ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] #ลู่วิทยาฮุนวิศวะ

    ลำดับตอนที่ #13 : ลู่วิทยาฮุนวิศวะ : 11

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.77K
      22
      27 พ.ค. 59

    ลู่วิทยาฮุนวิศวะ - 11




    กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ก้านยาวสีขาวที่กระจายอยู่ตามพื้น ต้นปีบต้นใหญ่สั่นตามแรงลมก่อนเจ้าดอกไม้ชนิดเดียวกันจะร่วงหล่นลงมาจากต้นอีกหลายดอก มือขาวเอื้อมออกไปคว้าไว้ได้ดอกหนึ่งพลางคลี่ยิ้มและใช้ปลายจมูกจรดดมความหอมของดอกไม้ตรงหน้า

     

    “หอมไหม?”

     

    “หอมครับ พี่ป๋อชอบไหม? ดอกปีบเป็นดอกไม้ที่ลู่ชอบที่สุด กลิ่นมันไม่ฉุน พอได้กลิ่นแล้วจะอารมณ์ดีเรื่อย”

     

    “ไหนขอพี่ดมบ้าง”

     

    ร่างสูงสมส่วนของพี่รหัสยื่นหน้าข้ามโต๊ะมาหมายจะดมดอกไม้ที่ผมถืออยู่ ผมจึงไม่อิดออดส่งให้อีกฝ่ายดมแต่โดยดี หากแต่พี่ป๋อไม่ได้เอื้อมมือออกมารับมันไป เขาเลือกที่จะดมดอกปีบในมือของผมแทนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

     

    “หอมจริงด้วย”

     

    “ถ้าชอบงั้นลู่ให้ แลกกับที่พี่ป๋อช่วยติวให้เมื่อกี๊เลยครับ”

     

    ผมหัวเราะเมื่อพี่รหัสทำหน้าเหวอใส่ พี่ชายรูปหล่อ ใจดี อดีตเดือนมหาวิทยาลัยลงทุนขับรถข้ามวิทยาเขตมาติวหนังสือก่อนสอบให้ หลังจากที่ผมโทรไปบอกคะแนนมิดเทอมที่เกาะมีนมาหนึ่งวิชา เพราะรู้ว่าตัวนี้พี่ป๋อผ่านมาแล้วแถมยังทำคะแนนได้ดี น้องรหัสแบบผมก็อดไม่ได้ที่จะขอพึ่งพาความรู้นี้มาเพื่อสอบแก้ตัวในครั้งหน้าบ้าง

     

    “ค่าจ้างพี่ทำไมน้อยแบบนี้ล่ะครับ ดีนะที่ไม่ได้เก็บจากพื้นมาให้พี่”

     

    เสียงโอดครวญของเขาทำให้ผมยิ้มกว้างขึ้นไปอีกจนได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ให้พี่ป๋อ ความจริงผมก็ตั้งใจจะเลี้ยงข้าวขอบคุณพี่ป๋ออยู่แล้ว เพียงแต่ก็แค่แกล้งเล่นเท่านั้น และอีกฝ่ายก็รู้อยู่แล้วว่าผมคงไม่ใจร้ายขนาดที่ตอบแทนด้วยดอกไม้เกือบตกพื้นเพียงดอกเดียว

     

    “ล้อเล่นหรอกครับ เดี๋ยวลู่พาไปเลี้ยงข้าวขอบคุณ นี่ก็จะหกโมงแล้ว...พี่ป๋ออยากกินอะไรครับ?”

     

    “พี่ได้ทุกอย่าง ลู่เลือกเถอะ...ไหนๆก็เป็นเจ้ามือแล้ว”

     

    “อืม...งั้นไปหาเอาข้างหน้าดีกว่า ตอนนี้ยังเลือกไม่ได้...ไปเซ็นทรัลแล้วกันเนอะ”

     

    “ตามใจทุกอย่างเลยครับ ไปกันเถอะ”

     

    ผมยิ้มให้คนใจดีก่อนจะรวบเอกสารประกอบการเรียนกับกล่องดินสอใส่ถุงผ้าใบที่ใช้ประจำ ส่วนหนังสือเรียนเล่มใหญ่ก็ถูกอีกคนรวบถือให้ไปแล้ว แถมยังส่ายหน้าไม่ให้แย่งไปถือเองอีก ผมจึงต้องก้าวเท้าตามร่างสูงของพี่รหัสไปยังลานจอดรถของคณะ

     

