ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [แปล] บันทึกการสงครามของคุโระ

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 โครโน่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.47K
      16
      21 เม.ย. 57


    บทแรก จุดเริ่ม

    ตอนที่ 1 โครโน่

    โครโน่มองลงไปยังรอยล้อที่ค่อยๆทอดต่อออกไปจากระยะสายตา

    หญ้านั้นค่อยๆหนาขึ้นเรื่อยๆ แล้วจากจุดไหนก็ไม่รู้ที่หญ้าค่อยๆกลายเป็นป่าดงดิบ บดบังรอยล้อจนหมด

    เส้นเขตแดนของจักรวรรดิเคเฟอุสกับราชอาณาจักรอัลโก้ศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ติดกับป่าดงดิบอยู่แล้ว

    ป่าที่ว่านี่เป็นทั้งเกราะป้องกันที่เกิดตามธรรมชาติ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าสรรพสัตว์อีกด้วย

    มีเรื่องเล่าว่ามีมอนสเตอร์ที่สาบสูญไปแล้วอาศัยอยู่ในป่าแถบนี้ด้วย แต่ยังไงที่นี่ก็เป็นเส้นทางที่ถูกใช้งานบ่อยถึงขนาดมีรอยล้อเกวียนหลงเหลือ ไว้อยู่ดี

    สงสัยจะเป็นผลมาจากการที่พ่อค้าไม่อยากใช้ทางอ้อมกับผลจากภาษีผ่านทางล่ะมั้ง เพราะภาษีเขตเอรากิสที่โครโน่อยู่นั้นแพงไม่เบาเลย

    แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าไปเข้าเขตอื่น ก็ต้องเสียภาษีให้เขตนั้นๆด้วย จึงทำให้กำไรนั้นลดลงไปมากกว่าที่ควร

    โครโน่นั้นไม่ค่อยเข้าใจการมองเงินสำคัญกว่าชีวิตหรอก แต่ก็เข้าใจหลักการที่ว่าถ้าไม่เสี่ยงอะไรก็ไม่ได้กำไรมาอยู่

    เพราะอย่างนั้น โครโน่จึงเข้าใจถึงการที่ราชอาณาจักรอัลโก้ศักดิ์สิทธิ์ยอมรับความเสี่ยงที่ ว่า และบุกผ่านป่าดงดิบมาเพื่อโจมตีจักรวรรดิเคเฟอุส

    แต่ก็ไม่ได้รู้ถึงขนาดจุดมุ่งหมายอยู่ดี

    จริงอยู่ที่จักรวรรดิเคเฟอุสและราชอาณาจักรอัลโก้ศักดิ์นั้นมีปัญหากันในแถบเส้นเขตแดนมาตั้งนานแล้ว

    และแน่นนอนว่าความสัมพันธ์ของสองอาณาจักรนี้คงเรียกว่าสนิทสนมกันดีไม่ได้

    แต่ทำไมจู่ๆราชอาณาจักรศักด์สิทธิ์อัลโก้ถึงต้องเปิดสงครามเต็มรูปแบบกับจักรวรรดิเคเฟอุสตอนนี้ด้วยนะ...

    คิดยังไงคำตอบก็ไม่ออกมา สุดท้ายที่รู้ก็มีเพียงแค่เรื่องที่ว่าทหารของจักรวรรดิเคเฟอุสนั้นเริ่ม เคลื่อนไหวช้ากว่าอีกฝ่าย เรื่องที่ว่าต้องรีบขับไล่ศัตรู และเรื่องที่ว่าพรรคพวกกับหัวหน้านั้นหนีไปแล้วเรียบร้อยเท่านั้น

    ?……อึก!?

    เมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรที่ขยับอยู่ในป่า โครโน่ก็รีบเอามือไปกุมด้ามดาบไว้ แต่ลูกน้องทั้งเจ็ดร้อยนายที่เป็นกึ่งมนุษย์นั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

    ถึงที่นี่จะไม่มีเอลฟ์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องป่าก็เถอะ ลูกน้องเกินครึ่งที่เป็นเผ่าสัตว์ก็มีสัญชาติญาณและประสาทการรับเสียงและ กลิ่นที่ไวเป็นเอกลักษณ์อยู่

    เชื่อลูกน้องดีกว่าแฮะ โครโน่คิดแล้วปล่อยมือออกจากด้ามดาบ

    ถึงจะเอามือไปจับด้ามดาบเป็นปฏิกิริยาตอบสนองก็เถอะ โครโน่นั้นไมค่อยจะถูกกับวิชาดาบนัก

    ไม่ใช่แค่วิชาดาบอย่างเดียว เรื่องขี่ม้าเองก็เหมือนกัน และนั่นเป็นเหตุผลที่โครโน่ใช้การเดินเท้าแทนการขี่ม้าเป็นปกติ…. ถึงจะไม่นึกว่ามันจะส่งผลให้โดนพรรคพวกกับหัวหน้าทิ้งไว้ที่นี่ก็เถอะ

    ถ้าถ่วงเวลาได้เดี๋ยวจะมีกำลังหนุนมาช่วย..... มาร์ควิสเอรากิสที่เป็นหัวหน้าของโครโน่พูดทิ้งไว้แบบนั้น แต่ตามรายงานของหน่วยลาดตระเวรแล้วทหารของราชอาณาจักรอัลโก้ศักดิ์สิทธิ์ นั้นมีประมาณหนึ่งหมื่น ส่วนทางนี้มีแค่หนึ่งพัน..... ด้วยทหารที่ต่างกันสิบเท่า จะคิดยังไงก็แย่แน่ๆแล้ว

    ตอนนี้โครโน่กับลูกน้องนั้นอยู่ตรงกลางของไฟสงคราม แถมตอนนี้จะดูยังไงพลังใจของพวกลูกน้องก็ต่ำติดดิน

    ลูกน้องส่วนใหญ่ของโครโน่เป็นเผ่าสัตว์.... มีพวกที่มีหัวเป็นสัตว์อยู่บนร่างกายคล้ายๆมนุษย์ด้วย เพราะงั้นออกจะดูอารมณ์ออกยากหน่อย

    อย่างน้อยถ้าโครโน่เป็นผู้บัญชาการฝีมือดีก็คงจะวางใจได้บ้าง อย่างน้อยก็คงมีความหวัง

