปหมดทั้งตัวเลย แต่อย่าลืมนะครับว่าผมไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆ             เก็บแบล็คการ์ดของคุณไว้ดีๆหล่ะครับระวังหายไปอีกห้าสิบล้าน :p              0:00 A.M.

     

              ใส่อีโมติคอนแลบลิ้นไปหนึ่งชุดเพื่อความสะใจส่วนตัว ป่านี้คุณเจบีคงดีดดิ้นด้วยความโกรธอยู่แน่ๆแค่คิดก็สะใจแล้วครับ ก่อนจะโดนโจมตีก็ขอชิงโจมตีก่อนแล้วกันถึงแม้จะเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าเป็นชัยชนะอีกขั้นนึงของผมเลยทีเดียว

     

              พอใจแล้วครับ ไปอาบน้ำดีกว่า J

     









     

     

               “นี่ … เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น? รู้มั้ยว่ามันทำให้ฉันเป็นห่วงนึกว่านายโดนอีเกิ้ลฆ่าตายไปแล้วซะอีก

     

              วันนี้ยองแจมานั่งข้างๆผมครับแต่ต้องกระซิบคุยกันเบาๆเพราะวิชาเรียนคาบนี้เป็นของอาจารย์หนุ่มสุดโหดเลยหน่ะสิ

     

              สาเหตุที่มานั่งข้างก็คงไม่พ้นเรื่องของผมกับคุณเจบีนั่นแหละครับก็เมื่อวานเล่นเปิดศึกกันต่อหน้าสารธารณะชนเลยนี่นา แต่ก็เข้าใจครับโดนกระชากออกไปจากห้องซะขนาดนั้นเพื่อนก็คงห่วงเป็นธรรมดา

     

               ไม่มีอะไรหรอก แค่ไปคุยกับคุณเจบีนิดหน่อย

     

               รู้มั้ยว่าคนอื่นเขาลือกันไปทั่วแล้วว่านายกับอีเกิ้ลกำลังคั่วกันอยู่ เรื่องจริงปะ?

     

              ผมว่าผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วครับว่ายองแจเป็นห่วงหรือแค่ต้องการอยากรู้เรื่องนี้กันแน่ ลืมไปเลยว่าเพื่อนผมหน่ะก็ขาเม้าท์ชั้นนำเหมือนกัน ไม่ว่าเรื่องใครที่ไหนตรอกทุกซอกซอยเขาก็รู้หมดทุกอย่าง เพียงแต่ว่าผมไม่เคยถามเรื่องซุบซิบพวกนี้เท่านั้นเอง นอกจากเขาจะเอามาบอกแต่ก็มีแค่ไม่กี่เรื่องหรอกครับที่บอก เพราะเขาก็คงรู้ว่าเรื่องซุบซิบนินทาแบบนี้ผมไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว

     

               คั่วอะไรเล่าคนนะไม่ใช่เมล็ดกาแฟ เรากับคุณเจบีไม่มีทางต่อติดกันได้หรอกแค่นี้ก็จะมีแผลกลับหอกันไปคนละแผลสองแผลแล้ว

     

               งั้นหรอ? ดีแล้วหล่ะ นักเลงแบบนั้นขืนเป็นแฟนกับนายฉันคงสงสารแย่

     

     

               ชเวยองแจกับประธานปาร์คจินยองไม่เข้าใจอะไรที่สอนรึปาวครับ?” จากที่ก้มหน้าก้มตากระซิบผมกับยองแจยืดหลังตรงทันทีเมื่ออาจารย์มองมาด้วยสายตาดุผ่านเลนส์แว่น ต่างคนต่างรู้ครับว่าคำถามที่อาจารย์ถามมามันไม่ใช่คำถามจริงๆหรอก เขาต้องการสกิดให้รู้ตัวมากกว่าว่าเขาเห็นที่พวกผมคุยกัน

     

               “ไม่ครับ กระจ่างเลย”

     

              แน่นอนว่าคนชวนคุยต้องเป็นคนแถให้อยู่แล้ว ผมหน่ะเด็กดีครับคุยระหว่างคาบไม่ค่อยมีนักหรอกคนอื่นๆก็คงรู้ข้อนี้เหมือนกัน เวลาโดนจับได้ว่าคุยกันทุกคนก็มักจะหมายหัวยองแจเป็นคนแรกอยู่แล้ว แหม.. ขาเม้าท์เองช่วยไม่ได้นะครับ

     


     

              ครืด ครืด ครืด ..

