ท.ญ.นพมณี วงษ์กิตติไกรวัล
ทันตแพทย์กลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า
ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า การใช้น้ำยาบ้วนปากมีไว้เพื่อกำจัดกลิ่นปาก
แต่ที่จริงแล้ว เป็นเพียงการกลบกลิ่นปาก
ด้วยกลิ่นของน้ำยาในระยะสั้นเท่านั้น
จากนั้นไม่นานก็กลับมามีกลิ่นปากเช่นเดิม
การใช้น้ำยาบ้วนปากติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ
จะทำให้ไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ดี ที่อาศัยอยู่ในปากให้ตายไปด้วย อาจนำมาซึ่งเชื้อราในช่องปาก ทำให้ตุ่มรับรสของลิ้นเพี้ยนไป
มีสีเคลือบผิวฟันที่เปลี่ยนแปลง หรือทำให้เกิดหินปูนได้ง่าย
ส่วนยาสีฟันที่อ้างว่าว่า
สามารถลดแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นปากได้ นั้น
ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจนว่า ยาสีฟันจะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อในปากได้
ซึ่งประสิทธิภาพของยาสีฟันที่อ้างว่าลดแบคทีเรีย
ไม่แตกต่างกับการแปรงฟันด้วยยาสีฟันอะไรก็ได้อย่างถูกวิธี
และใช้ไหมขัดฟันในซอกฟันส่วนที่แปรงไปไม่ถึง
กลิ่นปาก
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในช่องปากชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจน
ผลิตก๊าซในกลุ่มซัลเฟอร์ กลิ่นปากยังเกิดได้จากผู้ป่วยมีโรคอื่น ๆ
อยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคกรดไหลย้อน หากรักษาโรคเหล่านั้นกลิ่นปากก็จะหายไป
รวมทั้งกลิ่นปากจากโรคในช่องปาก เช่น โรคปริทนต์ โรคเหงือก ฟันผุ ฯลฯ
วิธีการตรวจว่ามีกลิ่นปากจริงหรือไม่
นั้น ทำได้โดยการสังเกต จากคนรอบข้าง หรือเอาช้อนมาขูดลิ้นแล้วทิ้งไว้ 5
วินาที จากนั้นนำมาดม หากพบว่ามีกลิ่นเหม็นก็แนะนำให้มาพบทันตแพทย์
เพื่อตรวจเช็กปัญหาในช่องปาก
ภัยของน้ำยาบ้วนปาก
เขียนโดย
nexstep0.1
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
18 มี.ค. 53
385
0
ความคิดเห็น