    แต่น่าเสียดาบที่โครโน่นั้นเพิ่งจะจบการศึกษามาจากโรงเรียนเตรียมทหาร โดยยังไม่มีประสบการณ์ในสนามจริงเลย แถมยังเป็นนักเรียนที่โหลยโท่ยที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของโรงเรียน เลยด้วยซ้ำ ที่เรียนจบมาได้ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะครูที่ปรึกษาของโครโน่ไปก้มหัวให้หลายๆ ฝ่ายมาก็ว่าได้

    อย่างน้อย... โครโน่ก็พยายามไปเหมือนกัน เมื่อวานก็แจกจ่ายอาหารหรูๆกับเหล้า แล้วก็ลองเพิ่มกำลังใจให้ทหารดู แต่สุดท้ายพวกทหารก็ส่งเสียงตอบรับมาแนวๆนี่คืออาหารมื้อสุดท้ายซะอย่างนั้น

    "ท่านแม่ทัพ เป็นอะไรรึเปล่า" (มอ~ มอ~)

    "โทษที ขี้จะราดแล้ว"

    โครโน่เผลอบอกความจริงให้นายทหารผู้ช่วยที่เป็นห่วง

    "……ท่านแม่ทัพ" (มอ~)

    นายทหารผู้ช่วยผู้มีดวงตากลมโตสีดำมองโครโน่ แล้วส่งเสียงสมเพชออกมา

    นายทหารผู้ช่วยนั้นเป็นเผ่าสัตว์มีหัวเป็นวัวที่ถูกเรียกว่ามิโนเทารุส ผู้มีร่างกายสูงเกินสองเมตร และทั่วร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่แข็งราวกับเหล็ก

    "ความจริงก็อยากทำท่าสบายๆให้เห็นอยู่นะ"

    จริงๆก็เป็นพวกขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

    แค่เรื่องเถียงกันยังไม่ชอบ จะให้มานำทัพออกรบแล้วยังสติดีอยู่ได้ยังไงกัน

    รู้สึกเหมือนมีเหล็กมาถ่วงไหล่ไว้เลยแฮะ

    กระเพาะก็บิดเหมือนกับหนอนอะไรซักอย่าง หูรูดก็จะปล่อยตัวเต็มที่

    "ทั้งๆที่เป็นคนแบบนี้ ทำไมถึงมาเป็นทหารล่ะ?" (มอ~)

    "ก็เพราะได้ยินว่าเป็นขุนนาง ควรจะไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหารน่ะสิ"

    นายทหารผู้ช่วยหัวเราะพร้อมกับเสียงเหล็กดังกรุ๊งกริ๊งที่มาจากห่วงจมูกของนายทหารผู้ช่วย

    ห่วงจมูกที่ว่านี่ก็เป็นเมจิกไอเท็มชนิดหนึ่ง โดยทำหน้าที่สื่อความหมายให้มนุษย์กับเผ่าอื่นๆนั้นสามารถสื่อสารกันได้

    "หนีตอนนี้ก็ได้นี่นะ การต่อสู้ครั้งนี้ก็เป็นซะแบบนี้ด้วย จะมาห่วงพวกกึ่งมนุษย์ท่านแม่ทัพก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก" (มอ มอมอมอ)

    "จะว่าไปก็.... นั่นสินะ...."

    มันก็จริงนั่นแหละ

    กึ่งมนุษย์ที่ว่าก็หมายถึงเผ่าสัตว์อย่างมิโนเทารุส เอลฟ์ หรือคนแคระ ซึ่งมีความหมายว่าพวกที่ไม่ใช่มนุษย์ หรือพวกที่เป็นมนุษย์อย่างไม่สมบูรณ์

    กึ่งมนุษย์กันมนุษย์นั้นไม่ถูกกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ในยุคนี้ที่มนุษย์เป็นใหญ่นั้น กึ่งมนุษย์ก็แทรกเข้ามาอยู่ในสังคมมนุษย์แล้ว

    ในราชอาณาจักรเคเฟอุสนั้น ถ้ากึ่งมนุษย์รับราชการเป็นทหารครบช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็จะได้สิทธิการเป็นพลเมืองอยู่ แต่ถ้าก่อนนั้นได้รับบาดเจ็บจนทำงานต่อไม่ได้ก็อดไป ถึงจะได้สิทธิพลเมืองมากึ่งมนุษย์ก็ใช่ว่าจะหาช่องทางการงานดีๆได้

    แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าเทียบกับประเทศข้างเคียงจักรวรรดิเคเฟอุสก็นับว่าดีแล้ว เช่นราชอาณาจักรอัลโก้ที่ถึงกับมีกฏหมายการกำจัดกึ่งมนุษย์เลยทีเดียว

    ถ้ามองจากมุมมองของกึ่งมนุษย์อย่างนายทหารผู้ช่วยแล้ว โครโน่ที่ถึงจะไม่มีอะไรดีนอกจากการเป็นขุนนางแล้วก็นับว่าดีกว่าตนมาก

    "ความจริงก็อยากหนีอยู่นะ แต่เหมือนจะพลาดโอกาสไป..."

    "ท่านแม่ทัพ พูดจริงรึเปล่านั่น?"

    พอโครโน่หัวเราะอย่างน่าสมเพชแล้ว นายทหารผู้ช่วยก็ถามด้วยหน้าตาเอือมระอาเต็มทน

    "แน่นอนสิ ไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะโดนพรรคพวกกับหัวหน้าทิ้งแบบนี้น่ะ"

    "....."

