ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] #ลู่วิทยาฮุนวิศวะ

    ลำดับตอนที่ #12 : ลู่วิทยาฮุนวิศวะ : 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.88K
      18
      20 พ.ค. 59

    ลู่วิทยาฮุนวิศวะ - 10





    สนามฟุตบอลโดยรอบยังคงเต็มไปด้วยกองเชียร์ที่ไม่รู้ว่ามาจากคณะไหนบ้าง แต่ที่แน่ๆทางฝั่งของวิทยาศาสตร์การกีฬาค่อนข้างเสียงดังและคึกคักข่มขวัญทางคณะวิทยาศาสตร์น่าดู...นักกีฬาทั้งสองคณะยังคงวิ่งกระจายตัวในสนามอย่างเหน็ดเหนื่อย แสงแดดจ้าที่ค่อยๆเลือนหายกลายเป็นแสงสีส้มอ่อนค่อยๆพรากกำลังกายของพวกเขาไปทีละน้อย

     

    เสียงนกหวีดดังขึ้นไม่รู้กี่ครั้งกับการฟาวล์ง่ายๆ และครั้งนี้ผมก็ต้องออกมาเป็นคนทุ่มบอลอยู่ที่มุมสนาม เสียงเชียร์ที่เรียกชื่อผมในตอนนี้ทำให้อดที่จะรู้สึกฮึกเหิมไม่ได้...บางครั้งการที่เรามีตัวตนต่อใครสักคน อาจจะทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าของตัวเองกว่าที่เป็นก็ได้

     

    “พี่ลู่! พี่ลู่! พี่ลู่!

     

    วิทยาศาสตร์การกีฬากำลังครองบอลอย่างได้เปรียบ พวกเขามีนักกีฬาสำรองให้เปลี่ยนตัวตลอดเวลาผิดกับคณะของผม น้องปีหนึ่งที่ลงตั้งแต่ครึ่งแรกเริ่มหมดแรงกันแล้ว พวกเราจ่ายบอลได้ไม่ทันไรก็ถูกตัดหน้าไปได้ง่ายๆ

     

    “พี่ลู่! ด้านขวา!

     

    ผมหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนร่วมทีมทันทีเมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังเลี้ยงบอลวิ่งตรงมาทางนี้ ด้านหลังของผมเป็นประตูที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถทำคะแนนได้ง่ายๆ และตรงนั้นมีแค่ผมที่ยืนเผชิญหน้ากับเขาเพียงคนเดียว

     

    “จริงๆแล้วผมไม่อยากแข่งกับพี่เลยนะ”

     

    เสียงหอบหายใจของเขาดังขึ้นเมื่อเราเริ่มขยับเข้ามาใกล้กัน ผมพยายามจะประกบตัวเขาและแย่งบอลออกจากปลายเท้า หากแต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น เขาตัวโตกว่าผม แค่ขยับนิดหน่อยเขาก็สามารถเบียดผมออกได้แล้ว ซ้ำอีกฝ่ายก็ยังไม่หยุดที่จะสนทนากับผมในช่วงเวลาสำคัญขนาดนี้

     

    “พี่เป็นแฟนกับพี่ฮุนแล้วเหรอครับ”

     

    ผมไม่ได้สนใจจะมองหน้าเขาเท่าไหร่ ผมไม่รู้ว่าเขาทำหน้าแบบไหนตอนถามประโยคนี้ออกมา แต่นั่นก็ทำให้ผมเผลอเสียสมาธิขึ้นมาจนได้เมื่อสายตาของผมไปตกอยู่กับคนที่ข้างสนามแทน แม้จะเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่ผมจะรู้สึกตัว อีกฝ่ายกลับพลิกตัวหลุดจากการประกบของผมไปจนได้

     

    ผมขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเมื่ออีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากขึ้น ก่อนจะพยายามวิ่งเข้าไปสกัดเขาอีกครั้ง อาจจะเพราะเส้นกรอบของประตูอยู่ใกล้เข้ามาและผมก็มีเวลาให้ตัดสินใจได้ไม่มาก ผมจึงเลือกที่จะสไลด์ตัวเข้าไปขวางทางเขาทันทีอย่างเจตนา

     

    ปี๊ดดดดด!!!

