ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {FIC} Crazy Story Chankai EXO

    ลำดับตอนที่ #127 : :ม่านมายา : 1 Chanyeol x Kai x Suho

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 715
      3
      15 ก.ย. 58


    CR | ミPolαr mυsιc。♡ '




    : ม่านมายา : 1

     




     

                    Star  M บริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของเกาหลีได้เปิดทำการออดิชั่นคัดสรรเด็กรุ่นใหม่เข้าสังกัดเพื่อมาเป็นฝึกฝนเทรนเตรียมตัวเป็นศิลปินเบอร์ต่อไปของค่าย ความสำเร็จของไอดอลรุ่นพี่ในค่ายที่ต่างโด่งดังทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั่วทั่งเอเชียมันเป็นแรงจูงใจ แรงกระตุ้นให้เด็กวัยรุ่นมีความฝันอยากจะโด่งดังเหมือนกับศิลปินรุ่นพี่ทีตัวเองชื่นชอบ มีแฟนคลับเป็นที่รักและสนับสนุนผลงานของตัวเอง

                    และคิมจงอินเด็กหนุ่มวัยสิบหกปีก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีความฝันอยากจะเป็นศิลปินนักร้องนักเต้นที่มีชื่อเสียงเหมือนกับเด็กวัยรุ่นทั่วๆไปที่จะมีไอดอลในใจเป็นต้นแบบให้เดินตามความฝัน จงอินอยากจะมีชี่อเสียงโด่งดัง อยากจะเป็นนักเต้นระดับโลก อยากทำตามความฝันของตัวเองให้เป็นจริงเพื่อจะได้ลบคำครหาของเพื่อนๆในโรงเรียนว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะไปยืนอยู่จุดนั้นได้ หน้าตาอย่างเขาจะไม่มีทางได้ศิลปินอย่างที่ฝันเพ้อได้ จงอินจะลบคำครหาพวกนี้ให้ได้ เขานั้นจึงจะสมัครเข้าออดิชั่นของบริษัทสตาร์เอ็มในครั้งนี้

                    “มึงคิดจะไปออดิชั่นจริงดิมึง” เซฮุนถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่อ่านใบประกาศรับสมัครออดิชั่นของค่ายเพลงสตาร์เอ็ม

                    “เออ! กูจะต้องทำให้ความฝันของกูเป็นจริงให้ได้” น้ำเสียงหนักแน่นมุ่งมั่นกับการสมัครในครั้งนี้

                    “แต่งานนี้ยังมีคนเก่งมากกว่ามึงเยอะนะมึง มึงจะสู้เขาไหวหรือไง” จงอินตวัดสายตาแข็งใส่เพื่อนอย่างไม่พอใจในคำพูดของเพื่อน เซฮุนรู้ตัวว่าพูดทำร้ายน้ำใจเพื่อนจนเกินไปถึงกับยิ้มเจื่อนๆ “กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจพูดดูถูกมึงนะไอ้จงอิน” เซฮุนเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด จงอินหันมามองแต่ไม่พูดอะไรหันกลับไปสนใจใบประกาศรับสมัครในมือต่อ เขาจะต้องทำความฝันให้เป็นจริง ความฝันที่มักถูกเพื่อนๆพูดดูถูกเขามาตลอดตั้งแต่เข้าเข้าชมรมเต้นและบอกความฝันของตัวเองให้เพื่อนๆได้รู้

     

     

     

     

     

                    แววตามุ่งมันก้มมองใบสมัครในมือที่วันนี้จงอินพร้อมก้าวเดินทำตามความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ความฝันที่จะทำให้เขาโด่งดังไปทั่วเอเชีย กระดาษในมือใบเดียวจะเป็นใบผ่านทางให้เขาก้าวสู่ความฝันนี้ให้เป็นจริงได้

                    “สู้ สู้! คิมจงอิน สู้ สู้” จงอินให้กำลังใจตัวเองกับความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่ทำให้เขามายืนตรงนี้ได้

                    จงอินเดินเข้ามายังสถานที่รับสมัครออดิชั่นอย่างมั่นใจในตัวเอง ไม่รู้สึกกลัวประหม่ากับสิ่งรอบข้างเลย ในเมื่อจงอินยึดคำสอนของพ่อที่สอนเอาไว้ ให้เชื่อมั่นในตัวเอง มั่นใจในตัวเองไม่ว่าเราจะทำอะไรเราต้องเชื่อในตัวเอง เชื่อมั่น มั่นใจในตัวเองก่อน ถ้าเราเชื่อในตัวเองได้ทุกอย่างที่เราทำก็จะเป็นอย่างที่เราตั้งใจหวังเอาไว้

                    จงอินมาต่อแถวรอยื่นใบสมัครกับทีมงาน พอถึงคิวจงอินมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ไม่รู้สึกประหม่าตื่นเต้นกับทีมงานที่รับสมัคร สายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่ของเด็กหนุ่มวัยสิบหกตรงหน้าทำให้ทีมงานผู้หญิงถึงกับยิ้มเอ็ดดู

                    “พี่หวังว่าน้องจะผ่านการออดิชั่นนะคะ” น้ำเสียงอ่อนโยนใจดีเอ่ยเป็นกำลังใจให้กับจงอินหลังตรวจหลักฐานการสมัครเสร็จ

                    “ขอบคุณครับพี่” จงอินกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มกับทีมงานคนเดิมที่ติดป้ายอันดับการเข้าออดิชั่น

