[นิยายแปล] 瞎娘娘 The Blind Concubine [ตรวจคำแปลสิ้นเดือน]
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ นิยายวาย Tags : ดราม่า, ประวัติศาสตร์, นิยายวาย, นิยายแปล, จักรพรรดิ, นิยายจีน, เศร้า, นิยายรัก, นิยายพระสนม
ผู้แต่ง : Cinderella&Me
My.iD :
https://my.dek-d.com/teeranaj/writer/
ตอนที่ 12 : บทที่ 11 พบท่านแม่ทัพ
第十一章
“เสี่ยวเป่า” พระสนมเรียกหาทันทีที่ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักเย็น “เจ้าตระเตรียมเสร็จหรือยัง?”
“ขอรับพระสนม ข้าน้อยเตรียมของเรียบร้อยขอรับ”
“อื้ม!” พระสนมพยักหน้าน้อยๆ นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามบานประตูเก่าของหตำหนัก ขนตานั้นงามงอนคู่นั้นขยับขึ้นลง “ออกจากตำหนักเช่นนี้ ข้ารู้สึกลังเลที่จะต้องจากมันไป”
เสี่ยวเป่ากวาดตามองรอบสวนก่อนจะกล่าวเห็นด้วย “อย่างไรพวกเราก็พำนักที่นี่หลายปีนัก”
องค์จักรพรรดิยืนอย่างองอาจอยู่เคียงข้าง ก็ตรัสขึ้น “องค์ชายน้อยบอกข้าว่า หากท่านลังเลที่จะไปก็สามารถกลับมาพำนักที่นี่ได้เดือนละหนึ่งหรือสองคืน ท่านวางของใช้สอยไว้ที่นี่ได้ ผู้ใดก็มิบังอาจมายุ่งหรอก องค์ชายน้อยจะส่งคนมาคอยปัดกวาดที่นี่เอง”
พระสนมตาบอดรู้สึกละอายเล็กน้อย “ต้องขอบคุณองค์ชายแล้ว เป็นเพราะกฎของวังหลวง องค์ชายน้อยถึงได้ไปทูลขอฮ่องเต้ ทั้งขอร้องและวิงวอน องค์ฮ่องเต้จึงได้อนุญาตให้ข้าออกจากตำหนักเย็นและติดตามการเรียนขององค์ชาย”
“อืม” ฮ่องเต้ส่งเสียงคล้ายไม่เต็มใจ
แม้ในพระทัยแล้วกลับคิดว่า หากแม้นมิใช่เพราะพระองค์ปิดบังพระยศที่แท้จริงแล้วล่ะก็ จะให้องค์ชายตัวน้อยเป็นคนทำงั้นหรือ ให้เด็กน้อยอย่างลู่เจ๋อได้ความดีความชอบไปเสียต่อหน้าต่อตา
บนพระพักตร์นั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาที่ฉายชัด
พระสนมย้ายไปพำนักที่เรือนแห่งหนึ่ง
เรือนแห่งนี้ไม่ไกลจากตำหนักขององค์ชายน้อยมากนัก และไม่ไกลจากพระตำหนักขององค์ฮ่องเต้เช่นกัน ทั้งเรือนนั้นไม่ใหญ่แต่ตกแต่งอย่างประณีต
พระสนมปิติเป็นอย่างยิ่ง “ข้าได้กลิ่นหอมของดอกไม้”
“ท่านลองทายชื่อของเหล่าดอกไม้เสียหน่อยสิ” จักรพรรดิหนุ่มกล่าว
พระสนมตั้งอกตั้งใจสูดดมกลิ่นหอมรอบกาย พยายามดึงความทรงจำที่แสนนานออกมา “ดอกรักเร่ ซ่อนกลิ่น… เหมือนกับว่ามีทั้งกล้วยไม้และไป๋เหอ*”
เสี่ยวเป่าปรบมืออย่างดีอกดีใจ “พระสนมทายได้ถูกต้องทั้งหมดเลยขอรับ”
พระสนมหัวเราะขึ้นเบาๆก่อนพูดว่า “ข้านั้นอ่อนไหวต่อเสียง กลิ่นและรสอยู่แล้ว”
