sweethaze
ดู Blog ทั้งหมด

แอบฟินเล็ก ๆ กับฉากไลท์นิ่ง+โฮปจากเกม Lightning Returns: Final Fantasy XIII

เขียนโดย sweethaze

ก่อนอื่นต้องขอสารภาพว่า...ภาคนี้ไม่ได้เล่นเองนะจ้ะ แต่ดันเป็นภาคที่ปลื้มคาแรคเตอร์ในเกมอย่างสุด ๆ ช้างก็ฉุดไม่อยู่ โดยเฉพาะไลท์นิ่งกับโฮป อ้าก ฟินเวอร์มาตั้งกะ FFXIII ภาคแรก (ภาคสองช่างมัน ไม่มีฉากฟิน) ยันภาคจบอย่าง Lightning Return ถึงจะแอบเฟลที่ป๋าโทริบอกว่าโฮปไม่มีคาแรคเตอร์ของฮีโร่ ไม่เหมือนไลท์นิ่งหรือโนเอล แต่คนอย่างหมอกซะอย่าง ถ้าจะจิ้นก็ทุ่มสุดตัว! ดังนั้น ณ จุด ๆ นี้ขอยืนยันนั่งยันว่ารักคู่โฮป+ไลท์นิ่งมาก และรับเข้ามานั่งอยู่ในทำเนียบนอร์มอลกลางใจเรียบร้อย


ณ จุด ๆ นี้ขอเตือนว่า ถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใดขอโทษด้วยเพราะเขียนจากความอวยส่วนบุคคลล้วน ๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 


ขอแนะนำคาแรคเตอร์สุดเลิฟทั้งสองของหมอกก่อน คนแรก ไลท์นิ่ง ฟารอน ความจริงเธอชื่อเอแคลล์ ฟารอน แต่หลังจากไม่มีพ่อกับแม่ เธอก็เปลี่ยนชื่อเป็นไลท์นิ่งเพราะอยากจะเข้มแข็งและปกป้องเซร่าห์ห์น้องสาวคนเดียวให้ได้ ทว่าความจริงเธอก็แค่ผู้หญิงอายุ 21 ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น การเลือกฆ่าตัวตนที่อ่อนแอในวัยเด็กทำให้เกิด "ลูมิน่า" ซึ่งเป็นจิตใจด้านอ่อนแอของเธอออกมาในภาค Lightning Return (จากนี้ขอเรียกย่อ ๆ ว่าภาค LR)

 

ไลท์นิ่ง 
ก็ไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่หรอกนะ แค่เวลาเห็นหน้าทีไรนึกได้แต่เพลง
"เธอสวย ทุกนาทีที่เคยสัมผัสสสสสส (ใส่ลูกคอ)"
โดนเจ๊เตะกระเด็นข้อหาเคยให้สัมผัสตอนไหนฟร่ะ เจ๊อ่า!!!
ปล. ไลท์นิ่งมีชื่อเล่น ๆ ว่าเจ๊ จะเจ๊โหด เจ๊เหี้ยม หรือเจ๊เครียดแล้วแต่จะเรียก เจ๊เฉย ๆ ก็ได้)



คาแรคเตอร์ที่สองซึ่งอยากจะแนะนำ เขาคือหนุ่มน้อยหน้าใสนาม โฮป เอสไฮม์ หนุ่มน้อยคนนี้อายุ 14 แต่ในภาค FFXIII-2 ซึ่งเป็นภาคต่อของ FFXIII เขาอายุ 24 (อธิบาย เกมภาคนี้มีสามภาคฮะ เริ่มจาก FFXIII ไป FFXIII-2 และจบที่ภาค LR) ในภาค LR เขากลับมาอายุ 14 เท่ากับภาคแรก แต่ความคิดความอ่านคือชายหนุ่มอายุ 24 ในภาค FFXIII-2 (เขียนเอง และเริ่มจะงงเอง ฮ่าๆๆ)

 

โฮป
ก็หน้าตาประมาณนี้อะนะ น่ารักน่าหยิกจนโดนไลท์นิ่งลวนลามบ่อย ๆ เอ้ย ไม่ใช่ ๆ เจ๊ไลท์อ่าอย่าทำตาอาฆาตใส่ผมเซ่ ผมแค่ล้อเล่นตามประสาคนอวยเท่านั้นเอง



โฮปตอนโต

ก็ไม่ค่อยจะหล่อเท่าไหร่อะนะ ก็แค่ไลท์นิ่งเอาไปควงออกงานได้ไม่อายใคร
(ขณะนี้เจ๊หมอกกำลังถูกเจ๊ไลท์นิ่งเอาปืนจ่อหัว อย่าฆ่าผมเลยเจ๊!!! ผมยังอวยไม่จบเลย!!!)


กลับมาเข้าเรื่องเถอะ คือตอนนี้เกม FFXIII ภาค LR เพิ่งวางตลาดอะฮะ วางเป็นภาคภาษาญี่ปุ่น (ภาคอิงรอไปก่อน) หลังจากวางตลาดได้ไม่นานก็เริ่มมีคนทยอยลงฉาก cut screen และวิดีโอ walkthrough กันแล้ว รวมทั้งคนไทยหลายคนก็เริ่มออกมาเฉลยปูดปมของเกม ผมก็ได้รับบารมีจากสิ่งเหล่านี้แหละครับ ทำให้ทราบว่า... FFXIII ภาค LR นั้น ถึงจะไม่ค่อยมีฉากโฮปกับไลท์นิ่งสักเท่าไหร่ แต่คนเล่นจะได้ฟังโฮปกับไลท์นิ่งคุยกันทั้งเกมครับ (โฮปภาคนี้ค่อนข้างจะพูดมากซะด้วย ฮ่าๆๆ)


แต่คำพูดหลาย ๆ คำพูดระหว่างโฮปกับไลท์นิ่งก็ทำให้คนอวยโฮป+ไลท์นิ่งอย่างผมปลื้มหลายครั้งอยู่นา ฮ่าๆๆ อดสงสัยไม่ได้ว่าชะรอยค่ายเกมจะรู้ว่ามีคนอวยโฮป+ไลท์กันเยอะ เลยจับมาพัฒนาความสัมพันธ์ให้ชวนจิ้นกันไปเลยสิ้นเรื่องสิ้นราว (กรุณาทำบ่อย ๆ นะครับ แล้วผมจะเป็นสาวก FF ตลอดกาล ฮ่าๆๆ)


