ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adrenaline 1994 - #bnior

    ลำดับตอนที่ #7 : Adrenaline 6 - 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.01K
      35
      2 ม.ค. 58

    - 6 -

     

              “นี่คุณ

     

               “อะไร?

     

               “จริงจังปะครับ?

     

               “อะไรจริงจัง?

     

               “หลังจากการบ้าน … ก็เป็นอันนี้เนี่ยนะครับ?

     

              ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายพลางวางถุงช็อปปิ้งมากมายก่ายกองลงบนพื้นกระเบื้องของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ของพวกนี้ไม่ใช่ของผมหรอก เป็นของเจ้านายผู้เลือดเย็นล้วนๆ ผมก็เป็นเสมือนทาสรับใช้ที่คอยแบกของไปมาเพียงเท่านั้นแหละครับ

     

              ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันตอนผมกำลังนั่งทำการบ้านให้อยู่ดีๆ จู่ๆคุณเจบีก็เดินเข้ามาในห้องแล้วลากผมออกไปจากบ้านทันทีแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมถามเขาก็ตอบมาเพียงว่าอยากไปซื้อของก่อนจะโดนพามาที่ห้างนี่อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาทีโดยรถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถของโรงเรียนซึ่งปกติแล้วทางโรงเรียนมีกฏว่านักเรียนไม่สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวไปไหนมาไหนได้

     


              แต่ก็นะ … นี่คือคุณเจบีนะครับ กฏระเบียบคืออะไรเขาคงไม่รู้จักหรอก

     

     

               “ทำไม? ฉันก็อยากมาซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองบ้างไม่ได้รึไง?

     

               “จะลากผมมาคอยขนของให้ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะครับแต่คุณช่วยดูเวลาบ้างนิดนึงว่านี่มันเวลาเรียนของผม คุณให้ผมโดดเรียนเพื่อมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้เนี่ยนะ? มันใช่หรอครับ?

     

               “หนวกหูจริง … นั่งลงแล้วหุบปากซะ



     

              คุณเจบีดันไหล่บางให้นั่งลงกับเก้าอี้นวมบนร้านคาเฟ่หรูที่อยู่ใจกลางห้างและที่ที่เรานั่งก็เป็นริมกระจกซึ่งสามารถเห็นบรรยากาศภายนอกที่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาและรอบๆห้างที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงามได้ด้วย

     

              แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์มาชมนกชมไม้ชมผู้คนหรอกนะครับ ต้องการกลับไปเรียนหนังสือในห้องมากกว่าเสียอีก ต้องเข้าใจหัวอกเด็กนักเรียนทุนนะครับจะมาลอยชายอยู่ในห้างสบายใจแบบนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ มีคนจ้องคอยที่จะเสียบที่ที่ผมยืนอยู่เป็นพันหากผิดพลาดเพียงนิดหน่อยก็อาจจะทำให้ผมหลุดออกจากทุนไปเลยก็ได้ ถ้าเกิดหลุดทุนแม่ผมคงต้องเสียใจมากแน่ๆที่ผมกลายเป็นเด็กไม่ดีหลังจากเข้ากรุงมา ดราม่ามั้ยครับ? นี่แหละชีวิตผมหล่ะ

     
     

               “ทำไมต้องมานั่งจิบกาแฟที่นี่ด้วยครับ? ร้านเขาก็มีให้สั่งแบบกลับบ้านไม่ใช่รึไง?

     

              ผมมองคุณเจบีที่กำลังจิบกาแฟร้อนๆอย่างสบายใจอยู่คนเดียว โดยไม่คิดจะมีน้ำใจสั่งให้ผมที่กำลังกระหายน้ำอยู่ซักนิดด้วยนะครับ ใจร้ายใจดำกว่าคุณเจบีนี่ไม่มีอีกแล้วหล่ะ

     

               “ที่นี่บรรยากาศดีออกถึงจะเป็นในห้างก็เถอะ”

     

               “งั้นเชิญคุณดื่มด่ำกับบรรยากาศพอใจนะครับ .. ส่วนผมขอตัวก่อน

     

              ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะขยับตัวเพื่อปลีกตัวหนีออกจากที่แห่งนี้ทันทีแต่ก็ไม่ทันคนตรงข้ามที่รีบวางแก้วกาแฟลงก่อนจะจับแขนผมแล้วฉุดให้นั่งลงกับเก้าอี้เหมือนเดิมโดยไม่คิดจะผ่อนแรงที่จับเลยซักนิด เจ็บเป็นนะเฮ้ย!

