ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟลิฟฟ์ดินแดนมหัศจรรย์

    ลำดับตอนที่ #2 : จารุนิภา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 65
      0
      29 พ.ย. 51

    เสียงเหล็กกระทบกันดังกึกก้องไปทั่วสนามหญ้าสีเขียวสดใส   ที่ออกจะผิดธรรมชาติไปมาก   เหมือนมีใครมาระบายสีให้กับพื้นหญ้านั้นให้ดูสดใสเกินจริง   ขนาดของเส้นหญ้าเรียบเท่ากันทั้งหมด   ยอดแหลมเหมือนเป็นธรรมชาติไม่ได้ตกแต่ง   แต่กลับดูเป็นระเบียบเรียบร้อย   ดังมีการจงใจกระทำไว้   เสียงกระทบกันของเหล็กยังคงดังสะท้านไปทั่ว

    ร่างสองร่างของชายหญิงในเสื้อผ้าสีเข้ม   ทั้งสองกำลังแลกดาบกันอย่างรวดเร็ว   ร่างบางฟาดดาบลงตรงๆ   กะให้ฝ่าลงตรงกลางศีรษะของอีกฝ่ายอย่างพอดี   ดาบสีเขียวอมฟ้าเข้มไม่เหมือนดาบทั่วไปกระทบกันเสียงดังสนั่น   เมื่ออีกฝ่ายยกดาบขึ้นรับได้ทันท่วงทีในช่วงเสี้ยววินาที   ก่อนจะผลักดาบอีกฝ่ายให้ถอยห่างออกจากตัว   ทำให้ร่างที่บอบบางเพรียวลมกระโดดถอยห่างออกไปไกล   ร่างนั้นม้วนตัวหนึ่งรอบก่อนจะยืนได้อย่างงดงาม   เท้าภายใต้รองเท้าบูทถีบพื้น  พุ่งตัวเข้าต่อสู้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว   ดาบรูปพระจันทร์วาดจากขวามาซ้ายและอีกฝ่ายก็รับได้อีกเช่นเคย   ทั้งคู่แลกดาบกันจนเหงื่อออกโทรมกาย

    “พอก่อนเถอะทั้งสองคน”

    เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ   เรียกให้คนทั้งคู่ต้องถอยห่างจากกันในเวลาต่อมา   ต่างยืนหอบหายใจอยู่ตรงข้ามกัน   ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งที่ติดบางสิ่งที่คล้ายนาฬิกาขึ้น    มันมีขนาดใหญ่กว่าหน้าปัดนาฬิกาทั่วไปอยู่ประมาณหนึ่งเท่า   เลือกกดปุ่มหนึ่งปรากฏเป็นแถบเมนูบางอย่างลอยขึ้นมาเห็นได้ชัด   ทั้งคู่เลือกกดเมนูหนึ่งเพื่อเก็บดาบในมือเข้าคลังเก็บของ   ก่อนจะปิดหน้าจอนั้นลง   ทั้งสองหันไปตามเสียงที่เรียกตนเมื่อครู่

    “ไนท์   มีอะไรหรอ”

    หญิงสาวหันไปถามเพ็นกวิ่นสาวตัวหนึ่งที่ยืนเคียงข้างกับเพ็นกวิ่นหนุ่ม   ที่รู้ได้ว่าเป็นเพศใดนั้น   ดูได้จากโบที่ติดอยู่กับตัวเพ็นกวิ่นนั้น   เพ็นกวิ่นแต่ละตัวถือเป็นคู่หูของคนแต่ละคน   จารุนิภาเดินเข้าไปหาคู่หูของตน   เช่นเดียวกับปองภพที่เดินเข้ามานั่งข้างคู่หูอย่างเงียบๆ

    “ไม่มีไรหรอก   แค่พวกเธอควรจะพักบ้าง   ซ้อมกันเหนื่อยเกินไปแล้ว”

    ไนท์กล่าว   พร้อมกับส่งผ้าขนหนูสีขาวให้ซับเหงื่อ   ปองภพก็รับผ้าจากอัศวินคู่หูของตนเช่นกัน   ทั้งคู่นั่งเช็ดหน้าตนเองครู่หนึ่ง   ปองภพจึงเปรยขึ้นมาว่า

    “ชักหิวแล้วล่ะ   จาหิวยัง”

