หาก
ท่านผู้อ่านหรือคนใกล้ตัวของท่านผู้อ่านกำลังมีปัญหาด้านการเงิน สุขภาพ
ชีวิตความเป็นอยู่ หรือแม้แต่ปวดหัวกับข้อสอบโอเน็ต
และตกอยู่ในภาวะสิ้นหวังกับตัวเอง วันนี้ ทีมงานเราพบเทคนิคดี ๆ
ที่จะช่วยให้คุณหรือคนที่คุณรักผ่านพ้นกับสถานการณ์อ
ันเลวร้ายดังกล่าวนี้ได้ค่ะ ซึ่ง 9 เทคนิคที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง
ลองไปติดตามกันดูค่ะ
1. อย่าโทษตัวเอง
นำข้อนี้มาวางไว้เป็นข้อแรก
เพราะการโทษตัวเองเป็นสิ่งที่มนุษย์ผู้ซึ่งเผชิญหน้า กับความผิดหวัง -
ความเศร้าหมองมักทำก่อนข้ออื่น ๆ ดังนั้น หากสามารถเลิกโทษตัวเองได้ คน ๆ
นั้นก็จะสามารถก้าวข้ามความตึงเครียดที่เผชิญอยู่ไปส
ู่สิ่งที่ดีกว่าได้ในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น
หากผู้ที่กำลังทุกข์มองว่าภาวะดังกล่าวก็ไม่แตกต่างจ ากการเป็นโรคหัวใจ
เบาหวาน หรือมะเร็ง ที่ต้องการการปรับปรุงเปลี่ยนวิถีชีวิต
หรือมุมมองก็จะทำให้เขารับมือกับภาวะซึมเศร้านี้ได้ง ่ายมากขึ้น
2.
หาใครสักคนเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ
แม้ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจะไม่เหมือนกับอาการขาหัก -
แขนหักที่ทุกคนมองเห็นและพร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเห ลือ แต่ในยามนี้
การมีใครสักคนให้เราได้ปรึกษาสามารถช่วยให้อาการซึมเ
ศร้าดีขึ้นเร็วกว่าการเก็บความทุกข์เอาไว้กับตัวเองค นเดียวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี
การจะหาคนปรึกษาในยุคนี้อาจต้องทำความเข้าใจด้วยว่า
คนบางคนก็ไม่พร้อมจะรับฟังและให้การสนับสนุนคุณ
แถมบางครั้งอาจไม่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นเสียอีก ในกรณีนี้
ลองมองหาคนสนับสนุนที่สามารถให้ความรักคุณได้อย่างไม ่มีข้อจำกัด เช่น
พ่อแม่ สามี-ภรรยา หรือเพื่อนสนิทที่รู้จักนิสัยคุณดีมาเป็นผู้รับฟัง
เพราะเขาเหล่านั้นอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่ ชีวิตคน ๆ
หนึ่งจะพึงมี
3. เลื่อนการตัดสินใจออกไปก่อน
หากตอนนี้คุณมีอาการซึมเศร้าอยู่และต้องตัดสินใจในเร ื่องสำคัญ
คำแนะนำที่จำเป็นก็คือ พยายามเลื่อนการตัดสินใจนั้นออกไปก่อน
เพราะความรู้สึกหดหู่สามารถส่งผลกระทบต่อมุมมองและกา
รตัดสินใจของตัวบุคคลนั้น ๆ ให้เป็นไปในแง่ลบได้ ดังนั้น
การรีบตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ หรือเรื่องสำคัญในตอนนี้ดูจะไม่เป็นผลดีมากนัก
เพราะอาจทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายลงกว่าที่ควรจะเป็น
จึงควรยืดการตัดสินใจต่าง ๆ ออกไปจนกว่าจิตใจของคุณจะดีขึ้น
แต่หากการตัดสินใจนั้นต้องทำโดยเร่งด่วน
หรือไม่สามารถผัดผ่อนออกไปได้ ก็ควรขอคำแนะนำจากกัลยาณมิตร
หรือคนที่มีประสบการณ์มากกว่าเพื่อพิจารณาร่วมด้วย
จะช่วยให้การตัดสินใจนั้น ๆ เกิดขึ้นบนมุมมองที่มีความหลากหลายมากขึ้น
4. ยิ่งเศร้าหมองยิ่งต้องดูแลสุขภาพ
อาจเป็นเรื่องยากที่จะฉุดคนไม่มีกำลังใจให้ลุกไปออกก ำลังกาย
