ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blacklist & L : กับดักร้ายผู้ชายอันตราย [ apink - infinite ]

    ลำดับตอนที่ #11 : Blacklist & L : กับดักร้ายผู้ชายอันตราย :: CHARPTER 10

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 566
      1
      6 มิ.ย. 57

    -      10  -









     

    : : L SIDE : :

     

    “ไงมึง ? ไม่คิดจะพูดอะไรสักคำหน่อยเหรอ ?” เสียงของไอ้ซองยอลลอยขึ้นมาเหน็บผม เมื่อเห็นว่าห้องนี้ทั้งห้องเหลือเพียงแค่พวกเรา ‘Blacklist’ เท่านั้น

     

     

    “กูแค่พูดหลอกๆยัยมินอาเท่านั้น มึงก็แค่ตามน้ำไปไม่เห็นต้องถึงขนาดจูบเลยนี่หว่า” ไอ้ลู่หาญพูดขึ้น ผมปรายตาไปมองมันแวบนึง แต่ก็พอจะเห็นแดฮยอนกับยุนโจที่ยังคงดูจะเอ๋อๆอยู่จากเหตุการณ์เมื่อครู่นิดๆ

     

     

    “อย่าบอกนะมึง... มีซัมธิงกันอีกแล้ว ?” แดฮยอนที่หายจากอาการอึนโพล่งถามขึ้นพร้อมมองผมอย่างจับผิด

     

     

    “ถ้าไม่รู้สึกอะไรคงไม่จูบหรอก ...จากทฤษฎีของกู”

     

     

    “นายกับยัยนั่น... ? ชะ ชอบกันเหรอ ?” ยัยยุนโจพูดติดขัดด้วยอาการมึนไม่สร่าง

     

     

    “หยุดความคิดทุกอย่างกันให้หมดซะ! กูไม่มีอะไรจะพูด...” ผมมองกราดไปยังเพื่อนๆของผมทุกคนที่กำลังจินตนาการกันไปไกลโดยที่ผมไม่ยอมเอ่ยปากอธิบายอะไรเลย พูดจบผมก็ผุดลุกขึ้นทันที ใครจะนั่งทนอยู่ให้ไอ้พวกนั้นซักฟอกกันล่ะ?

     

     

    “เห้ย! ถ้ามึงเดินหนีอย่างนี้แสดงว่ามึงยอมรับนะ ว่ามึงกลับไปชอบนาอึนแล้ว!” เสียงไอ้แดฮยอนลอยเข้ามาขวางผมไว้ แต่ผมก็ไม่ได้ไปใส่ใจหรือคิดที่จะหันกลับไปแก้ตัวอะไรหรอกนะ ผมจึงรีบเดินดุ่มๆออกมา แต่ก็มิวายได้ยินเสียงลอยตามหลังออกมา

     

     

    “มึงชอบนาอึน!!!

     

     

    นั่นแหละคือเสียงที่ลอยเข้ามากระทบเข้ากับหูของผมก่อนที่ผมจะเดินออกไป ชอบเหรอ? หึ! ตลกชะมัด! ไอ้ความรู้สึกนี้มันน่าจะหมดไปตั้งแต่ผมรู้ว่าโดนเธอหลอกแล้วล่ะ!

     

     

     

    ผมเดินออกมาจากห้องนั้นโดยไร้จุดหมายปลายทางก่อนจะพบกับเด็กคนนั้นคนที่ผมเคยมีเรื่องด้วย เด็กนั่นเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ก็รีบหลบสายตาผมและเตรียมที่จะเดินหนีไปทันที แต่ทว่า...