                    หลังจากทำตามขั้นตอนการสมัครเสร็จเรียบร้อย จงอินก็มานั่งรอในแถวตามอันดับบนป้ายที่ติดไว้บนหน้าอกเตรียมเข้าไปพบกรรมการในห้อง ระหว่างนั่งรอนั้นจงอินก็กวาดสายตามองรอบๆ เห็นผู้เข้าแข่งมากมายที่กำลังซ้อมร้องซ้อมเต้นอยู่กับตัวเองก่อนที่จะถึงเข้าไปออดิชั่น

                    ทุกคนต่างก็มีความสามารถมีของในตัวไม่แพ้กัน คู่แข่งทุกคนดูน่ากลัวทุกคนสำหรับจงอินไม่น้อย แต่จงอินกลับไม่ได้กลัวบรรดาคู่แข่งคนอื่นๆเลย สำหรับคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับจงอินคือตัวเอง ถ้าเรามัวแต่กลัวเราก็จะไม่ได้อย่างที่เราต้องการ ความกลัวจะทำให้เราไม่กล้าที่จะทำอะไรลงไป เราจะต้องก้าวข้ามความกลัวของตัวเองนั้นไปให้ได้และจะไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับอีกต่อไป

                    “หมายเลขต่อไปหมายเลข088 คิมจงอิน” เสียงตะโกนเรียกทำให้จงอินหลุดออกจากความคิดต่างๆนานาและรีบลุกขึ้นเดินมาหาทีมงานที่ยืนเรียกตนเองอยู่

                    จงอินเดินตามทีมงานมายังห้องออดิชั่น จงอินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนที่ประตูจะเปิดออกและให้เขาเดินเข้าไปอย่างมั่นใจ ทิ้งความกลัวไว้ข้างหลัง ตอนนี้จงอินมีแต่ความมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวเองว่าต้องทำได้ ถึงแม้จะมีความตื่นเต้นอยู่บ้างแต่จงอินก็สลัดมันทิ้งข่มมันเอาไว้ไม่ให้ความตื่นเต้นนั้นทำให้เขาต้องพลาดสิ่งดีๆในชีวิตไป

                    จงอินมายืนต่อหน้าดงแฮ ฮโยฮยอน โบอาและเยซอง กรรมการทั้งสี่ท่านที่ในอดีตเป็นไอดอลชื่อดังของยุคแต่ตอนนี้ทั้งสี่ผันตัวเองมาทำงานเบื้องหลังให้กับค่ายเป็นทั้งครูสอนเต้น ครูสอนร้องเพลงให้กับเด็กในค่ายที่เป็นหนึ่งผู้ผลักดันดาวดวงใหม่ประดับวงการให้กับเกาหลีมาไม่รู้กี่รุ่น

                    “ผมชื่อคิมจงอิน อายุสิบหกปีครับ” น้ำเสียงแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ทำให้กรรมการทั้งสี่ต่างยิ้มออกมากับความมุ่งมั่นของเด็กคนนี้ผ่านทางสายตาที่ฉายออกมา

                    “พร้อมจะแสดงความสามารถของเธอแล้วใช่ไหม” โบอาถามขึ้น

                    “ครับ” ตอบอย่างหนักแน่น โบอาจึงผายมืออนุญาตให้จงอินเริ่มแสดงได้

                    จงอินเริ่มขยับเขยื้อนร่างกายไปตามจังหวะเพลงที่ตัวเองกำหนดขึ้นมาเอง ร่างกายขยับไปตามท่วงทำนองจังหวะที่ไม่ได้เปิดเพลงขึ้นแต่จงอินกับแสดงออกมาอย่างสวยงาม วาดลีลาอย่างงดงามสง่างามเหมือนกับมีเพลงบรรเลงคลอไปด้วย ทั้งสายตา ทั้งอารมณ์ที่แสดงออกมานั้นแสดงออกมาชัดเจน ออกมาจากก้นลึกในจิตใจของจงอินที่มีความรักในการเต้น มีความฝันในการเต้น อยากจะเป็นนักเต้นที่คนชื่นชมในการเต้นของตัวเอง ทุกท่วงท่าที่แสดงออกมามันแสดงออกมาจากใจของจงอินทั้งหมด

                    แปะ แปะ แปะ

                    เสียงตบมืออย่างชื่อชมของกรรมการทั้งสี่ดังขึ้นหลังจากจงอินแสดงจบ รอยยิ้มของกรรมการดูจะชื่นชมความสามารถของเด็กอายุสิบหกไม่น้อย แค่สิบหกก็ทำได้เกินตัวและมันก็ทำให้กรรมการประทับใจในการแสดงของจงอินในครั้งนี้ได้

                    “เธอเป็นเด็กที่มีความสามารถมากเลยนะ” ฮโยฮยอนเอ่บชมด้วยรอยยิ้ม จงอินค้อมหัวอย่างขอบคุณ

                    “การเต้นของเธอเกินเด็กอายุสิบหกจริงๆ” ดงแฮเอ่ยนชม

                    “ฉันคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วเมื่อกูรูในด้านการเต้นทั้งสองคนเอ่ยชมเธอขนาดนี้” เยซองบอกด้วยรอยยิ้ม กรรมการทั้งสี่หันมายิ้มให้กัน

                    “เอาเป็นว่าเธอได้เข้ารอบต่อไปคิมจงอิน” โบอาเป็นคนประกาศออกมาด้วยรอยยิ้มที่เห็นจงอินกระโดดโลดเต้นดีใจที่ได้เข้ารอบต่อไป

