ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [แปล] บันทึกการสงครามของคุโระ

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 9.75 เฟย์ มิวริเฟน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.84K
      14
      23 เม.ย. 57



    บทแรก จุดเริ่ม

    ตอนที่ 9.75 เฟย์ มิวริเฟน

    เมืองหลวง อัลฟิลค์นั้นถูกแบ่งออกเป็นสี่เขตในส่วนของเมืองเก่า และแปดเขตในส่วนของเมืองใหม่ รวมเป็นสิบสองเขตในเมืองๆเดียว

    ถ้าเกิดว่าผู้ที่มีความรู้สักหน่อยมองอัลฟิลค์จากฉันงบนฟ้าแล้วล่ะก็ ควรจะสามารถเห็นเมืองเก่าที่เป็นวงกลมสมบูรณ์ และเมืองใหม่เป็นวงกลมที่ครอบเมืองเก่าไว้อีกทีหนึ่ง

    โดยวงกลมทั้งสองมีจุดศูนย์กลางเดียวกัน คือปราสาทอัลฟิลค์ ที่ประทับของจักรพรรดิ

    อัลฟิลค์ที่เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวรรดิเคเฟอุสนั้น เป็นสถานที่รวบรวมตัวของบุคคลอย่างเชื่อพระวงศ์ ขุนนางประจำท้องพระโรง นางสนองพระโอษฐ์ อัศวินรักษาพระองค์(*) และคนจำพวกอื่นอีกมากมาย

    และอัศวินฝึกหัดประจำกองทหารรักษาพระองค์ เฟย์ มิวริเฟนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น หน้าที่ของเธอก็มีแค่การดูแลม้าเพียงอย่างเดียว

    ตอนมาประจำใหม่แรกๆ เธอมักจะโดนพวกรุ่นพี่หาเรื่องเพราะทำผลงานได้ไม่ดี

    แต่พอเวลาผ่านมาสี่ปี...

    เหตุผลในการหาเรื่องเธอนั้นลดลงเหลือเพียงแค่ ตกม้าในระหว่างฝึกบ้าง แมลงเยอะบ้าง หรือไม่ชอบใจสายตาบ้าง เพียงแค่นั้น

    "...เธอนี่... ยังอุตส่าห์ตั้งใจทำงานได้อีกนะ"

    "ยังไงนี่ก็เป็นงานของชั้นเจ้าค่ะ"

    คนแคระที่มีหน้าที่เป็นช่างทำเกือกม้ามองเฟย์ที่กำลังรวบรวมมูลม้าแล้วพูดขึ้น

    คนแคระ.... ซิลบาล์นั้นเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอมาตั้งแต่สมัยมาประจำการใหม่ๆเมื่อสี่ปีก่อน

    "ขนาดรุ่นน้องเธอยังไม่ทำความสะอาจขี้ม้าตัวเองตอนฝึกเลย รู้สึกแย่บ้างไหมเนี่ย?"

    "คุณชิลบาร์เองก็ทำงานเดิมๆอยู่เหมือนกันนี่เจ้าคะ"

    ชิลบาร์วางกล่องใส่เกือกม้าลงบนพื้น แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ

    "ก็ฉันเป็นคนแคระนี่นะ เลือกงานไม่ได้หรอก แต่เธอ... เป็นมนุษย์ แถมยังมียศถาบรรดาศักดิ์อีกไม่ใช่เรอะ?"

    "ตำแหน่งขุนนางประจำท้องพระโรงมันไม่มีค่าหรอกเจ้าค่ะ"

    ตระกูลมิวริเฟนของเธอนั้นเป็นขุนนางท้องพระโรงที่ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง และทำหน้าที่เป็นอัศวินรักษาพระองค์สืบต่อกันมาหลายรุ่น

    แต่เมื่อสิบปีก่อน พ่อของเธอได้ล้มป่วยลง ทำให้บ้านของเธอขาดรายรับ และอยู่ในสภาพตกอับ

    "แถมหน้าตาก็ดีด้วย แทนที่จะมาทำความสะอาจขี้ม้าอยู่ตรงนี้ ไปหาชีวิตที่มีความสุขดีกว่ามั้ง"

    "งั้นหรือเจ้าะคะ?"

    เธอฟังไป ก็มองถังน้ำไปด้วย

    ด้วยเส้นผมสีน้ำตาลดำที่ถูกตัดจนสั้นเหมือนเด็กผู้ชาย คิ้วหนาๆ แล้วก็ใบหน้าที่ไม่ทุเรศจนเกินไป หรือไม่สวนงามจนเกินไปแล้ว เธอไม่คิดว่าตนเองเหมาะกับคำชมนั้นเท่าใดนัก

    "ฉันเองก็.. ไม่ได้อยากมาหยุดอยู่ตรงนี้หรอกนะ... ทุกวันๆต้องมานั่งทำเกือกม้าให้ไอ้พวกขุนนางที่ชอบไม่ลงเนี่ย... ฉันเองก็มีความฝันอยู่.... ฉันอยากจะสร้างตึก! อยากจะสร้างสิ่งปลูกสร้างอะไรที่มันจะหลงเหลือไว้ในประวัติศาสตร์!"

    "ก็คือคุณชิลบาร์อยากเป็นช่างก่ออิฐหรือคะ?"

    "เปล่า! สถาปนิก!"

    เขาตระคอกกลับ

    "แต่จากช่างทำเกือกม้าไปเป็นช่างก่อสร้างนี่มันออกจะยากอยู่นะเจ้าคะ....."

    "ก็ใช่น่ะสิ. เฮ่อ... พวกจักรวรรดิมันก็คิดแต่ว่าคนแคระทำได้แต่เรื่องตีเหล็กเท่านั้นแหละ"

    ชิลบาร์บ่นกับตนเองเบาๆ

    แต่มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่ใครจะไม่ได้งานที่ตนเองอยากทำ

    "ฉันได้สำมะโนครัวมาแล้วล่ะจริงๆ แต่ไม่มีสถาปนิกอยากจะจ้างเลย..."

    "ไปทำงานที่เก่าไม่ได้หรือเจ้าคะ?"

    "ถึงจะกลับไปเป็นช่างก่ออิฐมันก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก..."

    งั้นหรือเจ้าคะ เฟย์พยักหน้ารับ

    ดูเหมือนว่าชิลบาร์จะเคยเป็นช่างก่ออิฐมาก่อน

    "แต่เอาเถอะ แค่นี้ก็ดีกว่าพี่ชายแล้วที่ไม่มีอันตราย"

    "คุณซิลบาร์มีพี่ด้วยหรือเจ้าคะ?"