     

               “จะรีบกลับทำไมนักห๊ะ? โรงเรียนมันไม่หนีหายไปไหนหรอก … หรือว่านายมีแฟนอยู่ในโรงเรียน?

     

              คุณเจบีหรี่ตามองอย่างจับผิดซึ่งผมก็ได้แต่เบะปากใส่อย่างหมั่นไส้พลางจ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้

     

               “ขอโทษนะครับชีวิตในโรงเรียนผมสนใจแค่ตำราเรียนเพียงเท่านั้น

     

               “หรอ … ก็ดี

     

              ผมขมวดคิ้วงงกับท่าทางของคุณเจบีที่จู่ๆก็ตอบรับแบบไม่คิดจะเถียงอะไรซักคำ แปลกคนเดี๋ยวก็ด่าเดี๋ยวก็เงียบ คนหรือกิ้งก่า ถ้าผมสาดแสงไฟใส่เขาจะเปลี่ยนสีปะครับ?

     

               “ยังไงก็เถอะ งานของทาสยังไม่เสร็จนายต้องอยู่ที่นี่ก่อน

     

               “งานอะไรอีกครับ คุณไม่เห็นจะให้ผมทำอะไรซักที

     

              คุณเจบีไม่ตอบอะไรแต่กลับยกมือขึ้นสูง เพียงครู่หนึ่งก็มีพนักงานเดินเข้ามาหาก่อนจะยื่นเมนูมาให้ผม ผมมองหน้าพนักงานก่อนจะรับมาอย่างงงๆ คนตรงข้ามพยักเพยิดหน้าใส่เหมือนเป็นสัญญาณว่าให้สั่งได้

     

              นึกว่าใจร้ายใจดำซะอีก ถอนคำพูดที่ด่าในใจไปเมื่อตะกี้ก็ได้ … ฮึ

     

     

               “ตอนนี้ยังไม่มี … แต่อีกซักพักคงจะมี

     

              ผมเงยหน้าออกจากเมนูขึ้นมามองคุณเจบีที่จ้องไปยังภายนอกร้านและเอ่ยพึมพำเหมือนพูดอยู่กับตัวเองอย่างเลื่อนลอย เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นดวงตาที่แสดงความเศร้าสร้อยออกมา ถึงแม้จะไม่ได้มากมายนักแต่มันก็ทำให้ผมแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่คนอย่างคุณเจบีก็มีโหมดนี้ด้วย

     

     



     

              ผมจิ้มช็อคโกแลตลาวาอุ่นเข้าปากหนึ่งคำโดยที่สายตาก็เหลือบมองอีกคนไปด้วย ตั้งแต่ตอนนั้นคุณเจบีก็นิ่งเงียบไปโดยไม่พูดอะไรอีก จนบรรยากาศเริ่มตึงเครียดที่แม้แต่ผมยังไม่กล้าถามไถ่ว่าเป็นอะไร ได้แต่กินของหวานตรงหน้าอย่างเงียบๆ

     

              นี่ก็จานที่สามแล้วนะครับแต่ไม่เห็นร่องรอยงานที่เขาจะให้ผมทำซักที

     

               “เอ่อ … ถามได้มั้ยครับว่ามันเป็นงานอะไร?

     

              คุณเจบีละสายตาจากหน้าต่างมามองผมนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปมองด้านนอกเหมือนเดิม

     

               “งานของนายก็มาจากสัญชาตญาณของนายนี่แหละ

     

               “สัญชาตญาณ?

