คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ข้างห้องมาร์คแบม : บทที่ 10
…..... - - ข้- -า - -ง - - ห้ - - อ - - ง - - ม - - า - - ร์ - - ค - - แ - - บ - -ม - -………
“มึง ชีวิตกูหมดกันแล้วป่นปี้ย่อยยับ แตกไม่เหลือชิ้นดี ไอ้เห็บหมา ไอ้ความเผือกทำไมพวกมึงไม่ไปลากกูกลับมาห้อง ปล่อยให้กูโดนพวกพี่เข้าปู้ยี้ปู้ยำแบบนั้นได้ยังไง” ถึงน้ำตาผมจะไม่ไหลออกมา แต่ข้างในน้ำตาผมไหลประดุจแม่ฮวงโหแล้วนะครับผม TxT
“พูดซะอนาถเชียวไอ้แบม มึงยังไม่ได้ถูกทำอะไรสักหน่อย ทำซะยังกับพี่เขาขืนใจมึงแล้วงั้นแหละ” ไอ้ยองแจบ่นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจผมเต็มขั้น
“ใช่ๆ ที่สำคัญจากที่มึงเล่า มึงเป็นฝ่ายกระทำพี่เขาล้วนๆ พอตื่นมามึงก็จับแพะชนแกะชนหมาชนแมว มั่วไปเองแล้วมึงจะบอกว่าโดนพวกพี่เขาปู้ยี้ปู้ยำได้ไง”
“ไอ้ฮยอน มึงไม่เข้าหรอก ต่อไปนี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้ากูไว้ตรงไหนแล้วมึงเข้าใจป่ะ กูไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าพวกพี่เขาด้วยซ้ำ ชิวิตกูทำไมซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนแบบนี้”
“มึงก็เอาหน้ามึงไว้ตรงที่เดิมเนี่ยแหละ พวกพี่เขาก็แมนอยู่หรอกเขาคงไม่เอาไปพูดต่อหรอกกูว่า”
“ถ้าพวกพี่มันยังกล้าเอาไปพูดต่อกูคงไม่ต้องไปมหาลัยอีกเลยตลอดปีตลอดชาติตลอดไป แค่ต่อไปนี้กูจะทำยังไงเวลาเจอพวกพี่เขากูยังไม่รู้เลย ชีวิตกูหมดกันแล้ว”
แล้วไอ้เห็บหมายองแจกับความเผือกซึงฮยอนก็ตบบ่าให้กำลังใจผมประมาณว่าไม่เป็นไรนะ แต่มันจะไม่เป็นไรได้ไงปล่อยไก่ไปตัวเท่าบ้านแบบนั้น ใครใช้ให้ไอ้พวกพี่บ้านั่นมันพูดกำกวมแบบนั้นล่ะวะ เป็นใครก็ต้องเข้าใจแบบผม
“เอานะอย่าเครียด แต่มึงควรจำไว้อย่างนะแบม ถึงเมายังไงถ้ามึงมีอะไรกับพี่เขาจริงก็ต้องมีเจ็บบ้างปวดบ้าง นี่มึงไม่รู้สึกอะไรสักอย่างแต่ดัน..... เออๆ กูไม่พูดก็ได้” ผมหันขวับไปทันทีที่ไอ้ซึงฮยอนที่จะพูดเรื่องเมื่อเช้าออกมาอีกครั้ง
“ก็กู...คิดว่ากูเป็นฝ่ายกระทำไม่ใช่โดนกระทำนี่หว่า กูเลยไม่รู้สึกเจ็บ”
“แบมมึงคิดไปได้ไงว่ามึงจะอยู่ข้างบนพี่เขาเนี่ย มึงดูส่วนสูงน้ำหนักท่าทางพวกพี่เขาด้วยว่ามึงสามารถกดพวกพี่เขาไหวรึเปล่า แถมอยู่กันตั้งสี่คน ถึงมึงอยากจะกด กูว่าพวกพี่เขาก็ไม่ยอมหรอก” ไอ้ยองแจกลั้นยิ้มเต็มทีเลย กูละอยากเอาขวานมาฟาดหน้ามึงจริงๆ
“ก็..ก็...กู..คิดว่า...”