    คราวนี้นายทหารผู้ช่วยเป็นฝ่ายหาคำพูดมาตอบไม่ได้บ้าง

    "แล้วก็ไม่อยากจะตายอย่างน่าสมเพช แล้วก็ไม่อยากโดนฆ่าอย่างน่าสมเพชด้วย"

    "รั้วที่สร้างมาอย่างรีบร้อนนี่ไม่น่าจะกันศัตรูไว้ได้หรอกนา" (มอมอ)

    นายทหารผู้ช่วยพูดแล้วก็มองรั้ว

    รั้วที่ว่านี้ตั้งอยู่ห่างจากเขตป่าออกไปนิดหน่อย

    ความสูงกับความกว้างก็ประมาณสามเมตร ไม้ที่ใช้ก็หนาประมาณน่องของโครโน่เอง

    แต่ช่องว่างระหว่างไม้บางที่นั้นคนสามารถลอดเข้ามาได้ด้วยซ้ำ

    "แบบนี้เตรียมการรบแบบกองโจรน่าจะดีกว่าไหมนะ?" (มอมอมอ)

    "ตอนแรกก็ว่างั้นเหมือนกัน แต่ถ้าทำแบบนั้นนี่ไม่น่าจะไล่พวกนั้นไปสำเร็จนะ"

    โครโน่พูดแล้วก็มองป่าอย่างไม่พอใจ

    ถ้ามีเวลาอีกนิดก็จะเตรียมการรบแบบกองโจรได้แล้วแท้ๆ แต่ทางนี้เริ่มเคลื่อนไหวช้าไป

    ช่วงนี้แหละที่เป็นโอกาส

    ถ้าทหารของราชอาณาจักรอัลโก้พ้นเขตป่าดงดิบออกมาเมื่อไหร่ ฝ่ายเราที่มีทหารแค่พันคนเสร็จแน่

    "ถ้าไม่รีบไล่มันกลับไปล่ะก็..."

    โดนมันฆ่าเรียบแน่... โครโน่กลืนคำพูดลงไปในคอ

    อีกฝั่งมีนโยบายกำจัดพวกกึ่งมนุษย์ซะด้วย

    "ไอ้พวกประเทศศาสนามันก็เป็นซะแบบนี้ล่ะนะ"

    โครโน่สบถเบาๆ

    *

    เมืองป้อมปราการฮาเชล.... เมืองที่ตั้งชื่อตามผู้ติดตามของมาร์ควิสเอรากิสรุ่นแรก

    โดยเมืองนี้นั้นอยู่ห่างจากป่าดงดิบประมาณครึ่งวันม้าวิ่ง เป็นเมืองที่มีค่าทั้งในด้านการทหารและการค้าขาย

    และในห้องทำงานที่อยู่ชั้นสูงสุดของคฤหาสน์ของมาร์ควิสที่ตั้งอยู่ในใจกลาง เมืองฮาเชล ทีเรียก็ทำลังรอฟังการายงานของมาร์ควิสเอรากิสอยู่

    "ว่ายังไงนะ พวกแก! เพราะงั้นก็เลยหนีมางั้นเรอะ!?"

    ทีเรียทุบโต๊ะ แล้วมาร์ควิสเอรากิสก็ตัวสั่นพร้อมตอบว่า

    "ค....คือว่า... นี่น่าจะเป็นการถ่วงเวลาที่ดีนะพะยะค่ะ"

    """ใช่แล้วพะยะค่ะ"""

    เหล่าลูกน้องของมาร์ควิสตอบอย่างพร้อมเพียง

    ช่วยไม่ได้ ข้อมูลมันผิดพลาด ถ้ายอมสละกึ่งมนุษย์พันคนแล้วหยุดพวกมันไว้ได้ก็เป็นราคาที่ถูกมาก

    ถึงจะไม่ขนาดพูดออกมาจากปากว่า "เด็กผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็เป็นซะแบบนี้" แต่ก็จบด้วยสายตาดูแคลนอยู่ดี

    ซึ่งจริงๆแล้วทีเรียก็ไม่รู้เรื่องสงคราม.... แต่ตอนนี้ที่เธอสามารถอาละวาดใส่มาร์ควิสเอรากิสที่มีอายุคราวพ่อได้ก็เพราะ ว่าเธอเป็นเจ้าหญิงอันดับหนึ่งของจักรวรรดิเคเฟอุสนี้เอง

    แถมยังเป็นผู้ที่มีสิทธิ์เป็นกษัตริย์คนต่อไปเป็นอันดับหนึ่งด้วย

    เมื่อทีเรียอาละวาดใส่พวกมาร์ควิสเอรากิสเสร็จ เธอก็นึกอะไรออกอย่างหนึ่ง

    เมื่อสามสิบปีก่อน จักรวรรดิเคเฟอุสนั้นอยู่ในช่วงโกลาหล

    ทั้งสงครามภายในแย่งชิงตำแหน่งกษัตริย์ ที่ส่งผลให้มีการตั้งตัวเป็นอิสระของเมืองบางเมือง และการรุกรานของพวกชนเผ่าป่าเถื่อน

    ซึ่งเหล่าขุนนางที่ชินชากับความสงบนั้นก็ไม่สามารถรับมือสถานการณ์เหล่านั้น ได้ จึงต้องมีการยืมมือเหล่าทหารรับจ้างมาช่วย ถึงนำความสงบกลับมาได้

    ซึ่งในตอนนั้น จักรวรรดิที่ควรจะได้บทเรียนว่า "ถ้ามีแม่ทัพที่ไม่มีอะไรดีนอกจากวงศ์ตระกูลแล้ว การรบที่ควรจะชนะก็ไม่ชนะ ส่งผลให้ความวุ่นวายขยายเป็นวงกว้างได้ "

    ก็จัดตั้งโรงเรียนเตรียมทหารขึ้นในเมืองหลวงไว้สำหรับพวกขุนนาง

    แต่ดูเหมือนว่า บทเรียนที่ได้มาอย่างยากลำบากนั้นจะไม่สามารถชนะ "การวางใจเพราะอันตรายนั้นจบไปแล้ว" ได้

    แล้วเหล่าทหารรับจ้างที่นำบ้านเมืองกลับมาสู่ความสงบนั้นก็ได้รับพื้นที่และ ตำแหน่งเป็นขุนนาง โดยในปัจจุบันถูกเรียกรวมๆกันว่าเหล่าขุนนางใหม่


    "ไอ้ถูกมากนั้นน่ะ ไม่ได้รวมโครโน่ไว้ใช่ไหม?"

    "....พวกเราก็พยายามเกลี้ยกล่อมแล้ว แต่ท่านโครโน่บอกว่าไม่สามารถทิ้งลูกน้องไว้ได้"

    ทีเรียกันฟันกรอด แล้วพยายามหยุดสีหน้าที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกขณะเอาไว้

    จริงอยู่ที่โครโน่นั้นเป็นลูกน้องของมาร์ควิสเอรากิส แล้วก็เป็นเพียงแค่ลูกชายของบารอนโครฟอร์ดผู้เป็นขุนนางใหม่ที่ว่า

    แต่สำหรับทีเรียแล้ว โครโน่นั้นก็เป็นบุคคลพิเศษ

    "กี่วัน?"

    "เอ๋?"