ฮ่องเต้บอกแก่พระสนมว่า “นับแต่นี้ไปท่านก็อยู่ได้อย่างสงบแล้ว มิว่าจะดอกไม้ชนิดได้ที่ท่านปรารถนา เพียงบอกแก่บ่าวในวังพวกเขาจะนำมาปลูกให้ท่าน หากท่านขาดเหลือสิ่งใดอย่าได้ลังเลที่จะบอก”
พระสนมตาบอดตอบกลับ “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ข้ามิขาดสิ่งใดอย่าได้ลำบากเพราะข้าเลย”
พระองค์พยักหน้ารับแล้วเสริมขึ้น “องค์ชายน้อยยังคงเป็นเด็ก อย่าได้ตามใจให้มากนัก ข้ารู้ว่าท่านมีใจที่อ่อนโยน คำพูดก็เสนาะหูแต่ขอท่านอย่าได้ตามใจเขามากนัก มิเช่นนั้นจะเป็นเด็กเอาแต่ใจได้”
พระสนมพยักหน้าขึ้นลง “ที่ท่านพูดมานั้นถูกต้อง ข้าเข้าใจ”
ฮ่องเต้เก็บพัดที่พับแล้ว เอื้อมพระหัตถ์กุมมือพระสนมตาบอดไว้
พระสนมนั้นสะดุ้งตกใจ และโต้ตอบด้วยการชักมือออกโดยไม่รู้ตัว แต่ก็หาได้สามารถดึงออกไม่
“พำนักที่นี่แล้ว ขอท่านโปรดดูแลตัวเองด้วย”
บนใบหน้างามนั้นขึ้นด้วยสีแดงเข้ม ก่อนจะพูดออกไปอย่างประหม่า “ตกลง...”
“ข้าจะมาพบท่านบ่อยๆ”
“เอ๋?นั่น... นั่นคงไม่ดีนัก...”
พระขนงขมวดเข้าหากันโดยฉับพลัน “สิ่งใดกันที่ท่านว่าไม่ดี?”
พระสนมถามกลับแทนคำตอบ “มิใช่ว่าท่านต้องทำหน้าที่รักษาการณ์ในเขตพำนักส่วนพระองค์หรอกหรือ?”
จักรพรรดิหนุ่มนั้นราวกับถูกตำหนิ
“อีกประการหนึ่งคือ ข้ามาที่นี่เพื่อจัดการการเรียนขององค์ชายน้อย” พระสนมเชิดศีรษะขึ้นเล็กน้อยอย่างจริงจัง “กล่าวได้ว่า ข้าคงง่วนกับการทำหน้าที่ของข้า และคงไม่มีว่างเพื่อดื่มชาและเสวนากับท่าน”
ฮ่องเต้นั้นเงียบงัน และสิ้นหวังกับสถานกาณ์อันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้
พระสนมสัมผัสลงบนบ่าแข็งแรงนั้นแล้วตบลงเบาๆ “ท่านควรกลับไปทำหน้าที่ หากท่านโดนจับได้ว่าละเลยต่อหน้าที่ เช่นนั้นแล้วเบี้ยเลี้ยงคงโดนหักเป็นแน่”
จักรพรรดิหนุ่มไร้ทางเลือกใด ได้แต่เพียงนิ่งงันยามพระสนมดันเขาไปทางประตูเข้าออก
เสี่ยวเป่าต้องบังคับตัวเองอย่างมากมิให้หลุดเสียงหัวเราะออกมา อดกลั้นจนหน้าท้องปวดไปหมด มีความพึงพอใจอยู่มากโข
เมื่อพระสนมกลับเข้าห้องมาแล้ว เสี่ยวเป่าก็ยกนิ้วหัวแม่มือให้ “พระสนม การกลั่นแกล้งเช่นนี้นั้นเป็นเลิศเสียจริง”
พระสนมจิบชาในถ้วยก่อนพูดขึ้น “ใครให้เขาปิดบังความจริงจากข้ากัน” หัวเราะออกมาเล็กน้อย “ให้เขาได้ลิ้มรสการพูดไม่ออกเสียบ้าง”
บ่าวรับใช้ของวังคนหนึ่งเข้ามาและบอกแก่พวกเขา “องค์ชายน้อยมีรับสั่งให้เชิญพระสนมไปที่สวนพะยะค่ะ”
พระสนมจึงได้ถามขึ้น “มีเรื่องอันใด?”
