sweethaze
ดู Blog ทั้งหมด

เมื่อผมไปดูคอนเสิร์ต L'Arc-en-Ciel world tour 2012 in Bangkok

เขียนโดย sweethaze

 

วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2555 (ค.ศ.2012)

 

                หลังจากรอคอยมา 13 ปี...

 

นับจากวันแรกที่ได้ดู MV เพลง Pieces ของ L’Arc-en-Ciel ในห้องนอนมืด ๆ ก็เป็นอะไรที่ติดตา ตรึงใจตัวเองอยู่จนทุกวันนี้...

 

ผมเขียนบันทึกไว้เมื่อปี ค.ศ. 2000 หลังจากได้ดูเทปบันทึกภาพงานคอนเสิร์ต L’Arc-en-ciel ผ่านทางรายการเพลงช่วงดึก (มาก) ว่า... สักวันก็อยากจะไปยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง

 

 

13 ปีผ่านไป กับการรอคอยที่เกือบจะไม่มีหวัง ในที่สุด... ผมก็ได้ตั๋วคอนเสิร์ต L’Arc-en-ciel มาอยู่ในมือ วันที่ได้รับซองจดหมายสีน้ำตาลจากไทยทิกเก็ต ผมดีใจจนแทบจะกระโดดไปทั่วบ้าน ตั๋วสองใบ...สำหรับความฝันของเด็กน้อยในอดีตสองคนที่ฟังเพลงของ L’arc-en-ciel มาเกือบครึ่งชีวิต และอยากเจอ L’arc-en-ciel มาโดยตลอด

 

ในที่สุด...เด็กน้อยสองคนนั้น ซึ่งก็คือหมอกกับน้องสาวก็ได้เดินทางมายังอิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานีในวันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2555 เพื่อดูคอนเสิร์ต L’arc-en-ciel ตามที่เคยฝันไว้!

 

นี่สินะ...ความรู้สึกดีใจ ปลาบปลื้ม ตื้นตันของคนที่ฝันเป็นจริง

 

หมอกกับน้องสาวตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า ขึ้นรถตู้จากเพชรบุรีเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพตอน 8.30 น. ถึงอนุสาวรีย์ชัยตอน 10.00 น. นั่งรถตู้ถึงเมืองทองธานีตอน 10.30 โดยประมาณ

 

ทันทีที่เข้าไปใต้อาคารอิมแพ็คอารีน่า ก็เห็นกลุ่มคนนั่งอยู่ประปราย โหวงเหวงกว่าที่คิดไว้ และนั่น...โอ้! ผิดคาดนิดหน่อยแฮ่ะ นึกว่าจะมีคนรอเข้าคิวโซน F1 เยอะกว่านี้ (F1 ราคาตั๋ว 4500 เป็นตั๋วยืน ใครโชคดีได้ยืนข้างหน้าก็รับน้ำลายพี่ไฮด์เต็ม ๆ) แต่เท่าที่เห็นมีน้อยกว่าที่คิด ผมกับน้องสาวไม่ได้ซื้อตั๋วโซน F1 หรอก ทั้งนี้เพราะระบบ pre-sale ที่ห่วย (ในความคิดของผม) ขอเล่านิดหนึ่งเพื่อเป็นอุทาหรณ์ คอนเสิร์ตลาร์คครั้งนี้เขามีรอบ pre-sale คือ...ขายบัตรทางอินเตอร์เน็ตก่อนหน้าวันขายบัตรจริงหนึ่งวัน คนที่ต้องการ pre-sale ต้องเข้าระบบซื้อบัตรทางอินเตอร์เน็ตของไทยทิกเก็ตเมเจอร์ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน!!! ใช้ส่วนลดก็ไม่ได้ (ส่วนลดคือแสดงฝาโออิชิยากูซ่า 5 ฝา ซึ่งเว็บระบุไว้เลยว่า...ถ้าซื้อบัตรแบบ pre-sale ก็ไม่ได้รับส่วนลด ต้องมาซื้อที่บูธขายตั๋วเท่านั้นถึงจะนำมาลดได้ โธ่...ไม่ได้เห็นใจคนต่างจังหวัดเล้ย! คนกรุงเทพฯใจร้ายยยยยยยย อ้าว งี้ผมกับน้องก็ซื้อโออิชิยากูซ่ามากินฟรีน่ะสิ!!!!!!!)   

 

ผมกับน้องเป็นพวกกระต่ายตื่นตูม! และมองโลกในแง่ร้ายสุด ๆ ว่า...ตั๋วดี ๆ อาจจะขายหมดตั้งแต่ตอน pre-sale แล้วก็ได้! เพราะผมกับน้องตั้งใจเต็มร้อยว่างานนี้ทุ่มสุดตัว ขอตั๋ว 4500! ตั๋วอื่นไม่เอา! ผมกับน้องเลยใช้ระบบ pre-sale ในการซื้อตั๋ว แต่...ระบบอินเตอร์เน็ตที่บ้านก็ดีน่าใจหาย กว่าจะหาที่กดเข้าไปซื้อได้ก็เลยเที่ยงคืนมา 6 นาที วินาทีแรกที่กดเข้าไปเลือกที่นั่งได้ ผมกับน้องเล็งโซน 4500 แบบนั่งไว้ก่อน! เพราะสังขารอาจไม่ไหวในการยืน F1 แต่ปรากฏว่า...ที่นั่งแบบ 4500 เต็มหมด! เอาล่ะสิ...ความตกใจเริ่มบังเกิด! หรือตูจะต้องระเหเร่ร่อนไปนั่งชั้น 1000 กว่าบาทฟร่ะ! ไม่ยอมนะ! น้องสาวเลยพูดว่า กด F1 ไปเลย!” ผมก็กด F1 2 ใบ นั่งรออยู่เกือบสามนาที...หน้าจอเด้งว่าหน้าเพจเออเร่อ เอ็งช่วยไปเออรักเออเร่อที่อื่น! แต่อย่ามาเออเร่อวันนี้ได้ม้ายยยยยยย TT ผมเลยกดรีเฟรช ระบบขึ้นว่า... ตั๋ว F1 หมด ผมกับน้องสาวตะลึงอยู่หน้าคอม เป็นไปได้ยังไงตั๋ว F1 หมด!? ระบบเพี้ยนหรือเปล่า! นี่เพิ่งผ่านเที่ยงคืนมาได้ไม่ถึงสิบนาทีเองนะ! ผมกับน้องเลยกดเลือก F1 ใหม่ ระบบก็ยังยืนยันว่า F1 หมด คุณไม่มีสิทธิ์ซื้อ ผมกับน้องหมดแรงเลย ไม่นะ วงลาร์คที่รอมา 13 ปี ผมไม่ได้ดูตั๋ว 4500 เหรอเนี่ย ผมเลยต้องตัดสินใจกดเลือกตั๋ว 3500 โซน SK ที่นั่งเบอร์ D22 กับ D23 คิดในใจว่า...เอาวะ ขอแค่ได้ดูลาร์คก็พอ!

