จุดเริ่มต้น (ตอนต้น)
ผมชื่อ อาร์ท เป็นเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ด กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5 ในโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง ผมเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาเหมือนเด็กไทยคนอื่น ผมสีดำ ตาสีดำ ผิวสองสี จะขาวก็ไม่ขาว จะเหลืองก็ไม่เหลือง ตอนนี้อาศัยร่วมชายคากับพี่สาวแสนสวยในบ้านเดี่ยวชั้นเดียว เนื่องจากพ่อกับแม่ไปต่างประเทศ ชีวิตเราสองพี่น้องเลยค่อนข้างอิสระ
พี่แอน พี่สาวคนสวย กำลังศึกษาในคณะวิทยาศาสตรเครื่องสำอาง นักศึกษาสาวปี 2 มากความสามารถ และแสนจะเรื่องมาก มักจะใช้กระบวนท่า 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรกับผมบ่อยๆ ในช่วงเวลาที่หิวจัดหรือต้องการที่ระบายอารมณ์ เพราะอยู่กันลำพัง หน้าที่งานบ้านจึงต้องแบ่งกันทำ ซึ่งผมรับหน้าที่ห้องครัว อาหารการกิน อาณาเขตนี้ถือเป็นของผมที่ต้องจัดการดูแลให้เป็นอย่างดี ส่วนบริเวณบ้านอื่นพี่แอนจะเป็นคนดูแลทั้งหมด
เหมือนชีวิตของผมจะปกติสุขดี แต่ตอนนี้มีเรื่องให้ต้องลำบากใจ พี่กิจหนุ่มนักศึกษาคณะบริหารจากมหาลัยเดียวกัน เพื่อนสนิทพี่สาวและพ่วงตำแหน่งว่าที่ที่ปรึกาษการตลาดครีมบำรุงผิวถ้าจบมา
“ไปด้วยกันนะ” หลังจากประกาศตัวออกมาตรงๆ ว่าจะจู้โจมผม พี่กิจก็มักจะตามพี่แอนมาเพื่อเจอผม และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่มารับตอนเช้า
“ไปเร็วๆ ตอนบ่ายฉันมีงาน” พี่แอนผลักผมลงไปกลิ้งกับเบาะหลังแล้วขึ้นไปนั่งที่ด้านข้างคนขับ อย่างที่บอกพี่สาวผมสวยมาก เดือนนึงจะรับงานพริตตี้ 2-3 งานเพื่อหาเงินค่าขนมเพิ่ม
“เจ็บไหม” พี่กิจชะโงกหัวเข้ามาถาม และแอบจับก้นผมเพื่อถามอาการ ผมรีบตะกายหนีหัวซุกหัวซุนไปอีกด้านของประตู เรียกเสียงหัวเราะให้ทั้งพี่แอนกับพี่กิจ
“ผมกลัวแล้วครับ รีบพาผมไปโรงเรียนเถอะ”
ผมก้าวเท้าลงจากรถ กล่าวขอบคุณเสร็จก็รีบจ้ำเข้าโรงเรียนราวกับหาที่ปลอดภัย แต่ก็ต้องมาสะดุดกับเพื่อนสนิทที่ยืนรออยู่แบบนี้ประจำตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มะรุมมะตุ้มรุมหอมแก้มคุณอาร์ท
“มาส่งอีกแล้วหรอ”
“อื้ม” ผมตอบกลับ และอาการที่ตามมาของโซ่มักจะทำหน้าแหยงเมื่อได้ยินคำตอบ
เราเดินไปด้วยกันเผื่อขึ้นห้องเอากระเป๋าไปเก็บ โดยผมจะทิ้งระยะห่างจากโซ่นิดหน่อย เราเดินคุยกันไปเรื่อย ตั้งแต่การบ้านยังผลบอลเมื่อคืนที่ดูจะทำให้โซ่อารมณ์ดีขึ้น
“เฮ้ย... อาร์ท” หลังจากเก็บสัมภาระ ในห้องเรียนยามเช้า อากาศที่ไม่ร้อน และไร้ผู้คนราวกับเป็นใจ “ข้าชอบแกนะ ชอบมาตั้งแต่ ม.3 แล้ว”
“พวกยัยฟ้ารออยู่ข้างล่างแล้ว ไปเถอะ” ผมบอกปัดทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดนี้มาเกือบจะ 7 ครั้งแล้ว โซ่ทำหน้าเศร้าแปบนึง ก่อนจะยิ้มเดินมาลูบหัวผมแล้วเดินจากไป
“แกใจร้ายว่ะ” อิงฟ้าถอนหายใจ ผมกับเธอนั่งดื่มนมกล่องมองโซ่เล่นบาสกับรุ่นน้อง “ไอ้โซ่มันแอบชอบแกมาตั้ง 2-3 ปี ปฏิเสธมันไปทำไม”
“แกลืมเปล่าว่ะ มันเป็นผู้ชาย”
“แล้วไง เป็นผู้ชายแล้วรักกันไม่ได้ไง” ผมมองหญิงสาวผมยาวที่ถูกรวบมัดไว้ด้านหลังมีโบสีน้ำตาลลายจุดขาว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมกำลังสนทนากับสาววายอยู่
“แต่มันเป็นเพื่อน ข้ามองมันเป็นเพื่อนมาตลอดเลยนะ”
