ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blacklist & L : กับดักร้ายผู้ชายอันตราย [ apink - infinite ]

    ลำดับตอนที่ #2 : Blacklist & L : กับดักร้ายผู้ชายอันตราย :: CHARPTER 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.14K
      1
      23 ก.พ. 57

    -          1    -









     

     

    ให้ตายสิ!!  ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั๊ย ? เมื่อกี้ไอ้ซองยอลเพื่อนตัวดีของผมมันบอกว่าเจอ  นาอึน ทุกคนสงสัยใช่มั๊ย ? ว่าคนที่ชื่อนาอึนเป็นใคร ? แล้วทำไมผมถึงต้องเกลียดคนชื่อนี้ ? ผมเชื่อว่าอีกไม่นานทุกคนก็จะได้รู้คำตอบที่ทุกคนอยากรู้เองแหละ!! อ้อ ตอนนี้ผมน่ะอยู่ที่ห้องพักพิเศษสำหรับกลุ่มผมในมหาลัยที่ผมเรียนอยู่ อย่าแปลกใจที่ผมได้รับสิทธิพิเศษอะไรขนาดนี้ เพราะว่าเพื่อนในกลุ่มของผมมีคนนึงที่เป็นลูกของเจ้าของมหาลัยแห่งนี้ พวกเราเลยมีสิทธิ์ที่จะมีห้องพิเศษนี่ขึ้นมาไง!!

     

     

    “ไอ้แอล กูไม่ได้ตาฝาดนะ กูเจอจริงๆ นาอึนเดินแทบจะชนกู กูจำไม่ผิดแน่ๆ” ไอ้ซองยอลยังคงยืนยันคำพูดของมันอย่างหนักแน่น แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อนะ

     

     

    ผมกำลังใช้ความคิดของผมอยู่! ผมกำลังคิดหนักและกังวลที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ผู้หญิงที่ผมเกลียดที่สุดกลับมาอยู่แค่ปลายจมูกผมเองเหรอตอนนี้?!! หึ! ผมล่ะไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆตอนนี้! ในหัวสมองผมตอนนี้มันมีแต่คำว่าเกลียดผู้หญิงที่ชื่อนาอึนลอยเต็มไปหมด แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ?

     

     

    ...หึ ใช่แล้ว ผมไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น อยู่เฉยๆก็พอ

     

     

    “ไอ้แอล มึงกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย ?” ไอ้แดฮยอนที่นั่งเงียบมาสักพักเอ่ยปากถามผมด้วยความสงสัยเพราะว่าผมเงียบและไม่ยอมพูดอะไรออกมานี่สิ มันก็เลยสงสัย...

     

     

    “กูกำลังคิดว่ายัยนั่นมาได้ไง ?” ผมพูดด้วยท่าทางนิ่งๆตามนิสัยของผม แต่ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองมันกลับพร้อมใจมองมาที่ผมแล้วพูดออกมาด้วยความกวนบาทา

     

     

    “ก็เดินมาไง”

     

     

    อื้อหือ! ตอบได้โดนใจมาก! น่ารับบาทากูไปรับประทานไอ้เพื่อนรักทั้งสอง! ผมใช้สายตาที่คมดุจเหยี่ยวของผมมองไปยังเพื่อนรักของผมทั้งสองคนด้วยความอาฆาตที่มันกวนไม่รู้เวลา ซึ่งมันทั้งสองคนที่นั่งข้างกันก็แกล้งทำเป็นหันไปคุยกันกลบเกลื่อนสายตาที่เหมือนไฟแผดเผาของผมที่มองไปยังมันทั้งสอง

     

     

    Hey! My friends ทำอะไรกันอยู่วะ ?” เสียงสดใสดังขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงสาวผมสีบลอนด์รูปร่างสูงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใส

     

     

    “เอ้า มาด้วยเหรอ ยัยตุ๊กตา” แดฮยอนร้องทักหญิงสาวผู้มาใหม่หรือยุนโจเพื่อนสนิทของผมอีกคน ผมไม่ได้สนใจมองไปที่เพื่อนสาวของผมที่เดินเข้ามาเลย ผมมัวแต่จมปลักอยู่กับความคิดของผมที่มีแต่เรื่องของยัยผู้หญิงที่ชื่อนาอึนอยู่ ผมหวังว่ามหาลัยต้องกว้างขนาดนี้คงไม่เจอกันง่ายๆหรอก แต่ผมมันคนดังซะด้วยสิ มีหวังยัยนั่นได้เจอผมแน่!