 

ระบบ pre-sale ไม่จบความโกลาหลแค่นี้ เพราะหน้าเว็บขึ้นว่าต้องจ่ายเงินภายใน 5 ชั่วโมงไม่งั้นบัตรที่จองไว้จะถูกยกเลิกทันที หมายความว่า...ผมต้องไปจ่ายเงินก่อนตี 5 วันพรุ่งนี้! ผมกับน้องด้วยความใจร้อนเลยเดินไปจ่ายเคาร์เตอร์เซอร์วิสที่ 7-11 หน้าบ้านตอนเที่ยงคืนครึ่ง! พนักงานมองหน้าผมกับน้องแปลก ๆ เพราะผมกับน้องคงเป็นคนเดียวในบ้านละแวกนั้นที่นำเงินแปดพันกว่าบาทมาวางแปะไว้บนเคาร์เตอร์ในเวลาเที่ยงคืน! เขาคงคิดว่า...พวกเอ็งต้องเป็นพวกทำธุรกรรมผิดกฎหมายแน่ ๆ!!! ทำไมถึงแปดพันกว่า ไม่ใช่เจ็ดพัน? ก็เพราะผมรีบกดจนต้องเสียค่ารักษาบัตรไปด้วยใบละสองร้อยกว่า ...นี่คือเซ็งกรณีที่หนึ่ง

 

เซ็งกรณีที่สองเกิดขึ้นเมื่อวันรุ่งขึ้นหลังจากวัน pre-sale อันโหดร้าย ผมมาเปิดดูที่นั่งในงานคอนเสิร์ตอีกครั้ง ปรากฏว่า... F1 ตั๋วยังไม่หมด! มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเมื่อคืนผมกด 2 รอบ มันขึ้นเหมือนกันว่าตั๋วหมดแล้ว! จะขอคืนบัตร SK เพื่อเปลี่ยนเป็นบัตร F1 ก็ไม่ได้ จะลงทุนซื้อบัตรใหม่ก็จะเป็นการรวยเกินหน้าเกินตาเงินในกระเป๋าไปหน่อย! ผมเลยต้องยอมรับความจริงว่า...เฮ้ย ผมกับน้องต้องนั่ง SK นะ ดีออก ไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่นเขา ดีไม่ดีจะเป็นลมไปซะเปล่า ๆ เพราะผมสุขภาพไม่ค่อยดี

 

หลังจากปลอบใจตัวเองเสร็จสรรพ ผมก็เฝ้ารอ (พร้อมกับแช่งชักหักกระดูกระบบ pre-sale ไปด้วย ถ้าผมไม่ซื้อแบบ pre-sale ผมคงได้บัตรโซน F1 ไปแล้ว T-T) ที่จะดูคอนเสิร์ตลาร์ค และตอนนั้นผมก็ได้รู้ความจริงบางอย่างว่า... ในการ pre-sale ใช่ว่าทุกคนจะจ่ายเงินภายในระยะเวลา 5 ชั่วโมงหมดทุกคน ดังนั้นตั๋วที่จองไว้เมื่อคืนเลยกลายเป็นถูกยกเลิกไปอย่างน่าเสียดาย... (แล้วพวกเอ็งจะมาแข่งจองกับตูทำมายยยยยยยยยยยยยย) และความจริงอีกอย่างคือ... พวกที่มีเพื่อนฝูงประสงค์จะดูคอนเสิร์ตลาร์คใช้วิธี...เฮ้ย! กลุ่มเรามีกี่คน แม่งนั่งหน้าคอมคนละเครื่องแล้วช่วยกันจอง! ด้วยวิธีนี้... เพื่อน A ก็กดจอง (จองทั้งของตัวเองและของเพื่อนด้วย) เพื่อน B ก็กดจอง (จองทั้งของตัวเองและของเพื่อนด้วย) มีเพื่อนกี่คน ๆ ก็ช่วยกันกดจอง ใครได้ที่นั่งดีกว่าก็โทรมาบอก แล้วก็ปล่อยให้ตั๋วที่นั่งในโซนที่ไม่ต้องการกลายเป็นโมฆะไปโดยไม่ไปจ่ายตังค์ภายใน 5 ชั่วโมง ทำไมจะต้องแคร์ เรากดจองได้ แต่ไม่ต้องจ่ายเงินได้ไม่ใช่เหรอ? พอเกิน 5 ชั่วโมง ระบบก็ยกเลิกบัตรที่เราจองไปเอง ไทยทิกเก็ตไม่ได้ตามมาหักคอให้เราจ่ายสักหน่อย! เอิ่ม...เพราะพวกพี่บางคนใช้วิธีนี้ ผม...เด็กน้อยตาดำ ๆ 2 คนที่รอจะดูคอนเสิร์ตลาร์คมาตั้ง 13 ปีเลยต้องระหกระเหินเหมือนนกปีกหักไปนั่งโซน SK ที่ไกลออกมา T-T ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน? แต่ที่แน่ ๆ...ไม่มีอยู่ในเมืองไทยหรอก

 

L’Arc-en-ciel ครับ ตั้งแต่ผมคนนี้ได้เข้าใจว่าโลกเรายังมีกลโกงที่คาดไม่ถึงแบบนี้อยู่ ผมก็อธิษฐานมาโดยตลอดว่า... พวก L’Arc-en-ciel จะกลับมาเล่นคอนเสิร์ตที่ไทยอีกใช่ไหมครับ? กลับมาให้ผมกับน้องได้มีโอกาสนั่งตั๋ว F1 สัมผัสเหงื่อของพวกป๋า ๆ T-T ถ้าสวรรค์มีตา และผมกับน้องเป็นคนดีมากพอ พวก L’Arc-en-ciel จะต้องได้ยินคำขอ และกลับมาเล่นคอนเสิร์ตอีกครั้งใช่ไหมครับ? และคราวนี้...ผมขอเถอะครับระบบ pre-sale ให้ไปยืนต่อคิวหน้าบูธขายตั๋วเหมือนคราวคอนเสิร์ต X-japan ซะยังดีกว่า อย่างน้อย...ผมก็ไม่ต้องเสียโอกาสของตัวเองให้กับคนบางคนไป... L’Arc-en-ciel เชื่อเถอะครับ ผมกับน้องยอมไปนอนหน้าบูธตั้งแต่ตีห้าเพื่อซื้อบัตรของพวกป๋า ๆ เพราะผมรักวง L’Arc-en-ciel มากจริง ๆ... พวกป๋าเป็นฮีโร่ของผม เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ของผม... ผมอยากจะมีวันที่ฝันเป็นจริงอีกหลาย ๆ ครั้งครับ ไม่อยากมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว T-T ตอนผมนั่งพิมพ์บันทึก อยู่ ๆ ผมก็ร้องไห้ไม่หยุด ใช่... ผมคงเสียใจมากจริง ๆ กับโอกาสของตัวเองที่เสียไปอย่างน่าเสียดาย... และผมก็อยากดูคอนเสิร์ตลาร์คอีกครั้ง...อยากดูจริง ๆ ครับ

 

เอาล่ะ ช่างมันเถอะกับเรื่องตั๋ว ยังไงก็ได้มาแล้ว... แต่ผมกับน้องที่เดินทางมาถึงอิมแพ็คตั้งแต่ 10.30 น.โดยประมาณ และได้มาเห็นว่า...มีคนมานั่งรอคิวเพื่อวิ่งเข้าโซน F1 น้อยกว่าที่คาดไว้มากจน...ถ้าผมกับน้องมีตั๋วโซน F1 ต้องได้อยู่แถวหน้า ๆ อย่างแน่นอน (และเชื่อมั้ยว่าถ้าผมกับน้องได้บัตรโซน F1 ผมกับน้องจะมารอเข้าประตูตั้งแต่ตี 5 T-T) มันทำให้ผม...เสียดายนิดหน่อย... แต่ช่างเถอะ แค่ป๋า ๆ วงลาร์คจะมาเล่นคอนเสิร์ตก็ดีใจแล้ว นะๆๆๆๆๆๆ ปลอบใจตัวเองไป...

