ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] #ลู่วิทยาฮุนวิศวะ

    ลำดับตอนที่ #6 : ลู่วิทยาฮุนวิศวะ : ลอยกระทง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.49K
      26
      25 พ.ย. 58

    ลู่วิทยาฮุนวิศวะ - ลอยกระทง

    เวอร์ชั้นฮุนวิศวะ




    นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาทุ่มนิดๆ และผม...อดีตนักศึกษาชายที่เคยได้รับตำแหน่งที่หล่อที่สุดในมหาวิทยาลัยกำลังยืนแกร่วเตะฝุ่นอยู่หน้าห้อง 506 ในคอนโด

     

    ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องเขาจะรู้ด้วยไหมว่าผมกำลังยืนเรียกกำลังใจอยู่หน้าห้องเขาในวันแห่งเทศกาลเช่นนี้ เพราะรู้ว่าเขาไม่ชอบงานอะไรที่มีคนเยอะ เขาไม่ความความวุ่นวาย แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่ผมอยากจะชวนเขาออกมาลอยกระทงด้วยกันสักครั้ง

     

    แล้วทำไมผมไม่โทรไปชวนเขาวะ ทั้งๆที่เบอร์ก็มี มายืนล้วงกระเป๋าอยู่หน้าห้องเขาทั้งๆที่ไม่กล้าจะเคาะเรียกด้วยซ้ำ... ไม่รู้ว่าจะรบกวนหรือเปล่า เขามีงาน มีการบ้าน หรือต้องอ่านหนังสืออะไรไหม ผมไม่รู้อะไรเลย...ผมรู้แค่ว่า

     

    อยากเจอว่ะ

     

    ผมยืนทำใจอีกไม่นาน สองจิตสองใจว่าจะเคาะประตูห้องดีหรือไม่ จะเดินกลับขึ้นห้องตัวเองไป หรือจะออกไปเดินเล่นในมหาวิทยาลัย แต่ถ้าไม่มีเขา ผมก็ไม่อยากไปอยู่ดี...คิดแล้วก็ยกมือขยี้หัวตัวเองให้หายบ้า ไม่รู้ว่าไอ้ความปอดนี้มันมาจากไหนทั้งๆที่ก็หยอดเขามาตั้งหลายครั้ง

     

    ฟึ่บ!

     

    อยู่ๆประตูห้องที่ผมจ้องอยู่ก็เปิดอ้าออกมาด้วยฝีมือของคนที่ผมคิดถึง

     

    “เฮ้ย”

     

    ลู่ดูตกใจที่เปิดประตูมาเจอผมยืนอยู่หน้าห้อง ท่าทางเหวอๆของเขาน่ารักจนผมยิ้มออกมาไม่รู้ตัว แล้วก็ต้องปรับสีหน้าตื่นเต้นของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะยักคิ้วขึ้นเป็นการทักทายเขา

     

    “มาทำไรหน้าห้องเราเนี่ย”

     

    “เปล่า”

     

    ผมยกมือถูจมูกเก้อๆเมื่อดวงตากลมโตนั่นกำลังหรี่ลงจับผิด ทั้งที่ลู่ก็ออกมายืนอยู่หน้าห้องแล้วแท้ๆความปอดก็ยังเกาะติดผมไม่หายไปไหน กับอีแค่ชวนเขาไปลอยกระทง แล้วก็แค่เผื่อใจจะถูกปฏิเสธกลับมาเพราะเขาคงไม่ชอบเทศกาลอะไรแบบนี้

     

    “ฮุน...ทำแบบนี้เรากลัวนะเว้ย”

     

    “เฮ้ย เราไม่ได้ตั้งใจทำให้กลัว ไม่ได้โรคจิตนะ แค่แบบ...”

     

    “แบบ???”

     

    ลู่ดูจะให้ความสนใจเมื่อผมไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที ผมว่าเขาก็คงจะกลัวผมอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไอ้แววตาที่เจือรอยยิ้มแบบนั้นของเขากลับทำให้ผมต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเรียกความกล้า...อะไรวะ บอกชอบก็แล้ว ขอจีบก็หน้าด้านทำมาแล้ว แค่ลอยกระทงคงไม่เกินความสามารถหรอกมั้ง

     

    “จะชวนไปลอยกระทงอ่ะ...ไปป่ะ”

     

    “ฮ่าๆ นึกว่าอะไร จริงๆโทรมาก่อนก็ได้ มายืนหน้าห้องแบบนี้หลอนหมด...งั้นรอแป๊บนะ เราเอาขยะไปทิ้งก่อน”

     

    เขายิ้มกว้างแบบน่ารักโคตรๆมาให้ผมก่อนจะเดินตัวปลิวไปทิ้งขยะที่ประตูที่ทางคอนโดจัดไว้ให้ ถึงว่าที่เปิดประตูออกมาเวลานี้ก็คงจะเอาขยะออกมาทิ้ง ไม่อย่างนั้นผมอาจจะยังยืนปอดอยู่ตรงนี้ไปอีกชั่วโมงก็ได้