     

    ผมล้มลงบนพื้นหญ้า เช่นเดียวกับเขาที่ล้มตามลงมา...ผมไม่รู้ว่าลูกบอลหลุดจากเท้าเขาเข้าประตูไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆร่างกายใหญ่โตของเขากำลังโอบประคองผมอยู่หน้าประตู

     

    “ผมบอกแล้วว่าผมไม่อยากแข่งกับพี่...เพราะผมอยากแข่งกับพี่ฮุนจีบพี่มากกว่า”

     

    “อย่าเลย”

     

    “ผมรู้ ผมถึงถามไงว่าคบกันแล้วเหรอ”

     

    ผมยอมนั่งนิ่งๆ และยอมให้เขาช่วยพยุงตัวลุกขึ้น...ผมมีคำตอบให้เขา คำตอบของความจริงที่ว่าเรายังไม่ได้คบกัน หากเพียงแต่ผมก็ไม่ได้พูดปฏิเสธอะไรออกไปสักคำ ผมยังคงเงียบและนั่นก็คงเพียงพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มรุ่นน้องคนเดิมถอนหายใจออกมา เขายังคงยิ้มให้ผม แต่ผมรู้สึกว่ามันดูจืดจางชอบกล

     

    “ไค...” ผมแตะไหล่เขา และเขาก็ยอมหันกลับมามองผมอีกครั้ง “เป็นพี่น้องกันก็พอนะ”

     

    เขาคลี่ยิ้มออกมาบางๆพลางพยักหน้ารับอย่างจำใจ และเพียงไม่นานหลังจากที่พวกเราออกมานั่งทำแผลกัน เวลาการแข่งขันก็จบลงด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬาชนะวิทยาศาสตร์ไป 1-0 คะแนน

     

    ------------------

     

    “อะไร ทำไมทำหน้าแบบนี้มองเราล่ะ”

     

    ฮุนหน้าบึ้ง ปากคว่ำ คิ้วขมวดตั้งแต่การแข่งขันจบ จนผมเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดนักศึกษาแล้วเขาก็ยังคงทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่อย่างนั้น

     

    “.............”

     

    “อ๋อ...หงุดหงิดเรา?”

     

    “.............”

     

    “ไม่ตอบก็อย่าตอบ ถ้าไม่รู้สาเหตุเราก็ง้อไม่ถูกหรอกนะ”

     

    ผมมองหน้าเขาแล้วก็หันกลับมาสนใจถนนข้างหน้า ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างเรา ผมรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ เพียงแต่ผมไม่อยากเป็นฝ่ายเริ่มพูดออกมาเอง ผมไม่ชอบอาการแบบนี้ของฮุน ผมรู้ว่าเขาคิดมากแน่ๆ ผมเห็นสายตาเขาที่จับจ้องผมในสนามตลอด และผมก็แค่อยากให้เขาเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อนว่าเขาไม่พอใจอะไร

     

    “ลู่ รอก่อน”

     

    ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมเดินนำเขาเข้าลิฟต์มาแล้ว ตอนนี้คิ้วของผมคงจะขมวดยุ่งเป็นปมแข่งกับเขาอยู่แน่ๆ อาจจะเพราะผมเหนื่อยและผมก็เริ่มหงุดหงิดเล็กๆที่เขาเอาแต่เงียบ ผมเลยเดินทิ้งเขาออกมาจนอีกฝ่ายคว้าแขนผมเอาไว้

     

    “ขอโทษ เราแค่เฟลเฉยๆว่ะ ไม่ได้หงุดหงิดลู่”

     

    “เฟลมากไหม? เฟลจนไม่อยากคุยกับเราเลยหรือเปล่า?”