“องค์ชายอยู่ในสวน กำลังฝึกฝนการรบพะยะค่ะ” บ่าวคนนั้นตอบกลับ
“ตกลง ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เสี่ยวเป่าทั้งเหลือเชื่อและไม่อยากเชื่อ “เด็กอายุเพียงเท่านั้นก็ต้องฝึกการรบแล้วหรือ?”
พระสนมยิ้มอยู่ตลอด “เขาเป็นเชื้อสายกษัตริย์ จำต้องเชี่ยวชาญด้านการเมืองและการรบ”
หลังจากผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ พวกเขาก็เดินตามบ่าวคนนั้นไปที่สวน
ใบหน้าขององค์ชายน้อยเต็มไปด้วยความทรมานและชิงชังในขณะที่ทรงตัวในท่าบังคับม้า
เมื่อรับรู้การมาถึงของพระสนม ทั้งสองขานั้นสั่นสะท้าน และร้องขึ้น “พระสนม ช่วยข้าขอร้องท่านแม่ทัพด้วยเถิด!”
พระสนมจึงถามขึ้น “ทำไมหรือ มีเรื่องอันใด?”
องค์ชายน้อยตีหน้าเศร้าในทันใด “ข้ามิอาจทนอยู่ในท่านี้ได้อีก แต่ท่านแม่ทัพก็มิให้ข้าขยับ หากข้าขยับแม้แต่น้อยก็จะโดนตีอย่างเจ็บปวด”
เสี่ยวเป่าแทรกขึ้นว่า “ปัญหานี้คงไม่ดีนักหากพระสนมจะช่วยท่าน”
พระสนมเห็นพ้องด้วย “ทักษะการรบนั้นสูงค่าเพราะวิริยะ เจ้าต้องฟังท่านแม่ทัพให้ดี เป็นเด็กดีและจงตั้งใจให้มาก”
องค์ชายน้อยนั่งย่ออยู่นานเสียจนขาและท้องสั่นไปหมด เขาเรียกหาทั้งสองมาเพื่อให้สนับสนุนเขา แต่มิคาดคิดเลยว่าจะไม่ช่วยกันเช่นนี้ ในตอนนั้นลู่เจ๋อรู้สึกว่าโดนปฏิบัติด้วยอย่างไร้ความยุติธรรม จึงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมาเสียงดังราวกับเด็กน้อย
พระสนมนั้นใจอ่อน หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาให้กับองค์ชายน้อย
จากที่ห่างออกไปก็มีเสียงที่น่าเกรงขามขึ้น และเข้ามาใกล้ “ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าหยุด?”
