ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ PRODUCE 101 ] #ฟิคแหกกฎ 2

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter : 13

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.14K
      161
      28 พ.ย. 61


              Chapter : 13

                Fandom : Produce 101

              Pairing : 2Kang [Baekho x Daniel]

    Note : 100% มาแล้วจ้า ฝากการรวมเล่มด้วยนะคะของมันต้องมีนะจ้ะแล้วทุกคนจะไม่ผอดหวัง อ่านTALKหน่อยน้าาา

     มีคำหยาบพอสมควรแต่ก็เพื่ออรรถรสจ้ะ

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------






    ข้อตกลงที่คุยกันไว้ ห้ามหึงและห้ามห่วง

    ให้ได้แค่ความห่วงใย แต่เธอคงไม่รู้...มันเริ่มจะไม่ง่าย 

    ใกล้เธอเท่าไหร่ใจฉันยิ่งไหวหวั่น เกิดเป็นคำว่ารัก 

    มากในใจขึ้นทุกวัน จนต้องย้ำตัวเองเป็นได้แค่ไหน...





    ด้วยการกระทำที่เปลี่ยนไปขององซองอู อยู่ๆก็ไปนิ่งไปเสียงอย่างนั้นทั้งที่ปากของเจ้าตัวยังครอบครองอวัยวะเดียวกันของเขา แต่แล้วก็ค่อยๆถูกลดจังหวะลง จากที่ตอนแรกริมฝีปากหนาของเขาทำมินฮยอนแทบลืมหายใจ แต่ตอนนี้มันเหมือนกับมีบางอย่างทำให้เขาหยุดการกระทำลงไปแทบจะทันที...เสียงโทรศัพท์มือถืองั้นเหรอ?


    หรืออาจจะเป็นบางคน...


    ไม่นานมินฮยอนเป็นฝ่ายผละริมฝีปากของตนออกมา เอามือดันแผ่นอกกว้างเอาไว้แล้วหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะค่อยๆเงยมองใบหน้าของคนข้างกายที่ในเวลานี้สายตาของเขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือในมือของตัวเอง 


    บนหน้าจอขึ้นโชว์เบอร์ที่มินฮยอนคุ้นเคย เขาจึงไม่แปลกใจเลยที่องซองอูจะล่ะความสนใจไปจากเขา คนที่แทบจะขึ้นไปนั่งเกยตัก คนที่กำลังจูบ...ก็มีแค่คนคนเดียวที่คนอย่างมินฮยอนสู้ไม่เคยได้สักครั้ง เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีความสำคัญมากพอเทียบเท่าได้แม้จะอยากมากแค่ไหน...


    ทุกอย่างมันแค่เกมเท่านั้นจำเอาไว้ เขาก็แค่อยากสนุกและองซองอูคือคนที่ทำให้เขาสนุกได้ ก็แค่นั้นแหละ 


    ใช่ มันควรเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรก


    มินฮยอนพยายามคิดอยู่เสมอว่ามันเป็นแบบนั้น ตั้งแต่รับผู้ชายคนนี้เข้ามาทำงานเพราะคิดแค่ว่ารู้สึกถูกชะตาก็เท่านั้นเอง มันไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น

    ทั้งที่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้เลย แต่ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตอนนี้มันคืออะไรกัน...


    นี่เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่วะ


    "รับสายสิ" มินฮยอนจัดการกับปกเสื้อที่ยับยู้ยี้ของตนแล้วขยับตัวออกมานั่งที่เบาะ 

    "..."

    "ผมจะออกไปยืดเส้นยืดสายข้างนอกหน่อย" พูดทั้งที่ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาก่อนจะเปิดประตูแล้วลงมาจากรถทันที องซองอูมองตามบอสออกไป ปากก็กำลังจะเอ่ยถามแต่พูดไม่ทัน โทรศัพท์ในมือก็ยังดังสั่นประท้วงอยู่อย่างนั้น 

    บอสจะโกรธหรือเปล่าเขาไม่รู้ แต่ตอนนี้แดเนียลอาจจะมีปัญหาอะไรอยู่ก็ได้ แม้จะมีความคิดอยากลุกขึ้นไปตามมินฮยอนที่ตอนนี้เดินหายไปหลังรถแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจรับสายคังแดเนียลอยู่ดี

    ถ้าเป็นเรื่องของแดเนียล องซองอูไม่เคยมีความรู้สึกลังเลเลยสักครั้ง และมันจะเป็นอย่างนั้นเสมอ


    ไม่ได้ขอให้รัก แค่ขอให้เธอปลอดภัย








    แดเนียลกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงเดินวนไปวนมาอยู่ลานสนามหญ้าข้างหน้าห้องน้ำของจุดพักรถ ที่ตอนนี้ปลอดผู้คน ในมือยังค้างหน้าจอที่โชว์เบอร์เพื่อนสนิทกำลังรอการรับสาย


    ความจริงแดเนียลไม่ได้เกลียดหรือรู้สึกไม่ดีต่อสารวัตรขนาดนั้น เขาแค่ไม่อยากเห็นหน้าหรือเจอใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำเลวร้ายในอดีตเหล่านั้น ที่ในตอนนี้มันตีกันมั่วไปหมดอยู่ในหัวสมอง 


    เขาโทรไปหาเพื่อนสนิทหลังจากออกมาจากร้านกาแฟนั่นได้ไม่นาน เพราะความที่ไม่ได้เป็นคนมีเพื่อนเยอะหรือไว้ใจสนิทกับใครได้ง่ายๆ จึงไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครคนอื่นอีกนอกจากองซองอู ถึงแม้จะมีบางคนที่เขานึกถึงเป็นคนแรกก่อนอยู่แล้ว สุดท้ายก็ต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้ให้ได้ พยายามใจแข็งให้ได้มากกว่าความอ่อนแอลึกๆภายใน ที่มันยังโหยหาและต้องการ...


    ขุดหลุมลึกเพื่อกลบฝังความรู้สึกของตัวเองเอาไว้








    (แดเนียลนายโอเคมั้ย?)


    "อยู่ๆฉันก็เจอ ฉันเจอจนได้ซองอูฉัน...ฉันหนีไม่ได้ใช่ไหมวะ"


    (แดเนียลใจเย็นๆนะค่อยๆพูด)


    "ฉัน ทำไมวะทำไมฉันเป็นแบบนี้อีกแล้ววะซองอู แม้งเอ้ย!"


    (แดเนียลฟังก่อน นายเจออะไร?)


    "..." 


    (แดเนียล ให้ไปหามั้ย?ตอนนี้น่ะ)


    "สารวัตร...คิมยงกุก"


    (ห้ะ ถามจริง?)


    "เจอกันอยู่ที่พักรถ"


    (เขาพูดอะไรกับนาย?)


    "ก็แค่ทัก..."


    (นายรออยู่นั่นแหละฉันจะรีบไปหา)


    "ไม่ต้อง ไปเจอกันที่พักนั่นแหละ"


    (แน่ใจนะ?)


    "อืม..." ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค แดเนียลถูกคว้าแขนเอาไว้จากด้านหลัง เขาหันกลับไปมองตามสัญชาตญาณก็พบกับสายตาคมที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว 


    คนที่แดเนียลพยายามหนีมาทั้งวัน แต่ตอนนี้ยังจับข้อมือเขาไว้ไม่ยอมปล่อย


    "แดน..."

    แดเนียลพยายามกัดฟันแล้วมองออกไปทางอื่น ไม่ยอมที่จะสบตากับแบคโฮให้ได้ แต่แรงมือนั่นยิ่งออกแรงดึงข้อมือของเขาไว้แน่นหนาขึ้นไม่ยอมให้ออกไปไหน ไม่มีเสียงพูดใดๆหลุดออกมานอกจากคนที่ยังยืนนิ่ง และอีกคนที่ได้แต่มองยืนมองแผ่นหลังของเพื่อนร่วมงานตรงหน้า 


    สักพักแบคโฮค่อยๆคลายแรงมือที่กอบกุมข้อมือนั่นเอาไว้ แดเนียลไม่ได้ต่อต้านอะไรแต่ยังทำท่าทีเย็นชาอยู่ดี หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้หันไปสบตากับแบคโฮแต่อย่างใด ยังโกรธเขาไม่หายอยู่ดีสินะ...


    พูดว่าจะลา บอกว่าไม่อยากเห็นหน้ากันอีกแล้ว 


    ทำเหมือนว่ามันง่ายดายที่พูดออกมาอย่างนั้น พยายามคิดว่าตอนนั้นมันคงจะโกรธมากจนใช้อารมณ์พูดออกมา ถ้าตามง้อเหมือนทุกครั้งก็คงจะหาย...