ค่ายเกมจงใจหรือไม่จงใจในการเลือกโฮปเป็นคนช่วยเหลือไลท์นิ่งในภาค LR ลองดูคำพูดจากวิดีโอแนะนำเบื้องหลัง FFXIII ภาค LR สิคร้าบ

พวกเธอสองคนนี้คือใคร สารภาพว่า...ลืมแล้ว เพราะตอนดูวิดีโอดูแบบผ่าน ๆ แต่พวกเธอพูดว่า...
V
V
V

"ถึงเวลาที่โฮปต้องช่วยไลท์นิ่งแล้ว โดยส่วนตัวแล้ว ฉันสนใจมาก ๆ ที่จะได้เห็นความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นของพวกเขาทั้งสองคน"

ก็นะ...คำพูดไม่ค่อยจะชวนให้จิ้นโฮป+ไลท์นิ่งสักเท่าไหร่เลย... ฮ่าๆๆ รู้แต่ว่าอยากกอดเจ๊สองคนนี้มาก ๆ


มาถึงฉากในเกม FFXIII ภาค LR ที่ทำให้คนอวยโฮป+ไลท์นิ่งฟินกันไปตาม ๆ กันดีกว่า หลัก ๆ มีอยู่สองฉากเท่านั้นครับ แต่สองฉากนี้ก็เล่นเอาหมอกซึ้งและฟินสุด ๆ


ฉากแรก เป็นฉากวิญญาณโฮปมาลาไลท์นิ่งครับ เพราะความจริงโฮปถูกบูนิเบลุเซ่ซึ่งเป็นพระเจ้าของโลกควบคุมอยู่ และถูกบังคับให้คอยสอดแนมพฤติกรรมไลท์นิ่ง พอโฮปหมดประโยชน์ เขาก็ถูกบูนิเบลุเซ่กำจัด แต่วิญญาณซึ่งยังไม่ถูกครอบงำของโฮปก็มาลาไลท์นิ่ง

 

แปลย่อ ๆ (และอาจจะมั่ว ๆ) ฉบับหมอกผู้ขี้เกียจเปิดดิกและอ่อนคันจิอย่างแรง
โฮป                  :           ไลท์ซัง
ไลท์นิ่ง             :           โฮป?
โฮป                  :           ผมมาลา
ไลท์นิ่ง             :           นายพูดอะไรของนายน่ะ โฮป
ไลท์นิ่งพยายามจะคว้ามือโฮป แต่กลับสัมผัสไม่ได้เพราะโฮปเป็นเพียงแค่วิญญาณเท่านั้น เล่นเอาไลท์นิ่งอึ้งไปเลย
โฮป                  :           มันสายไปแล้วครับ ผมมีหน้าที่เป็นดวงตาของบูนิเบลุเซ่และคอยจับตามองคุณ แต่เมื่อวันสุดท้ายของโลกมาถึง ผมจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคอยจับตามองคุณอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น...ผม...กำลังจะหายไป ตัวหมากที่หมดหน้าที่แล้วอย่างผมย่อมถูกกำจัด นี่คือแผนของพระเจ้า (บูนิเบลุเซ่คือพระเจ้าของโลก)
ไลท์นิ่ง             :           บูนิเบลุเซ่จะกำจัดนายเหรอ
โฮป                  :           มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ผมเป็นแค่หุ่นเชิดของบูนิเบลุเซ่ ดังนั้น ไลท์ซังครับ กรุณาลืมเรื่องของผมและช่วยคนอื่นให้ได้ ตอนนี้วานิลกำลังเตรียมที่จะสละชีวิตตัวเองเพื่อพิธีกรรมปลดปล่อยวิญญาณ
ไลท์นิ่ง             :           (อ้าก อย่าคันจิเยอะได้ไหม...หมอก)  บลา ๆ ๆ (เจ๊พูดไรอ่ะ) แต่วานิลก็มีพลังพอที่จะนำทางเหล่าวิญญาณไปสู่โลกใหม่ได้เช่นกัน
โฮป                  :           ตอนนี้วานิลยังไม่ตระหนักถึงพลังของเธอ ดังนั้น กรุณาช่วยเธอด้วย ไลท์ซังมักจะเลือกหนทางที่ถูกต้องเสมอ และหนทางที่ไลท์ซังเลือกจะช่วยเซร่าห์ได้ (ตอนนี้ไลท์นิ่งหาวิญญาณของเซร่าห์ห์น้องสาวไม่เจอ)
ไลท์นิ่ง             :           ถึงฉันอยากจะช่วยเซร่าห์ แต่วิญญาณของเซร่าห์อยู่ที่ไหนล่ะ ฉันยังหาไม่พบเลย
โฮป                  :           (ยิ้มแล้วเริ่มพูดให้กำลังใจไลท์นิ่ง ไลท์นิ่งจะได้มีกำลังใจสู้ต่อไป) อย่าห่วงเลย เซร่าห์น่ะเฝ้ามองไลท์ซังอยู่เสมอ ถ้าหนทางที่ไลท์ซังเลือกนั้นถูกต้อง เซร่าห์ต้องกลับมาหาไลท์ซังได้อย่างแน่นอน
ไลท์นิ่ง             :           (เจ๊หมอกอึ้งกับคันจิอยู่สามสิบวินาที) หนทางที่ถูกต้องงั้นเหรอ... กับคนที่มักจะเลือกหนทางที่ผิดพลาดเสมออย่างฉันมันเป็นปัญหาที่แก้ยากอยู่นะ...
โฮป                  :           ไม่ยากหรอก คิดตามผมนะ โลกที่เซร่าห์ซังปรารถนาคือโลกแบบไหน แล้วโลกที่ไลท์ซังต้องการล่ะคือโลกแบบไหน คำตอบของคำถามนี้คือหนทางที่ดีที่สุด
ไลท์นิ่ง             :           ฉันไม่มั่นใจ ฉันไม่รู้ว่าเซร่าห์ปรารถนาอะไร หัวใจของพวกเราสองคนห่างเหินกันไปแล้ว ถึงฉันกับเซร่าห์จะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน แต่จิตใจของมนุษย์น่ะเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจนะ
โฮป                  :           (เจ๊หมอกอึ้งอีกแล้ว คันจิไม่ยาก แต่จะแปลยังไงถึงจะถูกล่ะเนี่ย) มันอาจจะยากในการเข้าใจจิตใจของผู้อื่น แต่นี่คือเหตุผลที่ทำให้คนเราพยายามที่จะเข้าถึงจิตใจของกันและกัน ผมเชื่อว่าเราสามารถเข้าใจกันได้ ขอแค่ได้คุยกัน หรือแม้แต่ทะเลาะกัน (ผ่านอย่าง...มั่วตรงกลางนิด...หน่อย เหรอ)
ไลท์นิ่ง             :           และฉันยังไม่พยายามจะเข้าใจนายเลย โฮป ฉันไม่เคยเชื่อใจนาย ฉันยังคงมีความลับกับนาย 
โฮป                  :           ไม่หรอกครับ ไลท์ซังทำถูกต้องแล้ว เพราะตอนนี้ผมเป็นหุ่นเชิดของบูนิเบลุเซ่ การที่ไลท์ซังไม่เปิดใจให้ผมคือหนทางที่ถูกต้อง
ไลท์นิ่ง             :           ...ขอโทษนะ
โฮป                  :           ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ดีแล้วล่ะที่ผมได้คุยกับไลท์ซังเป็นครั้งสุดท้ายในตอนที่ผมยังเป็นผมอยู่ ไลท์ซัง จำคำพูดที่คุณเคยพูดกับผมเมื่อนานมาแล้วได้ไหมครับ "มองไปข้างหน้า แล้วฉันจะคอยระวังหลังให้เอง" (แต่ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่าปกป้องข้างหลังนะครับ)
ไลท์นิ่ง             :           ปกป้องอะไรกัน สุดท้ายฉันก็ปกป้องนายไม่ได้
โฮป                  :           ไม่หรอกครับ เพราะคุณพูดแบบนั้นกับผม และผมก็เชื่อคำพูดนั้นมาโดยตลอด ผมเลยไม่มีอะไรจะต้องกลัว
โฮปหันหลังทำท่าจะเดินจากไป แต่แล้วก็หยุดชะงัก เพราะ...ยังมีคำพูดที่เขาอยากจะพูดกับไลท์ซังอยู่...
โฮป                  :           ผมน่ะ...ไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว ผมดีใจนะครับที่ได้พบคุณ (เจ๊หมอกสะอึก หนูโฮปเอ๊ย คำพูดประเภทนี้มันเป็นคำบอก "รัก" กลาย ๆ นะเฟ้ย!!! อ้าก!!!)
แล้วโฮปก็เดินดุ่ม ๆ หายไปเลย ไลท์นิ่งร้องเรียกเขา
ไลท์นิ่ง             :           โฮป!
แต่โฮปก็หายไปแล้ว ไลท์นิ่งได้แต่ยืนอยู่ในความเงียบตามลำพัง...
คือ...เจ๊หมอกซึ้งอ่ะครับ ดูกี่รอบก็ซึ้ง แบบ...โฮป ฉันเข้าใจนายนะความรู้สึกที่ปลื้มและชื่นชมใครสักคนจากใจจริง มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์จริง ๆ! อ้ากกกกกกกกกกกกก (หมอกเวอร์ชั่นอวยหลุดโลกกลับมาแล้ว!!!!!!!!!!!!!)
ไลท์นิ่งกลับมาที่อาร์ค ที่ ๆ โฮปเคยรอเธออยู่เสมอ ไลท์นิ่งมองไปรอบ ๆ มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ไม่มีโฮปอยู่ที่ไหนเลย ไลท์นิ่งก้าวฉับ ๆ ไปยังเก้าอี้ที่โฮปเคยนั่ง
ไลท์นิ่ง             :           นายไปจริง ๆ เหรอ โฮป นายทิ้งฉัน หรือฉันกันแน่ที่ทิ้งนาย... รอก่อนนะโฮป วานิล เซร่าห์ ฉันจะต้องช่วยพวกเธอให้ได้