“งั้นแกก็ปฏิเสธมันไปตรงๆ เท่านั้นล่ะ” อิงฟ้าหยิบกล่องนมในมือผมไปเพื่อจะทิ้ง แต่ก็หันมากระซิบบอกอะไรบางอย่างกับผม “มีคนจ้องจะงาบไอ้โซ่เยอะนะฉันจะบอกให้”
ผมแยกนั่งกับโซ่มาสักระยะแล้ว โดยผมหนีมานั่งคู่กับอิงฟ้า ส่วนโซ่ก็มีหมอกเพื่อนร่วมห้องมานั่งเป็นเพื่อนเพราะโดนผมแย่งคู่ที่นั่ง ผมต้องเสียที่ข้างประตูมาอยู่แถวถัดมา ในระหว่างที่เรียนผมรู้สึกได้ว่าโซ่มักจะแอบมองมาทางผมหรือหันมามองผมตรงๆ ซึ่งผมก็ทำเป็นไม่รับรู้จ้องหน้ากระดานฟังอาจารย์สอนจนรู้สึกว่าผมเริ่มจะเรียนเก่งขึ้นบ้างแล้ว
วันนี้ในคาบสังคมอันแสนน่าเบื่อชวนง่วง อาจารย์ก็สั่งให้จับคู่ทำรายงานส่งอาทิตย์หน้า โซ่เรียกผมเพื่อจะเขียนชื่อจับคุ่กันเป็นประจำ
“ข้าจะคู่ฟ้า แกคู่ไอ้หมอกไปล่ะกัน” อิงฟ้าถลึงตาต้องผมอย่างตกใจ ก่อนจะกรอกตาข่มอารมณ์โกรธที่ปิดไว้ไม่มิด
“จิรงดิ ให้เราคู่กับโซ่อ่ะนะ” หมอกดูกระตือรื้อร้น น้ำเสียงสดใสรีบเขียนชื่อตัวเองกับโซ่ทันที
ผมฟุบหน้าลงกับเพื่อจะแอบงีบก็ดันเห็นโซ่เองที่ฟุบศีรษะมาเจอกัน จะหันหนีก็ไม่ได้ดูจงใจเกินไป
‘รังเกียจสินะ’
ผมอ่านปากโซ่ที่ขยับปากบอกแบบไม่มีเสียง ผมจะบอกไม่ใช่ก็ไม่ทัน เพราะเขาได้หันหน้าหนีไปพร้อมกับแววตาที่เศร้าจนใจผมหายวูบ
พอหมดคาบเรียนสุดท้าย ผมอยากจะคุยกันให้รู้เรื่องไป แต่ตามหาเขาไม่เจอ ที่สนามบาสที่มักจะเล่นก่อนกลับบ้านก็ไม่เจอ ถามกับใครก็ไม่มีใครเห็น จนผมร้อนใจรีบกดโทรศัพท์ตาม
“อยู่ไหน” พอโซ่รับสาย ผมก็ตะโกนถามอย่างร้อนใจ
“ทำไม” เสียงที่โซ่ตอบกลับมานั้นเรียบนิ่งเย็ยชาจนผมเป็นห่วง
“แกทำอะไร อยู่ไหนห๊ะ”
“ถามทำไม”
“เอ่อ... จะคุยด้วย จะรอหน้าโรงเรียน เร็วๆ ด้วย”
ผมออกจากประตูโรงเรียนก็มาหาที่ยืนมองนักเรียนคนอื่นที่เดินเข้าออกกัน พยายามมองหาผู้ชายตัวสูงๆ ที่ค่อนข้างเด่นแต่ก็ไม่มีวี่แววเลยสักนิด
“ไปรับแอนด้วยกันไหม” พี่กิจจับไหล่ผมแบบไม่ทันตั้งตัว ผมสะดุ้งตกใจส่งเสียงลั่น คนที่ผ่านไปมาหันมามองกันเป็นแถว พี่กิจหัวเราะถูกพลางลูบหัวปลอบขวัญ ยิ่งผมสะบัดหนีเท่าไรก็ยิ่งแกล้งนัวเนียมากกว่าเดิม กว่าผมจะบอกให้หยุดได้ก็ตั้งนาน
“เป็นไรอาร์ท รอใครอยู่เนี้ย”
“เพื่อนครับ เฮ้อ... สงสัยจะกลับไปแล้ว”
พี่กิจเลยลากผมขึ้นรถเพื่อรับพี่แอน ถึงผมจะปฏิเสธเท่าไรพี่แก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็ต้องไปโดยมีข้อแม้ว่าผมจะนั่งที่เบาหลังเท่านั้น
หลังจากรับพี่แอนและหาอะไรกินกันโดยมีมีพี่กิจเป็นเจ้ามือ ผมก็ทั้งโทร ทั้งส่งข้อความหาในโปรแกรมแชทที่ขึ้นบอกว่าอ่านแล้ว แต่ก็ไม่เห็นจะตอบกลับ จนเริ่มหงุดหงิดปาโทรศัพท์ลงที่นอน ไม่เข้าใจว่าจะหลบหน้าขนาดนี้ทำไมกัน ถึงยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันอีก
ผมคิดเรื่องไอ้โซ่จนแทบไม่ได้หลับ รีบลุกขึ้นแต่งตัวทำข้าวเช้าทิ้งไว้ให้พี่แอนแล้วไปโรงเรียนทันที ผมไม่ได้เข้าโรงเรียน แต่ยืนรอใครบางคนตั้งแต่แดดยังไม่มี เวลาผ่านเลยไปจนคนมาโรงเรียนมาขึ้นแต่ผมก็ไม่เห็นโซ่แม้แต่นิด
“พี่อาร์ทไม่เข้าโรงเรียนหรอคะ” ส้มรุ่นน้อง มือขวาของประธานชมรมวายจิ้นจิกหมอน ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีเรียน รด. ซึ่งพวกที่เรียนจะไม่เข้าโรงเรียน ผมถอนหายใจอย่างปลงตกก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนอย่างค้างคาในความคิดเป็นที่สุด
ความคิดเห็น