องค์ชายน้อยขลาดกลัว หลังถูกดุว่าด้วยบุคคลผู้ซึ่งบอกให้เขายืนขึ้น องค์ชายน้อยขยับตัวอย่างรวดเร็วยืนหลบอยู่หลังพระสนม
พระสนมปกป้ององค์ชายน้อย “องค์ชายนั้นยังเด็กนัก อย่าได้โทษเขาเลยท่านแม่ทัพ”
“ข้าฝึกสอนการรบ แน่นอนว่าตามระเบียบ องค์ชายมิสามารถหนีการลงโทษได้” เสียงองอาจตอบ
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว องค์ชายน้อยก็ถดตัวอยู่ที่ขาพระสนม มือเล็กๆนั้นกำแน่นเข้าที่อาภรณ์ของพระสนม “ท่านแม่ทัพตีข้าแล้วเจ็บปวดมาก ลู่เจ๋อทนความเจ็บมิได้...” เสียงของเขานั้นสั่น ฟังดูแล้วน่าสงสารอย่างมาก
พระสนมขบริมฝีปากเข้าหากัน แล้วจึงเผชิญหน้ากับแม่ทัพ คุกเช่าลงกับพื้น “ข้ายินดีรับโทษแทนองค์ชายน้อย”
“อะไรนะ!!” เสี่ยวเป่าร้องออกมาอย่างตกใจ “พระสนม ท่านทำเช่นนี้มิได้!”
“เจ้าเป็นใคร?” เสียงนั้นถาม
พระสนมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าคือ... สนมคนหนึ่งของวังแห่งนี้ ถูกวางตัวให้กับองค์ชายน้อย”
ลู่เจ๋อร้อนรนวิ่งออกมาจากหลังพระสนม ก้มศีรษะลงต่ำ “ท่านแม่ทัพ ลงโทษลู่เจ๋อเถิด ลู่เจ๋อยอมรับความผิด”
พระสนมพูดขึ้น “ท่านแม่ทัพ ท่านคือแม่ทัพที่เมื่อสองปีก่อนชิงชัยเหนือแคว้นใดและกู้คืนเอกราชให้แก่พื้นที่ชายแดน ท่านแม่ทัพที่แม้แต่เอ่ยนาม เหล่าศัตรูก็สั่นเทาด้วยความกลัว ใช่ท่านแม่ทัพฉีเฉิงหรือไม่?”
“เจ้ารู้จักข้างั้นหรือ?”
พระสนมกล่าวชัดถ้อยชัดคำ “แม้ข้าจะอาศัยอยู่ในส่วนลึกของวังมาแสนนาน แต่ก็ได้ยินชื่อเสียงของท่านแม่ทัพผู้องอาจแห่งกองทัพหลวง ข้าชื่นชมท่านมาโดยตลอด ต่อสู้เพื่อแคว้นแดน ทักษะการรบไม่เป็นรองผู้ใดในหล้า ท่านคือวีรบุรุษตัวจริง ได้โปรดรับการคำนับจากข้าด้วย”
แม่ทัพฉีหัวเราะออกมาเสียงดัง
นัยตาคมกริบมองลู่เจ๋ออย่างเปิดเผย “องค์ชายน้อยเข้าใจหาคนช่างพูดนัก!”
ลู่เจ๋อนั้นมองดูราวกับกล้ำกลืนเอาแมลงลำบากเข้าเต็มคอ
แม่ทัพฉีโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “ในตอนนี้ ข้าจะละเว้นโทษหวดไม้ให้เจ้า”
องค์ชายน้อยประหลาดใจและมีความสุขในชั่วขณะเดียวกัน “จริงหรือท่านแม่ทัพ?”
แม่ทัพฉีขมวดคิ้ว “ร้องไห้ คุกเข่า เล่ห์กลบาดเจ็บ โชคร้ายที่ข้าไม่สนใจกับลูกไม้ละครโศกพวกนี้หรอกนะ!”