     

              ผมก้มหัวลงนิดๆเพื่อแอบหยิบโทรศัพท์ตรงใต้โต๊ะมาเช็คดู ปกติถึงโทรศัพท์สั่นผมจะไม่สนใจหรอกครับแต่ที่ผมให้ความสนใจก็เพราะก่อนหน้านี้ผมตั้งเตือนข้อความของคุณเจบีไว้ให้สั่นสามครั้งเมื่อเขาส่งมา

     

              Eagle b. :

              มาหาฉันที่ห้อง เดี๋ยวนี้              13:05 P.M.

     
     

              เริ่มแล้วสินะ

     

              ผมเก็บโทรศัพท์ไว้ใต้โต๊ะอย่างเดิมก่อนจะเงยหน้ามองกระดานเพื่อเริ่มเรียนอีกครั้ง ใครจะไปครับนี่มันเวลาเรียนอยู่นะ ผมไม่สละเวลาอันมีค่าเพื่อเพียงให้เขากลั่นแกล้งให้ขุ่นเคืองหัวใจหรอกครับ

     

     

              ครืด ครืด ครืด …

     

              ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะก้มลงหยิบโทรศัพท์มาดูอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมผมถึงเลิกสนใจไอ้โทรศัพท์บ้านี่ไม่ได้เสียที ก็แค่ปล่อยให้มันสั่นไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่สั่นมันทำให้ผมกระวนกระวายทุกที เขาจะส่งมาว่าอะไร? เขาจะพิมพ์อะไรมาบ้างนะ? ถ้าเราส่งข้อความไปเขาจะอาการเป็นเหมือนเรารึป่าว?

     

              ผมคงเพ้อเจ้อมากเกินไป


     

              Eagle b. :

              ฉันรู้นะว่านายยังไม่ออกจากห้อง ลุก ขึ้น แล้ว มา หา ฉัน เดี๋ยว นี้!!                 13:10 P.M.

     

              ข้อความถูกส่งมาพร้อมรูปรูปหนึ่งที่แนบตามมาด้วย ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยนิดหน่อยก่อนจะกดเข้าไปดู มันเป็นรูปจากด้านหลังที่นักเรียนหลายๆคนกำลังก้มหน้าก้มตาจดโน็ตอยู่ บางคนก็เงยหน้ามองกระดานหน้าห้องบ้าง แต่มีแผ่นหลังหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นๆอยู่ มันคลับคล้ายคลับคลาว่า

     
     

              อ่าวเฮ้ย! นี่มันหลังเราเองนี่หว่า!

     

     

              ผมหันหลังพรึ่บไปมองแถวหลังรอบๆทันทีด้วยความสงสัย คุณเจบีอยู่ในห้องนี้ด้วยหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก แค่เขาเข้ามาทุกคนก็ฮือฮาจนเสียงดังสนั่นแล้ว แต่นี่มันเงียบเกินไปจนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอยู่ในนี้ได้

     

              ขณะนั้นผมสังเกตเห็นใครบางคนกำลังวุ่นอยู่กับการจัดท่าโทรศัพท์ให้แอบจากอาจารย์ตรงหน้าห้องได้พ้นและหันด้านหลังโทรศัพท์มาทางผมเหมือนกำลังพยายามถ่ายรูปหรืออะไรซักอย่างอยู่

     

              พอเขารู้ตัวว่าผมจับได้ก็รับยัดโทรศัพท์ตัวเองเข้าใต้โต๊ะและตั้งหน้าตั้งตาเรียนเหมือนเมื่อตะกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมว่าผมแถแย่แล้วนะเจอคนนี้ไปผมพ่ายเลย

     

              ที่แท้ก็มีหนอนบ่อนไส้นี่เอง สายลับเยอะนักนะไอ้คนนี้!

