เราได้หาความหมายมาหลายเว็บแล้ว...
หา"ยาก" มาก จึงคิดว่า
"เอาวะ! เราแปลเองก็ได้!"
และด้วยความช่วยเหลือจากคุณครู เพื่อนๆ และคนอื่นๆ จึงสำเร็จออกมาได้ด้วยดี!!!
อันนี้เราให้ครูcheckแล้วนะ (อย่าcopy paste ก็ดีน๊าาา Y-Y แก้นิสสสนึง)
เริ่ม! :-)
ประวัติผู้แต่ง
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีพระนามเดิมว่า "ฉิม" ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี เมื่อพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรในคราวที่สมเด็จพระราชบิดาทรงสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรในคราวที่สมเด็จพระราชบิดาทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕
พระราชกรณียกิจด้านศิลปกรรมและวรรณกรรม
v ทรงปรับปรุงท่ารำต่าง ๆ ทั้งโขนและละคร ซึ่งกลายเป็นต้นแบบมาถึงปัจจุบัน ทรงประพันธ์เพลง "บุหลันลอยเลื่อน" หรือ "บุหลันลอยฟ้า"
v ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมมากมาย เช่น ขุนช้าง ขุนแผน คาวี สังข์ทอง ไกรทอง อิเหนา
v ทรงแกะสลักบานประตูวิหารพระศรีศากยมุนี ที่วัดสุทัศนเทพวราราม ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้รับการยกย่องว่า เป็น
“ยุคทองของวรรณคดี” ด้านกาพย์กลอนเจริญสูงสุด จนมีคำกล่าวว่า "ในรัชกาลที่ ๒ นั้น ใครเป็นกวีก็เป็นคนโปรด" พระองค์มีพระราชนิพนธ์ที่เป็นบทกลอนมากมาย ทรงเป็นยอดกวีด้านการแต่งบทละครทั้งละครในและละครนอก มีหลายเรื่องที่มีอยู่เดิมและทรงนำมาแต่งใหม่เพื่อให้ใช้ในการแสดงได้ เช่น รามเกียรติ์ อุณรุท และอิเหนา
จุดมุ่งหมายในการแต่ง
“บทพากย์เอราวัณ”
บทพากย์นี้แต่งขึ้นเพื่อใช้ในการแสดงโขน นอกจากนั้นยังต้องการสอนให้ผู้อ่านเห็นโทษของความลุ่มหลงในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันนำมาซึ่งความประมาท เป็นเหตุแห่งหายนะ ดังตอนที่พระลักษมณ์และไพร่พลวานรที่มัวแต่เพ่งดูเทวดาอย่างเพลิดเพลิน จนต้องศรของอินทรชิตในที่สุด
ที่มาของเรื่อง
ได้เค้าโครงเรื่องมาจาก “รามายณะ” ของอินเดีย
ลักษณะการประพันธ์
บทพากย์เอราวัณแต่งเป็นกาพย์ฉบัง ๑๖ จำนวน ๔๐ บท โดยที่มีฉันทลักษณ์ดังนี้
บทพากย์เอราวัณ
๏ อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ
อินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
๏ ช้างนิมิตฤทธิแรงแข็งขัน เผือกผ่องผิวพรรณ
สีสังข์สะอาดโอฬาร์
ช้างเอราวัณที่เนรมิตขึ้นนั้นแข็งแกร่งน่าเกรงขาม มีผิวพรรณสีขาวเหมือนหอยสังข์
๏ สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา
ดั่งเพชรรัตน์รูจี
มีเศียรงดงาม ๓๓ เศียร แต่ละเศียรงามีงา ๗ กิ่งที่สวยงามเหมือนเพชร
๏ งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี สระหนึ่งย่อมมี
เจ็ดกออุบลบันดาล
ที่งาแต่ละกิ่งมีสระบัว ๗ สระ แต่ละสระมีกอบัว ๗ กอ
๏ กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ ดอกหนึ่งแบ่งบาน
มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา
แต่ละกอมีดอกบัว ๗ ดอก แต่ละดอกมีกลีบบัวบาน ๗ กลีบ
๏ กลีบหนึ่งมีเทพธิดา เจ็ดองค์โสภา
แน่งน้อยลำเพานงพาล
แต่ละกลีบมีนางฟ้ารูปงามอยู่ ๗ องค์
๏ นางหนึ่งย่อมมีบริวาร อีกเจ็ดเยาวมาลย์
ล้วนรูปนิรมิตมายา
แต่ละองค์มีบริวารที่เป็นหญิงงาม ๗ นาง
๏ จับระบำรำร่ายส่ายหา ชำเลืองหางตา
ทำทีดังเทพอัปสร
จับระบำรำฟ้อนด้วยท่าทางอย่างนางฟ้า
๏ มีวิมานแก้วงามบวร ทุกเกศกุญชร
ดังเวไชยันต์อมรินทร์
ที่เศียรช้างทุกเศียรมีบุษบกวิมานซึ่งงามราวกับวิมานเวไชยันต์ของพระอินทร์
๏ เครื่องประดับเก้าแก้วโกมิน ซองหางกระวิน
สร้อยสายชนักถักทอง
เครื่องประดับมี โกมินล้อมแก้วนพเก้า ซองหาง กระวิน สายชนักที่ล้วนถักร้อยด้วยสร้อยทอง
๏ ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง ผ้าทิพย์ปกตระพอง
ห้อยพู่ทุกหูคชสาร
มีผ้าทิพย์ปกตระพองซึ่งร้อยประดับด้วยเพชร มีสายสร้อยห้อยเป็นพู่ลงทั่วทุกหูช้าง
๏ โลทันสารถีขุนมาร เป็นเทพบุตรควาญ
ขับท้ายที่นั่งช้างทรง
ควาญช้างคือสารถีของอินทรชิตชื่อ โลทัน แปลงกายเป็นเทพบุตรนั่งอยู่ท้ายช้างเป็นผู้ขับขี่ช้าง
๏ บรรดาโยธาจัตุรงค์ เปลี่ยนแปลงกายคง
เป็นเทพไทเทวัญ
บรรดาทหารสี่เหล่าต่างแปลงกายเป็นชางฟ้าชาวสวรรค์
๏ ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ
กินนรนาคนาคา
ทัพหน้าคือ เทพารักษ์ ทัพหลัง คือครุฑ กินนร และนาค
๏ ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา คนธรรพ์ปีกขวา
ตั้งตามตำรับทัพชัย
ปีกซ้ายคือ วิทยาธร ปีกขวาคือ คนธรรพ์ เป็นการตั้งทัพตามตำรับพิชัยสงคราม
๏ ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร โตมรศรชัย
พระขรรค์คทาถ้วนตน
ล้วนถืออาวุธคือ หอก ธนู ดาบ กระบอง ครบมือ
๏ ลอยฟ้ามาในเวหน รีบเร่งรี้พล
มาถึงสมรภูมิชัย
เหาะเหินมาบนฟากฟ้า รีบเร่งเคลื่อนพลเข้าสู่สนามรบ
ฯ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้นจึงพระจักรี พอพระสุริย์ศรี
อรุณเรืองเมฆา
พระอาทิตย์ขึ้น ส่องแสงเรืองรองไปทั่วเมฆ
๏ ลมหวนอวลกลิ่นมาลา เฟื่องฟุ้งวนา
นิวาสแถวแนวดง
ลมพัดกลิ่นดอกไม้คลุ้งไปทั่ว ในที่พักนั้น ซึ่งอยู่แถวป่า
๏ ผึ้งภู่หมู่คณาเหมหงส์ ร่อนราถาลง
แทรกไซ้ในสร้อยสุมาลี
หมู่แมลงบินลงมาตอมตามดอกไม้
๏ ดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริย์ศรี ไก่ขันปีกตี
กู่ก้องในท้องดงดาน
นกดุเหว่าเตือนพระอาทิตย์ว่าถึงเวลาเช้าแล้ว ไก่ต่างกระพือปีกและขันเสียงร้องไปทั่วป่า
๏ ปักษาตื่นตาขันขาน หาคู่เคียงประสาน
สำเนียงเสนาะในไพร
นกต่างๆอันน่าตื่นตา ต่างหาคู่ประสานทำนองเพลง และส่งเสียงอันไพเราะออกมาทั่วป่า
๏ เดือนดาวดับเศร้าแสงใส สร่างแสงอโณทัย
ก็ผ่านพยับรองเรือง
แสงดาวหายเริ่มไป และแสงอาทิตย์กำลังขึ้นปรากฏขึ้นมา
๏ จับฟ้าอากาศแลเหลือง ธิบดินทร์เธอบรรเทือง
บรรทมฟื้นจากไสยา
ทั่วฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แล้วพระรามก็เริ่มตื่นจากการนอน
ฯ เจรจา ฯ
๏ เสด็จทรงรถแก้วโกสีย์ ไพโรจน์รูจี
จะแข่งซึ่งแสงสุริย์ใส
ความคิดเห็น
ขอบคุณค่ะ
เเต่ดีมากคะ