ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุข สุก สุข

    ลำดับตอนที่ #2 : เนื้อเรื่อง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15
      0
      2 มี.ค. 57

                    สวัสดีครับ~

    ผมชื่อ ความสุข

    อะอ๊ะ! ไม่ต้องทำหน้าไม่อยากเชื่อแบบนั้นเลย เพราะผมพูดจริงครับ

    อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าผมมีชีวิตอย่างไร...

    แต่บอกไว้ก่อนนะว่าเรื่องของผมไม่น่าสนุกหรอก

     

                    เมื่อสิบสามปีก่อน ผมถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับต้อม เด็กชายตัวน้อย ในครอบครัวเล็กๆ ช่วงชีวิตสิบปีแรกทั้งผมและต้อมก็มีความสุขดีอยู่หรอกครับ สภาพในตอนนั้นของผมถูกเปลี่ยนไปหลายรูปแบบในแต่ละวัน ทั้งเกม หนังสือการ์ตูน หุ่นยนต์

    อ้อผมยังไม่ได้บอกสินะครับว่าความสุขอย่างพวกผมเนี่ย ไม่มีสภาพที่แน่นอน แต่จะเปลี่ยนไปตามสภาพจิตใจของคนที่เราอยู่ หรือพูดง่ายๆ คือร่างของพวกเราจะเปลี่ยนตามความสุขของแต่ละคน

                    แต่ชีวิตความสุขอย่างผมก็ไม่ได้สุขเสมอไปหรอกนะ เพราะผมต้องต่อสู้แย่งชิงที่อยู่กับความเกลียด ความโกรธ ความเครียด ความโลภและอื่นๆ อีกสารพัดซึ่งถือเป็นสัตรูตัวฉกาจของผมเลยล่ะ

                    เมื่อพวกนั้นถือกำเนิดขึ้นมา มันจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว หมอกดำหนาทึบจะบดบัง และสร้างความรู้สึกอึดอัดให้ผมได้อย่างมหาศาล นั่นล่ะครับสภาพความเป็นอยู่ของผมในสามปีหลัง... หรือในตอนนี้

     

    “อ่านหนังสือรึยังต้อม”

    “ครับ”

    “ดี แล้วรายงานล่ะ”

    “ทำเสร็จแล้วครับ”

    “อีกครึ่งชั่วโมงลูกมีเรียนคณิตศาสตร์ ระหว่างนี้ลูกก็อ่านหนังสือไปก่อน ถึงเวลาแม่จะมาเรียกอีกทีนะ”

    “ครับ”

                    หลังจากบทสนทนาจบลง หมอกสีดำมืดขนาดใหญ่ก็ม้วนตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องบาดแก้วหูและแรงกดดันมหาศาลบีบผมจนร่างของผมแทบจะสลายไปในตอนนั้น
    'ให้ตายนายต้อม ทำไมนายทำกับฉันแบบนี้นะ
    ...'
    ผมไม่เคยกดดันมากเท่านี้มาก่อน พวกความทุกข์ค่อยๆ ผลักผมขึ้นไปตามร่างกายผมได้เห็นอวัยวะภายในแบบสี่มิติก็ครั้งนี้แหละครับ เหอๆ ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเท่าไหร่หรอก ด้วยสันชาติญาณของผมทำให้ผมรู้ว่าผมใกล้จะหลุดออกจากร่างนายต้อมแล้ว ถ้าผมไม่สามารถต้านแรงผลักพวกนี้ได้ ผมก็จะกลายเป็นความสุขพเนจรตลอดไป

     

    “ฮัดชิ่ว”

    แรงผลักครั้งสุดท้ายที่ทำให้ผมหลุดออกจากตัวนายต้อม คือการจามของตัวนายต้อมเอง ผมสูดหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าสู่ปอดให้มากที่สุด พร้อมกับที่ร่างของผมค่อยๆ เปลี่ยนจากคอมพิวเตอร์ กลายเป็นร่างโปล่งแสง เนื่องจากผมไม่ได้อาศัยในร่างใครอีก ผมจึงเป็นแค่ร่างโปร่งแสง