     

     

    “ทำไมฉันจะมาไม่ได้หะ ? นี่มันมหาลัยพ่อฉันนะ” ยุนโจเดินเข้ามานั่งปลักอยู่ข้างๆผม ผมเหลียวไปมองเธอนิดๆ

     

     

    “รู้แล้วว่ะ” ไอ้แดฮยอนพูดกวนเท้าใส่ยัยยุนโจ ยัยนั่นแยกเขี้ยวใส่ไอ้แดฮยอนนิดๆอย่างหมั่นไส้ ก็แดฮยอนมันน่าหมั่นไส้จริงๆนั่นแหละ

     

     

    “แล้วเป็นอะไร ? ทำไมหน้าเครียดๆกัน ?” ยัยยุนโจหันมาถามผมด้วยความอยากรู้และเป็นห่วงนิดๆ เพราะเธอเห็นว่าบรรยากาศตอนที่เธอเข้ามามันดูเครียดๆผิดปกติจากเมื่อก่อนจึงอดที่จะสงสัยไม่ได้ ผมถอนหายใจออกมานิดๆ ยัยนั่นจึงมองผมด้วยความสงสัยและอยากรู้มากขึ้น

     

     

    “ฉันเจอนาอึน” ซองยอลที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น ส่งผลให้ยัยตุ๊กตาที่นั่งอยู่ข้างผมเบนความสนใจจากผมไปหาไอ้ซองยอลทันที ยัยนี้น่ะ! เป็นคนที่อยากรู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วแหละ!555555

     

     

    “อะไรนะ ? นายไปเจอที่ไหน ? เมื่อไหร่ ? ตอนไหน ? เจอได้ยังไง ? แล้วยัยนั่นดูมีความสุขมั๊ย ? บอกฉันมาซิ” ยัยยุนโจพ่นคำถามที่อยากรู้ออกมาเป็นชุดโดยที่ไม่เว้นวรรคให้อีกฝ่ายได้ตอบหรือแทรกคำพูดเข้ามาเลย ....เห็นมั๊ย ผมบอกแล้วยัยนี่น่ะ เป็นคนที่อยากรู้(เรื่องชาวบ้าน)!555555

     

     

    “เห้ย ทีละคำถามสิวะ!” ไอ้ซองยอลทำหน้าย่นบ่นยัยตุ๊กตา ยัยนั่นก็เลยหน้ามู่ที่โดนเด็กประถมอย่างไอ้ซองยอลบ่น ส่วนผมนั่งนิ่งอย่างเงียบๆให้ไอ้ซองยอลเป็นคนตอบทำถามที่ยัยยุนโจอยากรู้แทนผม

     

     

    “ฉันเจอนาอึนที่มหาลัยพ่อเธอ เมื่อกี้! บังเอิญเดินสวนกัน ยัยนั่นก็ปกติดี โอเค๊? อยากรู้ไรอีกมั๊ย ?”

     

     

    “ตอนนี้ยัยนั่นอยู่ไหน ?” ยุนโจถามด้วยใบหน้าที่นิ่งเหมือนกับว่าคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ซึ่งผมก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่ายัยนี่คิดอะไรอยู่

     

     

     

    “ทำไม ? เธอจะทำอะไร ?” ผมที่นั่งนิ่งมาสักพักถามยัยยุนโจด้วยความสงสัย ผมเป็นเพื่อนกับยัยนี่มานานเหมือนกันนะ แต่ตอนนี้ผมเดาไม่ถูกจริงๆว่ายัยนี่คิดอะไรอยู่ จะบอกว่าจะไปคุยกับนาอึนเหรอ? ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่แน่! เพราะยัยนี่มันชอบทำอะไรแปลกๆอยู่ด้วย จะว่าไปในกลุ่มผมอ่ะ มันก็ชอบทำอะไรแปลกๆเหมือนกันทุกคนอยู่แล้วนี่นา!