    แต่จนถึงตอนนี้แบคโฮเริ่มไม่มั่นใจเท่าไหร


    อยากปรับความเข้าใจ แต่มันก็คงไม่ยอมฟังอะไรจากเขาอีกแล้ว...เป็นเพราะเรื่องอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้แดเนียลมันใจแข็งได้มากขนาดนี้ ใจแข็งจนแบคโฮรู้สึกกลัว เขากลัวอยู่เพียงแค่อย่างเดียวนั่นแหละ...


    กลัวว่าจะเสียมันไป

    รู้ไหมว่ามันยากมากเท่าไหร่แม้จะรู้สึกแย่แค่ไหน แต่คุณก็ยังใจร้ายไม่เคยเปลี่ยน

    .

    .

    .

    "มึงไม่กินกาแฟนี่ ซื้อกาแฟทำไม?" ถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว จริงๆก็หาเรื่องคุยไปก่อนนั่นแหละ บรรยากาศมันน่าอึดอัดจนเกินไป

    "..." 

    แดเนียลไม่ยอมตอบ ทำท่าจะเดินหนีอีกรอบ และแน่นอนว่าแบคโฮไม่ยอมปล่อยให้ข้อมือแดเนียลเป็นอิสระไปได้ง่ายๆ ร่างหนาเดินเข้าไปขนาบข้างหลังอีกคน แล้วค่อยๆเลื่อนไปกอดเอวด้วยแขนข้างเดียวทั้งที่ยังกุมข้อมือนั่นเอาไว้ไม่ยอมปล่อย 

    ออกแรงดึงแดเนียลให้เข้ามาชิดจนแผ่นหลังอยู่แนบอก เอาคางเกยไหล่กว้างเอาไว้อย่างถือวิสาสะ มืออีกข้างที่ถือแก้วน้ำอยู่ถูกยื่นออกไปหาคนตรงหน้า คนโดนกอดยืนนิ่งไปสักพักแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีไปไหน  ทำแบคโฮใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้มีปฎิกิริยาอะไรตอบรับกลับมาเลย ตอนแรกคิดว่าจะโดนด่าเสียด้วยซ้ำ

    "กูซื้อมาเผื่อเห็นมึงยังไม่กินอะไรเลย"

    "อย่ายุ่งกับกูได้ไหม? " ตอบกลับไปเสียงเรียบ

    "มึงชอบกินไม่ใช่เหรอไง?...นมเย็น" รู้ตัวเองดีว่าตอบไม่ตรงคำถาม แถมยังออกแรงกอดเอวคอดของคนในอ้อมแขนมากกว่าเดิมแค่กลัวว่าคนตรงหน้าจะหนีไปได้ 


    แม้เพียงแค่วันเดียว แต่เขาน่ะคิดถึงกลิ่นหอมของมันจะแย่


    ถึงแม้ตอนนี้แดเนียลไม่ได้มีท่าทีจะขัดขืนอ้อมกอดของเขาแต่ใช่ว่าเจ้าตัวจะชอบใจ ฟังจากน้ำเสียงเย็นชากับอาการใจแข็งไม่ยอมหันมาสบตานี่ก็รู้แล้ว


    "นะ แดน"

    "..."

    "กินหน่อยเหอะเดี๋ยวหิวตายห่า"

    "แบคโฮ" 

    "แดน..."

    "กูไม่กินอะไรทั้งนั้น" น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นเล็กน้อยพร้อมๆกับเสียงถอนหายใจ แบคโฮเงียบไปเพราะเริ่มรู้สึกว่ามันคงจะเริ่มหงุดหงิดเขาขึ้นมาแล้วล่ะมั่ง หรือไม่ก็คงจะ...รำคาญ

    เขาไม่อยากจะคิดเล็กคิดน้อยอะไรหรอกนะ แต่ก้อนเนื้อข้างซ้ายกลับรู้สึกกระตุกวาบขึ้นมาเฉยๆ มือมันสั่นอย่างช่วยไม่ได้ เสียเซลฟ์อยู่ไม่น้อยเหมือนกันทั้งที่เขาง้อมันทุกวิถีทางขนาดนี้แล้ว ไม่เคยทำมาก่อนด้วยซ้ำ...


    แบคโฮเคยคิดว่าเป็นเพราะคังแดเนียล ทำให้ตัวตนเขาต่างไปจากเมื่อก่อนอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดตัวเองนะที่มันกลายมาเป็นแบบนี้ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดมากขนาดไหนกับผลลัพธ์ของความรักครั้งนี้ที่มีให้กับเพื่อนร่วมงานคนนี้ก็ตามแต่เถอะ...


    แต่ไม่เป็นไรหรอก ถึงแม้ว่าผมอาจจะถูกเกลียดแต่อย่างน้อยก็ขออย่าให้คุณหายไปเป็นพอ


    ไม่เป็นไรหรอกแม้จะถูกด่าว่า แต่ผมก็อยากได้ยินเสียงคุณอยู่ดี


    มันไม่สำคัญหรอกว่าตอนนี้ผมจะเป็นยังไง ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างคุณก็พอ...


    แค่แบคโฮรู้ตัวว่ารักคังแดเนียลแค่นั้น ส่วนมันจะรู้สึกยังไงก็ไม่สำคัญอีกแล้ว...ไม่ต้องเข้าใจผมหรอก


    เพราะผมปล่อยคุณไปไม่ได้ ไม่สิ ผมไม่อยากปล่อยคุณไป...มีเพียงคุณเท่านั้นที่ผมต้องการ

    .

    .

    .

    "อ่า ไม่หิวเหรอวะ?" กลั้นใจเอ่ยถามออกไป แดเนียลใช้จังหวะนั้นสะบัดมือออกแล้วทำท่าจะก้าวเท้าเดินหนีไปอีก ก็ถูกมือหนารั้งเอาไว้อีกครั้ง...

    แดเนียลขบฟันด้วยความหงุดหงิดแต่แรงสั่นน้อยๆของมืออีกฝ่ายกลับทำให้เขาคลายความรู้สึกในตอนนั้นลงมา เป็นความหวั่นไหวที่ถูกเข้ามาแทนที่


    ทำไมถึงได้พยายามนักนะ ทำไมถึงยังคงรั้งเอาไว้อยู่ได้...ทั้งที่มันเป็นความสัมพันธ์ที่มีแต่ความเจ็บปวด ไม่เข้าใจ รังแต่จะมีเพียงความล้มเหลวในอนาคตแท้ๆ 


    แดเนียลสับสนไปหมด เขาไม่รู้เลยว่าควรต้องทำยังไงดี เขาไม่เข้าใจมันเลย ทั้งสับสนความต้องการของมันแต่ความต้องการของตัวเองก็สับสนไม่ต่างกันนัก เขาต้องการที่จะหนี แต่เมื่อคิดถึงแบคโฮทีไรก็กลัวเหลือเกินว่าจะทำตามความต้องการนั้นไม่ได้ ทำใจแข็งก็แล้ว ไล่มันไปก็แล้ว แต่มันก็ยังไม่ยอมไปไหน 


    ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่เหมือนผูกกันไว้แน่น ทั้งที่ไม่มีสถานะ


    นั่นยิ่งทำให้เขาหวาดกลัวเหลือเกิน...กลัวว่าถ้าสักวันหนึ่งเกิดใจอ่อน เขาจะเปิดโอกาสให้แบคโฮเข้ามาทำให้ตัวเองรู้สึกแย่อีก หรือไม่ก็ตัวเขาเองนั่นแหละที่อาจจะเป็นคนทำร้ายมันเสียเอง 


    ไม่อาจฝืนใจให้ยอมรับได้เลยว่า ถึงความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่จะเลวร้ายลงไปมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตัดได้ไม่ขาดสนิท ยังคงอยากมีมันอยู่ข้างๆเหมือนเมื่อก่อน...


    คุณรู้ไหมตอนที่เราจูบกัน มันคือตัวตนทั้งหมดของผม ตอนที่คุณบอกรักผม ความจริงแล้วผมก็รู้สึกไม่ต่างกัน...


    แต่ที่ผมบอกให้คุณรักษาระยะห่างระหว่างเราอาไว้ เป็นเพราะกำแพงของผมเองนั่นแหละ ผมรู้ดี แต่ผมทำอะไรกับหัวใจตัวเองไม่ได้ ข้างในนั้น...ความกลัวของผมมันแน่นหนาจนเกินไป 

    .

    .

    .

    "กินหน่อยเถอะ" แบคโฮถามย้ำ เพราะอีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะแตะต้องมัน แก้วน้ำในมือของเขาก็ยังถือค้างอยู่เช่นเดิม

    "..."