                    ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตดี ก็แหมความสุขอย่างเราๆ ไม่ค่อยมีตัวเลือกมากนี่ครับ ถ้าเราไม่อยู่ในร่างอะไรเกินสองวัน พวกเราก็จะสลายไป ผมยังไม่อยากให้ตัวเองหายไปจากโลกนี้นี่นา

     

    “หลานๆ”

    ใครคนหนึ่งกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูผม ผมหันไปมองก็พบกับคุณลุง ความสุขในสภาพโปร่งแสง

    “ครับลุง”

    “หลานออกมาจากเด็กนั่นใช่ไหม” ลุงบุ้ยใบ้ไปยังต้อมที่กำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยความเครียดเคร่ง

    “ครับ”

    “ลุงมีข้อเสนอดีๆ มาให้หลานฟัง เผื่อบางทีหลานจะสนใจ” ลุงความสุขแสยะยิ้มร้ายกาจ จนผมรู้สึกไม่ไว้ใจ แต่ด้วยมารยาทที่ดีผมจึงต้องรับคำลุง

    “อะไรครับ”

     “สลับที่อยู่กัน หลานเข้าไปเป็นความสุขของดนัย ส่วนลุงจะไปเป็นความสุขของนายต้อมเอง”

    ผมคิดตามคำบอกเล่าของลุงความสุข ถ้าผมแรกที่อยู่กับลุง ผมก็จะได้ย้ายที่อยู่ใหม่ ไม่ต้องทนกับแรงกดดัน ไม่ต้องต่อสู้กับความเครียด และผมอาจจะได้ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม

    “ตกลงครับ”

    ลุงความสุขเพียงยิ้ม แล้วลอยไปอยู่หน้าของนายต้อม รอจังหวะที่นายต้อมหายใจเข้า ร่างของลุงก็หายเข้าไปในตัวต้อมทันที
    ผมมองนายต้อมที่อ่านหนังสือ ไม่รู้ว่าตอนนี้ความสุขที่อยู่กับเขามาสิบกว่าปี
    ถูกเปลี่ยนกับลุงความสุข อายุ 45 ปี

                    ผมลอยตัวไปอยู่ต่อหน้าคุณดนัย นักธุรกิจผู้แสนใจดี และยอมตามใจลูกทุกอย่าง ยกเว้นการเรียนพิเศษ... ผมรู้ได้ไงน่ะเหรอครับ ก็คุณดนัยเป็นพ่อของนายต้อมยังไงล่ะ

     

                    ทันทีที่คุณดนัยสูดหายใจเข้าลึก ผมก็ลอยเข้าไปพร้อมๆ กับอากาศ ใช้เวลาไม่นาน ผมก็มาถึงยังจิตใจของคุณดนัย บ้านใหม่ของผม ผมเริ่มมองสำรวจที่อยู่ใหม่ของตัวเองอย่างสนใจ

    สภาพจิตใจของคุณดนัยไม่แตกต่างกับของนายต้อมนัก ยกเว้นแต่สภาพพื้นที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ และกลิ่นเหม็นเน่าของปฏิกูลสัตว์ ผมมองหาที่สะอาดๆ เพื่อนั่งพัก แล้วพบก็เจอซอกเล็กๆ ที่พอจะพักผ่อนได้

                    แต่ผมนั่งได้ไม่ถึงห้านาที เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูก็ดังขึ้นจากด้านบน ทำเอาผมที่จะงีบหลับเอาแรงสะดุ้งตื่น เสียงกระพือปีกของสัตว์จำนวนมากทำให้ผมลุกขึ้นเตรียมรับทุกสถานการณ์ แล้วผมก็ได้เจอมัน