 

ถึงจะแอบเคืองฝรั่งทะเลาะกันเรื่องความสัมพันธ์ของโฮปกับไลท์นิ่ง แต่คนจิ้นยังไงก็จิ้นอ่ะ มีปัญหาอะเปล่า มีความสุขเวลาเห็นคู่นี้อยู่ด้วยกันไรเงี้ย ฮ่าๆๆ มันเป็นความฝันเล็ก ๆ ของเด็กผู้ชายนะที่แอบปลื้มสาวอายุมากกว่า ผมคิดว่า...ผมเข้าใจโฮปนะ (อวยเอง พร้อมหาเหตุผลให้เสร็จสรรพ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

  

เอาล่ะ มาสปอยตอนจบกันเบา ๆ ดีกว่า (หนัก ๆ ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่นค่อนข้างอ่อนแอ) ไม่มีวิดีโอให้ดูนะเพราะถูกลบไปเรียบร้อยแล้ว (หมอกช๊อค! คืนนี้อดดูก่อนนอนเลย!) อ่านแล้ววาดภาพในจินตนาการไปพลาง ๆ แล้วกัน

 

ไลท์โตะซังสู้กับบูนิเบลุเซ่ (อ่านแบบญี่ปุ่นดูขลังดีนะ ฮ่าๆๆ) ไลท์โตะซังเอาดาบแทงกลางอกบูนิเบลุเซ่ ก่อนจะแทงที่หน้าผากอีกดอก แล้วพูดทำนองเขย่าหัวใจแฟนคลับไลท์นิ่งโฮปว่า "ดอกนี้เพื่อช่วยโฮป" (แปลเอง ขำเอง อย่าเชื่อผมมาก ผมใช้อารมณ์ตอนดูเป็นใหญ่กว่าความถูกต้อง เออ...สังเกตนะครับว่ามีดที่ไลท์โตะซังใช้ปักหน้าผากบูนิเบลุเซ่คือมีดที่ไลท์โตะซังเคยให้โฮปยืมนั่นเอง ฮุๆๆ แค่นี้ก็เขย่าหัวใจแฟนคลับไลท์นิ่งโฮปหลายดอก)

 

บูนิเบลุเซ่เจอฤทธิ์มีดสั้นปักกลางหน้าผาก ถึงกับหน้าหงายเงิบ อ้าปากหวอโชว์ฟัน (เออ...ดัดฟันร้านไหนเหรอฮะคุณบูนิ แบบ...ฟันน่ากลัวมาก)

 

ตัดฉากกลับมาที่โฮปซึ่งล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่า อยู่ ๆ ก็มี...วิญญาณมีดสั้นของไลท์นิ่งหล่นใส่หัว (บรรยายไม่ผิดหรอก ก็...วิญญาณมีดจริง ๆ อ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ หล่นใส่หัวโฮปแล้วหายวาบไปเลย) โฮปค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วเรียกหา "ไลท์โตะซัง"

 

ท่ามกลางความเวิ้งว้างว่างเปล่า โฮปได้ยินเสียงไลท์นิ่งตอบกลับมา

 

"ไปซะ"

 

โฮปถึงกับชะงัก เพราะได้ยินแต่เสียง ตัวไม่มา ก็เลยเรียกอีกรอบ

 

"ไลท์โตะซัง!?"