     

     

    “เดี๋ยว!” ผมร้องเรียกเด็กคนนั้นเสียงดังจนเพื่อนๆของเด็กนั่นสะดุ้งทันที ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าผมเป็นเจ้าของเสียงเรียกนั่น

     

     

    “นายน่ะ มานี่ซิ!” ผมพูดเสียงเรียบก่อนจะปรายตามองไปยังคนที่ผมเรียก ไอ้เด็กนั่นมองผมด้วยสายตาแปลกประหลาดใจและยังคงนิ่งเฉยไม่เดินมาหาผม จนเพื่อนของมันผลักให้เด็กนั่นออกมายืนประจันหน้ากับผม ผมกวาดสายตามองไปยังเพื่อนของเด็กนั่นเพื่อบอกว่าให้ ไปซะแค่นั้น พวกนั้นก็เดินหายวับกันไปทันที

     

     

    “เรื่องระหว่างแกกับฉัน...” ผมพูดเว้นจังหวะไว้ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆเหมือนใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะพูดประโยคนี้

     

     

    “ฉันจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นและเราไม่เคยมีเรื่องกัน ต่อจากนี้ต่างคนต่างอยู่! ฉันจะไม่ไประรานแกอีก...” ผมผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อพูดจบประโยค มันช่างขัดกับความรู้สึกของผมจริงๆ ใจจริงผมอยากจะเล่นงานคนตรงหน้าให้ถึงที่สุด! แต่ติดที่ผมรับปากกับแม่ของผมไว้แล้ว ผมก็เลยต้องทำตามสัญญาเท่านั้น!

     

     

    คนตรงหน้าดูเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดดูได้จากคิ้วที่ถูกขมวดขึ้นเป็นปมอย่างแปลกใจและสงสัย จนผมอดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจไม่ได้กับท่าทางนั้น

     

     

    “เข้าใจซะนะ ฉันขี้เกียจพูดแล้ว ...ฉันจะไม่ไประรานแกอีก!!” ผมพูดชัดถ้อยชัดคำก่อนที่ทำท่าจะเดินจากไป แต่ไอ้เด็กนั่นที่ยังคงสงสัยอยู่ก็ถามขึ้น

     

     

    “ทำไม ?”

     

     

    “ฉันมีเหตุผลของฉัน” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินจากไป แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงสายตาของไอ้เด็กนั่นที่มองตามผมมาอย่างไม่เข้าใจ โอ๊ย... จะอะไรกันหนักกันหนาวะ? คนจะปล่อยไปแล้วจะสงสัยอะไรกันหนักกันหนา?! ทำเป็นเข้าใจไม่ได้รึไงวะ?!

     

     

     

    Rrrrrrrrrr~~~

     

     

    เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมาทันทีที่ผมเดินมาถึงรถคันหรูของผม ผมหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจกับสายที่โทรเข้ามา

     

     

    “ว่าไงครับ ?” ผมถามเสียงห้วนๆ

     

     

    “ไอ้แอล! แกทำไมสร้างแต่ปัญหาให้ฉันหะ?!! เลิกกับผู้หญิงคนนั้นซะ! ก่อนที่ฉันจะเป็นคนจัดการซะเอง” เสียงของพ่อผมที่ถูกส่งออกมาไม่ทันให้ผมได้แทรกตอบกลับดูจะโมโหสุดๆเลยล่ะ คงจะเรื่องนาอึนสินะ! คนไปฟ้องก็คงจะไม่ใช่ใครที่ไหน?

     

     

    “ยัยมินอาไปฟ้องสินะ”

     

     

    “เขามีสิทธิ์ที่จะฟ้องเพราะเขาเป็นคนที่ฉันจับคู่ให้กับแก! เขามีสิทธิ์ที่จะโมโหและไม่พอใจ ถ้าแกมีคนอื่น!

     

     

    “แต่ผมไม่ได้ขอให้พ่อจับคู่ให้ผม ฉะนั้นผมไม่จำเป็นต้องแคร์ยัยนั่น! และผมไม่ถือว่ายัยนั่นเป็นคู่อะไรของผมทั้งนั้น!!

     

     

    “ไอ้แอล! แกตั้งใจจะลองดีกับฉันใช่มั๊ย!!?” น้ำเสียงที่ดูเกรี้ยวกราดนั้นมันทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นนิดๆ แต่ภายในใจผมก็โมโหไม่แพ้กับพ่อของผมหรอกนะ!

     

     

    “หยุดก้าวก่ายชีวิตผมสักที! เรื่องนี้หรือเรื่องอื่นๆ ผมมีสิทธิ์ที่จะเลือกและตัดสินใจเอง!!

