ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blacklist & L : กับดักร้ายผู้ชายอันตราย [ apink - infinite ]

    ลำดับตอนที่ #28 : Special Gift (SF Myungeun) L x Naeun : : 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 608
      0
      17 ม.ค. 58






     

    SF L x NAEUN


     





               แล้ววันที่ฉันนัดกับพี่แทมินก็มาถึง เขาขับรถมารับฉันถึงหน้าหอพัก แต่ก่อนที่ฉันจะขึ้นรถไปกับพี่แทมินหางตาของฉันก็เหลือบไปเห็นร่างของแอลแว๊บๆ ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามีสีหน้ายังไง เพราะฉันรีบขึ้นรถมาเพราะเกรงว่าจะมีคนเห็นน่ะสิ

     

    ฉันกับพี่แทมินพากันไปรำลึกความหลังต่างๆที่เราเคยได้ถ่ายทำรายการร่วมกัน พี่เขาคอยชวนคุยนู่นคุยนี่ จนฉันรู้สึกไม่ค่อยอึดอัดสักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าพี่เขาจะจดจำรายละเอียดต่างๆของฉันได้ดี ในขณะที่ฉันจำอะไรเกี่ยวกับพี่เขาไม่ได้สักอย่างเลย

     

    กว่าพี่แทมินจะมาส่งฉันกลับหอมันก็ปาเข้าไปดึกแล้ว ฉันจึงไม่ค่อยต้องหลบๆซ่อนๆสักเท่าไหร่ แต่ก่อนที่ฉันจะลงจากรถมาพี่แทมินก็บอกว่าจะชวนไปเที่ยวอีก ฉันก็ได้แต่พยักหน้าไปอย่างปฏิเสธไม่ได้

     

    พอฉันลงจากรถมาฉันก็เจอเข้ากับแอลที่กำลังจะเข้าหอพอดี เขาไม่ได้หันมามองฉันสักนิดเลย ทั้งๆที่ฉันคิดว่าเขาน่าจะเห็นฉันแน่ๆแล้วนะ ฉันรอจนกระทั่งเขาเข้าลิฟต์ไป จึงค่อยเข้าไปกดลิฟต์เพื่อกลับขึ้นห้องของตัวเอง

     

    พี่แทมินนัดฉันออกไปเที่ยวในช่วงที่เราว่างตรงกันบ่อยๆ แล้วเขาก็มาส่งฉันกลับหอดึกดื่นทุกวัน ทำเอาเมมเบอร์ทุกคนแซวกันว่าฉันกำลังจะมีรักครั้งใหม่แล้ว แต่ทุกคนช่างไม่รู้เลยว่าฉันไม่กล้าปฏิเสธเขา จึงต้องจำยอมไปกับเขาอย่างเกรงใจแทบทุกวัน แต่มีเรื่องแปลกอยู่อย่างนึงคือในทุกๆคืนฉันจะเจอแอลที่กลับมาพร้อมกันกับฉันทุกคืน ย้ำว่าทุกคืน! แต่เขาก็ไม่ได้ชายตามามองฉันสักนิดเหมือนเคย...

     

    วันนี้เป็นอีกวันที่วงของพวกเราจะต้องขึ้นแสดงงานปลายปี แต่คราวนี้เป็นของช่อง KS และพวกเราก็ต้องเปิดเวทีด้วยการร้องเพลงรวมเหมือนเคย ฉันรู้สึกได้ว่ามีสายตาอยู่หลายคู่ที่กำลังมองฉันอยู่ในขณะที่กำลังทำการแสดงอยู่ มันไม่ใช่เป็นสายตาของแฟนคลับที่อยู่ข้างหน้า แต่มันคือสายตาของคนที่อยู่บนสเตจเหมือนกันกับฉัน ครั้งแรกฉันหันไปเจอกับพี่แทมินที่กำลังแอบมองฉันอยู่ เขาจึงยิ้มแหยๆที่โดนจับได้ก่อนจะหันไปทำท่าร้องเพลงต่อ แต่ครั้งต่อๆไปฉันไม่รู้เลยว่าใครที่กำลังมองฉันอยู่...

     

    งานวันนี้แปลกจากงานก่อนหน้านี้คือพวกเราไม่ต้องไปนั่งรอชมการแสดงของวงอื่นข้างหน้าเวทีแล้ว แค่รอแสดงอยู่หลังเวทีเท่านั้น มันเลยทำให้พี่แทมินได้โอกาสที่จะมาคลุกอยู่กับวงของพวกเรา ทำให้ทุกคนแซวฉันกันกระจาย แต่สักพักพี่โฮย่าก็เข้ามานั่งคุยกับพี่อึนจีด้วย ฉันรู้สึกได้ว่าพี่เขานั่งคุยกับพี่อึนจีนะ แต่ทำไมสายตาของพี่เขาถึงได้แอบเหล่ๆมองมาทางฉันกับพี่แทมินบ่อยเหลือเกิน?

     

    ฉันที่เริ่มอึดอัดกับพี่แทมิน จำต้องขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำ เพื่อที่อยากจะมีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองบ้าง ฉันเดินตามทางมาเรื่อยๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่มันสะท้อนร่างของฉันที่ดูจะไม่มีความสุขเลยอยู่ข้างในนั้น

     

    “เฮ้อ~” ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ในสมองของฉันตอนนี้มันมีแต่คำถามอยู่เต็มไปหมด ...ทั้งๆที่พี่แทมินก็ดูแลและใส่ใจฉันดีขนาดนี้ ทำไมฉันไม่เคยหวั่นไหวกับเขาไปสักนิดเลยนะ มันมีแต่อึดอัด อึดอัดอยู่ทุกครั้ง T_T ทุกๆครั้งที่พี่เขาทำดีกับฉันภาพของใครบางคนจะทับซ้อนเข้ามา มันทำให้ฉัน... คิดถึง ...คิดถึงคนที่คอยตามจี้ คอยหึงอยู่ตลอดเวลาอยู่อย่างนั้น แล้วก็คิดถึงเสียงทะเลาะของเราด้วย T^T

     

    “ตัวเองมันมีอะไรให้น่ามองนักเหรอ ?” ฉันคิดว่าฉันหูแว่วไปแล้วแน่ๆ ทำไมฉันได้ยินเสียงของคนที่ฉันกำลังคิดถึงอยู่ล่ะ?

     

    “ฉันถาม ไม่ได้ยินเหรอ ?” แต่ฉันคิดว่าฉันคงไม่ได้หูฝาดไปแล้วล่ะ! เพราะคนที่ฉันกำลังคิดถึงมายืนอยู่ข้างหลังของฉันแล้ว ฉันมองเห็นใบหน้าที่ดูจะเจ้าเล่ห์ของเขาผ่านบานกระจกที่ฉันกำลังยืนมองอยู่นั้น

     

    “นายเข้ามาได้ไง?!” ฉันหันไปมองเขาด้วยความหวั่นๆปนกับความแปลกใจ

     

    “มันมีประตูฉันก็เข้ามาสิ”

     

    “แต่นี่มันห้องน้ำหญิง!

     

    “แล้วไง ? ...ฉันแค่มีเรื่องจะบอกเธอเท่านั้น ไม่ต้องกลัวผู้ชายของตัวเองจะมาเห็นหรอก” น้ำเสียงที่ติดจะประชดนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทันที

     

    “พูดอะไร ?”