 

ผมน่ะ ทนเห็นภาพคนนั่งรอคิว F1 ไม่ไหว และคิดว่าน้องสาวคงรู้สึกเหมือนกันแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา... เราสองคนเดินเตร็ดเตร่อยู่ใต้อาคารอิมแพ็คอารีน่า หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก ผมกับน้องไปยืนพิงเสามองคนที่นั่งรอซื้อเสื้อ ผ้าขนหนู ริสแบรนด์ กระเป๋าผ้า แท่งไฟ หนังสือภาพ โปสเตอร์ของวง L’Arc-en-ciel ผมกับน้องไม่ได้ไปเข้าคิวรอซื้อหรอกนะ ได้แต่มองเพราะราคาสูงพอสมควร ทั้งที่อยากได้ แต่ผมก็ไม่ใช่คนรวยขนาดนั้น... ผมพูดตรง ๆ ว่าไม่ค่อยมีตังค์ ก็เลยได้แต่มอง... มองๆๆ จนสต๊าฟที่มากางร่มโออิชิยากูซ่ามอง เขาคงคิดว่า...ไอ้พวกนี้บ้าเนอะ คอนเสิร์ตเริ่มสองทุ่ม มารอตั้งแต่เช้า ตูยังไม่ทันกางร่มของสปอนเซอร์เลย 555+

 

ผมกับน้องก็เลยเตร่ไปแถวป้ายคอนเสิร์ต L’Arc-en-ciel เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก รูปออกมามืดตื้อเลยเพราะเขายังไม่ได้เปิดไฟด้วยซ้ำ 555+ เลยต้องกลับมาถ่ายใหม่ตอนเขาเปิดไฟแล้ว ผมน่ะ...รู้อยู่แล้วว่าคอนเสิร์ต J-ROCK แบบนี้ คนจะต้องแต่งโทนขาวดำแบบพวก J-ROCK แน่ ๆ ผิดคาดซะเมื่อไหร่ โลลิต้าครบชุดยังมีเลย แต่งกันจนเหมือนหลุดออกมาจากฮาราจูกุ ดูเพลิน ๆ ดี มีอยู่คนพ่นเสปย์ผมเป็นสีน้ำเงิน ผมคิดในใจว่า...เฮ้ย! มุคุโร่มาดูคอนเสิร์ตลาร์ค! ผิดงานแล้วพี่! 555+

 

น้องสาวผมรู้แกว เลยใส่เสื้อเชิ้ตสีดำเรียบ ๆ มา (ความจริงตอนแรกมันก็กะม่วงมา แต่ผมบอกว่าเฮ้ย! คอนเสิร์ตเจร็อคนะ ต้องแต่งตัวร็อค ๆ สิ! มันเลยเก็บเสื้อผ้าสไตล์สาวเกาหลีลงกระเป๋าแล้วใส่สีดำมา!) ส่วนผมเหรอ... คิดว่าผม หมอก เด็กแนว (ไหนก็ไม่รู้) ผู้บ้าการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจจะแต่งตัวแบบไหนมา! คิดว่าหลายคนคงเดาออก ผม...ใส่เสื้อสีชมพูจ๋ามาเลย 555555+ อ้าว...ก็เค้าเป็นสาวหวานนี่ตัวเอง! 55555+ ผมเลยพูดกับน้องว่า เฮ้ย ฉันเป็นแกะดำที่ใส่เสื้อสีชมพูว่ะ แต่ชมพูสดท่ามกลางสีดำนี่แจ่มมากเลยนะ ตอนถ่ายรูปคู่กับโปสเตอร์วง L’Arc-en-ciel ผมนี่โดดออกมาจากพื้นหลังเลย น้องสาวบ่นพึมเลยว่าทำไมเราถ่ายรูปมันดำจัง อ้าว ก็แกใส่ดำมา รูปมันก็ต้องออกมาทึม ๆ แบบนี้แหละ อยากแจ่มก็ชมพูสิน้อง ชมพู 555+

 

 

ผมกับน้องสาวนับนิ้วดูแล้ว ต้องรออีกตั้ง 9 ชั่วโมงกว่าคอนเสิร์ตจะเริ่ม! ก็เลยไปหาอะไรกินในห้องอาหารก่อน ระหว่างนั่งอยู่ในห้องอาหาร ผมก็หยิบกระดาษที่แสกนรูปวาดของ L’Arc-en-ciel ออกมา... มันเป็นภาพการ์ตูนของวง L’Arc-en-ciel ที่ผมวาดไว้ตั้งแต่ปี 2000 ผ่านมา 12 ปีแล้ว ผมยังเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ได้ข่าวจากเฟสบุ๊ค (อีกแล้ว) ว่า...เขาจะมีกล่องให้แฟน ๆ ใส่ของให้ L’Arc-en-ciel คนในเฟสคุยกันสนุกปากว่า จะเอากรองทิพย์ให้เคนจัง 555+ เข้าใจคิด แต่สำหรับผม... ผมตั้งใจจะเอารูปที่ผมวาดไว้เมื่อ 12 ปีก่อนส่งให้ L’Arc-en-ciel เพื่อเป็นการบอกว่า...ผมน่ะ ต่อให้ผ่านไปกี่สิบปีผมก็ยังชอบ L’Arc-en-ciel และจะชอบตลอดไปเพราะเพลงของ L’Arc-en-ciel เป็นอะไรที่อมตะมาก ๆ สำหรับผม ฟังได้ซ้ำไปซ้ำมาไม่มีเบื่อ... แต่รูปวาดของผมห่วยมาก ห่วยขนาดน้องสาวยังอายแทนเลยถ้าต้องกางโชว์ให้คนอื่นเห็น! 555+ แถมกระดาษก็เยินมากเพราะต้องผ่านการเดินทางมาอย่างทรหด ถ้า L’Arc-en-ciel ได้รับ อาจคิดว่าเป็นขยะก็ได้นะ 555+ สุดท้าย...ผมหากล่องที่ว่าไม่เจอ มันมีหรือไม่มีผมก็ไม่รู้ ผมเลยไม่ได้ส่งรูปวาดใบนั้นให้ L’Arc-en-ciel ทั้งที่ผมรอจะส่งรูปใบนี้มา 12 ปี แต่ช่างเถอะ น่าอายอยู่เหมือนกันนะ 555+ แฟนคลับลาร์คมาเห็นเขาคงจะ...ยี้! นี่เธอให้ของห่วย ๆ อย่างนี้กับลาร์คเหรอ! แน่ ๆ เลย

 