                    “เจอกันรอบนะคิมจงอิน ฝึกฝนมาให้เต็มที่แล้วรอบหน้าเราเจอกัน” ดงแฮเอ่ยปิดท้าย

                    “ครับ ขอบคุณครับ”จงอินเอ่ยขอบคุณอย่างดีใจ ค้อมหัวให้กับกรรมการทั้งสี่และเดินออกจากห้องไปด้วยความดีใจเต็มเปี่ยม

                    “เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ในการเต้นอยู่ในตัวมาก ถ้าฝึกฝนเรียนรู้อีกสักหน่อยฉันรับรองเด็กคนนี้อนาคตไปได้ไกล” ดงแฮบอกออกมาที่เขามองเห็นของในตัวของจงอินที่ถูกซ่อนเก็บเอาไว้ ถ้าดึงออกมาจากในตัวเด็กคนนี้รับรองเด็กคนนี้ไปได้ไกลกับการเป็นนักเต้นระดับโลก

                    “อนาคตค่ายเราจะต้องมีไอดอลดวงใหม่ประดับวงการอีกคน” โบอาบอกออกมาที่เขาก็เห็นความสามารถในตัวจงอิน ออร่าที่ฉายชัดให้เห็นว่าเด็กคนนี้จะต้องเป็นไอดอลชื่อดังในวงการต่อไปจากพวกเขา

                    ซึ่งทั้งสี่ต่างมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มและเห็นด้วยว่าเด็กคนนี้ควรถูกเลือกให้เข้าเทรนเป็นเด็กในค่ายปีนี้ ถ้าปล่อยให้หลุดมือไปพวกเขาทั้งสี่คงเสียดายแย่กับความสามารถของเด็กคนนี้ที่ทำให้พวกเขาประทับใจตั้งแต่แรก

     

     

     

     

     

                    ปาร์คชานยอล ประธานบริษัทสตาร์เอ็มวัยยี่สิบแปด เขาได้เข้ามาบริหารบริษัทแทนบิดาหลังปลดวางตัวเองให้ลูกชายเพียงคนเดียวได้เข้ามาบริษัทต่อจากตนและการเข้ามาทำงานของลูกชายก็ไม่ได้ทำให้คุณปาร์คต้องผิดหวัง เมื่อชานยอลได้ทำให้ศิลปินในค่ายโด่งดังไปทั่วเอเชีย ได้รับความนิยมจากแฟนๆเพลง ผลประกอบของบริษัทมียอดกำไรที่สูงและเป็นอันดับหนึ่งของประเทศในด้านธุรกิจบันเทิงที่ไม่มีบริษัทไหนเทียบชั้นได้

                    รายได้จากบริษัทไม่ว่าจะเป็นยอดขายอัลบั้ล รายได้จากคอนเสิร์ต งานเดินแบบถ่ายโฆษณาที่แต่ละบริษัทต่างก็ต้องการศิลปินจากค่ายสตาร์เอ็มไปทำงานด้วย  เงินทุกด้านที่ได้จากการทำงานของศิลปินนั้นทางค่ายจะแบ่งให้ศิลปินแต่ละคนสามสิบเปอร์เซนต์แต่ถ้าเป็นวงจะได้สี่สิบเปอร์เซนต์เป็นงานๆไป

                    และตอนนี้ชานยอลได้เข้าร่วมประชุมบอร์ดกับทางผู้บริหารผู้ถือหุ้นของบริษัทเกี่ยวกับการวางแผนเดบิวต์เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ของค่าย  การคัดเลือกเมมเบอร์ในวงการทำงานเตรียมงานเดบิวต์ครั้งนี้จะต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้บริหารผู้ถือหุ้นท่านอื่นด้วย

                    ฝ่ายคัดเลือกศิลปิน ฝ่ายเทรนนิ่งเด็กฝึกหัดได้พาเหล่าผู้บริหารผู้ถือหุ้นเข้ามาดูการฝึกซ้อมของเด็กเทรนนิ่งที่วันนี้จะเป็นวันชี้ชะตาของเด็กกลุ่มนี้ จะมีเพียงแค่แปดคนเท่านั้นที่ได้รับเลือกให้เดบิวต์

                    เหล่าผู้บริหารแต่ละคนต่างไล่มองเด็กเทรนแต่ละคนที่ยืนเรียงหน้ากระดาษด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจในตัวเด็กแต่ละคนไม่น้อย

                    “วันนี้จะเป็นวันที่พวกเธอจะได้รู้แล้วว่าใครจะเป็นแปดคนสุดท้ายที่จะได้เดบิวต์กับค่ายเราปลายปีนี้” ชานยอลเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง แววตานิ่งดูน่าเกรงขาม “ความสามารถ ประสิทธิภาพ ความพร้อมของพวกเธอถูกรายงานมาถึงฉันทุกคน แต่ไม่ใช่แค่ความสามารถความเก่งของพวกเธออย่างเดียวที่จะทำให้พวกเธอได้ถูกคัดเลือกให้มาเป็นศิลปินในค่ายเรา มันยังมีอีกหลายองค์ประกอบในการตัดสินครั้งนี้ แปดคนแรกที่ถูกเรียกมาทดสอบในขั้นตอนสุดท้ายและไม่สามารถทำได้ตามบททดสอบนี้พวกเธอก็จะต้องถูกคัดออกและเราต้องหาคนอื่นมาแทนที่คนที่ออกไป” น้ำเสียงสุขุมนิ่งเอ่ยบอกออกมาที่เด็กแต่ละคนต่างตั้งใจฟัง ชานยอลส่งสายตาให้กับจุนมยอนเพื่อนสนิทที่เป็นฝ่ายบริหารการคัดเลือกศิลปินให้ประกาศรายชื่อได้

