คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ●ขัดใจ● Chapter 21 END ( 200%)
Chapter 21 (END)
ตอนนี้ชานยอลกับเซฮุนและลู่หานกำลังเดินวนไปมาอยู่หน้าห้องคลอด เหตุการณ์เหมือนเมื่อสี่ปีที่แล้ว แตกต่างกันตรงที่ว่าตอนนี้มีอีกชีวืตนึงที่อยู่ในท้องของแบคฮยอน แต่ไม่ใช่เจสเปอร์ กลับกลายเป็นน้องชายคนเล็กของตระกูลปาร์คแทน ถึงแม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์อย่างนี้แล้วแต่ก็ไม่ทำให้คุณพ่อลูกสองกังวลใจน้อยลงเลย ชานยอลเอาแต่จับจ้องไปที่ประตูที่มีป้ายติดไว้ว่าห้องคลอดพิเศษสำหรับกรณีของแบคฮยอน มือใหญ่กำแน่นจนแทบจิกเป็นรอยเล็บ ใจจริงชานยอลนั้นอยากจะพังประตูเข้าไปซะเดี๋ยวนี้ แต่ติดอยู่ที่ว่าลูกชายคนโตที่นั่งอยู่บนตักก็พูดเจื้อยแจ้วตามประสา ทั้งๆที่มีคำตอบกลังเพียงแค่ไม่กี่คำ เจสเปอร์มองไปตามทิศทางของดวงตาของคนเป็นพ่อแล้วจ้องมันนิ่งเหมือนชานยอล เพราะตัวเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าในนั้นมันมีอะไร
“ป๊า ในนั้นมีอะไรอ่ะ ทำไมเขาต้องใส่ชุดยาวๆด้วย” มือเล็กๆของลูกชายชี้ไปที่แพทย์และพยาบาลที่เดินเข้าออกห้องผ่าตัดโดยใส่ชุดสีเขียวๆตามที่เจสเปอร์สงสัย
“ในนั้นมีมี๊กับน้องครับ”
“น้องหรอ น้องจะมาหาเจสแล้วใช่มั้ยป๊า”
“ใช่ครับ น้องอยู่ในท้องมี๊”
“แล้วน้องจะบิมออกมาเหมือนซุปเปอร์แมนมั้ยฮะป๊า”
“ไม่รู่สิครับ เจสเปอร์ต้องเลี้ยงน้องแล้วถามน้องด้วยนะว่าออกมายังไง โอเคป่าว” ชานยอลทำมือโอเคก่อนจะพยักหน้ารับให้ลูกชายที่พยายามจะทำมือตาม ไม่นานคุณหมอก็เดินออกมาด้วยรอยยิ้ม
“คุณพ่อจะไปดูหน้าน้องมั้ยครับ ? ”
“ครับ แล้วเอาน้องไปด้วยได้มั้ย ? ”ชานยอลลุกขึ้นแล้วอุ้มเจสเปอร์ขึ้นมาขออนุญาตให้พาลูกชายคนโตเข้าไปด้วย
“ได้ครับ แต่ต้องสวมชุดแบบนี้นะครับ” คุณหมอยืนชุดสีชมพูที่เป็นของเด็กไปให้เจสเปอร์สวทับ ก่อนจะเดินนำมาที่ห้องผ่าตัดทันที
“แง้ ฮึก แง้ แง้ แง๊” ทันทีที่ได้ยินเสียงของเด็กทารกดังมาจากในห้องชานยอลก็รีบจูงมือของเจสเปอร์เข้าไปเร็วๆทันที ก่อนจะพบกับรถเข็นที่มีทารกน้อยวางไว้หลังจากทำความสะอาดแล้ว ข้างกันก็มีคุณแม่ที่นอนหลับอยู่ ชานยอลยืนยิ้มก่อนจะชี้น้องให้เจสเปอร์ดู ลูกชายคนโตหัวเราะเสียงใสก่อนจะหันมาซบอกปะป๊าเพราะเขินน้องที่กำลังมองมาตาแป๋ว
“เดี๋ยวเอาน้องไปไว้ห้องทารกก่อนนะครับ ปาร์ค จีซองใช่มั้ยเอ่ย ?”
“ครับ แล้วแม่น้องล่ะครับ”
“เดี๋ยวหมอจะให้คุณแม่นอนพักที่ห้องพักก่อนนะครับ” ชานยอลพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกมาหาน้องชายตัวเองที่หน้าห้องทันที
“ปะป๊า ปาร์ค จีซองคืออะไร ?” เจสเปอร์หันมาถามคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าสงสัย
“ปาร์ค จีซองหรอครับ ? ”
“ฮะ...”
“แปลว่า ความจริงใจที่แท้จริง การอุทิศ เสียสละ และจงรักภักดีครับ”
“เจสเปอร์ ป๊าบอกว่าห้ามไง !!! ” ชานยอลยืนตวาดลูกชายคนโตวัยสิบแปดปีที่กำลังยืนมองหน้ากันอยู่ ปาร์คชานยอลในวัยสามสิบเก้าปีที่ยังคงความหล่อไว้แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้กำลังยืนมองเจสเปอร์ที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จะเข้ามหาลัยแล้วแต่ยังทำตัวเสเพลจนผู้เป็นพ่อกับแม่อดที่จะปวดหัวไม่ได้
“อะไรของป๊านักหนาเนี่ย ผมโตแล้วนะ” ปาร์ค จินยองที่ตอนนี้สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้าเซนติเมตร รูปร่างคล้ายชานยอลแต่ใบหน้ากลับแอบหวานจนคล้ายเด็กผู้หญิงที่ได้มาจากแบคฮยอน กำลังยืนมองพ่อตัวเองด้วยความไม่สบอารมณ์นัก ก็แค่แอบไปเที่ยวอะไรนิดหน่อยเอง
“ตราบใดที่แกยังขอเงินป๊ากะมี๊อยู่ แกยังไม่โต อย่าเอาแต่ใจตัวเองนักสิ !!”