    "ชั้นถามว่ากองหนุนจากเมืองรอบๆจะมาถึงในกี่วัน? อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้แม้แต่ร้องขอไปน่ะ"

    "จะรีบดำเนินการเดี๋ยวนี้ขอรับ"

    มาร์ควิสตอบแล้วรีบหนีออกจากห้องไป

    "ไอ้คุโระโง่ ไอ้โง่ ไอ้โง่บัดซบ!"

    ทีเรียทึ่งผมสีทองที่ได้รับมาจากแม่ด้วยความโกรธ

    เธอเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับโครโน่ที่โรงเรียนทหาร

    ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่น แต่จุดร่วมระหว่างเธอกับโครโน่นั้นไม่มีเลย

    ราชวงศ์กับขุนนาง นักเรียนดีเด่นกับนักเรียนที่จะรอดแหล่มิรอดแหล่ เขากับเธอนั้นห่างชั้นกันเกินไป

    ตอนที่เธอเริ่มสนใจโครโน่นั้นก็คงเป็นตอนที่เธอแพ้โครโน่เข้าในการฝึกรบนั่นเอง

    ในการฝึกชิงธงครั้งนั้น ทีเรียบุกฝ่าปราบศัตรู และจับตัวประกันไว้มากมาย

    และในตอนใกล้จะจบการฝึก โครโน่ก็บุกเข้ามาโดยตีความได้อย่างเดียว คือการบุกแบบหมดหวัง

    ทีเรียก็ใช้กองทัพทั้งหมดเข้าตอบโต้ แล้วก็โดนชิงธงไปง่ายๆด้วยทหารเพียงไม่กี่คน

    ว่าง่ายๆก็คือแผนการล่อเสือออกจากถ้ำนั่นเอง

    หลังจากนั้นเธอก็โมโหแล้วอาละวาดใส่โครโน่หลายครั้ง จนมาตอนนี้ยังรู้สึกอายที่โมโหไปอยู่เลย


    พอลองคุยด้วยแล้ว โครโน่ก็เป็นผู้ชายที่น่าสนใจ มีมุมมองต่อสิ่งต่างๆแตกต่างออกไปจากคนอื่น แล้วก็เป็นขุนนางที่รู้สึกถึงแรงกดดันจากหน้าที่ของขุนนาง โดยไม่หลงระเริงไปกับสิทธิพิเศษของขุนนาง นับว่าเป็นขุนนางที่หาได้ยากทีเดียว

    ถึงจะมีข้อเสียคือเป็นพวกผ่อนคลายตลอดเวลาก็เถอะ ถ้าคิดเรื่องที่โครโน่เป็นขุนนางใหม่แล้วก็พอจะเข้าใจได้

    "สำหรับนายแล้ว... กึ่งมนุษย์มันมีค่าให้ปกป้องขนาดนั้นเลยรึ..."

    ทีเรียหรี่ตาลงแล้วกระซิบออกมาเบาๆ


    *


    พริบตาที่ทหารม้าเกราะหนักห้านายพุ่งออกมาจากส่วนลึกของป่า โครโน่ก็นึกเสียใจทันทีที่เขาไม่ได้หนีไป

    โครโน่นั้นรู้ถึงความขี้ขลาดของตนเองดี แล้วก็รู้สึกฝีมือดาบที่นับได้ว่าดีกว่าคนธรรมดาเพียงนิดหน่อย พร้อมกับฝีมือเวทมนตร์ที่รู้อยู่เพียงบทเดียวด้วย

    หัวเองก็ไม่ได้นับว่าทื่อ แต่ก็จะว่าฉลาดก็ไม่ได้ ความกล้าหาญก็ไม่มี ถึงจะรวบรวมความกล้าทำอะไร สุดท้ายก็ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง

    ตอนที่มาร์ควิสเอรากิสพูดถึงแผนที่จะใช้พวกกึ่งมนุษย์เป็นโล่เพื่อซื้อเวลา โครโน่เองก็คิดว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวด้วยซ้ำ

    เขากลัวที่จะต่อสู้ และเข้าใจในความอ่อนแอของตนเองดี

    เขารู้ว่าถ้าสู้ไปก็มีแต่ตายกับตายแน่นอน

    แค่ยิ้มแล้วพยักหน้าไปก็จบแล้วแท้ๆ แต่เขาก็ทำเรื่องนั้นไม่ได้ จนต้องเสียโอกาสในการหนีไป

    โครโน่รวบรวมพลังอั้นหูรูดไว้ แล้วเดินออกมานอกรั้ว

    จุดเด่นของทหารม้าเกราะหนักนั้นคือความสามารถในการบุกทะลวงอย่างรวดเร็ว

    พลังในการทะลุทะลวงของมันนั้นมากพอที่จะบุกผ่านกึ่งมนุษย์ที่จัดกำลังเป็นแถวตั้งรับอยู่อย่างง่ายดาย

    "....ชื่อของข้าคือโครโน่! ลูกชายคนแรกของบารอนโครฟอร์ด! การต้องตายด้วยพวกทหารกระจอกนั้นเป็นความอับอายอย่างยิ่ง เพราะงั้นขอท้าท่านหัวหน้าของอัศวินประลองตัวต่อตัว"

    พอโครโน่ชักดาบออกจากฝักแล้วตระโกนออกไป ทหารม้าคนหนึ่งก็เดินออกมา

    ดูท่าทางจะเป็นหัวหน้า เกราะที่ใส่ก็ดูหรูหรากว่าสี่คนที่เหลือ

    ทหารม้าคนนั้นจับหอกให้อยู่ในลักษณะแทงออกไปข้างหน้า แล้วพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ซ

    แล้วพริบตาที่ถึงความเร็วสูงสุด ร่างของอัศวินผู้นั้นก็หายไป

    เมื่อเวลาผ่านไปเล็กน้อย ร่างของอัศวินก็ตกลงสู้ผืนดิน

    เขาพุ่งชนเชือกที่ขึงอยู่ในระดับศีรษะจนตกม้าไปนั่นเอง

    """".....อึก!""""

    เหล่าพรรคพวกที่เหลือก็ถึงกับพูดไม่ออกในกับดักที่ต่ำทราม แล้วพุ่งตามเข้ามา

    ในจังหวะที่พวกเขาผ่านเชือกมานั่นเอง

    "ตอนนี้ล่ะ!"