     

     

              ผมเด้งตัวลุกขึ้นด้วยความโมโห ทุกคนรวมถึงยองแจที่กำลังเรียนอยู่ต่างทำหน้างงกับท่าทางของผมที่ดูปุบปับอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน อาจารย์ที่กำลังเขียนบางอย่างบนกระดานได้ยินเสียงเก้าอี้เลื่อนจึงหันหลังกลับมามองด้วยสายตาดุๆตามสไตล์อาจารย์โหด

     

              ผมเดินไปยังหน้าห้องก่อนจะก้มหัวให้อาจารย์หนึ่งทีอย่างมีมารยาท

     

               ผมขออนุญาตออกไปข้างนอกได้มั้ยครับ? พอดีมีธุระด่วนกระทันหัน

     

               ธุระของประธานปาร์คจินยองมันสำคัญขนาดไหนถึงทำให้เมินเฉยกับวิชาสำคัญของอาจารย์

     

              อาจารย์หนุ่มเนิร์ดขยับกรอบแว่นตาหนาก่อนจะจ้องมายังผมโดยไม่ละสายตาเหมือนกับว่าเขาต้องการเหตุผลที่ต้องสมน้ำสมเนื้อกับการลาวิชาของเขาหล่ะมั้ง แต่จะให้ผมตอบว่าอะไรหล่ะครับ? การแถกับครูบาอาจารย์ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกซักเท่าไหร่ จะบอกความจริงก็แน่นอนว่าไม่มีทางเลยจะได้ออกไป

     

              เอ๊ะเดี๋ยวนะ มันก็เป็นเรื่องดีแล้วนี่ครับถ้าอาจารย์ไม่ให้ไป ผมจะได้มีเหตุผลแก้ตัวกับคุณเจบีแล้วจะได้เรียนอย่างสงบสุขแถมเขาก็คงค้านอะไรไม่ได้ด้วยเพราะมีหนอนบ่อนไส้เป็นพยานเหตุการณ์อยู่ว่าผมพูดความจริง

     

     

               คุณเจบีเรียกให้ผมไปหาครับ

     

              พอผมตอบอาจารย์ไปเท่านั้นแหละครับจากบรรยากาศภายในห้องที่เคยเงียบกริบมาก่อนตอนนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบ เป็นอย่างที่ยองแจบอกจริงๆสินะข่าวลือนั่นหน่ะ เฮ้อ .. คนเรานี่ว่างมากกันรึไงนะถึงได้มาแต่งแต้มเรื่องของคนอื่นอย่างสนุกสนาน

     

               ใครบอกให้พวกคุณคุยกัน!”

     

    เสียงเข้มของอาจารย์ทำให้ทุกคนที่หันหน้าเข้าหากันเพื่อพูดคุยต่างกลับไปนั่งเรียบร้อยอย่างเดิม สมแล้วที่เป็นอาจารย์สุดโหด ประโยคเดียวสั่งได้

     

               ส่วนประธานปาร์คจินยอง คุณไปได้

     

               อ่าวเฮ้ยเดี๋ยวๆ ทำไมเป็นแบบนี้หล่ะ?

     
     

               อาจารย์ ว่าไงนะครับ?” ผมถามย้ำอย่างไม่แน่ใจว่าตัวเองนั้นได้ฟังผิดไปรึป่าว นี่อาจารย์สุดโหดของบ้านอาร์เธน่าเลยนะ! ยอมปล่อยให้ไปง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ!?

     

              อาจารย์กระแอมไอนิดหน่อยก่อนจะตอบโดยไม่หันหน้ามามองผมเลยซักนิด

     

               “ผมบอกว่าไปได้ไงครับ … รีบไปสิ เดี๋ยวคุณอีเกิ้ลไม่พอใจขึ้นมาเดี๋ยวผมจะเดือดร้อนเอา

     

              หลังจากพูดจบอาจารย์ก็หันไปให้ความสนใจกับการดานตรงหน้าต่อเหมือนผมกลายเป็นธาตุอากาศที่กำลังทำหน้าเอ๋ออยู่

     

              แม้แต่อาจารย์ยังเกรงกลัวคุณเจบีเลยหรอ!? คนคนนั้นเขามีอำนาจมากมายแค่ไหนเชียว นี่ชักจะกลัวขึ้นมาจริงจังแล้วนะครับ L







     

