คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ลู่วิทยาฮุนวิศวะ : ลอยกระทง
เวอร์ชั้นฮุนวิศวะ
นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาทุ่มนิดๆ และผม...อดีตนักศึกษาชายที่เคยได้รับตำแหน่งที่หล่อที่สุดในมหาวิทยาลัยกำลังยืนแกร่วเตะฝุ่นอยู่หน้าห้อง 506 ในคอนโด
ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องเขาจะรู้ด้วยไหมว่าผมกำลังยืนเรียกกำลังใจอยู่หน้าห้องเขาในวันแห่งเทศกาลเช่นนี้ เพราะรู้ว่าเขาไม่ชอบงานอะไรที่มีคนเยอะ เขาไม่ความความวุ่นวาย แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่ผมอยากจะชวนเขาออกมาลอยกระทงด้วยกันสักครั้ง
แล้วทำไมผมไม่โทรไปชวนเขาวะ ทั้งๆที่เบอร์ก็มี มายืนล้วงกระเป๋าอยู่หน้าห้องเขาทั้งๆที่ไม่กล้าจะเคาะเรียกด้วยซ้ำ... ไม่รู้ว่าจะรบกวนหรือเปล่า เขามีงาน มีการบ้าน หรือต้องอ่านหนังสืออะไรไหม ผมไม่รู้อะไรเลย...ผมรู้แค่ว่า
อยากเจอว่ะ
ผมยืนทำใจอีกไม่นาน สองจิตสองใจว่าจะเคาะประตูห้องดีหรือไม่ จะเดินกลับขึ้นห้องตัวเองไป หรือจะออกไปเดินเล่นในมหาวิทยาลัย แต่ถ้าไม่มีเขา ผมก็ไม่อยากไปอยู่ดี...คิดแล้วก็ยกมือขยี้หัวตัวเองให้หายบ้า ไม่รู้ว่าไอ้ความปอดนี้มันมาจากไหนทั้งๆที่ก็หยอดเขามาตั้งหลายครั้ง
ฟึ่บ!
อยู่ๆประตูห้องที่ผมจ้องอยู่ก็เปิดอ้าออกมาด้วยฝีมือของคนที่ผมคิดถึง
“เฮ้ย”
ลู่ดูตกใจที่เปิดประตูมาเจอผมยืนอยู่หน้าห้อง ท่าทางเหวอๆของเขาน่ารักจนผมยิ้มออกมาไม่รู้ตัว แล้วก็ต้องปรับสีหน้าตื่นเต้นของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะยักคิ้วขึ้นเป็นการทักทายเขา
“มาทำไรหน้าห้องเราเนี่ย”
“เปล่า”
ผมยกมือถูจมูกเก้อๆเมื่อดวงตากลมโตนั่นกำลังหรี่ลงจับผิด ทั้งที่ลู่ก็ออกมายืนอยู่หน้าห้องแล้วแท้ๆความปอดก็ยังเกาะติดผมไม่หายไปไหน กับอีแค่ชวนเขาไปลอยกระทง แล้วก็แค่เผื่อใจจะถูกปฏิเสธกลับมาเพราะเขาคงไม่ชอบเทศกาลอะไรแบบนี้
“ฮุน...ทำแบบนี้เรากลัวนะเว้ย”
“เฮ้ย เราไม่ได้ตั้งใจทำให้กลัว ไม่ได้โรคจิตนะ แค่แบบ...”
“แบบ???”