    "กูเป็นห่วงมึงนะแดน"

    "ถ้ารับแล้วจะเลิกทำให้กูรำคาญไหม?" น้ำเสียงแผ่วเบาแต่คนฟังกับได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ


    ความรู้สึกเหมือนโดนมันต่อยหน้าอีกครั้ง ถึงจะโดนบ่อยๆอยู่แล้วก็เถอะ แต่นี่มันออกจะมาก็เกินไป...


    คำพูดของแดเนียลน่ะหนักยิ่งกว่าแรงมัดเสียอีก


    "โกรธอะไรก็บอกกูมาสิวะ มึงเป็นอะไรกันแน่วะแดน"

    "จะไปไหนก็ไปเหอะแบคโฮอย่ามายุ่งกับกูอีกเลย"

    "..."

    .

    .

    .

    คุณฆ่าผมด้วยคำพูดได้ยังไงกันนะ








    อยู่ตรงนี้เถอะนะ อย่าจากผมไป


    แม้เมื่อครู่แดเนียลอยากพูดออกไปแบบนั้น แต่มันไม่ง่ายเลยทำได้แค่พูดออกไปอีกอย่าง...ขี้ขลาดชิบหายเลยสินะ คนอย่างเขาน่ะ

    ผมไม่เข้าใจตัวสักนิด ผมอยากอยู่ข้างๆคุณ แต่ผมมันก็เห็นแก่ตัว เพราะผมให้ในสิ่งที่คุณต้องการไม่ได้ และผมแตกต่างจากคนที่คุณคาดหวังไว้ ผมไม่ใช่คนที่ดีและข้างในใจยังมีแต่ความขี้ขลาดหวาดกลัวเท่านั้น

    ในตอนนี้อารมณ์ของผมว่างเปล่า อย่าแตะต้องผมเลยมันจะทำให้คุณเจ็บปวดเพราะคำพูดแรงๆของผม ถึงแม้ว่าคุณพยายามจะละลายผมก็มีแต่จะทำให้ผมเย็นชาขึ้นกว่าเก่าเท่านั้นแหละ ผมอาจจะทำร้ายคุณด้วยความผิดซ้ำซ้อน ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ผมกลัวว่ามันจะเป็นแบบนั้นอีกครั้ง


    คุณอาจจะเจ็บปวดเพราะผม หรือไม่ก็อาจเป็นผมที่จะเจ็บปวดเพราะคุณ


    เพราะอย่างนั้นการอยู่ในกฎของตัวเอง ใช้ชีวิตอยู่ในกำแพงสูงนี้ต่อไปคนเดียว ต่างคนต่างอยู่ไปเสียดีกว่า ก็คงจะไม่มีใครต้องเจ็บปวดอีก


    ทุกอย่างมันอาจจะดีขึ้นกว่าตอนนี้ก็ได้...








    บนรถตู้



    "เป็นอะไรจินยอง มองโทรศัพท์แล้วก็หัวเราะอยู่ได้" แดเนียลหันหน้าไปถามแพจินยองที่ตอนนี้เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์ตั้งแต่ขึ้นมาบนรถ จนรถออกมาได้ระยะหนึ่งแล้วก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากจอ เว้นเสียแต่ตอนที่เขาเอากาแฟมาให้นั่นแหละนะ

    "อ่าว พี่แดเนียลไม่เช็คไลน์กรุ๊ปหน่อยล่ะครับ ผมกำลังคุยกับพวกพี่ๆโฮสต์อยู่" เงยหน้ามาตอบเสร็จก็ก้มหน้าลงไปกดใหม่

    "อ่า  มีอะไรสนุก?"

    "ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เรื่องเรื่อยเปื่อยน่ะ"

    "งั้นเหรอ...นอนบ้างเถอะไม่เพลียหรือไง?" 

    "ผมสบายดีครับ มีไหล่ให้พี่พิงก็พอ" ยิ้มแป้นให้เป็นคำตอบ แดเนียลยิ้มขำ

    "พี่ไม่รบกวนบ่อยหรอกน่ะ" จินยองใช้จังหวะที่แดเนียลหันไปหยิบหูฟังในกระเป๋าหันไปยิ้มอวดแบคโฮที่ตัวเองได้รอยยิ้มจากพี่แดเนียล แบคโฮแทบจะยกเท้าส่งให้เป็นสิ่งตอบแทนถ้าไม่ติดว่ากลัวคนนั่งข้างๆจะด่าน่ะนะ

    "ว่าแต่พี่แดเนียล" จินยองคิดอะไรขึ้นมาจึงเอ่ยถามไปทันที 

    "หืม?"

    "ไม่เห็นมือกลอง...อ่า คุณซองอูเพื่อนพี่มาตอบแชทกรุ๊ปเลยตอนพักรถผมก็ไม่เห็น เขาไม่ไปเหรอครับ?"

    "อ๋อ ไปสิ แต่มันไปขับรถให้บอสน่ะ"

    "แปลกแฮะ"

    "อะไรที่แปลก?"

    "ก็ปกติไปทริปกันบอสไม่เคยขับรถส่วนตัวไปสักครั้ง มานั่งกับพี่แดเนียลตลอด" แดเนียลพยักหน้า เขาก็สงสัยเหมือนกันแต่ไม่ได้คิดอะไรมาก ครั้งนี้บอสคงจะอยากนั่งรถที่เป็นส่วนตัวมากกว่า

    "คงเมารถล่ะมั่ง ดีแล้วถ้าบอสมาองซองอูมันก็มาพี่รำคาญไอ้ซองอู มันชอบก่อกวนพี่"

    "พี่เขาน่ะเหรอครับ?ผมนึกว่าเป็นคนดุๆเสียอีกเห็นชอบทำหน้าตาน่ากลัว" 

    "ไม่เลย ซองอูมันแค่เป็นคนสายตาดูดุดันน่ะความจริงแล้วจอมกวนที่หนึ่งเลย ถ้านั่งข้างมันพี่คงไม่ได้นอนเหมือนนั่งข้างนายหรอก" 

    จินยองหัวเราะร่วน ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่นักเพราะเห็นองซองอูครั้งแรกก็ตอนเขานั่งเล่นอยู่กับพี่แดเนียล จากนั้นมาก็ได้รับรังสีอำหิตจากมือกลองคนใหม่อยู่แทบจะตลอดเวลาเลย จะไม่ให้คิดว่าน่ากลัวได้ไงวะ

    แต่จริงๆแล้วก็เคยเห็นคุณซองอูเขายิ้มนะ ยิ้มแค่ตอนอยู่กับพี่แดเนียลเท่านั้นแหละ

    "จริงๆ" แดเนียลหัวเราะพูดย้ำอีกครั้งเป็นการยืนยัน จินยองพยักหน้าเข้าใจรัวๆ

    "ดูสนิทกันขนาดนี้ พี่สองคน..." จินยองเว้นระยะหายใจก่อนจะกลั้นใจถามไปตรงๆราวกับอยากให้คนที่นั่งข้างหลังได้ยินด้วย "เป็นแฟนกันเหรอครับ?"

    "..." แดเนียลเงียบไป คนข้างหลังก็นิ่งไปเช่นกัน ดูภายนอกแบคโฮเหมือนกำลังนั่งหลับอยู่ แต่หูน่ะได้ยินทุกคำที่ทั้งสองคนคุยกันหมดนั่นแหละ

    "ไม่ต้องตอบผมก็ได้นะผมถามเล่นๆน่ะ" จินยองขำกลบเกลื่อนหันไปเหล่แบคโฮที่หรี่ตามองกันไปกันมาอยู่สองคน

    .

    .

    .

    "เปล่า เพื่อนสนิทน่ะ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับมันมากกว่านี้เลย" กว่าจะตอบคำถามออกมาได้ จินยองแทบกลั้นหายใจ แต่คนข้างหลังน่ะแทบหยุดหายไปแล้ว 

    แบคโฮยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ถึงแดเนียลจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้องซองอูนั่น แต่ใช่ว่ามันจะมารู้สึกอะไรกับเขาอยู่ดีนั่นแหละ ใช่ไหมล่ะ


    ถึงจะแอบคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ในใจอยู่ก็เถอะ ขอให้คนที่มันชอบเป็นเขาได้ไหม...ขอร้องได้ไหม

    .

    .

    .

    "ค่อยโล่งอก" จินยองพูดอยู่ในลำคอ จนแดเนียลหันมามองหน้าอย่างงงๆ

    "หือ อะไรนะ?"