    60%











              “นายมาช้า

     

              ผมมองคุณเจบีในชุดลำลองธรรมดาในมือถืออมยิ้มรสโคล่าซึ่งน่าจะเป็นรสโปรดของเขากำลังนอนดูทีวีอย่างสนุกสนานอยู่คนเดียวในห้องนอนของตัวเอง ท่าทางจะสบายมากมั้งครับโรงรงโรงเรียนก็ไม่ยอมไปแบบคนอื่นเขาไม่รู้ว่าผู้อำนวยการให้คนแบบนี้อยู่ในโรงเรียนที่มีกฏเข้มงวดขนาดนี้ได้ยังไง

     

               “เรียกผมมามีอะไรครับ?

     

              ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามอีกคน แน่นอนว่าต้องช้าอยู่แล้วสิครับใครจะอยากมาสิงสถิตอยู่ที่นี่กัน แค่ก้าวเข้ามาคิ้วข้างขวาก็กระตุกรัวๆเหมือนเป็นลางบอกเหตุแล้ว

     
     

               “นายนี่ .. เป็นแค่ทาสก็หัดทักทายผู้เป็นเจ้านายบ้าง ไร้มารยาทชะมัด”

     

               “ผมไปเป็นทาสของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?

     

               “ตั้งแต่นายถลุงเงินฉันไปใช้เล่นนั่นแหละ

     

              ผมทำหน้าบูดหน้าบึ้งใส่อีกคนแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรกลับไป จริงๆแล้วมันจึ่กตรงกลางใจเต็มๆเลยหล่ะครับ คนเอาเงินคนอื่นไปใช้คงไม่มีสิทธิ์เถียงโดยอัตโนมัติสินะ คิดๆแล้วหกสิบล้านแลกกับการเป็นทาสคุณเจบีมันไม่น่าจะคุ้มซักเท่าไหร่

     



               “ตกลงคุณเรียกผมมาทำอะไรกันแน่ครับ? ถ้าไม่มีผมขอตัว

     

              ผมหันหลังเดินไปที่ประตูเตรียมหลบหนีออกจากห้องนี้แต่ยังไม่ทันจะจับลูกบิดเปิดประตูออกก็มีมือปริศนาพุ่งเข้ามาดันไว้เพื่อไม่ให้เปิดออกไว้เสียก่อน

     

               “ย๊า! ห้องเรียนมันมีดีกว่าฉันตรงไหนห๊ะ?

     

               “อยู่กับห้องเรียนแล้วมันไม่วุ่นวายเหมือนคุณไงครับ

     

              คุณเจบีดุนลิ้นที่ในปากมีอมยิ้มรสโคล่าอยู่ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆด้วยความหงุดหงิดเนื่องจากโดนผมเหน็บแนมเข้าให้หนึ่งที

     

               “งั้นฉันจะทำให้นายวุ่นวายกว่านี้อีก มานี่

     

              จู่ๆผมก็โดนคุณเจบีจับแขนแล้วลากพามาด้านในของห้องซึ่งผ่านเตียงขนาดใหญ่ไปอีก ถัดไปเพียงกำแพงอีกด้านหนึ่งก็ปรากฏเป็นห้องขนาดพอเหมาะที่มีโต๊ะทำงานอยู่ตรงกลางและตู้หนังสือด้านหลังเรียงรายกันจนเต็ม

     
     

              น่าทึ่งเหมือนกันแฮะ .. ไม่นึกว่าคุณเจบีจะมีห้องเป็นการเป็นงานแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

     

     

               “นี่งานแรกของทาส ทำซะ

     

              ผมมองหน้าคุณเจบีแล้วมองกองกระดาษที่วางกระจัดกระจายเต็มโต๊ะไปหมดก่อนจะสุ่มหยิบกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาดูแผ่นนึง

     

               “การบ้าน?

     

               “ใช่ เริ่มทำได้แล้ว

     

               “เดี๋ยวสิ นี่มันยากเกินไปนะครับ คุณก็อยู่ห้องเอห้องที่มีแต่คนเก่งๆไม่ใช่หรอ? คุณก็น่าจะทำได้นี่

     

               “ก็ฉันจะให้นายทำ มีปัญหามั้ย?