เสี่ยวเป่าเดินขึ้นมาเพื่อพยุงพระสนมให้ยืนขึ้น ขณะที่สายตาก็หยุดจ้องไปที่ลู่เจ๋อ เจ้าเด็กบ๊ะจ่าง
พระสนมตรงมาหน้าแม่ทัพฉีด้วยท่าทีเคารพ”ที่ข้าพูดไปนั้นเป็นความจริงทุกประการ”
“สนามรบนั้นเสี่ยงภัย ความประมาทเพียงเล็กน้อยคือสิ่งที่ทำให้เจ้าตกจากหลังม้าและกลายเป็นศพ แม้จะเป็นแม่ทัพหรือพลทหาร ทุกคนล้วนแล้วแต่พร้อมจะเสี่ยงชีพ ฉีเฉิงได้สู้รบ ประมือกับศัตรูเพื่อหวังว่าจะพาพี่น้องกลับบ้านปลอดภัย มิสมควรได้เรียกว่าวีรบุรุษ” แม่ทัพฉีกล่าว
ดวงตาพระสนมนั้นกระพริบขึ้นลง “แต่ใดมาผู้ที่ก้าวเข้าสู่สนามรบ มีผู้ใดบ้างมิอยากเป็นเช่นนั้น? ท่านแม่ทัพฉีข้าเคารพท่านจากใจจริง มิใช่เพียงเพื่อขอร้องแทนองค์ชายน้อย พูดเพื่อประจบเยินยอ...”
“ข้ารู้”
ฉีเฉิงพูดขัดขึ้นแล้วกล่าวอย่างจริงใจ “ข้ารู้ว่าท่านพูดอย่างที่ท่านหมายถึง”
ทั้งใบหน้างามนั้นเรื่อสีแดง
หัวใจพองโตด้วยความสุขเล็กๆ
แม่ทัพฉีบอกแก่เขา “แสงแดดยามเที่ยงนั้นแรงกล้า อย่าได้ยืนกลางแดดเลย ให้ข้าพาท่านไปใต้ร่มไม้เถิด”
พระสนมรู้สึกเขินอายเล็กน้อย และปฏิเสธ “ข้ามิได้อ่อนแอเช่นนั้นหรอก นี่มิใช่ช่วงร้อนที่สุดของฤดู เหตุใดข้าจักทนมิได้”
แม่ทัพฉีเฉิงพูดกลั้วหัวเราะ “ดูท่านเถิด ผอมบางเช่นนี้ เพียงลมพัดโจนมาท่านก็คงโดนเป่าหายไป”
เขาพาพระสนมมาพักใต้ร่ม ลู่เจ๋อนั้นหยิบกิ่งไม้เล็กๆขุดลงในรูมด ศีรษะก้มต่ำลงในรูเล็กๆ
แม่ทัพฉีหรี่ตามอง เสียงทุ้มนั้นหนักแน่นขึ้น “องค์ชายน้อย เจ้าคิดว่าปัญหาจบแล้วเช่นนั้นหรือ? ตอนนี้จงฝึกเพิ่มอีกหนึ่งชั่วยาม มิเช่นนั้นหากองค์ฮ่องเต้สอบถามมาอย่าได้หาว่าข้าใจร้ายเลย”
ลู่เจ๋อเงยขึ้นราวกับโดนผู้ใดเหยียบย่ำบนหาง ใบหน้าเล็กๆนั้นพลันยับยู่ไปหมด โยนกิ่งไม้นั้นไปไกล ยืนคอตกอยู่ใต้แสงแดดอันแผดเผา ก่อนจะยืนในท่าบังคับม้าอีกครั้ง
ใบหน้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นทุกข์ทรมานอีกครั้ง
เสี่ยวเป่านั้นลอบหัวเราะอย่างหยุดไม่อยู่
เมื่อพวกเขากลับเรือนก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว องค์ชายน้อยบ่นครวญไม่หยุดหย่อนว่าปวดขาจนมิสามารถก้าวเดินได้ สั่งให้บ่าวรับใช้อุ้มเขามาที่ตำหนัก
พระสนมและเสี่ยวเป่าเองก็กลับพร้อมองค์ชายน้อย
ทั้งสามก้าวเข้าสู่โถง องค์ชายน้อยถามขึ้นว่า “ร่วมโต๊ะกับข้าหรือไม่?”