“มึงไม่ต้องก็...เชี่ยอะไรทั้งนั้นละครับ มึงไม่โดนพวกพี่มันรุมโทรมกลับมาก็พอแล้วแหละ ส่วนเรื่องปล่อยไก่ก็ช่างมันเถอะ อย่างดีก็แค่โดนล้อนิดหน่อย”
“แล้วทำไมเมื่อคืนพวกมึงไม่ไปลากกูกลับมา ที่กูต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะพวกมึงนั่นแหละ”
“เมื่อคืนพอมึงออกไปเสร็จ ไอ้ยองแจเสือกอ้วก อ้วกเสร็จแล้วก็นอนไปเฉยเลย กูเลยต้องทำความสะอาดอ้วกให้มัน พอทำเสร็จแม่งก็ดึกมากแล้วไง...กูเลย.....”
“มึงเลยทิ้งกูไปผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์แดนเดรมิตสินะ ไอ้ความเผือกซึงฮยอนมึงตาย” หลังจากนั้นหน้าไอ้ซึงฮยอนก็มีรอยที่ผมประทุษร้ายมันด้วยความรักอย่างที่สุด ขอให้มึงไปเกิดใหม่ แล้วอย่ามาเหยียบห้องกูอีกเลยยยยยย กูเกลียดมึง ไอ้เพื่อนเลว !!!!!
…..... - - ข้- -า - -ง - - ห้ - - อ - - ง - - ม - - า - - ร์ - - ค - - แ - - บ - -ม - -………
“แบมกูขอถามอะไรมึงหน่อยได้ป่ะ เอาแบบตรงๆนะ” ไอ้ยองแจทำหน้าซะเครียดเลย ตายห่าแหละกูไปทำอะไรมันไว้ว่ะเนี่ย
“เอาเลยมึงถามมาเลยกูพร้อมแหละ” เรื่องนี่แม่งคงคอขาดบาดตายมาก เพราะไม่เคยเห็นไอ้ตี๋ตาตี่ จะมีเรื่องเครียดอะไรเลยกับชีวิต เห็นทีวันนี้มันคงจะเป็นเรื่องอะไรที่ซีเรียสมากจริงๆ ไม่ใช่ว่าไอ้ยองแจมันไปโดนใครสอยประตูหลังมา หรือ ว่าเฮ้ย มันจะมาบอกผมว่า มันชอบผมว่ะ ฉิบหายกูยังไม่พร้อมแดกเพื่อนตัวเอง
“มึง.....คือ....กู” เอาละพูดซะติดอ่างเชียว มึงจะบอกชอบกูจริงๆเหรอว่ะ มิน่าชอบมาแซะมากอดกูจัง ไม่นะยองแจ กูไม่เคยพิศวาสมึงเลย
“ยองแจไม่ว่าอะไรที่มึงจะถามอะไรออกมา พูดออกมา กูขอบอกไว้เลยว่ากูจะขอรับไว้เฉพาะความเป็นเพื่อนที่หวังดีเหมือนที่กู มีมาให้มึงตลอด” ยังไงก็ต้องบอกมันอ้อมๆ ก่อนว่ายังไงกูก็ไม่พิศวาส มึง มันจะได้เตรียมใจไว้ก่อน เราจะได้ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้โดยไม่ติดใจ
“มึงคิดหมาๆ อะไรอีก ไอ้ขี้มโน ไอ้ที่กูจะถามนี่มันไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นเพื่อนที่แสนดีอะไรของมึงสักนิด ยังไม่เข็ดใช่ไหมที่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน คิดอะไรเองเออเองแล้วหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเนี่ย”