    “เหมือนกัน”   หญิงสาวตอบกลับไป

    “งั้นดีเลย   อาหารเสร็จแล้วครับ   ไปทานกันเถอะ”   อัศวินพูดบ้าง  

    “งั้นก็เข้าไปในบ้านกันเถอะ   จากับปองหิวมากแล้วซิ   ไนท์เห็นอัศวินทำกับข้าวไว้เต็มเลยล่ะ   น่ากินทั้งนั้นเลยด้วย”

    “โห   ไนท์   ไม่คิดจะช่วยอัศวินทำบ้างเลยหรือไง”   จารุนิภาแซวคู่หูของตน   พร้อมกับเดินตามกันกลับเข้าตัวบ้าน   บ้านไม้ที่ไม่เหมือนไม้ซะทีเดียว   สีของมันเข้มผิวธรรมชาติ   เช่นเดียวกับสิ่งอื่นๆที่อยู่รอบตัวของสองหนุ่มสาว   แต่ทั้งคู่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นเช่นนี้   ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ของคอมพิวเตอร์   สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั่นเอง   มีเพียงคนทั้งสองเท่านั้นที่เป็นมนุษย์    แต่ก็ใช่ว่าจะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่อาศัยอยู่ที่นี่

    ประตูไม้ถูกเปิดออก   ภายในเต็มไปด้วยผู้คนในเสื้อผ้าแตกต่างกัน   ตามแต่อาชีพที่แต่ละคนเลือกเป็น   พวกเขาต่างพูดคุยกันเสียงค่อนข้างดัง   ทั้งที่มีกันเพียงแค่ยี่สิบคนรวมเขาและเธอเข้าไปด้วย   แต่เสียงพูดคุยของคนในห้องนี่ซิ   มันช่างดังได้ใจดีจริงๆ   อัศวินกับไนท์เดินตรงไปหยิบอาหารให้กับคู่หูของตน   ปล่อยให้หนุ่มสาวเดินไปยังที่นั่งประจำของตัวเอง   โดยส่วนใหญ่จะนั่งตามสายอาชีพของตน   จึงทำให้ทั้งห้องมีโต๊ะทานอาหารเพียงสี่ตัวเท่านั้น   โต๊ะแต่ละตัวจะประกอบไปด้วยเก้าอี้นั่งแปดที่สำหรับแต่ละคนและคู่หู   ซึ่งบางคนก็ไม่ยอมให้คู่หูของตนร่วมโต๊ะด้วย   เพราะคู่หูนอกจากจะให้คำแนะนำแต่ละคนแล้ว   ก็มีหน้าที่ดูแลเรื่องทั่วไปให้กับคู่หูของตนเท่านั้น   ไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้   ดังนั้นยามเมื่อออกจากเขตการฝึก   พวกเขามักจะเก็บคู่หูให้อยู่ในนาฬิกาข้อมือเท่านั้น

    ไนท์กับอัศวินเดินกลับมาอีกครั้ง   พร้อมด้วยข้าวสองจานสำหรับตนและคู่หู   ทั้งสองวางจานลงก่อนจะปีนขึ้นมานั่งคู่กับสองหนุ่มสาว   ซึ่งกำลังฟังเพื่อนร่วมสายอาชีพอีกสองคนคุยกัน   ถึงเรื่องสถานที่ภายนอกที่พวกตนไปมา   นอกอาณาเขตการฝึก   โดยคู่หูของพวกเขานั่งฟังอยู่เงียบๆ

    “จา   เดี๋ยวจากับปองกินข้าวเสร็จแล้ว   ไปอาบน้ำสักหน่อยนะ   แล้วค่อยพักผ่อน”

    ไนท์เอ่ยขึ้นกับสองหนุ่มสาวที่ยังไม่อาจลงมือทานอาหารกันได้   เพราะรู้ดีว่า   ถ้าทานตอนกำลังเหนื่อยๆจะไม่เป็นผลดีกับร่างกายของตน   แม้ทั้งคู่จะค่อนข้างหิวก็ตาม

    “อืม   แต่ที่จริงจาอยากกลับไปฝึกอีกทีมากกว่านะไนท์   ปองว่าไง”