สั่งให้คนรับใช้จัดอาหารขึ้นโต๊ะ
พระสนมพูดขึ้น “ในตอนนี้ ข้าจะป้อนยาและนวดให้ท่าน วันรุ่งขึ้นเจ้าจะหายปวด”
เสี่ยวเป่าจึงพูดบ้าง “พระสนม เขามิได้เจ็บปวดหรอก หากข้าเดามิพลาด เขาเพียงแกล้งทำเท่านั้นเพื่อตบตาท่านแม่ทัพ ตอนนี้คงเสียใจที่พลาดมิได้บอกท่านแม่ทัพว่าเขาหัก”
พระสนมหัวเราะออกมาเบาๆ “อย่างไรก็ตาม องค์ชายน้อยลำบากมามากแล้ววันนี้ สบายเสียสักหน่อยคงไม่เสียหาย”
ลู่เจ๋อพยักหน้าขึ้นลงในทันที “จำเป็นมาก”
บ่าวรับใช้ในตำหนักจัดถ้วยถั่วเขียวต้ม พระสนมใช้ทัพพีตักใส่ชามเล็กๆให้ลู้เจ๋อ “ค่อยๆดื่ม”
ไม่ทันได้พูดจนจบอย่างที่หวัง เสียงจากประตูด้านนอกก็ดังขึ้นประกาศ
“ฝ่าบาทเสด็จแล้ว...!”
*ไป๋เหอ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือดอกลิลลี่ขาว ที่ไม่ใช้คำว่าลิลลี่แล้วทับเป็นคำจีนเพราะว่าอยากให้ได้ความลื่นไหลของเนื้อเรื่องน่ะค่ะ กลัวใช้ลิลลี่ไปแล้วนักอ่านจะแอบขัดๆกันบ้าง ฮ่าๆ
..........
สวัสดีค่ะ ตอนที่สิบเอ็ดแล้วเย้! เต็มอิ่มกับความแก่นขององค์ชายหรือยังคะ? กัดกันไม่เลิกจริงๆกับเสี่ยวเป่าและลู่เจ๋อ พระสนมไม่ห้ามทัพเท่าไหร่คะ นางออกแนวเอ็นดูเด็กๆ เป็นนางงามมากอะไรมาก
จบตอนท้ายไว้แบบนี้ก็อย่าเพิ่งตบตีคนแปลเลยนะ YY ตอนอ่านเองก็รู้สึกลุ้น ใครทนรอไม่ไหวจะแอบไปอ่านเวอร์อิ้งก่อนก็ได้นะคะ ฮ่าๆ เห็นนักอ่านหลายคนไปตามอ่านกันจนจบแล้ว
แต่ถ้ายังอยากอ่านเวอร์ชั่นภาษาไทยเพื่อความอรรถรสก็ติดตามกันได้เรื่อยๆนะคะ ยินดีต้อนรับสู่ตำหนักเลยค่ะ อิอิ :3
แสดงความคิดเห็นผ่าน tag ได้เลยค่ะ! ตามไปอ่านแน่นอน :D
#นิยายพระสนม
#ทีมฮ่องเต้ #ทีมพระสนม #ทีมเสี่ยวเป่า #ทีมองค์ชาย ตัวน้อยๆนะคะๆ
สมน้ำหน้า555 ไปหลอกพระสนมเอง5555
อีกหน่อยฮ่องเต้ได้หึงท่านแม่ทัพแน่
55555555 ฝ่าบาทมีความขี้อิจฉานะะ
ช่างน่าเอ็นดู ฮี่
พังค่ะ มีพังงงงง ตายแน่
นี่ขนาดรู้ว่าตำแหน่งเป็นองค์ชายใหญ่ยังโดนแกล้งขนาดนี้
ถ้ารู้ว่าฝ่าบาทตัวจริงเป็นใครนี่ อื้อหืออ ฮ่องเต้งานเข้า
แต่องค์ชายน้อยเจ้าเล่ห์มากจริงๆ แต่ก็รักพระสนมมาก
ดีใจจังที่มีทีมพระสนมเพิ่มอีกคน
ปกป้องพระสนมกันเยอะๆนะ ฮือออ
ฮ่องเต้จะเผยตัวจริงหรออ
อิจฉาน้องตัวเองละซี้