แต่ถ้าหากจะปล่อยให้ความเศร้าเข้ายึดครองพื้นที่ทุกม
ุมของชีวิตก็คงเปรียบเหมือนการไม่ยอมแก้ไขให้สถานการ
ณ์ที่น่าหนักใจนี้พ้นผ่านไป
การหมั่นออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นอีกทางเลือกหน
ึ่งที่จะช่วยให้อาการเศร้าหมองในชีวิตผ่านไปอย่างรวด เร็ว
อีกทั้งยังทำให้สุขภาพดีขึ้นอีกด้วย
5. ปฏิบัติหน้าที่ตามกิจวัตรประจำวัน
การที่ปล่อยตัวเองจมอยู่กับความเศร้า
และละเลยกิจวัตรประจำวันอาจทำให้ชีวิตของคุณดูแย่มาก ขึ้น
จะดีกว่าหากยังคงทำสิ่งต่าง ๆ นั้นต่อไป เช่น ทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน
ให้อาหารสุนัข รดน้ำต้นไม้ เพราะหากคุณมีสมาธิจดจ่อกับงานต่าง ๆ
ที่ทำจะช่วยให้ลืมเรื่องที่ทำให้สิ้นหวัง - โศกเศร้าลงได้บ้าง
6. นอนหลับ
ความเครียดกับความเศร้าก็เหมือนไก่กับไข่
ที่บางครั้งความเครียดก็มาเยี่ยมเพราะพักผ่อนไม่เพีย งพอ
และบางครั้งเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอก็นำมาซึ่งความเคร ียด
หากตอนนี้ทุกอย่างเข้ามารุมเร้าเยอะจนรับมือไม่ไหว
การหยุดทุกอย่างเอาไว้แล้วนอนหลับพักผ่อนไปก่อนก็จะช
่วยให้สภาพจิตใจหลังจากตื่นขึ้นมาดีขึ้น และมีสติไตร่ตรองมากขึ้น
7. อย่าทำจนเกินตัว
หลายครั้งที่คนเราจะเกิดความเครียดเพราะต้องรับมือกั
บหลายสิ่งหลายอย่างมากจนเกินไปในช่วงเวลาสั้น ๆ คำแนะนำในข้อที่ 7
คือการมองภารกิจเหล่านั้นให้เล็กลง พยายามไม่รับงานเพิ่มเข้ามา
จากนั้นก็ค่อย ๆ สะสางงานเก่า ๆ ที่ค้างอยู่ให้หมดไป
หรือลองแบ่งงานชิ้นใหญ่ ๆ ให้มีขนาดเล็กลง ทำไปทีละชิ้น ๆ จนครบ
ก็สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของงานได้เช่นกัน
นอกจากนั้น การยอมรับความสามารถของตัวเองในช่วงที่เกิดอาการเครี ยด -
หดหู่ว่าไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ 100
เปอร์เซ็นต์เหมือนช่วงที่สมองปลอดโปร่งก็เป็นอีกปัจจ
ัยหนึ่งที่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ลองลดความคาดหวังกับตัวเองลงเหลือสัก 75 -
80 ปอร์เซ็นต์ดูบ้างก็คงไม่ผิดกระไร เพราะความเครียดนี้ก็เป็น
8. ทานอาหารที่มีประโยชน์
อาหารที่เราทุกคนรับประทานเข้าไป
นอกจากจะช่วยบำรุงร่างกายแล้วยังส่งผลต่อสมองอีกด้วย ดังนั้น
ยิ่งอยู่ในภาวะหดหู่ก็ยิ่งสมควรรับประทานอาหารที่มีป
ระโยชน์เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ดี บำรุงเลี้ยงสมองให้คิดแต่สิ่งดี ๆ ได้
9.หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่พบปัญหาในชีวิต แล้วหันไปพึ่งยาเสพติด เช่น
ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หวังว่าการพึ่งพายาเสพติดเหล่านั้นจะช่วยให้จิตใจกลั
บมาดีได้ดังเดิม แต่ในความเป็นจริง
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้อาการซึมเศร้าต่อเนื่อง ยาวนานมากกว่าเดิมแล้ว
ยังมีผลต่อร่างกายในระยะยาวด้วย เพราะจะส่งผลต่อการทำงานของสมอง
การปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
หรือหากเสพเป็นประจำจนติดเป็นนิสัยก็ยังมีผลเสียต่อห น้าที่การงานด้วย
ความคิดเห็น