                    “ชื่อที่ผมเรียกให้ออกมายืนข้างหน้าของผม” ทุกคนต่างพยักหน้าเข้าใจ “ฮันจีมิน คิมจองฮวา ลีซันอา คิมโฮริน คังโบรา ฮันฮโยจู จองมินอา คิมโยอึน” เด็กสาวทั้งแปดต่างออกมายืนข้างหน้าด้วยรอยยิ้มดีใจที่ได้ทำตามความสำเร็จ เด็กคนอื่นที่ไม่ได้ถูกเรียกชื่อต่างก็ผิดหวังไปตามๆกัน

                    “ผู้ที่ไม่ได้ถูกเรียกชื่อยังไม่หมดโอกาสของพวกเธอ ถ้าแปดคนนี้ไม่ผ่านบททดสอบข้อสุดท้ายพวกเธอก็ยังมีโอกาสที่จะได้เดบิวต์กับทางเรา” ชานยอลบอกด้วยรอยยิ้ม ยิ้มเป็นกำลังใจให้กับเด็กที่เหลือ “ถ้าพวกเธออย่างจะเป็นศิลปินอยากทำตามความฝันของตัวเองก็ต้องตั้งใจฝึกซ้อมและทำตามข้อเสนอของทางเราให้ได้” ชานยอลพูดเป็นนัยๆให้กับเหล่าเด็กเทรน

                    เด็กสาวแปดคนที่ถูกคัดเลือกมาก็ยังมาห้องใต้ดินของตึก  ห้องที่ทุกคนที่นี้ต่างรู้ว่ามันเป็นห้องอะไรและต้องเจออะไรบ้างหลังจากนี้ แต่กับเด็กเทรนบ้างคนก็ยังคงไม่รู้ว่าห้องใต้ดินห้องนี้มีอะไรไว้เพื่ออะไรที่ไม่มีใครรู้ได้เลย นอกจากพวกที่เคยผ่านการใช้ห้องนี้ไปแล้ว

                    “อย่างที่ฉันบอกพวกเธอไปตั้งแต่ตอนแรกว่าพวกเธอต้องผ่านบททดสอบจากห้องนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายและมันจะเป็นสิ่งชะตาของพวกเธอว่าพวกเธอจะได้เดบิตว์เป็นศิลปินเราหรือไม่” ชานยอลบอกอย่างสบายอารมณ์ เอนหลังพิงโซฟาที่เด็กสาวทั้งแปดต่างยืนเกาะกลุ่มกัน

                    “สำหรับบททดสอบนี้คือการที่พวกเธอทั้งแปดคนต้องตัดสินใจว่าพวกเธอจะยอมหลับนอนกับเหล่าผู้บริหารผู้ถือหุ้นที่ต้องการหลับนอนกับพวกเธอหรือเปล่า ทำให้พวกท่านมีความสุขกับร่างกายของพวกเธอ” จุนมยอนบอกออกมาที่เด็กสาวทั้งแปดถึงกับอึ้งตกใจไม่น้อย

                    “ฉันรู้ว่าบ้างคนที่นี้ก็ยอมเอาตัวเข้าแลกร่วมหลับนอนกับผู้บริหารบริษัทของเรามาก่อนหน้าเพื่อที่จะให้มีชื่อในการเดบิวต์ครั้งนี้” ชานยอลยกยิ้มมุมปากมองเด็กสาวอย่างรู้ตื้นลึกหนาบางของเด็กสาวบ้างคนที่ยอมเอาตัวเข้าแลกมาตั้งแต่ต้น “สำหรับคนไหนไม่เคยทำแบบเพื่อนๆเธอมาก่อนก็ลองคิดดูให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจตอบฉัน เพราะนี่ถือว่าเป็นอนาคตของพวกเธอว่าจะได้เดบิวต์กับทางเราหรือไม่” ไม่ได้ขู่แต่พูดจริง แต่ละคนมองหน้ากันอย่างปรึกษา

                    “ฮโยจูยอมเถอะ มันไม่มีอะไรเสียหายหรอก ถ้าเธอยอมความฝันของเธอก็จะกลายเป็นจริงอย่างที่เธอบอกพี่ทุกวันไงล่ะ” ซันอาเด็กสาวที่เคยหลับนอนกับผู้บริหารท่านหนึ่งมาแล้วเอ่ยกับฮโยจูน้องเล็กของกลุ่มที่ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน

                    “แต่ฉันกลัวพี่ ฉันไม่เคยเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย” เด็กสาวบอกด้วยความกลัว

                    “มันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกฮโยจู บ้างที่เธออาจจะชอบและติดใจมันก็ได้” ซันอาพยายามหว่านล้อม ฮโยจูพยักหน้าตอบตกลง

                    “พวกเรายอมรับข้อเสนอของท่านประธานค่ะ” มินอาตอบแทนเพื่อนๆและน้องๆ ชานยอล จุนมยอนกระหยิ่มอย่างชอบใจ

                    “งั้นพวกเธอไปรอในห้อง เดี๋ยวจะมีคนเข้าไปหาเธอเอง ไปทำให้ความฝันของพวกเธอจริง” ขานยอลบอกออกมา “ส่วนเธอมินอาอยู่ทำให้กับฉันกับจุนมยอนที่นี้” ชานยอลเรียกมินอาเอาไว้ที่คนอื่นก็เดินไปตามห้องที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