    "อ้อ คือพี่แดเนียลอยากฟังเพลงอีกไหมครับ?" ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องแล้วยื่นหูฟังไอโฟนให้อีกคนทันที








    ณ โรงแรมที่พักชาวโฮสต์คลับ


    "พี่แดเนียลพักคนเดียวเหรอครับ?" จินยองเดินมายืนขนาบข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แดเนียลที่กำลังจะไขประตูเข้าไปในห้องพักหันควับมามองหน้าอีกคนแทบไม่ทัน

    "ตกใจหมด"

    "ขวัญอ่อนจริงนะพี่แดเนียล" จินยองขำ แดเนียลกรอกตาแล้วทำเป็นไม่สนใจ

    "อือ พี่ขอบอสไว้น่ะ"

    "แต่มือพี่เจ็บอยู่นะ พักคนเดียวจะดีเหรอครับ"

    "พี่ไหวน่าจินยอง" โบกมือเชิงว่าไม่เป็นไรแล้วหันไปจะไขประตูอีกครั้ง

    "แต่ผมว่า..."

    "เห็นจีฮุนเดินตามหานายตอนพี่เดินมาที่ห้อง พักด้วยกันไม่ใช่เหรอ?ไปเก็บของได้แล้วเดี๋ยวจีฮุนมันก็มาบ่นหรอก" เอียงหน้ามาพูดกับจินยองก่อนจะหยุดมือที่ไขกุญแจห้องไปก่อน

    "โอ๊ย พี่มันไม่กล้าบ่นผมหรอก"

    "ห้ะ.." แดเนียลเลิกคิ้วอย่างมีคำถาม

    "เปล่าๆครับ งั้นผมไม่กวนล่ะนะไปก่อนนะครับ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ตลอดเวลาเลยนะพี่แดเนียล"

    "ไม่เป็นไรพี่ดูแลตัวเองได้น่าไปได้แล้วไป" ดันหลังคนอายุน้อยกว่าให้ไปห้องพักของตนได้แล้ว มาตามจี้เขาเหมือนเขาเป็นเด็กอนุบาลอยู่นั่นแหละเด็กคนนี้

    "ครับบบๆๆๆ"


    หลังจากมองจินยองเดินออกไปที่ห้องของตัวเองแล้ว แดเนียลก็หันกลับมาให้ความสนใจลูกบิดประตูอีกครั้ง ด้วยความที่มือข้างที่เข้าเฝือกเป็นมือข้างที่ถนัด พอใช้อีกมือที่เหลือไขประตูเลยเกิดความทุลักทุเลเล็กน้อย 


    กำลังจะไขได้อยู่แล้วแต่เผลอทำกุญแจตกลงพื้นไปซะอย่างนั้น แดเนียลถอนหายใจหงุดหงิด กำลังจะก้มลงไปหยิบก็มีมือมาคว้าไหล่ของเขาเอาไว้แดเนียลยืนขึ้นตามแรงดึง มองอีกคนที่เดินไปหยิบกุญแจบนพื้นขึ้นมาถือ

    "พักคนเดียวจะไหวเหรอครับเนี่ย"

    "อ่าว ยองมิน..."

    "ให้ผมมาพักด้วยมั้ย?ผมดูแลเก่งนะ" เขายิ้ม

    "พอเลย แค่นี้ฉันไม่ตายหรอกน่ะเอากุญแจมา" ยื่นมือไปจะหยิบกุญแจจากมืออีกฝ่าย เขาถอยไปข้างหลังทันควัน

    "โถ่ว ปฎิเสธไวจังเลย คิดหน่อยก็ได้นะครับ" ทำหน้าเศร้าแต่จริงๆแล้วเจตนามันคือกวนตีนนั่นแหละ แดเนียลยักไหล่ เขาไม่พูดอะไรเพราะรู้ว่ายองมินแค่แกล้งเล่นเท่านั้น ยื่นมือไปหาคนตรงหน้าอีกครั้ง

    "เอามาเร็วๆเลยยองมิน เหนื่อยนะเว้ยจะพักแล้ว"

    "ก็ไม่เล่นกับผมเลย" ยองมินขำคิกคักยักไหล่เชิงยอมแพ้ กำลังจะส่งกุญแจห้องพักให้กับมือแดเนียล แต่แล้วก็หวืด เมื่อฝ่ามือของอีกฝ่ายถูกมือปริศนาคว้าไปต่อหน้า

    แบคโฮกุมมือแดเนียลเอาไว้แน่น ไม่ได้สนใจสีหน้าของแดเนียลเลยว่าตกใจไม่น้อยแค่ไหน เขาจะสะบัดมือออกมันก็ไม่ยอมปล่อยอีกนั่นแหละ แล้วหลังจากนั้นแบคโฮก็ใช้มืออีกข้างคว้ากุญแจมาจากมือยองมินทันที

    "เดี๋ยวฉันดูแลมันเอง นายไม่ต้องห่วงหรอกยองมิน" ยองมินชะงักไป คนตรงหน้าทำหน้าตาจริงจังเสียจนน่ากลัวแต่มันทำให้เขารู้สึกอยากหัวเราะเสียมากกว่า จากนั้นยองมินก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเข้าใจ

    "โอ้ โฮสต์ระดับสูงทั้งสองคนพักห้องเดียวกันงั้นเหรอครับ?" ทำเป็นถามไปอย่างนั้น สายตาก็มองหน้าคนทั้งคู่สลับกับมองมือของแดเนียลที่ถูกมือหนาของอีกคนกุมไว้แน่น แถมคุณโฮสต์แดเนียลยังทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ขนาดนั้น ไม่ยอมพูดอะไร แต่ยังพยายามสะบัดมือของเพื่อนร่วมงานออก...ทะเลาะกันอยู่หรือไงน่ะ


    "ก็ไม่หรอก..." แบคโฮตอบ พยายามไม่สนใจคนที่นิ่งไปไม่พยายามแกะมือออกจากมือตัวเองแล้วแต่เปลี่ยนมาเป็นจ้องหน้าเขาด้วยสายตาหงุดหงิดแทน

    "แบค..."

    "แค่ตอนนี้น่ะ เพราะอีกสามวินาทีข้างหน้าฉันจะพักห้องเดียวกับมันแล้ว"









    ท้องฟ้าสีส้มหม่นค่อยๆจางจากท้องฟ้าออกไป สองข้างถนนเริ่มมืดแล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเข้าสู่ช่วงเวลาหัวค่ำ รถสปอร์ตสีดำสนิทยังคงแล่นอยู่บนถนนที่ค่อนข้างเปลี่ยว ทางทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยต้นไม้ป่าหญ้า ถึงแม้จะมีบ้านเรือนผู้คนอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ดูจรรโลงใจขึ้นได้สักเท่าไหร่ มีเพียงไฟหน้ารถและแสงสว่างจากเสาไฟริมถนนเท่านั้นที่สว่างไสวเป็นการนำทาง


    แต่บรรยากาศเงียบสงัดไม่ได้มีแค่ภายนอก เพราะภายในรถก็มีบรรยากาศที่ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่นัก บอสยังคงไม่พูดอะไรกับเขา คนขับรถชั่วคราวที่ตอนนี้เริ่มจะทำตัวไม่ถูกเพราะคนนั่งข้างๆนี่แล้ว 


    เมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้ หลังจากที่อยู่ๆแดเนียลก็วางสายไปซะดื้อๆทั้งที่ยังคุยกันไม่จบด้วยซ้ำ องซองอูเกือบจะบึ่งรถไปหาแล้วเดี๋ยวนั้นถ้าไม่ติดว่ามันส่งข้อความมาบอกก่อนว่าสายหลุดไปเอง ก็เลยทำให้โล่งใจได้ขึ้นมาเปราะหนึ่ง แม้เหมือนกับว่าเขาจะได้ยินเสียงคุ้นๆก่อนหน้าที่แดเนียลจะวางสายไปดังแทรกเข้ามาก็เถอะ บางทีเขาอาจจะคิดเยอะกลัวว่าแดเนียลจะเป็นอะไรมากเกินไปก็ได้


    ไม่ต่างจากตอนนี้เขาก็กำลังคิด คิดว่าคนที่นั่งเบาะข้างกันโกรธอะไรเขาหรือเปล่าเนี่ยสิ ยิ่งท่าทางของบอสต่างออกไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด องซองอูยิ่งรู้สึกชัดเจนว่าไม่น่าจะคิดมากไปเองแล้วล่ะ ก็บอสฮวังมินฮยอนน่ะสิ นั่งเงียบกริบมาตั้งแต่เมื่อชั่วโมงก่อนแล้ว ทั้งที่เขาลอบมองดูคนตัวขาวอยู่หลายรอบ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้หลับหรืออะไรหรอกนะ 

    เขาเลยลองแกล้งขับรถให้เร็วขึ้น แซงคันนู่นทีคันนั้นทีเพื่อตั้งใจจะกวนตีน แต่กลับไม่มีปฎิกริยาที่คาดหวังให้มันเกิดขึ้นจากบอสเลยสักนิดเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ด่าเขาได้ไม่หยุดปากทุกทีที่เหยียบคันเร่งด้วยซ้ำ...หรืออาจจะเป็นเพราะว่าบอสไม่พอใจที่โดนขัดจังหวะหรือเปล่าวะ

    ไอ้จังหวะที่ว่าก็นั่นแหละ...ก่อนหน้านี้ยั่วเขาซะจนเกือบจะขับรถชนเสาไฟอยู่แล้ว ดีที่เขายังมีสติประคองรถไปจอดข้างทางได้


    บอกเลยว่าตอนเจอกันครั้งแรก บอสดูไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น...ประมาณว่ารักสนุกแต่ไม่ผูกพันอะไรเทือกนั้น แถมยังชอบที่จะเล่นเกมเซ็กส์ทำนองนี้ด้วย 

    บอสตัวแสบนี่แสบสันต์กว่าที่คิดไว้เยอะเลย

    ทั้งที่เจ้าตัวน่ะภายนอกดูหงิมๆยิ้มง่ายไม่ค่อยสนใจใครนอกจากงานและลูกน้อง  แต่เมื่อคืนวาน ในเกมของเราสองคนน่ะนะ ถึงจะไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่ว่านั่นเป็นครั้งแรกของบอส แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าไม่ธรรมดาเหมือนกัน...