     

     

    “ฉันจะไปสั่งสอนยัยนั่นไง! อึดอัดมาตั้งแต่คราวที่ยัยนั่นมาหลอกแกแล้ว! วันนี้เจอตัวสักทีจะจัดการสักหน่อย” หญิงสาวพูดด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและจริงจัง ผมเห็นประกายจากดวงตาคู่สวยของยัยเพื่อนตัวดีของผมด้วยล่ะ ผมคาดว่ายัยนี่พูดจริงและจะทำตามที่พูดจริงๆ สงสัยจะแค้นแทนผมจริงๆแหละ มีหวังยัยนาอึนคงอันตรายแหงๆ เพราะยัยเพื่อนตัวดีของผมน่ะ มันบ้าบิ่นมาก!!!

     

     

    “เธออยู่เฉยๆ ไม่ต้องไปยุ่งกับยัยนั่นหรอก” ไม่รู้ว่าผมคนดีเกินไปรึป่าวนะ หรือเพราะผมมันเป็นพระเอก ผมเลยยอมที่จะปล่อยยัยคนที่เห็นความรู้สึกของผมเป็นเพียงแค่เกมส์เกมส์หนึ่งไปง่ายๆ ความจริงผมทั้งแค้นและทั้งเกลียดผู้หญิงคนนี้เลยล่ะ! แต่ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเธอแล้วไง! ผมเลยจะยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ

     

     

    “นิ ฉันไม่ใช่คนแสนดีเหมือนนางเอกในละครนะโว่ย! ฉันจะไปจัดการกับยัยตัวดีที่มาหลอกให้แกรักนั่นเอง แกน่ะอยู่เฉยๆเถอะ” ท้ายประโยคยัยยุนโจพูดด้วยแววตาที่มุ่งมั่นอีกครั้ง ผมเข้าใจนะว่ายัยนี่แค้นแทนผม แต่ผมไม่อยากให้คนรอบตัวของผมไปยุ่งกับยัยผู้หญิงร้ายกาจนั่นแล้วไง!

     

     

    “ฉันว่าแกน่ะอยู่เฉยๆเถอะ ปล่อยให้เป็นเรื่องของไอ้แอลเถอะ เพื่อนของเราน่ะ มันเก่งอยู่แล้ว” ไอ้ซองยอลพูดแล้วส่งยิ้มมาให้ผม เพราะมันเชื่อในตัวผมไง ว่าผมจะต้องหาทางจัดการกับยัยตัวดีที่จะวนเวียนเข้ามาให้ผมเห็นหน้าอีกครั้งได้!

     

     

    “ใช่ ฉันก็ว่างั้น” แดฮยอนที่นั่งฟังอยู่นานพูดสนับสนุนคำพูดของไอ้ซองยอล นานๆทีไอ้นี่จะมีสาระนะเนี่ย

     

     

    “เหมือนพวกแกกำลังหาว่าฉันไปยุ่งเรื่องของไอ้แอลเลยนะ” ยัยยุนโจพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนน้อยใจ แถมยัยนั่นยังทำหน้าเบะๆเหมือนงอน ไอ้ซองยอลกับไอ้แดฮยอนจึงถอนหายใจออกมาด้วยความอ่อนใจกับยัยเพื่อนตัวดีคนนี้

     

     

    แล้วพวกเราก็ต้องหยุดการสนทนาลงเมื่อมีบุคคลเข้ามาใหม่สองคน หนึ่งในนั้นคือลู่หานเพื่อนในกลุ่มของผมอีกคน แต่อีกคนที่เข้ามาด้วยนะสิ มันเรียกสายตาของเพื่อนผมทั้งสามให้ลุกโตขึ้นด้วยความตกใจ ส่วนผมเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนของผม ดวงตาของผมทั้งสองข้างเบิกกว้างขึ้นนิดๆด้วยความตกใจปนอึ้ง แต่ก็ยังรักษาฟอร์มของตัวเองไว้ไม่ให้แสดงอาการอะไรออกไป ภายในหัวใจกระตุกวูบๆเพราะความรู้สึกเก่าๆและเกลียดย้อนขึ้นมา เป็นอย่างที่ทุกคนคิดแหละ อีกคนที่เข้ามาคือ “ซนนาอึน” ผู้หญิงที่ผมเกลียดที่สุด ตอนนี้เธอกำลังดิ้นให้หลุดจากลู่หานที่จับข้อมือเธอทั้งสองแน่นอยู่! ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อสายตาของเธอมาปะทะกับสายตาของผม เธอตกใจที่เห็นผมอยู่ตรงนั้นและเธอคงคิดว่าเหตุการณ์ตอนนี้มันเป็นอะไรที่อันตรายสำหรับเธอแล้วสิ! ผมแอบสมเพชเธอเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอแสดงใบหน้าที่ดูกลัวๆออกมา