“เหอะ อายุมันอยู่ที่เงินหรอป๊า ”
“แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ฉันยังไม่เคลียร์เรื่องที่ไปแข่งรถอยู่นะ”
“นี่ป๊า ก็แค่แข่งเล่นๆ สนุกๆเอง จะเครียดทำไม”
“สนามนั้นมันสนามเถื่อน วันดีคืนดีตำรวจก็เข้ามาตรวจ แกคิดว่าเขาจะไม่รู้จักลูกชายตระกูลปาร์คหรือไง ไหนว่าโตแล้วทำไมคิดไม่ได้” เสียงใหญ่ๆกำลังตวาดใส่ลูกชายคนโตที่ยืนกำกุญแจรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่แน่น จนมือแดงไปหมด
“จริงๆป๊าก็ห่วงแต่หน้าตาในสังคมอ่ะแหละว่ะ ตำรวจมาจับก็ดีจะได้ไม่ต้องเจอป๊า” จินยองพูดเสียงนิ่งๆแล้วมองผู้เป็นพ่อของตัวเองที่ต่างก็กำมือแน่นไม่แพ้กัน เขาก็แค่อยากมีชีวิตอิสระแบบวัยรุ่นคนอื่นบ้าง ทำไมป๊าไม่เข้าใจกันมั่ง
“เออ ไปสิ ไปเลย ถ้าตำรวจจับแล้วแกอย่ามาขอร้องฉันนะ” ชานยอลตะโกนเสียงดัง จนแบคฮยอนกับจีซองที่กำลังเดินเข้าบ้านมาถึงกับสะดุ้ง
“อะไรกัน” แบคฮยอนก้าวเท้าไปขวางระหว่างชานยอลกับจินยองแล้วมองสลับไปมา
“ผมเกลียดป๊า !! ” จินยองตะโกนเสียงดังแล้วมองหน้าพ่อของตัวเองอย่างท้าทาย จนชานยอลที่มีอารมณ์โทสะอยู่แล้วถึงกับความอดทนหมดลงไป ก้าวขาไปตบหน้าลูกชายแท้ๆของตัวเองด้วยหลังมือทันที ท่ามกลางความตกใจของแบคฮยอนและจีซอง
“ชานยอล !! / ป๊า !! ” แบคฮยอนตะโกนด้วยความตกใจ ส่วนจีซองก็วิ่งถลาเข้ามาดึงแขนของพ่อตัวเองไว้แล้ว จินยองหันมาโดยมีเลือดไหลซึมอยู่ที่มุมปาก เขาเคยทะเลาะกับป๊าหลายเรื่องแล้วก็จริง แต่ไม่เคยรุนแรงเท่านี้ เขาไม่เคยโดนป๊าตบจนเลือดไหลขนาดนี้
“ไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าแกอีก ไป !!! ” ชานยอลตวาดเสียงสั่นแล้วหันหลังเดินขึ้นบนบ้านทันที ปล่อยให้แบคฮยอนยืนเม้มปากแน่นกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าสาเหตุคืออะไร แต่พอจะรู้อยู่บ้างว่าจินยองนั้นไม่ค่อยจะอยู่ในกรอบซักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้มันรุนแรงเกินไปจริงๆ
“เฮีย.....” เสียงที่เริ่มแตกหนุ่มของจีซองดังขึ้นมา ก่อนจะมองตามจินยองที่เดินคว้ากุญแจรถแล้วสตาร์ทเสียงดังก่อนจะขับออกไปจากบ้านทันที
“แจ็คสัน....” แบคฮยอนเรียกชื่อเล่นของลูกชายคนเล็กวัยสิบห้าปีที่ดูเหมือนจะสูงเกินวัย แจ็คสันมีโครงหน้าเหมือนชานยอลทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ร่างกาย ลูกชายของเขาทั้งคู่ต่างสูงไม่ต่ำกว่าร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร เพราะได้มาจากชานยอล
“มี๊ เดี๋ยวแจ็คไปหาป๊าก่อนนะ มี๊ไม่ต้องทำอะไรนะ” แจ็คสันพูดรัวๆก่อนจะวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านแล้วตรงไปที่ห้องใหญ่ที่เป็นของพ่อและแม่ของตัวเองทันที
แกร๊ก
“ป๊า...” แจ็คสันเดินเข้าไปในห้องนอนที่เห็นมาตั้งแต่อายุห้าขวบ เห็นร่างสูงของพ่อตัวเองกำลังนั่งอยู่ตรงระเบียงเหมือนพยายามจะดับอารมณ์โกรธของตัวเองโดยใช้ธรรมชาติมาช่วย
“อ้าว..ว่าไงแจ็คสัน” ชานยอลหันมามองลูกชายคนเล็กที่เดินมาหา
“ป๊าโกรธเฮียมันหรอ”
“ไม่โกรธหรอก ป๊าแค่เสียใจแล้วก็ผิดหวังน่ะ” ชานยอลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เพราะไม่อยากให้ลูกชายคนเล็กเครียดไปด้วย
“เล่าให้ผมฟังหน่อย เรื่องมันเป็นยังไง”
“หึ...จินยองมันไปแข่งรถที่เดิมอีกแล้ว ป๊าบอกมันแล้วว่ามันเป็นสนามเถื่อน ถ้ามีตำรวจมาจับหรือมีใครมาทำอะไรมันใครจะช่วยได้ เพื่อนมันแต่ละคนก็เสเพลพอกัน”
“แต่ป๊าไม่น่าทำรุนแรงขนาดนั้นป่ะวะ...” แจ็คสันพูดแล้วขมวดคิ้วเหมือนชานยอล ก็รู้ว่าไอ้เฮียมันผิด แต่การที่ป๊าไปตบซะขนาดนั้นมันไม่เกินไปรึไง ?
“แกไม่ใช่ป๊าแกไม่รู้หรอก”
“เฮ้อ...ป๊ากะมันก็ใจร้อนพอกันอ่ะ” แจ็คสันว่าพลางเอามือพาดกับบ่าของคนเป็นพ่อที่ดูเหมือนเพื่อนซะมากกว่า
“แกไปบอกเฮียแกนู่น ไม่ใช่มาบอกป๊า ไอ้ลูกเวร” ชานยอลว่าพลางผลักหัวลูกชายจนหงายก่อนจะสะบัดมือเป็นเชิงไล่เบาๆ
“เออป๊า ตอนจีบมี๊ป๊าทำไงอ่ะ ? ” แจ็คสันทำสีหน้าจริงจังแล้วถามชานยอลเสียงนิ่ง
“ทำไม มีความรัก ? ”
“เออน่า ไม่ต้องรู้หรอก”
“กูพ่อมึงนะเนี่ย เดี๋ยวปั๊ดถีบลงสระ” ชานยอลว่าติดตลกก่อนจะตั้งใจฟังแจ็คสันเล่า
“แบบ....ยังไงวะ เห็นแล้วใจสั่นอ่ะป๊า คือพอเห็นหน้าเขาแล้วมันมีความรู้สึกอยากได้คนนี้อ่ะ”
“อยากได้อะไร พูดให้เคลียร์”
“แหม่....ก็อยากได้ทุกอย่างอ่ะแหละวุ้ย”
“คบหวังฟัน ? ”
“ป๊า นี่ลูกป๊านะ เชื่อใจผมดิ !!!”
“เดี๋ยวค่อยคุย เดี๋ยวจัดการไอ้เฮียมึงก่อน”
“ไรวะ แซงคิวอ่ะ” แจ็คสันลุกขึ้นแล้วชกไหล่พ่อตัวเองแรงๆก่อนจะหนีไปเล่นเกมส์ในห้องของตัวเองแทน ปล่อยให้ชานยอลจมอยู่กับความคิดเรื่องจินยองอยู่คนเดียว จนแบคฮยอนตามขึ้นมาในห้อง ใบหน้ามีรอยน้ำตาอยู่
“ชานยอล...” แบคฮยอนพูดเสียงอู้อี้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆคนเป็นสามีทันที
“ร้องไห้ทำไม ไม่มีอะไรหรอก....” ชานยอลว่าก่อนจะลูบหัวแบคฮยอนเบาๆเพื่อเป็นการปลอบโยน ทั้งๆที่ความจริงแล้วใจตัวเองยังนึกเคืองจินยองอยู่
“โกรธ..ฮึก...โกรธจินยองมั้ย” แบคฮยอนสะอื้นแล้วมองหน้าของชานยอลที่นิ่งไร้การแสดงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น ทำเอาใจคนตัวเล็กหล่นวูบ กลัวว่าชานยอลจะโกรธจินยองมากจนเกินไป....
“.......”
“ชานยอล.....”
“........”