    ไฟหน้ารถของ BMW X3 สีดำขึ้นสัญญาณกระพริบทันทีที่พี่ป๋อกดรีโมท เขาวางกระเป๋าและหนังสือของผมไว้ที่เบาะหลัง ก่อนจะพยักหน้าเชื้อเชิญให้ผมขึ้นรถรอจนกระทั่งผมคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วพี่ป๋อก็ยังไม่ยอมออกรถ แต่เขาแบมือออกมาข้างหน้าให้ผมมองกลับไปอย่างไม่เข้าใจแทน

     

    “ขอดอกไม้ที่จะให้พี่ด้วยสิ”

     

    “เอาจริงหรอครับ ฮ่าๆ ก็ได้ๆ”

     

    ผมแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็หยิบดอกไม้ก้านยาวสีขาวที่เหน็บตรงกระเป๋าเสื้อนักศึกษาวางลงบนมือใหญ่ที่แบมือขออยู่ตรงหน้า พี่ป๋อหยิบมันขึ้นไปดมอีกครั้ง ก่อนจะวางลงบนคอนโซลรถแล้วตบเกียร์พาผมออกจากมหาวิทยาลัย

     

    ห้างสรรพสินค้าที่เราเลือกกันไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมาก ใช้เวลาเดินทางไม่เกินยี่สิบนาทีก็ถึง แต่เพราะแอร์เย็นๆในรถกับเสียงเพลงสบายๆที่ออกมาจากวิทยุก็ทำให้เผลอเคลิ้มทำท่าจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ทว่าก็ต้องสะดุ้งเอาเสียก่อนเพราะโทรศัพท์มือถือของผมกำลังสั่นครืดคราดอยู่ที่กระเป๋ากางเกง

     

    ผมล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นชื่อคนโทรเข้าก็หลุดยิ้มออกมาจนได้

     

    “ว่าไงฮุน”

     

    (อยู่ไหนครับ? ติวเสร็จยัง)

     

    “เสร็จแล้ว กำลังจะไปเซ็นทรัลอ่ะ พาพี่ป๋อไปกินข้าว”

     

    (ไปด้วยได้ป่ะ หิวเหมือนกัน ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยงเลยเนี่ย โดนไอ้ชานสั่งให้ซ่อมงานเพิ่งเสร็จ)

     

    “งั้นรอแป๊บนะ” ผมบอกปลายสาย ก่อนจะหันไปสบตากับพี่ป๋อที่ละสายตาจากถนนมามองหน้าผมพอดี “พี่ป๋อครับ...ลู่พาฮุนไปกินข้าวด้วยกันอีกคนนะ”

     

    พี่รหัสของผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย แต่พอผมบอกว่าฮุนยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยง เขาก็ระบายยิ้มให้ผมก่อนจะพยักหน้าให้เป็นอันตกลง

     

    “ฮุนมาเจอเราที่เซ็นทรัลเลยนะ แล้วจะออกมาเลยหรือเปล่า? จะมายังไง รถตู้เหรอ?”

     

    (ออกเลย เดี๋ยวเอารถไป ขากลับจะได้กลับมาพร้อมกัน)

     

    “ก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องรบกวนให้พี่ป๋อมาส่ง...งั้นตามมานะ”

     

    (ครับผม)

     

    ผมตัดสายโทรศัพท์ไปเมื่อฮุนตอบรับคำสุดท้ายทั้งที่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า โดยที่ไม่รู้เลยว่าใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยนของพี่รหัสเริ่มคลายลงแต่เปลี่ยนเป็นคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นแทน

     

    “ลู่สนิทกับฮุนตั้งแต่เมื่อไหร่?”

     

    “ก็ตั้งแต่เปิดเทอมแหละครับ”

     

    “หื้ม? งั้นเหรอ”

     

    “ครับ พอดีเราอยู่คอนโดเดียวกันด้วย เลยเจอกันบ่อยๆ”

     

    ผมตอบตามความจริง แต่ก็ละใจความสำคัญบางอย่างไว้ ก่อนปลดเข็มขัดนิรภัยออกเมื่อพี่ป๋อถอยรถเข้าจอดดับเครื่องเรียบร้อย ผมขอหนังสือที่วางอยู่หลังรถออกมาเลย ขากลับจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมาหยิบของให้เสียเวลาหลายรอบ และพี่ป๋อก็ไม่ว่าอะไร แต่อาสาถือหนังสือเล่มใหญ่เอาไว้ให้ผมเหมือนเดิม