     

    “อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย เรื่องไอ้แทมินโจ่งแจ้งกันซะขนาดนั้น!

     

    “นินาย! อย่ามาพูดมั่วซั่วนะ!

     

    “หึ! เห็นๆกันอยู่ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะ ฉันแค่จะมาบอกเธอว่า...ช่วยกลับหอให้มันเร็วๆหน่อยเหอะ คนของฉันเข้าใจผิดฉันทุกวันที่เห็นฉันเข้าหอพร้อมกับเธอ!!

     

    “...” ฉันกำมือแน่นเพื่อพยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง ใบหน้าของคนตรงหน้าช่างพูดออกมาได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลย มันแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีเยื่อใยอะไรกับฉันสักนิดเลย เพียงแค่กลัวว่าคนของเขาจะเข้าใจผิดเท่านั้น เขาถึงยอมมาพูดแล้วก็เจอกับฉันแบบนี้ได้!

     

    “เข้าใจใช่ไหม ?” เขาถามย้ำฉันเหมือนต้องการจะเยาะไปในตัว แต่ทว่าฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงส้นสูงกระทบเข้ากับพื้นข้างนอกก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน เหมือนสื่อให้เห็นว่ากำลังจะมีคนมาทางนี้ แอลมีสีหน้าเหรอหราไปนิดก่อนจะดึงร่างของฉันที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ เข้าไปหลบที่ห้องน้ำห้องหนึ่งทันที

     

    เสียงเปิดประตูห้องน้ำหญิงดังขึ้น ฉันได้ยินเสียงส้นสูงของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในนี้พร้อมเสียงฮัมเพลงเบาๆจากเธอ ทั้งฉันและแอลรู้สึกหายใจถี่ขึ้นมาด้วยเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ แต่ไม่ว่าจะยังไงเราสองคนก็ต้องเงียบให้ถึงที่สุด

     

    ฉันกับแอลยืนชิดกันแบบนี้มาอยู่สักพักนึงแล้ว ดูเหมือนว่ายัยคนข้างนอกจะเช็คความสวยไม่เสร็จสักที ทั้งๆที่พื้นที่ในห้องน้ำเล็กๆนี้มันก็ไม่ได้เล็กมาก แต่ทำไมแอลไม่ยอมถอยห่างจากฉันไปสักที เขาจะมายืนชิดหายใจรดกันกับฉันอย่างนี้เพื่ออะไร?

     

    “โอ๊ะ!” อยู่ดีๆยัยนั่นก็อุทานออกมา ตามมาด้วยลิปติกแท่งหนึ่งที่ฉันคาดว่าน่าจะเป็นของยัยนั่นกลิ้งหลุนๆเข้ามาในห้องที่ฉันกับแอลแอบอยู่ แท่งลิปติกกลิ้งเข้ามากระทบเข้ากับปลายรองเท้าของแอลแล้วก็หยุดนิ่งลงเหมือนจงใจอย่างนั้น ฉันกับแอลพร้อมใจกันหันมามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมายทันที

     

    “โอ๊ะ ขอโทษนะคะ ช่วยหยิบลิปติกให้หน่อยได้ไหมคะ ?” เอ๊ะ นี่มันเสียงของผู้จัดการของแอลนิ! รอดแล้ว(มั้ง) ฉันก้มลงหยิบลิปติกที่พื้นก่อนจะค่อยๆแง้มประตูออก แต่ทว่าคนข้างนอกก็ดันผลักมันเปิดออกมาซะก่อน

     

    “กะแล้ว หึ!” ทั้งฉันและแอลมีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน เมื่อผู้จัดการสาวของแอลเล่นผลักประตูเปิดออกมาโดยที่เราสองคนไม่ทันได้คาดคิด เธอมีสีหน้าไม่ค่อยดีนักจากที่ฉันสัมผัสได้นะ

     

    “นายมาทำอะไรของนาย ?”

     

    “ผมแค่มาคุยธุระน่ะพี่ เดี๋ยวจะกลับแล้ว” แอลที่ยืนอยู่ข้างๆฉันพูดเสร็จก็เดินออกไปหาผู้จัดการของเขา โดยที่เธอยังคงจับจ้องแอลอย่างไม่อยากเชื่ออยู่ดี แต่ทว่าแอลก็ลากเธอออกไปจนได้ ...ทำไมฉันรู้สึกได้ว่าสายตาผู้จัดการของแอลถึงได้มองฉันอย่างไม่เป็นมิตรเลยล่ะ? นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกได้เลยนะ เพราะปกติเธอจะเป็นมิตรแล้วก็ใจดีกับทุกคนเสมอ จะว่าเธอโกรธก็คงใช่! แต่ทำไมถึงได้มองเหมือนกับว่าเกลียดชังอย่างงั้นล่ะ?

     

    ตกดึกเข้างานปลายปีก็จบลง ตอนแรกพี่แทมินก็จะชวนฉันไปที่อื่นต่อนะ แต่ทว่าฉันได้รับข้อความจากเบอร์แปลก ซึ่งก็น่าจะเป็นแอลเพราะว่าเขาลงท้ายมาว่าแอล นัดฉันไปเคลียร์อะไรบางอย่าง ฉันจึงปฏิเสธพี่แทมินไป

     

    ฉันบอกกับทุกคนว่ามีธุระให้กลับไปก่อนได้เลย ซึ่งทุกคนก็กลับกันไปก่อน พอทุกคนกลับกันไป ฉันก็แอบออกมาพบกันแอลตามนัด แต่ทำไมสถานที่นัดของเขาถึงได้ดูลึกลับแล้วก็น่ากลัวอย่างนี้ล่ะ? มันเป็นมุมตึกมุมนึงที่มืดสนิทแล้วก็ไม่ค่อยมีคนผ่านมาด้วย แต่ว่ามันก็อยู่ไม่ไกลจากตึกที่ฉันเพิ่งทำงานเสร็จเท่าไหร่

     

    ฉันยืนรอแอลมาตามนัดอยู่อย่างนั้นพลางมือก็กดส่งข้อความเร่งใส่เบอร์ที่ส่งข้อความมานัดฉันนั้น พอเลิกกันเขาก็คงจะเปลี่ยนเบอร์หนีฉันเลยสินะ หึ!

     

    “จะทำอะไรน่ะ?!” เสียงของแอลที่ดังอยู่ข้างหลังของฉันเรียกให้ฉันหันกลับไปมอง แต่ทว่าพอหันกลับไปฉันก็พบร่างของใครคนหนึ่งที่สวมฮู้ดปิดบังใบหน้าของเขาจนมิด โดยที่มือของเขาถือมีดเงาวับอยู่ยืนทับซ้อนอยู่ข้างหลังของฉัน แต่เจ้าของมีดนั้นดูจะตกใจกับเสียงแอลซะก่อน ทำให้ยังไม่ทันได้ทำอะไรฉัน

     

    แต่พอเขาได้สติขึ้นมา เขาก็เล็งปลายมีดหันมาที่ฉันทันที แต่มันก็ช้าไปเมื่อแอลเข้ามากระชากร่างนั้นให้ออกไปจากฉัน พร้อมกับเตะมีดที่เขาถืออยู่ให้หลุดจากมือไปแล้วก็ต่อยซ้ำจนร่างนั้นล่วงไปกองกับพื้นแถมหัวยังไปกระแทกกับมุมโต๊ะเก่าๆข้างๆอีกด้วย

     