     

     

    “นี่ ฉันพามาให้” ลู่หานพูดจบแล้วก็ผลักนาอึนเข้ามาตรงหน้าผม แล้วมันก็โยนกระเป๋าของมันทิ้งไปที่โต๊ะพร้อมกับเดินไปนอนที่มุมโปรดของมัน

     

     

    นาอึนตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัวสายตาคู่นั้นของเธอมองมาที่ผมอย่างอ้อนวอนเพื่อขอความช่วยเหลือและเห็นใจ แต่ก่อนที่ผมจะทำอะไรเธอ ยัยยุนโจที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็เร็วกว่า เธอลุกขึ้นไปคว้าแขนของนาอึนด้วยความแค้นของเธอที่มันสะสมไว้ในอดีต

     

     

    “มาให้เชือดถึงที่ กล้ามากนะที่กลับมาหาพวกเราอีก” ยุนโจแสยะยิ้มเล็กน้อยและใช้สายตาสำรวจไปทั่วร่างกายของนาอึนอย่างจาบจ้วง เธอเห็นนาอึนใส่ยูนิฟอร์มของมหาลัยเธอ หญิงสาวก็พอจะเดาออกว่าร่างบางที่ตัวสั่นระริกอยู่ตรงหน้าคงจะเรียนที่นี่สินะ

     

     

    “ปล่อยฉัน...” นาอึนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เธอทำหน้าเหยเกเมื่อยุนโจออกแรงบีบที่ข้อมือของเธอแรงขึ้น แรงซะจนเธอคิดว่าแรงที่บีบอยู่นั้นคงไม่ใช่แรงผู้หญิง และป่านนี้ข้อมือของเธอคงมีรอยแดงจากแรงบีบของผู้หญิงคนนี้แน่นอน!

     

     

    “ปล่อยยัยนี่เถอะ” ผมที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่สักพักส่งเสียงขึ้นมา ส่งผลให้ทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้เบนมาที่ผมทั้งหมดยกเว้นลู่หานที่สงสัยป่านนี้นอนหลับไปแล้วมั้ง

     

     

    “ฉันจัดการเอง” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่แล้วเดินไปคว้ามือยัยยุนโจออกจากการบีบข้อมือของนาอึน ยัยนั่นมองหน้าผมด้วยสายตาที่เอาแต่ใจเหมือนเคย แต่ผมก็ทำนิ่งใส่ทำให้ยัยนั่นรู้ตัวว่าควรที่จะทำยังไง จึงเดินสะบัดกลับไปนั่งอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าที่มุ่ยเพราะถูกขัดใจ คนอย่างยุนโจอ่ะ แค่นิ่งใส่ก็รู้แล้วว่าควรที่จะทำยังไง

     

     

    “ส่วนเธอ มานี่!!” ผมกระชากข้อมือของนาอึนให้เธอเดินตามผมมา ไม่รู้ว่าผมออกแรงกระชากเยอะไปรึป่าวนะ เธอถึงได้ปลิวมากระแทกผมเลย ผมมองหน้าเธอนิ่งๆแล้วเดินลิ่วนำไปทันที ผมไม่สนใจที่จะหันกลับมามองร่างของข้อมือที่ผมกำลังกึ่งดึงกึ่งลากอยู่เลย ไม่สนใจว่าเธอจะทำหน้ายังไง? ไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บรึป่าว?

     

     

    เจ็บสิยิ่งดี! มันสะใจดี!!

     

     

    ผมลากนาอึนผ่านตึกต่างๆของมหาลัยแห่งนี้เพื่อจะพาเธอมาที่รถคันหรูของผม แต่ระหว่างทางเราสองคนก็เป็นเป้าสายตาของใครหลายๆคน หลายคนหันไปซุบซิบกันด้วยความสงสัย ก็บอกแล้วผมน่ะคนดังนะ! ผมน่ะร้อยวันพันปีไม่เคยเดินควงสาวคนไหน นอกจากจะเดินกับยัยยุนโจ ผมก็ไม่เคยเดินกับสาวคนไหนในมหาลัยเลยนะ มันก็เลยทำให้หลายคนสงสัยกันน่ะว่าทำไมผมมาเดินกับนาอึนได้?! หลายคนสงสัยว่าผมมันเป็นคนตายด้านรึไง? วันๆไม่เคยคิดที่จะยิ้ม... แต่รู้มั๊ย? ว่ารอยยิ้มของผมในอดีตมันก็เคยมีนะ แต่เพราะคนที่อยู่ข้างกายของผมตอนนี้ไงทำให้ผมกลายเป็นคนแบบนี้ได้!!