     

    พวกเราเดินกันเข้ามาในตัวห้างฯ รอเพียงไม่นานฮุนก็มาถึง ร่างสูงในชุดเสื้อชอปสีน้ำเงิน เดินล้วงกระเป๋าเสื้อทั้งสองข้างเข้ามาหา วันนี้ฮุนดูแปลกตานิดหน่อยเพราะทรงผมที่หวีเสยขึ้นโชว์หน้าผากดูสุภาพเรียบร้อยกว่าทุกวัน ก่อนที่เขาจะรู้ว่าผมมองอยู่ ฮุนก็ยักคิ้วกวนๆให้ผมคล้ายจะแซว และนั่นก็พาลเรียกความร้อนบนใบหน้าผมได้ไม่ยาก

     

    หล่ออ่ะดิ

     

    ผมถลึงตาใส่เขาทันทีเมื่อคำพูดไร้เสียงหลุดออกมา...ทำไมถึงรู้ว่าผมกำลังชมเขาในใจอยู่ก็ไม่รู้

     

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะฮุน ตั้งแต่งานเฟรชชี่ใช่ไหม”

     

    แต่ยังไม่ทันที่เราจะได้คุยไร้เสียงกันต่อ เสียงของคนโตสุดก็เรียกให้ฮุนต้องหันกลับไปมองรุ่นพี่อีกคน ก่อนที่เขาจะยกมือไหว้พลางตอบคำถามเมื่อสักครู่

     

    “น่าจะตั้งแต่งานเฟรชชี่แหละครับ พี่ป๋อไปเรียนนู่นเป็นไงบ้างครับ ได้ข่าวว่าฝึกงานอยู่”

     

    “ก็ยุ่งๆ แต่เห็นลู่โทรมางอแงว่าคะแนนไม่ดี พี่เลยมาช่วยสักหน่อย ว่าแต่เราเถอะงานเยอะไม่ใช่หรือไง ยังมีเวลาตามมากินข้าวถึงนี่อีกเหรอ”

     

    ฮุนเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะหลุดแค่นหัวเราะออกมานิดหน่อย เขายกแขนขึ้นโอบไหล่ผมก่อนจะลากมายืนใกล้ๆกันพลางเหยียดยิ้มตอบพี่รหัสผม

     

    “ผมแยกแยะเวลาได้ครับ เวลาไหนเรียน เวลาไหนพัก แล้วเวลาไหนของลู่”

     

    “แต่เวลากินข้าวไม่รู้จักกินนะ”

     

    ผมบ่นฮุนกระปอดกระแปดที่เขาละเลยมื้อเที่ยง แต่นั่นกลับทำให้รอยยิ้มเหยียดๆเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มดีใจแบบเด็กๆแทน หากแต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวชักจะตึงเครียดขึ้นมาแปลกๆจนอดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายดึงทุกคนไปหาร้านอาหารทานกันเสียที

     

    “นั่นหนังสือลู่ใช่ไหม?”

     

    “อื้อ พี่ป๋อช่วยถืออ่ะ”

     

    ผมมองพี่ป๋อที่เดินนำอยู่ด้านหน้าพวกเรา และเมื่อตอบคำถามฮุนไปเขาก็เดินตีตื้นไปหาพี่รหัสของผมก่อนจะยื่นมือไปขอหนังสือของผมมาถือไว้เอง ก่อนจะชะลอเท้าลงรอให้ผมเดินขึ้นไปขนาบข้างอย่างเดิม พวกเราเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นง่ายๆเป็นมื้อเย็น และราคาก็พอไหวที่จะเลี้ยงขอบคุณพี่รหัสของผม

     

    ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกได้ว่าพี่ป๋อเคร่งขรึมขึ้นและก็พูดน้อยลงกว่าเดิมทั้งที่ปกติออกจะเป็นคนใจดีแล้วก็อัธยาศัยดีเอามากๆ ฮุนเองก็เช่นกัน เขาไม่ได้พูดจากวนใจอะไรผมอีก เพียงแต่ทานข้าวเงียบๆ มีบ้างที่จะคีบของชอบของผมมาวางไว้บนจานให้พร้อมรอยยิ้มบางๆ

     

    “พี่ถามอะไรพวกเราหน่อยสิ”

     

    ท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัด พี่ชายของโต๊ะก็วางตะเกียบลง ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดปาก ก่อนจะประสานมือวางไว้ใต้คางมองผมกับฮุนด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก แต่ผมกลับรู้สึกว่าแววตาแบบนั้นกำลังทำให้ผมตัวหดเล็กลงอย่างไรก็ไม่รู้ ผมกลั้นหายใจรอฟังคำถามจากพี่รหัสคนดีของผม ทั้งที่พอจะระแคะระคายได้ก็ตามว่าพี่ป๋อจะพูดอะไร

     

     

    “เราสองคนคบกันอยู่หรอ?”