“เรื่องนี้ชานยอลทำเกินไปว่ะ ทำไมอ่ะ กล้าตบหน้าลูกจนเลือดขนาดนั้นแล้วยังไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ นั่นลูกนะเว้ย ฮึก...ทำไมอ่ะ จินยองมันทำผิดอะไรขนาดนั้นอ่ะชานยอล ตอบสิ ตอบ ฮือ....” แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาแล้วทุบอกของชานยอลแรงๆแทนความอึดอัดใจของตัวเอง ฝ่ายคนโดนกระทำก็อาแต่นิ่ง ยอมรับว่าตัวเองทำเกินไป แต่ถ้าแบคฮยอนโดนลูกพูดว่าเกลียดขนาดนั้นเป็นใครก็ทนไม่ไหว
“ชานยอล ตอบสิ !! ตอบมา ฮือ” แบคฮยอนยอมรับเลยว่าโกรธมาก เลี้ยงเจสเปอร์มาตั้งกี่ปีทำไมจะไม่รู้ว่าลูกพูดเพราะกำลังโกรธ ทำไมชานยอลไม่คิด ทำไมใช้แต่อารมณ์
“ถ้าโดนลูกพูดเกลียดใส่หน้าขนาดนั้น ยังจะให้คิดอะไรอีกหรอกวะ” ชานยอลพูด หมายความว่า ถ้าแบคฮยอนโดนเจสเปอร์บอกว่าเกลียดซะขนาดนั้น ยังจะใจเย็นอีกหรอ ไม่ใช่ไม่รักลูกนะ แต่ครั้งนี้เจสเปอร์พูดเกินไป....เกินไปจริงๆ
“หมายความว่าไงวะ นี่ตั้งใจใช่มั้ย” แต่แบคฮยอนกลับตีความผิดคิดว่าชานยอลโกรธธจนไม่ทันคิดจึงตะโกนใส่หน้าร่างสูงจนอีกคนนิ่งเงียบ
“โอเค ตอนนี้ต่างคนต่างอารมณ์เสีย งั้นจะไม่อยู่ให้รกหูรกตาแล้วกัน” ชานยอลไม่คิดจะอธิบายต่อเพราะรู้ว่ายังไงแบคฮยอนก็ไม่ฟังอยู่ดี เลยเลือกที่จะออกมาจากบ้านดีกว่า ก่อนที่มันจะเป็นปัญหาใหญ่ไปมากกว่านี้
รถเบนซ์คันใหม่ของชานยอลแล่นไปตามท้องถนน ร่างสูงเอาแต่คิดแล้วคิดอีกเกี่ยวกับเรื่องของครอบครัวตัวเอง ชานยอลได้แต่นึกหาสาเหตุว่าทำไมเรื่องมันถึงบานปลายขนาดนี้ จินยองไปไหนก็ไม่รู้ ถามว่าเป็นห่วงมั้ย ก็เป็นห่วง แต่เขาต้องการดัดสันดานลูกชายตัวเองซะบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวจะได้ใจไป
ชานยอลขับมาเรื่อยๆพร้อมกับคิดอะไรมากมายจนเริ่มปวดหัว ความเครียดถาโถมมาหมดตั้งแต่งานของตัวเองยังเรื่องของจินยองและแบคฮยอน สายตาเหลือบไปเห็นป้ายของผับขนาดใหญ่พอดี ด้วยความที่ไม่รู้จะปรึกษาใครชานยอลจึงเลือกที่จะทำให้ลืมไปก่อน แล้วค่อยคิดใหม่น่าจะดีกว่า
ร่างสูงที่แม้จะอายุเกือบเข้าเลขสี่แล้ว แต่ปาร์ค ชานยอลก็ยังดูหล่อเหลาเหมือนเมื่อก่อน เรียกสายตาจากผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อยู่ในร้านได้มากมายเลยทีเดียว เจ้าตัวเดินตรงไปที่ที่นั่งตรงบาร์เทนเดอร์ก่อนจะสั่งเหล้าชนิดที่แรงที่สุดไป ก่อนจะนั่งดื่มคนเดียวเพื่อคลายเครียด มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเดินผ่านมาหาวิศวกรหนุ่ม แต่ชานยอลก็ไม่ได้สนใจ จนสายตาไปสะดุดกับผู้หญิงคนนึงที่ใส่ชุดรัดรูปสีแดงกำลังเดินตรงมาทางนี้ เธอมาชวนเขาคุยเรื่อยๆจนรู้สึกชอบใจ ชานยอลจำได้ว่าเธอเป็นคนเอ่ยปากชวนไปต่อ สมองก็สั่งว่าอย่าไป แต่ร่างกายนั้นเดินตามเธอไปแล้ว โดยที่ลืมภาพของคนที่รออยู่ที่บ้านไปชั่วขณะ.............
9:31
“อือ...” ชานยอลรู้สึกตัวตื่นมาในช่วงเช้า กระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะลุกนั่งบนเตียงของห้องใครก็ไม่รู้ สายตากวาดมองไปทั่วเพื่อทบทวนความจำ จนไปเห็นผู้หญิงร่างบางคนนึงที่นอนหลับโดยไม่มีเสื้อผ้าใส่ รอยตามตัวของเธอและของชานยอลเองเป็นเครื่องที่ย้ำความจำได้ดีว่าทั้งสองคนลึกซึ้งกันแล้ว ร่างสูงนั่งนิ่งไปพักนึงจนเธอตื่นขึ้นมา
“คุณคะ...”
“ฮะ...ครับ ?”
“เรื่องเมื่อคืนคุณคงจำได้ใช่มั้ยคะ ? แต่ฉันไม่ได้จะเรียกร้องอะไรหรอกนะ มันก็แค่วันไนท์สแตน” เธอพูดสบายๆซึ่งชานยอลก็ว่ามันดีอยู่แล้วแหละที่เจอคนแบบนี้ ถือซะว่าพลาดแล้วกัน
ร่างสูงพยักหน้าก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาพันเองตัวเองไว้ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่แล้วขับรถกลับบ้านทันที ในใจก็กังวลทั้งลูกชายทั้งเมีย ถ้าแบคฮยอนรู้คงจะเสียใจมาก ตอนนี้ภาวนาแค่อย่างเดียว แบคฮยอนเข้าใจ....
‘Park’
ชานยอลเลี้ยวรถเข้าบ้านอย่างชำนาญก่อนจะรีบเดินเข้าไปในตัวบ้านทันที ร่างสูงสาวเท้าไปบนบ้านแล้วเปิดประตูห้องนอนเห็นแบคฮยอนกำลังนั่งทาครีมอยู่ คนตัวเล็กเม้มปากแน่นแล้วหันไปทาครีมต่อ ทำเอาชานยอลโล่งใจไปเปราะนึง แต่ก็ยังกังวลอยู่ดี
“สนุกมั้ย ? ” แบคฮยอนยืนขึ้นแล้วถามชานยอลด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“.......”
“มีความสุขมากหรือเปล่า ?”
“.........”
“เห็นกูแล้วอยากเปลี่ยนไปหาเขาไหม...” แบคฮยอนพูดนิ่งๆ แล้วน้ำตาไหลออกมา คนตัวเล็กไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น ไม่มีการปาดน้ำตา มีแต่การมองหน้าคนคนนี้ คนที่คิดว่าจะฝากชีวิตไว้ตลอดชีวิต
“เฮอะ ดีจังเลย....คนที่คิดว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต คิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาเสมอ”
“............”
“ คิดว่าเป็นคนรัก.... คิดว่าเป็นคู่ชีวิต” แบคฮยอนสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดต่อ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างนั้น
“แบค....”
“ แต่นี่คงสำคัญตัวผิดไปสินะ......คำว่ารักยังไม่เคยมีเลย”
“.....”
“ขอโทษที่คิดไปเองนะ ขอโทษที่เชื่อใจชานยอลมากเกินไป ขอโทษที่คิดว่านี่คือความรัก...ทั้งที่มันเป็นแค่ตัวแทนฆ่าเวลาเฉยๆ”
“ไม่....”