     

     

    “จะพาฉันไปไหน? ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” นาอึนออกแรงขัดขืนและดิ้นขึ้นมา

     

     

    “หึ” ผมหัวเราะในลำคอนิดๆ แล้วก็จัดการลากเธอมาจนถึงที่รถของผมด้วยความสำเร็จ แต่กว่าจะลากมาได้ก็เหนื่อยเหมือนกัน เพราะนาอึนทั้งดื้อและแหกปากให้คนช่วยขึ้นมา แต่บังเอิญเด็กของมหาลัยนี้เป็นพวกผมอ่ะนะเลยไม่มีใครกล้ายุ่ง

     

     

    ผมจัดการยัดเธอใส่รถของผมด้วยความยากลำบากเมื่อจัดการให้ร่างบางอยู่ในรถเรียบร้อยแล้วผมก็ขับรถคันหรูของผมออกไปทันที ระหว่างทางเธอทั้งดื้อและโวยวายสุดๆ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเธอหรอกนะ ผมทำเพียงแค่นั่งนิ่งๆและปล่อยให้เธอโวยวายไป

     

     

    รถคันหรูของผมมาจอดสนิทอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่มองเข้าไปแล้วคงจะแพงสุดๆแน่ ร่างบางที่อยู่ข้างผมสงบนิ่งแล้วมองออกไปที่บ้านหลังใหญ่นี้ เธอรู้ดีว่าที่นี่มันคือที่ไหน ผมคิดว่าเธอคงจำได้แหละว่าบ้านหลังนี้มันคือบ้านผม!

     

     

    “พาฉันมาที่นี่ทำไม?” เธอเอ่ยปากถามผมด้วยน้ำเสียงเย็น

     

     

    “ก็แค่จะคุยด้วย ลงไปสิ” ผมตอบเธอด้วบใบหน้าที่นิ่งสุดๆมือหนาของผมปลดสายเบลออกอย่างไม่ใส่ใจนักและก็เดินนำลงจากรถคันหรูนี้ไป

     

     

     

     

     

    “เรามาทำเหมือนคนไม่รู้จักกันเถอะ” ประโยคแรกของเธอที่เอ่ยขึ้นมาเมื่อเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่นี้ เล่นเอาผมที่กำลังจะก้าวเท้าต้องชะงักหยุดนิ่งทันที อารมณ์โกรธแล่นเข้ามาในสมองอย่างเร็ว

     

     

    เหอะ! ให้ตายเถอะ! ประโยคนี้มันสมควรเป็นผมที่จะต้องพูด!

     

     

    “หยุด! ฉันมากกว่าที่จะต้องพูดประโยคนี้” ผมหันไปตอบโต้เธอด้วยใบหน้าที่แสนเย็นชา ใบหน้าของเธอดูหม่นลงไปนิดๆ เมื่อเจอผมตอบกลับ ร่างบางก้มหน้าลงเพื่อซ่อนแววตาที่กำลังแสดงความอ่อนแอของเธอ

     

     

    “...”

     

     

    “ที่ฉันพาเธอมาที่บ้านฉันก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แค่ฉันจะหาที่สงบคุยกับเธอเท่านั้น” ดวงตาทั้งสองข้างของผมมันเหมือนกำลังถลนออกมาเพราะผมเบิกตากว้างด้วยความโกรธ สายตาที่ผมใช้มองเธอ มันทำให้คนตรงหน้าของผมตัวสั่นกลัวไม่ใช่น้อย ก็เธอเป็นคนเริ่มทำให้ผมโมโหเองนี่!