    “ไม่ไหวแล้วล่ะจา   ปองเหนื่อยมากเลย   เอาไว้ต่อพรุ่งนี้เถอะนะ”   ปองภพปฏิเสธ

    “เอางั้นก็ได้”   จารุนิภารับคำ   ก่อนทั้งคู่จะค่อยๆทานอาหารของตัวเอง   เมื่อเริ่มรู้สึกหายเหนื่อย   แล้วแยกกันไปพักผ่อน

    จารุนิภาเดินขึ้นไปทำธุระส่วนตัวครู่หนึ่ง  ก่อนจะเดินลงมาอีกครั้ง   หลายคนขึ้นไปนอนแล้ว   แต่บางคนยังคงนั่งคุยกันบ้าง   แลกสิ่งของให้กันบ้าง  หรือนำของที่ได้มาอวดกัน   เมื่อเธอเดินลงมาอีกครั้ง   บางคนจึงหันกลับมามองเธอ   เพราะเสื้อผ้าที่เตรียมจะออกไปข้างนอก

    “จะไปไหนน่ะจา”

    เสียงชายหนุ่มในชุดแอสซิสถาม   เขากำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนร่วมสายอาชีพ   ก่อนที่จะหันกลับมาเห็นเธอเข้า

    “จาจะออกไปข้างนอกหน่อยน่ะค่ะ   พี่ทศ”

    จาตอบเขาออกไป   ทศวรรษถือเป็นพี่ชายคนหนึ่งที่จารุนิภาสนิทด้วย   เขาเลือกที่จะเป็นแอสซิสมากกว่าอาชีพอื่น   และมันก็ดูเหมาะสมกับคนอ่อนโยนอย่างเขามาก

    “ให้พี่ไปด้วยไหมล่ะ   จะออกไปฝึกกับมอสเตอร์อื่นๆล่ะซิ”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ทศ   แต่จะให้ดีพี่ทศอัพให้จาก่อนไปก็ดีนะคะ”

    เธอว่ายิ้มๆ   ทศวรรษลุกขึ้นยืนก่อนจะหยิบอาวุธของตัวเองขึ้นมา   แล้วเริ่มยิงการอัพพลังให้กับหญิงสาว   พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้โดยไม่คิดจะว่าอะไรอีก

    “เอาล่ะ   เสร็จแล้ว   ยังไงก็ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ”

    “ค่ะพี่ทศ”   เธอรับคำอีกครั้ง   ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป    โดยมีไนท์คู่หูตามติดไปเงียบๆ   ทุกคนรู้ดีว่าไม่ควรจะห้ามเธอ   จารุนิภาไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อจำกัดแค่ไหน   แต่เธอก็ยังทำทุกอย่างอย่างหนัก   เหมือนจะพิสูจน์อะไรบางอย่างอย่างนั้นแหล่ะ   ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร   แม้แต่อาชีพที่เธอเลือกจะเป็น   เธอก็เลือกโดยไม่ลังเล   ทั้งที่อาชีพเมอเซอนารี่ไม่เหมาะกับนิสัยของเธอเลยแม้แต่น้อย

     

    จารุนิภาอยู่บนบอร์ดความเร็วสูงที่สุดที่มีอยู่ทั้งหมด   เธอบินห่างมาจากบริเวณการฝึกพอสมควร   ไนท์ที่ถูกเก็บเพื่อความปลอดภัยปรากฎเป็นภาพออกมาให้เห็น   เรียกให้เธอต้องยกขึ้นมองสบตากัน

    “จา   ไม่เหนื่อยเลยหรือไง   เธอซ้อมกับปองไปตั้งเยอะนะ   รายนั้นยังเหนื่อยเลย   สงสัยหลับไปแล้วล่ะมั้ง”

    “ไม่หรอกไนท์   จาอยากฝึกอีกหน่อยน่ะ   อีกอย่างจะได้เก็บของด้วย”

    หญิงสาวว่า   พร้อมกับบังคับให้บอร์ดบินไปตามทิศทางที่เธอตั้งใจไว้   โดยเรียกหน้าจอขนาดย่อมขึ้นมากำหนดทิศทาง   เธอตรงเข้าตัวเมืองก่อนอย่างอื่นทันที   ตัวละครที่ถูกตั้งเพื่อขายของไว้ถูกเรียกดู   ของที่ตั้งขายหลายรายการถูกซื้อไป   ตามราคาที่เธอตั้งไว้   ทำให้เธอได้รับเงินมากมายจากการตั้งร้าน   เธอจัดการตั้งขายของใหม่อีกครั้ง   และรวบรวมเงินเพื่อซื้อสิ่งของจำเป็นที่ต้องการไว้ใช้   ที่เหลือนำเก็บเข้าคลังเตรียมไว้