     

    ลู่เดินกลับเข้าไปในห้อง คว้าอะไรไม่กี่อย่างก่อนจะออกมายืนอยู่ข้างๆผมในสภาพที่บ่งบอกว่าพร้อมจะไปลอยกระทงแล้ว...เขายังอยู่ในชุดนักศึกษา เสื้อเชิ้ตแขนยาวถูกพับร่นขึ้นมาอยู่ที่ข้อศอกและกางเกงสแลคเข้ารูปสีดำแต่รองเท้าที่ใส่กลับเป็นรองเท้าแตะ แต่ผมกลับคิดว่าเขาน่ารักเอามากๆเวลาที่ทำตัวชิวแบบนี้

     

    “ตอนแรกคิดว่าจะไม่ไปซะอีก”

     

    “จริงๆก็ขี้เกียจ ไม่ชอบคนเยอะ”

     

    “อ่าว...ไม่ไปก็ได้นะ”

     

    ผมยิ้มให้เขาอย่างที่อยากจะบอกว่าผมโอเค ไม่ไปก็ได้ แต่เขากลับส่ายหน้าพลางดันหลังผมให้เดินก้าวไปข้างหน้าเพื่อลงลิฟต์ออกจากคอนโดไปด้วยกัน

     

    “เห็นแก่ใครบางคนที่มาดักรอหน้าห้องก็แล้วกัน”

     

    พวกเราหัวเราะให้กันก่อนที่จะเดินเข้ามาในเขตมหาวิทยาลัยอีกครั้ง แสงสี แสงไฟที่ถูกตกแต่งคล้ายงานวัด มีซุ้มปาลูกโป่ง ยิงปืน ชิงช้าสวรรค์ และร้านอาหารมากมายเต็มข้างทางทำเอาคนเอื่อยๆแบบลู่ตื่นตาตื่นใจขึ้นมา แถมยังรั้งชายเสื้อชอปของผมให้เดินไปตามทางที่เขาอยากดูอีกต่างหาก

     

    “เดี๋ยวๆ ช้าๆหน่อยลู่”

     

    “นายชวนเรามานะ กระตือรือร้นหน่อยดิ...ไปปาลูกโป่งกันเหอะ”

     

    เขาไม่รอช้าที่จะกระตุกชายเสื้อของผมให้เดินตาม และผมก็ยินดีตามใจอย่างช่วยไม่ได้ จากที่คิดว่าเขาอาจจะบ่นตลอดทางเพราะอากาศก็ทั้งร้อน และคนก็เยอะมาก แต่มันกลับผิดคาด เพราะกลายเป็นผมเองต่างหากที่รู้สึกหงุดหงิดสายตาคนอื่นที่กำลังมองมาที่เขาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลย

     

    ผมส่งแก้วน้ำมะพร้าวที่เพิ่งซื้อมาให้เขา เกล็ดน้ำแข็งและความเย็นพอจะเรียกความสดชื่นกลับมาได้ ในมือของเขาถือลูกชิ้นปิ้ง แก้มกลมๆของเขากำลังเคี้ยวลูกชิ้นที่อยู่ในปาก ทั้งๆที่ท่าทางห้าวๆของเขาไม่ได้ค่อนไปทางอ่อนหวานเลยสักนิด แต่นั่นกลับทำให้ผมไม่อาจละสายตาออกไปจากเขาได้

     

    “ไปที่บ่อกันเถอะ ตอนนี้น่าจะคนไม่เยอะ”

     

    “งั้นซื้อกระทงก่อนดิ”

     

    ลู่หันมาบอกผมพร้อมกับโยนไม้เสียบลูกชิ้นที่เพิ่งกินหมดลงถังขยะ พวกเราเดินขนาบข้างกันมายืนอยู่หน้าร้านขายกระทงของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จริงๆแล้วแต่ละคณะก็มีร้านขายกระทงเป็นของตัวเองแต่ผมคิดว่าจะไปอุดหนุนคณะอื่นทำไม สู้มาซื้อของเพื่อนๆตัวเองคงจะดีกว่า และลู่ก็คงจะไม่คิดจุกจิกอะไรในเรื่องนี้

     

    “พี่ฮุน ซื้อกระทงพวกหนูหน่อยสิค้า ถ้าพี่ฮุนซื้อคนอื่นจะได้มาซื้อกันเยอะๆ คิกๆๆๆ”

     

    ตามหลักแล้วแสงต้องเดินทางมาก่อนเสียง แต่ดูเหมือนว่ารุ่นน้องของผมจะมีเสียงที่ดังมาก่อนตัวเสียอีก...ผมกับลู่ยืนอยู่หน้าแผงขายกระทง ผมมองเขา หากแต่เขากลับมองกระทงตรงหน้าอย่างกำลังจะเลือกว่าใบไหนดีที่สุด