                    มินอาเดินเข้ามานั่งหว่างกลางชายหนุ่มทั้งสองด้วยความหวาดกลัวไม่รู้จะเจออะไรกับท่านประธานทั้งสองบ้าง ชานยอล จุนมยอนต่างมองหน้ากันยิ้มๆ

                    “ถอนเสื้อผ้าของเธอซิ ฉันจะได้ทำความฝันของเธอให้เป็นจริง” น้ำเสียงดูถูกเอ่ยสั่งกับเด็กสาวที่มินอาถอนเสื้อผ้าด้วยมือไม้สั่น ร่างกายสั่นไปทั่งกายด้วยความกลัว

                    ฟึบ

                    ร่างของเด็กสาวถูกชานยอลและจุนมยอนดึงมานอนราบกับพื้นพรม ร่างกายเปลือยเปล่าของเด็กสาวทำให้สองเพื่อนซี้ยิ้มร้ายจ้องมองเด็กสาวอย่างหื่นกระหาย

                    “ฉันสองคนเป็นพวกที่ชอบใช้ของใช้ร่วมกันและชอบอะไรที่สนุกๆแบบนี้ ยิ่งกับเด็กอย่างพวกเธอแล้วมันยิ่งทำให้ฉันสองคนต้องการจะสนุกให้ถึงที่สุด” ชานยอลบอกออกมาด้วยเสียงเย็นยะเยือก

                    “คืนนี้เรามาสนุกมันด้วยกันดีกว่า” สิ้นเสียงของจุนมยอนเสียงหวีดร้องกรี๊ดร้องของมินอาดังไปทั่วห้องกับความเจ็บปวดที่ต้องถูกกระทำจากท่านประธานทั้งสอง

     

     

     

     

     

                    ถึงจะมีความมั่นใจตัวเองแค่ไหนแต่จงอินกลับไม่หลงเริงกับความมั่นใจของตัวเอง ไม่ละทิ้งการซ้อมตั้งใจขยันซ้อมให้มันออกมาดีที่สุดเพื่อให้ถูกคัดเลือกเป็นหนึ่งในเทรนของค่ายสตาร์เอ็มปีนี้ จงอินไม่เคยดูถูกความสามารถของคนอื่นถึงแม้จะได้รับคำชมจากกรรมการทั้งสี่ในรอบที่แล้วมาก็ตาม แต่จงอินกลับคิดว่าไม่ใช่เพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับคำชมจากกรรมการแต่ยังคงมีคนอื่นๆทีเต้นดีมีความสามารถไม่ต่างจากเขาก็ได้ผ่านเข้ามารอบ ไม่ใช่จะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับคำชมจากกรรมการ

                    ผมจะไม่ใช่เหลิงเริงในคำชมนั้น ผมจะเอาคำชมนั้นเป็นกำลังใจในการซ้อมเต้นให้หนักขึ้นและดีขึ้นเรื่อยๆ

                    วันคัดเลือกก่อนรอบสุดท้ายมาถึง รอบนี้นอกจากกรรมการทั้งสี่ท่านแล้วยังมีท่านประธานปาร์คชานยอลและคิมจุนมยอนผู้บริหารฝ่ายคัดเลือกศิลปินมานั่งดูคัดเลือกในรอบนี้ด้วย

                    ชานยอล จุนมยอนนั่งมองดูผู้ออดิชั่นอยู่โต๊ะหลังห้อง สายตาสุขุม เรียบนิ่งดูน่าเกรงขามนั่งมองดูผู้ออดิชั่นแต่ละคนอย่างเรียบนิ่ง การแสดงของเด็กบ้างคนก็เข้าตาไม่เข้าตาของท่านประธานบ้าง ชานยอลนั่งดูอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่สามารถลุกออกไปได้ที่มันดูจะแย่ในสายตาของสื่อที่เข้ามาทำข่าววันนี้ด้วย ชานยอล จุนมยอนก็ต้องนั่งทนเบื่อจนกว่าจะออดิชั่นเสร็จ

                    ความเบื่อหน่ายจบลงเมื่อมาถึงคิวการแสดงของจงอิน แค่จงอินเดินเข้ามาก็เรียกความสนใจจากทุกสายตาของคนในห้อง ร่วมถึงผู้บริหารทั้งสองที่มองจงอินอย่างไม่ละสายตา ดูสนใจในตัวจงอินไม่น้อย ทุกอิริยาบทของจงอินอยู่ในสายตาของชานยอลและจุนมยอนตลอด ร่างกายที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลง แววตา สีหน้ามันช่างหน้าชวนมอง ชวนหลงใหล ดึงดูดสายตาของชานยอลและจุนมยอนไม่ให้ละสายตาจากเด็กคนนี้ได้แม้แต่วินาที

                    เด็กคนนี้มีเสน่ห์ในตัวเหลือเกิน เสน่ห์ที่ชานยอลและจุนมยอนแทบจะต้องการเด็กคนนี้ตั้งแต่ตอนนี้เวลานี้ด้วยซ้ำ

                    การคัดเลือกวันนี้จบลงและผลประกาศผู้เข้ารอบสุดท้ายก็มีจงอินติดอยู่ในห้าสิบคนสุดท้ายที่จะได้เข้ารอบไฟนอล รอบที่จะทำให้รู้ว่าใครจะเป็นยี่สิบคนสุดท้ายที่จะได้เซ็นต์สัญญาเป็นเด็กเทรนของค่ายต่อไป