    เขาเป็นคนที่ชอบความสดใหม่ อะไรที่ดูซื่อใสและบริสุทธิ์ คนที่มีภายในที่น่าค้นหาแตกต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิงแบบที่บอสเป็นน่ะ น่าลิ้มลองที่สุดแล้ว


    จูบอ่อนหัดที่เต็มไปด้วยความเขินอายภายใน แต่ก็แฝงด้วยความอวดเก่งที่แสดงออกมาภายนอก เหอะ รสชาติมันหอมหวานไม่เบาเลยล่ะ



    "ข้างหน้าดูจะมีปั้มน้ำมันด้วยนะครับ บอสอยากแวะเข้าห้องน้ำสักหน่อยไหม?"

    "..." และแน่นอนไม่มีเสียงตอบรับเหมือนเดิม หรือเขาจะลองถามไปตรงๆเลยดีวะ

    "บอส"

    "..."

    "โกรธอะไรผมงั้นเหรอ?" พอจบประโยคก็ได้รับปฎิกริยาตอบกลับทันที บอสตัวแสบค่อยๆหันมาสบตากับซองอู มุมปากหยักยกขึ้นสีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป คิ้วบางขมวดเข้าหากัน...

    "พูดเรื่องอะไร?ผมจะไปโกรธอะไรคุณ"

    ไม่ผิดคาด ปฎิเสธว่าไม่ได้โกรธอะไรทั้งที่สีหน้าท่าทางนี่ไปกันคนละอย่างเลย แต่คนโกรธที่ไหนจะบอกว่าตัวเองโกรธกันล่ะ โดยเฉพาะบอสตัวแสบเนี่ย อวดดีปากแข็งนัก

    "บอส...ถ้าไม่ได้เป็นอะไรคงไม่นั่งทำหน้าเหมือนตูดแบบนี้หรอก ผมไม่ได้ตาบอดนะครับ แล้วถ้าบอสไม่พูดผมก็ไม่สามารถตรัสรู้ได้หรอกนะ"

    "นี่กวนตีนผมเหรอคุณมือกลอง?" เส้นเอ็นบอสคงจะเกิดการเอ็กซ์ซิเด็นซ์เกิดขึ้นแน่ๆเพราะอยู่ก็โผงผางดีดตัวขึ้นมานั่งตัวตรง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซองอูก่อนจะจ้องอยู่อย่างนั้นเหมือนตาจะหลุดออกมาจากเบ้า ซองอูแทบสะดุ้ง รีบหลบสายตาหนีไปมองทางถนนข้างหน้าแทน 

    "ใจเย็นดิครับบอส..."

    "ผมไม่ได้โกรธ!"


    จ้า ไม่โกรธก็ไม่โกรธจ้าพ่อคุณ ไม่โกรธจนจะแดกหัวกูอยู่แล้ว


    ซองอูไม่พูดอะไรอีกเพราะยังไม่อยากโดนถีบตกรถไปตอนนี้ บอสตัวแสบล่ะสายตาจากเขาแล้วทำท่าทีฮึดฮัดมองไปอีกฟากบนถนนข้างทาง ซองอูรู้สึกอยากจะบ้าตายทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำผิดอะไรแต่บอสกลับดูเหมือนโกรธเขามากจนอยากเตะกระเด็นออกไปจากรถด้วยซ้ำ พลันสายตาเหลือบไปเห็นป้ายปั้มน้ำมันข้างทางที่ก่อนหน้านี้เลือนลางอยู่ข้างหน้าไกลๆแต่ตอนนี้รถเคลื่อนที่เข้ามาจนใกล้จนจะถึงเข้าไปทุกที 


    ในขณะที่เขากำลังตัดสินใจว่าจะถามบอสอีกครั้งดีไหม เรื่องที่จะแวะพักที่ปั้มน้ำมัน แต่หันหน้าไปเจอบอสกำลังนั่งจ้องจอมือถือ พิมพ์อะไรสักอย่างที่เขามองไม่ออก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอกด้วยสีหน้าที่ยังดูโกรธพี่โกรธน้องใครมาอยู่เหมือนเดิม


    ดุจังนะตัวแค่เนี้ยะ


    "แวะที่นายบอกเมื่อกี๊ด้วย"

    "ที่ไหนนะครับ?" ซองอูเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าบอสจะเปิดฉากพูดกับเขาขึ้นมาก่อน

    "ก็ปั้มน้ำมันไงวะ นี้ตั้งใจกวนตีนกันเหรอไงคุณมือกลอง?"



    Whatttt นี่กูผิดอะไรเนี่ย???









    "ปล่อย"

    แดเนียลมองค้อนคนที่ยังจับข้อมือของเอาไว้แน่นหนาไม่ยอมปล่อยมาเกือบนาที ทั้งที่อิมยองมินก็เดินหนีออกไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าเขาสู้แรงมันไม่ได้ แต่มือข้างที่ถนัดก็ดันมาเดี้ยงแบบนี้จะให้ทำยังไงนอกจากยอมให้มันจับมือเขาเอาไว้ไม่ปล่อยแบบนี้ 


    คังแบคโฮน่ะมันเหมือนกับหมาบ้าจริงๆนั่นแหละ ถ้าได้กัดแล้วมันจะต้องกัดไม่ยอมปล่อย หัวดื้อหัวรั้นชะมัด ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมหนีด่าแค่ไหนก็ไม่ยอมไปไหนสักที แดเนียลไม่รู้แล้วว่าจะต้องจัดการกับมันยังไง แค่ปัญหาของเขาก็เกินจะแก้มากพอแล้ว เจ้าตัวต้นเหตุของปัญหานี้ยังตามวอแวเขาไม่เลิกอีก 


    ทั้งที่เขาไม่อยากใจอ่อนให้มันอีกแล้ว...แต่แดเนียลกลับกลัวใจตัวเองมากกว่า


    "ปล่อยแล้วจะไล่กูหรือเปล่า?" แบคโฮจ้องมองเข้าไปในแววตาคนข้างๆแต่ดูราวกับว่ามันว่างเปล่าเหลือเกิน เขามองไม่ออกเลยว่าจนถึงในตอนนี้แดเนียลรู้สึกอะไรกับเขาบ้างไหม แค่เพียงรู้สึกสะกิดในใจเล็กๆ...จะพอมีบ้างไหม

    "ตอนนี้กูก็ไล่มึงอยู่นะแบคโฮ กลับไปห้องพักมึงได้แล้ว" แดเนียลชักสีหน้าแล้วถอนหายใจรอบที่เท่าไรไม่รู้ได้

    "กูจะมาพักด้วย ก็บอกไปแล้วไง" ตอบกลับไปราวกับไม่ได้ยินประโยคแรกซะอย่างนั้น แดเนียลหันควับกลับมามองทันควัน

    "ใครอนุญาต?"

    "กูอนุญาตตัวเอง"

    "..." แทบอยากจะถีบมันซะเดี๋ยวนั้น กวนตีนนัก

    "เข้าไปสักทีดิ ยืนจนเมื่อยแล้ว"

    "ปล่อยกูแบคโฮ กูจะนอน"

    "..." แบคโฮทำเมินไปกับคำพูดของแดเนียล ทำท่าจะดันอีกคนให้เดินเข้าไปในห้องแต่แดเนียลทำนิ่งไปเสียก่อน มือที่พยายามขัดขืนการกอบกุมของเขาก่อนหน้าก็หยุดชะงักลง แดเนียลใช้ความนิ่งงันเข้ากดดันบรรยากาศเงียบลงไปในวินาทีนั้น... 