“ขอบคุณนะที่พยายามอยู่กับคนอย่างนี้มาเกือบยี่สิบปี ขอบคุณนะที่สอนให้รู้ถึงความรัก ขอบคุณนะที่สอนให้รู้ว่าการที่คนที่เรารักหักหลังมันเป็นยังไง ฉันจะจำมันไว้ให้ดีเลยล่ะ” แบคฮยอนพูดแล้วยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะเดินไปลากกระเป๋าที่เตรียมไว้แล้วกำลังจะเดินออกจากห้องไป
“แบคอย่าไป อย่า !! ” ชานยอลพูดเสียงดังก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดเอวแบคฮยอนไว้แน่น จนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นที่มาจากการสะอื้นของแบคฮยอน ยิ่งทำให้ชานยอลกอดคนตัวเล็กให้แน่นเข้าไปอีก
“ปล่อยเถอะ....ไปหาคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขเถอะนะชานยอล”
“ไม่ อย่าไป”
“ฉันจะดูแลตัวเองกับลูกดีๆ ฉันสัญญา .... โชค..ฮึก..โชคดีนะ” แบคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ก่อนจะสะอื้นหนักจนทรุดลงไปกับพื้นทั้งที่อยู๋ในอ้อมกอดของชานยอล
คนตัวเล็กนั่งพับเพียบที่พื้นแล้วเอามือปิดหน้าร้องไห้ ตอนนี้แบคฮยอนไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ไม่รู้ว่าควรจะใจแข็งแล้วเดินออกไปมั้ย ถ้าอยู่ไปก็มีแต่เจ็บ เหมือนว่าชานยอลอยากให้แบคฮยอนไป แต่ก็รั้งไว้ ทั้งๆที่ไม่มีเหตุผล แต่แบคฮยอนก็ยังยอมอยู่โดยไม่มีเหตุผลเช่นกัน
.....แบคฮยอน แกมันโง่....แกมันโง่ที่ยอมเจ็บกับเรื่องซ้ำๆซากๆแบบนี้....แกมันโง่ที่ไม่คิดถึงความจริงว่าเขารักแกมั้ย แกมันโง่แบคฮยอน แกมันโง่ !!!!!
“ไม่ ไม่ให้ไป อย่าไป ขอร้อง” ชานยอลพูดเสียงสั่นแล้วซุกหน้าลงกับหลังคอของแบคฮยอน มือก็รัดเอวเล็กไว้แน่น
“ฮึก...พอแล้ว..เหนื่อยแล้วชานยอล ไม่เอาแล้ว” แบคฮยอนร้องไห้จนตัวโยนก่อนจะส่ายหน้าไปมา มือก็พยายามจะดันมือของชานยอลออก
“ฟังก่อน....”
“ยังจะให้ฟังอีกหรอชานยอล....หลายรอบแล้วกับเรื่องแบบนี้ ไม่ไหวแล้วจริงๆ” ทำไมแบคฮยอนจะไม่รู้ ว่าชานยอลมีใครอีกหลายคน เขารู้มาตลอด กี่ครั้งๆก็ยังแกล้งโง่อยู่ ทั้งๆที่ใจตัวเองนั้นมันเละจนแทบไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
“ไม่รักก็ปล่อยนี่ไปเหอะชานยอล จินยองกับจีซองฉันจะเอาไปอยู่กับฉันเอง นายจะได้โสดอีกครั้งไง ไม่ดีหรอ”
“ไม่นะแบคฮยอน ขอโทษ ขอโทษ”
“ปล่อย ชานยอล เอาเวลานี้ไปหาคู่นอนใหม่เถอะ” ครั้งนี้ชานยอลนิ่ง นิ่งจนแบคฮยอนสามารถดึงมือหนาออกจากเอวได้ คนตัวเล็กผุดลุกโดยจับหัวเตียงไว้อีกทีนึงทันที แบคฮยอนยืนหันหลังให้ชานยอลเพราไม่อยากเห็นหน้าแล้ว ถ้าแบคฮยอนเห็นต้องใจอ่อนอีกแน่ๆ
“.........”
“งั้น..ฮึก..เรา...ไม่ได้เป็น..อะไรกันแล้วนะ...อย่าลืมโกนหนวดทุกอาทิตย์นะ อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกด้วย ต่อไปนี้ ฮึก..ตอนเช้าไม่มีคนชงกาแฟให้แล้วนะ อาหารก็ต้องฝึกทำเองนะ งานบ้านก็จ้างแม่บ้านเอาแล้วกัน ถ้าคิดถึงลูกก็โทรไปหาที่เบอร์ของพวกเขานะ เดี๋ยวฉันจะให้พวกเขาขับรถมา ถ้าจะเอาใครมาอยู่ก็เอามานะ แต่อย่าให้เขามาเอาเงินเอาสมบัติของตัวเองไปล่ะ ”
“...........”
“ฮึก....ส่วนใบหย่า....อยู่บนโต๊ะทำงานนะ...นี่เซนต์ไว้แล้ว...... ไม่ต้องคอยรำคาญแล้วนะ เพราะนี่ไม่อยู่ให้รำคาญแล้ว” แบคฮยอนหลับตานิ่งแล้วค่อยๆพูดออกมาทีละคำ มือข้างขวาจับมืออีกข้างของตัวเองแล้วค่อยๆดึงแหวนทองคำสีขาวที่อยู่บนนิ้วนางช้างซ้ายออก แล้วหันกลับไปยกมือของชานยอลให้รับมันไว้ แบคฮยอนมือสั่นเทาแล้วค่อยๆปล่อนแหวนอยู่ในอุ้งมือใหญ่....พร้อมกับหยดน้ำตาของตัวเองจนชุ่มมือของชานยอลไปหมด
“ ขอให้โชคดีกับชีวิตใหม่ที่ไม่มีการผูกมัดนะชานยอล”
75 %
“แบคฮยอน......” ชานยอลครางเสียงแผ่วแล้วมองตามแผ่นหลังของคนที่ขึ้นชื่อว่าภรรยาที่กำลังเดินออกไป ตามไปด้วยลูกชายคนเล็กที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าคนเป็นพ่อของตัวเอง ขายาวเดินตามหลังผู้เป็นแม่ไปก่อนจะคว้ามือเรียวของแบคฮยอนมาจับไว้ แจ็คสันกำมือคนข้างกายของตัวเองแน่น รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนี้แล้วมีแต่เจ็บกับเจ็บ แต่ยังไงซะเขาก็ยังสนับสนุนให้แม่หลุดจากบ่วงความรักบ้าๆนี่ซักที
ตั้งแต่จำความได้เขาและจินยองได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่ตลอด อาจจะเป็นเพราะหน้ากากของผู้ชายที่อุ้มตัวเองมาตั้งแต่เกิดที่สร้างไว้ลึกจนไม่สามารถมองเห็นด้านอื่นได้ แจ็คสันคิดมาตลอดว่าพ่อคือฮีโร่ พ่อคือเทวดา พ่อคือไอดอลของเขา จนวันนึงตอนที่เขาและจินยองแอบโดดเรียนกลับมาบ้าน แล้วพบกับชุดชั้นในของผู้หญิงอยู่หน้าห้องของชานยอลและแบคฮยอน ตอนแรกแค่แปลกใจว่าทำไมถึงมีอะไรแบบนี้ในบ้าน ตอนนั้นแจ็คสันเพิ่งจะอายุสิบสามปี แต่จินยองอายุสิบเจ็ดปีแล้ว พี่ชายคนโตยืนนิ่งเหมือนพอจะเดาได้ว่าอะไรคืออะไรต่างจากตัวเขาเองที่ยังไม่รู้เรื่องราวอะไร
แจ็คสันเดินเข้าห้องมาตามแรงดึงของพี่ชายของตัวเองเข้าห้องที่อยู่ข้างๆห้องของประปาและหม่ามี๊ สิ่งแรกที่เขาเห็นคือภาพของจินยองที่กำหมัดแน่นแล้วน้ำตาคลอเบ้า เมื่อได้ยินเสียงครางของผู้หญิงที่อยู่ในห้องข้างๆปนกับเสียงทุ้มใหญ่ของพ่อตัวเอง แจ็คสันสงสัยว่าเสียงนั้นคืออะไร แล้วทำไมจินยองต้องมีท่าทางโกรธขนาดนั้น แจ็คสันลองถามพี่ชายตัวเองดูว่าเป็นอะไร จินยองพยายามยิ้มแล้วส่ายหน้า ก่อนจะเค้นเสียงที่เพิ่งแตกหนุ่มออกมาเพียงแค่คำสั้นๆว่า
“ชู้...”