    "ชื่อโกลดี้น่ะ ตอนนี้น่าจะเป็นทหารอยู่เขตเอรากิส... ถ้ายังไม่ตายก็คงจะดีหรอก"

    ชิลบาร์ไหล่ตก แล้วถอนหายใจออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง

    ข่าวที่ว่าเมื่อสี่เดือนก่อน กึ่งมนุษย์จำนวนสามร้อยห้าสิบกว่าคนเสียชีวิตลงในการต่อสู้ในเขตเอรากิสนั้นเป็นที่เลื่องลือกันมาก

    จริงๆถ้ามันเป็นการต่อสู้ที่จำนวนทหารเท่ากันสองฝั่งก็คงไม่เป็นที่แปลกใจอะไรมากนัก

    แต่ในการต่อสู้ครั้งนั้น เขตเอรากิสใช้ทหารเพียงแค่พันคนรับการโจมตีจากศัตรูจำนวนหนึ่งหมื่นคน นับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่

    และเด็กหนุ่มที่เป็นแม่ทัพในการรบครั้งนั้นก็ได้แต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองของเขตเอรากิสคนต่อไป

    ยิ่งกว่านั้น เด็กหนุ่มที่ว่านั้นมีข่าวลือแย่ๆล้อมรอบอยู่เต็มไปหมด การที่ชิลบาร์จะไม่สบายใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

    ว่ากันว่า เขาแยกตัวไปปฏิบัติการคนเดียว เพื่อฮุบหน้าตาและชื่อเสียงเอาไว้

    ว่ากันว่า เขาใช้กองทัพเอล์ฟสามร้อยคนเหมือนตัวหมากที่ใช้แล้วทิ้ง

    ว่ากันว่า เขาโยนความผิดโกงเงินหลวงให้เจ้าเมืองคนเก่าแล้ววางยาฆ่าทิ้ง

    ว่ากันว่า เขาพากึ่งมนุษย์ขึ้นเตียงได้ทุกคืน

    ว่ากันว่า เขาล่อลวงเจ้าหญิงอันดับหนึ่งจนเธอหลงโงหัวไม่ขึ้น

    ด้วยข่าวลือเหล่านี้เองที่ทำให้เด็กหนุ่มขึ้นชื่อว่าร้ายกาจแม้เทียบกับขุนนางรายอื่น

    "แล้ว... ความฝันเธอคือ?"

    "ทำความดีความชอบในสนามรบ ฟื้นฟูบ้านมิวริเฟนขึ้นมาอีกครั้งน่ะเจ้าค่ะ... แล้วถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะยื่นเทียบเคียงกับท่านเลออนฮัลท์...หัวหน้าหน่วย อัศวินด้วยเจ้าค่ะ"

    หัวหน้าหน่วยอัศวินรักษาพระองค์ เลออนฮัลท์นั้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลดยุคพาราทิอุม ตระกูลที่มีอาณาเขตปกครองจำนวนมาก

    นอกจากนั้นตัวเลออนฮัลท์เองก็มีความสามารถด้านการรบสูงส่ง ได้รับความไว้วางใจจากองค์จักรพรรดิเป็นอันมาก แถมยังใช้อำนาจเทพได้อย่างคล่องแคล่ว

    จะว่าเป็นต้นแบบของอัศวินทุกคนเลยก็ว่าได้

    "เฮ่อ.... เป็นฝันที่ดูไม่น่าเป็นจริงเลยนา"

    "ไม่ใช่นะเจ้าคะ! ถ้าพยายาม..ถ้าพยายามล่ะก็.... ต้องเป็นไปได้แน่นอนเจ้าค่ะ!"

    "ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ.. เธอก็ยังดูแลม้าอยู่นี่ ขนาดเกราะอัศวินเองยังไม่ได้รับจ่ายเป็นของตัวเองเลยนี่"

    ชิลบาร์ตอบเฟย์ที่พยายามแย้งอย่างเหนื่อยใจ

    "ฉันเองก็ใช้อำนาจเทพเหมือนท่านเลออนฮัลท์ได้นะเจ้าคะ!"

    "ว่าอะไรนะ!?"

    "ท่านเทพ ของท่านจงพระทานพรแก่ดาบของฉันด้วยเจ้าค่ะ!"

    เฟย์ชูดาบขึ้นแล้วตระโกนออกมา แล้ว"ความมืด"หนืดๆราวกับลาวาก็ปรากฏขึ้นมาปกคลุมใบดาบ

    "นี่คืออำนาจเทพ "พรแห่งดาบ" เจ้า...."

    "หยุดเลยนะ!"

    ชิลบาร์ทำหน้าตกใจตะคอกใส่เฟย์ก่อนเธอจะพูดจบ

    "พรอะไรกัน ดูยังไงมันก็คำสาบชัดๆ!"

    "มันเป็นของที่ได้จากท่านเทพ เพราะงั้นก็ต้องเป็นพรสิเจ้าคะ! วันหนึ่งฉันจะต้องเป็นอัศวินศักสิทธิ์..."

    "เหวออออออ!"

    ชิลบาร์หยุดเธออีกครั้ง

    "มีอะไรหรือเจ้าคะ?"

    "สี..สี...สี! ดำปี๋เลยไม่ใช่เรอะ! ดูยังไงมันก็เหมือนมนตร์ดำชัดๆ... เป็นได้อย่างมากก็อัศวินดำมืดแหละเธอน่ะ! อัศวินที่ไหนเขาเชื่อถือใน"เทพธิดาผู้นำมาซึ่งความวุ่นวาย" กันหา!"

    เมื่อได้ยินดังนั้น เธอก็เก็บดาบลงฝักเช่นดำ

    "ก็พอสวดภาวนา ท่าน "เทพธิดาผู้นำมาซึ่งความวุ่นวาย" อุตส่าห์ตอบรับกลับมานี่เจ้าคะ... ก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนเทพที่เคารพเลยเจ้าคะ"

    "...ก็....ก็จริงอยู่ที่ไม่ใช่เทพนอกรีตอ่ะนะ.. แต่ยังไงก็ไม่เหมือนอัศวินศักดิ์สิทธิ์จริงๆนา..."

    "เทพธิดาผู้นำมาซึ่งความวุ่นวาย" นั้นเป็นเทพผู้ปกป้องของกึ่งมนุษย์และโสเภณี นับว่าไม่ใช่เทพที่เป็นที่นิยมนัก

    "มาแสดงปาหี่อะไรกันตรงนี้อีกแล้วคะเนี่ย...?"

