" เดี๋ยว ๆ นี้เกรดมึงเรอะ "
เพื่อนร่วมทีมบาสเก็ตบอลในมหาวิทยาลัยที่ช่วยกันส่องระบบทะเบียนหน้าจอมือถือนั้นกังขา
" ไอ้เน็กซ์ ไหวอ่อวะ "
หากคำถามเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาออกนอกโลกไปแล้ว
มันจะไปไหวได้ยังไง ถึงจะโง่แค่ไหนแต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่า " ตัวเลข " บนหน้าจอมือถือน่ะ มันกระจิ๋วหลิวแค่ไหน
นฤเบศ พิพัฒนแสนยากร เกรดเฉลี่ย 1.58
" นี่คือกูไทร์แล้วใช่ไหมวะ "
" ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ที่คณะกูเขาเคยบอกนะว่านับไทร์ตอนปีสอง "
ใครคนหนึ่งให้ความเห็น
" เฮ้ย แค่ของเอกกูบอกว่าไทร์ปีหนึ่งเทอมสองนะ "
" แล้วที่ว่าไทร์น่ะ มันไทร์เท่าไหร่ "
" 1.5 มั้ง "
" ไม่ใช่ ๆ กุว่า 1.7 "
" 2.00 รึเปล่า "
คนฟังที่ตอนนี้ชักเวียนหัวเลยโวยวาย
" เชี่ย สรุปรู้หรือไม่รู้ "
เท่านั้นเอง ... เพื่อนฝูงก็หัวเราะ แหะ ๆ พร้อมประสานเสียง
" ไม่รู้ "
แม่ง เอ๊ย แล้วจะพูดให้เสียเวลาทำไม แล้วนี่แม่งถามใครได้วะ ใครจะรู้เรื่อง
" ก็เตือนมึงแล้วไหม บอกให้เลือกคณะฯอย่างพวกกูก็ไม่เชื่อ ดันไปเลือกนิติ "
" ก็กูไม่ชอบเลขกับอังกฤษ ก็นิติมันไม่มีนี่หว่า "
ใช่ไงไม่มีเลขไม่มีอังกฤษแต่วิชาก็ไม่ง่ายเลย สำหรับการสอบปลายภาคแบบวัดดวงหนเดียวครั้งเดียวไร้คะแนนเก็บ ตอนแรกเขารู้สึกเสรีมาก ๆ จะไม่เรียนก็ได้จะไปไหนก็ได้ อาจารย์ก็ไม่เช็คชื่อ ข้อสอบก็แค่ 4 ข้อ 5 ข้อ แล้วแต่วิชา ทว่าแค่เอ้อระเหยไปมาเกรดกลายเป็นแบบนี้
เสียงจ้อกแจ้กที่ดังอยู่พอสมควร ทำให้คนที่นั่งหลบอ่านหนังสือตรงโต๊ะหัวมุมชิดกำแพงพลอยได้ฟังบทสนทนาไปด้วย เพราะโต๊ะทั้งสองอยู่ขนาบกำแพงตรงหัวมุมคนละด้าน จึงไม่เห็นกัน ปัญหา คือ ทางเข้าออกมีอยู่ 2 ทาง แต่จะเดินยังไงก็ต้องผ่านโต๊ะที่กำลังสนทนาเรื่องเกรดเฉลี่ยถึงพริกถึงขิงอยู่นั่นเอง ซึ่งเขา ... ก็ไม่อยากจะแสดงตัวเท่าไหร่นัก
เท่าที่ฟัง ๆ กลุ่มแก๊งค์นั่นคงเป็นกลุ่มเด็กทุนช้างเผือกนักกีฬามหาวิทยาลัย ไม่ใช่แก๊งค์อันธพาลน่ากลัวที่ไหน แต่ด้วยมารยาทอันดีในตัว เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขาอยากให้รู้ ในนั้นมีคนคณะเดียวกัน ถึงจะจำเสียงไม่ได้เพราะในคณะมีอยู่หลายร้อย แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงว่าได้ยินเรื่องส่วนตัวของใครให้เขาหมายหัว
มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของตัวเองแค่บทสนทนาอันนั้นก็ทำให้ "ศตายุ" อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวมองบน
แบบนี้ก็ได้เหรอวะ โตป่านนี้ เรื่องกฎเกณฑ์ที่สำคัญกับตัวเองไม่รู้ซักอย่าง เหอะ ทำตัวแบบนี้ต่อให้เรียนใหม่อีกทีก็ไม่รอด
" ช่างแม่งเว้ย "
" หากไรกินกันเหอะ เดี๋ยวเปิดเทอมค่อยว่ากัน "
เท่านี้คนที่จับพลัดจับผลูได้ฟังก็นึกในใจ "ไม่รอดชัวร์" เป็นเราวิ่งแร่หาอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว แต่นี่อาจารย์ที่ปรึกษายังไม่รู้ชื่อเลยละมั้งว่าเป็นใคร
เสียงฝีเท้าลับหายไปทางด้านซ้ายมือ พร้อม ๆ กับที่โทรศัพท์ของเขาสั่นพอดี
" ครับอาจารย์ ฮะ อยู่ครับ ผมเข้าไปเดี๋ยวนี้เลยครับ "
ศตายุกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปทางตึกคณะฯทางปลายตาเห็นชายหนุ่มผิวเข้มร่างสูงและใบหน้าคมคายหนึ่งแวบหากเขาก็ไม่รู้สึกอะไร หนทางของเขากับเพื่อนร่วมคณะฯคงไม่มีวันได้บรรจบกันไม่ว่าจะทางไหน เรื่องนี้ก็คงเป็นอีกเรื่องไร้ความสลักสำคัญที่เลยผ่าน
นฤเบศเห็นหนุ่มเชิ้ตขาวไว ๆ ทางหางตาที่วิ่งออกมาจากซอกตึกเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนัก เรื่องกลัดกลุ้มมีอยู่ว่าจะคุยกับที่บ้านยังไงถ้าเขาถามเรื่องเกรด แต่เฮ้ย ... ตอนนี้ หิว ก็กินก่อนเว้ย
หากใครเล่าจะรู้ เรื่องบางเรื่อง คนบางคน สถานการณ์บางสถานการณ์
เมื่อถึงเวลา ... มันก็มีจุดบรรจบที่พบเจอกัน เปลี่ยนวิถีชีวิตของกันและกันได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
ความคิดเห็น