          ผมกับน้องสาวเตร่อยู่ใต้ตึกเป็นเวลานาน คนเริ่มคึกคักขึ้นตามเวลาที่ล่วงผ่าน ผมกับน้องสาวไม่ได้ซื้อพวกเสื้อหรือแท่งไฟ แต่ซื้อซีดีเพลงของ L’Arc-en-ciel กลับมาเพราะผมรัก L’Arc-en-ciel ที่ผลงานเพลงจริง ๆ ซื้อซีดีได้โปสเตอร์แถมมาหนึ่งใบ ผมกับน้องสาวว่างไม่มีอะไรทำก็ถ่ายรูปกันอีกแล้ว ของประกอบการถ่ายรูปก็โปสเตอร์บ้างล่ะ ตั๋วคอนเสิร์ตบ้างล่ะ นี่มันอารมณ์ว่างของคนไม่มีอะไรทำจริง ๆ นะ! อ้อ นั่งดูคนแต่งตัวแปลก ๆ ด้วย แบบ...โลลิต้ายกแก๊ง หรือ J-ROCK ยกแก็ง เพลินดี

 

 

ความจริงอาคารใกล้ ๆ กำลังจัดงานแสดงเฟอร์นิเจอร์ จิวเวอรี่และเว็ดดิ้งแฟร์อยู่ ผมชวนน้องสาวไปเดินเล่นฆ่าเวลา เดินอยู่ในงานเฟอร์นิเจอร์ได้แป๊ปเดียว น้องสาวก็บอกว่ากลับไปรอใต้อารีน่าเหมือนเดิมเถอะ เผื่อฟลุ๊คได้เห็นลาร์คอองเซียลแบบชัด ๆ เพราะคาดว่าเขาต้องนั่งรถมาอารีน่า ผมกับน้องก็เลยเดินกลับเข้าไปนั่งใต้อาคารอารีน่า อาศัยพิงหลังกับเสาต้นใหญ่ เสาที่นี่ล้อมรอบด้วยดวงไฟกลม ๆ ฝังไว้กับพื้น แล้วก็เปิดซะสว่างทั้งที่แดดข้างนอกก็แสบตาจะแย่อยู่แล้ว ตอนนั่งอยู่ใกล้ ๆ แสงจากดวงไฟบนพื้นมันแทงตาแสบมาก! เลยต้องเอาถุงพลาสติกวางทับไว้ด้วยกระเป๋า! เพื่อปิดแสงไม่ให้ส่องเข้าตา เวลาผ่านไป...ผมเริ่มได้กลิ่นพลาสติกไหม้ ใครมันมาเผาพลาสติกเล่นแถวนี้ฟร่า เวียนหัวเฟ้ย! ปรากฏว่า...ดวงไฟมันร้อนมากจนถุงพลาสติกที่ผมวางไว้ละลายเป็นรูโบ๋เลย! กระเป๋าผมก็เบี้ยวผิดรูปไปด้วย! อ้ากกกกกกกกกกกกก ไม่นะ! ผมเลยบอกน้องสาวว่าย้ายที่ด่วน! อยู่ไม่ไหวแล้ววววววววววว โชคดีในกระเป๋าไม่ได้ใส่อะไรไว้ เพราะผมรู้สึกกลัวขึ้นมาตงิด ๆ เหมือนกันว่าไฟอาจจะร้อนมาก เลยย้ายข้าวของไปไว้กระเป๋าน้องหมด ไม่อยากเชื่อว่าไฟจะแรงขนาดนี้!

 

ผมกับน้องสาวย้ายมานั่งไกลจากที่ ๆ เขาจัดกิจกรรมกัน เสียงเพลงจากซุ้มทั้งหลายที่มาตั้งยังดังไม่ถึงตรงที่ผมนั่งเลย ผมมองไปสุดทางเดิน เห็นเขากั้นรั้วเป็นทางยาว และก็มีรถยนต์จอดอยู่แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก สักพักก็ได้ยินเสียงกรี๊ดเบา ๆ (บอกแล้วแถวที่ผมนั่งคนน้อย คนจะกรี๊ดก็น้อย) ผมไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าคนที่นั่งรวมกันเป็นกลุ่มน้อย ๆ แถวนี้คงแซวอะไรเพื่อนแล้วกรี๊ดกร๊าดกันตามประสาเพื่อนคุยกัน ปรากฏว่า...น้องสาวหันกลับมาเขย่าแขนแรง ๆ บอกว่า เฮ้ย คนเมื่อกี้เขากรี๊ดแล้วตะโกนว่าเคน แล้วเราก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งหลบเข้าประตูไป ต้องเป็นเคนแน่ ๆ เลย แต่เราไม่เห็นหน้าหรอกนะ ผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง! จะเป็นไปได้ยังไง เคนจะโผล่มาได้ยังไง! ผมกับน้องสาวก็เลยเขยิบเข้าไปนั่งหลังพิงเสาต้นที่ใกล้กับประตูเหล็กที่มีรั้วกั้นไว้เป็นทางยาวด้วยความหวังว่าอาจจะได้เห็นเคนหรือสมาชิกคนใดคนหนึ่งหลุดมาอีกสักรอบ! แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นจะมีสมาชิกลาร์คคนใดออกมาเลย เฮ้อ...นั่นสินะ ถ้าโชคดีขนาดนั้นผมคงถูกหวยไปหลายงวดแล้ว ขนาดจะซื้อตั๋ว F1 ยังชวด... เฮ้อ...ผมนี่ช่างไม่มีวาสนาจะได้เห็นลาร์คใกล้ ๆ เลย... แล้วเคนออกมาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะผมไม่เห็น ถ้าเป็นเคนจริง ๆ ก็น่าเสียดายเพราะตอนนั้นผมกับน้องสาวก็นั่งอยู่ไม่ไกลจากประตูนั้น ผมก็เลยแปลงเพลง ปาฏิหาริย์ ของกบ ทรงสิทธิ์เล่น ๆ ว่า...

 

          น่าจะเจอเคนมาตั้งนาน

          ก่อนที่เคนจะมุดประตูไป

          อยากให้มันมีปาฏิหาริย์ช่วยย้อนเวลาให้เคนกลับมา

          จะไม่ยอมให้เคนคลาดสายตา ฉันจะจับรั้วและมือเคนไว้

          รู้ตัวช้าไป มันน่าเสียดาย

          ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง

         

          แล้วผมก็มานั่งคิดว่า...ผมนี่โลภเกินไปหรือเปล่านะที่อยากจะเห็นสมาชิกวงลาร์คใกล้ ๆ มันเป็นความคิดที่โลภเกินไปหรือเปล่าสำหรับคนที่รอจะเห็นลาร์คมา 13 ปี แล้วสวรรค์จะหมั่นไส้เราเปล่านะ เพราะแค่ลาร์คมาเล่นคอนเสิร์ตเมืองไทยก็ปาฏิหาริย์มากพอแล้ว แต่ก็นะ...ผมอยากเห็นลาร์คใกล้ ๆ ชัด ๆ นี่นา... ผมอยากเป็นคนโลภแบบนี้แหละ อยากเป็นคนโลภที่มีความสุข... แต่ผมก็ดันเป็นคนโลภที่โครตจะโชคร้าย ไม่มีโอกาสได้เห็นลาร์คใกล้ ๆ บ้านก็อยู่ต่างจังหวัดไปรับไปส่งที่สนามบินไม่ได้ จะซื้อตั๋ว F1 ก็มีเหตุให้ต้องชวดอีก เฮ้อ...โชคดีเมื่อไหร่จะเดินทางมาหานะ เอาแบบโชคดีหนัก ๆ ไปเลย...