    เมื่อได้รับแรงกระแทกที่หัว เฟย์เกือบจะหมดสติไปในทันที

    แต่เธอก็กัดฟันคุมสติไว้ และหันไปมองตัวต้นเหตุในสภาพเลือดนองหน้า พบกับอัศวินสาวผู้ทำร้ายเธออยู่บนม้ามองดูเธอกับชิลบาร์อย่างดูถูก

    ชื่อของอัศวินสาวคือ เซซิลี ฮามัล... คุณหนูจากตระกูลวิสเคานต์ฮามัลที่ปกครองอยู่ในแถบทางตะวันออกจากเขตเอรากิส

    ผมสีทองของเธอนั้นถูกตัดจนสั้นเป็นทรงเดียวกับเฟย์

    เธอมีสายตาเฉียบคม... ไม่สิ เรียกว่าหาเรื่องไปทุกอย่างเสียดีกว่า และเจ้าตัวก็ไม่คิดจะปกปิดการดูถูกขุนนางชั้นล่างอย่างเฟย์หรือกึ่งมนุษย์ อย่างชิลบาร์ด้วย

    และถึงตอนนี้จะใส่เกราะอยู่ เลยมองเห็นได้ไม่ชัด แต่ร่างกาบของเธอก็ยังมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ไม่หายไปจากการออกกำลังกาย

    ไม่สิ.. เฟย์คิดว่าร่างกายของเซชิลีนั้นมีเสน่ห์จากการออกกำลังมากกว่า

    "อยู่ๆมาเตะกันนี่คิดอะไรอยู่หา!"

    "..ดิชั้นไม่ได้ยินเสียงของอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์หรอกค่ะ"

    หญิงสาวพูดแล้วชักดาบออกมา ชี้ออกมาให้ปลายดาบอยู่ในระดับสายตาของชิลบาร์พอดี

    "จะ...จะฆ่ากันรึ..."

    "แค่จะไล่แมลงน่ารำคาญเองค่ะ นี่ดิชั้นพูดคนเดียวนะคะ... แต่ความจริงแมลงก็มีค่าของแมลงอยู่นะคะ"

    "หยุดเถอะเจ้าค่ะ"

    เมื่อได้ยินดังนั้นเซชิลีก็หันปลายดาบมาทางเฟย์แทน

    "....ต่อจากแมลงก็สาวขี้ม้าหรือคะ?"

    "ฉันไม่ใช่สาวขี้ม้านะเจ้าคะ"

    "เอ๋... เผอิญได้ยินคนเขาเรียกกันแบบนั้นนี่คะ?"

    เซชิลีเก็บดาบด้วยท่าทีหมดความสนใจ

    "จะว่าไปแล้ว.. ได้ยินหัวหน้ากองเรียกผู้หญิงขี้ม้าไปห้องนะคะ รีบไปเถอะค่ะ"

    "เจ้าค่ะ..."

    บางทีอาจจะได้รับจ่ายม้ากับชุดเกราะส่วนตัวเป็นของตัวเองแล้วก็ได้เจ้าค่ะ... เธอใจเต้นแรงคิดขึ้นกับตัวเอง


    *


    ตามธรรมเนียมที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคก่อตั้งจักรวรรดิ กองอัศวินรักษาพระองค์นั้นถูกแบ่งออกเป็นสิบสองหน่วย

    และตอนนี้เฟย์ก็มาอยู่ในห้องทำงานของหัวหน้าหน่วยที่สิบสองแห่งกองอัศวินรักษาพระองค์ เคานต์พิสเคย์ แล้ว

    "ไม่มีกลิ่นขี้ม้านะ..?"

    "..."

    ท่านเคานต์ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นอย่างไม่ชอบใจนัก

    "เอาเถอะ จะมีกลิ่นยังไงก็ช่างมันก่อน เอ่อ.... เฟย์คุง.. เฟย์ มิวริเฟนคุง.... ตั้งแต่เธอมาประจำที่หน่วยสิบสองแห่งกองอัศวินรักษาพระองค์นี่ผ่านมากี่ปี แล้วนะ?"

    "สะ...สี่ปีเจ้าค่ะ"

    "ก็สมกับกลิ่นล่ะนะ"

    พูดไปเคานต์พิสเคย์ก็บีบจมูกตนเองไป

    "...มีเรื่องพูดยากนิดหน่อยน่ะ"

    เขายืนขึ้น แล้วเดินไปรอบๆห้องเพื่อให้เฟย์เกิดความไม่สบายใจ

    "คือมีคำสั่งด่วนให้ย้ายประจำการมาน่ะ.... เธอเองก็รู้เรื่องสงครามกับคดีโกงเงินหลวงที่เขตเอรากิสใช่ไหม?"

    "รู้อยู่เจ้าค่ะ"

    "อา..... ก็ดี จะได้คุยง่ายหน่อย"

    ท่านเคานต์พยักหน้ากับตนเองหลายต่อหลายครั้ง

    "พอมีคนตายขึ้นมาเยอะขนาดนั้น ก็เลยต้องส่งคนไปประจำการแทนน่ะ ถึงจะไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของกองกำลังรักษาพระองค์อย่างเราก็เถอะ..... แต่ยังไงหน่วยสิบสองของเขาก็ต้องส่งคนไปบ้างอยู่ดี.... ก็คือเธอนั่นแหละ"

    ท่านเคานต์เดินเข้ามาตบไหล่เฟย์

    "ถึงจะไม่ได้อยากให้เข้าใจผิด แต่คำสั่งไม่ได้ระบุให้ส่งอัศวินไปเท่านั้น เพราะงั้นถ้าเธอแสดงความจริงใจให้เห็นล่ะก็ ทางเราก็พอจะช่วยได้บ้างนะ..."

    "....."

    เฟย์เข้าใจคำพูดของเขาดี

    มันแปลได้ง่ายๆว่า "ถ้าอยากอยู่ในกองอัศวินต่อก็ใช้ร่างกายเข้าแลกซะดีๆ"

    เพื่อพ่อที่เสียไปเมื่อสิบปีก่อน และเพื่อแม่ที่เสียไปพร้อมกับที่เฟย์จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร

    เธอจึงต้องฟื้นฟูตระกูลมิวริเฟนกลับขึ้นมาใหม่ให้ได้

    ถึงจะยอมมีอะไรกับเคานต์พิสเคย์ อย่างมากก็คงได้แค่รักษาตำแหน่งตอนนี้เอาไว้เท่านั้นเอง

    แล้วถึงมาร์ควิสเอรากิสตอนนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นตัวร้ายก็ตาม เขาก็น่าจะต้อนรับเธอในช่วงขาดคนแบบนี้เป็นอย่างดี

    แถมถ้าเขาจะคิดเอาเธอขึ้นเตียงขึ้นมาก็อาจจะได้เจรจาต่อรองได้อีกด้วย

    ถ้าไปได้สวยล่ะก็ อาจจะฟื้นฟูตระกูลขึ้นมาในทันทีเลยก็เป็นได้เจ้าค่ะ! เธอกำหมัดแน่น

    "ขอรับคำสั่งย้ายเจ้าค่ะ!"