หลังจากนั้นปาร์ค จินยองเด็กดีของตระกูลปาร์คก็เปลี่ยนไปทันที เขาถูกแนะนำมาจากเพื่อนว่าการสูบบุหรี่อาจจะช่วยคลายเครียดได้ ซึ่งมันก็จริง...จินยองลองสูบบุหรี่ ลองยา ลองเหล้าจนตัวเองเละเทะแทบดูไม่เป็นคน เขามองปาร์ค ชานยอลด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป.. จากที่เด็กหนุ่มผู้มีความฝันที่จะเป็นวิศวกรแบบพ่อตัวเองก็กลายเป็นคนละคน จินยองจะทำตรงข้ามกับคำพูดของชานยอลทุกอย่าง เพราะความเชื่อใจและเคารพในตัวของผู้ชายคนนี้มันหมดไปแล้ว...หมดไปพร้อมกับน้ำตาของผู้เป็นแม่ที่ไหลออกมาไม่รู้กี่ครั้ง
ใช่...แบคฮยอนรู้ รู้ว่าชานยอลยังไม่เลิกนิสัยเจ้าชู้ รู้ตั้งแต่แจ็คสันอายุสิบขวบ ชานยอลบอกว่ามีงาน....แต่มีคนไปเจอที่ไนต์คลับ แบคฮยอนพยายามไม่คิด ไม่เก็บมาใส่ใจ แต่นับวัน..ชานยอลก็ยิ่งทำตัวมีพิรุธ แบคฮยอนก็ได้แต่แกล้งโง่ แกล้งโง่มาตลอดสี่ปี จนวันนึง..ความเสียใจที่มันมีมากขึ้นๆทุกวัน กลับกลายเป็นตัวการที่ทำให้ความอดทนของคนตัวเล็กหมดลง จนวันนี้....ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
ชานยอลยอมรับว่าตัวเองก็ไม่รู้จักพอ เพราะคิดเพียงแค่ว่าทำสนุกๆไปเท่านั้น และคิดว่าคนในครอบครัวไม่รู้ เลยยิ่งได้ใจใหญ่ จนวันนี้...เขาคิดว่าเขาสามารถอยู่คนเดียวได้ แต่มันก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ลองนั่งทบทวนแล้วมองไปรอบๆบ้านที่ไม่มีเสียงโวยวายเชียร์บอลเสียงดังของจินยอง ไม่มีเสียงเถียง ไม่มีเสียงแกล้งกันของไอ้สองแสบ ไม่มีเสียงเกมส์ดังๆของแจ็คสัน ไม่มีเสียงบ่นลูกชายของแบคฮยอน ไม่มีคนที่นั่งปรึกษาเรื่องไร้สาระกับตัวเอง ก็ยิ่งนึกถึงความหลัง
ร่างสูงนั่งกระดกเครื่องดื่มที่สั่งไว้ไปเรื่อยๆพลางคิดถึงเรื่องเมื่อวาน เหตุการณ์นั้นวนซ้ำไปมาอยู่ในหัว ชานยอลสะบัดหัวไล่ความคิดออกไปก่อนจะเดินออกไปจากร้านเพื่อที่จะกลับบ้านทันที แต่ระหว่างทางสายตาคมก็ไปเห็นกลุ่มเด็กผู้ชายวัยรุ่นสองกลุ่มที่กำลังชกต่อยกันโดยไม่มีใครห้าม ชานยอลไม่สนใจแล้วเดินกลับรถตัวเอง แต่ดันมีเสียงใหญ่ๆของใครคนนึงจากในกลุ่มนั้นดังขึ้นมา
“ไอ้เหี้ย มันเอาขวดฟาดจินยอง !!!! ” ชานยอลชะงักกึกก่อนจะส่ายหัวแรงๆเพราะคิดว่าตัวเองแค่หูฝาดไป จะเดินกลับไปที่รถขามันก็ไม่ยอมไป เอาแต่ยืนมองกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังตะลุมบอนอยู่เสียอย่างนั้น
“ไอ้จินยอง เห้ยมึง ตื่นดิ ตื่น จินยอง !!!!” คราวนี้ชานยอลสร่างเมาทันทีหลังจากเห็นหนึ่งในกลุ่มนั้นลากร่างสูงๆของใครคนนึงที่กำลังสลบอยู่แล้วตบหน้าเบาๆเพื่อเรียกสติ มีคนชื่อจินยองในเกาหลีก็มาก แต่ทำไมเขาถึงมีลางสังหรณ์แปลกๆ ขายาวก้าวไปที่เด็กหนุ่มที่กำลังสลบอยู่แล้วเบิกตาโพลงเมื่อพบว่าคนที่นอนจมกองเลือดอยู่นั้นเป็น ปาร์ค จินยอง ลูกชายคนโตของตัวเอง
“เห้ย.... ป๊าหวัดดีครับ” เพื่อนของจินยองเงยหน้ามาแล้วสะดุ้งเมื่อเห็นบหน้าที่คุ้นเคยว่านี่คือพ่อของเพื่อนตัวเอง ชานยอลพยักหน้ารับส่งๆแล้วพยุงตัวจินยองให้ขึ้นรถตัวเองก่อนจะตรงไปที่โรงพยาบาลทันที
แยคฮยอนกำลังนั่งนิ่งดูดาวอยู่ตรงระเบียงบ้านของตัวเอง....บ้านบยอนที่มีคุณบยอนอยู่ ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ของคนคนนั้น จู่ๆแจ็คสันก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหาทั้งที่มือยังกำทรศัพท์ของตัวเองแน่น
“มี๊ ไอ้เฮียโดนกระทืบ !!”
“อะไรนะ !!”