    เสาไม้ที่เหลาจนแหลมก็พุ่งเข้าแทงทหารม้าทั้งสี่คนทันที

    ทหารม้านั้นน่ากลัวในเรื่องของความเร็วและพลังการทะลุทะลวงก็จริง แต่ถ้ารู้ถึงจุดที่จะพุ่งเข้ามาแล้ว การรับมือนั้นง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วย

    เฮ้อ.... โครโน่ปาดเหงื่อ แล้วเดินกลับมาข้างๆทหารผู้ช่วย

    "ไม่มีศักดิ์ศรีในฐานะขุนนางบ้างเลยหรือ?" (มอมอมอ)

    "ถ้ามีแล้วชนะได้ก็อยากสู้อย่างสมเกียรติเหมือนกันล่ะ.. แล้วก็ศพทิ้งไว้ตรงนั้นนะ"

    โครโน่พยายามต่อสู้กับความรู้สึกอยากสำรอก แล้วหันหน้าหนี

    ถึงจะเป็นแววตาที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ประกายตาก็ได้กลับมายังตาของเขาแล้ว


    *


    กว่าที่ทัพหลักของศัตรูจะเข้ามา ก็หลังจากที่จัดการทหารม้าไปเรียบร้อยแล้วซักพัก

    โดยกองกำลังของราชอาณาจักรอัลโก้เป็นฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหวก่อน

    คงจะเฝ้าดูทหารม้าทั้งห้านายเมื่อกี้สินะ

    ผู้บังคับบัญชาั่งให้ทหารราบยกทัพเข้ามาก่อน

    ความจริงจะให้พลธนูยิงธนูข้ามรั้วมาก็ได้ แต่ผู้บังคับบัญชาของศัตรูนั้นสั่งให้ทหารเข้ามาสู้กันซึ่งๆหน้าแทน

    กลุ่มควันเริ่มลอยขึ้นฟ้า เสียงตระโกนด้วยความโกรธดังไปทั่วสนามรบ และกลื่นเลือดก็เริ่มลอยเตะจมูก

    "ไล่พวกมันกลับไป!" (มอ--!)

    โอ้ววววว! เหล่าทหารตระโกนตอบรับนายทหารผู้ช่วย

    คนแคระนั้นใช้หอกไล่แทงทหารที่อยู่หลังรั้ว และมิโนเทารุสก็ใช้ขวานไล่สับพวกที่ลอดออกมาจากรั้วมาได้

    จริงๆถ้านี่เป็นการต่อสู้ของพวกกึ่งมนุษย์ด้วยกันแล้ว ผลการสงครามคงจะต่างออกไปจากนี้ แต่ทหารของราชอาณาจักรอัลโก้ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นมนุษย์ทั้งหมด

    เป็นทหารเลวที่ได้รับการฝึกขั้นพื้นฐานเพียงเท่านั้น

    เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไปได้สวยอยู่

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้ยินข่าวลือเรื่องป่าดงดิบหรืออะไร แต่ทหารของฝั่งตรงข้ามนั้นบุกเข้ามาทางรั้วโดยไม่อ้อม

    แถมทัพของศัตรูนั้นใช้ทหารราบนำ เพราะงั้นจึงไม่ต้องรับมือทั้งธนูหรือเวทย์มนตร์

    "อ้อมรั้วไป! บุกเข้าหามันจากข้างหลัง!"

    ผู้บังคับบัญชาศัตรูยืนร้องตระโกน แต่ทหารของราชอาณาจักรอัลโก้ก็ทำเพียงมองหน้ากันเท่านั้น

    "อ้อมรั้วไป!"

    ".....อึก!"

    มีทหารหลายคนทำใจแล้วกระโดดเข้าไปในป่า

    ในขณะที่พวกเขากำลังเดินเข้าไปในพุ่มไม้ที่สูงในระดับเอว.... จู่ๆ.. พวกเขาก็หายไปจากสายตาของคนที่เหลือ

    "อ๊าก... อ๊ากกกกกกกกกก"

    ชั่วพริบตาต่อมา เสียงร้องโหยหวนนั้นก็ดังไปทั่วสนามรบ

    พุ่มไม้ที่ว่านั้นสั่นไหวอย่างรุนแรง พร้อมกับละอองเลือดที่กระเซ็นไปรอบทิศทาง

    แล้วพอทุกอย่างสงบลง หัวของมนุษย์ก็ถูกโยนออกมาจากป่า

    "เฮ้ย! มีตัวอะไรอยู่ข้างใน!"

    "หนีกันเถอะ!"

    เหล่าทหารที่ตื่นกลัวนั้นพยายามที่จะถอยกลับออกมาจากป่า แต่สุดท้ายก็ถูกลากเข้าไปในป่าเหมือนเดิม

    แล้วเสียงโหยหวนก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

    "นี่เป็นการซุ่มโจมตีปกติ อย่าตกใจไป!"

    ถึงจะพูดอย่างนั้นมันก็หยุดทหารที่อยู่ในอารมณ์ตื่นกลัวไม่ได้หรอก โครโน่คิด

    ความตื่นกลัวนั้นมันติดต่อกันได้

    เหล่าทหารของราชอาณาจักรอัลโก้เริ่มทิ้งอาวุธ และในจังหวะที่การรบเริ่มเปลี่ยนทิศทางนั้นเอง

    "เทพสีแดงชาดผู้นำมาซึ่งการทำลายล้างทั้งหลายเอ๋ย!"

    วูมมมมมม! ไฟที่พุ่งขึ้นเหนือหัวเหล่าทหารของราชอาณาจักรอัลโก้ราวกับเกิดการระเบิดขึ้น

    ไฟที่ว่านั้นหายไปภายในพริบตา แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าทหารที่แตกตื่นสงบลง

    อำนาจเทพ..... วิชาที่สามารถแสดงพลังของเทพที่ดูแลธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ความมืด และแสงสว่างออกมาได้

    แน่นอนว่าผู้ใช้จะต้องนับถือเทพนั้นๆ และถ้าใช้มากไปก็มีโอกาสกลายเป็นคนพิการได้ แต่ข้อดีของมันก็มีมากมาย เช่น... ใช้รักษาแผลได้โดยไม่ต้องมีความรู้ทางการแพทย์

    "สงบสติไว้ ทหารของฝั่งนี้มากกว่าตั้งไม่รู้กี่เท่า"

    แม่ทัพรีบยัดความคิดเข้าไปในหัวโล่งๆของเหล่าทหาร

    "กดดันมันเข้าไป!"