    “โอ๊ย” แต่พอตอนที่โดนต่อยร่างนั้นกับอุทานออกมาเป็นเสียงผู้หญิงซะงั้น นี่เขาเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ? ไม่ใช่เขาแต่ต้องเป็นเธอสิ... ฉันกับแอลนิ่งงันไปด้วยความตกใจเพราะเจ้าของมีดนั้นกลายมาเป็นผู้หญิงอย่างคาดไม่ถึง กว่าเราสองคนจะรู้สึกตัวยัยนั่นก็หนีหายไปแล้ว แต่ที่รู้คือยัยนั่นหัวแตกเพราะหัวกระแทกกับโต๊ะไปแหละ ;)

     

    “เธอเป็นไรมั๊ย ?” เขาหันมาถามฉันเมื่อได้สติ

     

    “ยังไม่เป็นไร”

     

    “บอกแล้วไม่ใช่เหรอ!? ว่าอย่าไปไหนคนเดียว ให้ระวังตัว!” อยู่ดีๆเขาก็ขึ้นเสียงใส่ฉันซะงั้น ทำเอาฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากเถียงต่อทันที

     

    “ก็นายไม่ใช่เหรอ?! ที่นัดฉันมาเคลียร์ในที่บ้าเนี่ย!

     

    “ฉันเนี่ยเหรอ!? ฉันนัดอะไรฮะ!?” ฉันเบื่อที่จะเถียงกับคนปากแข็งจึงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโชว์ข้อความที่เขาส่งมานัดฉันให้เขาดูเป็นหลักฐานแทน

     

    “จะบ้ารึไง?! นี่ไม่ใช่เบอร์ฉันซะหน่อย เธอไม่รู้รึไง ?”

     

    “ก็นายอาจจะเปลี่ยนเบอร์ก็ได้นิ!

     

    “ยัยโง่! เธอนี่มันโง่ของแท้เลยนะ”

     

    “มาด่าฉันทำไม?! คิดว่ามาช่วยแล้วจะด่าฉันก็ได้เหรอฮะ?!

     

    “ช่างเถอะ! ฉันไม่อยากมานั่งเถียงกับคนสมองกลวงอย่างเธอ รีบไปก่อนที่มันจะยกพวกกันมาเถอะ” แอลพูดเสร็จก็ทำท่าจะเดินนำฉันออกไป แต่ทว่าเขาก็ชะงักซะก่อน เหมือนฉันเห็นว่าเขาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างพร้อมกับหยิบมันขึ้นมานะ ...อะไรน่ะ?

     

    สุดท้ายฉันก็ต้องกลับหอพร้อมกับพวก ‘Infinite’ โดยที่แอลบอกว่าถ้าไม่อยากโดนฆ่ากลางทางก็กลับพร้อมกันซะ ฉันก็ได้แต่เดินตามต้อยๆไปขึ้นรถตู้ของพวกเขาสิ มันทำให้เมมเบอร์คนอื่นๆเกิดอาการงงเป็นอย่างมาก จึงแย่งกันซักถามพวกเรากันถี่ยิบ ซึ่งพวกเราก็ตอบกันไปตามความจริง

     

    “เออ แล้วจะเอายังไงต่อไปนาอึน ? นี่ถึงขนาดจะฆ่ากันเลยนะ” พี่อูฮยอนที่นั่งอยู่เบาะหน้าของฉันหันมาถามสีหน้าจริงจัง

     

    “ฉันคง... บอกพี่ผู้จัดการให้จัดการให้ค่ะ”

     

    “อย่าเพิ่ง!” แอลที่เหมือนว่าแกล้งหลับในตอนแรกก็แย้งขึ้นมาเสียงดัง ทำเอาทุกคนในรถหันมามองเขาด้วยความแปลกใจทันที

     

    “ถ้าบอกพี่ผู้จัดการเรื่องก็ต้องใหญ่ขึ้นสิ แล้วจะจับคนร้ายได้ไง ยัยนั่นคงไม่เสี่ยงทำร้ายเธออีกรอบให้โดนจับหรอกนะ” เขาอธิบาย

     

    “แล้วแกจะปล่อยให้นาอึนโดนทำร้ายอีกรอบเหรอ ? ถึงจะจับยัยโจรนั่นได้อ่ะ แล้วครั้งต่อไปนาอึนจะโชคดีมีคนไปช่วยแบบวันนี้มั๊ยล่ะ ?” พี่อูฮยอนย้อนถามเหมือนอารมณ์ขึ้นนิดๆ เขาดูจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของแอลเลยสักนิด! จากคำพูดของแอลแล้วการที่จะจับคนร้ายได้มันต้องแลกด้วยความปลอดภัยของฉัน ซึ่งฉันก็ไม่ไหวนะ T^T

     

    “มันก็ต้องเสี่ยง ถ้าจับไม่ได้มันก็ต้องมานั่งระวังกันอย่างนี้ แต่ถ้าจับได้มันก็จะปลอดภัยไงล่ะ”

     

    “แล้วความเสี่ยงของแกอ่ะ! ถ้าเกิดมันต้องแลกกับชีวิตของนาอึนล่ะ แกยอมได้ไหม ?”

     

    “...” แอลเงียบลงไปกับเหตุผลของพี่อูฮยอน ความจริงเขาน่าจะตอบคำถามนี้ได้ง่ายๆเลยนะ เขาก็ไม่ได้มาแคร์อะไรชีวิตของฉันอยู่แล้วนิ!

     

    “เออๆ เปลี่ยนเรื่องๆ” พี่ซองกยูที่นั่งอยู่ข้างๆพี่อูฮยอนหันมาเบรกอารมณ์ของแอลกับพี่อูฮยอนไว้

     

    “เปลี่ยนไม่ได้พี่ นี่มันคือเรื่องความเป็นความตายของน้องเราเลยนะ เกิดโจรนั่นมันย้อนมาทำร้ายน้องเราอีกล่ะ ?”

     

    “พวกเราก็ช่วยกันดูแลไง”

     

    “พวกเราไม่ได้อยู่กับนาอึนตลอดเวลานิ”

     

    “อาจมีบางคนที่อยู่นะ เห็นชอบหายไปช่วงดึกๆทุกคืน ช่วงที่พวกเรารอแสดงกันอยู่ก็ด้วย แล้วก็ไม่เคยได้เห็นหน้าหรอกเวลาว่างๆน่ะ” พี่ซองยอลที่นั่งอยู่เบาะหลังของฉันยื่นหน้าเข้ามาพูด

     

    “ใคร ?” ซึ่งทุกคนก็มีคำถามเหมือนกันหมด

     

    “ก็ไม่รู้สิ แถวๆนี้ล่ะ” ฉันเริ่มงงกับคำพูดของพี่ซองยอลแล้ว เหมือนเขาต้องการสื่ออะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ยอมบอกให้หมดซะงั้น ;(

     

    “อ๋อ........... เออ ไอ้แอลแกไปเจอนาอึนโดนทำร้ายได้ไง ?” พี่ซองกยูลากเสียงยาวเหมือนจะเข้าใจแล้ว แต่ช่วยบอกฉันหน่อยเถอะว่าใคร? ฉันอยากรู้จริงๆ _/\_ พี่ซองกยูที่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรแล้วเปลี่ยนมาถามคำถามที่ฉันอยากรู้ที่สุดคำถามนึงอย่างรวดเร็ว

     

    “กะ ก็... เดินผ่าน” เขาดูจะติดๆขัดๆไปเล็กน้อยตอนที่พูดออกมา มันก็น่าแปลกนะ ไปเดินผ่านอะไรแถวนั้นล่ะ?