    "กูอยากอยู่คนเดียว"

    และดูเหมือนว่าจะได้ผล แบคโฮยอมกับความหัวแข็งของมันแล้ว เขาปล่อยมือและถอยให้ห่างออกมาเล็กน้อยแม้จะไม่ได้อยากก็ตาม

    "ก็ได้ๆ กูจะแวะมาดูนะ" 

    "ไม่ต้อง"

    "อยู่ห้องตรงข้ามเนี่ยมีอะไรก็เรียกแล้วกัน" แดเนียลเดินหนีเข้าห้องไปโดยที่ไม่พูดอะไรอีก

    คิดว่าคนอย่างคังแบคโฮจะยอมแพ้ง่ายๆขนาดงั้นหรือไง...บอกเลยว่าไม่



    10นาที



    เสียงเคาะประตู

    แดเนียลเดินออกมายืนมองตาแมวที่ประตูห้องเห็นแบคโฮกับถุงอะไรซักอย่างในมือ เจ้าตัวยืนเขย่าขาก่อนจะมองตอบกลับมาทันควันทำแดเนียลรีบหลบตาหนีออกจากตาแมวแทบไม่ทัน...คิดผิดซะที่ไหน นี่ผ่านมาแค่สิบนาทีกว่าเองนะ

    เขาหันหลังพิงตาแมวนั่นเอาไว้แล้วคิดไม่ตก เสียงเคาะประตูรอบที่สองตามมาเป็นจังหวะสามช่าเลย แดเนียลได้แต่สายหัวไม่ได้กวนตีนสักวันสงสัยจะนอนไม่หลับสินะไอ้คังแบคโฮ


    เสียงเคาะประตูเงียบลงแล้วแต่เป็นเสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาแทน แดเนียลหยิบขึ้นมาอ่านทันที เขายังยืนอยู่ที่เดิมเพราะคิดว่าแบคโฮน่าจะยังไม่ได้ไปไหน แบคโฮส่งข้อความมาหาเขาจริงๆอย่างที่คิดเอาไว้ใจความก็คือเอาข้าวกับยามาให้นั่นแหละ ได้แต่ถอนหายใจกดปิดหน้าจอไปทันทีทั้งทียังไม่ได้ตอบอะไรกลับ

    .

    .

    แต่แล้วข้างในหัวใจของแดเนียลก็เริ่มสั่นระรัว เสียงในหัวตีกันเป็นกลองชุดเมื่อเห็นข้อความล่าสุดที่เพิ่งเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ





    ความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องมันโหวงเหวงไปเสียหมดเหมือนกับว่าลมหายใจจะหลุดลอย เสียงใจเต้นดังจนราวกับว่าจะทะลุออกมาจากอกเพียงแค่คำไม่กี่คำบนหน้าจอนั่น...


    นานแค่ไหนแล้วนะที่คังแดเนียลไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ นานแค่ไหนแล้วที่เขาชินชากับความเงียบเหงาและบาดแผลที่อยู่ลึกในหัวใจของตัวเอง...

    ตั้งแต่ที่แดเนียลมีแบคโฮเข้ามาในชีวิตในตอนที่เขาไม่ต้องการจะคาดหวังความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครอีก แต่แล้วมันก็กำลังทำให้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนและแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างยับยั้งอะไรไม่ได้


    แม้แต่ยับยั้งความรู้สึกที่มีต่อมัน


    พอคิดถึงตัวเองกับเรื่องราวในอดีตที่จุดจบมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด ไม่มีความทรงจำที่ดีหลงเหลือให้อยากคิดถึงอีก มีเพียงความเจ็บปวดที่ได้รับและบทเรียนครั้งนั้นได้สอนเขาเอาไว้ 


    คำว่าคงอยู่ตลอดไปจะไกลห่างออกจากความสัมพันธ์ของคนสองคนได้ตลอดเวลา


    แดเนียลจึงเลือกตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไปเสียดีกว่า ทำเป็นแสดงแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ในหัวใจตอนนี้มันมีแต่ความหวั่นไหว ยิ่งคิดยิ่งพยายามหนีก็ยิ่งทรมาณจิตใจตัวเองทุกครั้ง...เขาเหนื่อยเต็มทีแต่ถึงอย่างนั้นความกลัวมันกลับมีอิทธิพลเหนือกว่าความหวั่นไหวในหัวใจของตัวเอง 


    กลัวว่าความรู้สึกในหัวใจกำลังต้องการแหกกฎ


    แม้แต่กฎของตัวเองที่ตั้งเอาไว้ ด้วยข้ออ้างที่ว่าต้องการปกป้องตัวเอง หวังว่ามันจะช่วยให้ความรู้สึกเจ็บปวดจากการรู้สึกผิดหวังจากผู้อื่นได้ลดน้อยลงไปบ้าง แต่ไม่เลย มันไม่ได้ช่วยเซฟหัวใจของเขาให้อยู่ในโซนกำแพงกั้นอันหนาแน่นนั้นไว้ได้สักนิด 


    ต้องปล่อยมือ แต่ก็ไม่สามารถปล่อยได้ วนไปอย่างนี้ซ้ำๆ



    แบคโฮยืนรออยู่นาน แต่แดเนียลก็ยังไม่ยอมเปิดประตูออกมาสักทีพยายามส่องเข้าไปในตาแมวก็มองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ข้อความที่ส่งไปก็ไม่ได้รับการตอบกลับมาซักสติ้กเกอร์ แบคโฮหยุดคิดสักพักแล้วหันหลังเดินออกจากประตูไปโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าอีกฝั่งของประตูนั่นกระวนกระวายใจไม่น้อยไปกว่ากันเลย


    แดเนียลไม่ได้ยินเสียงอะไรข้างนอกอีกทุกอย่างเงียบลงไปได้สักพักแล้วจนรู้สึกแปลกใจ แม้แจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์มือถือก็ไม่มีเสียงมากวนใจอีก ตัดสินใจลอบมองออกไปดูผ่านตาแมวอีกครั้ง...ไม่มีใคร

    เขาถอนหายใจยาวเยียด ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูออกมาแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง...ไม่มีใครแล้วจริงๆ มีแต่เพียงถุงกระดาษที่ห้อยอยู่ที่ลูกบิดประตู ส่วนแบคโฮมันคงตัดใจกลับเข้าห้องไปนอนแล้วล่ะมั่ง เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว 

    แดเนียลเดินออกมาจากประตูเพื่อจะหยิบถุงกระดาษนั้นมาไว้ในมือเสร็จสรรพและกำลังจะกลับเข้าห้อง แต่พอเอี้ยวหน้าไปมองข้างหลังก็เจอกับแบคโฮที่จ้องเขาเขม็งและทำท่าจะเดินเขามาหา แดเนียลรีบใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าห้องจะปิดประตูหนี เพราะแบคโฮแทบจะวิ่งเข้ามาใส่ จังหวะที่ประตูกำลังจะปิดลงเขารีบเอามือกันประตูเอาไว้ มือหนาเลยโดนประตูหนีบอย่างแรงไปเต็มๆ ทำเจ้าของห้องตกใจพร้อมๆกับเขาที่ร้องโอดโอย


    "อั่ก!!!" 

    แบคโฮรีบสะบัดมือไปมาอย่างแรงให้มันบรรเทาความเจ็บตามสัญชาตญาณ แต่สิ่งที่แบคโฮไม่อยากจะเชื่อมากกว่าที่เขาโดนประตูหนีบมือคือการที่แดเนียลตกใจมากกว่า เจ้าตัวรีบออกมาดู จับมือแบคโฮมาหมุนซ้ายขวาหาบาดแผลอย่างลืมตัว

    "เจ็บมากไหมโดนตรงไหนอีกหรือเปล่า?" แบคโฮเงียบไปทันทีคล้ายๆกับความเจ็บเมื่อครู่หายไปอย่างปลิดทิ้งเพียงแค่เห็นอาการของคนตรงหน้า แทนที่จะเบ้หน้าเจ็บแผลแต่เขากลับยืนยิ้มเหมือนคนบ้า มองแดเนียลที่กระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด ก้มหน้าพลิกซ้ายขวาหาบาดแผลบนมือเขาไม่ยอมหยุด

    "ทำไมไม่ระวังเลยวะ"

    "..."

    "ใครใช้ให้มึงเอามือมากันประตู?"

    "..."