    โอ้วววววววววววว! เหล่าทหารของราชอาณาจักรอัลโก้ตระโกนขึ้นพร้อมกัน


    โครโน่กระเดาะลิ้นเล็กน้อย

    แม่ทัพของศัตรูประกาศแล้วว่าจะไม่มานั่งเล่นกับลูกเล่นของโครโน่

    ทหารของราชอาณาจักรอัลโก้ที่กู้สติกลับมาได้ก็แข็งแกร่งด้วย

    ไม่สิ ทหารเองก็ใช่ว่าจะเก่งมาก ใช่ว่ามีสติแล้วจะเก่งขึ้น

    ฝั่งเราต่างหากที่เริ่มจะอ้อนล้าแล้ว.......

    มีทหารเดินเท้าของศัตรูเข้าโจมตีรั้ว แล้วกึ่งมนุษย์ฝั่งเราก็ใช้หอกโจมตี

    เผ่าพันธ์ที่มีพละกำลังมากอย่างมิโนเทารุสหรือลิซาร์ดแมนก็มีหน้าที่ไล่กำจัดศัตรูที่ลอดรั้วออกมาได้

    เป็นอย่างนี้ซ้ำๆไปเรื่อยๆ

    ทหารของเราก็เริ่มสะสมความเหนื่อยล้าเข้าไปทุกขณะๆ

    หอกที่เคยเป็นฝั่งแทงใส่ศัตรู ก็เริ่มเป็นฝั่งถูกแทงใส่บ้าง

    มิโนเทารุสและลิซาร์ดแมนที่อ่อนแรงก็เริ่มรับมือศัตรูที่ลอดเข้ามาไม่ไหว

    เผ่าสัตว์ที่เห็นท่าไม่ดีก็เริ่มมาช่วยลิซาร์ดแมนกำจัดศัตรู แต่พวกเขาก็เป็นผู้ที่เหนื่อยล้าเหมือนกัน

    แล้วลิซาร์ดแมนตนหนึ่งก็โดนหอกจำนวนนับไม่ถ้วนแทงเข้าใส่ และล้มลงไป

    "ท่านแม่ทัพ!" (มอ!)

    "เข้าใจล่ะ รีบอุดรูเร็ว!"

    นายทหารผู้ช่วยรีบเข้าไปแทนรูที่ลิซาร์ดแมนตนนั้นเปิดทิ้งไว้ แต่ก็มีทหารของราชอาณาจักรอัลโก้คนหนึ่งลอดผ่านมาได้แล้ว

    โดยมีจุดหมายคือโครโน่

    "ท่านแม่ทัพ!" (มอ!)

    "....ชิส์!"

    โครโน่รีบคว้าดาบออกมาตามเสียงของนายทหารผู้ช่วยเพื่อจะรับการโจมตี แต่ดาบของศัตรูที่ฟันลงมานั้นเร็วกว่า

    สมองเริ่มมึนจากแรงกระแทก จนอยากจะอาเจียนออกมา

    กระโหลกของมนุษย์นั้น ถ้านับในหมู่กระดูกแล้ว ก็นับว่ามีความทนทานไม่เบา

    ถ้าไม่ใช่เวทย์มนตร์ หรืออำนาจเทพแล้วล่ะก็ การจะฟันตั้งแต่หัวให้ขาดถึงหว่างขานั้นเป็นไปไม่ได้

    แต่ถึงอย่างนั้น การฟันครั้งนั้นก็พรากการมองเห็นครึ่งหนึ่ง.... พรากตาขวาไปจากโครโน่

    โครโน่กัดฟันเต็มแรง

    ถึงจะเป็นแค่ในชื่อก็เถอะ ถ้าแม่ทัพส่งเสียงร้องขึ้นมาตอนนี้ล่ะก็... แย่แน่...

    "......ความสำราญของพระผู้เป็นเจ้า!"

    ด้วยถ้อยคำเหล่านั้น พิธีการทางเวทมนตร์ที่ถูกบันทึกลงไปในสมองของโครโน่ก็กระตุ้นให้เวทมนตร์ของโครโน่ทำงาน

    ของเหลวสีดำเข้มปรากฏออกมาคลุมศีรษะครึ่งบนของโครโน่เอาไว้

    เวทมนตร์นั้นเป็นสิ่งเกิดมาพร้อมคู่กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และเมื่อผู้ใช้ให้กฏเกณฑ์และธาตุแก่พลังเวทย์

    มันก็จะกลายเป็นพลังที่ปรากฏขึ้นมาในรูปของสิ่งที่จับต้องได้

    ความจริงจะเรียนเวทมนตร์นั้นใช้ยากับพิธีกรรมฝังความสามารถลงไปในจิตไร้สำนึกก็เสร็จแล้ว

    แต่ยังไงการจะนำออกมาใช้จริงนั้นต้องใช้ความสามารถและการฝึกฝนอย่างมาก

    แล้วก็ความรุนแรงของพลังนั้นไม่สามารถบังคับเองได้ ทั้งจำนวนเวทย์ที่เรียนได้... ทั้งชนิดของเวทย์ที่เรียนได้... ทั้งจำนวนครั้งที่สามารถใช้ได้นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนล้วนๆ

    พอโครโน่ลดมือขวาลง ของเหลวสีดำก็เริ่มเคลื่อนที่ไปปกคลุมหัวของทหารเลวคนนั้นแล้ว

    "กำหนดเป้าหมาย! เคลื่อนย้าย!"

    แล้วของเหลวสีดำนั้นก็หายไปพร้อมกับหัวของนายทหารคนนั้นตามการบังคับของโครโน่

    เขาใช้เวทย์มนตร์เคลื่อนย้ายของเหลวสีดำไปพร้อมกับหัวของนายทหารไปอย่างไร้เสียง และไร้เสียง

    แต่หัวใจยังเต้นอยู่สินะ

    เลือดที่ไหลอยู่ในร่างกายนั้นพุ่งออกมาคอ สาดใส่หน้าโครโน่จนแดงฉาน

    พร้อมๆกับศพที่ล้มลงไป อีกฝั่งของป่าก็เกิดเสาไฟขนาดใหญ่ขึ้นมา

    "หือ!?"

    "......ความสำราญของพระผู้เป็นเจ้า!"