    “ไปกันต่อได้แล้วไนท์   คืนนี้อย่างน้อยก็ขอให้ได้ตีอีกสักสองสามตัวก็ยังดี   เผื่อจะได้อะไรมาบ้าง”

    “เอาอย่างนั้นก็ได้   แต่พลังที่พี่ทศอัพไว้ให้เหลือเวลาไม่มากแล้วนะ   เร่งๆหน่อยก็แล้วกัน”

    “ได้”   เธอรับคำพร้อมกับเรียกบอร์ดตรงสู่จุดที่ตั้งใจไว้แต่แรก   ภาพของไนท์หายไป   กลายเป็นแผนที่ขนาดเล็กมาแทนที่   เมื่อถึงที่หมาย   หญิงสาวก็เลือกคู่ต่อสู้ด้วยทันที   โดยไม่รอเวลา   เสียงติดต่อดังเข้ามาอีกครั้ง   เมื่อมอสเตอร์ตัวแรกถูกกำจัดออกไป

    “จา   อัศวินติดต่อเข้ามาแน่ะ”

    “งั้นก็ต่อเข้ามาเลย   ไนท์”   จารุนิภาตอบรับ   ไม่ช้าภาพของอัศวินก็เข้ามาแทนที่ไนท์

    “ปองอยากจะคุยด้วยแน่ะครับ”   ภาพเปลี่ยนเป็นปองภพทันที

    “เธออยู่ที่ไหนเนี่ย   จา   ทำไมออกไปโดยไม่เรียกปอง”   ปองภพตะเบงเสียงด้วยความโกรธเล็กๆ   เขาไม่เข้าใจในตัวหญิงสาวแม้แต่น้อย   แต่เขาก็ออกจะเป็นห่วงเธออยู่มาก   หลายครั้งในการสู้กับมอสเตอร์   ค่าH Pของเธอเกือบหมดจนเขาต้องเข้าช่วย   ให้เธอมีเวลาได้พักเพื่อฟื้นค่าH Pให้สามารถกลับมาสู้ต่อได้   และมันก็ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง   แต่มันเรียกว่าแทบจะทุกครั้งที่เธอเลือกต่อสู้กับมอสเตอร์ที่เรเวลสูงกว่า

    “จาเห็นปองเหนื่อยน่ะ   จาก็เลยออกมาคนเดียวนิดหน่อยเอง   ไม่ต้องห่วงหรอก   เดียวจาก็กลับแล้วล่ะจ้ะ   ปองพักต่อเถอะนะ”   เธอตอบกลับไป

    “ไม่ต้องเลย   จาบอกปองมาเดี๋ยวนี้นะ   ว่าจาอยู่เวลไหน   ปองนอนไม่หลับหรอกนะ   บอกมาเลยจา   ปองจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ”

    “จ้าๆๆๆ   จาอยู่แถวFefernน่ะ”

    “งั้นรออยู่นั่นเลยนะ   ปองจะหายตัวเข้าเมืองแล้วไปหาเดี๋ยวนี้แหล่ะ”

    เขาว่าแล้วตัดการติดต่อทันที   จารุนิภาไม่อยากรอให้เสียเวลา   ตอนนี้ค่าHPและFPของเธอก็เต็มแล้วพอดี   เธอจึงลงมือตีเก็บเรเวลต่อโดยไม่คิดจะรอ   การตีมอสเตอร์ของพวกเธอ   ก็ออกจะแตกต่างจากตัวละครปกติอยู่มาก   พวกเธอจะฟันได้อย่างไร้รูปแบบ   และตัวที่พวกเธอเลือกมักจะเข้าโจมตีกับพวกเธอไม่เหมือนตัวอื่นๆ   Fefernเรเวล16ตัวหนึ่งเดินเข้าจนใกล้   ชื่อด้านบนที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของมันเป็นตัวสีแดงเสียด้วย   มันเข้ามาในระยะและลงมือโจมตีก่อนใคร