 

ผมนั่งรออยู่ที่เสาต้นนั้นจน 18.30 น.ก็เดินขึ้นอารีน่าเพื่อหาที่นั่งเพราะเขาให้เข้าประตูได้ตั้งแต่ 18.00 น. ผมเห็นคนเข้าคิวรอเข้าโซน F1 แล้วอิจฉาจังเลย... ผมขึ้นไปนั่งในโซน SK มองลงมาข้างล่าง เห็นพวก F1 กลุ่มแรกวิ่งเข้ามาจับจองที่ยืนด้านหน้าเวที ผมอดคิดไม่ได้อีกแล้วว่า...ผมควรจะได้ไปอยู่ตรงนั้น... แต่ช่างเถอะ ตรงนี้ก็เห็นอะไรชัดดี แม้จะไกลไปสักหน่อย

 

พวกเราที่พร้อมใจกันมาดูลาร์คใจจดใจจ่อรอเวลาที่ลาร์คจะปรากฏตัวบนเวทีด้วยใจระทึก ระหว่างรออยู่ ๆ ก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้นที่เหนือหัว ผมเงยหน้าขึ้นดู เห็นลูกบอลสีเงินอันใหญ่เบิ้มหล่นลงมา! กลิ้งอยู่บนอัฒจรรย์ได้แป๊บเดียวก็หล่นลงไปข้างล่าง อะไรกันน่ะ! ผมยังไม่ได้เล่นเลยนะ! 555+ ผมสังเกตเห็นว่า...ถ้าลูกบอลมาถึงตัวใคร (โดยเฉพาะผู้หญิง 5555555+) เขาจะพยายามผลักลงข้างล่าง! เฮ้ย! มันต้องผลักมาข้าง ๆ ไม่ใช่เหรอ! ผมก็พูดไปงั้น ๆ แหละ เพราะถ้าบอลลูกใหญ่เบิ้มนั่นมาถึงมือผมจริง ๆ ผมคงผลักลงข้างล่างด้วยความตกใจ! ก็มันใหญ่อ่ะ! ดูหนักด้วย ถึงจะอยากลองเล่นดู แต่ผมก็แอบภาวนาในใจว่า...อย่ามานะ อย่ามานะ! 55555555555+ สักพักใหญ่ก็มีลูกบอลแบบเดียวกันกลิ้งลงมาจากฝั่งตรงข้ามอีก 2 ลูก (หรือ 3? จำไม่ค่อยได้ ผมเริ่มแก่ ความจำไม่ค่อยดี 555+) เหมือนลูกแรก...อยู่บนอัฒจรรย์ได้หน่อยเดียวก็ร่วงลงมาข้างล่าง สต๊าฟต้องช่วยกันหอบหิ้วกลับขึ้นไปให้คนบนอัฒจรรย์เล่น คนบนอัฒจรรย์ก็พร้อมใจกันผลักกลับลงไปข้างล่าง! 555+ และที่น่าตกใจคือ...ลูกบอลใหญ่ยักษ์ลอยกระแทกเครื่องมือของสต๊าฟที่วางไว้กลางโซน F2 เสียงดังปึ้ง! ถ้าเราเป็นสต๊าฟคงคิดในใจว่า...โยนความซวยมาให้แล้วไง! 555+



          สักพักเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้น ทุกคนยืนถวายความเคารพ ในฮอลเงียบ มีแต่เสียงเพลงบรรเลงสรรเสริญพระบารมีดังก้อง...



          จากนั้นก็เป็นช่วงที่คนในฮอลรอการปรากฏตัวของลาร์คอย่างใจระทึก
! ไฟมืดอยู่นาน สักพักคนข้างหน้าในโซน F1 ก็กรี๊ด โบกแท่งไฟกันใหญ่ ผมชะโงกหน้าแทบตกจากที่นั่ง อะไรน่ะ! เห็นอะไรกันเหรอ! ช่วยตะโกนบอกนิดหนึ่งได้มั้ย! แต่บนเวทียังคงเงียบ... ผมนับเข็มวินาทีบนนาฬิการอเลยนะ  แต่เอ...เกินสองทุ่มมาหลายนาทีแล้ว ลาร์คก็ยังไม่ออกมาเลย ผมจำเป็นต้องหลับตาลงสักพัก เพราะผมสายตาไม่ค่อยดี สั้นเกือบพันแน่ะ การจ้องที่ไกล ๆ ในความมืดค่อนข้างจะทรมาน เพื่อป้องกันไม่ให้ปวดหัวไมเกรนจากการเพ่งอะไรนาน ๆ จึงต้องหลับตาไว้ก่อน ความจริงผมเตรียมยาพาราเซตามอนแก้ปวดไว้ในกระเป๋า กะว่าถ้าฉันปวดไมเกรนกลางงานคอนเสิร์ตจะซัดเข้าไปสองเม็ด! แต่...มันตลกตรงที่ว่า...ผมพกยามา แต่ดันไม่ได้เอาน้ำมาด้วย! 555+ แล้วจะกินยังไงล่ะ 555+ ผมหันไปถามน้องสาวว่า เฮ้ย พารานี่เคี้ยวแล้วกลืนเหมือนยาถ่ายพยาธิได้มั้ย ถามเอง ขนลุกเอง ขมน่าดู ไม่เอาดีกว่า!!!

 

หลับตาอยู่พักหนึ่ง กิ่งก็สะกิดด้วยความตื่นเต้น! ไฟดับพรึ่บ! หน้าจอใหญ่กลางเวทีฉายภาพเปิดตัวลาร์คอองเซียล ตอนหน้าจอฉายภาพพี่ไฮด์แบบซูม ๆ ชัด ๆ พี่ไฮด์หล่อมากกกกกกกกก ผ่านมากี่สิบปีพี่ไฮด์ก็ยังหล่อเหมือนเดิมมมมมมมมมม พอไฟเปิด ลาร์คปรากฏตัวบนเวที คนในโซน SK ที่ผมนั่งอยู่พร้อมใจกันลุกขึ้นยืน! ผมเลยยืนบ้าง! ขอบอกว่า...มันส์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ตอนแรกผมไม่กรี๊ดหรอกนะเพราะเป็นเด็กเรียบร้อย 555+ แต่พอเห็นลาร์คตัวจริงอยู่ตรงหน้า ผมก็กรี๊ด มันทั้งดีใจทั้งปลาบปลื้ม ตื้นตันผสมปนเปกันไปหมด ผมตะโกนไปว่า รอมาตั้ง 13 ปี ขอบคุณมากที่มาาาาาาาาาาาาาาา แต่คิดว่าลาร์คคงไม่ได้ยินหรอก ถึงได้ยินก็คงแปลไม่ออก 555+ และผมก็เหลือบไปมองโซนถัดจากผม ปรากฏว่ามีกลุ่มผู้หญิง ถือป้ายไฟเป็นภาษาญี่ปุ่น ผมอ่านออกนะแต่เห็นไม่เต็มประโยค ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเขียนว่า รอมา 13 ปีแล้ว อ้าว พวกเดียวกันเลย แถมยืนอยู่ใกล้ ๆ กันด้วยถึงจะคนละโซน อยากจะโดดกอดจริง ๆ แล้วบอกว่า...เฮ้ย พวกเรารุ่นเดียวกัน 555+