 

ไลท์นิ่งยังคงใช้แต่เสียง ไม่ปรากฎตัว (เล่นตัวนะเจ๊ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ)

 

"ไปสิ โฮป ไปยังโลกใหม่ และความปรารถนาของเธอ..."

 

ปรากฏภาพพ่อกับแม่ของโฮปต่อหน้าโฮป เสียงไลท์นิ่งพากษ์ต่อไป 

 

"ไปเกิดใหม่ซะ มีคนรอเธออยู่ (ทำนองนี้)"

 

แม่ของโฮปยื่นมือมาให้โฮป โฮปถึงกับตกตะลึงเพราะ...ถ้าเล่นเกมตั้งแต่ภาคแรกจะรู้ว่าโฮปรักแม่ของเขามาก อยากพบแม่มาก อยู่ ๆ แม่มาปรากฎตรงหน้าก็ย่อมจะตะลึงตึงตึงอยู่แล้ว โฮปยื่นมือจะไปจับกับมือแม่ เสียงไลท์นิ่งพากษ์ต่อไป (จบจากภารกิจกู้โลก เจ๊จะไปประกอบอาชีพใหม่เป็นคนพากษ์หนังกลางแปลง ฮ่าๆๆ อะล้อเล่นนะเจ๊ รักหรอกจึงหยอกเล่น)

 

"ความปรารถนาของเธอไง โฮป (คาดว่าไลท์นิ่งหมายถึงการได้กลับไปอยู่กับครอบครัว)"

 

อยู่ ๆ โฮปก็ลดมือลง สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นร้อนรน

 

"เดี๋ยวก่อน แล้วเธอล่ะ อยู่ที่ไหน? (เออ...ก็โฮปเรียกไลท์นิ่งว่าอะนาตะที่แปลว่าเธอนี่นา...) ไลท์โตะซังจะเป็นยังไงต่อไป"

 

โฮปทำท่าจะหันหลังกลับไปมอง แต่ได้ยินเสียงไลท์นิ่งห้าม

 

"อย่าหันกลับมานะ ถ้าหันกลับมาจะไม่สามารถกลับออกไปได้นะ"

 

ไลท์นิ่งลอยอยู่ข้างหลังโฮปนั่นเอง ตอนนี้ต่างคนต่างหันหลังให้กัน

 

"ฉันจะอยู่ที่นี่เพื่อที่จะ... (บลา ๆ ๆ คันจิ ขี้เกียจเปิดดิก วันหลังละกัน เดาว่าไลท์นิ่งตั้งใจจะอยู่ที่นี่กับบูนิเบลุเซ่ ถ้าเดาตามหลักการการ์ตูนทั่วไปก็อยู่เพื่อสะกดไม่ให้บูนิเบลุเซ่บ้าคลั่งฟื้นขึ้นมาอาละวาดโลกแตกอีก)"

 

บูนิเบลุเซ่ลอยอยู่ด้านล่างไลท์นิ่ง พยายามจะเอื้อมมือขยี้ไลท์นิ่งด้วยความแค้น ไลท์นิ่งมองบูนิด้วยสายตามุ่งมั่น

 

"ฉันจะคอยเฝ้าดูอยู่เสมอนะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะเฝ้ามอง ทั้งโลกใบใหม่ และก็...พวกเธอ" (พวกเธอนี่หมายถึงโฮปกับพรรคพวกคนอื่น ๆ ฮุๆๆ แฟนคลับไลท์นิ่งโฮปแบบผมฟินไปอีกดอก เจ๊ ขอกอดที)

 

ไลท์นิ่งไม่ยอมหันกลับไปมองโฮป แต่มองตรงมาทางคนดูแทน (อ้าก เจ๊ อย่าทำสายตาเหมือนนางเอกมิวสิคแบบนี้ กอดโฮปสิ เอ้ย ไม่ใช่ ฮ่าๆๆ)

 

"ดังนั้น... มีชีวิตอยู่ต่อไปนะ" 

 

ภาพตัดกลับมาที่บัลลังก์ ไลท์นิ่งเห็นเซร่าห์นั่งอยู่ ปรากฏว่า...อ้าว คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม่ใช่เซร่าห์นี่นา แต่เป็น... ไลท์นิ่งเอง

 

จากนั้นเป็นฉากเซร่าห์กับไลท์นิ่งคุยกัน ขออนุญาตข้ามยาว ๆ ขี้เกียจแปล คันจิเยอะเกิน (ตัดบทกันง่าย ๆ เลยเรอะ!)

 

อ่านคร่าว ๆ เซร่าห์ (ที่ดูยังไง๊ยังไงก็ไม่ใช่เซร่าห์ตัวจริง) พูดเรื่องเกี่ยวกับตัวไลท์นิ่งที่ทำเป็นเข้มแข็ง ไม่ยอมร้องไห้ ทำนองนี้ ไลท์นิ่งพยายามจะลุกจากบัลลังก์ แต่กลับมีอะไรก็ไม่รู้โผล่มามัดข้อมือเธอไว้กับที่ท้าวแขน

 

เซร่าห์พูดต่อทำนองว่า นึกออกหรือยัง หัวใจที่แท้จริงของไลท์นิ่งที่ไลท์นิ่งทอดทิ้งไปตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ

 

ระหว่างที่ไลท์นิ่งฮึดฮัดจะลุกจากบัลลังก์ให้ได้ ก็มีเงาผู้หญิงเดินผ่านหน้า ไลท์นิ่งเงยหน้าขึ้นมอง ปรากฎว่าเธอคือ...ลูมิน่านั่นเอง

 

อั้ก บทสนทนาระหว่างเซร่าห์กับไลท์นิ่งหลังจากนี้ขี้เกียจแปลเพราะผมอ่อนคันจิอย่างแรง ขอข้ามเลยแล้วกัน จากนั้นเซร่าห์ (ที่คาดว่าไม่ใช่เซร่าห์ตัวจริง) ก็ค่อย ๆ ลอยขึ้น และค่อย ๆ กลายเป็นฝุ่นหมอกหายไป ไลท์นิ่งตะโกนเรียก "เซร่าห์ รอก่อน ฉัน..." แต่คนที่ลอยอยู่เหนือศีรษะไลท์นิ่งตอนนี้กลับไม่ใช่เซร่าห์ แต่เป็น...ลูมิน่า

 

ลูมิน่าเป็นใคร เดี๋ยวได้รู้กัน


บัลลังก์ที่รองรับร่างไลท์นิ่งหายวับกลายเป็นความว่างเปล่า ไลท์นิ่งตกลงสู่ความว่างเปล่านั้นโดยที่มือยังคงพยายามไขว่คว้าหาเซร่าห์

 

"ขอร้องล่ะ ฉัน... อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว ช่วย...ฉันด้วย..."