     

    “เดินไปทำไมล่ะ ?”

     

    “เออน่าพี่ อย่าถามมากเถอะ!” เขาตัดบทก่อนจะกลับลงไปนอนอีกครั้ง ซึ่งก็เหมือนเดิมคือเขาก็ยังคงแกล้งหลับอยู่ดี ;(

     

    ในที่สุดเราก็มาถึงหอพักกันสักที พวกพี่ๆ ‘Infinite’ เดินล้อมรอบตัวฉันกันเป็นวงกลมเหมือนเกราะป้องกันอย่างนั้น แต่มีแอลคนเดียวที่เดินดิ่งๆเข้าไปไม่รอใครสักคน T^T

     

    ทุกๆวันดำเนินผ่านไปอย่างช้าๆ โดยในทุกวันฉันจะต้องคอยมานั่งระวังตัวอยู่อย่างนี้ตลอด แต่ก็จะมีพวกพี่ๆ ‘Infinite’ คอยถามไถ่ความปลอดภัยของฉันเสมอ ขาดก็แต่แอลเท่านั้น เขาทำเหมือนกับว่าไม่สนใจความปลอดภัยของฉันอย่างนั้น T^T

     

    แต่ว่าเมมเบอร์ในวงของฉันยังไม่มีใครรู้เรื่องที่ฉันจะโดนทำร้ายกันเลยสักคน ฉันลองคิดๆดูแล้วว่าฉันควรปิดเรื่องนี้เป็นความลับและขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ ‘Infinite’ ให้ช่วยจับยัยผู้ร้ายนั่นที!

     

    แล้วจะทำยังไงถึงจะล่อยัยผู้ร้ายนั่นออกมาได้ล่ะ? ยัยนั่นจะทำร้ายฉันเพราะอะไร? ถ้าฉันรู้ก็คงดี จะได้ใช้เป็นกับดักล่อยัยนั่นออกมา แต่นี่ฉันไม่รู้เลย ฉันโดยทำร้ายเพราะอาร๊ายยยยยยยยย... แต่ฉันคิดว่าแอลคงรู้อะไรบางอย่างเพราะว่าเขาเคยมาเตือนฉันเรื่องนี้อยู่ แต่ถ้าจะให้ฉันไปถามแอลก็คงไม่ใช่นะ T^T

     

    “นาอึน คิดอะไรอยู่น่ะ ?” พี่แทมินที่กำลังขับรถมาส่งฉันที่หอพักเหมือนเคยถามขึ้น วันนี้ฉันก็คงยังออกไปเที่ยวกับพี่แทมินเหมือนเดิม T_T

     

    “เอ่อ... กำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องทำอะไรบ้างน่ะค่ะ J” ฉันโปรยยิ้มเรียบๆไปนิดๆ ก่อนจะหันไปสนใจข้างทางต่อ

     

    สักพักรถของพี่แทมินก็แล่นเข้ามาจอดอยู่ที่หน้าหอพักของฉัน ฉันหันไปขอบคุณพี่แทมินเหมือนเคย แต่ว่าคราวนี้พี่เขากลับรั้งฉันไว้ก่อนซะงั้น

     

    “พี่ขอเข้าไปส่งถึงหน้าห้องได้ไหม ?”

     

    “เอ่อ...” ฉันถึงกับไปไม่เป็นเลยเมื่อพี่เขาขอถึงขั้นนี้ ฉันควรจะปฏิเสธเขาได้แล้ว ไม่ใช่มัวมาเกรงใจเขาแบบนี้เรื่อยๆ T^T

     

    “ขอแค่ครั้งเดียว... นะ” พี่แทมินทำสีหน้าอ้อนๆใส่ฉัน

     

    “มันไม่ดีนะคะ เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”

     

    “ไม่หรอกน่า เราก็แค่ปลอมตัวขึ้นไป พี่สัญญา...แค่หน้าห้องจริงๆ”

     

    “แต่...” ยังไม่ทันที่ฉันได้ตอบตกลง พี่แทมินก็เอื้อมมือไปหยิบถุงอะไรสักอย่างที่วางอยู่บนเบาะหลังของรถเขาซะก่อน

     

    “อ่ะ” เขาหยิบหมวกใบโตพร้อมด้วยแว่นตาอันใหญ่เบ้อเร่อตามด้วยผ้าพันคอสีดำจากถุงที่เขาเพิ่งหยิบมาส่งมาให้ฉัน เรียกได้ว่ายัดเยียดเลยก็ว่าได้ ส่วนเขาน่ะเหรอ? หยิบแว่นตาอันใหญ่พร้อมกับผ้าพันคอขึ้นมาใส่แล้วก็ออกไปรอฉันข้างนอกเรียบร้อยแล้วจ้า

     

    ในที่สุดพี่แทมินก็ได้ขึ้นมาส่งฉันจนถึงหน้าห้องจนได้ ฉันกับพี่เขาเดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงหน้าห้องของฉัน เราทั้งสองจึงหยุด แล้วฉันก็หันไปขอบคุณพร้อมกับบอกลาพี่เขา แต่ในช่วงที่ฉันกำลังจะเปิดประตูเข้าห้องไปนั้น พี่แทมินก็จู่โจมเข้ามาสวมกอดฉันจากข้างหลังอย่างรวดเร็ว ทำเอาฉันเซแล้วก็ตกใจไปเลย

     

    “พี่ชอบเรา คบกันนะ” คำพูดที่หลุดออกมาโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำเอาฉันชะงักค้างไปทันที ราวกับว่าทุกๆอย่างรอบตัวของฉันมันเปลี่ยนไปเมื่อคำสารภาพรักและคำขอของพี่แทมินถูกพูดออกมา ทำไมบรรยากาศมันช่างเป็นใจอย่างนี้ล่ะ? แต่หัวใจของฉันมันไม่เป็นใจเลยสักนิด T^T ฉันนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นไปนาน

     

    “พี่ชอบเราตั้งแต่ที่เราได้ทำงานด้วยกันแล้ว แต่พี่ไม่กล้าจีบเพราะพี่รู้ว่าเรามีแฟนอยู่แล้ว แต่ที่ตอนนี้พี่กล้าก็เพราะ...พี่รู้ว่าเราเลิกกับแฟนแล้ว ...เรามาคบกันเถอะนะ” พี่แทมินกระชับกอดฉันแน่นขึ้น ในขณะที่ฉันก็ยังนิ่งเงียบเหมือนเดิม

     

    “ได้ไหมนาอึน ?” พี่แทมินยังคงขอร้องอยู่อย่างนั้น แต่ทว่าหางตาของฉันก็ดันเหลือบไปเห็นร่างของผู้ชายที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ฉันไม่สามารถตอบรับพี่แทมินได้ยืนอยู่ไม่ไกลจากฉันกับพี่แทมินสักเท่าไหร่ เขากำลังมองมาด้วยสายตาที่ทำเอาฉันแทบไหม้เกรียม

     

    “นาอึน...” แล้วจู่ๆพี่แทมินก็พลิกร่างของฉันให้เข้าไปหาร่างของเขาก่อนจะค่อยๆประคองใบหน้าของฉันขึ้นมา ในตอนแรกฉันกำลังที่จะปฏิเสธแต่ก็อยากจะลองใจคนที่กำลังยืนมองเราทั้งสองคนอยู่ จึงปล่อยเลยตามเลย พี่แทมินจึงค่อยๆยื่นใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนริมฝีปากของเราแทบจะแตะกันอยู่แล้ว ...แอลเค้าคงไม่ทำอะไรแล้วสินะ เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันก็ค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างแผ่วเบาก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆไหลออกมาจากหางตาอย่างห้ามไม่ได้

     

    พลั่ก!