     

               “สัญชาตญาณการปกป้องของนายยังไงหล่ะ

     

              เป็นอีกครั้งที่ผมขมวดคิ้วใส่อีกคน เขาพูดอะไรผมไม่เห็นจะเข้าใจเลยซักนิดตั้งแต่ออกมาจากบ้านแล้วเขาก็เอาแต่พูดจาเพ้อเจ้อโดยที่ผมไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้เลย เขาเริ่มจะทำให้ผมเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะไม่รู้ว่าอาการของเขาเกิดจากงานที่จะให้ผมด้วยรึป่าวก็ไม่แน่ใจ

     

              ผมมองออกไปนอกหน้าต่างตามบ้างเพราะเห็นคุณเจบีมองออกไปอยู่นานแล้ว บรรยากาศด้านนอกก็ไม่ต่างอะไรจากเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้นัก ผู้คนก็ยังเดินผ่านไปมากันอย่างคับคั่ง มีทั้งครอบครัว เพื่อนและคู่รักหลากหลายกลุ่มปะปนกันไป

     

              ผมมองไปเรื่อยอย่างเอื่อยๆก่อนสายตาจะสะดุดหยุดอยู่ที่คู่รักคู่หนึ่งซึ่งกำลังเลือกซื้อตุ๊กตาที่ร้านตรงข้ามกับคาเฟ่ที่เรานั่งอยู่อย่างสนุกสนาน ใบหน้าน่ารักของผู้หญิงคนนั้นแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขให้กับผู้ชายที่เธอโอบแขนอยู่ข้างๆจนผมเองก็อดที่จะยิ้มไปด้วยไม่ได้

     

              ถึงแม้ผมจะไม่เคยสัมผัสเรื่องความรักของคนรักเลยก็ตามแต่การที่ได้เห็นคนอื่นยิ้มให้กันจับมือด้วยกันพูดคุยกันในทุกๆวันก็ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งของผมแล้วหล่ะ



     

              ครืดดด ..

     

              ผมหันมาเงยหน้ามองคุณเจบีที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยใบหน้าของเขาดูเรียบนิ่งมากจนผมสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวอย่างไม่เคยได้รับมาก่อน

     

               “งานของนายมาแล้ว




     

    40%








     

              “คุณเจบี! รอผมด้วยสิ!”

     

              ผมตะโกนเรียกคนด้านหน้าที่เดินดุ่มๆนำไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะชลอรอกันเลยซักนิด ใช่สิ .. คุณมันเดินตัวเปล่านี่แต่ผมต้องวิ่งตามโดยต้องแบกพวกถุงเสื้อผ้าเป็นสิบถุงไปด้วยเนี่ยสิ! จบการเป็นทาสเมื่อไหร่จะเอาคืนให้สมใจอยากเลยเดี๋ยวก่อน

     

              คุณเจบีเดินไปหยุดอยู่ที่ร้านตุ๊กตาตรงข้ามกับคาเฟ่ที่พวกเขาเพิ่งเดินออกมาเมื่อตะกี้ก่อนจะกระชากแขนของผู้หญิงคนหนึ่งให้ออกมาจากผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยความโมโห

     

               “เจบี!”

     

               “ซึลกิ เธอโกหกแล้วหนีฉันก็เพื่อมาอยู่กับผู้ชายแบบนี้เนี่ยนะ!?

     

              หญิงสาวดูตกใจมากเมื่อเห็นหน้าของคุณเจบี เจ้าตัวพยายามบิดข้อมือของตัวเองออกจากอีกคนแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะแรงของผู้ชายต้องมีมากกว่าอยู่แล้ว

     

               “เจบี ปล่อยฉันก่อน

     

               “ไม่ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง … ตั้งแต่วันนั้นฉันตามหาเธอแทบตายเคยรู้บ้างมั้ย? โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ที่อยู่ที่ฉันเคยมีพอไปหามันก็ไม่ใช่บ้านเธอแล้ว ฉันเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเป็นอะไป แต่พอฉันกลับมาเจอเธอในตอนนี้ ….”