     

     

    “ได้! แกกับฉันจะได้เห็นดีกัน!!” พูดจบพ่อของผมก็ตัดสายทิ้งไปทันที ผมรู้สึกได้ว่าชีวิตข้างหน้าของผมมันคงไม่สงบสุขแน่ๆ เพราะพ่อของผมคงไม่ยอมให้ผมได้ใช้ชีวิตอย่างนี้หรอก ท่านคงกำลังคิดจะทำอะไรกับผมสักอย่าง ซึ่งผมเองก็ยังรู้สึกหวั่นๆเหมือนกันแฮะ!

     

     

     

    : : NAEUN SIDE : :

     

    หลังจากที่ฉันเดินออกมาจากห้องของกลุ่ม ‘Blacklist’ แล้ว ฉันก็ออกมาจากมหาลัยทันที ไม่คิดที่จะกลับเข้าไปข้างในอีก แม้ในตอนนี้ฉันจะมีคลาสเรียนก็เถอะ!

     

     

    ฉันออกมาจากมหาลัยได้ก็มานั่งจมปลักอยู่ตรงป้ายรอรถเมล์อย่างไม่มีจุดหมาย ภายในใจเจ็บหนึบๆไปหมด ฉันยอมรับว่าฉันหวั่นไหวกับจูบของเขา แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำอย่างนี้กับฉัน เขาเห็นจูบของฉันเป็นแค่เครื่องมือ! เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับฉันหลงเหลืออยู่เลยรึไง?

     

     

    คิดได้ดังนี้แล้วน้ำตาของฉันก็ไหลออกมาซะดื้อๆ ภายในใจมันเจ็บแปล๊บๆ จะพูดแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ทั้งๆที่ความรู้สึกของฉันกับเขามันน่าจะจบไปต้องนานแล้ว ทำไมล่ะ? ทำไมความรู้สึกนี้มันยังหลงเหลืออยู่ในใจฉันล่ะ? ถ้าฉันไม่ได้มีความรู้สึกที่เรียกว่า ชอบหลงเหลืออยู่ฉันก็คงไม่ต้องเจ็บอย่างนี้สินะ!

     

     

    ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนมานั่งลงอยู่ข้างๆฉัน แต่ฉันก็ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของฉัน จึงเลือกที่จะไม่หันไปมอง

     

     

    “ว้า... ร้องไห้เหรอ ?” คนที่นั่งข้างๆฉันถามเสียงใส ฉันรู้สึกคุ้นกับเสียงนั้นนะ จึงแอบเหล่มองเขานิดๆ ก็พบว่าคนข้างกายฉันเป็นแทมินที่นั่งยิ้มแป้นมาให้ฉัน เมื่อเห็นว่าฉันหันไปมองเขา เขาก็ส่งผ้าเช็ดหน้าผืนสีฟ้ามาให้ใส่มือฉัน

     

     

    “เช็ดน้ำตาซะ อายคนอื่นเค้า” เขาบอกพร้อมกับยิ้มนิดๆ ฉันมองเขาด้วยความแปลกใจ แต่ก็ยอมใช้ผ้าเช็ดหน้าของเขาซับน้ำตา

     

     

    “ทำไมไม่ไปร้องไห้ที่อื่น ? ตรงนี้คนเดินผ่านเยอะจะตายไม่อายรึไง ?” เขาถามอีกพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ฉันมองเขานิ่งๆไม่ยอมตอบคำถาม

     

     

    “...”

     

     

    “จะไม่พูดรึไง ?”

     

     

    “ขอบใจ เดี๋ยวฉันจะซักคืนให้” ฉันบอกพร้อมกับชูผ้าเช็ดหน้าขึ้นแล้วก็เก็บมันลงใส่กระเป๋าของฉัน พร้อมกับลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินหนีเขา แต่เขาที่ไวกว่าก็คว้าแขนของฉันเข้าไว้ จนฉันต้องหยุดกึกและหันไปมองเขาด้วยความไม่พอใจทันที

     

     

    “เอาไปเถอะ ฉันไม่เอาคืนหรอก” เขาพูดเสียงเรียบๆพร้อมกับสื่อความหมายว่า เขาให้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นกับฉันแล้ว