     

    ไม่รู้ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้บ้าง...คำถามที่พักหลังๆมานี้ใครๆก็ถาม ตั้งแต่แข่งฟุตบอลไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตั้งแต่ที่ผมยอมสารภาพกับฮุนไปว่าชอบเขาเหมือนกัน หลังจากนั้นไม่ว่าจะไอ้หัวเกรียน หรือแม้กระทั่งกลุ่มเพื่อนที่คณะของฮุนยังถามได้ทุกครั้งที่เจอกัน

     

    ผมบอกฮุนไปแล้วว่ายังไม่ได้ตกลงคบเป็นแฟนด้วย แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าในอนาคตอันใกล้เขาจะได้ขยับสถานะ...ผมยังอยากรู้จักเขามากกว่านี้ และผมก็อยากให้เขารู้จักผมมากว่านี้เช่นกัน

     

    “ยังไม่ได้คบกันครับ”

     

    ฮุนเงยหน้าขึ้นจากอาหารตรงหน้า เขามองสบตาพี่รหัสของผมและบอกความจริงออกไปให้พี่ป๋อยิ่งทำหน้าแปลกใจมากขึ้น

     

    “อย่ามาหลอกพี่ ขนาดนี้แล้วบอกไม่ได้คบกันคืออะไร”

     

    “ยังไม่ได้คบกันจริงๆพี่ ผมจีบอยู่ รอลู่ใจอ่อน”

     

    พี่ป๋อถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขามองหน้าฮุนที สลับกับมองหน้าผมที แล้วก็ถอนหายใจใส่อีกรอบ

     

    “แล้วเราใจอ่อนหรือยัง? ที่บอกพี่ในรถคือตั้งแต่เปิดเทอมใช่ไหม? ”

     

    พี่รหัสของผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางสบเข้ากับดวงตาของผม...ผมเหลือบตามองฮุนนิดหน่อยเมื่อเห็นเขายังคงยิ้มมาให้คล้ายกับให้ผมตอบคำถามพี่ป๋อไปเถอะ ไม่ว่าผมจะตอบรับหรือปฏิเสธเขาก็จะยังรอผมอยู่อย่างนี้

     

    ผมพยักหน้ายอมรับทั้งสองคำตอบ ก่อนพี่ป๋อจะถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่

     

    “กำลังอยู่ในระยะดูใจครับ”

     

    ผมยิ้มทั้งๆที่รู้สึกคันแก้มยุบยิบ และเพราะผมตอบสถานะของพวกเราแบบนั้นฮุนจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาเรียกให้ผมหันกลับไปมองเคืองๆ

     

    “ขี้อ่อย”

     

    “จะไฟว้หรอ”

     

    “ไม่สู้ครับ” ฮุนยกมือยอมแพ้ก่อนจะใช้ฝ่ามือใหญ่ๆยีผมของผมจนยุ่ง แล้วผมก็แก้แค้นกลับไม่ได้ เพราะวันนี้ฮุนใส่เจลปาดผมมาอย่างดี

     

    “พอๆ ไม่ต้องทะเลาะกันเลย...เฮ้อ พี่ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่าลู่ชอบแบบนี้ พี่หมายถึงว่าเป็นผู้ชาย ตัวโตๆแบบนี้ ถึงแต่ก่อนพี่จะเห็นพวกคณะอื่นแอบชอบเราก็เถอะ แต่ก็ไม่เห็นเราจะเคยสนใจ”

     

    “ใครจะมาชอบลู่ล่ะพี่ป๋อ มั่วแล้ว”

     

    “นี่ไม่รู้หรือไง เยอะแยะไป พี่คอยกันให้ตลอดนั่นแหละ ดูซิ...แค่ปีนี้พี่ย้ายไปอีกวิทยาเขต ไปฝึกงานแป๊บเดียว ลู่ก็ทิ้งพี่ไปมีแฟน”

     

    ผมอ้าปากเหวอเมื่อพี่รหัสของผมตัดพ้อออกมาเล่นเอาฮุนจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหมั่นไส้