     

              เจบีเงียบไปก่อนจะหันมามองคนข้างๆด้วยสายตาที่โกรธจัดจนแทบจะทำลายทุกอย่างทิ้งด้วยสายตาได้ ผู้ชายคนนั้นเอื้อมมือหวังจะให้เจบีปล่อยมือออกจากแฟนสาวของเขาแต่ก็โดนอีกคนผลักเข้าให้อย่างแรงจนเขาเซถอยหลังจนชนเข้ากับกองตุ๊กตาด้านหลังก่อนจะโดนชี้หน้าจ้องมองอย่างดุดัน

     

               “มึงอย่าเข้ามาใกล้

     

               “เจบีอย่าทำแบบนี้นะ! ปล่อยเราก่อน

     

               “คุณเจบี ปล่อยก่อนเถอะครับ เธอเจ็บแล้วนะ

     

              ผมที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆจึงถือโอกาสวิ่งเข้าไปดึงคุณเจบีให้ปล่อยออกจากแขนของผู้หญิงคนนั้น เธอคนนั้นเริ่มทำสีหน้าแย่ลงเมื่อรู้สึกเจ็บปวดบริเวณข้อแขนจากการบีบของอีกคน หลังจากผมทำให้เธอเป็นอิสระได้หญิงสาวคนนั้นก็รีบไปดูอาการของชายด้านหลังด้วยความเป็นห่วงทันที

     

               “หยุดทำแบบนี้เดี๋ยวนี้นะซึลกิ!! เธอก็รู้ไม่ใช่รึไงว่าฉันคิดยังไงกับเธอ!”

     

               “ใช่! ฉันรู้!!”

     

              หญิงสาวที่ชื่อว่าซึลกิตอบกลับมาทั้งน้ำตาทำเอาเจบีถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วครู่ เธอปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆก่อนจะคล้องแขนผู้ชายคนนั้นหมายจะบอกให้อีกคนรู้สถานะของพวกเขาได้ซักที

     

               “แต่ฉันก็เคยบอกนายไปแล้วไม่ใช่หรอว่ายังไงเราก็อยู่ในสถานะแบบนั้นไม่ได้ เราเพื่อนกันนะเจบี”

     

              ผมเงยหน้ามองคุณเจบีทั้งๆที่เกาะแขนของเขาอยู่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้ามากกว่าครั้งก่อนน้ำใสๆเริ่มเอ่อออกมาจากดวงตาคมแต่เหมือนเขาก็พยายามเก็บกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ไม่ให้คนอื่นรับรู้เหมือนกัน

     

               “แต่ฉันชอบเธอ .. ไม่ได้รึไง

     

               “ฉันขอโทษ

     

              ซึลกิพูดแค่นั้นก่อนจะกอดแขนแฟนหนุ่มของตัวเองแน่น เจบีมองภาพนั้นก่อนที่อารมณ์จะเริ่มปะทุขึ้นเรื่อยๆจนเส้นอดทนเริ่มขาดผึงทีละเส้น

     

               “มันเป็นเพราะมึง! เพราะมึงคนเดียว!!”

     

               “คุณ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

     

              ผมรีบดึงตัวคุณเจบีไว้เพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายร่างกายผู้ชายคนนั้นไว้ได้ทัน แต่คุณเจบีก็สามารถคว้าคอเสื้อของชายหนุ่มไว้ได้ทันก่อนจะกระชากเข้ามาอย่างโมโหพร้อมที่จะยกหมัดต่อยได้ทุกเมื่อถ้าไม่มีร่างเล็กดึงห้ามไว้อยู่

     

               “เจบี! พอซักที!!”

     

              หญิงสาวผลักร่างของเจบีออกไปอย่างหมดความอดทนพลางกอดแขนชายหนุ่มของตัวเองไว้แน่นราวกลับกลัวว่าแฟนของตัวเองจะเจ็บตัวไปมากกว่านี้

     

               “เพราะนายเป็นนักเลงแบบนี้ไงฉันถึงไม่ชอบนาย!!”