     

    เสียงร่างของพี่แทมินถูกกระชากไปกระแทกกำแพงอย่างแรงก่อนที่เขาจะจูบฉันได้สำเร็จ ฉันลืมตาโพล่งขึ้นมาดูด้วยความตกใจ ก็พบเป็นแอลที่ยืนอยู่ข้างหน้าของฉันด้วยใบหน้าที่เดือดอย่างมากๆ เขาหายใจถี่อย่างแรง ทำเอาฉันแทบจะตัวหดกับความน่ากลัวของเขาตอนนี้เลย

     

    “ทำอะไรเนี่ย?!” พี่แทมินค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างงงๆ ก็อยู่ดีๆตัวเองก็ถูกกระชากอย่างงั้น จะไม่งงได้ไงล่ะ?

     

    “ทำอะไรเหรอ ?” แอลทวนคำพูดของพี่แทมินก่อนจะหันไปหาเขาแล้วก็เหวี่ยงหมัดใส่พี่แทมินอย่างรุนแรง จนพี่เขาร่วงลงไปกองกับพื้นทันที

     

    “นี่สำหรับที่แกมายุ่งกับผู้หญิงของฉัน!” ผู้หญิงของฉันงั้นเหรอ?! ฉันไม่ได้หูฟาดไปใช่ไหม? ฉันยืนช็อคค้างเหมือนกับถูกแช่แข็งไม่มีผิด ซึ่งก็ไม่ต่างกับพี่แทมินเลย

     

    “อะไรนะ?!” พี่แทมินถามย้ำด้วยความช็อค

     

    “นาอึนคือของฉันคนเดียวเท่านั้น! จำไว้!” คำพูดที่ถูกย้ำอีกครั้งมันเปรียบเสมือนคำสาปที่สาปให้ฉันถูกแช่แข็งอยู่อย่างนั้นอย่างห้ามไม่ได้ ฉันกำลังฝันไปรึป่าว?

     

    “พูดบ้าอะไรของนายฮะ?!” แต่ทว่าเสียงหนึ่งที่ดังอยู่ข้างหลังของฉัน ทำให้พวกเราทุกคนต้องหันไปมองบุคคลที่เข้ามาใหม่ทันที พี่โชรงเดินออกมาจากห้องพร้อมมองแอลด้วยความไม่ชอบใจอย่างมากที่สุด

     

    “น้องของฉันไม่มีวันไปเป็นของนายอีกแล้ว จำไว้!” พี่โชรงว่าพร้อมกระชากร่างของฉันเข้าหาตัวก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงพี่แทมินให้ลุกขึ้นแล้วก็พาพวกเราเข้าห้องไป โดยที่ฉันทำได้เพียงแค่แอบมองแอลที่ก็มองตามฉันเข้ามาตาละห้อยเหมือนกัน

     

    พี่โชรงพาพี่แทมินเข้ามาทำแผลที่โดนแอลต่อยในห้องก่อนจะเล่าเรื่องของฉันกับแอลให้ฟัง โดยที่ฉันไม่ขออยู่ร่วมวงด้วย จนกระทั่งพี่แทมินกลับไป พี่โชรงถึงเข้ามาหาฉันพร้อมทิ้งคำพูดที่ทำให้ฉันต้องคิดไว้

     

    “อย่าลืมว่าไอ้แอลมันเคยทำอะไรไว้บ้าง ...ผู้ชายที่เคยทิ้งเราไปครั้งหนึ่งแล้ว มันก็สามารถทิ้งเราได้อีกครั้งหนึ่งเหมือนกัน แต่กลับผู้ชายที่ยังไม่เคยได้ลองให้โอกาสเขาเลย ถ้าเราได้ให้โอกาสเขา เราก็อาจจะมีความสุขมากกว่าก็ได้นะ”

     

    ฉันจมอยู่กับเรื่องทุกอย่างอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งถึงวันสิ้นปีและวันนี้ฉันกับวงจะต้องไปร่วมงานปลายปีของช่อง MC เหมือนๆเคย ศิลปินทุกวงร่วมกันร้องเพลงเพื่อเปิดงานจนจบเพลง ฉันถึงได้ลงไปพักผ่อนที่ห้องพักได้ แต่พี่แทมินที่ฉันหลบหน้าหลบตาเขามาตลอดก็ตามเข้ามาจนได้

     

    “นาอึน...” พี่แทมินเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เมมเบอร์คนอื่นที่อยู่ในห้องก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะค่อยๆเดินออกไปข้างนอกห้องกันจนหมด ทิ้งฉันกับพี่แทมินไว้เพียงลำพังเท่านั้น

     

    “พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”

     

    “...”

     

    “พี่... พี่ไม่สนว่าเรากับไอ้แอลจะเป็นอะไรกันมาก่อน... พี่ไม่สนว่ามันจะรู้สึกยังไงกับนาอึน... พี่ไม่สนว่านาอึนจะคิดยังไงกับมัน แต่พี่สนใจแค่โอกาส... โอกาสที่นาอึนจะยอมมาคบกับพี่รึป่าว พี่ขอแค่นี้ได้ไหม ?”

     

    “...”

     

    “เรามาสร้างความทรงจำใหม่ด้วยกันเถอะนะ”

     

    “...”

     

    “คบกับพี่เถอะ” ฉันมองหน้าพี่แทมินนิ่งๆก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมาน้อยๆ จนทำให้พี่แทมินยิ้มออกมาด้วยความดีใจเหมือนกับว่าฉันตอบตกลงไปแล้วอย่างนั้น

     

    20 ปีต่อมา...

     

    ตอนนี้ฉันได้แต่งงานกับผู้ชายคนนึงไปแล้ว และตอนนี้ฉันกับเขาก็มีพยานรักร่วมกันหนึ่งคนแล้วด้วย ซึ่งลูกของฉันเป็นเด็กผู้หญิงอายุราวๆเกือบห้าขวบที่น่ารัก แสบและซนถอดแบบมาจากฉันเป๊ะๆ และเธอก็มีชื่อว่า นามิ’^^ ตอนนี้ฉันก็ได้วางมือจากทุกอย่างเพื่อที่จะมาเป็นแม่บ้านที่ดูแลลูกและก็ดูแลสามีของฉันเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแล้ว >///<

     

    “คุณแม่คะ... เมื่อไหย่คุณพ่อจะกลับมาเหยอคะ ?” นามิที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่หันมาถามฉันซึ่งกำลังวาดรูปนามิอยู่ตาแป๋ว ฉันวางดินสอลงก่อนจะเข้าไปหานามิแล้วก็กอดเธอไว้

     

    “คิดถึงคุณพ่อเหรอคะ ?”