    "......เป็นแค่สาวขี้ม้าแท้ๆ"

    เคานต์พิสเคย์ทำหน้าไม่พอใจ แล้วเดินออกไปอย่างหมดความสนใจ

    "ต้องทำอย่างไรบ้างเจ้าคะ?"

    "รถม้าไปเอรากิสจะออกไปปราสาทในวันพรุ่งนี้ เก็บข้างของให้หมดในวันนี้ซะ! ยัยขี้ม้าเอ้ย...."

    หลังโดนตวาดใส่เป็นครั้งสุดท้าย เธอก็เดินออกจากห้องทำงานของท่านเคานต์พิสเคย์ไป


    *


    วันต่อมา กึ่งมนุษย์กว่าสี่ร้อยคนก็มารวมตัวกันที่สวนของปราสาทอัลฟิลค์

    ถ้าจะเรียงลำดับจำนวนจากมากไปน้อยแล้วก็จะเรียงได้ว่า เอล์ฟ ลิซาร์ดแมนกับมิโนเทารุส เผ่าสัตว์ คนแคระ ส่วนมนุษย์เท่าที่เห็นมีเฟย์เพียงแค่คนเดียว

    "เธอก็จะไปเขตเอรากิสเหรอ?"

    "ใช่แล้วเจ้าค่ะ"

    ชิลบาร์ที่หอบสัมภาระขนาดใหญ่ไว้ที่หลังถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

    "สัมภาระนั่นคืออะไรหรือเจ้าคะ?"

    "พิมพ์เขียวที่วาดไว้ตั้งแต่สมัยเป็นช่างก่ออิฐน่ะ วาดขึ้นมาจากการไปแอบดูพิมพ์เขียวของคนอื่น แล้วก็ผสมกับประสบการณ์การก่อสร้าง.... เป็นสมบัติของฉันเลยนะ เรียกว่าเงินเดือนทั้งหมดแทบจะกลายเป็นค่ากระดาษเลยล่ะ... ว่าแต่เธอกระเป๋าใบนั้นใบเดียวเหรอ?"

    "ใช่แล้วเจ้าค่ะ"

    เฟย์ตอบชิลบาร์อย่างไม่คิดอะไรมาก

    ของที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติของเธอก็มีแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด ชุดชั้นใน แล้วก็ดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวเท่านั้นเอง

    "ยังอุตส่าห์ตัดสินใจได้นะ ขนาดมาร์ควิสเอรากิสรุ่นนี้มีแต่ข่าวลือแย่ๆทั้งนั้น"

    "ไม่หรอกเจ้าค่ะ มันน่าจะเหมาะในการฟื้นฟูตระกูลมิวริเฟนมากกว่า ยังไงถ้าโชคดีอาจจะสำเร็จในอึดใจเดียวก็เป็นได้เจ้าค่ะ"

    "ผู้หญิงนี่... สุดยอดจริงๆแฮะ"

    ชิลบาร์ตอบด้วยความทึ่งในคำพูดของหญิงสาว

    "แต่ยังไงก็มีเรื่องที่เป็นห่วงอยู่เจ้าค่ะ..."

    พูดจบเธอก็ดมกลิ่นกายตนเอง

    "....กังวลว่าจะมีกลิ่นมูลม้าติดไปน่ะเจ้าค่ะ"

    "เธอเองก็เป็นผู้หญิงนี่น้า..... อ๊ะ.. เริ่มขึ้นรถม้ากันแล้ว เธออยู่รถม้าเดียวกับพวกเอล์ฟสินะ ไว้เจอกันที่เอรากิสแล้วกัน"

    ชิลบาร์ตีต้นแขนเฟย์ให้เธอรู้สึกทีขึ้น แล้วจึงไปเข้าแถวตามคนแคระคนอื่นๆ

    เฟย์เห็นดังนั้นก็เริ่มไปเข้าแถวของเหล่าเอล์ฟ

    และหลังจากสองชั่วโมงของการเข้าแถว ก็ถึงคิวของเธอจนได้

    แต่พอจะขึ้นรถม้า ทหารที่ดูแลก็หันมาถามด้วยท่าทีสงสัย

    "ทำไมถึงมีมนุษย์อยู่ที่นี่ล่ะ?"

    "เฟย์ มิวริเฟน ประจำกองอัศวินที่สิบสองเจ้าค่ะ เมื่อวานได้รับคำสั่งย้ายที่ประจำการจากหัวหน้าหน่วยพิสเคย์ให้ไปยังเขตเอรา กิสเจ้าค่ะ"

    เอาเถอะ ทหารที่คุมตอบอย่างไม่สนใจอะไรมาก

    ในรถม้าโทรมๆนั้นมีที่นั่งที่ทำจากไม้กระดานวางเรียงอยู่สองฝั่ง

    "ตรงนี้มีคนนั่งแล้ว"

    "ตรงนี้ด้วย"

    "ตรงนี้ก็เหมือนกัน"

    แต่พอเธอทำท่าจะนั่งลงตรงใจ เอล์ฟและฮาล์ฟเอล์ฟก็ยิ้มอย่างน่ารังเกียจแล้วบอกเธอไม่ให้นั่งลง

    "ข้างๆผมว่างนะ?"

    ในที่สุดก็มีฮาล์ฟเอล์ฟคนหนึ่งบอกเธอ

    พอมองไปก็พบกับดวงตาสีน้ำเงินเหมือนท้องฟ้า และผมสั้น ผิวขาวซีด

    อายุอย่างมากก็ซักสิบห้าปี

    และด้วยชุดโทรมๆและร่างกายที่ผอมจดน่าตกใจนั้นทำให้เธอแยกเพศของผู้ที่เรียก ไม่ออก แต่พอมองดีๆก็เห็นว่าส่วนหน้าอกนั้นนูนขึ้นมาเล็กน้อย

    "ขอบคุณนะเจ้าคะ ฉันเฟย์ มิวริเฟนเจ้าค่ะ"

    "ผมชื่อสโนว์นะ"

    เฟย์นั่งลงบนแผ่นไม้กระดาน แล้วจับมือกับสโนว์

    "แล้วก็ถ้ามองไม่ออก ผมเป็นผู้หญิงนา"

    "แล้วทำไมถึงใช้คำแทนตัวว่า "ผม"....?"