    โครโน่ใช้เวทมนตร์อีกครั้ง แล้วยิงของเหลวสีดำไปยังผู้บังคับบัญชาของฝ่ายศัตรูที่หยุดอยู่นิ่ง

    ของเหลวที่ว่านั้นพุ่งผ่านลูกน้องโครโน่ และทหารของฝ่ายศัตรู ไปคลุมแขนขวาของผู้บังคับบัญชาอีกฝ่ายไว้

    "กำหนดเป้าหมาย! เคลื่อนย้าย!"

    แล้วแขนขวาข้างนั้นก็หายไปเหมือนกับหัวของทหารนายนั้นเอง

    พร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากแขนขวา ผู้บังคับบัญชาของอีกฝั่งก็ร่วงลงจากม้า

    แต่ในสายตาคู่นั้นไม่ได้มองแขนขวาที่หายไป หากแต่กำลังจ้องเสาไฟที่ยังคงลุกไม้ต่อไป

    ....และหลังการลังแลเพียงนิดเดียว

    "เทพสีแดงชาดผู้อยู่เหนือการทำลายล้างทั้งหลายเอ๋ย!"

    ผู้บังคับบัญชาใช้ไฟของตนเองเผาปิดแผลที่แขนขวา

    "เปลี่ยนเส้นทาง! ปกป้องฝ่าบาทไว้ให้ได้!"

    ด้วยคำพูดนั้นเอง

    เหล่าทหารที่ได้รับเหตุผลในการหนีก็เริ่มหยุดสู้

    ไม่มีเหตุผลให้ทหารของราชอาณาจักรอัลโก้ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงแล้ว

    และด้วยเหตุนี้เอง กองทัพของราชอาณาจักรอัลโก้ก็เป็นฝ่ายราบคาบ


    *


    "ท่านแม่ทัพ เป็นอะไรไหม?" (มอ~)

    "นอกจากตาขวาที่ใช้ไม่ได้แล้วก็ไม่เป็นอะไรมาก"

    โครโน่ลดตัวลงนอนบนกล่องไม้ แล้วทึ้งผมตัวเอง

    ถึงจะใช้ยาช่วยทำให้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บก็เถอะ การเสียตาไปข้างนั้นหนึ่งใหญ่หลวงนัก

    "ตายไป... พอสมควรเลยนะ แถมคนบาดเจ็บก็เยอะด้วย"

    โครโน่กัดฟันสู้กับความอยากอาเจียนและความเจ็บปวดที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง

    ผู้ตายมีร้อยกว่าคน นอกจากนั้นก็บาดเจ็บกันเกือบทั้งหมด

    แน่นอนว่าไม่ได้ตั้งใจจะให้ไม่มีคนตายตั้งแต่แรกแล้ว แค่ความจริงกับการคาดการณ์มันผิดกัน

    กึ่งมนุษย์ร้อยกว่าตนนั้นตายไปภายใต้การนำของตัวเอง แล้วตัวเองก็ฆ่าคนไปด้วย

    แผนของโครโน่นั้นไม่มีอะไรหวือหวามาก

    เริ่มจากใช้คนเจ็ดร้อยหยุดศัตรูไว้ และอีกสามร้อย.... เอลฟ์ที่มีความสามารถทางด้านเวทย์มนตร์ก็ไปซุ่มโจมตีกองบัญชาการของศัตรู

    และโครโน่ก็ชนะการพนันครั้งนี้

    แต่...ถึงอย่างนั้น เขาก็หยุดคิดมันไม่ได้

    ถ้าเกิดจุดไฟให้ได้เร็วกว่านี้ล่ะก็ อาจจะไม่มีใครต้องมาตายก็ได้

    ถ้าพวกเอลฟ์ทำดีกว่านี้ล่ะก็ คงไม่ต้องมีใครตายแล้วแท้ๆ

    ใช่แล้ว เป็นเพราะพวกเอลฟ์ขยะนั่น!

    ผมไม่ผิด..

    ผมไม่ผิดอะไรทั้งนั้น!

    แล้วในขณะที่กำลังจะหลอกตัวเองสำเร็จนั่นเอง

    "ท่านแม่ทัพ พวกที่ไปโจมตีกลับมาแล้วนะ"

    ".....อึก!"

    พอโครโน่มองขึ้นตามเสียงของนายทหารผู้ช่วย เขาก็ลืมสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดให้ตัวเองฟังไปทันที

    เอลฟ์ที่เคยมีอยู่สามร้อยคนนั้นเหลือไม่ถึงห้าสิบคน

    แถมพวกที่เหลืออยู่ก็อยู่ในสภาพที่ทั่วตัวเต็มไปด้วยเลือด

    "ข...ขอประทานโทษค่ะ"

    ".....อ๊ะ..."

    เอลฟ์สาวคนหนึ่งคุกเข่าลงในสภาพจะล้มลงไปอยู่แล้วให้โครโน่

    อายุน่าจะประมาณยี่สิบล่ะมั้ง

    แววตาของเธอนั้นดุดัน และมีบอดี้ไลน์ที่ปราดเปรียวชวนให้นึกถึงสัตว์ตระกูลแมว

    ผมสั้นสีเงินของเธอนั้นยุ่งราวกับพึ่งผ่านการรบมา ผิวสีแทนนั้นก็เต็มไปด้วยโคลนและเลือด

    "ศัตรูป้องกันค่ายไว้หนามาก... ขออภัยด้วยค่ะ"

    "...อ่ะ...อา...."

    ใช่แล้ว

    ตั้งใจจะส่งไปเป็นหน่วยฆ่าตัวตายตั้งแต่แรกแล้ว

    ใครส่งน่ะหรือ?

    ผมเอง

    ผมวางแผนการนี้ แล้วส่งพวกเธอไปตายเอง

    โครโน่เดินไปข้างหน้าเอลฟ์สาวด้วยท่าทางเหมือนคนละเมอ แล้วก็คุกเข่าลงไป

    ผมเองนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    แต่ถึงอย่างนั้น.... ผมคิด.... อะไรที่น่าละอายเช่นนั้นลงไปได้ยังไง....

    "..ขอโทษ"

    "เอ๋?"