 

แล้วไลท์นิ่งก็หลั่งน้ำตาแห่งความอ่อนแอออกมา (หลังจากไม่เคยร้องไห้มานานแล้ว) 

 

อยู่ ๆ ลูมิน่าที่ลอยอยู่ไกล ๆ ก็โผเข้ากอดไลท์นิ่งแล้วหายเข้าไปในร่างไลท์นิ่ง (เพราะความจริงลูมิน่าคือจิตใจที่แท้จริงของไลท์นิ่งที่ไลท์นิ่งทอดทิ้งไปนั่นเอง ความจริงไลท์นิ่งก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แต่ต้องทำเป็นเข้มแข็งเพื่อปกป้องเซร่าห์)

 

ชะแว้บ อยู่ ๆ ก็มีเงาของเด็กหนุ่มแต่งกายคุ้น ๆ ลอยตรงมาหาไลท์นิ่งพร้อมกับยื่นมือให้ (ผมเฉลยเลยแล้วกัน เขาคือโฮปนั่นเอง ขอเสียงแฟนคลับโฮปไลท์นิ่งหน่อย เร้ว ฮ่าๆๆ) ไลท์นิ่งคว้ามือโฮปหมับ (สังเกตว่ามือโฮปใหญ่กว่าไลท์นิ่งอีกอ่ะ น้องใส่ถุงมือไซส์ใหญ่พิเศษเหรอฮะ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น เด็กผู้ชายมือใหญ่ ต่อไปจะสูงนะ โฮป นายต้องสูงกว่าไลท์นิ่งให้ได้นะน้องชาย! สมาคมเด็กหนุ่มผู้ชื่นชอบสาวอายุมากกว่าเชียร์นายอยู่! สู้เขา โฮป! --เริ่มออกนอกเรื่อง ฮ่าๆๆ)

 

ชะแว้บ กล้องฉายหน้าโฮปเก็กหล่อ (ถ้าเป็นโฮปตอนโตจะฟินอีกล้านเท่า)

 

"ผมได้ยินเสียงของเธอนะ" (ประโยคภาษาญี่ปุ่นของโฮป คือ kikoetan desu anata no koe ga ซึ่งเป็นประโยคเดียวกับข้อความในโปสเตอร์โฆษณาเกมไลท์นิ่ง รีเทิร์นของโฮปน่ะเอง สาวกโฮปไลท์นิ่ง ขอเสียงอีกเร้ว ฮ่าๆๆ คนเขียนเพ้อคลั่งอย่างแรง) "ไปกันเถอะ ไปด้วยกันกับพวกเรา"

 

โปสเตอร์โฆษณาเกม Lightning Returns : Final Fantasy XIII 
ข้าง ๆ คือประโยคที่โฮปพูดกับไลท์นิ่งในฉากจบของเกม
อ่านว่า kikoetan desu anata no koe ga
ก็นะ...ไม่ค่อยจะชวนจิ้นโฮป+ไลท์นิ่งสักเท่าไหร่เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ



 

แล้วโฮปก็ดึงไลท์นิ่งกลับไปสู่แสงสว่าง

 

เออ...หลังจากนี้ก็ขี้เกียจแปลแล้วอ่ะ หมดฉากฟินแล้ว ฮ่าๆๆ (คนเขียนคนนี้มักง่ายสุด ๆ)

 

ก่อนที่ไลท์นิ่งกับโฮปจะหลุดจากแสงสว่างเพื่อไปพบกับฉากจบสุดอลังการ ก็มีหน้าเซร่าห์ฉายขึ้นมาในความคิดของไลท์นิ่ง (เซร่าห์น่ารักสุด ๆ อ่ะฉากนี้) เซร่าห์พูดได้ประทับใจผมมาก ถึงจะแค่สั้น ๆ ง่าย ๆ แต่เป็นความรู้สึกที่ผมอยากจะบอกกับไลท์นิ่งเหมือนกัน

 

"โอะเน่จัง ก๊ะ ไดสุกิดั๊ดตะ" (หนูรักพี่มาก ๆ เลยค่ะ)" (ผมก็รักเจ๊นะครับ จากใจเลย)

 
คนนี้แหละ เซร่าห์ น้องสาวที่ไลท์นิ่งรักมาก

 

ไลท์นิ่งกับโฮปทะลุจากแสงสว่างออกมาสู่จักรวาลที่บุนิเบลุเซ่กำลังอาวะวาดฟาดแขนกระพือปีกปล่อยพลังทำลายล้าง ไลท์นิ่งตั้งใจจะปิดฉากบูนิเบลุเซ่จริง ๆ แล้วล่ะ เธอตะโกนเรียกโอดิน (แต่แถมอเล็กซานเดอร์ของโฮปมาด้วย โอ๊ะ แฟนคลับไลท์นิ่งโฮปอย่างผมตามเก็บรายละเอียดอยู่นะฮะ ฮ่าๆๆ) บูนิเบลุเซ่ปล่อยพลังทำลายล้างจักรวาลอีกชุด โอดิน อเล็กซานเดอร์ ไลท์นิ่งและโฮปช่วยกันต้านพลังไว้ (หลายคนให้ความเห็นว่าฉากนี้โอเวอร์สุด ๆ แต่ผมกลับมองว่ามันคือการแสดงพลังของมนุษย์ที่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องอนาคต ^^ ดังนั้น ทุกคนที่อ่านอยู่ครับ อย่ายอมแพ้อะไรง่าย ๆ นะเพราะมนุษย์มีพลังในการที่จะต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ มากกว่าที่ทุกคนคิด ขอแค่ไม่ยอมแพ้เท่านั้น)

 

ไลท์นิ่งกัดฟันพูด

 

"มนุษย์น่ะ..."