    อืม..... สโนว์อยู่คิดไปเล็กน้อย

    "ผมเคยอาศัยอยู่แถวสลัมน่ะ แล้วความปลอดภัยมันต่ำมากกกกก..เลยล่ะ"

    สลัมนั้นเป็นเมืองที่แตกต่างจากทั้งสิบสองเขตในมืองหลวง

    ถึงสโนว์จะใช้คำว่า "ความปลอดภัยมันต่ำมากกกกก" ให้มันดูน่ารักก็เถอะ แต่ที่นั่นคือนรกที่คดีฆาตกรรมหรือข่มขืนเกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน

    แน่นอนว่าพวกทหารรักษาการณ์จะมาเดินตรวจตราอยู่เป็นประจำ แต่ทหารส่วนใหญ่นั้นจะไม่เข้าไปลึกมาก

    ส่วนที่เข้าไปลึก ถ้าเห็นอะไรก็จะขอเงินเป็นค่าเปิดปาก เรื่องก็จะจบลงตรงนั้น

    "เพราะงั้นผมทำตัวให้เหมือนผู้ชายตั้งแต่เด็กๆน่ะ... แต่ก็มีพวกโรคจิตที่ไม่สนว่าเป็นผู้ชายอยู่นะ ไม่ได้ปลอดภัย 100% หรอก"

    "....ลำบากแย่เลยนะเจ้าคะ"

    "ลำบากสิ.... โดนซ้อมก็เคยมีนะ แต่มีคนมาปกป้องไว้"

    เฟย์ไม่ได้ถาม

    เธอไม่ได้ถามว่า "ปกป้อง" นั้นมีความหมายว่า "ปกป้องไม่ให้ตาย" หรือ "ปกป้องความบริสุทธิ์" เอาไว้

    "เอาล่ะ ออกเดินทาง!"

    หลังทหารนับจำนวนคนเดินทางเสร็จ รถม้าก็เริ่มขยับ

    "จะใช้เวลาเท่าไหร่กันน้า...?"

    "น่าจะประมาณสองสัปดาห์น่ะเจ้าค่ะ"

    "งั้นก็คงได้คุยกันอีกนานเลยล่ะ"


    *


    ในเวลาสองสัปดาห์หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็คุยกันถึงเรื่องต่างๆมากมาย

    ถึงมันจะเป็นการเดินทางที่ไม่สะดวกสบายนัก ไม่มีทั้งน้ำล้างตัว อาหารก็มีแค่วันละมื้อ ตอนนอนก็มีแค่ผ้าห่มสกปรกๆคลุมนอนเท่านั้นเอง

    แต่เธอก็สนุกกับมันอย่างน่าประหลาด

    "บางทีคุณสโนว์ดูอารมณ์ดีนะเจ้าคะ"

    "คือคุณแม่ของผมอยู่ที่เขตเอรากิสน่ะ แต่ไม่ใช่แม่แท้ๆหรอกนะ ตอนอยู่ที่สลัม... พวกเราฮาล์ฟเอล์ฟรวมตัวกันสร้างทีมปกป้องตัวเองขึ้นมา... แล้วเธอก็อ่อนโยนกับผมเหมือนกับแม่จริงๆเลย... คุณแม่น่ะ ชื่อเรย์ร่า มีตาสีทอง... ถึงตอนอยู่สลัมคุณแม่จะเจออะไรแย่ๆมาเยอะก็เถอะ แต่ตอนนี้คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง? ได้ข่าวว่าเจ้าเมืองเอรากิสที่จะมาเป็นหัวหน้าพวกผมนี่พากึ่งมนุษย์ขึ้น เตียงทุกคืนเลยนี่นะ คุณแม่เองก็สวยด้วย ต้องโดนเรียกแน่.... ผะ...ผมจะโดนไหมนะ..?"

    พอคุยกันทีไร สโนว์มักจะตอบกลับคำพูดของเฟย์ยาวขึ้นเป็นสิบเท่าทุกที

    "ถ้าคุณสโนว์โดนเรียกเดี๋ยวฉันไปแทนเองเจ้าค่ะ"

    "จะ....จริงอ่ะ? ตะ......แต่ ไม่ได้หรอก เฟย์ยังไม่เคยทำใช่ไหม? ผมว่าครั้งแรกน่ะน่าจะทำกับคนที่ชอบจริงๆนะ ผมเอง..... เห็นแบบนี้..... คงไม่โดนเรียกหรอกน่า.."

    ด้วยความที่ไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเวลาสองสัปดาห์ ผมของสโนว์นั้นเต็มไปด้วยฝุ่น กลิ่นตัวเองก็แรง

    ไม่ใช่แค่สโนว์เท่านั้น เฟย์ แล้วก็เอล์ฟและฮาล์ฟเอล์ฟที่อยู่บนรถม้าแห่งนี้ก็อยู่ในสภาพเดียวกันทุกคน

    "มีใครไม่รู้มา!"

    ทหารที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำทางตระโกนขึ้น ทำให้เฟย์รีบจับดาบของตนเองไว้ให้มั่น

    "เอ่อ.... ทหารใส่ชุดเกราะสีดำ....ห้าคนล่ะมั้งนะ?"

    สโนว์จ้องมองไปทางอีกฝั่งของถนนแล้วพูดขึ้น

    "มีความเป็นไปไ้ดไหมที่จะเป็นพวกโจร?"

    "เอ่อ.... ทุกคนใส่เกราะแบบเดียวกัน แล้วก็ดูสะอาดนะ ไม่เป็นไรมั้ง"

    เมื่อได้ยินดังนั้นเฟย์ก็คลายความเครียดลง แต่ยังไม่ปล่อยมือจากด้ามดาบ

    "ผมว่าไม่ใช่พวกโจรหรอกน่า.."

    "ไม่ประมาทจะดีกว่าเจ้าค่ะ"

    ในที่สุดอทหารม้าทั้งห้าก็เคลื่อนตัวมาถึงตำแหน่งที่เฟย์สามารถมองเห็นได้

    ทหารทั้งห้าคนค่อยๆเคลื่อนตัวไปสำรวจขบวนรถม้าจนถึงคุนสุดท้าย แล้วจึงกลับมาที่เดิม

    "ฉันหัวหน้ากองทหารม้า เคย์น"

    "ครับผม"

    คนที่ตอบคือทหารที่ทำหน้าที่นำทางขบวน

    "แถวนี้ไม่มีพวกโจรแล้ว..... แต่เอาเถอะ งานก็คืองาน เดี๋ยวพวกฉันคุ้มกันไปจนถึงเมืองฮาเชลให้ละกันนะ"

    แล้วการเดินทางสู่ฮาเชลก็เป็นไปอย่างปลอดภัยตามที่หัวหน้ากองทหารม้าพูด

    ถึงจะอยู่ห่างจากเมืองหลวงพอสมควร แต่ดูเขตเอรากิสก็เป็นที่ๆปลอดภัยดี

    เมื่อเวลาผ่านไปซักพัก พวกเฟย์ก็มองเห็นกำแพงปราสาท

    "ต้องนับจำนวนคนก่อน เพราะงั้นไปคฤหาสน์ที่อยู่กลางเมืองก่อนเลยนะ หลังจากนั้นก็ค่อยๆปล่อยคนลงขณะขับรอบคฤหาสน์ แล้วเอารถออกจากคฤหาสน์ได้เลย"

    หลังเข้าเขตหอคอยทั้งสี่ด้านของคฤหาสน์ ความเร็วของรถม้าก็ค่อยๆลดลง

    "ไปล่ะนะเจ้าคะ!"