“กูไม่ได้คิดอะไร กูเห็นมึงคิดมากไงกูก็ต้องพูดอะไรกลางๆ ไว้ก่อนดิ” เกือบแหละกู เกือบหน้าแหก หมอไม่รับเย็บอีกแหละ กูคงเป็นไอ้ขี้มโนไปแล้วจริงๆ T0T ชีวิตกูแม่งเฮงซวยจริงๆ
“มึงสัญญามาก่อนว่ามึงจะไม่โกรธกู ไม่เคืองกู ไม่ด่ากูด้วย”
“เอ่อๆ ถามมาเหอะ กูสัญญาว่า กูจะไม่โกรธ ไม่เคือง ไม่ด่ามึงด้วย”
“งั้นกูเอาเลยนะ” มึงก็มาเอาสักทีเหอะกูลุ้นจนฉี่เล็ดแหละเนี่ยยองแจ ผมเลยพยักหน้าให้มันเป็นการยืนยันว่าผมพร้อมจะฟังคำถามของมันแหละ
“มึง......กูถามจริงๆเหอะ มึงคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังอินเดียเหรอ หลบกันเป็นอาลีบาบาเลย หน้าตามึงก็ใช่ว่าจะดีสักเท่าไหร่ นิสัยก็ตลาดๆ หุ่นมึงก็บ้านๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้ามึงนี่ก็ประมาณกูได้ แล้วมึงจะทำตัวสะดิ้ง แอ๊บแบ๊ว แต๊วแตก หลบหน้าพี่เขาไปทำเชี่ยอะไร กูว่าพวกพี่เขาคงไม่ได้อะไรแล้วแหละ หยุดไอ้แบมมึงหยุด เมื่อกี้มึงบอก มึงจะไม่โกรธกู ไม่เคืองกูและ จะไม่ด่ากูด้วย เฮ้อในที่สุดก็กูได้พูดออกมา แหมแสนจะโล่ง” ผมรู้สึกอยากจะบีบคอไอ้ตาตี่ให้มันตายขึ้นมาตรงนี้จริงๆ ยิ่งหน้าตอนท้ายที่มันพูดจบ นี่ยิ่งกว่าฟินน่าเร่ ประมาณว่าในที่สุดกูก็ได้ทำภารกิจพิชิตเขาเอเวอรเรสสำเร็จหลังจากเดินมามากกว่าห้าเดือนประมาณนั้น
ผมรู้สึกอยากจะด่าก็พูดไม่ได้ อยากบีบคอมันก็ทำไม่ได้ สิ่งเดียวที่ตอนนี้ทำได้คือทำสายตาอาฆาตมันเอาไว้ รอก่อนเหอะมึงวันไหนมึงล้มกูจะเหยียบซ้ำเลยไอ้เพื่อนเลว เพื่อนกูดีๆทั้งนั้น
“มึงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา มึงชอบทำตัวโคฟเวอร์เกินไปไหม เดี๋ยวก็โคฟเวอร์เป็นต้นไม้ เดี๋ยวมึงก็โคฟเวอร์เป็นผนัง ที่แย่ที่สุดเมื่อวานมึงถึงขั้นจะโคฟเป็นพื้น มันจะง่ายกว่าไหมถ้ามึงเริ่ด เฉิดแล้วยิ้มง่ายๆให้พวกพี่เขา ยังไงวันหนึ่งก็ต้องเจอกันอยู่ดี” ไอ้ยองแจมันยังคงพูดด่าผมไม่หยุดปาก โคฟเวอร์อาชีพใหม่ของผมเอง .........
หลังจากคืนนั้นผมก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เสนอหน้าออกไปเจอพวกพี่เขา ผมต้องรอจนมั่นใจว่าไอ้พี่มาร์คแม่งออกจากห้องไปแล้ว หรือไม่ก็พี่เขาน่าจะไม่ออกมาชนกับผม ผมถึงจะกล้าออกจากห้อง แต่ถึงยังงั้นเราก็ยังต้องมีเหตุบังเอิญมาเจอกันที่มหาลัยอยู่ดี อย่างเช่นวันที่ผมโคฟเป็นต้นไม้......วันนั้น......