ลู่ดูจะให้ความสนใจเมื่อผมไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที ผมว่าเขาก็คงจะกลัวผมอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไอ้แววตาที่เจือรอยยิ้มแบบนั้นของเขากลับทำให้ผมต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเรียกความกล้า...อะไรวะ บอกชอบก็แล้ว ขอจีบก็หน้าด้านทำมาแล้ว แค่ลอยกระทงคงไม่เกินความสามารถหรอกมั้ง
“จะชวนไปลอยกระทงอ่ะ...ไปป่ะ”
“ฮ่าๆ นึกว่าอะไร จริงๆโทรมาก่อนก็ได้ มายืนหน้าห้องแบบนี้หลอนหมด...งั้นรอแป๊บนะ เราเอาขยะไปทิ้งก่อน”
เขายิ้มกว้างแบบน่ารักโคตรๆมาให้ผมก่อนจะเดินตัวปลิวไปทิ้งขยะที่ประตูที่ทางคอนโดจัดไว้ให้ ถึงว่าที่เปิดประตูออกมาเวลานี้ก็คงจะเอาขยะออกมาทิ้ง ไม่อย่างนั้นผมอาจจะยังยืนปอดอยู่ตรงนี้ไปอีกชั่วโมงก็ได้
ลู่เดินกลับเข้าไปในห้อง คว้าอะไรไม่กี่อย่างก่อนจะออกมายืนอยู่ข้างๆผมในสภาพที่บ่งบอกว่าพร้อมจะไปลอยกระทงแล้ว...เขายังอยู่ในชุดนักศึกษา เสื้อเชิ้ตแขนยาวถูกพับร่นขึ้นมาอยู่ที่ข้อศอกและกางเกงสแลคเข้ารูปสีดำแต่รองเท้าที่ใส่กลับเป็นรองเท้าแตะ แต่ผมกลับคิดว่าเขาน่ารักเอามากๆเวลาที่ทำตัวชิวแบบนี้
“ตอนแรกคิดว่าจะไม่ไปซะอีก”
“จริงๆก็ขี้เกียจ ไม่ชอบคนเยอะ”
“อ่าว...ไม่ไปก็ได้นะ”
ผมยิ้มให้เขาอย่างที่อยากจะบอกว่าผมโอเค ไม่ไปก็ได้ แต่เขากลับส่ายหน้าพลางดันหลังผมให้เดินก้าวไปข้างหน้าเพื่อลงลิฟต์ออกจากคอนโดไปด้วยกัน
“เห็นแก่ใครบางคนที่มาดักรอหน้าห้องก็แล้วกัน”
พวกเราหัวเราะให้กันก่อนที่จะเดินเข้ามาในเขตมหาวิทยาลัยอีกครั้ง แสงสี แสงไฟที่ถูกตกแต่งคล้ายงานวัด มีซุ้มปาลูกโป่ง ยิงปืน ชิงช้าสวรรค์ และร้านอาหารมากมายเต็มข้างทางทำเอาคนเอื่อยๆแบบลู่ตื่นตาตื่นใจขึ้นมา แถมยังรั้งชายเสื้อชอปของผมให้เดินไปตามทางที่เขาอยากดูอีกต่างหาก
“เดี๋ยวๆ ช้าๆหน่อยลู่”
“นายชวนเรามานะ กระตือรือร้นหน่อยดิ...ไปปาลูกโป่งกันเหอะ”
เขาไม่รอช้าที่จะกระตุกชายเสื้อของผมให้เดินตาม และผมก็ยินดีตามใจอย่างช่วยไม่ได้ จากที่คิดว่าเขาอาจจะบ่นตลอดทางเพราะอากาศก็ทั้งร้อน และคนก็เยอะมาก แต่มันกลับผิดคาด เพราะกลายเป็นผมเองต่างหากที่รู้สึกหงุดหงิดสายตาคนอื่นที่กำลังมองมาที่เขาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลย
ผมส่งแก้วน้ำมะพร้าวที่เพิ่งซื้อมาให้เขา เกล็ดน้ำแข็งและความเย็นพอจะเรียกความสดชื่นกลับมาได้ ในมือของเขาถือลูกชิ้นปิ้ง แก้มกลมๆของเขากำลังเคี้ยวลูกชิ้นที่อยู่ในปาก ทั้งๆที่ท่าทางห้าวๆของเขาไม่ได้ค่อนไปทางอ่อนหวานเลยสักนิด แต่นั่นกลับทำให้ผมไม่อาจละสายตาออกไปจากเขาได้
“ไปที่บ่อกันเถอะ ตอนนี้น่าจะคนไม่เยอะ”
“งั้นซื้อกระทงก่อนดิ”
ลู่หันมาบอกผมพร้อมกับโยนไม้เสียบลูกชิ้นที่เพิ่งกินหมดลงถังขยะ พวกเราเดินขนาบข้างกันมายืนอยู่หน้าร้านขายกระทงของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จริงๆแล้วแต่ละคณะก็มีร้านขายกระทงเป็นของตัวเองแต่ผมคิดว่าจะไปอุดหนุนคณะอื่นทำไม สู้มาซื้อของเพื่อนๆตัวเองคงจะดีกว่า และลู่ก็คงจะไม่คิดจุกจิกอะไรในเรื่องนี้
“พี่ฮุน ซื้อกระทงพวกหนูหน่อยสิค้า ถ้าพี่ฮุนซื้อคนอื่นจะได้มาซื้อกันเยอะๆ คิกๆๆๆ”