    "อื้ม!"

    เฟย์กับสโนว์หยิบสัมภาระของตนเองด้วยมือเดียวแล้วกระโจนลงจากรถม้า

    "ดูไม่เหมือนที่อยู่ของขุนนางเลยเจ้าค่ะ"

    "งั้นหรือ?"

    เฟย์เดินตามทางสำรวจรอบๆคฤหาสน์อย่างไม่ให้ไปขวางทารถม้าวิ่ง

    หอคอยทั้งสี่ที่ล้อมรอบคฤหาสน์... หนึ่งในนั้นมีคนแคระกำลังทำงานอยู่ แล้วข้างๆก็มีเหล่าชายฉกรรจ์ค่อยๆก่ออิฐ

    ฝั่งตรงข้ามก็มีคนยืนเรียงเป็นแถวเพื่อทำงานของตน

    คนเหล่านั้นบ้างก็เอาไม้ไปต้ม บางก็สับไม้เป็นท่อนๆ บ้างก็เคี่ยวน้ำที่มีเนื้อไม้

    "นั่นกระดาษเจ้าค่ะ"

    "กระดาษ?"

    หลังจากมองอะไรซักอย่างเป็นแผ่นๆที่ตากเรียงกันอยู่ เฟย์ก็นึกออกว่าพวกเขากำลังสร้างอะไรกัน

    "กระดาษนี่ไม่ได้ทำจากหนังวัวหรอกหรือ?"

    "กระดาษที่ทำในรัฐอิสระจะไม่เหมือนกันเจ้าค่ะ แต่วิธีผลิตมันน่าจะเป็นความลับ.... ดูท่าเจ้าเมืองของที่นี่จะประมาทไม่ได้เลยจริงๆเจ้าค่ะ"

    มีสิทธิ์ว่าจะเป็นสายของรัฐอิสระด้วยเจ้าค่ะ เฟย์คิดแล้วเก็บไว้ในใจ

    แล้วข่าวลือที่ว่าล่อลวงเจ้าหญิงอันดับหนึ่งจนเธอหลงโงหัวไม่ขึ้นก็เพิ่มความน่าเชื่อถือขึ้น

    การค้าของรัฐอิสระจะถูกปกครองโดยสภาของกิลด์มาสเตอร์ต่างๆ แต่ในนั้นก็มีกิลด์โสเภณีอยู่ด้วย

    "พี่!"

    "กำลังอยากเจอเลย ชิลบาร์!"

    พอหันไปทางต้นเสียง เฟย์ก็พบชิลบาร์กับคนแคระที่ไม่เคยพบกอดกันน้ำตานองหน้า


    และหลังจากเธอเดินผ่านรถม้าคันสุดท้าย เธอก็ไปรวมกับเหล่ากึ่งมนุษย์ที่มาถึงในสวนของคฤหาสน์

    "จะพาไปที่หอพักทหารล่ะนะ! ใครมีอะไรก็ถือไปด้วยเลย!"

    "ผมไปก่อนนะ แล้วเจอกัน!"

    หลังจากเหล่ากึ่งมนุษย์ค่อยๆเดินออกจากพื่นที่ของคฤหาสน์ไปจนหมด ก็เหลือเพียงแค่เฟย์อยู่คนเดียว

    "หืม... มีมนุษย์ปนมาด้วยเหรอ?"

    "เฟย์ มิวริเฟน ประจำอยู่กองอัศวินรักษาพระองค์ที่สิบสองเจ้าค่ะ"

    "เอายังไงดีล่ะเนี่ย..."

    หัวหน้ากองทหารม้า เคย์นลงจากม้าที่ขี่อยู่แล้วเกาหัวตนเอง

    "ถือคอกม้าจะอยู่ในเขตคฤหาสน์ แต่ตัวหอทหารมันอยู่ฝั่งนอกของเมืองด้วย แล้ว.. ตอนนี้ก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้นน่ะ"

    "ฉันคิดมากหรอกเจ้าค่ะ"

    "ฉันคิดน่ะสิ ถึงฉันจะเชื่อใจลูกน้องตัวเองอยูู่ แต่ก็ใช่ว่าจะรับรองอะไรได้หมด"

    เคย์นพูดแล้วก็เอาลูกแก้วขึ้นมา

    "ท่านโครโน่ มีเรื่องอยากจะขอร้องหน่อยน่ะ"

    "ผมฟังอยู่"

    และเมื่อเขาเริ่มคุยกับลูกแก้ว ก็มีเสียงตอบกลับมา

    "ในพวกคนที่มาใหม่... มีเด็กสาวขุนนาง... เฟย์ มิวริเฟน อยู่ แต่จะให้ไปพักที่หอทหารม้าก็ไม่ได้ ขอยืมที่ในคฤหาสน์หน่อยได้ไหม?"

    "เดี๋ยวผมเตรียมห้องให้ บอกให้ไปรอชั้นหนึ่งที"

    "คร้าบ"

    เคย์นเก็บลูกแก้วลงแล้วหันมามองเฟย์

    "อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ ไปรอที่ชั้นแรกจนกว่าจะมีใครมารับที"

    "เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ"

    "แล้วก็เรื่องกำหนดการวันพรุ่งนี้.... ถ้าเหนื่อยอยู่ก็พักผ่อนเถอะ ถ้าไม่เหนื่อยก็ไปเข้าร่วมการฝึกกับพวกกึ่งมนุษย์นะ"

    "เจ้าค่ะ ต้องไปเข้าร่วมที่ไหนเหรือเจ้าคะ?"

    "แถวคอกม้าหลังคฤหาสน์น่ะ"

    "เจ้าค่ะ"

    หลังทำความเคารพเคย์น เธอก็ก้าวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์

    เมื่อยืนรออยู่ซักพัก เธอก็เห็นเมดคนหนึ่งเดินเข้ามาหา

    น่าจะอายุประมาณยี่สิบกว่าล่ะมั้ง

    ไม่รู้ว่าทำงานมานานเท่าไหร่ แต่ดูจากผมสีน้ำตาลที่รวบขึ้นไป กับท่าเดินในชุดผ้ากันเปื้อนนั้นดูเข้ากันมากทีเดียว

    "ท่านเฟย์ มิวริเฟนใช่หรือเปล่าคะ?"

    "ใช่แล้วเจ้าค่ะ"

    "ฉันเป็นหัวหน้าเมดในคฤหาสน์แห่งนี้ อลิสสาค่ะ"

    อลิสสาพูดแล้วก็ทำความเคารพเฟย์

    "ต้องการให้ช่วยถือของไหมคะ?"