     

    “ค่ะ คุณพ่อใจย้าย ชอบทิ้งนามิกับคุณแม่ไว้ฉองคน” ฉันหัวเราะเบาๆกับคำพูดของลูกสาวตัวเล็กของฉันก่อนจะยีหัวเด็กดื้อของฉันเบาๆด้วยความเอ็นดู

     

    “ก็คุณพ่อทำงานนิคะ”

     

    “แต่นามิคิดถึงคุณพ่อ คุณพ่อลืมฉัญญาด้วย”

     

    “สัญญาอะไรคะ ? คุณพ่อมาสัญญาอะไรคะ ?” ฉันมองลูกสาวจอมดื้อของฉันด้วยความสงสัย ขนาดคุณพ่อยุ่งจนแทบไม่ได้เจอกัน ยังจะมาสัญญาอะไรกันอีกนะ?

     

    “อุ๊ปส์~  OxO ป่าวค่ะๆ” เด็กน้อยยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยท่าทางน่ารักทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองหลุดปากออกมาแล้ว ทำเอาฉันแทบไม่อยากจะซักถามต่อเลย ^^

     

    “อ้ะ! คุณพ่อมาแย้ววว” ยัยเด็กดื้อรีบวิ่งตัวตั้งนำหน้าฉันออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงรถของพ่อเธอ มันจะเป็นอย่างนี้ทุกวันเสมอ นามิจะจำเสียงรถพ่อของเธอได้ดีแล้วก็จะวิ่งหน้าตั้งออกมารับทุกวัน ฉันหัวเราะเบาๆกับภาพที่ได้เห็นก่อนจะเดินตามออกไป ก็พบกับสองพ่อลูกที่โผลเข้ากอดกันพอดี แล้วยัยเด็กน้อยจอมแสบนั่นก็ก้มลงไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับพ่อของเธอ แล้วก็หัวเราะกันสองคนเท่านั้น

     

    “นี่ นินทาอะไรกันใช่มั๊ย ?” ฉันขมวดคิ้วมองสองพ่อลูกด้วยความสงสัยทันที สองพ่อลูกทำท่าสะดุ้งก่อนจะหลุดขำพรืดกันมาทั้งคู่

     

    “เข้าบ้านดีกว่า หนาวแล้วก็เหนื่อยมากเลย” คุณสามีของฉันอุ้มยัยนามิขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาจุ๊บแก้มของฉันหนึ่งที ทำเอายัยนามิหัวเราะคิกทันที

     

    “นามิด้วย” นามิยื่นแก้มป่องๆของตัวเองไปให้คุณพ่อของเธอหอมแก้ม ซึ่งคุณพ่อของเธอก็ทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนที่ครอบครัวสุขสันต์ของเราจะเดินเข้าไปในบ้านแล้วก็นั่งลงที่ห้องรับแขกกันอย่างอารมณ์ดี

     

    “คุณพ่อคะ วันนี้คุณแม่คุยโทรฉัพท์กับใครก็ไม่ยู้ด้วยค่ะ^^” เอาแล้วไง! ตอนแรกก็ครอบครัวสุขสันต์หรอกนะ แต่พอยัยนามิพูดเรื่องนี้คงไม่สุขสันต์แล้วม้างงง ดูได้จากตาเขียวปัดที่คุณสามีของฉันส่งมาให้สิ TT_TT

     

    “กับใคร ?”

     

    “ผู้ชายค่ะ นามิได้ยินเฉียง” ฉันส่งสายตาเขียวปัดไปให้กับยัยลูกขี้ฟ้องของฉันทันที แต่ยัยเด็กนั่นกลับโผลเข้าไปซุกคุณพ่อของเธอซะงั้น บางที่ยัยนามิก็ฉลาดและก็แสนรู้เกินไปนะ T^T

     

    “บอกมา...”

     

    “กะ ก็เพื่อนเก่าไง^^” ฉันยิ้มแหยๆ

     

    “คนไหน ?”

     

    “คน...คนที่...”

     

    “คนที่คุณพ่อชอบหึงบ่อยๆ แล้วก็เป็นคนที่เคยชอบคุณแม่ค่ะ” ฉันหับขวับไปมองยัยตัวดีจอมขี้ฟ้องทันที โอ๊ยยย จะบ้าตาย! นี่ยัยนามิเป็นลูกฉันนะ ทำไมทำอย่างนี้กับฉันล่ะ?!

     

    “นาอึน!” ฉันสะดุ้งทันทีที่คุณสามีของฉันเรียกชื่อฉันเสียงดัง T_T ฉันผิดไปแล้วเจรงๆ... จะผ่านมากี่ปีๆ เขาก็ไม่เคยเลิกหึงคนๆนี้สักที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

     

    “คุณพ่อจะทำโทษคุณแม่แย้ว นามิไปดีกว่า” ยัยนามิตัวแสบที่รู้หน้าที่ของตัวเองดีรีบลุกขึ้นแล้วก็วิ่งหายขึ้นห้องไปทันที

     

    “ย่าห์!!!!!!!!!!!! นามิ! คิมนามิ! ทำไมทำกับคุณแม่อย่างนี้ล่ะ?!” ฉันโวยวายตามหลังยัยนามิขึ้นไปลั่นก่อนจะทำเนียนลุกขึ้นจะไปโวยวายยัยนามิต่อ แต่ทว่าคุณสามีของฉันก็ดันคว้าแขนของฉันไว้ซะก่อนจะลุกขึ้นตามฉันอย่างเอาเรื่อง

     

    “ซนนาอึน เธอก็รู้ว่าคนอย่างคิมแอลจะโมโหมากแค่ไหน ถ้าเธอยังคงกลับไปคุยกับไอ้แทมินอยู่” ฉันหันไปมองหน้าเขาตัวหดด้วยความหวั่นใจและก็ความกลัวเหมือนเดิมไม่มีผิด

     

    คุณสามีของฉันก็คือคิมแอลคนขี้หึงคนเก่านั่นแหละ! เราสองคนแต่งงานกันมาได้ประมาณเกือบๆหกปีได้ แล้วก็มียัยนามิจอมแสบด้วยกันเนี่ยแหละ เรื่อง 20 ปีที่แล้วมันจบลงยังไงไว้เดี๋ยวฉันค่อยมาบอกละกัน

     

    ทั้งแอลและฉันก็ไม่ได้เป็นไอดอลเหมือนเคยแล้ว ด้วยความที่ถึงจุดอิ่มตัวและอายุของพวกเราทุกคนในวงก็เริ่มมากขึ้นกันแล้ว ทำให้ทุกคนแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง แต่ก็ยังคงติดต่อกันอยู่ ฉันมาเป็นแม่บ้านและก็ภรรยาของแอล >///< ส่วนเขาก็ผลันตัวไปเป็นนักแสดงแทน^^ แต่เขาก็ยังคงได้รับความนิยมมากมายเหมือนเคย ถึงแม้จะอายุมากขึ้นแล้วก็แต่งงานแล้วก็เหอะ!