     

    “เฮ้ย ไม่ดิ...นี่งอนเหรอ”

     

    ผมหันหน้าหนีเขาอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆแกะมือฮุนที่จับแขนผมอยู่ออก...ผมไม่ได้งอน ทั้งชีวิตนี้ผมยังไม่เคยงอนใครด้วยซ้ำ แล้วผมจะมางอนเขาเรื่องอะไร

     

    “เราไม่ได้งอน”

     

    “แต่ปากเชิดจนจะถึงจมูกอยู่แล้ว”

     

    สีหน้าบึ้งตึงของฮุนคลายลงและเปลี่ยนมาเป็นยิ้มล้อๆ ฝ่ามือใหญ่ของเขาจงใจประคอมแก้มผมทั้งสองข้างให้หันกลับมาสบตากันอีกครั้ง ก่อนจะบีบมันเข้าหากันจนผมปากจู๋ต่อว่าเขาด้วยเสียงอู้อี้แทน

     

    “เข้าไปคุยกันที่ห้องได้ไหม? คุยตรงนี้ไม่ดีมั้ง”

     

    ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 5 ก่อนที่ผมจะเดินนำออกมาพลางเปิดประตูห้องให้เขาตามเข้ามาด้วย ฮุนวางกระเป๋าของตัวเองลงบนโต๊ะกินข้าว เขาไม่ได้เดินสำรวจไปรอบห้องของผม เพียงแต่กวาดตามองจนทั่วแล้ววกกลับมาหยุดที่ผม พร้อมรอยยิ้มบางๆอย่างทุกครั้ง

     

    “ตกลงงอนที่เราไม่พูดด้วยเหรอ?”

     

    “เราบอกว่าไม่ได้งอนเปล่าวะ”

     

    ผมยังคงเถียงเขา โดยที่ไม่รู้ว่าปากของผมเชิดไปถึงจมูกแล้วจริงๆอย่างที่เขาว่า ฮุนยิ้มกว้างกว่าเดิม เขาเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นก่อนที่นิ้วชี้ของเขาจะจิ้มลงบนปากผมเบาๆให้รู้สึกตัว

     

    “ไม่งอนก็ไม่งอน แต่ตอนนี้เสียงเหวี่ยงแล้วนะรู้ตัวรึเปล่า”

     

    ผมถลึงตาใส่เขาทันทีเมื่อถูกกล่าวหา ด้วยความหมั่นไส้รอยยิ้มบางๆแบบนั้นผมจึงไม่ลังเลที่จะอ้าปากงับนิ้วของเขาแล้วใช้ฟันขบให้เจ็บแรงๆสักที...มันได้ผลเมื่อฮุนสะดุ้ง รอยยิ้มของเขาหุบลงแต่ดวงตาของเขากลับเป็นประกายขึ้นมาจนผมสังเกตได้

     

    “ลู่...อย่าทำแบบนี้”

     

    เขาครางเสียงแผ่วทั้งที่นิ้วของเขายังอยู่ภายใต้เงื้อฟันของผม ผมหลุบตาลงมองปลายนิ้วนั้น ก่อนจะช้อนตาขึ้นไปมองคนตรงหน้า ใบหน้าของฮุนขึ้นสีแดงจางๆ ทว่าไม่ทันที่จะได้ปล่อยนิ้วเขาให้เป็นอิสระ ปลายจมูกโด่งของเขากลับค่อยๆแตะลงบนปลายจมูกผม เขาถูมันเข้ากับปลายจมูกผมอย่างเชื่องช้า

     

    “อย่าอ่อยกันแบบนี้...มันทำให้เราไม่อยากทน”

     

    “เรา...เราไม่ได้อ่อย”

     