     

               “ …… ”

     

              หญิงสาวเม้มปากแน่นหลังจากพ่นคำทำร้ายจิตใจจนอีกคนนิ่งราวกับเวลาได้ถูกหยุดตัวของเขาไว้ เธอรู้ว่าประโยคนั้นมันทำร้ายเขามากขนาดไหน แต่ถ้าเกิดเธอไม่พูดเขาก็คงไม่รู้สึกตัวซักที

     

              เมื่อคนตรงข้ามไม่มีปฏิกิริยาตอบรับทั้งสองจึงเลือกที่จะเดินหนีฝ่าฝูงชนที่ยืนมุงดูอย่างสนอกสนใจออกไปโดยเหลือเพียงแค่ผมที่ยืนจับแขนมองอีกคนที่ตอนนี้เหมือนเหลือเพียงร่างเปล่าไร้วิญญาณ

     

               “ขอโทษนะครับ ขอทางหน่อย

     

              ผมทำหน้าที่เป็นบอร์ดี้การ์ดคอยปัดทางให้ผู้คนหลีกเพื่อให้คุณเจบีเดินได้สะดวกเพราะตอนนี้ผมคิดว่าถ้าไม่มีผมคอยพยุงอยู่เขาคงล้มลงไปกองบนพื้นเป็นแน่

     

              เป็นครั้งแรกอีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกสงสารเขามากเสียจนสมองผมมีความคิดชั่ววูบหนึ่งขึ้นมา …

     

              ถ้าผมสามารถทำให้เขามีความสุขอีกครั้งได้ก็คงดี

     














     


               “เป็นยังไงบ้างครับ?

     

              ผมถามขึ้นพลางยื่นขวดน้ำที่ไปซื้อมาจากร้านค้าใกล้ๆให้หลังจากเห็นสีหน้าของคุณเจบีเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้มาอยู่ในบรรยากาศดีๆแบบนี้

     

              หลังจากพาเขาขึ้นมาบนรถได้สำเร็จคุณเจบีก็สตาร์ทรถแล้วขับออกมาจากห้างด้วยความเร็วสูงจนผมแทบจะดึงสายนิรภัยออกมาเสียบไว้แทบไม่ทัน ใช้เวลาครู่หนึ่งรถสปอร์ตคันหรูก็จอดลงที่ริมถนนแห่งหนึ่งซึ่งมีแม่น้ำสายใหญ่อยู่ด้านหน้าดูแล้วก็น่าจะเป็นสวนสารธารณะธรรมดาแต่มีแม่น้ำเป็นทิวทัศน์ทำให้บรรยากาศดูสวยมากกว่าเดิม คุณเจบีเลือกที่จะนั่งบนพื้นหญ้าสีเขียวก่อนจะเงยหน้ามองดวงดาวด้านบนอย่างเงียบๆคนเดียว

     

               “ก็ดี

     

              คุณเจบีตอบแค่นั้นก่อนจะรับน้ำในมือมายกขึ้นดื่มหลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก บรรยากาศมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่มาถึงซึ่งมันดูอึดอัดมากโดยที่แม้แต่คนที่อยู่ในที่เงียบๆได้สบายอย่างผมยังทนไม่ไหว

     

              ก็ดีบ้าอะไรหล่ะ นั่งนิ่งเป็นหินเชียว!

     

               “ถึงคุณจะเป็นนักเลง … แต่ก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดีทุกเรื่องซักหน่อย

     

              ผมพูดขึ้นพลางนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆโดยคุณเจบีมองตามผมด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่ก็ไม่ได้ละสายตาไปไหนยังคงมองอยู่อย่างนั้นจนผมเริ่มจะตัวเกร็ง

     

               “ …. ก็วันนี้คุณยังเลี้ยงของหวานผมเลยนี่

     

               “หึ

     

     

              ร่างสูงหัวเราะเบาๆพลางยื่นมือมายีหัวผมเล่นจนผมยุ่งไม่เป็นทรงประหนึ่งเหมือนลูบหัวสัตว์เลี้ยงไม่มีผิด

     

               “ที่เธอพูดมามันก็ถูก .. ฉันมันก็แค่นักเลงที่เอาแต่ทะเลาะกับชาวบ้านไปทั่ว เพียงแต่เธอแค่ไม่รู้ว่าที่ฉันเป็นนักเลงแบบนี้มันเป็นเพราะฉันพยายามปกป้องเธออยู่

     

              คุณเจบีเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟังทั้งๆที่สายตาก็ยังจ้องมองบนท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วย ผมมองใบหน้าของอีกคนยามแสงสะท้อนเสริมให้ดูดีขึ้นมากเสียจนละสายตาไม่ได้ไปชั่วครู่

     

              ทำไมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าคุณเจบีจะหล่อมากขนาดนี้เวลาไม่ทำตัวกวนประสาท

     

               “ทำไมคุณถึงต้องปกป้องเธอหล่ะครับ?