     

     

    “ปล่อย...” ฉันบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขา แต่เขากลับยิ้มแป้นไม่สะทกสะท้านใดๆ แถมยังลากฉันไปที่รถเขาพร้อมจับฉันยัดใส่รถของเขาเสร็จสัพ ฉันพยายามจะหนีออกมา แต่ก็ช้ากว่าแทมินที่เข้ามานั่งตรงเบาะคนขับอย่างรวดเร็วพร้อมกับคว้าแขนฉันที่กำลังจะเปิดประตูหนีออกมาไว้

     

     

    ชายหนุ่มขับรถออกไปด้วยความอารมณ์ดี ผิดกับฉันที่มองเขาอย่างขุ่นเคืองและโมโหสุดๆ ใบหน้าที่สวยหวานเหมือนผู้หญิงของเขาบ่งบอกว่าเขาลั้ลลาสุดๆที่ทำอย่างนี้กับฉัน

     

     

    “จะพาฉันไปไหน ?”

     

     

    “เห็นเธอร้องไห้แล้วฉันไม่ชอบเลยอ่ะ ฉันอยากทำให้เธอยิ้ม J ” เขาพูดพร้อมกับหันหน้ามาส่งยิ้มที่แสนร่าเริงให้ฉัน จนฉันอดที่จะเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ไม่ได้

     

     

    “ฉันไม่อยากไปกับนาย”

     

     

    “คิดซะว่ามาเที่ยวกับเพื่อนแล้วกัน” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ฉันได้แต่หัวเราะหึๆในใจ เพื่อนเหรอ? แน่ใจว่าเพื่อน? ฉันไม่ไว้ใจเขาให้เป็นเพื่อนฉันสักนิด! ดูก็รู้ว่าเขาน่ะนิสัยยังไง เจ้าชู้ เจ้าเล่ห์ ร้ายลึกแน่ๆ แล้วอย่างงี้จะให้ฉันเป็นเพื่อนกับเขา? ฉันดูออกว่าทุกๆการกระทำของเขาต้องการอะไรทุกครั้งเพราะเขาเผยมันออกมาให้เห็นตลอดทุกครั้งที่เราเจอกัน...

     

     

     

    “ที่นี่เป็นร้านโปรดของฉัน อาหารอร่อยมากเลยนะ ...เธอสั่งเลยเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” แทมินพูดขณะลากฉันเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งดูแล้วอาหารคงจะแพงเอาการอยู่ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมฉันไม่หนีไป? ยอมให้เขาลากถูมาที่นี่ทำไม? แต่จะหนีก็คงไม่รอดนายนี่จับข้อมือฉันไว้แน่นซะขนาดนี้ แล้วถ้าฉันตะโกนร้องไป ใครจะเชื่อ? = =’ ทุกคนคงคิดว่าฉันเป็นบ้า

     

     

    “ไม่ต้องเกรงใจนะเพราะฉันเลี้ยงเธอที่มาเป็นเพื่อนคนใหม่ของฉัน” ผู้ชายหน้าหวานที่เงยหน้าจากเมนูบอกฉันแล้วหันมายิ้มให้กับฉันอย่างสดใสเหมือนเคย แหม่! รวยจริงพ่อคุณ! รวยแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนสินะ! แล้วนายจะคิดผิดที่จะมาเลี้ยงอาหารฉัน!!

     

     

    “เอา...”

     

     

    ฉันมองเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มๆไปอย่างมั่วซั่วเมื่อเห็นว่าแทมินไม่ได้มองที่ฉันอยู่และแต่ละรายการที่ฉันสั่งไปนี่ราคาไม่ใช่เล่นๆทั้งนั้นเลยล่ะ ฉันหยุดจิ้มแล้วก็หันไปยิ้มบางๆให้กับพนักงานเป็นการบอกว่าพอแล้ว แทมินที่สั่งอาหารเสร็จแล้วก็หันมามองฉันด้วยใบหน้าที่สดใสเหมือนเคย ฉันล่ะอยากจะยิ้มสดใสเหมือนเขาตอนนี้จัง แต่ภายในใจสิมันเจ็บจนฉันไม่อาจจะยิ้มแบบนั้นออกมาได้เลยตอนนี้