    โครโน่จับมือของเธอขึ้นมาแล้ว กระซิบด้วยเสียงสั่นๆ

    ขอโทษ.... โครโน่พูดซ้ำอีกครั้ง แล้วเริ่มร้องไห่


    *


    กว่าที่ทีเรียจะนำกำลังเสริมมาได้นั้นก็เป็นช่วงเย็นของวันถัดไปแล้ว

    ภาพเธอที่นำทัพมาด้วยชุดเกราะสีเงินนั้นเรียกได้ว่าราวกับนางฟ้าจริงๆ

    พอเธอลงจากม้า เธอก็สั่งให้พาทหารที่บาดเจ็บไปรักษา และตั้งเต็นท์พยาบาลทันที

    เมื่อเห็นทหารฝ่ายตนเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบ โครโน่ก็เริ่มเบาใจลงบ้าง

    ผู้ที่เข้าร่วมรบเมื่อวาน รวมโครโน่ด้วยนั้น ต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยหนัก

    ถึงขนาดถ้าโดนกองโจรเข้ามาปล้น ดีไม่ดีจะแพ้เอาด้วยซ้ำ

    ".....ก็ประมาณนี้แหละ"

    "งั้นหรือ"

    พอฟังคำรายงานของโครโน่เสร็จ ทีเรียก็นั่งเท้าคางอย่างหมดกำลังใจ

    ตอนนี้ในเต๊นท์นี้มีเพียงทีเรียกับโครโน่เท่านั้น

    จะว่าไม่เหมาะสมก็ว่าได้ หรือจะว่าทีเรียเชื่อใจโครโน่ขนาดนั้นก็ว่าได้

    "เลวร้าย... น่าดูเลยสินะ"

    ทีเรียค่อยๆพูดราวกับเลือกคำพูดไม่ถูก

    โครโน่ก็ปิดตาลง แล้วนึกถึงลูกน้องที่ตายไป

    ในใจเขาตอนนี้นั้นมีทั้งความเศร้าเสียใจแก่ลูกน้องที่ตายไป ความโกรธแค้นต่อมาร์ควิสเอรากิสที่หนีไปก่อน แล้วก็ความเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ

    "....นั่นสินะ"

    โครโน่เก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจลึกๆแล้วตอบสั้นๆ

    "คราวนี้.. คิดว่ายังไงบ้าง?"

    "สงครามชิงบัลลังค์ในราชอาณาจักรอัลโก้รึเปล่านะ"

    โครโน่หายใจลึกๆแล้วตอบ

    "ฝ่าบาท".... ตอนนั้นผู้บังคับบัญชาทัพของอีกฝั่งพูดแบบนั้น

    กษัตริย์ของราชอาณาจักรอัลโก้นั้นอายุมากแล้ว ผู้สืบทอดก็กำหนดไว้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าราชวงศ์ทุกคนจะยอมรับ น่าจะมีคนไม่พอใจอยู่ไม่มากก็น้อยแน่ๆ

    เพราะงั้นนี่อาจจะเป็นการสร้างผลงานเพื่อปิดปากพวกไม่พอใจองค์ชายอันดับหนึ่งก็ได้

    ซึ่งจริงๆแล้วการชนะสงครามก็เป็นผลงานที่เข้าใจได้ง่ายมาก.. แน่นอน... ว่าถ้าชนะน่ะนะ

    "อัลโก้คงไม่มาโจมตีในอีกซักพักล่ะมั้ง ความนิยมขององค์ชายที่อุตส่าห์เอาทหารแพ้ตั้งหมื่นคนน่าจะตกลงแน่ ถ้าสมดุลในประเทศจะเปลี่ยนก็ตอนนี้แหละ"

    ".... โฮ่..."

    ทีเรียพ่นลมหายใจด้วยสีหน้าประทับใจ

    "แต่ยังไงก็ต้องเตรียมการไว้ก่อนนะ"

    "นั่นมันก็ถูก"

    ทีเรียหยิบปากกามาเซ็นลงบนกระดาษหนังวัว

    "แค่นี้โอเคไหม?"

    "อืม.. ขอบคุณนะ"

    โครโน่รับกระดาษหนังวัวมา แล้วยิ้มเล็กน้อย

    "ไม่ต้องเตรียมของแบบนี้ไว้ให้ก็ได้นะ"

    "ไอ้พวกนี้มันสำคัญนา"

    โครโน่ยักไหล่ให้ทีเรียที่พูดด้วยสีหน้าหมดกำลังใจ

    กระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้ว่า "จงรักษาแผลให้กับนายทหารที่บาดเจ็บ โดยไม่แบ่งว่าเป็นกึ่งมนุษย์หรืกึ่งมนุษย์"

    แน่นอนว่าลงชื่อทีเรีย

    มันอาจจะเหมือนกับการใช้อำนาจในทางที่ผิดไปหน่อย แต่ถ้าไม่ได้อย่างนี้แล้วมันวางใจไม่ค่อยได้

    "งั้นก็... ไปล่ะนะ"

    โครโน่เดินออกนอกเต็นท์ไปแล้วเงยหน้ามองฟ้า

    ".......ผ่านมาสามปีแล้วรึนี่"

    โครโน่.... คุโรโนะ ฮารุมิทสึ ถอนหายใจเฮือกใหญ่

    สามปีที่แล้ว จู่ๆเขาก็รู้สึกแปลกๆ แล้วรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่โลกนี้... ตกลงมากลางทุ่งนาซะแล้ว

    แล้วจู่ๆ ก็ได้รับความช่วยเหลือจากบารอนโครฟอร์ด และกลายเป็นลูกบุญธรรมของขุนนางเฒ่า

    "....อะไรพิเศษก็ไม่มี ที่มีก็แค่ตำแหน่งลูกชายของผู้ครองที่ดิน กับความรู้ที่ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์รึเปล่าแค่นั้น"

    ตำแหน่งขุนนางนี่เรียกได้ว่าพิเศษรึเปล่าหว่า... โครโน่ยิ้มให้กับโชคของตัวเอง

    ถ้าไม่เจอบารอนเฒ่าในตอนนั้นล่ะก็ อาจจะโดนขายเป็นทาส หรืออาจจะโดนโจรภูเขาฆ่าตายก็ได้

    การได้เป็นลูกบุญธรรม และได้เรียนภาษานี่อาจจะเป็นโชคสูงสุดแล้วก็ได้

    "ถึงอย่างนั้น.... จะมีอะไรที่เราทำได้บ้างไหมนะ"

    โครโน่มองฟ้าแล้วกระซิบออกมาเบาๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×