     

     

    “เรื่องของเรา...” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบผมก็แทรกขึ้นมาซะก่อน

     

     

    “อย่ามาใช้คำนี้! ...คนอย่างเธอคงใช้ท่าทางที่ดูใสซื่ออ่อนแอของเธอหลอกผู้ชายมาหลายคนสิท่า!! ฉันไม่ได้โง่เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ! หยุดทำท่าทางอ่อนแออย่างนี้ซะที!” ผมตะโกนใส่ร่างบาง ทำให้เธอที่ตัวสั่นงอด้วยความกลัวสะดุ้งขึ้นมา ยิ่งเห็นเธอทำท่าทางว่ากลัวผมซะเต็มประดาแล้วมันก็ยิ่งทำให้ผมโมโห มันก็แค่มารยาเท่านั้นแหละ! มันใช้กับผมไม่ได้ผลแล้ว ผมไม่เชื่อหรอกว่าเธอกลัวผมจริงๆ

     

     

    “...” เธอนิ่งเฉยและมองมาที่ผมด้วยสายตาน้อยใจ มันยิ่งทำให้ผมโมโหยิ่งขึ้นเลยรู้มั๊ย!

     

     

    “นิ! คนอย่างเธอน่ะ มันใช้แต่มารยาเป็นอย่างเดียวรึไง?!!” ผมพูดออกไปด้วยความโมโหเพราะเธอใช้สายตาแบบนั้นมองมาที่ผมไง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องมามองผมแบบนี้! ผมไม่ได้ใจแคบหรืออคตินะ! แต่ถ้าจะให้ผมกลับมารู้สึกดีกับผู้หญิงตรงหน้าคงยาก!

     

     

    “ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อให้นายดูถูกนะ” คนตัวเล็กเริ่มที่จะโต้กลับผมมาแล้ว น้ำเสียงของเธอดูตัดพ้อและเบาสุดๆ เบาซะจนเหมือนเธอไม่ได้พูดกับผม

     

     

    “แต่คนอย่างเธอก็สมควรโดนดูถูก!” ผมยังมิวายที่จะแขวะร่างบางตรงหน้าต่อ ก็มันอดไม่ได้นิ! ก็คนที่เกลียดมาอยู่ตรงหน้าแล้วนิจะพูดดีด้วยทำไม? จริงมั๊ยล่ะ?!

     

     

    “นายพูดเรื่องของนายมาดีกว่า ฉันจะได้ไม่อยู่ให้นายด่าซะที” ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาใบหน้าของเธอยังดูเหมือนว่ากลัวผมอยู่เลย

     

     

    “...” ผมนิ่งไปสักพักแล้วก็มองเธอด้วยแววตาที่เย็นชาเหมือนเคย

     

     

    “ออกไปจากมหาลัยนี่ซะ” น้ำเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำดังขึ้นและผมมั่นใจว่าคนตรงหน้าได้ยินชัดเจนแน่นอน หญิงสาวหยุดค้างมองผมด้วยความอึ้ง

     

     

    “อะ อะไร นะ?” น้ำเสียงของเธอดูเหมือนไม่อยากเชื่อกับคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่

     

     

    “ฉันบอกว่า ออก-ไป-จาก-มหา-ลัย-ซะ” ผมทวนด้วยน้ำเสียงชัดเจนและย้ำอีกครั้ง คนตรงหน้าผมยืนนิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมา จนผมคิดว่าเธอเป็นใบ้ไปแล้ว เพียงแต่เสียงใสได้เอ่ยขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆ มันจึงทำให้ความคิดผมหายไป...

     

     

    “นะ นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน ?”

     

     

    “หึ ฉันจะบอกเธอดีๆก่อน แต่ถ้าเธอไม่ยอมออกไป ได้รู้จักกับคำว่านรกแน่” ผมยกยิ้มที่มุมปากนิ่ง สายตาทั้งคู่มองไปที่ร่างบางอย่างเยาะเย้ย คนตรงหน้าผมก็แสดงสีหน้าหวั่นๆกลับมาให้ผมเหมือนกัน ผมคิดว่าเธอก็คงจะกลัวคำพูดผมนิดๆเหมือนกันนะ ไม่งั้นคงไม่แสดงสีหน้าอย่างงี้หรอก

     

     

    “ทะ ทำไมฉันต้อง ชะ เชื่อคำพูดนาย ?” ร่างบางพูดตะกุกตะกักอย่างกล้าๆกลัวๆ

     

     

    “จะลองดูก็ได้” ใบหน้าผมเรียบนิ่งไม่ฉายแววล้อเล่นแต่อย่างใด คนตรงหน้าก็มองผมด้วยความกล้าๆกลัวๆ ก็ผมไม่ได้ล้อเล่นจริงๆนิ ผมไม่อยากเห็นหน้าเธออีก ทางเดียวคือไล่เธอออกไปจากมหาลัยซะ ผมก็ไม่ต้องเห็นหน้าเธอแล้ว