 

ผมน่ะ...ครั้งแรกที่ชอบลาร์คก็บ้าเท็ตจังมาก ๆ เลย แต่หลัง ๆ ก็เปลี่ยนมาชอบทุกคนเท่า ๆ กันในฐานะสมาชิกวงลาร์คที่ต้องมีสี่คนเสมอ ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งไปลาร์คก็ไม่ครบน่ะสิ แต่ในคอนเสิร์ต จิตใต้สำนึกหรือความทรงจำวัยเด็กหรืออะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมตะโกนเรียกชื่อ เท็ตจัง ๆ ๆ!!!” บ่อยที่สุด! 5555555+ ขนาดตามองพี่ไฮด์ แต่พอหางตาเหลือบแว้บไปเจอเท็ตจังก็ตะโกนเรียก เท็ตจัง!” อีกแล้ว 555+

 

พอเพลง forbidden lover ขึ้นนะ เรากรี๊ดสุดเสียงเลย! เพราะเป็นเพลงที่ชอบมากกกกกกกกกกก ไม่คิดว่าลาร์คจะเล่นเพลงนี้ในงานคอนเสิร์ต ก็เลยตะโกนไปอีกแล้วว่า... ขอบคุณที่เล่นเพลงนี้ ชอบมากเลยยยยยยยยย แล้วก็ร้องตามสุดเสียง 555+ แต่ความจริงผมก็ชอบเพลงของลาร์คทุกเพลงแหละ! ตอนเท็ตสึเดินขึ้นเวทีมายังเวทีข้าง ๆ ฝั่งเดียวกับโซน SK ที่ผมนั่งอยู่ ผมกรี๊ด เรียกชื่อเท็ตจัง ๆ ตลอดเลย! กระโดดเหย็ง ๆ โบกมือให้ด้วย แต่มันไกล เท็ตจังคงมองไม่เห็นหรอก แถมในมือผมไม่มีแท่งไฟด้วย มีแต่...พิมเสนน้ำ 555555555555+ พวกลาร์ครู้ต้องขำแน่ ๆ เลยที่มีคนดูคอนเสิร์ตไป กรี๊ดไป เต้นไป ในมือไม่โบกแท่งไฟ แต่โบกพิมเสนน้ำแทน! แบบว่า...กลัวเป็นลมอ่ะ! 555555555+ (ผมเพิ่งรู้ตัวว่าช่วงหลัง ๆ สุขภาพแย่ลงมาก ไม่อยากเป็นคนอ่อนแอเลย)

 

ตอนพี่ไฮด์เดินขึ้นเวทีด้านข้างมายังฝั่งเรา เราก็กรี๊ด โบกไม้โบกมือ ช่วงนั้นเป็นเพลง ready steady go ล่ะมั้ง เรากระโดด โบกมือ เรียกชื่อ ไฮด์ ๆ ๆ!” แล้วพี่ไฮด์ก็กระโดดด้วย เรากรี๊ดเลย พี่ไฮด์เขาก็ทำของเขาไปนั่นแหละ แต่เราก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองอย่างมีความสุขว่า... เฮ้ย พี่ไฮด์โดดตามเรา! ทั้งที่คนข้างล่าง กับโซนที่ใกล้พี่ไฮด์เขาก็โดดเหมือนกันแหละ 555555555555+ จำไว้ การได้คิดเพ้อเจ้อ เข้าข้างตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้การดูคอนเสิร์ตมีความสุขมากขึ้น 5555555555+

 

มีอยู่จังหวะหนึ่งที่เท็ตจังดีดเบสแล้วกระโดดหมุนตัว ใช่ ๆ นี่แหละท่าของเท็ตจังที่เราจำได้ 555+ (แต่หมุนน้อยไปนิดหนึ่งนะป๋า ^^) ไฮด์กอดคอเท็ตจังแล้วจุ๊บ! คนกรี๊ด! เราก็...กรี๊ดสิครับ จะเหลือเหรองานนี้! 55555555+

 

พอเคนจังเดินขึ้นเวทีมาฝั่งที่เรายืนอยู่ เราก็กรี๊ด เรียกชื่อ เคนจัง ๆ ๆ!” อีกแล้ว! 5555555+ มีความสุขมาก ๆ!

 

ทั้งเคน ไฮด์ เท็ตจังพูดภาษาไทยด้วยแหละ แต่ยักกี้อ่ะ ยักกี้เงียบจัง ไม่พูดอะไรเลยหรอ เค้ารอมา 13 ปีแล้วนะ แต่ยักกี้ตัดผมสั้น ๆ แบบนี้ดูดีมากเลยยยยยยยยย เคนเอากระดาษซึ่งจดคำพูดที่จะพูดเป็นภาษาไทยออกมาอ่าน  เคนจังอ่านไป เอียงคอไป น่ารักมากเลย! เคนจังสะพายถุงกระดาษไว้ที่ไหล่ แล้วบอกเป็นภาษาไทยว่า...เอาของขวัญให้ยูกิฮิโร่ แล้วเคนจังก็เดินเอาถุงกระดาษไปมอบให้ยักกี้ที่กลอง ยักกี้เปิดถุง หยิบเสื้อยืดพิมพ์ลายภาษาอังกฤษ ผมอ่านทันแว้บ ๆ ว่า Thailand นอกนั้นโดนเสาไมค์บังเลยอ่านไม่ออก ยักกี้ก็ยิ้มแล้วหยิบฉาบทองเหลืองออกมาจากถุงกระดาษแล้วตีฉาบ ๆ ๆ! เท่านั้นแหละ คนก็หัวเราะกัน 555+ ยักกี้ยิ้มในแบบของยักกี้ พลอยทำให้เรายิ้มตามแล้วอดกรี๊ดไม่ได้ น่ารักอ่ะ!