     

     

    เราทั้งสองคนนั่งรออาหารมาเสิร์ฟกันอยู่สักพัก ระหว่างนั้นแทมินก็ชวนฉันคุยจ้อเหมือนเคย แต่ฉันกลับไม่อยากจะคุยอะไรเลยสิ จึงได้แต่ถามคำตอบคำ จนเขาแทบจะอาละวาดอยู่แล้ว จนกระทั่งอาหารมาเสิร์ฟน่ะเขาถึงเงียบสงบลงได้

     

     

    “นี่เธอร้องไห้ จนเป็นโรคโหยหาอาหารขนาดนี้เลยเหรอ ?” แทมินบอกอย่างอึ้งๆพลางมองอาหารที่พนักงานเอามาเสิร์ฟไว้อยู่ตรงหน้า ซึ่งมันเต็มโต๊ะของพวกเราไปหมดแทบจะต่อโต๊ะอีกตัวแล้วล่ะ ฉันลอบยิ้มนิดๆเมื่อเห็นท่าทางของเขา

     

     

    “ฉันกินจุอย่างนี้อยู่แล้ว ขอโทษนะ... แต่นายบอกไม่ต้องเกรงใจ ฉันเลยจัดเต็ม!

     

     

    “เธอแกล้งฉันชัดๆนิ” เขาบอกพร้อมทำหน้าเหวอๆ จนฉันอดที่จะลอบยิ้มไม่ได้

     

     

    “ฮ่าๆ ยิ้มแล้วสินะ” ฉันหุบยิ้มทันทีที่เขาพูดพร้อมกับหันไปจัดการกับอาหารตรงหน้าโดยไม่สนใจเขาที่มองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

     

     

    “เอาเถอะ ถ้ามันทำให้เธอยิ้ม ฉันก็ไม่ว่าอะไร^^” เขาบอกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความดีใจ จนฉันต้องรีบก้มหน้างุดหลบสายตาของเขายิ่งขึ้นไปอีก

     

     

     

    “พุงแตกตายรึยังล่ะเธอ ?” แทมินถามฉันทันทีที่เราทั้งสองคนเดินออกมาจากร้านอาหารนั่น ฉันจึงได้แต่มองเขาตาขวางเพราะคำถามที่ออกแนวประชดของเขานั่นแหละ

     

     

    “เธอทำเอาฉันแทบหมดตัวเลยนะ” เขาบอกพร้อมกับตีหน้าเศร้า จนฉันต้องเบือนหน้าหนีไปเพราะทนบทบาทที่เขาแสดงออกมาไม่ได้ เห็นแล้วมันหมั่นไส้อ่ะ!

     

     

    “เราไปเที่ยวกันต่อดีมั๊ย ?” ฉันหันขวับไปมองเขาทันที สีหน้าเมื่อกี้มันหายไปแล้ว มีแต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนเคยของเขาปรากฎเท่านั้น! ให้ตายเถอะ! เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเกิน...

     

     

    “ไม่!

     

     

    “ทำไมล่ะ ?”

     

     

    “เราแยกกันตรงนี้เถอะ ฉันอยากกลับบ้าน! …ขอบใจสำหรับอาหารมื้อนี้” ฉันพูดเสียงเรียบพร้อมกับจะเดินออกมาจากเขา

     

     

    หมับ~

     

     

    แทมินคว้าข้อมือของฉันไว้อีกแล้ว ฉันจึงส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขาทันทีพร้อมกับพยายามจะบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมจากเขาไปด้วย แต่เขาที่แข็งแรงกว่าก็จับมันไว้แน่นเหลือเกิน

     

     

    “ปล่อย!

     

     

    “ไปเที่ยวกับฉันก่อนไม่ได้รึไง ? อุตส่าห์เลี้ยงข้าวนะ” เขาเริ่มพล่ามทวงบุญคุณออกมาแล้ว แต่คิดๆดูแล้วฉันก็ไม่ได้ขอให้เขามาเลี้ยงนิ! อยากจะเลี้ยงเองนี่หน่า! ช่วยไม่ได้!!