    เมื่อมือของเขาเป็นอิสระจากผม แต่ผมกลับรู้สึกว่าเขากำลังริดรอนอิสระของผมแทนด้วยการขังผมไว้กับกำแพงตัวโตๆของเขา

     

    “ฮุน จะทำอะไร เดี๋ยวๆ”

     

    ผมรีบเอามือปิดปากของเขาไว้ทันทีเมื่อรู้สึกว่ามันใกล้จนเกินไปแล้ว จมูกของเขาผละออกจากปลายจมูกของผมก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็นแก้มร้อนๆแทน เขาไม่ได้หอมแก้มผมอย่างที่เข้าใจ หากแต่เขาทำให้ผมชักหายใจติดขัดมากขึ้นทุกทีเมื่อเขาเลือกใช้ปลายจมูกคลอเคลียมันอย่างออดอ้อน

     

    เขาโอบรอบเอวผมเอาไว้ กระชับให้เราเข้าใกล้กันมากขึ้นจนผมยอมแพ้ลดฝ่ามือลงจากปากของเขา ผมมองดวงตาสีเข้มของเขาที่จ้องตอบกลับมาด้วยแววตาอ่อนโยน

     

    “หลับตาสิ” ก่อนที่เสียงทุ้มของเขาจะบอกให้ผมหลับตาลง และผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย

     

    ริมฝีปากร้อนแตะลงมาเพียงแผ่วเบาบนริมฝีปากของผม ฮุนไม่ได้รุกเร้าจู่โจมอะไร เพียงแต่กดย้ำซ้ำๆก่อนจะผละออกแล้วเปลี่ยนเป็นจุมพิตบนหน้าผากของผมแทน

     

    “อย่าทำหน้าแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด...เขาเรียกว่าอ่อยไม่รู้ตัว รู้ไหม”

     

    “รู้แล้วก็ได้ แล้วปล่อยได้ยัง”

     

    ผมเหลือบตามองเขาแล้วก็ต้องเสตามองไปทางอื่นอยู่ดี ฮุนยอมผละออกจากผมก่อนจะทิ้งให้ผมสงสัยกับไอ้อาการสั่นๆในอกที่มันเกิดขึ้นอีกแล้ว...และครั้งนี้มันครบสามครั้งแล้วหรือยัง?

     

    ครั้งแรกที่โรงหนัง ครั้งที่สองที่ถูกจูบฝ่ามือจนต้องวิ่งหนีเข้าไปซ่อนในห้องน้ำ...และครั้งนี้ กับจูบครั้งแรกระหว่างเรา

     

    ในเมื่อผมตกลงกับตัวเองแล้วว่าใจสั่นเพราะฮุนครบสามครั้งเมื่อไหร่ผมจะยอมเปิดใจให้เขา ผมก็พร้อมที่จะทำตามสัญญาของตัวเอง...ถ้าเราได้เรียนรู้กันและกันขึ้นไปอีกขั้นก็คงจะดี เพราะผมก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมเองก็เริ่มที่จะชอบเขามากขึ้นทุกวัน

     

    “เราบอกก่อนว่าเราไม่ได้งอน เราแค่ไม่ชอบที่ฮุนไม่ตอบคำถามเรา...ถ้าไม่พอใจอะไรก็บอกเราตรงๆเลย” ผมทิ้งตัวลงบนโต๊ะกินข้าวตรงข้ามกับเขาที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว “กับบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้...เราก็ไม่ฉลาดหรอกนะ”

     

    “เรื่องแบบนี้?”