     

     

    “ฉะ ฉันไม่กลัว”

     

     

    “หึ ให้มันจริงเถอะ คำพูดที่ออกมาจากปากเธอมันเชื่อไม่ได้เลยรู้มั๊ย?!! เธอบอกว่าไม่กลัว แต่ดูหน้าเธอสิ ตลกสิ้นดี!” ผมหัวเราะในลำคอเพราะความขันกับท่าทางที่ขัดกับคำพูดของหญิงสาว ท่าทางของผมมันก็ทำให้ร่างบางเกิดอารมณ์โมโหขึ้นมานิดๆ เธอจึงทำท่าเหมือนว่าไม่กลัวจริงๆเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกหวั่นๆภายในของเธอ

     

     

    “ฉันบอกว่าไม่กลัวก็คือไม่กลัว!” เสียงใสเอ่ยขึ้นเสียงดัง ดูเหมือนว่าเธอกำลังเริ่มที่จะโมโหแล้วล่ะ จะว่าไปใครไม่โมโหก็บ้าแล้ว เล่นโดนแขวะสารพัดขนาดนี้

     

     

    “หึ”

     

     

    “ฉันอยากรู้นักว่าคำว่านรกของนายมันจะน่ากลัวแค่ไหน” หญิงสาวท้าทายผมด้วยความโมโห มันก็ทำให้ผมใช้สายตามองเธอนิ่งๆอย่างเย็นชา

     

     

    “อย่ามาท้าทายฉันเพราะนั่นมันจะทำให้เธอยิ้มไม่ออกอีกต่อไป!! กลับไปได้แระ! ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอนานกว่านี้ มันจะทำให้อารมณ์ฉันไม่ดีและอาจจะทำร้ายคนเอาง่ายๆ”

     

     

    “นายจะทำร้ายฉันรึไงล่ะ ?”

     

     

    “นั่นแหละที่ฉันอยากทำ ออกไป!! ฉันเริ่มจะโมโหแล้ว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกเหมือนเคย เธอมองใบหน้าคมของผมนิ่งเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่างอยู่ สายตาของเธอที่มองมาที่ผมมันทำให้ผมโมโหอยู่เรื่อยเลย เพราะแววตาคู่สวยที่มองมาที่ผมมันเหมือนแววตาคู่เก่าที่เธอใช้มองผมในอดีต ยิ่งคิดแล้วอดีตร้ายๆมันก็ตามขึ้นมาหลอกหลอนให้ผมโมโหอยู่เรื่อยเลย!

     

     

    “มองอะไร ? ออกไป!!” ผมไล่เธอเสียงดัง จนเธอสะดุ้งเล็กๆเพราะเสียงของผม แล้วเธอก็เดินออกไป

     

     

    ผมมองตามร่างบางที่กำลังเดินออกจากบ้านของผมไปด้วยสายตาเย็นชา ผมเกลียดจริงๆเกลียดทุกอย่างในตัวของผู้หญิงคนนี้ เกลียด เกลียด แล้วทำไมผมต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในมหาลัยเดียวกันกับเธอล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ ไม่ยอมออกไปง่ายๆ ใช่มั๊ย? คิดว่าผมล้อเล่นรึไง? ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดีอะไรหรอกนะเพราะฉะนั้นถึงจะเป็นผู้หญิงผมก็รังแกได้!! ผมไม่สนว่าใครจะมองผมยังไง เพราะที่ผ่านมาผมก็ทำเรื่องเลวๆมาหลายเรื่องแล้ว กะอีแค่บีบให้ผู้หญิงคนหนึ่งออกจากมหาลัยทำไมผมจะทำไม่ได้?