     

    “ลอยด้วยกันเอาใบใหญ่ไหมค้า คิกๆ”

     

    เมื่อเห็นว่าพวกเราต่างคนต่างเงียบ เสียงของรุ่นน้องคณะผมก็แนะนำขึ้นมาอย่างแซวๆ และผมก็คิดว่ามันคงจะดีไม่น้อยถ้าเราได้ลอยกระทงใบเดียวกันเหมือนคู่อื่นๆ หากแต่ลู่กลับเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมก่อนที่เขาจะยิ้มน่ารักกลับมาให้พร้อมเลือกหยิบกระทงขนาดปกติขึ้นมาถือไว้กับตัว แล้วเลือกกระทงหน้าตาคล้ายๆกันกับของเขามาให้ผม

     

    ไอ้ที่คิดว่าเขาจะใจอ่อนยอมลอยใบเดียวกันก็คงต้องพับเก็บไปด้วยความผิดหวัง

     

    ผมไม่รู้ว่าผมออกอาการหน้าเจือนไปหรือเปล่า แต่ลู่กลับยิ้มให้ก่อนจะลากชายเสื้อชอปของผมให้เดินมาที่บ่อด้วยกันกับกระทงคนละใบในมือ

     

    ผมจุดธูปกับเทียนให้เขา ก่อนจะจุดให้ตัวเอง พวกเราไม่ได้พูดอะไรกันอีกและต่างคนต่างอธิษฐานกันไป...ผมไม่ได้รู้สึกน้อยใจเขา แต่ผมแค่ผิดหวัง มันเป็นความผิดหวังเล็กๆที่ค่อนข้างงี่เง่า แต่เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันผมก็คงต้องยอมรับความจริง

     

    ผมมองเขาที่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปากยามหลับตาอธิษฐานต่อพระแม่คงคา ก่อนที่ผมจะเริ่มต้นอธิษฐานบ้าง

     

    ลู่คงเห็นว่าผมใช้เวลานาน เขาจึงหันมามองผมตาแป๋ว...เขารอให้ผมอธิษฐานเสร็จและเราก็ปล่อยกระทงลงบ่อไปพร้อมกัน

     

    “อธิษฐานอะไรอ่ะ ทำไมนานจัง”

     

    “ถ้าบอกแล้วที่ขอก็จะไม่เป็นจริงดิ”

     

    ผมแย้งเขาตามตรรกะที่เคยได้ยิน และนั่นก็ทำให้เขายู่ปากใส่ผม...

     

    เขาฉลาด...นั่นคือสิ่งที่ผมรู้ และเขาก็คงรู้ว่าผมเฟลเรื่องอะไร

     

    “รีบหรอ?” อยู่ๆเขาก็ถามผมขึ้นมาดื้อๆ

     

    “??”

     

    “ฮุนรีบหรอ ที่จะอยากลอยกระทงใบเดียวกันกับเรา” เขาขยายความให้ผมเข้าใจ และผมก็รู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร

     

    “ไม่ได้รีบ”

     

    “งั้นก็เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว...ถ้าไม่รีบ แล้วก็ยังจริงจังกับเราอยู่ ถึงตอนนั้นเรากลับมาลอยด้วยกันก็ยังไม่สาย”

     

    เขายิ้มให้ผมท่ามกลางสีเหลืองนวลของพระจันทร์ที่เต็มดวง และผมก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งก่อนจะยิ้มตามเขา...เขาที่ทำให้ผมพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

     

    “นี่เราง้อแล้วนะ...แต่ถ้าฮุนยังเฟล เราเลี้ยงไอติมกะทิเพิ่มก็ได้”

     

    เสียงของเขาติดจะหัวเราะกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกมา ก่อนที่เขาจะกระตุกชายเสื้อผมให้เดินตาม

     

    ทว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะทันทีที่ลู่ปล่อยมือออกจากเสื้อชอปของผม...ผมกลับรู้สึกได้ถึงฝ่ามือนิ่มๆของเขาที่กระชับมือผมเอาไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน

     

    นี่หรือเปล่าที่เรียกว่าง้อ...เพราะไอติมกะทิก็คงจะเป็นแค่ข้ออ้างเมื่อคนที่เดินนำอยู่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แต่แก้มขาวกลับแดงระเรื่อจนน่ามอง

     

    สุดท้าย...ผมก็อยากจะให้ไอ้ที่ผมอธิษฐานเอาไว้เป็นจริงไวๆ

     

    คำอธิษฐานที่ว่า...อยากได้เขาเป็นแฟนทันลอยกระทงปีต่อไป

     

     

     

     =========================



    สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ ^^

    สกอป


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×