     

    ชีวิตครอบครัวตอนนี้ของพวกเราก็มีความสุขกันดี เพียงแต่ว่าแอลเขาจะหึงผู้ชายที่มาเข้าใกล้ฉันเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นก็คือพี่แทมิน ซึ่งตอนนี้พี่เขาก็แต่งงานไปแล้วเหมือนกัน^^ แอลหึงถึงขนาดสั่งห้ามให้ฉันคุยแล้วก็เจอกับพี่แทมินทุกทางเลยนะ ฉันก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะหึงทำไม -*- อ๋อ! คงจะเหมือนกับตอนที่ฉันหึงคริสตัล ทั้งๆที่แอลก็บอกว่าเธอมีแฟนอยู่แล้วล่ะมั้ง ^^

     

    “เธอขัดคำสั่งฉัน” แอลเขยิบเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะพูดเสียงอ่อย

     

    “ยอมโดนลงโทษซะเถอะ” เขาพูดก่อนจะอุ้มฉันตัวลอยโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ฉันต้องกอดคอเขาไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะตกลงมา และฉันก็รู้ว่าความหมายของคำว่าทำโทษของเขาทันทีเมื่อแอลอุ้มฉันตรงดิ่งมาที่ห้องนอนพร้อมกับวางฉันลงบนเตียงสีสะอาดตา

     

    “ฟังฉันอธิบายก่อนสิ” ฉันเปิดปากขึ้นมาเมื่อแอลทำท่าจะโถมตัวเข้าใส่ฉัน

     

    “ไม่ฟัง” เขาคว้าเอาข้อมือทั้งสองข้างของฉันขึ้นมาก่อนจะตรึงมันไว้เหนือหัวของฉัน ฉันทำหน้ามุ่ยอย่างไม่ชอบใจ แต่คนที่ตรึงร่างของฉันไว้ก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด

     

    “อยากรู้มั๊ย ? นามิพูดกับฉันว่าอะไรตอนที่ฉันลงรถมา” ฉันเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจ ทั้งๆที่หูทั้งสองข้างของฉันนั้นกางด้วยความอยากรู้เต็มที่

     

    “นามิทวงสัญญาจากฉัน... ฉันเคยสัญญากับนามิว่าจะมีน้องให้นามิ ;)” ฉันหันขวับไปมองแอลที่กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที เขากับนามินี่น้า! เคยถามฉันบ้างไหมเนี่ยฮะ?!

     

                “ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะแค่ยัยนามิคนเดียว ฉันก็ปวดหัวมากแล้ว”

     

                “แต่ฉันอยากให้เธอปวดหัวมากขึ้น ;)” แอลยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะก้มลงมาประทับริมฝีปากอุ่นๆของเขาใส่ฉัน แล้วฉันที่ปฏิเสธเขาในตอนแรกก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเขาเริ่มบทรักที่แสนจะร้อนแรงของเขาพร้อมกักฉันไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้เลย T_T

     

                อ้วกกกกกกกกก

     

                ทันทีที่ตื่นเช้ามาฉันก็เกิดอาการมวนท้องอยากอาเจียนอย่างรุนแรง จนสุดท้ายฉันก็มายืนอาเจียนแทบหมดแรงอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำอยู่นี่ ส่วนแอลนะเหรอ? นอนหัวเราะอยู่ที่เตียงอยู่นั่นไง! เขารู้ดีว่าฉันเป็นอะไร!

     

                “เป็นไงบ้าง ?” แอลที่นอนหัวเราะอยู่บนเตียงในตอนแรกลุกขึ้นมาถามฉันที่ยังคงอาเจียนออกมาไม่หยุด ฉันมองหน้าเขาอย่างเคืองๆก่อนจะเกิดอาการมวนๆท้องจนต้องหันกลับไปอ้วกอีกรอบ

     

                “ฮ่าๆ สงสัยลูกคนนี้จะดื้อนะ ทำแม่อ้วกไม่ยอมหยุดเลย” เขาหัวเราะร่าแต่ก็ยื่นมือเข้ามาลูบหลังของฉันเบาๆ ฮือ.. ฉันกำลังท้องแล้วสินะ T^T เขาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนามิได้แล้ว! TT_TT

     

                “หยุดเลย เพราะนาย เพราะนะ... อ้วกกกกกกกกกกก” ฉันที่กำลังบ่นแอลอยู่พูดได้ไม่ทันจบประโยคก็เกิดอาการอ้วกออกมาอีก ทำให้แอลหัวเราะไม่หยุดยิ่งกว่าเคยเลย

     

                “เธอไม่รู้อะไรเลย ฉันทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนามิตลอดเลยนะ^^ ดีแระ ที่มาช่วงนี้พอดี ยัยนามิทวงสัญญายิกๆเลย”

     

                “นายมันนิสัยไม่ดี”

     

                “ฮ่าๆ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ...วันนี้วันสิ้นปีพอดีก็ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่ของเราละกันนะ^^” แอลยื่นมือเข้ามาดึงแก้มของฉันด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะกดจมูกโด่งๆของเขาลงมาบนแก้มเนียนของฉัน ฉันจึงเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้เขาทันที

     

                “ดีขึ้นรึยัง ?” เขาถามฉัน ซึ่งฉันก็ยังคงส่งใบหน้าที่ขุ่นๆกลับไปให้เขาอยู่ดี

     

                เมื่อฉันรู้สึกดีขึ้นจึงลงมาชั้นล่างของบ้านก่อนจะเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้กับคุณลูกและก็สามีของฉัน ฉันใช้เวลาไม่นานในการเตรียมอาหารในเช้านี้ มันพอดีกับที่ฉันได้ยินเสียงวิ่งของยัยนามิเข้ามาพอดี

     

                “คุณแม่คะ!!!!!!!!!!!!” ยัยนามิส่งเสียงเรียกฉันมาแต่ไกลก่อนจะโผลเข้ากอดฉันอย่างแรง ทำเอาฉันเซไปนิดเลยล่ะ

     

                “ขอนามิทักทายคุณน้องหน่อยนะคะ” ยัยนามิทำตาแป๋วอ้อนวอนใส่ฉัน ฉันจึงหันไปมองตัวตนเหตุที่คงบอกเรื่องฉันท้องกับนามิไปแล้วอย่างแอลทันที ซึ่งเขาก็ยังคงหัวเราะเยาะฉันอยู่ดี ฉันจึงส่งค้อนไปให้เขา ก่อนจะนั่งลงให้เสมอกับยัยนามิของฉัน

     

                “สวัสดีนะคุณน้อง^^” นามิเอื้อมมือมาลูบท้องของฉันเบาๆก่อนจะจูบลงมาอย่างแผ่วเบา ทำเอาฉันอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ แล้วเราทุกคนก็มานั่งทานอาหารเช้ากันต่อด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นเพราะว่าข่าวดีที่มีในวันนี้นั่นเอง

     

                “คุณพ่อจะพาพวกเราไปไหนเหยอคะวันนี้ ?” ยัยนามิที่เคี้ยวข้าวตุ้ยๆเอ่ยปากถามขึ้นมา เมื่อแอลบอกว่าคืนนี้จะพาไปเค้าทน์ดาวน์ในที่ที่พิเศษที่นึง ฉันก็อยากรู้เหมือนกันนะที่ไหน?