ตามหลักแล้วแสงต้องเดินทางมาก่อนเสียง แต่ดูเหมือนว่ารุ่นน้องของผมจะมีเสียงที่ดังมาก่อนตัวเสียอีก...ผมกับลู่ยืนอยู่หน้าแผงขายกระทง ผมมองเขา หากแต่เขากลับมองกระทงตรงหน้าอย่างกำลังจะเลือกว่าใบไหนดีที่สุด
“ลอยด้วยกันเอาใบใหญ่ไหมค้า คิกๆ”
เมื่อเห็นว่าพวกเราต่างคนต่างเงียบ เสียงของรุ่นน้องคณะผมก็แนะนำขึ้นมาอย่างแซวๆ และผมก็คิดว่ามันคงจะดีไม่น้อยถ้าเราได้ลอยกระทงใบเดียวกันเหมือนคู่อื่นๆ หากแต่ลู่กลับเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมก่อนที่เขาจะยิ้มน่ารักกลับมาให้พร้อมเลือกหยิบกระทงขนาดปกติขึ้นมาถือไว้กับตัว แล้วเลือกกระทงหน้าตาคล้ายๆกันกับของเขามาให้ผม
ไอ้ที่คิดว่าเขาจะใจอ่อนยอมลอยใบเดียวกันก็คงต้องพับเก็บไปด้วยความผิดหวัง
ผมไม่รู้ว่าผมออกอาการหน้าเจือนไปหรือเปล่า แต่ลู่กลับยิ้มให้ก่อนจะลากชายเสื้อชอปของผมให้เดินมาที่บ่อด้วยกันกับกระทงคนละใบในมือ
ผมจุดธูปกับเทียนให้เขา ก่อนจะจุดให้ตัวเอง พวกเราไม่ได้พูดอะไรกันอีกและต่างคนต่างอธิษฐานกันไป...ผมไม่ได้รู้สึกน้อยใจเขา แต่ผมแค่ผิดหวัง มันเป็นความผิดหวังเล็กๆที่ค่อนข้างงี่เง่า แต่เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันผมก็คงต้องยอมรับความจริง
ผมมองเขาที่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปากยามหลับตาอธิษฐานต่อพระแม่คงคา ก่อนที่ผมจะเริ่มต้นอธิษฐานบ้าง
ลู่คงเห็นว่าผมใช้เวลานาน เขาจึงหันมามองผมตาแป๋ว...เขารอให้ผมอธิษฐานเสร็จและเราก็ปล่อยกระทงลงบ่อไปพร้อมกัน
“อธิษฐานอะไรอ่ะ ทำไมนานจัง”
“ถ้าบอกแล้วที่ขอก็จะไม่เป็นจริงดิ”
ผมแย้งเขาตามตรรกะที่เคยได้ยิน และนั่นก็ทำให้เขายู่ปากใส่ผม...
เขาฉลาด...นั่นคือสิ่งที่ผมรู้ และเขาก็คงรู้ว่าผมเฟลเรื่องอะไร
“รีบหรอ?” อยู่ๆเขาก็ถามผมขึ้นมาดื้อๆ
“??”
“ฮุนรีบหรอ ที่จะอยากลอยกระทงใบเดียวกันกับเรา” เขาขยายความให้ผมเข้าใจ และผมก็รู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร
“ไม่ได้รีบ”
“งั้นก็เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว...ถ้าไม่รีบ แล้วก็ยังจริงจังกับเราอยู่ ถึงตอนนั้นเรากลับมาลอยด้วยกันก็ยังไม่สาย”
เขายิ้มให้ผมท่ามกลางสีเหลืองนวลของพระจันทร์ที่เต็มดวง และผมก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งก่อนจะยิ้มตามเขา...เขาที่ทำให้ผมพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
“นี่เราง้อแล้วนะ...แต่ถ้าฮุนยังเฟล เราเลี้ยงไอติมกะทิเพิ่มก็ได้”
เสียงของเขาติดจะหัวเราะกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกมา ก่อนที่เขาจะกระตุกชายเสื้อผมให้เดินตาม
ทว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะทันทีที่ลู่ปล่อยมือออกจากเสื้อชอปของผม...ผมกลับรู้สึกได้ถึงฝ่ามือนิ่มๆของเขาที่กระชับมือผมเอาไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน
นี่หรือเปล่าที่เรียกว่าง้อ...เพราะไอติมกะทิก็คงจะเป็นแค่ข้ออ้างเมื่อคนที่เดินนำอยู่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แต่แก้มขาวกลับแดงระเรื่อจนน่ามอง
สุดท้าย...ผมก็อยากจะให้ไอ้ที่ผมอธิษฐานเอาไว้เป็นจริงไวๆ
คำอธิษฐานที่ว่า...อยากได้เขาเป็นแฟนทันลอยกระทงปีต่อไป
สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ ^^
สกอป
ความคิดเห็น