     

    “ก็เรื่องความรักไง...นั่นแหละ รวมถึงเรื่องระหว่างเราสองคนด้วย”

     

    ผมเอื้อมมือไปตีแขนฮุนทันทีเมื่อเขาหลุดยิ้มออกมา ในขณะที่ผมกำลังจะซีเรียสแต่เขาดันยิ้มบ้าๆขึ้นมาซะนี่

     

    “เราดีใจที่ลู่เรียกมันว่าเรื่องระหว่างเราสองคน...ทีนี้ก็เล่าให้ฟังหน่อยว่าในสนามตอนก่อนที่จะล้มทับกันกับมัน เกิดอะไรขึ้น”

     

    “ไคบอกว่าไม่ได้อยากแข่งกับเรา แต่อยากแข่งกับฮุนเพื่อจีบเรามากกว่า แล้วก็ถามว่าเราคบกับฮุนแล้วใช่ไหม เราเลยเสียสมาธิอ่ะ ตอนนั้นเลยเข้าไปขัดขาจนล้มไปด้วยกัน”

     

    ผมเล่าให้ฮุนฟังตามจริง เพราะไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องโกหก แต่ฮุนก็ไม่ได้คลายสีหน้าลงเลยจนผมตัดสินใจยื่นมือไปแตะหลังมือเขาพลางส่งยิ้มให้เขาสบายใจ

     

    “แต่เราไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่ไคถามหรอกนะ ว่าเราคบกับฮุนแล้วใช่ไหม...ดูเหมือนน้องก็เข้าใจว่าเราเป็นแฟนกัน”

     

    อยู่ๆมือของผมก็ถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้ ฮุนบีบมันเบาๆก่อนจะคลายออกแล้วเงยหน้ามองผม

     

    “ทำไมไม่บอกมันไปล่ะว่ายังไม่ได้คบกัน”

     

    “ก็ฮุนบอกว่าไม่อยากมีคู่แข่งไม่ใช่เหรอ”

     

    ผมยิ้มให้เขา ก่อนที่ฮุนจะรีบลุกจากฝั่งตรงข้ามเข้ามากอดผมแน่น ผมหลุดหัวเราะให้กับท่าทางดีใจเหมือนเด็กของเขา แล้วเราสองคนก็ลืมเรื่องที่แง่งๆใส่กันก่อนหน้านี้ไปอย่างง่ายดาย...ผมมองมือทั้งสองข้างของตัวเองอีกครั้ง แล้วเลือกที่จะยกมันขึ้นกอดตอบเขา

     

    ผีเสื้อนับร้อยตัวบินอยู่ในท้องของผมเมื่อคราวนี้ฮุนแนบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง...และมันลึกซึ้งมากกว่าเดิม

     

    “พอแล้ว”

     

    “อยากจูบอีก”

     

    “ไม่ให้แล้ว”

     

    ปากผมคงจะเจ่อขึ้นมาจริงๆฮุนถึงหยุดแกล้ง พวกเราต่างคนต่างแก้มแดง หูแดง แต่นั่นกลับทำให้เราสองคนรู้สึกเข้าใกล้กันมากขึ้น

     

    “แล้วตกลงเราคบกันหรือยัง?” ฮุนถามขึ้นมาเมื่อเราทั้งคู่สงบลงแล้ว

     

    “ยัง...แล้วถึงฮุนจะขอเป็นแฟนตอนนี้เราก็ยังไม่ตกลง”

     

    “ใจแข็งว่ะ”

     

    “นี่เราใจอ่อนให้มากแล้วเหอะ ถ้าใจแข็งจริงๆเราถีบฮุนไปตั้งแต่จูบแรกแล้ว”

     

    ผมบ่นใส่เขาจนฮุนยกมือยอมแพ้ เขาไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบอะไรจากผมอีก พวกเราก็ยังคงคุยเล่นกันอย่างปกติ ผมให้ฮุนเลือกเครื่องดื่มในตู้เย็นได้ตามใจชอบ และเราก็กลับมานั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่ที่โถงกลางห้องโดยที่ผมมีขวดเกลือแร่สปอนเซอร์และฮุนมีกระป๋องโคล่าอยู่ในมือ

     

    “เล่นเกมกันไหม?”