     

                “ความลับครับ J” แอลยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดข้าวที่เลอะปากของนามิอยู่

     

                “นามิอยากยู้”

     

                “ถามคุณแม่สิครับ คุณแม่ชอบที่ไหนเป็นพิเศษ” ยัยนามิเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นฉันทันที เมื่อแอลเล่นโยนมาให้ฉันอย่างนี้ ก็ทำเอาฉันไปไม่เป็นเหมือนกันสิ ฉันก็ไม่รู้นิว่ามันคือที่ไหน T^T

     

                “นามิค่อยรู้คืนนี้นะครับ^^” แอลพูดเสียงหวานละมุนพร้อมยื่นมือไปลูบหัวของนามิเบาๆ ทำเอาเด็กน้อยโอนอ่อนตาม ซึ่งยัยนามิก็พยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่ายทันที

     

                เมื่อทานอาหารเสร็จสองพ่อลูกก็พากันไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขก ฉันได้ยินเสียงหัวเราะของทั้งคู่ที่กำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนานเล็ดรอดออกมาเป็นระยะ ซึ่งฉันที่กำลังล้างจานอยู่อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้ เมื่อทำงานทุกอย่างเสร็จแล้วฉันก็เดินออกไปหาสองพ่อลูกที่ดูเหมือนว่ากำลังเล่าเรื่องอะไรกันอยู่

     

                “อ้าว คุณแม่มาพอดี ให้คุณแม่มาเล่าต่อนะครับ^^” ฉันมองแอลอย่างงงๆว่าเขากำลังจะให้ฉันเล่าเรื่องอะไรให้ยัยนามิฟัง

     

                “นามิอยากรู้เรื่องของเราเมื่อยี่สิบปีก่อนน่ะ ฉันเล่าถึงตอนที่ไอ้แทมินมันขอเธอคบวันสิ้นปีนั่นอ่ะ เธอเล่าต่อที” ฉันมองหน้าแอลอย่างเข้าใจขึ้นมาแล้วเขาก็คว้าร่างของฉันเข้าไปนั่งตักของเขาต่อหน้ายัยนามิหน้าตาเฉย ทำเอายัยนามิหัวเราะคิกไม่หยุดทันที ฉันก็ได้แต่ส่งค้อนไปให้เขาเหมือนเดิม T^T

     

                “เล่าสินาอึน” เขาแหย่ฉันอย่างอารมณ์ดี

     

                “คุณแม่หน้าแดง^^” ยัยนามิก็เป็นอีกคนที่กำลังล้อเลียนฉันอยู่ นี่ฉันเป็นตัวตลกของบ้านรึไงกัน????? ฉันมองสองพ่อลูกด้วยใบหน้ามุ่ยๆก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องในอดีตเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจขึ้นมา

     

                ย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบปีก่อนตอนที่พี่แทมินมาขอฉันคบในห้องแต่งตัวของงานปลายปีช่อง MC นั้น ฉันจำมันได้ดีนะเหตุการณ์ในช่วงนั้น แม้มันจะผ่านมานานก็แล้วเถอะ

     

                “...”

     

    “คบกับพี่เถอะ” ฉันมองหน้าพี่แทมินนิ่งๆก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมาน้อยๆ จนทำให้พี่แทมินยิ้มออกมาด้วยความดีใจเหมือนกับว่าฉันตอบตกลงไปแล้วอย่างนั้น

     

                แต่ความจริงมันไม่ใช่ ฉันว่าฉันควรจะชัดเจนกับพี่แทมินและก็รู้จักปฏิเสธพี่แกได้แล้ว พี่แกจะได้ไม่รู้สึกว่าฉันให้ความหวังกับเขา

     

                “ฉันตัดสินใจแล้วนะคะ” พี่แทมินยิ้มแฉ่งด้วยหวังว่าจะเป็นข่าวดี

     

                “ฉันอยากที่จะเป็นพี่น้องที่สบายใจกับพี่มากกว่าค่ะ J

     

                “...”

     

                “ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆที่พี่มีให้กันนะคะ แต่ฉันรู้สึกอุ่นใจที่ได้เป็นพี่น้องกับพี่แทมินมากกว่าน่ะค่ะ ขอโทษที่ฉันตอบรับความรู้สึกของพี่ไม่ได้จริงๆ” ฉันมองรอยยิ้มของพี่แทมินในตอนแรกที่มันเริ่มหุบลงเรื่อยๆก่อนที่พี่เขาจะยิ้มแบบเจื่อนๆส่งมาให้กับฉัน

     

                “พี่นี่แย่จริงๆ”

     

                “ป่าวซะหน่อยค่ะ พี่แทมินเยี่ยมมากๆต่างหากล่ะค่ะ^^

     

                “ถ้าพี่ไม่ได้แย่ นาอึนก็คงตอบรับพี่ไปแล้วสิ”

     

                “ไม่ใช่หรอกค่ะ เรื่องของความรู้สึกเราบังคับกันไม่ได้หรอกนะคะ แล้วเราก็ปฏิเสธมันไม่ได้ด้วย นาอึนมีแต่ความรู้สึกแบบพี่น้องให้กับพี่ ตลอดเวลาที่ผ่านมานาอึนรู้สึกดีที่มีพี่ดูแลอยู่ข้างๆในฐานะพี่น้อง แต่ถ้าจะให้คิดในฐานะคนรักนาอึนก็รู้สึกอึดอัดจริงๆ ...เรามาเป็นพี่น้องกันเถอะนะคะ”

     

                จะใจร้ายไปแล้วนะนาอึน พี่รู้สึกกับเรามากกว่านั้นไปแล้ว จะให้มาเป็นพี่น้องได้ยังไงล่ะ ?”

     

                “...”

     

                “พี่ขอเวลาหน่อย แล้วพี่จะกลับมาเป็นพี่น้องกับนาอึน ...พี่ขอตัวนะ” พี่แทมินพูดจบก็เดินหน้าซึมๆออกไป ฉันมองตามพี่เขาไปอย่างเห็นใจ แต่จะให้ฉันตอบรับได้ยังไงล่ะ? ในเมื่อฉันไม่ได้มีความรู้สึกแบบคนรักให้กับพี่เขาเลย แต่กับอีกคน... ฉันรู้สึกกับเขาอยู่เต็มเปี่ยม แต่ฉันก็ทำได้แค่รู้สึกเท่านั้น T_T

     

                สักพักเมมเบอร์ในวงของฉันก็เข้ามาในห้องกันเหมือนเดิม ทุกคนรีบตรงเข้ามาซักไซร้ฉันกันใหญ่ เนื่องจากว่าเห็นสภาพหงอยๆของพี่แทมินที่เดินออกไปแล้วน่ะสิ

     

                “แล้วทำไมไม่ตกลงล่ะนาอึน?!” พี่โชรงทำตาโตเมื่อได้ฟังฉันเล่าเรื่องของพี่แทมินให้ฟังรวมถึงเมมเบอร์คนอื่นๆด้วย

     

                “ก็นาอึนไม่ได้ชอบพี่เขานิค่ะ^^” ฉันยิ้มเจื่อนๆ

     

                “น้องฉัน... คนดีๆทำไมไม่ชอบล่ะ ?” พี่โชรงกุมขมับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆของตัวเองอย่างปวดใจ

     

                ^^” ฉันก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆเหมือนเคย ใครจะไปกล้าบอกว่าแอลเป็นเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ของฉันล่ะ ฉันไม่อยากจะหลอกตัวเองแล้วก็คนอื่นๆว่าพี่แทมินได้เป็นคนดูแลหัวใจของฉัน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงมันมีแค่แอลเท่านั้นแหละที่ฉันมอบหัวใจให้เขาไปแล้ว



     


    ก็เพราะเหตุผลบางอย่าง....






     

    : : Writer Talk : :

    ยังอยู่ในช่วงสเปเชียลกิฟต์เหมือนเคย^^
    หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะคะ
    พอจบจากของขวัญชิ้นนี้
    ไรต์จะมาอัพตอนที่ 26 ทีหลังนะคะ^^






     


     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×