    "กูถามมึงอยู่นะแบคโฮ" เพราะการที่แบคโฮเงียบไปเลยทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง คนที่จ้องหน้าเพื่อนร่วมงานอยู่แล้วรีบหันหน้าหลบไม่ต่างจากอีกคน แดเนียลลืมไปเลยว่าตั้งใจไว้จะไม่คุยกับมันอีก แต่นี่เล่นลืมตัวพูดด้วยถามออกไปเป็นคำถามเลย จะคืนคำพูดก็ไม่ทันแล้วเลยได้แต่ก้มหาแผลไปอีกรอบให้เนียน

    "กูเห็นมึงกำลังจะปิดประตูเลยลืมตัว" แบคโฮก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าทำไมต้องทำเสียงอ่อนลงเพราะคำดุของมัน แต่จริงๆน่ะบ่นในใจไปแล้วว่าแม่หรือเมียไปแสนรอบ แต่ถ้าเป็นอย่างหลังจะดีมาก...


    "มึงเห็นไหมว่าเลือดออกด้วยแถมมันยังเริ่มช้ำแล้วเนี่ย"


    ช้ำกว่านี้อีกยังได้เลย ถึงมือจะหักก็ถือว่าคุ้ม


    "ขอโทษ กูไม่ทันระวัง..."

    "โง่ชิบหายเลยมึงเนี่ย" แดเนียลขึ้นเสียงอย่างหัวเสียแม้จะยังง่วนอยู่กับการพลิกมือหนานั่นไปมาอยู่ก็ตาม 

    "เออ กูยอมโง่ก็ได้วะอย่างน้อยก็ได้รู้ว่ามึงเป็นห่วง" แบคโฮยักคิ้ว ระบายยิ้มตบท้าย อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้เลย

    "..." 

    แดเนียลเงยมองเห็นแบคโฮที่ยิ้มมองอยู่แล้วจึงได้รู้ตัว เจ้าตัวนิ่งงันไปเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ได้ปล่อยมือแบคโฮจากการสำรวจหาจุดสึกหลอ แล้วรีบหันกลับมาไปความสนใจมือของอีกคนแทนอีกครั้ง

    "ไปทำแผลกับบอสไป เลือดตรงนิ้วมันยังไหลอยู่เลยนะ"

    "ไม่ปฎิเสธด้วยว่าเป็นห่วง"

    "หุบปากไปเหอะน่ะ ไปทำแผลได้แล้ว" รีบกระแทกเสียงใส่ทันควัน

    "บอสยังมาไม่ถึง" แดเนียลจิ๊ปากอย่างขัดใจ

    "ไปหารีเซบชั่นไปหรือถ้างั้นก็พวกน้อง..."

    "ทำไมต้องไล่ให้กูไปหาคนอื่นอยู่เรื่อย ขออยู่กับมึงไม่ได้หรือไง?"

    "..."

    คนโดนตั้งคำถามไม่ยอมตอบอะไร แถมยังไม่ยอมมองหน้าคู่สนทนาอีก ในใจคิดไปล้านแปดแล้วว่าจะจัดการยังไงกับคนหัวดื้ออย่างมันดี แบคโฮรีบทำท่าเป็นร้องเจ็บเมื่อเห็นอีกคนทำเงียบไปนาน

    "กูบอกให้ไปทำแผลไง"

    "มึงทำให้กูสิ"

    "..." อีกครั้งที่โดนแดเนียลเงียบใส่จนแทบนับครั้งไม่ถูกแล้ว เขาอยากจะขำกับอาการของมันเหลือเกิน ทำเป็นตะคอกเสียงโมโหใส่แต่ก็ยังประคองมือช้ำบวมของเขาไม่ยอมปล่อย...

    แดเนียลมันเป็นคนแบบนี้เสมอ ปากร้ายแต่ใจดี เขาถึงได้ชอบกวนโมโหให้โดนมันด่านี่ไง ตลกดี

    "เลือดจะไหลหมดตัวแล้วนะเว้ย คิดนานจังเลย"

    "อย่าเว่อร์ไอ้สัดนี่" แบคโฮหัวเราะอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าใบหน้าที่กำลังก้มต่ำมองบาดแผลบนมือของเขากำลังพยายามกลั้นหัวเราะอยู่หรือเปล่า เขารู้แค่ว่าตอนนี้แดเนียลกำลังเป็นเหมือนเดิม แม้จะเพียงนิดเดียว แต่แค่นี้ก็ดีแล้ว

    ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้งเหลือไว้เพียงรอยยิ้มค้างบนใบหน้าของแบคโฮ แต่หลังจากวินาทีนั้นเองแดเนียลจับมือหนาขึ้นมาค่อยๆบรรจงแตะลิ้นลงบาดแผลบนนิ้วมือของเขาแล้วดูดซับเลือดแผ่วเบา...

    "เห้ย มันสกปรกนะ" ใช้เวลาเป็นนาทีกว่าแบคโฮจะตั้งสติได้ พอได้ยินดังนั้นแดเนียลจึงหยุดการกระทำลงค่อยๆคลายริมฝีปากออกมาจากนิ้วมือแล้วมองตอบคนตรงหน้า

    "เหรอ...กูเห็นในทีวีเขาทำกัน" แบคโฮแทบจะขำออกเสียง ส่ายหัวให้กับความเด๋อด๋าของมัน

    "มึงดูจากทีวีช่องไหนมา?"

    "จะดู?"

    "กูจะไม่ดูสิวะ วิธีแบบนี้เขามีแต่เด็กทำกันทั้งนั้น" แดเนียลจิ๊ปาก เขาก็แค่ทำในสิ่งที่พอจะรู้เท่านั้นแหละดันกลายมาเป็นเครื่องมือให้โดนมันล้อจนได้

    "เรื่องมากว่ะ ไปทำแผลได้แล้วไป เลือดไม่น่าจะไหลแล้ว"

    "คุณหมอส่วนตัวกูอยู่ตรงหน้าแล้วจะให้ไปไหน"

    "แบคโฮ อย่ากวนตีน กูมีแค่พาสเตอร์ยาไม่มี..."

    "แค่นั้นก็มากพอแล้วน่ะ" เขาแทรกตัวเดินเข้ามาในห้องทันที แดเนียลไม่ทันตั้งตัวเขาพ่นลมหายใจเดินตามเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ สองมือของทั้งคู่ยังกุมกันอยู่ไม่ปล่อย

    "มึงนี่มัน กูจะด่ามึงยังไงดี"

    "กูก็เป็นของกูแบบนี้" แบคโฮยักคิ้วกวน แดเนียลผลักไหล่แบคโฮให้นั่งลงบนข้างเตียง เขาจำต้องยอมปล่อยมือแดเนียลเพราะเจ้าตัวจะไปเอาพาสเตอร์ยาแต่ก็เป็นไปอย่างอ้อยอิ่ง...ถ้าทำได้เขาไม่อยากปล่อยมือมันให้ไปไหนอีกแล้ว แม้จะแค่เพียงนาที...ก็กลัวเหลือเกินว่าแดเนียลจะหนีจากเขาไปอีก


    แดเนียลเดินกลับมาพร้อมพาสเตอร์ยาในมือก่อนจะนั่งลงข้างๆ "เป็นส้นตีนอะไรของมึงนักวะ ให้เกียรติคำด่าคำไล่ของกูบ้าง"

    "กูบอกไปแล้วว่าจะไม่ไปไหน กูจะอยู่กับมึงเสมอไม่ว่าในสถานะอะไร"

    "..."

    "กูเป็นของมึง แดน"

    "ไม่ต้องมายกตัวเองให้กู" แดเนียลรีบพูดตัดบท ดึงแขนของเพื่อนร่วมงานแล้วประคองมือหนาขึ้นมา เตรียมจะติดพาสเตอร์ยาให้

    "ไม่เอางั้นเหรอ? แต่ที่จริงก็ได้ไปหลายรอบแล้วนะ"

    "ถ้ายังปากมากกูจะฆ่ามึง"

    "กลัวชิบหาย" 

    แดเนียลถอนหายใจและเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำอีก เขาค่อยๆบรรจงติดพาสเตอร์ยาลงไปบนบาดแผลให้เบามือที่สุด แบคโฮมองหน้าเพื่อร่วมงานที่ตอนนี้ใจจดใจจ่อกับนิ้วมือของเขาเหลือเกิน ดูตั้งใจแต่ก็เหมือนจะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เพราะมือมันก็หนักไม่ใช่เล่นยังดีที่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมากมายนัก

    "อ่ะ เสร็จแล้ว"

    "เป่าด้วย"

    "ห้ะ...?

    "ก็เป่าลมใส่แผลไง มันจะช่วยให้แผลหายเร็วมึงไม่เคยดูในทีวีเหรอ?" แบคโฮยิ้มกริ่ม

    "อย่างงั้นเหรอวะ..." 