     

               “นายคิดว่าหน้าตาเธอน่ารักมั้ยหล่ะ?”

     

              ผมหยักหน้าหงึกหงักตอบ ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มดวงตากลมโตเหมือนเด็กน้อยเพียงแค่ยิ้มก็สามารถทำให้โลกทั้งใบของใครบางคนสดใสขึ้นมาได้ทันที

     

              ไม่มีอะไรที่ผมสามารถเทียบได้เลยซักอย่าง

     

               “ก็เพราะว่าเธอน่ารักและเป็นมิตร เลยทำให้พวกผู้ชายคนอื่นคอยแต่จะคิดเรื่องที่ไม่ดีกับเธอ

     

               “คุณเลยต้องคอยกันพวกนั้นออกจากเธอ?

     

               “ใช่ .. แต่เธอกลับมองฉันเป็นนักเลงเหมือนกับพวกนั้น

     

               “แล้วทำไมคุณไม่บอกความจริงเธอไปหล่ะครับ?

     

               “บอกไปแล้วมันได้อะไรหล่ะในเมื่อความคิดแรกของเธอไม่ได้มองฉันในแง่ดีเลยซักนิด

     

              ผมเงียบลงเพราะไม่รู้จะตอบอีกคนยังไงเพราะมันก็เป็นเรื่องจริง คนที่เชื่อมั่นกันจริงๆต้องมองอีกคนในแง่ดีถึงจะถูก คุณเจบีคงจะเจ็บมากน่าดูที่ถูกมองว่าเป็นคนไม่ดีแบบนั้น


     

               “งั้นงานของผมก็คือ …”

     

               “คอยห้ามฉันยังไงหล่ะ … ฉันรู้ตัวว่าถึงเวลาฉันต้องสติแตกแน่ๆ แต่ฉันไม่อยากจะทำอะไรเลวร้ายที่ใช้อารมณ์เพียงชั่ววูบ จึงต้องมีคนคอยห้ามฉันไม่ให้ทำอะไรที่ผลีผลาม

     

              เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นผู้ใหญ่ในตัวของเขาแผ่ออกมาจนอบอุ่นไปทั้งหัวใจ เขาคงคิดไว้อย่างดีอยู่แล้วสินะว่าผลสรุปมันจะออกมาเป็นแบบนี้เแต่เขาก็ยังจะทำมันเพราะต้องการให้ตัวเองรู้สึกแย่ไปเลยทีเดียวเพื่อที่จะได้ตัดมันให้ขาดโดยที่ไม่มีทางกลับมาต่อใหม่ได้อีก

     

               “วันนี้คุณ  ดูหล่อมากเลยนะครับ

     

              ผมเอาคางเกยกับเข่าก่อนจะเอ่ยออกมาตามที่คิดทั้งๆที่ยังจ้องคนตรงหน้าตาแป๋วอยู่ คุณเจบีดูตกใจมากที่ได้ยินคำชมจากผมดูจากลักษณะท่าทางที่เบิกตากว้างเท่าไข่ห่านพร้อมผงะถอยออกนิดหน่อยเหมือนคนเพิ่งเห็นผียังไงอย่างนั้น


     

              อ่าวนี่ผมว่าตัวเองเป็นผีหรอ? L

     

               “ฉัน .. ฉันก็หล่อของฉันทุกวันนั่นแหละ

     

              ผมยิ้มให้กับคำตอบที่ชวนหลงตัวเองของคุณเจบีนิดหน่อยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบถุงร้านค้าที่เพิ่งซื้อมาค้นของด้านในอยู่ครู่หนึ่งโดยคนด้านข้างก็แอบเหล่ตามองดูการกระทำของผมอย่างสนอกสนใจ