     

    “พี่ป๋อ...” ผมครางเสียงต่ำพลางยื่นมือออกไปกุมหลังมือของพี่ชายคนสนิทเอาไว้ ไม่รู้ว่าน้อยใจจริงหรือแกล้ง แต่ถึงอย่างไรพี่ป๋อก็เป็นเหมือนพี่ชายจริงๆของผม เขามีความห่วงใย และความจริงใจให้ผมเสมอ แม้ผมจะไม่รู้ว่าเขาผิดหวังหรือเปล่าที่ผมชอบฮุน แต่ผมก็เชื่อว่าพี่ป๋อจะเข้าใจ

     

    “พี่ดูแลเรามาตั้งแต่ปีหนึ่ง...ถึงตอนนี้จะมีคนดูแลแล้วก็อย่าลืมว่าลู่ยังมีพี่อีกคนนะ”

     

    “ใครจะลืมล่ะครับ”

     

    ผมเถียงเสียงใส แต่ก็ไม่ทันพี่ป๋อที่ฝากฝังผมไว้กับฮุนเรียบร้อย

     

    “ดูแลลู่ดีดีด้วย”

     

    ฮุนรับปาก แล้วก็ไม่วายบอกให้พี่ป๋อช่วยเกลี้ยกล่อมให้ผมใจอ่อนยอมคบกับฮุนไวไวด้วย รู้สึกหลังๆมานี้ในเฟสบุ๊คของฮุนจะเริ่มเพ้อมากขึ้นทุกวัน และพี่ป๋อก็เลยขอแอดเฟสบุ๊คของฮุนเอาไว้เลยด้วย เผื่อจะได้รับรู้ความเป็นไปของพวกเรามากขึ้นเพื่อคลายความเป็นห่วงลง

     

    ผมกับฮุนแยกกันกับพี่ป๋อที่ลานจอดรถ หลังขึ้นรถมาได้ไม่เท่าไหร่ฮุนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา จนผมชักสงสัยว่าวันนี้ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของพี่รหัสและคนข้างๆรวมกันกี่รอบเข้าไปแล้ว

     

    “คิดว่าจะเจอคู่แข่งอีกคน ทั้งๆที่เพิ่งกำจัดได้ไปหนึ่งคนเสียอีก”

     

    “คิดว่าพี่ป๋อจะชอบเราหรอ...ตลกแล่ว”

     

    ฮุนครางลงคอฮึมฮัมคล้ายตอบรับว่าคิดแบบที่ผมเพิ่งพูดออกไป แต่ผมคิดว่าให้ตายยังไงก็ไม่มีทางที่พี่ป๋อจะมาชอบผมเด็ดขาด

     

    “พี่ป๋อมีแฟนแล้ว เรียนอยู่สัตวะฯนู่น คิดมากไปได้...เราบอกแล้วว่ามีแต่ฮุนเท่านั้นแหละที่เซ่อมาสนใจเรา”

     

    “งั้นก็ดี มีเราเซ่อคนเดียวก็พอ”

     

    ผมหัวเราะใส่ท่าทางที่ดูโล่งใจของเขา ก่อนที่ฮุนจะละมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัยรถและเลื่อนมาจับมือผมไว้ เขามีรอยยิ้มติดอยู่ที่มุมปากและนั่นก็ทำให้ผมนั่งยิ้มตามเขามาตลอดทาง

     

    “แวะห้องลู่ได้ป่ะ”

     

    “แวะทำไม ห้องตัวเองก็มี ไม่ได้ไกลกันสักหน่อย”

     

    ผมรับหนังสือเล่มใหญ่คืนจากมือของฮุน และเราก็ยังยืนคุยกันอยู่หน้าห้องผม คนตัวโตมีท่าทางจ๋อยๆอยู่นิดหน่อยเมื่อผมไม่ยอมต้อนรับเขาเข้าห้องอย่างที่ร้องขอ ไม่ใช่ว่ากลัวหรือไม่ไว้ใจหรอก แต่เพราะอยากแกล้งคนตัวโตแต่กำลังงอแงดูเท่านั้น

     

    “แวะแป๊บเดียวเอง”

    “เดี๋ยวพอให้เข้าแล้วก็หาว่าเราขี้อ่อยอีก”

     

    “ไหน ใครว่าลู่ขี้อ่อยวะ! เดี๋ยวเราจัดการมันให้”

     