    "เออ เพี้ยงๆเลย"

    แดเนียลคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงไปเป่าแผลให้จริงๆ แบคโฮขำขึ้นมาเสียงดัง ทำแดเนียลหน้าเหวอก่อนจะขมวดคิ้วมอง

    "นี่มึงหลอกกูเหรอ?"

    "เปล่าๆ จริงๆมันช่วยได้" พูดทั้งที่ยังหัวเราะอยู่อย่างนั้นยิ่งทำแดเนียลเริ่มหงุดหงิด จ้องหน้าแบคโฮเขม็ง

    "แล้วมึงหัวเราะทำไมนักหนา?"

    แบคโฮพยายามกลืนคำหัวเราะลงคอเหลือไว้เพียงรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วมองตาเพื่อนร่วมงานที่ตอนนี้สบสายตาเขาอยู่ไม่ห่างเช่นกัน

    "ก็เพราะมึงเป็นแบบนี้แล้วโคตรน่ารักเลย ไม่รู้ตัวหรือไง"


    "..."

    ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง มีเพียงสองสายตาที่ผสานกันอยู่ในเวลานี้กับรอยยิ้มบนใบหน้าของแบคโฮที่ดูจะฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมเสียอีก ใช้เวลาไม่นานนักกลายเป็นแดเนียลที่หลบสายตาหนีไปเอง

    "กลับห้องมึงไปได้แล้ว" พูดยังไงทันขาดคำคนที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้เอนตัวนอนแผ่ลงบนเตียงไปเรียบร้อยแล้ว และดูยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจากห้องนี้ง่ายๆ

    "ลุกไม่ขึ้นว่ะ แขนเปลี้ย" 

    ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนที่แกล้งทำเป็นนอนหลับตามาเป็นระรอก แดเนียลส่ายหัวและไม่คิดว่าจะไล่มันให้ออกไปนอนห้องตัวเองได้หรอกอย่างมากก็ตอนนี้ 

    "ตามใจแล้วกัน" ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาใกล้ๆทิ้งให้แบคโฮนอนอยู่อย่างนั้น เขาเหนื่อยจะต่อปากต่อคำกับมันแล้วหรือเพราะพอใจที่มันเป็นแบบนี้กันนะ อยู่ๆแดเนียลก็ยิ้มคนเดียวขึ้นมาเสียเฉยๆ

    .

    .

    มือหนาทั้งสองข้างวางทับไว้บนไหล่กว้างของแดเนียล เจ้าตัวสะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้หันมามองหรือขัดการกระทำอะไร แบคโฮค่อยๆเลื่อนมือจากบนไหล่ลงมาคล้องคอคนที่นั่งหันหลังให้บนโซฟา เดินเข้ามาชิดโซฟามากขึ้นแล้ววางคางไว้บนหัวทุยของเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะก้มมองใบหน้าหวาน

    "ออกไปแบคโฮ กูหนัก" โดนบ่นเข้าจนได้

    "แดน"

    "อะไร?" เจ้าของชื่อเงยหน้ามองตอบก็เจอกับสายตาของคนที่จ้องมองมาก่อนอยู่แล้ว 

    "หิวข้าวว่ะ"









    ปั้มน้ำมัน


    ร่างสูงโปร่งยืนเอาหลังพิงรถคันหรู กอดอกขาไขว้กันแล้วกระดิกไปมาเพราะว่าไม่รู้จะทำอะไรฆ่าเวลา หลังจากที่องซองอูขับรถมาจอดในปั้มน้ำมันแห่งนี้รอให้บอสไปจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อย แต่นี่ก็ผ่านมาเกือบจะ20นาทีแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวบอสกลับมาสักที 

    หมากฝรั่งรสมิ้นต์ที่เคี้ยวเอาไว้แก้เครียดก่อนหน้านี้ตอนที่ถูกบอสทำมึนตึงใส่ก็จืดชืดหมดรสชาติ ซองอูถอนหายใจก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินไปคายหมากฝรั่งทิ้งทางหลังรถ เสร็จสรรพจึงเดินมาข้างหน้ารถก็เจอบอสที่เดินมาพร้อมกับถุงกระดาษในมือพอดี

    "ไปทำอะไรมาทำไมไม่เฝ้ารถ"

    "ผมน่ะเหรอ?" 

    "ใช่ ใครอนุญาตให้คุณออกห่างจากรถ"

    "..."

    ซองอูขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ใครไม่เฝ้ารถงั้นเหรอวะ?แล้วเมื่อกี้นี้มันหมารึไงที่มันยืนเฝ้าจนขาล้าไปหมดแล้วเนี่ย

    "หรือจะเถียง ผมเห็นคุณเพิ่งเดินมา" มินฮยอนขึ้นเสียงใส่เขาอีกครั้ง ซองอูแทบจะพ่นลมหายใจทิ้ง เขาก็เข้าใจนะว่าบอสอาจจะยังโกรธเคืองเรื่องก่อนหน้านี้อยู่ แต่นี่มันจะไม่พาลเอาแต่ใจไปหน่อยหรือไงกัน ทั้งที่เขายืนรออยู่ตั้งนานสองนาน ชะเง้อมองหาอยู่ตลอดมาถึงก็พาลมาขึ้นเสียงด่าอย่างงี้ได้เหรอวะ

    "ตามใจบอสแล้วกันครับ" ตอบกลับไปเสียงเรียบ แล้วเปิดประตูขึ้นรถไปในทันทีไม่แม้แต่จะมองตอบ มินฮยอนเดินกระแทกเท้าตามขึ้นรถมาติดๆ แต่เปลี่ยนไปนั่งเบาะหลังแทน

    "เดี๋ยวคุณช่วยแวะที่ๆหนึ่งให้ผมด้วย ผมมีธุระต้องไปทำ"

    "บอส"

    "อะไร?"

    "มานั่งข้างหน้า" ซองอูเอ่ยขึ้นเสียงนิ่งต่างไปจากเดิม ทำเอามินฮยอนขมวดคิ้วมองจ้องไปที่ซองอูที่เริ่มทำสีหน้าไม่สบอารมณ์มันชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ 

    "คุณว่าไงนะ?"

    "ผมบอกให้บอสมานั่งกับผม ข้างหน้านี่" น้ำเสียงดุดันมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว สายตาคมจ้องผ่านกระจกมองหลังส่งรังสีความน่ากลัวมาถึงคนข้างหลังที่เริ่มนั่งไม่ติดเบาะ 

    "กล้าสั่งผมเหรอคุณมือกลอง" มินฮยอนไม่กล้าจ้องสายตาเกรี้ยวกราดของอีกฝ่ายที่จ้องผ่านกระจกมา แต่กลับกล้าขึ้นเสียงตอบไปอย่างไม่ยอมกัน ซองอูไม่พูดอะไรอีก เขาเปิดประตูลุกออกมาจากที่นั่งแล้วปิดมันอย่างแรงจนมินฮยอนสะดุ้งเฮือก เดินกระทืบเท้ามาที่ประตูรถฝั่งมินฮยอนนั่งอยู่ก่อนจะกระชากมันออกอย่างแรง

    "คุณจะทำอะไร?"

    "บอสจำได้มั้ยครับว่าก่อนหน้านี้เราติดค้างอะไรกันอยู่?" มินฮยอนเขยิบถอยหลังไปอีกทางเมื่อซองอูแทรกตัวเข้ามาในรถ และค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนมินฮยอนถอยติดประตู ไม่มีทางไปแล้ว

    "อะ อะไร..." ใบหน้าดุดันในตอนแรกนั่นเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปากทันที ซึ่งมินฮยอนรู้ในทันทีเลยว่ารอยยิ้มชั่วร้ายแบบนี้น่ะจะต้องส่งผลไม่ดีต่อเขาเป็นแน่...


    "เกมของเรายังไม่จบนะครับบอส" 










    ทูบีคอนตินิววววววววววววววว




    ㅡTALKㅡ

    ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ...บอกจะอัพเร็วแต่ก็ช้าอยู่ดีหนูขอโต้ดㅠㅡㅠ ไม่รู้จะยังมีใครรอหรือเปล่าแต่สำรวจคนที่สนใจรวมเล่มแล้ว เพียงพอต่อความต้องการแล้วจ้าา แงแอ


    เข้าเรื่องก็คือ เขาเริ่มจะดีๆกันแล้วเนอะโกรธกันได้นานมั้ยเอ่ย อยากจะแหม

    (ปล.การง้อกันไม่ต้องจบลงที่เตียงเสมอไป แบคโฮกล่าว จบที่โซฟาก็ได้555555555555)

    ส่วนตอนที่5ยังไม่ถูกปลดแบนเลย แงแอ ช่วยเป็นกำลังใจให้น้องด้วยนะคะ เพราะเอ็นซีหรือฉากอื้อหือยังมีอีกมาก5555555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×