                    นกตัวใหญ่สีทอง ปีกทั้งสองข้างประดับอันญมณีไว้จำนวนมาก ใต้ท้องของมันมีสกุลเงินดีนาร์คูเวต ขาทั้งสองหล่อจากทองคำแท้ จงอยปากทอประกายแวววาวของเพชร ดวงตาเป็นสัญลักษณ์ดอลล่า พวกมันคือ นกแห่งความโลภ

    ผมประมาณจำนวนนก คงไม่ต่ำกว่าร้อยตัว ทันใดผมก็เข้าใจว่าทำไมคุณลุงความสุขถึงอยากแรกที่อยู่กับผมนัก เพราะนกแห่งความโลภพวกนี้ไงล่ะครับ ไม่น่าล่ะคุณลุงถึงได้ดูเหน็ดเหนื่อยมาก

    โดยปกตินกพวกนี้จะไม่ทำร้ายใครถ้าคุณไม่เผลอ ส่วนที่มันเลือกทำร้ายผมในตอนนี้เพราะมันคงคิดว่าผมกำลังหลับอยู่ ถ้าโดนมันจิกแม้เพียงเล็กน้อยก็เถอะ ร่างของคุณจะกลายไปเป็นพวกเดียวกับมัน โดยที่จิตใจของคุณก็จะเต็มไปด้วยความอยากได้โดยไม่สิ้นสุด ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณดนัยจะมีความโลภมากเท่านี้

                    จู่ๆ พื้นที่ผมยืนอยู่ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนผมยืนโงนเงนไปมา แผ่นดินค่อยๆ แยกตัวออกจากกกันทำให้ผมตกลงไปด้านล่าง ผมพยายามจะลอยตัวขึ้นมา ทว่าเหมือนมีโคลนดูดผมไม่ให้เคลื่อนที่ขึ้นด้านบนได้ ฝูงนกบิเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จนตอนนี้ระยะห่างเหลือไม่ถึงฟุต

     

    สมองของผมทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางหนี ถ้าคุณลุงความสุขออกจากที่นี่ได้ ผมก็ต้องออกจากที่นี่ได้เช่นกัน...

    มันต้องมีทางสิ...

                    นกตัวที่อยู่ใกล้ตัวผมที่สุดยื่นจงอยปากของมันมาที่ผมแล้ว อีกไม่กี่วินาทีผมก็คงต้องกลายเป็นพวกของมันโดยสมบูรณ์ และในตอนนั้น ผมก็เห็นทางหนี

    ผมไม่สามาตรลอยขึ้นสูงได้เพราะมีอะไรยึดผมไว้ แต่ถึงผมลอยขึ้นได้ผมก็คงไม่ทำเพราะจเป็นการเผชิญหน้ากับนกความโลภ โดยผมเสียเปรียบ แต่...

    ผมสามารถว่ายไปข้างหน้าได้นี่ ผมลองขยับแขนไปเหมือนการว่ายน้ำ และผมก็ทำได้ ผมว่ายน้ำได้ เป้าหมายของผมคือเส้นเลือดที่จะนำผมออกไปสู่ภายนอก...

     

    ผมว่ายไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จุดหมาย จนตอนนี้ไม่มีนกความโลภตามผมมาได้สักตัว ขอบคุณนั่นเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้... ผมหลงทาง

    แหะๆ ก็ไม่แปลกหรอกครับ... ก็ผมไม่เก่งวิทยาศาสตร์นี่นา แม้จะเคยฟังที่นายต้อมเรียนหรืออ่านหนังสือมาบ้างก็เถอะ... แต่ก็จำแผนที่เส้นเลือดไม่ได้หรอก

    “นายคือความสุขสินะ”

    ผมหันไปตามเสียงทัก ก็พบกับตัวประหลาด เขามีร่างกายยึกยือดูแล้วน่ากลัวพิกล แต่ยังไงก็เถอะเขารู้จักผม แล้วเขาก็อยู่ที่นี่มาก่อนด้วย เขาอาจช่วยผมได้