     
     

              มีสิ ก็ผมทำไม่เป็นไง!!!

     

     

              ห้องเอมีแต่พวกเด็กพิเศษที่รวยและหัวกะทิกะปิต่างๆรวมกันทั้งนั้น เห็นว่าคลาสเรียนของผมกับห้องเอต่างกันอย่างริบลับเลยครับ ถึงแม้ว่าห้องผมจะมีแต่เด็กฉลาดก็ตามแต่ถ้าเทียบกับห้องเอแล้วเปรียบได้ว่าเหมือนเป็นประถมกับมัธยมเลยหล่ะครับ

     

              ผมนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานด้วยความอ่อนแรง เพียงแค่เห็นรายละเอียดงานบนกระดาษแผ่นเดียวก็ทำหัวสมองมึนตึ้บได้ภายในพริบตาแล้วจะให้จัดการทั้งหมดเลยเนี่ยนะ? ชาติหน้าจะทำเสร็จรึป่าวเถอะครับ

     

               “เห็นหน้านายแบบนี้แล้วค่อยมีความสุขขึ้นมาหน่อย ตั้งใจทำงานหล่ะ

     

              คุณเจบีโบกมือลาด้วยสีหน้าที่กวนประสาทเป็นที่สุดก่อนจะปลีกตัวออกจากห้องไปอย่างไร้เยื้อใยทิ้งให้ผมทำหน้าโง่อยู่กับกองกระดาษพวกนี้เพียงคนเดียว

     
     

              บางทีจินยองก็คิดนะ … ว่าไม่ควรยุ่งกับคนแบบนี้ตั้งแต่แรกเลยให้ตาย

     










     

              เจบีกลับเข้ามาในห้องนอนตัวเองอีกครั้งหลังจากหายไปทานข้าวที่ด้านล่างของบ้านมาได้นานอยู่พอสมควรและคิดว่าเป็นเวลาที่ทาสของเขาควรทำงานที่ให้ไว้เสร็จแล้ว

     

              จริงๆแล้วงานพวกนั้นเป็นแค่คำถามแนวข้อสอบประจำเทอมไม่จำเป็นต้องทำเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่ว่างและอยากแกล้งจึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา

     

              ร่างสูงชะเง้อมองเข้าไปในห้องทำงานก็พบร่างเล็กที่คุ้นเคยกำลังนอนฟุบลงกับโต๊ะบนกองกระดาษอย่างหมดสภาพโดยที่มือก็ยังกำปากกาในมือไว้อยู่อย่างนั้น

     

              เจบีเดินไปหยิบเก้าอี้อีกตัวใกล้ๆก่อนจะเลื่อนมานั่งข้างอีกคนอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัวลืมตาตื่นขึ้นมาเสียก่อน ส่วนมือก็ค่อยๆหยิบกระดาษแผ่นนึงที่คนนอนอยู่ได้ทำไปแล้วขึ้นมาเช็คดูอย่างลวกๆ

     
     

               “นี่หน่ะหรอประธานอาร์เธน่า ห่วยชะมัด

     

              ร่างหนาบ่นเบาๆก่อนจะหยิบกระดาษใบอื่นขึ้นมาดูด้วย ไม่ว่าจะดูกี่แผ่นๆทาสของเขาก็ทำผิดหมดเสียทุกข้อ แต่เขาก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าอีกคนต้องทำไม่ได้เพราะห้องของเขานั้นเป็นคลาสเรียนระดับสูงที่เป็นวิชาระดับนักศึกษาปีสูงๆเรียนกันทั้งนั้น ไม่แปลกหรอกที่จินยองจะทำไม่ได้

     
     

              แต่ที่ให้ทำก็คงไม่พ้นเรื่องอยากแกล้งอีกนั่นแหละ



     

              เจบีเท้าแขนไว้กับโต๊ะก่อนจะนั่งมองคนข้างๆที่กำลังหลับตาพริ้มเข้าสู่โลกแห่งความฝันอยู่อย่างเพลิดเพลิน ตาคมไล่มองตั้งแต่ผมดำที่ปรกลงมาปิดใบหน้าเล็กน้อยขนตางอนยาวเรียงกันอย่างสวยงามไหนจะจมูกเล็กที่น่าหยิกนั่นอีกบวกด้วยริมฝีปากบางสีชมพูที่เหมือนจะคอยดึงดูดเชิญชวนให้เขาเข้าไปหาตลอด