    "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"

    "ถ้างั้นจะนำทางไปยังห้องพักนะคะ โปรดตามมาด้วยค่ะ"

    เธอเดินตามอลิสสาเข้าไปยังส่วนในของคฤหาสน์เอรากิส

    "นี่คือห้องของท่านเฟย์ค่ะ"

    "..."

    ห้องที่อลิสสานำทางเธอมาคือห้องที่อยู่ส่วนในสุดของชั้นสอง

    ถึงมันจะเป็นห้องเรียบๆที่มีเพียงเครื่องเรือนที่จำเป็น แต่มันกว้างกว่าห้องที่เธอเคยอยู่ที่เมืองหลวงเสียอีก

    "ต้องการอาบน้ำไหมคะ?"

    "รบกวนด้วยเจ้าคะ"

    "ค่ะ ต้องการให้ซักผ้าให้ด้วยไหมคะ?"

    "รบกวนด้วยเหมือนกันค่ะ"

    น่าจะให้สัมภาระไปตั้งแต่แรกนะเจ้าคะ เฟย์คิดขึ้นแล้วยื่นกระเป๋าที่ตนถืออยู่ให้แก่อลิสสา

    "ถ้างั้นขออนุญาตนำทางไปยังห้องอาบน้ำนะคะ"

    เฟย์ที่วางดาบไว้ในห้องเดินตามอลิสสาไปยังห้องอาบน้ำ

    "เสื้อผ้าที่ใช้แล้วรบกวนใส่ไว้ในตระกร้านะคะ ส่วนชุดที่ยังไม่ได้ใส่เดี๋ยวทางนี้จะเตรียมไว้ให้เองค่ะ ถ้าอาบน้ำเสร็จแล้วเชิญกลับห้องได้เลยค่ะ"

    อลิสสาโค้งให้เฟย์ ก่อนออกจากห้องอาบน้ำไป

    "สุภาพจังเลยเจ้าค่ะ"

    เธอพูดแล้วก็เริ่มถอดเสื้อผ้าออก ใส่ไว้ในตระกร้า.... โดยไม่ลืมที่จะซุดเสื้อชั้นในไว้ในชุดไม่ให้มองเห็นได้

    แล้วจึงเข้าไปยังส่วนที่มีอ่างอาบน้ำ ก่อนจะใช้น้ำอุ่นตักราดหัวตนเอง

    กลิ่นของเหงื่อก็ค่อยๆแสดงออกมาตามน้ำที่ไหลไปตามร่างกาย

    "....สบู่หรือเจ้าคะเนี่ย?"

    เอามาให้คนทำงานที่นี่ใช้นี่หรูหราจังนะเจ้าคะ เฟย์พูดแล้วหยิบสบู่ขึ้นมา

    ทำให้กลิ่นดอกลาเวนเดอร์ลอยมาเตะจมูก

    "แถมยังใช้ของมีกลิ่นอีก... จะหรูหราเกินไปแล้วเจ้าค่ะ"

    เฟย์ใช้ผ้าที่วางไว้ในห้องอาบน้ำกับสบู่ถูตัวอย่างรุนแรง

    และดินที่อยู่ที่ตามตัวก็ค่อยๆลอกออก

    รู้สึกว่าพอได้รับความสะดวกสบายแบบนี้แล้วจะกลับไปอยู่แบบเดิมไม่ได้จริงๆ

    "....แต่ก็แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวล่ะเจ้าค่ะ"

    เฟย์เริ่มล้างตัวอีกครั้ง แล้วสระผมอย่างไม่ให้เหลือฝุ่นแม้แต่เม็ดเดียวเหลืออยู่

    และพอออกจากอ่างแช่น้ำร้อนที่แสนสบาย เธอก็พบชุดคลุมนอนที่ซักมาอย่างสะอาดวางอยู่ในตระกร้าใบใหม่

    "ครั้งนี้ครั้งเดียวเจ้าค่ะ ครั้งนี้ครั้งเดียว"

    ถึงเธอจะรู้สึกผิดเมื่อนึกถึงสโนว์กับชิลบาร์ที่พักอยู่ในหอของกึ่งมนุษย์

    แต่ก็อดปล่อยตัวไปกับความสะดวกสบายนี้ไม่ได้จริงๆ

    หลังกลับไปถึงห้องของตน เธอจึงเริ่มสวดภาวนา

    "ท่านเทพ... ท่านเทพ... โปรดให้อภัยฉันที่ปล่อยตัวไปกับความสบาย และละทิ้งพวกพ้องด้วยเจ้าค่ะ"

    หลังจากนั้น เธอก็ทานซุปที่มีเนื้ออยู่ข้างใน กับขนมปังนุ่มๆ และภาวกับ "เทพธิดาสีดำผู้นำมาซึ่งความวุ่นวาย" อีกครั้ง


    *


    วันถัดมา เธอจึงออกไปยังคอกม้าที่อยู่หลังคฤหาสน์

    ตอนนี้ข้างในมีม้าอยู่สิบตัว แต่พอดูจากสภาพที่กั้นและรอยเปื้อนแล้ว น่าจะยังมีอยู่อีกยี่สิบตัว

    "...ถ้าได้ม้ากับเกราะเป็นของตัวเองก็จะดีอยู่หรอกเจ้าค่ะ"

    แต่มันคงจะเกินไปมั้ง เธอคอตกให้กับความหวังอันริบหรี่ของตนเอง

    ถ้าพ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่.. หรือว่าถ้าเธอเป็นขุนนางที่มีที่ดินเป็นของตนเองล่ะก็....

    เธอสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นทิ้งไป

    "ทำความสะอาดคอกม้า เอาความรู้สึกเดิมๆกลับมาดีกว่าเจ้าค่ะ"

    เธอพูดกับตนเองแล้วก็หยิบเครื่องมือทำความสะอาดที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาเตรียมจะใช้

    ก่อนอื่นก็เริ่มจากทำความสะอาดของเสียของม้าที่ไม่อยู่ในคอก แล้วก็เก็บอาหารม้าที่เหลือ เอาออกไปตั้งที่วางของก็เรียบร้อย

    "นี่! พี่สาว!"

    "มีอะไรหรือเจ้าคะ?"

    เมื่อหันไปทางต้นเสียง เฟย์ก็พบเด็กสามคนยืนอยู่

    "ทำความสะอาดคอกม้ามันงานของพวกผมนะ"

    "ขะ...ขอบโทษด้วยเจ้าค่ะ"

    เมื่อเธอยื่มเครื่องม้าทำความสะอาดให้ เด็กหนุ่มที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าก็ฉกมันไปจากมือเธอ

    "ได้ฟังที่เขาอธิบายรึเปล่าเนี่ย ว่าพวกผู้ใหญ่น่ะ ให้ไปทำงานในโรงช่าง ก็ว่าไปรวบรวมขี้เถ้าหรือไม้จากในเมือง.."