     

               “ยังไงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วคุณก็ควรทิ้งอดีตที่ไม่ดีแล้วเริ่มต้นใหม่ได้แล้วนะครับ

     

              ผมเปลี่ยนท่าทางเป็นนั่งยองๆโดยที่มือยื่นอมยิ้มไปที่ตรงหน้าร่างหนา เมื่อคุณเจบีเลื่อนสายตามองผมจึงฉีกยิ้มใส่จนตาหยีราวกับเด็กเล็กที่ยอมแบ่งขนมให้ก่อนจะดึงผ้าพันคอของตัวเองออกแล้วเอามาพันไว้ที่คอของอีกคนเพราะอากาศตอนกลางคืนในปลายปีมันหนาวไม่ใช่เล่นแถมอีกคนยังใส่แค่เสื้อยืดกับแจ็คเก็ตหนังเพียงเท่านั้น มันทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน

     

               “ยิ้มหน่อยนะครับ ทำตัวดราม่าแบบนี้ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะ

     

              คุณเจบีรับอมยิ้มจากมือผมไปแล้วมองผ้าพันคอสีฟ้าอ่อนอยู่อย่างนั้นนานจนผมเริ่มใจคอไม่ดี นี่ผมพูดอะไรผิดไปรึป่าว? หรือผ้าพันคอผมมีกลิ่นเหม็น? แต่เมื่อวานผมซักมันแล้วนะจะเหม็นได้ยังไงหล่ะ?

     

               “เอ่อ .. ผมพูดอะไรผิดไปรึป่าวครับ?

     

               “ก็ไม่นิ”

     

              คุณเจบียกยิ้มนิดหน่อยก่อนจะแกะห่อพลาสติกบนอมยิ้มออกก่อนจะอมมันเข้าไปจนแก้มของเขาข้างหนึ่งป่องเป็นลูกกลมเล็กๆซึ่งเป็นภาพที่ดูน่ารักมากสำหรับผม

     

               “นายหน่ะ …”

     

               “ครับ?

     

               “ทำตัวแบบนี้กับทุกคนเลยรึไง?”

     

              ผมเอียงคอทำหน้างงกับคำถามใส่อีกคน ทำตัวแบบนี้หมายถึงทำตัวแบบไหนกัน?

     

               “หมายถึงเป็นห่วงคนอื่นแบบนี้”

     

               “อ๋อ  จริงๆแล้วไม่มีใครคอยให้ผมเป็นห่วงมากกว่านะครับ คุณก็น่าจะรู้นี่ว่าผมไม่ค่อยสุงสิงกับใคร

     

              คุณเจบีพยักหน้ารับก่อนจะเอนตัวลงนอนบนพื้นหญ้าดุนอมยิ้มอย่างสบายใจ ท่าทางเขาจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมแล้วหล่ะมั้ง


     

               “อย่าไปห่วงคนอื่นเรี่ยราดแบบนี้รู้ป่ะ

     

               “มันไม่ดีหรอครับ?

     

              คุณเจบีเลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่ผมโดยไม่ละสายตาซึ่งผมก็มองอีกคนตอบกลับโดยไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าช็อตอยู่ด้านในทำให้ความร้อนแผ่ซ่านจนรู้สึกได้ถึงริ้วแดงๆประดับอยู่บนใบหน้าเมื่อคนตรงหน้าเอ่ยคำพูดออกมาเพียงไม่กี่คำพร้อมดวงตาคมที่มองทอดมาอย่างคาดเดาความหมายไม่ออก

     

               “ฉันก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอก”

     

               “ …… ”

     

               “แต่ฉันอาจจะโมโหขึ้นมาก็ได้ .. ถ้านายทำแบบนี้กับคนอื่นเหมือนกัน


    --------------------------------------------------------------

    อีเกิ้ลขอทำดีเพื่อพ่อ

    #ADNL9494


    มีบอทฟิคแล้วหนา ไปคุยเร็วจ้า!!

    @EAGLEXAD / @JINYOUNGXADNL



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×