 

เท็ตจังก็มีกระดาษออกมาพูดด้วยเช่นกัน เท็ตจังชูกล้วยแล้วพูดว่าอยากกินกล้วยผมมั้ยครับ ผมตะโกนตอบเต็มเสียงว่าอยากกกกกกกกกกกกกก 555555555+ แล้วเท็ตจังก็โยนกล้วยให้คนดู แง้! อยากได้กล้วยเท็ตจัง 555+

 

ไฮด์ซังก็มีกระดาษออกมาพูด ตอนพูดว่าผมรักคุณ เราก็ตะโกนตอบไปว่ารักคุณเช่นกัน อยากให้เสียงนี้ดังไปถึงพี่ไฮด์จัง

 

ตอนเคนลีดกีตาร์เดี่ยว น้องสาวซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมาเลยว่าเพลง my heart drew a dream ซึ่งเป็นเพลงที่น้องสาวชอบ และก็...เป๊ะ! ใช่จริง ๆ ด้วย! ตอนเท็ตจังขึ้นมาตบเบสเดี่ยว เราก็ตะโกนออกไปเลยว่า stay away! เดี่ยวเบสจบเพลง stay away ขึ้น! มันสุดยอด! ตอนเพลง stay away เราตะโกนบอกพี่ไฮด์ว่าเต้นด้วยสิเต้นด้วย เอาแบบใน MV นะ! 555+ ตอนยักกี้โซโล่กลองก็สุดยอดมากกกกกกกกกก ตะโกนเรียกชื่อยูกิฮิโร่เลยล่ะ! เพลง SEVENTH HEAVEN เราเต้นท่าเดียวกับพี่ไฮด์ใน MV เพราะเราชอบ MV เพลงนี้มาก ๆ! เป็นช่วงที่เรากำลังบ้าเคนจังเลยล่ะ 555+ สุดยอดอ่ะ! สุดยอดทุกเพลงล่ะ! วู้! เพลง forbidden lover นะ พี่ไฮด์ทำตาได้เซ็กซี่มากกกกกกกกก และร้องแบบเจ็บปวดสุด ๆ!!!!!!!! พอพี่ไฮด์ขึ้นต้นเพลง Honey เรางี้ร้องตามสุดเสียง! ร้องไปกระโดดไปจนแบบ...เฮ้ย ฉันจะเป็นลมจริงจังอ่ะ 555+ เพลง blurry eyes ก็มันสุด! ชอบบบบบบบบบ ส่วนเพลง anata พี่ไฮด์เว้นช่วงคอรัสให้ทุกคนร้อง เรา...ยอมรับตรงนี้แหละว่าร้องได้แค่ท่อนเดียว แง้ TT ลืมซ้อมเพลงนี้มา! เลยร้องอยู่ท่อนเดียว 555+ จบเพลง anata ไฟดิสโก้ดวงใหญ่เหนือเวทีก็หมุน ส่องประกายระยิบระยับ สวยจับตา

 

ในคอนเสิร์ต ผมตะโกนร้องเพลงอย่างเมามัน! ซึ่งร้องตามได้ค่อนข้างมาก ต้องขอบคุณพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นระดับ 3 และอาศัยจำเนื้อเพลงได้ โดยเฉพาะเพลงเก่า ๆ ที่ผมฟังซ้ำไปซ้ำมา วนไปวนมาเป็นระยะเวลาสิบกว่าปีแล้ว ส่วนเพลงใหม่ ๆ อยู่ในช่วง...สมองความจำการ์ดเริ่มเต็ม เมมเมอรี่เริ่มเก่า ไม่ค่อยดี เลยร้องตามไม่ค่อยได้ 55555555+ ไฮด์ซัง เท็ตจัง เคนจัง ยักกี้ หนูขอโทษ หนูแก่แล้ว อายุไม่มาก แต่สมองไปแล้ว นอนดึก 555555+ เพลงแรก ๆ เลย...ยืนทื่อไปหน่อย ยังเกร็งด้วยแหละ ไม่เคยมางานคอนเสิร์ตไหนเลย ไม่ว่าจะคอนเสิร์ตฟรี มันไก่มากแค่ไหนก็ไม่เคยไป เคยดูแต่คอนเสิร์ตฟรี บอดี้แสลม ซึ่งผมไม่ได้ต้งเต้นอะไรกับเขาหรอกนะ เอาแต่วิ่งหลบกระสุนกันกระจาย 555+ ดังนั้นบอกได้เลยว่าวงลาร์คอองเซียลเป็นวงแรกที่ผมซื้อบัตรคอนเสิร์ตเข้ามาดู! เพราะผมไม่เคยชอบศิลปินคนไหนมากเท่าลาร์คเลย!

 

และในช่วงท้าย ๆ ของคอนเสิร์ต ผมก็เอาแต่ตะโกนเรียกชื่อ เท็ตสึ ไฮด์ เคน ยูกิฮิโร่ซ้ำ ๆ กันไม่ยอมหยุด เพราะอยู่ ๆ ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า... L’Arc-en-ciel อยู่ตรงหน้าแล้วหลังจากรอมา 13 ปี นี่อาจเป็นครั้งเดียวที่ L’Arc-en-ciel จะได้ยินเสียงของเรา... ผมอยากให้ L’Arc-en-ciel ได้ยินเสียงของผม ผมอยากจะส่งเสียงไปให้ถึง อยากจะบอก L’Arc-en-ciel ทุกคนว่า...ตรงนี้ยังมีแฟนเพลงคนหนึ่งยืนอยู่ คนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปีก็ยังรัก L’Arc-en-ciel เสมอไม่เสื่อมคลาย... ในกระเป๋าของผมยังสอดภาพวาดวง L’Arc-en-ciel เมื่อ 12 ปีก่อนเอาไว้... ฟังสิ ความฝันและความทรงจำในวัยเด็กของฉัน ฉันมาถึงแล้ว สมใจเธอแล้วนะ... สักวันก็อยากจะไปยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง ที่เขียนไว้ในบันทึกเมื่อ 12 ปีก่อน วันนี้...เธอได้มายืนแล้ว ตัวฉันในอดีตได้ยินหรือเปล่า ดีใจมั้ย ตอนนี้ฉันดีใจมาก ๆ จนอยากจะร้องไห้อยู่แล้ว

 

ผมอยากให้ L’Arc-en-ciel ได้ยินเสียงของผม...

 

เท็ตสึ ไฮด์ เคน ยูกิฮิโร่!!!”

 

ผมตะโกนออกไปสุดเสียง ซ้ำ ๆ กันไม่หยุด และหวังว่าพวกลาร์คจะได้ยิน... ผมตะโกนแล้วน้ำตาก็ซึมขอบตา ผมตะโกนบอก L’Arc-en-ciel จากส่วนหนึ่งที่ไกลของคอนเสิร์ตว่า... “Arigatou!” ผมอยากจะขอบคุณที่ทุกคนมาเมืองไทย อยากจะขอบคุณที่ทำให้ความฝันของผมเป็นจริง คุณคือฮีโร่ของผม คือแรงบันดาลใจของผม เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำที่ผมไม่เคยลืมเลือน และไม่คิดจะลืม

 

“Arigatou! ขอบคุณมากที่มาเมืองไทย!”

 

หวังว่า...เสียงของผมคงจะไปถึงทุกคน...

 

พอเพลง niji ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายจบลง ก็มีขนนกปลิวว่อนไปทั่ว มันเหมือนกับที่ผมเขียนไว้ในบันทึกตอนดูเทปคอนเสิร์ตเมื่อ 12 ปีที่แล้ว... ตอนนั้นมีหิมะร่วงหล่นลงมาเต็มโดม ผมเฝ้าดูด้วยความอิจฉาคนในนั้น... ผมก็อยากไปยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง...และสุดท้าย ในวันนี้ ผมก็ได้มายืนอยู่จริง ๆ... ผมมาถึงแล้ว... ความสุขของคนที่ฝันเป็นจริงเป็นอย่างไร นั่นแหละ...คือความรู้สึกของผมที่ได้รับจากคอนเสิร์ตครั้งนี้...