ผมกับยองแจกำลังเดินคุยกันมาอย่าสนุกสนาน หลังจากเรียนเสร็จ พวกเราตัดสินใจจะหาร้านอะไรกินกัน ร้านนั้นเป็นร้านตามข้างทาง ที่มีโต๊ะเก้าอี้อะไรให้พร้อม ผมสองคนก็กินกันไปสั่งกันไป
แล้วผมก็ได้ยินเสียงพี่แจบอม คุยกับเพื่อนพี่เขาว่า “มึงนั่งร้านนี้เหอะ”
พอผมได้ยินเท่านั้น ผมก็โกยเถอะโยม....ลุกขึ้ทันทีไม่มองหันหลังกลับไปเด็ดขาด “ยองแจเดี๋ยว เดี๋ยวกูมานะกูปวดขี้ ขี้จะหักในแล้ว” ไอ้ยองแจทำหน้างงสุดขีด เหมือนมันคงงงว่าผมมาปวดขี้อะไรตอนนี้แล้วเสียงผมก็ดังใช่ย่อยไอ้โต๊ะข้างๆมันยังหันมอง แล้วก็คงคิดว่าผมคงขี้ใกล้จะแตกมากถึงกล้าพูดเสียงดังขนาดนั้น แต่วินาทีนั้นผมหาได้สนใจไม่วิ่งอย่างเดียว ผมวิ่งไปสักพักก็เพิ่งนึกได้ฉิบหายไม่ได้หยิบอะไรมาสักอย่างทั้งมือถือกระเป๋าตังห์ ผมเลยไม่สามารถไปไหนได้ไกลได้ เลยต้องยืนหลบต้นไม้แถวนั้น แล้วคอยมองว่าเมื่อไหร่พวกพี่เขาจะไป พวกพี่แม่งก็ไม่ไปสักที ผมยืนตรงนั้นนานเกือบชั่วโมง ให้อาหารยุงจนพวกมันคงอิ่มไปถึงโลกหน้า พอพวกพี่เขาไปผมถึงได้กล้ากระแดะออกจากต้นไม้แล้วกลับโต๊ะ
คงไม่ต้องบอกว่าไอ้ยองแจหน้าหงิกขนาดไหน ผมเลยเล่าให้มันฟังว่าอะไรยังไง มันถึงขั้นงงว่าผมไปโคฟเวอร์เป็นต้นไม้นานนับชั่วโมงได้ยังไง ก็ผมยังไม่พร้อมจริงๆ....
หลังจากเหตุการณ์เป็นต้นไม้ ผ่านไปสี่ห้าวัน ผมกับนายยองแจก็ต้องมีเหตุการณ์ทำให้ต้องไปส่งงานที่ตึกบริหาร ทั้งที่ผมไม่อยากไป แต่ไอ้ยองแจมันก็ไม่ปราณี มันบอกถ้าผมไม่ไปส่งด้วยกัน ก็ไม่ต้องเอาคะแนน ยองแจมึงโหด โฉด และ ชั่วมาก
ผมเดินไปก็สอดส่องไปว่าจะเจอพวกพี่เขาไหม พอเห็นใครที่สูงๆ หรือ หน้าตาคล้ายๆหน่อยก็จะเผลอหลบหลังยองแจทุกครั้ง จนไอ้ยองแจรำคาญ มันเลยเอามือโอบคอผมล็อกเอาไว้ไม่ให้ผมหลบหลังมันได้อีก
“มึงจะกลัวอะไรนักหนา คณะออกจะใหญ่ไม่เจอกันหรอก ว่างใจได้ ถ้าเจอกันกูช่วยมึงเต็มที” เพราะผมเชื่อในคำพูดอันแสนโกหก ผมเลยปลอบใจตัวเองว่ายังไงก็คงไม่เจอหรอก ยังไงก็คงไม่บังเอิญหรอก ผมจึงเบาใจและเดินเป็นปกติสุข
ผมสองคนเขาไปส่งงาน ทุกอย่างกูดุเหมือนจะเรียบร้อยและเป็นปกติดีจน....เราออกจากห้องพักครู คราวนี้เจอกันจังๆ แบบจังๆจริงๆ เพราะพวกผมเปิดประตูออก ส่วนพี่มาร์คเขาเปิดประตูเข้ามา ฉายเดี่ยวมาคนเดียวพอเห็นหน้าผมปุ๊บ......
“รอฉันอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหน เดี๋ยวขอส่งงานก่อน” หน้าพี่ท่านแม่งโคตรเครียด ขืนอยู่ผมก็โง่สิครับ ผมเลยรีบลากไอ้ยองแจวิ่งทันที แต่ทีเด็ดกว่าที่ผมกับไอ้ยองแจวิ่ง คือ....ไอ้พี่มาร์คมันวิ่งตาม
“เฮ้ยหยุดก่อน” ตะโกนแหกปากซะลั่นตึก แต่ผมก็ไม่แคร์วิ่งอย่างเดียว ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นลากไอ้ยองแจไปด้วยกะว่ายังไงรอบนี้จะไม่ทิ้งเพื่อนตัวเองเด็ดขาด
“บอกให้หยุดไง หนีทำไม” พี่แม่งก็ตะโกนจริงๆ คือพี่เขาอาจจะไม่อายแต่ผมยังมียางความอายเหลืออยู่นะครับ .... ถึงใจผมอยากตะโกนบอกกลับไปว่า แล้วพี่วิ่งตามมาทำไมก็เถอะ สุดท้ายพอผมวิ่งออกมาจากตึกบริหาร ซึ่งพอผ่านทางโค้งตรงหน้าไปแล้วมันจะมี ตรอกแคบๆอยู่ ผมก็เลยรีบวิ่งเข้าไปตรงตรอกนั้นทันที ส่วนไอ้พี่มาร์ค มันก็วิ่งเลย....ผ่านไป
พอผมกลับมามองยองแจ ....ไอ้ยองแจหน้าซีดเป็นไก่ต้มไปแล้ว มันไม่มีแม้แต่แรงจะพูดแต่ผมสัมผัสได้ว่า สายตามันกำลังฆ่าผมอยู่ในใจแน่นอน กูขอโทษนะยองแจ T____T พวกเราหลบในตรอกโคฟเป็นผนังกันอีกสักพักถึงค่อยเดินออกมา ผมรีบซื้อน้ำให้ยองแจทันทีกลัวมันตาย
และคดีล่าสุดเมื่อวาน.....เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ
หลังจากวันนั้นผมรู้สึกว่าไอ้พี่มาร์คมันเหมือนรอดักเจอผมอยู่หน้าห้องเกือบแม่งทุกวัน มันรอหน้าห้อง ผมก็หลบตรงบันไดรอจังหวะที่พี่มันเผลอหรือเบื่อที่จะรอ พอพี่เขาเข้าห้องเมื่อไหร่ผมก็รีบวิ่งเข้าห้องตัวเองเท่านั้น ผมรู้สึกว่าความสามารถในการวิ่งของผมพัฒนาถึงขึ้น อรหันต์แล้วตอนนี้
ส่วนตอนเช้าผมถึงขั้นออกจากห้องตั้งแต่ตีห้าแล้วมาหลับเอาหน้าตึกแทน ผมก็ไม่รู้ว่าจะหลบหน้าพี่เขาทำไม แต่ยิ่งพี่มันยิ่งอยากเจอ ผมก็ยิ่งอยากหนีแม่งเลย...แต่คงจะเป็นความจริงว่ายิ่งไม่อยากเจอก็ยิ่งเจอ
ผมกับนายยองแจ เหตุการณ์คล้ายๆเดิม กับยองแจคนเดิม ผู้รับความซวยผมมาถึงสองครั้งซ้อน แล้วมันจะไม่อยู่ในความซวยครั้งที่สามได้ไงจริงไหม ...?
พวกเราออกมาซื้อของที่เซเว่นที่มีขายทุกอย่างบนโลก ให้กับกลุ่มเพื่อนเพราะพวกเราต้องทำรายงานกลุ่มกัน คืนนี้คงอยู่กันยาว ไอ้ยองแจไปเลือกซื้อน้ำผมก็เลือกซื้อขนม ขณะที่กำลังเลือกซื้อของอย่างสนุกสนาน จู่ๆ ก็มีใครไม่รู้มาจับมือผมเอาไว้ ผมหันไปมองทันที
“จับตัวได้แหละนะ” มือก็จับซะแน่น .....ยังมีทำหน้ายิ้มหล่อใส่อีกตั้งหาก.....มึงหยุดเลยนะไอ้พี่มาร์ค กูไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะ
“ยองแจ ยองแจ” ผมตะโกนลั่นร้านอียองแจคงคิดว่าผมเป็นอะไรมันรีบวิ่งมาหาทันที มันถึงขั้นทำตาโต อ้าปากค้าง ประมาณว่าไอ้พี่บ้านี่มาอยู่ตรงนี้ได้ไง