    “ครับ คุณรู้จักผมด้วยเหรอ”

    “ฉันพึ่งช่วยตัวประหลาดอายุมากกว่านายไปไม่นานมานี้เอง”

    ตัวประหลาด... ผมว่าเขาประหลาดมากกว่านะ มีอย่างที่ไหนมาว่าความสุขน่ารักอย่างผมว่าตัวประหลาดกันเนี่ย แต่เอาเถอะครับ ผมไม่ถือ เพียงคุณผู้นี้ช่วยผมออกจากที่นี่ได้ก็พอ

    “เอ่อ ครับ ถ้าคุณจะกรุณาช่วยพาผมออกไป...

    “ได้อยู่แล้ว ถ้านายจำทางที่ฉันกำลังจะบอกได้” ว่าแล้วคุณตัวประหลาดผู้มีจิตใจดีก็บอกทางออกให้ผม เพียงไม่นานผมก็จำทางออกได้หมด

    “ขอบคุณมากนะครับ เอ่อผมขอทราบชื่อผู้ช่วยชีวิตได้มั้ยครับ”

    คุณยึกยือยิ้ม ก่อนเอ่อย “ฉันชื่อแลคโตบาซิลัส”

    “ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้คุณยึกยือผู้แสนใจดี แล้วเดินทางตามที่เขาบอก

     

    ไม่นานผมก็ออกจากร่างของคุณดนัยได้โดยที่เขายังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นภายในร่างกายและจิตใจของตัวเอง

    ผมยืนมองคุณดนัยอยู่สักพัก ก่อนตัดสินใจลอยออกไปทางหน้าต่าง เพื่อหาที่สงบๆ ตัดสินใจกับการใช้ชีวิต...

     

                    ไม่นานผมก็มาถึงถนนสายหนึ่งที่เงียบพอควร ผมเข้าไปอยู่ในตุ๊กตาผ้าหมีสกปรกๆ ที่มีคนทิ้งขว้างและไม่เห็นคุณค่า... เหมือนผม

     

    แปลกนะครับ มนุษย์ต้องการมีความสุข แต่ก็ยังขยันหาความทุกข์มาใส่ตัวเอง... แล้วอ้างว่าสิ่งเหล่านั้นจะนำตัวเองไปสู่ความสุขได้ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “ความสุข” คืออะไร

    จะมีใครบ้างไหมนะ ที่รู้คุณค่าในตัวผม รู้จักความหมายที่แท้จริงของพวกเรา

     

    “ใครเอาคุณหมีมาทิ้งคะเนี่ย” เสียงหวานใสของใครคนหนึ่งปลุกผมขึ้นมาสู่โลกความจริง ผมมองเธอจากดวงตาของตุ๊กตาหมีตัวน้อย

    เด็กหญิงตัวน้อยในชุดชมพู อุ้มตุ๊กตาหมีสกปรกขึ้นมาจากพื้นโดยไม่รังเกียจสักนิด ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มด้วยความดีใจ

    “ไปกับหนูนิดนะคะคุณหมี หนูนิดจะดูแลคุณหมีเอง”

    ความอบอุ่นจากมือเล็ก ส่งผ่านมายังตุ๊กตาด้วยความอ่อนโยน... ความสุขของเธอที่ผมสัมผัสได้มีปริมาณอนัน

    ในที่สุด... ผมก็พบสิ่งที่ผมตามหา... ‘บุคคลผู้มีความสุขและรักษาความสุขได้


    ณ ตอนนี้ผมไม่สนอีกแล้วว่าหนูนิดจะเป็นเด็กร่ำรวยหรือยากจนเพียงใด.. .
    ไม่สนว่าเธอจะเรียนเก่งหรือไม่
    เพราะตอนนี้ผมตัดสินใจแล้วว่า ผมจะเป็น "ความสุข" ที่ดี กับหนูนิดตลอดไปครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×