 

แล้วอยู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายคุ้น ๆ ตะโกนต่อว่า

 

"ไม่มีทางยอมแพ้อย่างเด็ดขาด!" 

 

ปรากฏว่า...บักถึกสโนว์กับสัตว์อสูรประจำตัวโผล่ออกมาช่วยต้านพลังของบูนิเบลุเซ่ครับ แล้วผองเพื่อนกับบรรดาสัตว์อสูรก็โผล่ออกมาช่วยทีละคน เริ่มจากโนเอล วานิล ฟาง (สองคนนี้เขาออกติด ๆ กันตลอดอะฮะ ฮ่าๆๆ) เล่นรวมพลังกันแบบนี้ พลังของบูนิก็แตกเพล้งกระจายเป็นฝุ่นไปทั่วอวกาศ

 

ในตอนที่ไลท์นิ่งกำลังปลาบปลื้มที่ได้เจอกับทุกคน ก็ปรากฏแสงสว่างจำนวนมากด้านหลังของพวกเขา แสงสว่างแต่ละจุดแต่ละจุดนั้นคือ...ห๊า คันจิอีกแล้วอ่ะ นินเก็นโนะทามาชิ เดาว่าเป็นวิญญาณของเหล่ามนุษย์ก็แล้วกัน (คนเขียนมักง่ายอีกแล้ว ดิกก็มีนะ แต่ขี้เกียจเปิด) แล้วซาร์ซกับลูกชายพร้อมโจะโกะโบะน้อยก็เหาะมาพร้อมกับแสงสว่างเหล่านั้น (ผมแพ้ฉากแบบนี้ของ FF อ่ะครับ ผมจะซึ้งเวลาพรรคพวกได้กลับมาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง มันอบอุ่นและเต็มไปด้วยมิตรภาพจริง ๆ)

 

แล้วแสงสว่างสองจุดก็ขยายใหญ่กลายเป็นร่างของคน ๆ หนึ่งที่ทำให้ไลท์นิ่ง สโนว์และโนเอลตกตะลึง

 

เซร่าห์นั่นเอง เธอมาพร้อมกับโมกุริ

 

ไลท์นิ่งคว้ามือเซร่าห์ไว้ เซร่าห์ขอสู้ด้วย ไลท์นิ่งตกลง เธอขอยืมพลังของทุกคน พลังของทุกคนในโลกและพลังของพรรคพวกได้รวมกันเป็นดาบเล่มใหญ่พุ่งปักร่างของบูนิเบลุเซ่ บูนิเบลุเซ่หล่นลงไปบนดวงอาทิตย์ร้อนแรง ดวงอาทิตย์ถึงกับดับแสงไปเลย แต่...บูนิเบลุเซ่ไม่ยักกะละลาย ยังคงเหลือเป็นซากนอนอ้าปากอยู่ (เออ...บอสตัวนี้ขายฟันใช่ไหมฮะ ฟันน่ากลัวมาก ฮ่าๆๆ) 

 

อยู่ ๆ ไคอัสกับยูลก็โผล่มา ยูลจำนวน...น่าจะหลายร้อย (ฮ่าๆๆ ขำ ๆ นะ แต่ยูลเยอะมาก) บอกว่าจะไปดูแลโลกแห่งความตาย โนเอลถึงกับกัดฟัน เพราะเขาไม่อยากให้ยูลตาย โนเอลวิ่งจะไปคว้ายูล แต่ดันเจอไคอัสบีบคอ หลังจากคุยกันสั้น ๆ (คันจิอีกแว้ว ช่างเถอะ ปล่อยไปรอภาคอิงออก) ไคอัสก็ยิ้มมุมปากแล้วส่งยูลคนสุดท้ายที่โนเอลรักให้ไปกับโนเอลโดยกำชับว่า "อย่าแยกจากกันอีกล่ะ" (ไคอัส! นายเป็นตัวโกงที่ใจหล่อมั่กมาก ความจริงคือ...ไคอัสมียูลเหลืออีกหลายร้อยคน ตั้งใจจะไปตั้งฮาเร็มส่วนตัวตามลำพังกับยูลนั่นเอง ฮ่าๆๆ) 

 

ไคอัสกับยูล แอบอวยคู่นี้เหมือนกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ



พอการต่อสู้จบลง สัตว์อสูรและโมกุริก็กล่าวลากับทุกคน (ความจริงคือ...พอรับค่าตัวจากภาคนี้แล้ว ต้องไปเล่นภาคอื่นต่อ เป็นสัตว์อสูรก็งี้อะนะ งานชุก ออกมาทุกภาค ฮ่าๆๆ) เซร่าห์คว้าโมกุริเอาหน้าผากชนกันแล้วพูดว่า "แล้วเจอกันอีกนะ" โมกุริรับคำก่อนจะลอยหายไป สำหรับผม การที่สัตว์อสูรบอกลาคือการบอกทุกคนว่า...การต่อสู้จบลงแล้วจริง ๆ นะ ทุกคนจะได้กลับไปใช้ชีวิตแบบปกติธรรมดาสักที ไม่ต้องสู้อีกแล้ว

 

ไลท์นิ่งหลับตา แล้วความคิดก็พาเธอกลับไปสู่ความทรงจำที่ร่วมผจญภัยกับทุกคนมาตั้ง 3 ภาค (ผมซึ้งฉากนี้นะ... แหม มันเป็นการบอกทุกคนว่าการต่อสู้ครั้งนี้ยาวนานจริง ๆ) แล้วไลท์นิ่งก็หลั่งน้ำตาลงมาอาบแก้ม ก่อนจะรีบเช็ดออก (แหม จะแสดงความอ่อนแอแบบผู้หญิงทั่วไปออกมาทั้งทีก็ยังมีแอบเขินนะไลท์โตะซัง ฮ่าๆๆ)

 