     

     

    “นายอยากเลี้ยงเอง ฉันไม่ได้ขอ”

     

     

    “ใจร้ายชะมัด~” เขาบ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับถอนหายใจออกมา สงสัยจะเริ่มเอือมระอาฉันมั้ง ดีแล้วล่ะ! จะได้เลิกยุ่งกับฉันเพราะฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับคนแบบเขาเลยสักนิด! แต่เดี๋ยวนะนาอึน... เขาก็มีความดีอยู่บ้างเหมือนกันนะ ไม่ใช่เลวร้ายไปซะหมด! ที่ผ่านมาเขาก็แสดงด้านดีๆให้ฉันเห็นนะ แต่ภายในใจฉันมันฝังใจไปเองว่าเขาไม่ได้ดีอ่ะ มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลยใช่มั๊ย?

     

     

    “ขอบคุณสำหรับวันนี้ แต่ฉันไม่อยากไปไหนแล้ว” พูดรักษาน้ำใจเขาสักนิดคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ ถึงยังไงเขาก็เคยช่วยเหลือฉันและก็เลี้ยงข้าวฉัน...

     

     

    “เธอมันใจร้ายจริงๆ” เขายังคงตัดพ้อฉันไม่หยุด

     

     

    “ฉันอยากกลับบ้าน แล้วก็ปล่อยมือฉันได้แระ” ฉันพูดพร้อมกับเหลือบมองไปที่ข้อมือของฉันที่ตอนนี้แทมินยังคงจับมันไว้แน่นอยู่ แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมันออกอยู่ดี

     

     

    “ให้ฉันไปส่งแล้วกัน” เขาไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร ก็ออกแรงลากฉันกลับไปที่รถของเขาทันที ฉันก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอาสุดๆ เมื่อไหร่จะหลุดพ้นสักที?! ฮึ่ย!!

     

     

    แทมินขับรถออกมาได้สักพักเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา ฉันอดที่จะแอบมองไม่ได้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา ซอลลี่ ฉันอ่านชื่อคนโทรเข้ามานั้นในใจพลางลอบสังเกตสีหน้าของแทมินที่ตอนนี้คิ้วเริ่มถูกขมวดขึ้นไปแล้ว

     

     

    “ว่าไงซอล ?” เขากดรับและถามด้วยน้ำเสียงปกติ ฉันพยายามทำเป็นไม่สนใจแต่หูนี่ผึ่งกางอย่างอยากรู้เต็มที่ อย่าว่าอย่างงู้นอย่างี้เลยนะ ฉันอยากรู้จริงๆว่าซอลลี่คือใคร? มันไม่เกี่ยวกับฉันหรอก! แต่มันอาจจะช่วยฉันได้นะ! ถ้าฉันรู้ว่าเธอคนนี้คือใคร!

     

     

    “พี่แทมิน... ฮึก...ฮึก...”

     

     

    “เกิดอะไรขึ้นซอลลี่?! ร้องไห้ทำไม?!!” น้ำเสียงของแทมินดูจะตกใจเป็นอย่างมาก ซึ่งฉันจับใจความได้ว่าอีกฝ่ายคงต้องร้องไห้แน่ๆ ฟังจากที่เขาพูดแล้วนะ

     

     

    “อย่าเพิ่งกลับมาที่คอนโดนะ ฮึก...”

     

     

    “ซอลๆ เป็นอะไรบอกฉันมา!” น้ำเสียงของแทมินเริ่มจะกระวนกระวานขึ้นมาแล้ว เมื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับปลายสาย

     

     

    “ซอลลี่!! เธอโทรหาไอ้แทมินเหรอ?!!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเกรี้ยวกราดตะโกนเสียงดังจนเสียงนั้นลอดผ่านเข้ามาในโทรศัพท์ทำให้แทมินเริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีแล้วสายนั้นก็ถูกตัดไปโดยที่แทมินยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับปลายสายกันแน่

     

     

    “มินโฮฮยอง” แทมินพึมพำเบาๆแล้วเขาก็เหยียบคันเร่งจมมิดทันทีโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ต้องหน้าหงายไปเลย

     

     

    “โอ๊ยย นายเป็นอะไรเนี่ย?!!” ฉันหันไปชักสีหน้าใส่เขาอย่างไม่พอใจเมื่อเขาทำอะไรอย่างบุ่มบ่าม โดยไม่สนใจฉันเลยว่าจะเจ็บรึป่าว?