                    “คิมจงอิน อายุสิบหกปี มีความฝันอยากเป็นนักร้องที่โด่งดังไปทั่วโลกและเป็นนักเต้นระดับโลก” ชานยอลอ่านข้อมูลในใบสมัครของจงอินที่เขาให้ทีมงานจัดการหามาให้ ชานยอลอ่านจบก็หันมายิ้มมุมปากให้กับจุนมยอนอย่างรู้ใจกัน ไม่ต้องพูดอะไรมาก เขาสองคนก็รู้ว่าเพื่อนต้องการอะไรหลังจากนี้

                    “เลขาฮันเข้ามาหาผมในห้องหน่อย” ชานยอลต่อสายตรงถึงเลขาหน้าห้อง ไม่ถึงสองนาทีเลขาฮันก็เดินเข้ามา

                    “ท่านประธานมีอะไรหรือเปล่าค่ะ”

                    “โทรนัดเด็กคนนี้ให้มาหาผมที่บริษัทพรุ่งนี้ด้วย”

                    “ได้ค่ะท่าน แล้วท่านจะให้มาพบท่านกี่โมงดีค่ะ”

                    “เป็นสักโมงแล้วกัน”

                    “ค่ะท่านประธาน” เลขาฮันเดินไปรับใบสมัครของจงอินบนโต๊ะทำงานของชานยอลและเดินออกไป

                    “มึงคิดว่าเด็กมันจะยอมเราหรือเปล่า” จุนมยอนถามขึ้น

                    “ตอนแรกอาจจะเล่นตัวไม่ยอมเล่นด้วย แต่ถ้าเรายื่นเสนอให้กับเด็กคนนั้นกูว่าเด็กนั้นต้องยอมรับข้อเสนอเรา”

                    “แต่กูดูท่าทางแล้วยากว่ะ” จุนมยอนบอกออกมา ชานยอลนั้นยิ้มมุมปาก

                    “แต่มันก็ไม่ยากสำหรับกู มึงเตรียมตัวให้ดีก็แล้วกัน” ชานยอลบอกด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจว่าอย่างไงซะคิมจงอินก็ต้องยอมรับเสนอของเขา

     

     

                    ถึงจะไม่รู้ว่าถูกท่านประธานค่ายเพลงสตาร์เอ็มเรียกเข้ามาพบที่บริษัททำไม แต่จงอินก็ไปตามนัดของเลขาฮันที่ได้โทรนัดเวลาให้เขาไปพบท่านประธานเมื่อวานนี้

                    “ผมมาหาพบท่านประธานตามที่นัดไว้ครับ”จงอินเอ่ยบอกกับประชาสัมพันธ์

                    “ขึ้นไปชั้นที่สามเจ็ดนะคะ แล้วเดินเลี้ยวซ้ายแล้วจะเจอห้องทำงานของท่านประธาน” เสียงหวานนุ่มเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มที่จงอินค้อมศรีษะเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ

                    จงอินเดินขึ้นลิฟท์ตามที่ประชาสัมพันธ์บอกจนมาถึงชั้นทำงานของท่านประธาน จงอินเดินมาตามและเดินตรงมายังโต๊ะเลขาหน้าห้องที่กำลังนั่งทำงานของตัวเองอยู่

                    “ผมมาพบท่านประธานครับ” จงอินยืนอยู่หน้าโต๊ะ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองด้วยรอยยิ้ม

                    “น้องจงอินใช่ไหมค่ะ”

                    “ครับ”

                    “งั้นตามพี่มาเลยค่ะ ท่านประธานรอน้องอยู่ในห้องค่ะ” เลขาฮันเดินนำหน้าจงอินและเคาะประตูจนได้ยินเสียงของท่านประธานอนุญาตเข้าไปได้ เลขาฮันจึงเปิดประตูให้จงอินเข้าไปส่วนตัวเองนั้นก็มานั่งทำงานตามเดิม

                    จงอินเดินเข้ามาในห้องที่กว้างใหญ่ดูเรียบหรูเหมาะสมกับห้องประธานของบริษัท จงอินรู้สึกประหม่ากับการได้มาเจอกับท่านประธานของบริษัทและยิ่งภายในห้องดูเงียบมากจงอินถึงกับประหม่าทำอะไรไม่ถูกแต่ก็ทำเป็นไม่กลัวเดินเข้ามายืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของท่านประธานที่เจ้าของห้องนั่งหันหลังมองวิวด้านนอกที่ไร้คำพูดใดๆ

                    “มาถึงแล้วหรอคิมจงอิน” เสียงนิ่งเอ่ยถามขึ้นที่ไม่ได้หันมามองผู้มาเยือนเลย

                    “ครับ” จงอินตอบสั้นๆ ชานยอลยกยิ้มมุมปากพร้อมหันหมุนเก้าอี้กลับมา

                    “นั่งลงก่อนซิ” ชานยอลเอ่ยขึ้น จงอินนั้นจึงเลื่อนเก้าอี้นั่งลงรู้สึกเกร็งประหม่าไปหมด ชานยอลนั่งมองลอบยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้เห็นเด็กคนนี้ใกล้ๆ “ที่ฉันเรียกเธอมาวันนี้ ฉันมีข้อเสนอยื่นให้กับเธอ”