“ตอนนี้อยู่โรง ’บาล ไม่ทันแล้วมี๊เร็ว ” แบคฮยอนพยักหน้ารับแล้ววิ่งไปหยิบกุญแจรถของตัวเองข้นมาทันที ในใจก็ภาวนาว่าอย่าให้ลูกชายเป็นอะไรเลย เพราะสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของแบคฮยอนก็มีเพียงแค่สองคนนี้เท่านั้น....ส่วนอีกคนนึงก็เป็นแค่อดีต
‘โรงพยาบาล’
แบคฮยอนตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปที่แผนกฉุกเฉินก่อนจะแจ้งชื่อของจินยองทันที พยาบาลสาวพยักหน้ารับและผายมือไปที่ห้องฉุกเฉิน แบคฮยอนพยักหน้าแล้ววิ่งไปสุดชีวิต ทันทีที่เห็นป้ายว่าห้องฉุกเฉินก็มองหาลูกชายของตัวเองทันที แต่สายตาดันมาสะดุดอยู่กับแผ่นหลังกว้างๆของใครคนนึงที่จำได้ดี แบคฮยอนชะงักแล้วทำท่าจะหันหลังกลับ พอดีกับที่ชานยอลหันมาพอดี
“แบค....ลูก” ชานยอลผุดลุกขึ้นแล้วยืนอ้ำอึ้งอยู่ข้างหน้าแบคฮยอนที่ยืนแสดงสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนไม่รู้จักกัน
“คุณเป็นใครครับ ? ขอบคุณที่มาช่วยลูกผมนะครับ เดี๋ยวจะจ่ายเงินเป็นน้ำใจตอบแทนให้”
“ลูก.....ของผมหรอ” ชานยอลพูดเสียงแผ่ว อยู่ๆขาทั้งสองข้างก็แทบจะยืนไม่ไหวกับคำพูดของคนตรงหน้า ชานยอลเคยคิดว่าถ้าไม่มีครอบครัวอะไรก็คงดีกว่านี้ แต่ไม่ใช่....กว่าจะสำนึกได้ก็ไม่ทันแล้ว
ติ๊ง
‘ชานยอลทำไมไม่มาซักทีล่ะคะ พียุนรอนานแล้วน้า บ้านหลังสีขาวนี้ใช่มั้ย ถ้ามาแล้วเข้ามาหาที่ห้องเลยนะคะ แล้วจะรอนะ’
แบคฮยอนเหลือบตามองมือถือของคนตรงหน้าที่มีข้อความเด้งขึ้นมาก่อนจะยกยิ้มสมเพชตัวเอง แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้แววตาขี้เล่นออดอ้อนเหมือนเมื่อก่อน
“ไปสิครับ เธอคงรอแย่แล้ว
“...........”
“อ่อ....แล้วพรุ่งนี้เอาใบหย่ามาให้ผมด้วยนะครับ เชิญ” แบคฮยอนพูดเสียงนิ่งๆแล้วผายมืออกก่อนจะหันหลังให้ทันที ประจวบเหมาะกับแพทย์เดินออกมาพอดี
“หมอครับ ลูกของผมเป็นยังไงบ้าง” แบคฮยอนก้าวขาไปด้านหน้าของคุณหมอแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ดูรนๆ
“ปลอดภัยแล้วครับ มีเศษแก้วบาดช่วงไหล่นิดหน่อยนะครับ เดี๋ยวหมอจะย้ายห้องให้นะครับ”
A 412
ชานยอลยืนมองป้ายหน้าห้องอย่างลังเลว่าจะเข้าไปดีหริอเปล่า เพราะตอนนี้จินยองหลับอยู่ และดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ด้วย แสดงว่าแจ็คสันคงไปเรียน แบคฮยอนไปทำงานสินะ...
แกร๊ก
คนตัวสูงเดินเข้ามาอย่างเงียบๆแล้วลอบมองใบหน้าหล่อแอบหวานของลูกชายที่มีผ้าก๊อซปิดแผลไว้อยู่ มือหนาเลื่อนไปลูบหัวของลูกชายเบาๆ ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อเห็นรอยช้ำตรงมุมปากขวาของจินยอง อาจจะมาจากแรงตบของตัวเองแล้วก็เรื่องเมื่อคืนด้วย
เจ็บมั้ยลูก....ป๊าขอโทษนะ
“ปล่อยผม..” อยู่ๆจินยองก็ลืมตาขึ้นมาแล้วมองชานยอลนิ่งเหมือนไม่อยากจะพบเท่าไหร่นัก
“จินยอง...เจ็บมั้ย ป๊าขอโทษ” ชานยอลลูบไปที่แผลบนมุมปากของจินยองเบาๆแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม
“คุณคือใคร ผมไม่เคยมีป๊าแบบนี้” คำหลังของลูกชายทำเอาชานยอลชะงักกึก ดวงตาคมมีแวววูบไหวเล็กน้อยเมื่อมองมาที่จินยอง ตอนนี้ชานยอลยอมแล้ว...ยอมทุกอย่างจริงๆ
“โกรธมากเลยหรอ ?”
“เรื่องอะไรล่ะ...”
“ที่ตบ...”
“คุณจำได้ด้วยหรอว่าตบผม นึกว่าในหัวจะมีแต่ชื่อเสียงและก็ผู้หญิง หึ”
“ตอนนั้นป๊าโกรธ....ป๊าขอโทษจริงๆ”
“เรื่องตบน่ะผมไม่โกรธหรอก แต่ผมเกลียด.....” จินยองเสตาไปทางอื่นแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ
“.....”
“เกลียดผู้ชายคนนึงที่โดนบังคับแต่งงานกับแม่ของผม มีลูกด้วยกันแล้วแต่ยังไม่รู้จักพอ.....”
“........”
“คุณรู้ไหม ? ว่าน้ำตาของแม่ของผมที่เสียให้กับคนคนนั้นน่ะ มันมากพอที่จะเปลี่ยนเด็กดีๆคนนึงให้กลายเป็นเด็กเหี้ยๆได้เลยนะ...... เป็นไงล่ะ เขาเก่งมากเลยสินะ ”
“เก่งมากเลยที่ยังอดทนเลี้ยงเด็กสองคนนี้มาตั้งเกือบยี่สิบปี.... ลูกชายคนโตของเขาวางแผนชีวิตทุกอย่างว่าอยากจะเป็นวิศวกรเหมือนพ่อของเขา พ่อของเขานั้นเหมือนอีกครึ่งชีวิต เหมือนฮีโร่ที่ปกป้องตัวเองได้ เหมือนแหล่งพักพิงอาศัยตอนไม่มีใคร...” จินยองพูดทั้งน้ำตาคลอ นึกย้อนไปในวันที่ตัวเองเด็กๆ ตอนนั้นจินยองมีความสุขมาก ถ้าหากเลือกได้ เขาอยากจะหยุดอยู่แค่นั้น ไม่ต้องโตมาพบเจอกับเรื่องราวอะไรแบบนี้
“.....”
“แต่นั่นมันก็แค่หน้ากากอ่ะนะ เขาเก่งมากเลยที่สามารถหลอกลูกตัวเองมาตั้งยี่สิบปีว่าเขารักเด็กคนนั้น จริงๆแล้วมันก็เป็นแค่หน้าที่เฉยๆ สงสารเด็กคนนั้นมั้ยครับ..เรื่องมันยังไม่จบหรอกนะ” จินยองสูดหายใจเข้าแล้วพูดต่อ
“จนวันนึง....ฮีโร่คนนั้นที่เคยเชื่อมาตลอดว่าคือคนดี แท้จริงแล้วมันก็แค่ผู้ชายไม่รู้จักพอ มักมากจนไม่สนใจว่าคนที่รับรู้เรื่องราวจะเป็นยังไง จะเสียใจแค่ไหน.....หึ คุณรู้ไหม ว่าตอนได้ยินเสียงของผู้ชายกับผู้หญิงเลวๆน่ะ เด็กคนนั้นโกรธจนแทบอยากจะเข้าไปต่อยหน้าพ่อตัวเองด้วยซ้ำ เขาโกรธมาก แต่มานึกๆดูแล้ว....ถ้าแม่ของเขามาได้ยินจะเจ็บขนาดไหน จะร้องไห้มากมายเท่าไหร่”
“........”
“เด็กคนนั้นเลยเลือกที่จะทำตัวเสเพล ทำตัวเหี้ยๆจนคนอื่นเขาเอือมระอา จริงๆแล้ว....เด็กคนนั้นก็แค่อยากให้แม่มาสนใจเรื่องที่ตัวเองเลวมากกว่าจะรับรู้เรื่องของผู้ชายเจ้าชู้คนนั้น เขาสงสารแม่ตัวเองมากที่ต้องทนกับเรื่องแบบนี้ จึงเลือกที่จะเลวต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนึง......เขาแอบเอารถที่ผู้ชายคนนั้นซื้อมาให้ไปแข่งที่สนาม เพื่ออะไรรู้ไหม ? ”
“เจส.......”