     

    “เกมอะไร ถ้าใช้แรงไม่เล่นนะ วันนี้เตะบอลเหนื่อยแล้ว” ผมเหล่ตามองเขา แล้วฮุนก็ส่ายหน้าให้ยิ้มๆ

     

    “เกมถามตอบ...เราถามแล้วลู่ตอบ ลู่ถามเราตอบ สลับกัน”

     

    “ก็ได้ งั้นเราเริ่มก่อน อืม...เคยมีแฟนมาก่อนไหม?”

     

    “เคย...แล้วลู่อ่ะ เคยมีแฟนป่ะ?”

     

    “ไม่เคย แต่เคยมีกิ๊กตอนประถมนะ” ผมหัวเราะเขินๆเมื่อคิดถึงสาวรุ่นพี่ในวัยเด็ก “แฟนเก่าผู้หญิง หรือผู้ชาย?”

     

    “ผู้หญิงดิ” ฮุนตอบทันทีแบบไม่ต้องคิดพลางถามผมต่อ “ถ้าไม่เคยมีแฟน แล้วเคยมีคนที่แอบชอบไหม?”

     

    “ชอบแบบอยากได้เป็นแฟนอ่ะไม่มีหรอก แต่ถ้าชอบเพราะปลื้มๆก็มีนะ...แล้วคบผู้หญิงมาก่อนทำไมอยู่ๆมาชอบเรา”

     

    “ก็ชอบอ่ะ ไม่มีเหตุผลหรอก ยิ่งเห็นท่าทางเป๋อๆที่หอสมุดวันนั้นแล้วรู้สึกว่าน่ารักดี...แล้วตอนเจอเราลู่คิดว่าเราเป็นไง?”

     

    “กวนๆมั้ง ดูมั่นใจในตัวเอง เอาจริงๆเราก็ไม่ค่อยได้สนใจฮุนหรอกวันนั้น” ผมหัวเราะเมื่อเขายื่นมือมาบีบแก้มผมอีกแล้วหลังได้คำตอบที่ไม่น่าพอใจ “ถ้าตอนนั้นเราปฏิเสธฮุน ตอนนี้จะเป็นยังไง?”

     

    “ตามตื๊อต่อ เราไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอกลู่” เขาจับมือของผมพลางเกี่ยวนิ้วมือของเราให้ประสานกันหลวมๆ ก่อนที่ฮุนจะเลือกสบตากับผมแล้วถามคำถามที่อยู่ในใจ

     

    “ชอบเราไหม?”

     

    “ถามแบบนี้เลยหรอ”

     

    “อือ ชอบเราไหม”

     

    ผมมองมือที่เราประสานกันอยู่ อาการใจสั่นครั้งที่สี่กำลังประท้วงจนผมรู้สึกร้อนๆที่ใบหน้า สายตาที่คาดหวังรอคำตอบของเขายิ่งทำให้ผมเก้อเขิน ก่อนที่ฮุนจะถามอีกครั้งให้ผมต้องยอมตอบออกมาในที่สุด

     

    “ชอบเราบ้างหรือยัง?”

    .

     

    .

     

    “ชอบ”

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    ผมถูกฉุดเข้าไปหอมแก้มอีกครั้ง และรอยยิ้มตาหยีๆของเขา ก็ทำให้ผมยิ้มตาม









    ------------------------------------------------


    มาแล้วค่ะ TT^TT 

    ไว้ถ้ามีโอกาสรวมเล่ม จะเกลาภาษาให้ใหม่นะคะ
    บรรยายแบบบุรุษที่ 1 ยากมาก สำหรับเราจริงๆ เราชอบบุรุษ 3 มากกว่า แต่ลองดูค่ะ
    อยากให้สมูทๆ แต่เพราะเราอาจจะไม่ชินเอง

    ยังไงได้จูบแล้ว ก็ขอให้ฮุนมีความสุขนะ ถถถถถถถถถถถ

    สกอป :)



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×