                    “ข้อเสนออะไรครับ” จงอินถามอย่างสงสัย ชานยอลยิ้มมุมปาก สายตาสำรวจใบหน้าสีน้ำผึ้งที่ตั้งใจรอคำตอบจากเขา ชานยอลไม่ตอบคำถามจงอินแต่ลุกจากเก้าอี้เดินอ้อมโต๊ะทำงานมายืนอยู่ข้างหลังของจงอิน ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างวางบนไหล่เล็ก ดูจงอินจะตกใจ เกร็งไม่น้อยที่ถูกชายหนุ่มตัวเนื้อต้องตัว

                    “ก็แค่เธอยอมเป็นคู่นอนของฉันกับจุนมยอนผู้บริหารฝ่ายคัดเลือกศิลปินอีกคน เธอก็จะได้ในสิ่งที่เธอต้องการ” จงอินถึงกับอึ้งตกใจ ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอข้อเสนอบ้าๆของท่านประธานบริษัท จงอินปัดมือใหญ่ของชานยอลออกอย่างแรงด้วยความโกรธพร้อมกับลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับชานยอลที่ยืนกักกันเอาไว้

                    “ผมไม่ยอมขายศํกดิ์ศรีของผมให้กับคุณเด็ดขาด ผมไม่ยอมรับข้อเสนอบ้าๆของคุณได้!!”จงอินตะคอกด้วยความโกรธ ขานยอลกระหยิ่มยิ้มมองเด็กน้อยที่หยิ่งในทะนงศักดิ์ศรีของตัวเอง

                    “กลับไปคิดให้ดีก็แล้วกันว่าเธอจะยอมทำตามข้อเสนอของฉันหรือเปล่าคิมจงอิน ถ้าเธอยอมทำตามเธอก็จะได้เข้ามาเป็นเด็กเทรนบริษัทของฉันและได้เดบิวต์เป็นศิลปินอย่างที่ได้ฝันเอาไว้” จงอินหยุดชะงักที่ชานยอลนั้นเอาความฝันของจงอินมาขู่ “แต่ถ้าเธอปฎิเสธเธอก็จะไม่ได้อะไรเลยและอย่าหวังว่าบริษัทอื่นจะรับเธอเข้าเป็นเด็กเทรนถ้าฉันส่งชี่อของเธอให้กับค่ายอื่นเธอก็ไม่ได้ทำความฝันของเธอ เธอก็รู้ว่าบริษัทของฉันมันมีอำนาจมากแค่ไหน” ชานยอลเล่นขู่กับจงอิน แต่จงอินกลับเงียบสายตามองแข็งกร้าวอย่างโกรธเกลียดผู้ชายตรงหน้า “เอานามบัตรของฉันไป ตัดสินใจได้แล้วโทรมาหาฉันได้ทุกเมื่อ” ชานยอลยัดนามบัตรใส่มือจงอิน จงอินกำมันไว้แน่นด้วยเจ็บแค้นใจและเดินออกมาจากห้องประธานด้วยความเจ็บแค้นในใจ นึกโกรธเกลียดชานยอลอย่างถึงที่สุดที่เอาข้อเสนอบ้าๆมาให้กับเขา

     

                   

                   

     

                    อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงวันออดชั่นรอบไฟนอลแต่จงอินกลับไม่ได้รับการติดต่อกลับจากทีมงาน หน่ำซ้ำรายชื่อของเขาก็ไม่มีขึ้นในเวบจนทำให้เขาโดนเพื่อนๆที่โรงเรียนต่างมาพูดดูถูกเขาต่างๆนานา หาว่าเขาโกหกบ้างหาว่าเขาถูกตัดสิทธิ์จากการออดิชั่นครั้งนี้บ้าง มันยิ่งกดดันความรู้สึกของจงอินไม่น้อยที่ต้องมาทนรับฟังคำดูถูกของเพื่อนๆ

                    “เขาคงตัดสิทธิ์นายแล้วล่ะจงอิน ใครเขาจะเอาเด็กจนๆเด็กหน้าตาอย่างนายเข้าไปเป็นศิลปินในค่าย นายนะอย่าฝันเฟื่องให้มากเลยคิมจงอิน ทำใจซะเถอะว่านายนะมันกระจอก” นักเรียนหญิงพูดจาดูถูกเหน็บแหนบเหยียดหยันจงอิน

                    “นายจะไปสู้ใครเขาได้คิมจงอิน คนที่เขาออดิชั่นเค้าก็ต่างมาจากครอบครัวที่มีฐานะชื่อเสียงกันทั้งนั้น คนพวกนั้นต่างก็มีเส้นสายที่จะยอมเสียเงินเพื่อให้ตัวเองได้เข้าไป แต่นายล่ะ นายมีอะไรจงอิน นายไม่มีอะไรเลยสักอย่างแล้วแบบนี้นายได้ยังคิดว่านายจะได้มันหรอ หัดเจียมตัวสักบ้างไม่ใช่เอาแต่ฝันเพ้อไปวันๆ”เด็กนักเรียนอีกคนเสริมขึ้น ทั้งยังตบบ่าเย้อหยันจงอิน

                    จงอินข่มตาหลับกับคำดูถูกต่างๆนานาของเพื่อนนักเรียนด้วยกัน คำดูถูกที่ทำร้ายจงอินมาตลอดตั้งแต่จงอินเข้าอยู่ชมรมเต้นและคิดจะออดิชั่นเข้าค่ายเพลงเขาก็โดนคำดูถูกพวกนั้นมาตลอดเวลา และการที่จงอินเข้าออดิชั่นก็เพื่อทำให้ความฝันเป็นจริง ไม่ให้ใครมาดูถูกเขาได้ว่าเขาไม่มีทางทำมันได้