    หญิงสาวกระโดดหลบทันที   แต่ก็ยังเสียคะแนนไปบ้างแม้จะไม่มาก   ปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมไล่งับเธออยู่เป็นระยะ   ดาบรูปพระจันทร์ฟาดลงตรงๆ   ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเสียคะแนนไปพอสมควร   มือบางพลิกอย่างรวดเร็วตวัดดาบขึ้นฟันด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่มี   ทำให้ใบหน้าใหญ่โตสะบัดแรง   เสยขึ้นรวดเร็วตามแรงดาบ   จารุนิภาไม่รอช้าพลิกมืออีกครั้งก่ะฟันให้ได้คะแนนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้   แต่ในขณะที่เธอยังคงให้ความสนใจกับใบหน้า   ที่อีกฝ่ายมักจะใช้โจมตีคู่ต่อสู้เสมอ

    ปลายหางแหลมคมสะบัดเข้ามาทิ่มแทงด้วยความรวดเร็ว   กว่าที่เธอจะรู้ตัว   ปลายหางก็เข้ามาใกล้เกินกว่าจะสะบัดดาบเข้ารับไว้ได้   และไม่อาจจะเคลื่อนตัวหนีได้ทัน   ดวงตาคู่สวยหลับตาเตรียมรับความเจ็บปวด   แต่รอเท่าไรสิ่งที่เห็นแวบๆนั่นก็ไม่เข้ามาหาตัวสักที   เมื่อลืมตาขึ้นมอง   Fefernตัวนั้นกำลังต่อสู้อยู่กับปองภพ   เพื่อนคู่หูที่ตามมาช่วยเธอทันพอดี   จารุนิภารีบวิ่งเข้าช่วยในการต่อสู้ทันที   ปลายหางแหลมกำลังจะจู่โจมปองภพ   เหมือนกับที่มันทำกับเธอ   และคราวนี้ร่างบางกระโดดเข้ารับไว้ได้ทันพอดี   ทั้งคู่ช่วยกันลมFefernตัวนั้นจนสำเร็จ   แล้วต่างต้องนั่งพัก   เมื่อค่าHPของแต่ละคนลดลงไปพอสมควร   เมื่อหายเหนื่อยดีแล้ว   ปองภพก็เริ่มเปิดฉากทันที

    “เธอทำยังงี้ได้ยังไง   ทำไมไม่รอฉันก่อน”  ปองภพตะเบงเสียงด้วยความโกรธ

    จารุนิภาหดคออย่างล้อๆ   เธอไม่ได้กลัวอะไรจริงจังนัก   ด้วยพอจะรู้ดีว่าเขาเพียงแต่เป็นห่วงเธอเท่านั้น   ไม่ได้โกรธเธออะไรมากมาย   เขากลัวเธอจะตาย   ทุกคนที่เข้ามาอยู่ที่นี่มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากตัวละครในเกมส์อื่นๆก็คือ   หากค่าHPของตัวเองหมด   ก็หมายถึงตาย   แต่การตายของพวกเธอ   คือการจบชีวิตอย่างแท้จริง   ไม่สามารถเกิดใหม่ในเกมส์ได้   หรือแม้แต่โลกภายนอกก็กลับไปอีกไม่ได้   ทุกคนจึงต้องระวังตัวอย่างดี

    ปองถอนหายใจด้วยความหนักใจ   นี่เป็นอีกครั้งที่หากเขามาไม่ทัน   ค่าHPของเธอคงจะลดหวบ   หรืออาจจะถึงตายเลยก็ได้   เพราะการกระทำแบบนี้ของหญิงสาวนี่เอง   ที่ทำให้เขาค่อนข้างจะห่วงเธอมาก   ทุกคนเองที่ใกล้ชิดกับเธอก็รู้สึกไม่ต่างกัน   บางครั้งเธอเหมือนน้องน้อยที่พวกเขาต้องดูแล   แต่บางครั้งเธอก็บ้าบิ่นจนพวกเขารู้สึกเป็นห่วง   หากทศวรรษไม่เกิดรู้สึกเป็นห่วงอย่างรุนแรง   จนเรียกเขามาคุยเขาก็คงไม่รู้ว่าเธอออกมาข้างนอกแน่