     

     

    “ฉันมีเรื่องต้องจัดการตอนนี้! จบเรื่องนี้ฉันจะไปส่งเธอ จับไว้ให้แน่นนะ!” พูดจบเขาก็เร่งคันเร่งจนรถคันนี้เหมือนกับติดจรวดไปในตัวและกำลังทยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วสุดๆ จนฉันอดที่จะกลัวกับอาการนักแข่งรถเข้าสิงแทมินตอนนี้ไม่ได้ ในใจก็ภาวนาขอให้เราสองคนถึงที่หมายอย่างปลอดภัยให้ได้ด้วยเถอะ! สาธุ _/\_

     

     

     

    ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีแทมินสามารถพาฉันมาถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัย จนฉันอดที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไม่ได้ แทมินรีบลงจากรถและวิ่งหายเข้าไปในคอนโดหรูนี้อย่างรวดเร็ว ฉันก็รีบวิ่งตามเขามาจนตัวเองหอบแหกๆเหมือนกัน

     

     

    แทมินวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่งแล้วก็เปิดประตูเข้าไปทันที ฉันที่กำลังวิ่งตามเขามาได้ยินเสียงดังลอดออกมาจากประตูนั้นทันทีหลังจากที่แทมินเข้าไปในห้องนั้นแล้ว

     

     

    แล้วฉันก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันทีที่วิ่งมาถึงห้องที่แทมินเข้าไป ภาพตรงหน้ามันทำให้ฉันพูดไม่ออกจริงๆพร้อมกับตัวแข็งทื่อทันที สภาพห้องนี้ทุกอย่างเละเทะไม่มีชิ้นดีเหมือนกับเพิ่งเกิดสงครามโลกมาหมาดๆเลยก็ว่าได้

     

     

    แล้วฉันก็ได้สติขึ้นมาทันทีเมื่อมีร่างของใครคนหนึ่งกระเด็นกลิ้งมาที่ปลายเท้าของฉัน แล้วฉันก็ต้องตกใจยิ่งขึ้นเมื่อร่างๆนั้นคือร่างของแทมิน

     

     

    “แทมิน!!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อเห็นสภาพแทมินที่ตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดที่ไหลเยิ้มบนใบหน้าหล่อหวานของเขา ฉันก้มลงช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น ซึ่งเขาก็พยายามจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างสุดแรง ฉันได้ยินเสียงลมหายใจของเขาหายใจเข้าออกอย่างแรง

     

     

    “เหอะ! พาสาวมาซะด้วย!” เสียงกร้าวของใครคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อฉันพยุงให้แทมินลุกขึ้นสำเร็จ พร้อมกับร่างของเจ้าของเสียงนั้นที่ปรากฏตัวออกมา ตามด้วยลูกน้องอีกสี่คนที่ดูยังไงก็มาเฟียชัดๆ ...นี่มันอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น? ฉันกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเจ้าพ่อมาเฟียที่ไหนเนี่ย?! ฉันรับรู้ได้ถึงอันตรายข้างหน้าเลยล่ะ!!

     

     

    ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเสียงกร้าวค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาใกล้ฉันกับแทมินมากขึ้น จนฉันหน้าซีดเผือดด้วยความกลัวทันที นี่มันรังสีอันตรายชัดๆที่แผ่ออกมาจากตัวเขาน่ะ!

     

     

    “นายเป็นใคร ?”





     



    หืม... ไม่ชอบเลย T^T






     

    :: Writer Talk ::

    ปัง! มาแว้ววววว
    มาเป็นกำลังใจ
    ให้ไรต์อัพบ่อยๆหน่อยเถอะ ><
    '
    อยากจะบอกว่าแต่งเสร็จสักพักแล้ว
    แต่มิมีเวลาอัพ คิคิ
    แต่วันนี้มาแล้ว เย้ๆ ^^







     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×