     

     

    “ฉันเกลียดเธอจริงๆ นาอึน” ผมสะบัดหน้าไม่ให้มองร่างที่เดินออกไป อยู่ดีๆผมก็ถอนหายใจออกมาซะดื้อๆ รู้สึกเหนื่อยจริงๆ เหมือนกำลังหลอกตัวเองอยู่อย่างงั้น

     

     

     

     

    ผมทิ้งตัวลงนอนที่เตียงสีเทาอันใหญ่ในห้องนอนแสนกว้างของผม มือทั้งสองถูกยกขึ้นมาก่ายหน้าผากโดยอัตโนมัติ บ่งบอกว่าผมกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

     

     

    “ทำไมเธอต้องกลับมา ?!” ผมถามขึ้นมาลอยๆ แต่มันเป็นเสมือนคำถามที่ไม่มีคำตอบสำหรับผม ผมนอนพลิกตัวแล้วพลิกตัวเล่า เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง

     

     

    ผมกำลังคิดว่าจะทำยังไงให้เธอออกไปจากมหาลัยดี แต่ก่อนผมก็ใช้อำนาจของตัวเองบีบให้คนที่ผมไม่ชอบออกไปจากมหาลัยได้ง่ายๆนะ แต่คราวนี้เป็นนาอึนผมเลยไม่รู้ที่จะต้องทำยังไงดี หรือผมจะยกเรื่องนี้ให้ยัยยุนโจจัดการดี? ไม่ดีมั้ง ? ยัยนั่นอันตรายกว่าผมเยอะ! ผมกลัวว่านาอึนคงจะกระอักตายซะก่อนก่อนที่จะได้ลาออกเพราะยัยยุนโจน่ะเล่นแรง!

     

     

    เมื่อผมหยุดคิดเรื่องของปัจจุบันเรื่องในอดีตก็ปรากฏในหัวสมองอัตโนมัติ เหมือนมันเป็นโปรแกรมในร่างกายของผมเลยล่ะ พอหัวสมองผมว่างเปล่า คำพูดและภาพในอดีตก็ลอยเข้ามา และมันจะเป็นแบบนี้ทุกวัน

     

     

    “ขอบคุณนะคะ ที่ขอฉันเป็นแฟน ฮ่าๆๆๆๆ” คำพูดเธอในอดีตพร้อมเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเธอดังก้องในหัวสมองผม คำพูดที่เป็นเหมือนรอยแผลเป็นในอดีตของผม และมันพร้อมที่จะทำให้ผมเจ็บเสมอเมื่อนึกถึงหรือถูกสะกิด

     

     

    “เกมส์ของฉันจบแล้ว เราเลิกกันเถอะ” เสียงใสในอดีตดังก้องในหัวสมองของผม คำพูดเพียงไม่กี่คำของเธอในอดีตคอยวนเวียนและผลัดเปลี่ยนกันไหลเข้ามาในสมองผม

     

     

    “เป็นบ้าอะไรไอ้แอล! เลิกคิดซะทีสิวะ!!” ผมเอ่ยปากด่าตัวเองเพราะมัวแต่นึกถึงเรื่องในอดีตอยู่ได้ ผมลุกพรวดขึ้นและทึ้งหัวตัวเองอย่างแรงเพื่อสะบัดไล่ความคิดต่างๆที่อยู่ในสมองผม แต่มันเหมือนไม่เป็นประโยชน์อะไรเพราะทั้งคำพูดและภาพของเธอ ยังคงฉายชัดและดังก้องในหัวสมองของผมอยู่

     

     

    “โถ่เว้ยยยยย! คอยดูนะ! ฉันจะทำให้เธอมาบ้าเหมือนฉัน!!” ผมพูดด้วยแววตาที่ร้ายกาจอย่างโมโหในตัวเอง ยิ่งเห็นสภาพตัวเองแล้วก็ยิ่งอยากให้เธอเป็นมากกว่าผมเลย!

     

     

    คอยดูนะซนนาอึน! ฉันจะทำให้เธอเจ็บและบ้ายิ่งกว่าฉัน!

     

     

    อย่าหวังว่าเธอจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขในมหาลัย!

     

     

    ...ต่อไปนี้ ระวังไว้เถอะ! ได้เวลาฉันแก้แค้นและบีบให้เธอออกจากมหาลัย!!







    แง่มๆ อย่าลืมเม้นๆ โหวตๆกันนะครับ ><




     

    ::Writer Talk::
    เป็นไงบ้างๆ? ไรเตอร์อึนจริงๆ
    ถ้าไม่หนุกก็ซอรรี่ๆ ฮิฮิ
    ไว้จะปรับปรุงนะกั๊บบ ><'
    แอลยังไม่แสดงความร้ายกาจ รออีกแป๊ป
    เดี๋ยวเค้าก็จะแสดงออกมาแล้ว ^^


     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×