ไลท์นิ่งหันมาชวนทุกคน "ไป (โลกใหม่) กันเถอะ" สโนว์ผลักไหล่เซร่าห์ให้ไปหาไลท์นิ่ง สองพี่น้องจับมือกัน แล้วทุกคนก็พากันไปสู่โลกใหม่ซึ่งก็คือ...โลกของพวกเราในปัจจุบันนี้น่ะเอง (สโนว์มีการผลักไหล่โฮปเสมือนจะบอกว่า...ไปกันเถอะ พี่เขย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แฟนคลับโฮปไลท์นิ่งอย่างผมถนัดคิดไปเองแบบสุด ๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็แล้วทำไมไม่ผลักไหล่โนเอลเล่าสโนว์ ผลักไหล่โฮปอย่างหนิดหนมอย่างนั้นเหมือนกำลังจะบอกคนดูว่าพวกเรากำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ สโนว์เป็นน้องเขย (เพราะแต่งกับเซร่าห์) โฮปเป็นพี่เขย (เพราะแต่งกับไลท์นิ่ง) ว้าฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) โนเอลจับมือยูล วานิลหันมายิ้มกับฟาง (เอิ่ม...ข่าวแว่ว ๆ ว่าตอนแรกค่ายเกมวางแพลนให้ฟางเป็นผู้ชายก่อนจะเปลี่ยนเป็นผู้หญิงในตอนหลัง เพราะแบบนี้แหละทำให้คู่วานิลกับฟางไม่พ้นโดนจิ้นยูริออกนอกหน้า ่ฮุๆๆ)

 

ฉากจบจริง ๆ คือประเทศฝรั่งเศสในโลกปัจจุบัน (ทำไมผมถึงคิดว่าเป็นฝรั่งเศส? ก็เพราะไลท์นิ่งมีชื่อจริง ๆ ว่าเอแคลล์ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าสายฟ้า แถมวิวทิวทัศน์ก็เหมือนประเทศฝรั่งเศสมาก ๆ) ไลท์นิ่งก้าวลงจากรถไฟ เธอสวยมาก...สวยแบบคนมีความสุข สวยแบบคนที่ไม่ต้องแบกรับภาระอะไรอีกแล้ว สวยแบบผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งซึ่งเธอเคยคิดว่าจะไม่ได้เป็นแล้ว... เธอสวยมาก ๆ สำหรับผม (แต่มีฝรั่งบางคนคอมเมนต์ว่าไลท์นิ่งใส่เสื้อผ้าแบบผู้หญิงธรรมดาแล้วไม่สวยเลย ผิดลุค ซึ่งผมมองว่าฝรั่งคนนั้นไม่เข้าใจความเป็นไลท์นิ่งจริง ๆ เพราะไลท์นิ่งนั้นอยากมีชีวิตแบบผู้หญิงธรรมดามาตลอด ดังนั้น การที่ผมได้เห็นเธอในลุคของผู้หญิงธรรมดาทำให้ผมทราบซึ้งว่าเธอกำลังมีความสุขจริง ๆ สักที มีความสุขในแบบที่ตัวเองอยากจะเป็น ไม่จำเป็นต้องฝืนเข้มแข็งทั้งที่อยากจะอ่อนแออีกต่อไป ^^)

 

ไลท์นิ่งมองวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเบื้องหน้าแล้วยิ้ม...

 

...การเดินทางครั้งใหม่อย่างนั้นเหรอ...

 

เธอยิ้มด้วยใบหน้ามีความสุข ไลท์นิ่งดูใสกระจ่างมาก ๆ ในความรู้สึกของผม... ไลท์นิ่งมีความสุขอยู่จริง ๆ สินะ

 

"เอาล่ะ กำลังจะไปหาแล้วนะ (ผมคิดว่าไลท์นิ่งพูดแบบนี้ออกมาเพราะกำลังจะออกตามหาพรรคพวกที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่าง ๆ ของโลกครับ)

 

สำหรับผมแล้ว เป็นตอนจบที่ดีตอนหนึ่งของ FF เลยนะครับ (เพราะตอนจบที่ผมเกลียดสุด ๆ ของ FF คือ FF6 ปัจจุบันนี้ยังเคืองชาว์โดว์ไม่หาย) ผมชอบรอยยิ้มในตอนจบของไลท์นิ่งมาก ๆ เพราะเธอกำลังมีความสุขอยู่จริง ๆ... และการที่ FF ภาคนี้จบอยู่ที่โลกปัจจุบันก็โดนใจผมมาก เพราะเวลาผมเล่นเกม FF ผมคิดมาตลอดว่า...โลกในเกม FF นี่อึดอัดและเครียดมากเลยเนอะ ผมไม่อยากอยู่ในโลกของเกมที่ต้องพกอาวุธตลอดเวลา เดินไปสองสามก้าวก็เจอปีศาจดักฟาด หรือถ้าเป็นตัวประกอบก็ต้องคอยวิ่งหลบระเบิดบ้าง หลบปีศาจบ้างวุ่นวายไปหมด (เผลอ ๆ ก็โดนปีศาจขย้ำหรือโดนซากตึกทับ โอย...เครียด) ดังนั้น ความจริงโลกของเรานี่แหละดีที่สุด ถึงจะเป็นโลกที่วุ่นวายบ้าง แต่มันก็ไม่วุ่นวายยุ่บยั่บเหมือนโลกในเกมอย่างแน่นอน ^^

 

สุดท้ายนี้...ไลท์นิ่งครับ คุณเป็นคาแรคเตอร์เกมตัวแรกที่ผมหลงรักหมดหัวใจ คุณสวยมาก ๆ สำหรับผม และความประทับใจนี้จะอยู่ในหัวใจผมไปตลอดอย่างแน่นอน สุดท้าย (จริง ๆ) ขอให้คุณมีความสุขกับโฮปนะครับ ว้าฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ (วกเข้าความอวยส่วนบุคคลจนได้)

 

ปล. สังเกตนะว่า FF ภาคไหนตัวเอกเป็นผู้หญิง ภาคนั้นจะไม่มีพระเอก... ตั้งแต่ทีร่า FF6 มาถึงไลท์นิ่ง FFXIII แบบ...เฮ้ย ไม่ยุติธรรมอ่ะ โปรดส่งโฮปมารักเจ๊ไลท์นิ่งที ป๋าโทริใจร้าย ทำไมต้องสร้างตัวเอกผู้หญิงมาเดียวดายทุกทีอ่ะ

 

 

โฮป รอก่อนนะ เดี๋ยวเจ๊จะไปหาแน่ ๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุดท้ายก็จบบล็อกด้วยความอวยส่วนบุคคลอีกแล้ว กะจะจบแบบซึ้ง ๆ ซะหน่อย


///////////////////////////////////////////////////////////////////////

ยังไงก็ฝากนิยายด้วยนะ ใช้โฮป+ไลท์นิ่งในการจิ้นจ้า มันก็คือ...ฟิคนั่นแหละ แต่เนื้อหาไม่เกี่ยวกับเกม ใครไม่เคยเล่น FF ก็อ่านได้เน้อ แต่คนเล่น FF + อวยโฮปไลท์นิ่ง เชิญฟินร่วมกันได้เลยฮับ  /^0^/  ยังไม่ได้ฤทษ์ลงตอนแรก แต่คิดว่าเร็ว ๆ นี้แหละ หมอกจะพยายามน้า ^w^v