    ฮุนแกล้งพูดขึ้นมาให้ผมได้แต่ส่ายหน้าใส่ สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมเปิดประตูห้องแล้วเดินนำเขาเข้าไป ร่างสูงวางกระเป๋า ถอดเสื้อชอปไว้บนโต๊ะกินข้าวลวกๆ ก่อนจะเดินตามผมต้อยๆเข้ามากลางห้อง พอผมเดินเข้าไปเปิดแอร์ในห้องนอนฮุนก็เดินตามมาอีกจนต้องหันไปหรี่ตามองคนตัวโต

     

    “เดินตามเราทำไม”

     

    “งั้นไม่ตามแล้วก็ได้”

     

    ไม่ตอบคำถาม แถมยังทำมึนไปทิ้งตัวนั่งลงบนปลายเตียงของผมเสียอย่างนั้น ผมกอดอกจ้องหน้าฮุนนิ่งๆ อยากรู้ว่าเขาจะทำอะไร แล้วผมก็ได้คำตอบเมื่อร่างสูงบนปลายเตียงกางแขนออกให้ผมเดินเข้าไปหาแล้วรวบตัวผมเอาไว้แน่น

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่า เหนื่อยหรอ”

     

    “เหนื่อยงานมาทั้งวัน เจอพี่ป๋อก็เหนื่อย ขอชาร์จแบตหน่อย”

     

    ผมตบแผ่นหลังกว้างเบาๆให้กำลังใจ ไม่นานฮุนก็ผละออก ฝ่ามือใหญ่เปลี่ยนเป้าหมายมาลูบแก้มผมช้าๆ ดวงตาของเราจ้องมองกันในระยะใกล้ ก่อนที่แรงดึงดูดจะทำหน้าที่ให้ริมฝีปากเราค่อยๆจรดกัน มันทั้งอ่อนโยน ทั้งหนักแน่นจนรู้สึกหวิวๆในอก

     

    เราแลกรสจูบกันคล้ายจะเนิ่นนาน เพราะผมแทบจะขาดใจเมื่อถูกปล่อยริมฝีปากให้เป็นอิสระ ผมทรุดตัวลงนั่งบนตักกว้างของฮุนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ปลายจมูกโด่งของอีกคนกำลังซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอและนั่นเรียกสติของผมกลับคืนมาก่อนจะตีมือของเขาที่กระชับเอวผมแน่นทันที

     

    “หยุดเลย ปล่อยเราได้แล้ว”

     

    “ไม่อยากปล่อยเลย ลู่หอมว่ะ”

     

    “ได้คืบจะเอาศอกนะ ปล่อยมือที่ลูบเอวเราเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นต่อย” ผมกำหมัดเงื้อขึ้นตั้งใจจะต่อยจริงๆถ้าเขาไม่ปล่อย และฮุนก็ยอมปล่อยในที่สุด

     

    “ก็ลู่อ่อย...รอก่อนเหอะ เป็นแฟนเมื่อไหร่เดี๋ยวรู้เลย”

     

    ฮุนชี้หน้าขู่ผม แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่น่ากลัวสักนิด ท่าทางเขาเหมือนอยากจะแกล้งหยอกผมมากกว่า และผมก็คิดว่าเขาน่าจะทำสำเร็จเพราะกระจกเงาที่ตั้งอยู่ตรงตู้เสื้อผ้ากำลังฉายภาพของผมที่แดงไปทั้งใบหน้าและลำคอ ซ้ำคนที่เป็นต้นเหตุยังยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ไปไหน

     

    “กลับห้องไปได้แล้ว”

     

    “หึ...ครับๆ กลับแล้ว อนุญาตให้เอาเราไปนอนฝันนะ”

     

    “ฮุน!

     

    ผมขึ้นเสียงใส่เขาทันทีที่ยังมีหน้ามาพูดจาสองแง่สองง่ามใส่ สุดท้ายก็ได้แต่ดันแผ่นหลังกว้างให้ออกไปจากห้อง ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอย่างหมดแรง













    ------------------------

    สเตตัสนี้ของลู่

    ลืมพี่ป๋อยัง? ตัวประกอบค่าตัวแพง ไม่ต้องระแวงกัน พี่เขามาดี 555555
    รอบนี้มาอัพเร็ว งุยยย กลัวคนอ่านทิ้งเลา 

    ปกติฟิคเราจบที่ 15-17 ตอนค่ะ คิดว่าเรื่องนี้น่าจะพอๆกัน
    ยังไงฝากด้วยนะคะ ^^

    สกอป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×