                    “ผมตกลงทำตามข้อเสนอของคุณ” จงอินกดโทรหาคนๆที่ยื่นข้อเสนอให้กับเขา ข้อเสนอที่เขาปฎิเสธตั้งแต่วันแรกที่ท่านประธานเรียกไปพบและวันนี้เขาก็ตัดสินใจรับข้อเสนอนั้นเพื่อทำตามความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ไม่ให้ใครมาดูถูกต่อว่าเขาได้อีก ให้คนพวกนั้นรู้ว่าคนจนอย่างเขาก็สามารถทำมันได้เหมือนกัน ถึงแม้มันจะต้องแลกด้วยร่างกายก็ตาม

     

                    ร่างโปร่งบางของจงอินมายืนอยู่หน้าห้องสุดหรูของโรงแรมชื่อดังที่ชานยอลได้ส่งข้อความให้มาพบที่นี้ จงอินยืนสูดลมหายใจเรียกความกล้าความมั่นใจของตัวเองอีกครั้งก่อนจะเคาะประตูหน้าห้อง

                    ประตูถูกเปิดออกมาจากภายในพร้อมกับจุนมยอนที่ยืนยิ้มรับอยู่หน้าประตูที่นุ่งแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวพันไว้แค่เอว จุนมยอนผายมือให้จงอินเดินเข้ามาจงอินนั้นเดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆที่มีจุนมยอนเดินตามหลังมาและเดินมานั่งข้างๆชานยอลที่มีแค่มีผ้าขนหนูพันไว้แค่เอวไม่ต่างกัน

                    จงอินได้แต่ก้มหน้าก้มหน้าตากำมือตัวเองแน่นด้วยความเกร็งกลัวเล็กน้อยกับชายหนุ่มทั้งสองที่นั่งดื่มเหล้ามองมาที่ตนด้วยสายตาหื่นกระหาย สายตาที่ถูกมองมานั้นจากชานยอลและจุนมยอนทำให้จงอินได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าขยับไม่กล้าสบตามองคนทั้งสองเลย ที่ทั้งชานยอลและจุนมยอนมองจงอินด้วยรอยยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจไม่น้อยกับร่างกาย ใบหน้าที่ช่างมีเสน่ห์ดึงดูดอารมณ์ทางเพศของเขาทั้งสองคนเหลือเกิน

                    “อ๊ะ.....” จงอินถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อจุนมยอนเดินเข้ามาดึงมือให้ไปนั่งตรงกลางระหว่างเขากับชานยอลที่ทั้งสองเปลือยท่อนบนส่วนท่อนล่างก็มีแค่ผ้าขนหนูพันปิดเอาไว้

                    “นายนะตัดสินใจถูกแล้วเด็กแล้วที่ยอมรับข้อเสนอของฉันสองคน” จุนมยอนเอ่ยขึ้นที่มือไม่อยู่สุขลูบไล้ไปหว่างขาของจงอิน จงอินได้แต่นั่งกัดริมฝีปากแน่น ร่างกายเกร็งไปทั้งตัวไปกับสัมผัสของผู้ใหญ่ทั้งสอง

                    “ผมยอมเป็นของคุณแล้ว แล้วผมจะได้อะไรบ้างจากพวกคุณ” จงอินกลั้นใจฝืนถามออกมา ชานยอล จุนมยอนถึงกับยิ้มออกมา

                    “นายจะได้ทุกอย่างที่นายต้องการ” ชานยอลบอกออกมา อีกมือก็ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของจงอินออกอย่างชำนิชำนาญ

               



     

    ฉากคัท

     

     

     

     

     

     

     

     

                    รอยยิ้มหยันสมเพชตัวเองเมื่อชื่อของเขาได้ถูกประกาศจากกรรมการว่าเขาผ่านเข้าเป็นเด็กฝึกของค่าย จงอินยิ้มหยันให้กับตัวเองที่ต้องยอมร่วมหลับนอนกับท่านประธานทั้งสองเพื่อแลกกับความฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้เขาไม่โดนใครดูถูก ทำให้พ่อภูมิใจในตัวเขาว่าเขาทำมันได้สำเร็จ ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงที่ใครจะรู้ว่าเด็กอายุสิบหกอย่างเขาต้องใช้ตัวเข้าแลกกับท่านประธานเพื่อให้ได้ความฝันนั้นมา

                    “จงอินนี่ซินะที่คือสิ่งที่นายต้องการ”บอกกับตัวเองอย่างสมเพช ไม่คิดว่าชีวิตเด็กอย่างเขาจะต้องทำในสิ่งที่หน้ารังเกียจได้ขนาดนี้

                    ตึ้ด....

                    คิมจงอินมาหาฉันสองคนที่เดิม จงอินถึงกับยิ้มขัน ยิ้มหยันเมื่อได้อ่านข้อความในมือถือที่ไม่ต้องถามว่าใครเป็นคนส่งมาให้ถ้าไม่ใช่ผู้ชายสองคนที่ทำให้เขาได้ความฝันนั้นมาเป็นของตัวเอง

                   

     

     

     

     

    TALK

              ขออัพเรื่องม่านมายาก่อนนะคะ เดี๋ยวกลรักลวงใจไรต์จะมาอัพให้อ่านกันรอกันก่อนนะคะ สำหรับเรื่องนี้จะมีประมาณห้าตอนจบ  สำหรับฉากที่ตัดไปตามได้ในไบโอเลยนะคะ @tak_chulmin อ่านแล้วก็อย่าลืมเม้นกันด้วยนะคะ

                    สครีมติดแท๊ก #มายาชานไคโฮ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×