จิ้มรูปเลย 

ความคิดเห็น

feather159
feather159 16 ธ.ค. 56 / 10:37
อู้วววววววววว เจอเพื่อนอวยโฮปไลท์แล้วววว
ภาคนี้มันฟินที่สุดในซีรี่ย์ FFXIII แล้วล่ะเราว่า กร๊าสสสสสส //พ่นไฟ
ภาคนี้โฮปสุดยอดมากค่ะ เราดูคลิปที่ Kouli เล่น เราฟังญี่ปุ่นไม่ค่อยออกเท่าไหร่หรอกค่ะ

แต่เท่าที่รู้ โฮปจะถามไลท์นิ่งตลอดเลยว่า "เป็นอะไรรึเปล่าครับ!?" (เวลาเจ๊ตกที่นั่งลำบาก)
มันบ่อยมากจนแบบ กรี๊ดดดดดด //ลงไปนอนกลิ้งด้วยความฟิน

กำลังสงสัยอยู่ว่าจริงๆแล้ว ทีมงานแกก็แอบอวยคู่นี้รึเปล่า
เนื้อหาภาค LR มันสองแง่สองง่ามชวนจิ้นมว้าาาาาากกกกก

ยินดีที่ได้รู้จักและร่วมฟินนะคะ //แท็ค
sweethaze(หมอกหวาน)
อ้ากกกกกกก ในที่สุดก็เจอพันธมิตรร่วมฟินไลท์โฮปจนได้ (จับมืออย่างแนบแน่น!) ภาคนี้โฮปพูดกับไลท์นิ่งจ้อเลยอ่ะ ฟินสุด ๆ บางประโยคกระแทกใจมาก เท่าที่จำได้ก็... ไลท์นิ่งบอกโฮปว่า นายคอยระวังหลังให้ฉันอยู่ใช่ไหม (ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่ามาโมริที่แปลว่าปกป้องข้างหลัง) โฮปก็ตอบว่าครับ ผมระวังหลังให้อยู่ แค่นี้ก็ฟินแล้วเนอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (อุ๊ย เผลอแสดงความบ้าคลั่งอีกแล้วอ่ะ) เวลาไลท์อยู่ในอันตราย โฮปก็เรียกตลอด ไลท์ซังเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไลท์ซังก็ตอบประมาณฉันไม่เป็นไร ฉันจะสู้ต่อ (เฟ้ย ฮ่าๆๆๆๆๆ) เสียงพากษ์ของโฮปได้ใจมาก ๆ จบฉากโฮปลาไลท์นิ่ง ก็ต่อด้วยฉากโมกุริมาแทนโฮป ไลท์นิ่งบอกโมกุริว่าเชื่อคำพูดของโฮป ทำนองเนี่ยอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
sweethaze(หมอกหวาน)
หรือว่าเหล่าทีมงานผู้สร้างเกมจงใจให้พวกเราจิ้นโฮปไลท์นิ่ง? ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

ยินดีที่ได้รู้จักนะ ในที่สุดก็เจอเพื่อนร่วมอุดมการณ์จนได้ ดีใจ ^v^/
punchnami
punchnami 12 เม.ย. 57 / 00:17
สุดยอดเลย ในความเห็นเราคิดว่าโฮปไลท์นี่เเหละใช่เลย ช่วยเหลือกันตลอด ภาคนี้อยากให้เซอวิสมากกว่านี้หน่อยไหนๆก้อตอนสุดท้ายละ ลุ้นกันเเทบตาย ขอบคุนค่ะที่ช่วยเเปลฉากฟินมาให้สาวกอย่างเรา ติดตามอยู่นะค่ะ<3
มานิสา
มานิสา 25 เม.ย. 57 / 12:23
จับมือด้วยคนเจอพรรคพวกจิ้นคู่นี้เพิ่มอีกคนแล้ว><♡♡
HusJii
HusJii 22 ต.ค. 57 / 08:07
จิ้นคู่นี้ด้วยยยยยยย อุกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด  เจ้อยากฟินนน  // ไลท์นิ่งไอดอลของช้านนน 
tobi
tobi 25 ก.ย. 58 / 23:39
ขอบคุณมากๆๆๆคับผมก็ชอบLightningคับเธอสวยน่ารักในแบบที่ผมชอบเลย
Sa
Sa 5 พ.ค. 59 / 19:55
อ่านของอังกฤษมันพูดว่า we could hear you. Let go we will be together อะ. เเล้วตอนสุดท้ายเจ็เเกพูดทำนองปลงว่า that soon we will be together. หมายความว่าไงครับ ใครพูดถูกพูดผิด
อิอิ
อิอิ 21 ก.ย. 59 / 23:57
ฉันขอเลือกที่จะเชื่อมั่นว่าถ้าฉันปรารถนาอย่างแรงกล้า อนาคตอันสว่างไสวยิ่งกว่าจะรอคอยเธออยู่ ขอให้สตรีผู้นี้ คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดั่งประกายแสง(Light)ใน “โลกใบนั้น” ได้พบพานกับความหวัง(Hope)... ขออธิษฐานและปฏิญาณ นี่คือความปรารถนาของฉัน

สรุป ไลท์นิ่งเดินลงจากรถไฟเพื่อไปหา โฮป ครับ ฟินกันอีกนาน
อิอิ
อิอิ 22 ก.ย. 59 / 00:45
ฉันขอเลือกที่จะเชื่อมั่นว่าถ้าฉันปรารถนาอย่างแรงกล้า อนาคตอันสว่างไสวยิ่งกว่าจะรอคอยเธออยู่ ขอให้สตรีผู้นี้ คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดั่งประกายแสง(Light)ใน “โลกใบนั้น” ได้พบพานกับความหวัง(Hope)... ขออธิษฐานและปฏิญาณ นี่คือความปรารถนาของฉัน

สรุป ไลท์นิ่งเดินลงจากรถไฟเพื่อไปหา โฮป ครับ ฟินกันอีกนาน
ปล.ข้อความข้างต้น เป็นเนื้อเรื่องใน Reminiscence -tracer of memories- ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องต่อจาก ภาค LR หลังจากทุกคนแยกย้ายกันไป