    “จา   ปองขอหลายครั้งแล้วนะ   ว่าจะไปไหนให้บอกปองด้วย   แต่จาก็ไม่เคยทำเลย “

    เขาทอดเสียงอ่อนพูดกับเธอ   ด้วยพอจะรู้ว่า   การพูดรุนแรงไม่อาจจะทำให้เธอสยบได้   แม้จะฟังแต่เธอก็อาจจะไม่ทำตามก็ได้   จาไม่ใช่คนชอบเถียง   ออกจะเงียบๆเสียด้วยซ้ำ   ถือได้ว่าหญิงสาวเป็นคนดื้อเงียบเลยทีเดียว   ไม่มีเสียงตอบมาจากอีกฝ่าย   มีเพียงรอยยิ้มอ่อนๆเพื่อเลี่ยงคำตอบเท่านั้นส่งกลับมาให้   เขาจึงทำได้เพียงถอนหายใจยืดยาว   มองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างปลงๆ

     

    สายลมพัดผ่านใบหน้าสองหนุ่มสาวที่อยู่บนบอร์ดกลางอากาศ   เส้นผมยาวและสั้นของทั้งคู่ปลิวไสวไปตามแรงลม  ดวงตาเหลือบมองแผนที่จิ๋วอยู่เป็นระยะเพื่อไม่ให้หลง   ทั้งสองกำลังจะผ่านส่วนที่เป็นเขตแดนกั้นระหว่างพวกเขากับผู้เล่นทั่วไป   ผู้เล่นทั่วไปน้อยคนที่จะมาแถวนี้   ด้วยรู้ดีว่าไม่มีอะไรมากกว่าสิ้นสุดพื้นที่   แต่สำหรับพวกเขามันถือเป็นประตูสู่สถานที่อีกแห่งหนึ่ง   ที่มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่จะผ่านไปได้  

    หญิงสาวมองเพื่อนรวมทางที่ติดตามมาเพื่อคุมเธอแล้วถอนหายใจยาว   เวลาสำหรับที่นี่ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเธอ   และเวลาค่ำคืนก็เป็นเวลาอันแสนทุกทรมานของจารุนิภา

    “เป็นอะไรหรือเปล่าจา”

    ภาพของไนท์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอที่ลอยเด่นขึ้นมา  เสียงถามเรียกสติที่เลื่อนลอยของหญิงสาวให้กลับมา   เธอยกหน้าจอขึ้นมาในระดับที่จะเห็นได้ชัด   ส่งยิ้มอ่อนให้พร้อมกับส่ายหน้า   โดยไม่มีคำตอบใด   ไนท์เป็นคนเดียวที่พอจะรู้ว่า   จารุนิภามีประวัติความเป็นมาอย่างไร   และเธอก็ไม่คิดจะบอกเล่ากับใคร   แม้จะไม่เข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวก็ตาม

    “มีอะไรกันหรอ  จา   ไนท์”

    ปองที่เห็นความเงียบผิดปกติของเพื่อนสาวหันมาถามด้วยความเป็นห่วง   แม้ว่าอีกไม่นานก็จะเข้าเขตที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็ตาม

    “ไม่มีอะไรหรอกปอง   แต่มองข้างหน้าจะดีกว่านะ   มันอันตราย”

    ปองภพหันกลับไป   แต่ก็ยังไม่วายชวนคุยต่อ

    “จาเก็บอะไรได้บ้างล่ะ  เมื่อกี้”

    “ก็ได้พวกเสื้อผ้าเลเวลต่ำๆน่ะ   ใช้ไม่ได้หรอก   ดาบยังได้เวลแรกๆอยู่เลยน่าเบื่อ   ไม่เคยตกอะไรดีดีได้สักครั้ง   ได้มาก็ใช้ไม่ได้อาชีพอื่นอีก”

    “เรายังเวลน้อยก็งี้แหล่ะ   พรุ่งนี้ชวนพี่ทศเข้าถ้ำกันไหมล่ะ  เพื่อจะได้อะไรดีดีบ้าง”

    “ก็ดีนะ   แล้วปองจะไหวหรอ”

    “ไม่มีปัญหาหรอก   จาล่ะ”

    “เหมือนกัน”

    “แล้วเวลเท่าไรแล้ว   อัพยัง”

    “จะ23แล้วล่ะ   เหลืออีกไม่กี่เปอร์หรอก”

    “แล้วนึกยังไงมาตีเวลต่ำๆอย่างFefernล่ะ”

    “อยากได้อาหารกับดึงฐานให้แน่นๆหน่อยน่ะ   แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีแหะ”