“รู้ไหมว่ากว่าจะจับได้เหนื่อยมากเลยนะ ...เพราะฉะนั้นรู้ไว้ด้วยว่า....ตอนนี้...พี่โมโหมาก” จากหน้าเทพบุตร พี่มันเปลี่ยนเป็นซาตานในตอนท้ายทันที ทำหน้าประดุจตัวร้ายที่ในที่สุดก็จับตัวนางเอกของพระเอกมาได้...แต่คือกูไม่ใช่ผู้หญิงไง นางเอกก็เป็นไม่ได้ ไอ้เรื่องจะให้โดนฉุดแล้วโดนลากลางเซเว่น นี่ไม่ใช่พล็อตกูแหละ
ผมเลยเหยียบเท้าพี่มันไปเต็มแรง พี่มันก็คงไม่คิดว่าผมจะเล่นทีเผลอแรงขนาดนี้ ก็เลยเผลอปล่อยมือ ผมรีบลากไอ้ยองแจให้วิ่งออกจากจุดนั้นทันที ผมได้ยินพี่มาร์คสบถตตามหลังว่า แสบนักนะ
ผมกับยองแจวิ่งออกมาสักพักพอมั่นใจว่า พี่มาร์คคงไม่ตามแล้ว เราก็เดินกันปกติ แต่....สวรรค์ก็ไม่ปราณีผม เมื่อตอนที่ชัวร์ว่าพี่มาร์คไม่วิ่งตามมาผมทีกำลังสบายใจเต็มทีและจะหันไปคุยกับยองแจ เลยเผลอเหยียบน้ำมันอะไรสักอย่างที่คงมีคนทำหกเอาไว้ ล้มก้นจ้ำเบ้าเ ที่แย่กว่านั้นยังไม่พอ ยังลากไอ้ยองแจให้มันล้มลงมาด้วยกัน โชคดีหน่อยทียองแจมันล้มไม่แรงเท่าผม....นี่แหละครับการโคฟเป็นพื้นของผมเมื่อวาน
มาคิดดูแล้วก็สมควรให้ไอ้ยองแจมันโมโหและอัดอั้นจริง คือ มันซวยเพราะผมถึงสามครั้งซ้อนเอาเป็นว่าที่มึงด่ากูมาเมื่อกี้กูจะไม่อะไรละกันนะยองแจ ไอ้ยองแจพอมันได้พูดก็พูดไม่หยุดด่าจนผมอยากจะร้องไห้ โชคดีที่สุดท้ายมันต้องรีบกลับบ้าน มันเลยหยุดด่าผมในที่สุด
สุดท้ายผมก็เดินคอตกกลับห้องตามลำพังแล้วก็คิดว่า...ผมคงหนีไม่ได้ตลอดไปเอาว่ะงานนี้ ผมจะไม่หนีแล้ว อย่างมากก็แค่โดนพี่เขาล้อนิดๆ หน่อยๆ อาจจะโดนอาฆาตนิดหน่อยที่เหยียบเท้ากับปล่อยให้พี่ท่านวิ่งไล่ทั่วคณะบริหาร
ถึงผมจะบอก......ว่าจะไม่หนี....แต่ไอ้การที่ต้องมาเจอพี่มาร์คยืนรอหน้าคอนโด ด้วยสายตาแบบนี้...ผมก็ชักอยากจะหนีแล้วนะครับ
“จะไปไหน มาด้วยกันเดี๋ยวนะ กันต์พิมุก ภูวกุล” ชื่อจริง นามสกุลจริง มึงมาเต็มเลยนะ ถึงผมอยากจะหนีก็หนีไม่ได้แล้วครับ เพราะพี่มันจับมือผมซะแน่นเลยคราวนี้
“คราวนี้ฉันไม่ปล่อยนายแน่ อย่าคิดแม้แต่จะเหยียบเท้าฉันอีก เตือนแล้วถ้าไม่ฟังจะเจอของจริงแน่” ตอนนี้ผมไม่ได้เจอของจริงอยู่หรือไงว่ะ
“พี่คุยกันตรงนี้ก็ได้มั้ง”
“ไม่ได้หรอกไปคุยกันที่ห้องพี่มาร์คดีกว่านะน้องแบมแบม”……………….
ชีวิตกูจะยังเหลือรอดไปเจอยองแจในวันพรุ่งนี้อีกไหมมมมม ยองแจกูคิดถึงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
-TALK-
หายไปนานสามชาติเศษได้ TT__TT
ขอโทษทุกท่านที่ปล่อยให้รอกันนานขนาดนี้
แถมเนื้อเรื่องตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรอย่างน่ารังเกียจ ฮาฮาฺฮา
ขอโทษนะคะ T///T
แต่ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆกำลังใจ ทุกคอมเม้นที่ใกล้จะ 700 ในไม่ช้า ขอบคุณที่คลิกเป็นฟค.เรื่องนนี้กันเกิน 1000คน
ขอบคุณทุกๆแท็ก #ข้างห้องมาร์คแบม ในทวิตด้วย
กระต่ายโหดปาหัวใจจจจจจให้ทุกคนเลยค่ะ >,,,<
ปล.พรุ่งนี้จะกลับมาอีดิทคำผิดให้ค่ะ
ความคิดเห็น