     

              ยังไงร่างกายของเขาก็ไวกว่าเสมอ ใบหน้าคมคายค่อยๆเลื่อนเข้าไปใกล้จนตอนนี้ห่างกันเพียงคืบเล็กๆเพียงเท่านั้น กลิ่นแชมพูอ่อนๆลอยแตะจมูกโด่งจนรู้สึกเผลอตัวไปชั่วขณะ

     

              ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากจะลองที่จะสัมผัสคนคนนี้ซักครั้งเหมือนเด็กที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะท้าทายมัน

     

     

               “อื๊อ ..”

     

              ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียเมื่อถูกสิ่งรบกวนที่เป็นลมหายใจอุ่นที่กำลังรดบนใบหน้าเขาอยู่พลางขยับร่างให้เอนหลังไปพิงกับเบาะเก้าอี้เนื่องจากฟุบนอนบนโต๊ะเป็นเวลานานจนร่างกายเริ่มจะเมื่อยล้าตรงบริเวณหลัง

     

              แต่ระหว่างเงยหน้านั้นแก้มใสก็เผลอชนเข้ากับอะไรบางอย่างนิ่มๆเข้าอย่างจังจนเจ้าตัวสะดุ้งตกใจพลางหันไปมองด้านข้างที่ชนด้วยความรวดเร็ว

     

     

               “อ่าวคุณ …”

     

               “เฮ้ย .. นาย ..”

     

              คุณเจบีเลื่อนเก้าอี้ถอยห่างจากผมโดยอัตโนมัติพลางเอามือจับที่ริมฝีปากตัวเองด้วยสีหน้าของคนที่ตกใจสุดขีด เรียกให้ผมขมวดคิ้วมองด้วยความไม่เข้าใจ

     

               “หน้าผมตอนตื่นมันชวนให้คุณตกใจขนาดนั้นเลยหรอครับ?

     

               “นี่นายไม่รู้ตัวหรอว่าทำอะไรลงไปหน่ะห๊ะ?

     

               “ผมทำอะไร?” ผมถามขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาที่แก้มตัวเองเบาๆ

     

              รู้สึกอุ่นๆที่แก้มยังไงก็ไม่รู้แฮะ ไม่สบายรึป่าวนะ? แต่ลองจับที่หน้าผากก็ปกติดีนี่นา …

     
     

               “นายนี่มันโง่อย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ การบ้านพวกนั้นนายทำผิดหมดทุกข้อ แก้ใหม่ให้ถูกซะ! เดี๋ยวนี้!”

     

              ผมมองคุณเจบีที่ชี้นู่นชี้นี่สั่งจนเสร็จสรรพก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินหนีออกจากห้องทันทีโดยทิ้งให้ผมอยู่กับกองงานของเขาอย่างเดิมเหมือนกันตอนแรกไม่มีผิด

     

              ถ้ารู้ว่ามันผิดก็มาทำเองดิวะ!

     






     

              แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงเรียกความสนใจจากร่างสูงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องทำงานได้เป็นอย่างดี เจบีหยิบโทรศัพท์ออกมาดูชื่อบนหน้าจอก่อนจะกดรับอย่างไม่ลังเล

     

               “ว่าไง

     

               “พี่ … ผมเจอเธอแล้วนะ

     

              ทันทีที่ปลายสายตอบกลับมาเขาก็รู้สึกเหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะหัวใจหยุดเต้นไปชั่วครู่ มือหนากำโทรศัพท์เครื่องโปรดไว้แน่น ปากก็พยายามเค้นคำพูดออกมาด้วยความยากลำบากเพราะรู้สึกเหมือนภายในมันแห้งผากไปหมด

     

               “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?





    -----------------------------------------------

    รู้สึกได้ถึงแรงดราม่าชนิดที่ว่ากลิ่นนี่ไล่มาเลย

    #ADNL9494



    มีบอทฟิคแล้วนะเตง สุดยอดไปเล้ย

    @EAGLEXADNL / @JINYOUNGXADNL


     



     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×