    “จาประมาทต่างหาก   ไม่ใช่ฐานไม่แน่นหรอก   ตอนซ้อมปองดูออกนะว่าจาเก่งแค่ไหน”

    “ใจจ้าที่ชม   แต่ก็ต้องยอมรับอ่ะนะว่าจาพลาด   เกือบทำให้ปองเดือดร้อนเลย”

    “อย่าคิดงั้นดิจา   ปองเป็นคู่หูจาเหมือนไนท์นะ   มีอะไรก็ต้องช่วยกัน”

    “จ้ะ”   หญิงสาวรับคำก่อนจะบ่นกับตัวเองเบาๆว่า  “ถ้าในโลกของความเป็นจริงเรามีเพื่อนดีๆแบบปองก็ดีซิ   ถ้ากลับออกไปเราก็คงกลับไปเหมือนเดิม”

    “ว่าอะไรหรือเปล่าจา  ปองไม่ค่อยได้ยิน”

    ชายหนุ่มหันมาถาม   เพราะเหมือนจะได้ยินอะไรแผ่วเบา   แต่เขาก็ได้ยินไม่ถนัดนัก

    “เปล่า   ไม่มีอะไรหรอก”

    เธอปฎิเสธเสียงปกติ   แล้วพยายามเร่งความเร็วบินกลับอาณาเขตที่พัก   แต่เพียงพ้นเขตเชื่อมต่อมาได้ไม่นาน   ไนท์กับอัศวินก็เรียกคู่หูของตนแทบจะพร้อมกับ

    “จา/ปอง  มีการติดต่อเข้ามาจากทศวรรษ”

    “ต่อเข้ามาได้เลย”   จาตอบไนท์ไป   ไม่ช้าภาพหน้าจอทั้งของปองภพและจารุนิภาก็เปลี่ยนไป   กลายเป็นภาพของทศวรรษแทน

    “ปอง   จา   อยู่ที่ไหนน่ะ”

    “กำลังกลับครับ”   ปองตอบ

    “อย่าเพิ่งกลับนะ   ไปแฟร์ริสก่อน   มีคนใหม่เข้ามาในเกมส์น่ะ   ไปรับเขามาหน่อยซิ”

    “อ้าว   ทำไมเข้ามาดึกๆล่ะพี่”   ปองถามกลับ

    “แล้วใครจะไปกำหนดเวลาได้ล่ะ   ไปไป   ไปช่วยเขาหน่อยแล้วก็พากลับมาด้วยนะ”

    “ค่ะ/ครับ”   ทั้งสองรับคำ   แล้วปิดการติดต่อ   หยุดการเคลื่อนไหว   หันมาพูดกันว่า

    “เอาไง”   ปองถาม

    “ก็ต้องกลับไปน่ะซิ   แต่ปองกลับไปนอนก่อนก็ได้   จาไปเอง”

    “ไม่อ่ะ   ถ้าจะไปก็ไปพร้อมกันนี่แหล่ะ   เดียวจาก็ไปตีต่ออีก   ปองไม่ยอมหรอก”

    “งั้นก็ตามใจ”

    จารุนิภาหันบอร์ดกลับ   เปลี่ยนทิศมุ่งไปยังแฟร์ริสที่อยู่ค่อนข้างห่างทันที   ตามติดมาด้วยปองภพที่เขาจะไม่ยอมให้เพื่อนสาวคราดสายตาเป็นอันขาด

    เพ็นกวิ่นหนุ่นสาวมอง2คู่หูอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก   แต่ก็ทำได้แค่เพียงทำท่าถอนหายใจเท่านั้น   และถึงพูดไปก็ไม่มีความหมาย   เพราะดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครฟังพวกตนเท่าใดนัก    ไนท์จึงได้แต่ว่า

    “จะเอาไงก็เอาเถอะจา   แต่ก็รีบกลับไปพักผ่อนล่ะ   ไม่อย่างนั้นจาจะกลายเป็นตัวถ่วงเมื่อเข้าไปในถ้ำมากกว่าจะเข้าไปช่วยนะ”

    “จ้า   เดี๋ยวจาจะดูแค่คนใหม่พอมีเลเวลบ้าง   แล้วก็จะกลับเลย”

    “ให้จริงเถอะ   อย่าเพลินล่ะ”

    “รู้แล้วจ้า”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×