“เพราะเขาสัญญากับน้องชายตัวเองไว้แล้วว่าจะเซอไพรซ์วันเกิดแม่ โดยการหาเงินมาซื้อรถที่แม่เคยบอกว่าชอบ แต่มันน่าตลกดีนะ...ที่ผู้ชายคนนั้นรู้เข้าแล้วเข้าใจผิดโดยไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ไม่ฟังคำอธิบายอะไรเลย ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของแม่แต่กลับจำวันเกิดแม่ไม่ได้ สมองคงเอาแต่จำเรื่องผู้หญิงสินะ ทุเรศสิ้นดี” จินยองหลับตาแล้วปล่อยให้น้ำตาที่คลออยู่นานไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“แต่ที่น่าตลกยิ่งกว่าคือ.....เด็กผู้ชายคนนั้น มันคือไอ้เลวที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลวันนี้ ”
“เจส ป๊าขอโทษ ป๊าขอโทษจริงๆ” ชานยอลพูดเสียงสั่น ทำไมเขาจะไม่รักจินยอง ลูกทั้งสองคนคือชีวิตของเขา แต่เมื่อมาคิดๆตามดูแล้ว ในนิทานชีวิตเรื่องนี้ คนที่น่าสงสารสุดไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่แม่ของเด็กคนนั้น กลับเป็นเด็กคนนั้นซะเองที่แบกรับอะไรมากมายจนวันนึงทนไม่ไหว ถ้าชานยอลเลือกได้ เขาจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด.....
“หึ....ป๊ารู้ไหม ว่าคนที่เจ็บสุดน่ะคือใคร ? ” ชานยอลนิ่งกับคำว่าป๊าที่ออกมาจากปากลูกชาย เริ่มมีหวังขึ้นมาอีกนิด
“จินยองลูก...”
“คนที่เจ็บสุดคือมี๊ ไม่ใช่เจส ไม่ใช่แจ็ค ... มี๊คือคนเดียวที่เจ็บมาตลอด ป๊าลองคิดดูสิ คนที่นอนกอดตัวเองอยู่ทุกวัน แต่ร่างกายของคนคนนั้นกลับไม่ใช่ของเราเพียงคนเดียว”
“......”
“ไม่ต้องมาขอโทษผม....ตอนนี้เวลามี๊พักอยู่” จินยอลพูดนิ่งๆแล้วหลับตาลงเป็นการตัดบทสนทนา ชานยอลยิ้มกว้างก่อนจะลูบหน้าลูกชายตัวเองเบาๆแล้วรีบวิ่งออกมาขี่รถไปที่คลีนิกของแบคฮยอนทันที
“อ่า มินจี ไปพักได้แล้วนะ เที่ยงกว่าแล้ว ตอนบ่ายค่อยมา” ทันตะแพทย์หน้าหวานพูดเสียงนิ่มๆก่อนจะยกยิ้มไปให้เภสัชกรที่อยู่หน้าร้าน มินจีพยักหน้ารับเบาๆแล้วเดินออกไปหน้าร้านทันที
แบคฮยอนหันหลังกลับมามองแชรินที่นั่งอยู่บนโซฟาก่อนจะซุกตัวลงนั่งร้องไห้ที่พื้นกับคนที่ตัวเองรักเหมือนพี่สาวทันที แชรินมองแบคฮยอนก่อนที่จะน้ำตาไหลตามมา มือเรียวลูบหัวของน้องชายตัวเองเบาๆเป็นการปลอบโยน
“เจ๊.....แบค...ฮึก....” แบคฮยอนพูดเสียงกระท่อนกระแท่นแล้วร้องไห้ตัวสั่น จนแชรินอดที่จะน้ำตาแตกไปด้วยไม่ได้
“เจ็บมั้ยแบค....บอกเจ๊นะ เจ๊รักแกมากแกก็รู้”
“เจ็บว่ะเจ๊ เจ็บชิบหายเลย มันเจ็บตรงนี้ ฮือ....” แบคฮยอนเอามือวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเองก่อนจะทุบมันแรงๆจนแชรินต้องปัดออก
“ฮึก....แม่ง...แบคไม่ดีจรงไหนวะ แบครักมันมากอ่ะ แต่ดูสิ่งที่มันตอบแทนแบคมาดิ ไอ้เหี้ยเอ๊ย ฮือ” คุณหมอฟันตัวเล็กนั่งร้องไห้อยู่กับแชรินโดยไม่ทันสังเกตคนที่เดินเข้าร้านมา แชรินปาดน้ำตาแล้วมองตาขวางไปให้ชานยอล ก่อนจะพูดกับแบคฮยอนเบาๆ
“ไปคุยในห้องนะแบค เดี๋ยวลูกค้าเห็น ไม่ดีนะ” แชรินพยุงตัวแบคฮยอนขึ้นแล้วพาเข้าไปในห้องตรวจ แบคฮยอนนั่งลงที่โต๊ะแล้วร้องไห้โดยที่หันหน้าหนีแชริน จึงไม่เห็นว่าชานยอลตามมา
“เจ๊...ฮึก”
“เจ็บมากมั้ยแบค มาคุยกัน เล่ามา เจ๊จะฟัง” แชรินพูดเสียงอ่อนแล้วคุยกับแบคฮยอนโดยให้ชานยอลยืนอยู่ด้วย หญิงสาวหันไปมองชานยอลก่อนจะส่งซิกให้ฟังก่อนที่ตัวเองจะค่อยๆเลี่ยงออกมาหน้าห้องแทน
“แม่งเจ็บสัดๆเลยเว้ยเจ๊ ฮึก...ผู้ชายที่รักมากที่สุดอ่ะ แล้วมาทำร้ายกันอย่างนี้ แบคทำทุกอย่างเพื่อมัน แบคหลอกตัวเอง แบคแกล้งโง่ แบคพยายามปรับปรุงตัวให้เข้ากับมันให้ได้”
“........”
“แต่มันเหมือนยิ่งรักยิ่งห่างว่ะเจ๊ แบคเคยคิดนะว่าจะหยุดกับผู้ชายคนนี้ หยุดกับมันตลอดชีวิต แต่ทำไมมันไม่หยุดเพื่อแบคมั่ง ถ้าไม่เห็นแก่แบคก็เห็นแก่ลูกมั่งเถอะ ”
“......”
“จนเมื่อวันก่อนอ่ะ แบคทนไม่ไหวแล้วเจ๊ แบครู้ทุกอย่างนะว่ามันอะไรกับใครอ่ะ มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนสุดจะทนแล้วอ่ะ แบคไม่ไหวแล้ว แบคไม่เอาแล้ว ลูกสองคนแบคดูแลได้ แบค...ฮึก..ต้องอยู่ให้ได้...โดย..ฮึก...ไม่มีมัน ฮือ”
“ไม่ต้องทน ไม่ต้องแล้ว เข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่างแล้ว หยุดทุกอย่าง หยุดกับแบคจริงๆแล้ว...” ชานยอลพุ่งเข้าไปกอดเอวคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วเอาหน้าซุกกับหน้าท้องของแบคฮยอนไว้
“ชานยอล !! มาทำไม ออกไป เจ๊ !! เอามันออกไป เจ๊....ฮึก” แบคฮยอนตาโตแล้วตะโกนเรียกแชรินทั้งน้ำตา เขาเข็ดแล้ว เข็ดกับชานยอลแล้วจริงๆ
“ไม่ให้ไป ไม่”
“ฮึก..เพื่ออะไรชานยอล เพื่ออะไร ?”