 

ในตอนที่พี่ไฮด์ขึ้นมาบอกว่าต้องกลับแล้ว ผมก็โบกมือบ๊ายบายให้พี่ไฮด์ หวังให้พี่ไฮด์มองเห็น พี่ไฮด์น้ำตาซึม ผมก็...ขอบตาร้อนผ่าวเช่นกัน แล้วพี่ไฮด์ก็พูดว่า “Arigatou” แล้วโบกมือบ๊ายบาย ผมก็พูดเช่นกัน... Arigatou L’Arc-en-ciel เหงาจัง ไม่อยากให้กลับเลย แต่ก็...ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ...การได้ร้องเพลงไปพร้อม ๆ กับพวกคุณ มันมีความสุขมาก ๆ ขอบคุณมาก... ผมเพิ่งรู้ว่าการได้ร้องเพลงไปพร้อม ๆ  กับ L’Arc-en-ciel ในงานคอนเสิร์ต มันมีความสุขมากกว่าตอนร้องอยู่คนเดียวขณะดูเทปงานคอนเสิร์ตมาก...

 

ขอบคุณมาก...

 

ไฮด์ลับสายตาไป เท็ตจังก็ออกมาบอกว่า “mata ne” ที่แปลว่าแล้วพบกันใหม่ ไม่มีคนบอกว่า “sayonara” ที่แปลว่าลาก่อน ดังนั้น...พวกคุณจะกลับมาอีกใช่มั้ย? ใช่หรือเปล่า? ต้องกลับมาอีกนะ จะถือว่า...เป็นคำสัญญาได้มั้ย? เท็ตจังถือตะกร้ามาแจกกล้วยอีกแล้ว อยากได้บ้างจัง ^^

 

ไฟบนเวทีดับลง... ผมยังคงเรียกชื่อเท็ตสึ ไฮด์ เคน ยูกิฮิโร่และชื่อวง L’Arc-en-ciel ซ้ำไปซ้ำมา... แม้แต่ตอนที่ผมพิมพ์บันทึกอยู่ ผมก็ยังเรียกชื่อของทุกคน...

 

แล้วผมก็ร้องไห้...ผมห้ามตัวเองไม่ได้จริง ๆ...

 

แล้วพบกันใหม่... ผมหันหลัง ทิ้งความฝันที่เป็นจริงในชั่วเวลาสองชั่วโมงกว่าไว้ข้างหลัง แล้วเดินออกมาจากฮอลล์...

 

ผมกับน้องสาวก้าวลงมาใต้ตึกอารีน่า เห็นคนยืนออรอส่งวง L’Arc-en-ciel ตลอดความยาวของแนวรั้วกั้น ผมกับน้องสาวก็ไปยืนรอเช่นกัน ก็แค่แอบหวังเล็ก ๆ ว่าจะได้เห็นสมาชิกวง L’Arc-en-ciel ใกล้ ๆ แค่แว้บเดียวก็ยังดี... พวกสต๊าฟมองดูพวกเรา เขามองพวกเราด้วยความรู้สึกอย่างไรผมไม่รู้ และไม่อยากจะเดาด้วย... และถึงแม้จะมีสต๊าฟบางคนบอกว่าลาร์คกลับไปแล้ว แต่ผมก็ยังเฝ้ารออยู่กับคนอีกหลาย ๆ คน ทุกคนกำลังหวัง และความหวังก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ทำได้ไม่ว่าคนอื่นจะมองว่าเพ้อเจ้อ ไร้สาระอย่างไร...

 

สุดท้าย เมื่อเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลา 23.15 น. ผมกับน้องสาวก็จำเป็นต้องเดินทางกลับเพชรบุรี พ่อกับแม่อุตส่าห์ขับรถจากเพชรบุรีขึ้นมารับเพราะผมกับน้องสาวไม่มีที่พักในกรุงเทพฯ...

 

ผมหันหลังให้รั้วกั้น ก่อนที่น้องสาวจะนึกขึ้นได้ว่า...ลืมโปสเตอร์ลาร์คไว้ในฮอลล์! พวกเราได้แต่เสียดายและปลงตกว่าคงหาไม่เจอแล้ว เลยเดินช้า ๆ ตามหลังพ่อกับแม่ สู่เงามืดในลานจอดรถของอิมแพ็คอารีน่าเพื่อเดินทางกลับบ้าน...

 

เมื่อถึงบ้าน ผมเก็บบัตรคอนเสิร์ต L’Arc-en-ciel ทั้งสองใบไว้พร้อมกับรูปการ์ตูนวงลาร์คที่ผมวาดไว้เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ผมตั้งใจว่า...ถ้า L’Arc-en-ciel มาแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทยอีก ผมจะเย็บบัตรติดกับรูปวาดแล้วส่งให้ L’Arc-en-ciel ถ้าพวกคุณมาเมืองไทยอีกครั้ง แล้วได้รับรูปวาดฝีมือห่วย ๆ กับบัตรคอนเสิร์ตเก่า ๆ โซน SK ขอให้รู้ว่าเป็นผม...ผมที่ยังรอคอยพวกคุณอยู่เสมอ...

 

ขอบคุณมาก L’Arc-en-ciel แล้วมาเมืองไทยอีกนะ

 

ขอบคุณ...จริง ๆ...

 

ผมอยากให้ L’Arc-en-ciel ได้ยินเสียงของผมจัง...

 

ปี 2000 ผมจบบันทึกของตัวเองว่า... สักวันก็อยากจะไปยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง

 

ปี 2012 มาเยือนพร้อมกับวง L’Arc-en-ciel ผมขอจบบันทึกของตัวเองว่า...

 

สักวันก็อยากจะกลับไปยืนอยู่ตรงหน้า L’Arc-en-ciel อีกครั้ง และร้องเพลงไปพร้อมกับพวกคุณ

 

ผมหวังจริง ๆ ว่าจะได้เห็นปาฏิหาริย์อีกสักครั้ง...ปาฏิหาริย์ที่มีสีรุ้ง...

-------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็น

tearluv
tearluv 11 มี.ค. 55 / 19:11
 เราก็ไปดูคอนเสริ์ตมาเหมือนกันคะ ... รอคอยมา 13 ปีเหมือนกัน 
คุ้มค่าสุด ๆ ที่ได้ไปดู ... 
ความคิดเห็นที่ 2
ฝนรักลาร์คมาก เป็นคอนแรกในชีวิต เป็นวงเดียวที่รักมากฟังเพลง วีดีโอทุกวัน สมความรอคอยลาร์คมา&nbsp&nbsp;13+ กว่าปี รักแฟนลาร์คด้วยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ<br />
คอนสนุกมาก กริ๊ดจนเจ็บคอเลยค่ะ ฝนรักจนบรรยายไม่ถูก มันเต็มล้นในใจ<br />
ตอนซื้อบัตรมาเจอร์ เครื่องช้าจนพลาดที่นั่งใกล้ ฝนน้ำตกไหลเลย กลัวเห็นไม่ชัด<br />
สุดท้ายโซนฝนไม่เต็มเลยได้ขยับไปข้างหน้า แล้วลาร์คจะมาเล่นคอนอีกมั้ย <br />
ฝนภาวนาขอให้มาอีก ฝนจะรักตลอดไป ไงก็เมล์หาฝน แฟนลาร์ค&nbsp&nbsp;&nbsp&nbsp;fon_rainey@hotmail.com