“ไม่มีเหตุผล”
“แล้วมึงจะรั้งกูไว้ทำไม ฮือ.... แค่นี้กูยังเจ็บไม่พออีกหรือไง ต้องให้ตายเลยมั้ยวะ” แบคฮยอนทุบหลังชานยอลสุดแรง แล้วสะอื้นตัวสั่น ทั้งผลักทั้งดันแต่ก็ดูเหมือนชานยอลจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“กูรักมึงไงแบคฮยอน กูอยู่โดยที่ไม่มีมึงกับลูกไม่ได้”
“เหอะ...อยู่ได้สิ อยู่กับผู้หญิงของมึงไง จะให้กูกลับไปเป็นควายให้มึงอีกหรอ แค่นี้กูก็โง่มามากพอแล้ว”
“ไม่ไปได้มั้ย....ขอร้อง” แบคฮยอนนิ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำที่ซึมจากเสื้อมาสู่หน้าท้องของตัวเอง มือที่กำลังจะดันชานยอลออกชะงัก ก่อนจะเลือนมาปิดหน้าตัวเองแทน
ตอนนี้ต่างคนต่างร้องไห้ ชานยอลละมือที่กอดเอวแบคฮยอนออกแล้วเลื่อนมากอดขาของคนตัวเล็กแทน ดวงตาที่แดงก่ำเพราะเพิ่งร้องไห้มองไปที่ใบหน้าของร่างเล็กที่มีมือเรียวปิดอยู่ แบคฮยอนร้องไห้หนักไปอีกเมื่อเห็นการกระทำของชานยอล เขาไม่คิดว่าอีกคนจะทำถึงขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะลงทุนกอดขากันขนาดนี้ แค่นี้ก็ทำเอาความคิดที่จะหนีก็พังทลายหมดแล้ว
“เหนื่อยมั้ย..... ที่ต้องวิ่งหนีกันตลอด เหนื่อยมั้ย.....ที่ต้องพยายามห่างกัน” ชานยอลพูดแล้วมองไปที่มือของแบคฮยอนที่ไม่มีแหวนประดับอยู่แล้วรู้สึกใจหาย
“ฮึก...” แบคฮยอนพยักหน้ารับแล้วร้องไห้อีกครั้ง เขาเหนื่อยแล้วที่พยายามจะหนีชานยอล เพราะยังไงก็หนีไม่พ้น
“งั้นไม่ต้องหนีแล้วนะ....มาจับมือแล้วเดินไปด้วยกันเถอะ ถ้าวันไหนกูปล่อยมือมึงไป ขอให้รู้ไว้ว่ากูกำลังจะใช้มือนั้นปกป้องมึงอยู่ แล้วอีกไม่นาน มือกูก็จะกลับมาประสานกับมือมึงเหมือนเดิม....”
“ชานยอล...” แบคฮยอนทรุดตัวลงนั่งให้เสมอกับชานยอลแล้วโผเข้ากอดคอคนตรงหน้าทั้งน้ำตา พอแล้ว เหนื่อยแล้ว แบคฮยอนจะไม่หนีแล้ว เพราะถ้าหนียังไง..ในเมื่อหัวใจมันอยู่กับชานยอล ก็ต้องกลับมาหาอยู่ดี
“กูรักมึงมากนะ รักมากเกินกว่าคนคนนึงจะรักได้แล้ว” แบคฮยอนกอดชานยอลแน่นแล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้เพราะร้องไห้หนัก
“อย่าเลยที่รัก มึงมีค่าเกินกว่าจะมารักคนอย่างกูด้วยซ้ำ” ชานยอลกอดตอบแล้วซุกหน้าตัวเองลงบนไหล่เล็ก เขารู้แล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร.....ไม่ไกลเลย ครอบครัวยังไงล่ะ J
“ป๊า เบาๆหน่อยเตียงมันกระทบผนังห้องเจส !!!! ” จินยองในชุดนักศึกษาของคณะธุรกิจการบินตะโกนบอกห้องข้างๆเสียงดัง หลังจากได้ยินเสียงของหม่ามี๊ตัวเองที่แม้วัยจะเข้าเลขสี่แล้วแต่ก็ยังขยันจะทำกันได้ทุกวี่ทุกวัน
“มี๊ เบาๆหน่อยสิ แจ็คจะตีดอท !!! ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“อ๊ะ...ชะ..ชานยอล..สะ...เสียง..อ๊า..ดัง...อึก...ตรงนั้น..อ๊ะ..อ๊า”
- THE END -
TALK
วรั้กกก ในที่สุดก็จบแล้วนะครัชฟิคขัดใจ โดยมี 7,432 คำ อห. ไรท์ต้องคิดถึงอีพยูนมากแน่ๆเลย 555555 ขอบคุณทุกเมนท์ ทุกเฟบ ทุกข้อความตอบรับให้ขัดใจนะคะ อันนี้ก็ไม่เชิงเรื่องแรกของไรท์เท่าไหร่ แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกอย่างที่มีให้เรื่องนี้เลยนะคะ อาจจะดีบ้างแย่บ้างเพราะไรท์ก็ยังไม่โตเท่าไหร่ แต่ก็มีคำแนะนำมาให้ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ อ่า.....ขอบคุณทุกยอดวิวนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนมาดูเยอะขนาดนี้สำหรับเราว่ามันเกินความคาดหมายมาก แต่งก็ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีคำให้กำลังใจของทุกคน รีดรู้ไหมว่าไรท์ยิ้มทุกครั้งเลยนะที่อ่านคอมเมนท์อ่ะ ตอนแรกไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีคนมาแสดงความคิดเห็นให้ เพราะก็แต่งไปเรื่อยๆ พล็อตก็ไม่มี แต่งสดทุกตอน ขอบคุณมากๆสำหรับมิตรภาพดีๆโดยมีฟิคเรื่องนี้เป็นตัวกลางนะคะ ไรท์รักทุกคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้มากเลยรู้ป่าว ทั้งคนเมนท์ คนเฟบ คนอ่าน คนที่ติดตามโซเชียลของไรท์ทั้งไอจี ทั้งทวิตเตอร์ ทางเพจเฟสบุค หรือแม้แต่คนที่หลงเข้ามานะคะ แต่อยากบอกให้รู้ไว้ว่าไรท์ปลื้มจริงๆที่เห็นคอมเมนท์เรื่องนี้ นี่คือก้าวแรกที่ไรท์คิดว่ามันโครตน่าประทับใจเลยล่ะค่ะ อย่าลืมฟิคขัดใจกันนะคะ J
คือไม่มีไรมากค่ะ จะลองถามๆดูว่าจะรวมเล่มดีมั้ย คืออยากลองไง ถ้ามีคนอยากเอาจริงๆเราก็จะทำ แต่ถ้าไม่มีก็แป้กไป 5555555 คือลองทำรูปเล่มดูแล้วมันมีตั้ง 500 กว่าหน้า แล้วก็สเปอีกสักสามสี่ตอน อันนี้แพลนๆไว้ ถ้าได้รวมจริงเจอกันแน่นอนค่า
- เลี้ยงแจ๊คสัน
- งานแต่งงานของอาฮุนอาลู่
- ว่าด้วยเรื่องพยายามจะทำลูกแฝด (+nc แบบกามเหี้ยๆ)
- เมื่อหม่ามี๊จะดัดสันดานเจ้าชู้ของปะป๊า
ถ้ามีคนเอาจริงๆก็จะลองถามโรงพิมพ์ดู คงจะไม่ใช่ช่วงนี้แหละค่ะ เพราะเรารู้ว่าพวกเธอจะไปดูผู้ชาย ส่วนเราจะนั่งฟังสตรีมพร้อมปาดน้ำตาไปด้วย 555555555555
ความคิดเห็น