    "พี่ งานหาไม้มันอยู่นอกเมืองนะ"

    "ระ..รู้น่า"

    เด็กหนุ่มตอบเด็กสาวที่ดูเหมือนเป็นน้องสาวด้วยสีหน้าอันแดง

    "ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ เผอิญพึ่งจะเคยมาที่นี่"

    "เดี๋ยวพวกผมจะทำความสะอาด ออกไปทีสิ"

    หลังโดนเด็กหนุ่มไล่ เธอก็เดินออกมาจากคอกม้า

    "พวกเธออาศัยอยู่ที่ไหนกันหรือคะ?"

    "ก็ต้องที่โรงบรรเทาทุกข์สิ พี่สาวนี่ถามแปลกๆนะ"

    เด็กหนุ่มหยุดมือทำงาน แล้วหันมาตอบเธอ

    "โดนบังคับให้ทำงานในโรงบรรเทาทุกข์หรือเจ้าคะ?"

    "เปล่า แค่มาช่วยงานน่ะ"

    แล้วก็ขณะที่เธอกำลังไม่เข้าใจกับคำพูดของเด็กหนุ่มนั่นเอง

    "ท่านโครโน่ไม่ค่อยอยากให้พวกเราทำงานน่ะ แต่ไม่งั้นพวกในเมืองจะบ่นเอา"

    "ท่านโครโน่น่ะนะ.... บอกให้เรียนหนังสือน่ะ"

    "...ห...หัวหน้าโรงบรรเทาทุกข์ ชิออนเองก็สอนหนังสือให้ด้วย"

    น้องสาวของเด็กหนุ่มกับเด็กหนุ่มออกคนตอบเธอในขณะทำงานไปด้วย

    "อยู่ที่โรงบรรเทาทุกข์นี่ลำบากไหมเจ้าคะ?"

    "ไม่เลย เทียบกับตอนที่อยู่ข้างถนนแล้วสวรรค์ชัดๆ"

    "ท่านชิออนเองก็ใจดี คนอื่นก็ใจดีนะ"

    "ซักวันนึงผมจะเป็นอัศวินล่ะ"

    "มะ...มันไม่ยากไปหน่อยหรือเจ้าคะ?"

    เธอหลุดปากให้กับเด็กหนุ่มที่ทำตาเป็นประกายบอกว่าตนจะเป็นอัศวิน

    โอกาสที่เด็กกำพร้าจะเป็นอัศวินได้นั้นไม่มีอยู่เลย

    "พี่สาวนี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆนา... หัวหน้าทหารม้าเคย์นเองก็เคยเป็นทหารรับจ้าง พวกคนแคระเองก็ได้โรงช่างเป็นของตัวเอง ที่นี่น่ะไม่ค่อยสนเรื่องฐานะอะไรพวกนี้หรอก"

    "โทษทีที่ให้รอ!"

    เมื่อเด็กหนุ่มยืดออกตอบเฟย์อย่างภูมิใจจบ เคย์นก็วิ่งเข้ามา

    """ท่านเคย์น!"""

    "ไง เด็กๆ วันนี้ก็ฝากเรื่องทำความสะอาดด้วยล่ะ"

    เคย์นพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

    "แล้วก็ฉันไปคุยกับท่านโครโนเรื่องเธอมาแล้วนะ"

    "งั้นหรือเจ้าคะ"

    อยากจะให้ใช้งานเป็นเหมือนอัศวินน่ะเจ้าค่ะ เธอคิดไปก็มองเคย์นไป

    "ม้านี่....เอาเป็นตัวนี่ไหม?"

    "....!"

    เขาลูบหนวดตัวเอง แล้วชี้ไปยังม้าสีดำตัวหนึ่งที่อยู่ในคอก

    "จะ...จะให้ม้าตัวนี้จริงหรือคะ?"

    "ใช้ให้ดีๆล่ะ"

    เฟย์เข้าไปใกล้ม้าขนดำตัวที่ถูกชี้ แล้วค่อยๆจับคอของมันอย่างไม่แน่ใจ

    ดูเหมือนเคย์นจะคุยกับเด็กหนุ่มหัวหน้ากลุ่มอยู่ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว


    "เอาล่ะ... ต่อไปก็เกราะนะ"

    "เกราะด้วยเหรอเจ้าคะ!"

    "บอกไว้ก่อนนะ อย่าไปหวังเกราะเหล็กสั่งทำล่ะ..."

    เฟย์เดินตามเคย์นไปยังทางกลับคฤหาสน์

    แต่จุดหมายของทั้งคู่กลับเป็นที่หอคอย... หอคอยที่เป็นที่ทำงานของพวกคนแคระ

    "เธอก็มาทำงานตั้งแต่วันนี้เหมือนกันเหรอ?"

    "แล้วคุณชิลบาร์....?"

    เธอเก็บคำพูดที่ตั้งใจจะบอกลงไปในลำคอ

    ไม่กล้าบอกเลยว่าเพิ่งได้ม้ามาหยกๆตัวหนึ่ง

    "....ถึงจะพูดยากก็เถอะ..... แต่ฉันพึ่งได้รับการว่างจ้างเป็นสถาปนิกมาเอง"

    "จะ....จริงหรือเจ้าคะ!"

    "อา... กั...ก็ ตอนแรกก็เริ่มจากเป็นช่างก่ออิฐทำป้อมปราการกับสร้างหอพักของพวกทหารใหม่ ก่อนนะ แล้วถ้าไม่มีปัญหาถึงจะ.... เอาเป็นว่าอีกซักพักหนึ่งน่ะ"

    ชิลบาร์บอกเฟย์ด้วยท่าทางดูเกรงใจ

    "ฉันเองก็พึ่งได้ม้ามาเองเจ้าค่ะ"

    "งั้นก็ดีเลยสิ!"

    หลังพบว่าอีกฝ่ายก็เจอเรื่องดีๆมาเหมือนกัน ทั้งคู่จึงจับมือกันดีใจได้อย่างโล่งอก

    "ดูซับซ้อนนะ... เอ้านี่"

    เคย์นพูดแล้วก็หยิบกล่องไม้ที่มีชุดเกราะหนึ่งชุดอยู่ข้างในขึ้นมา

    "นะ...นี่คือของฉัน?"

    "มันใช้เข็มขัดปรับขนาดได้นะ ลองปรับให้เข้ากับเธอเองแล้วกัน"

    และเคย์นก็รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงสายตาของหญิงสาว

    "ใส่เลยก็ได้นะ"

    "เจ้าค่ะ!"

    เฟย์ค่อยๆใส่เกราะแขน ขา และตัวชุดเกราะด้วยมือที่สั่นเทา

    เกราะชุดนี้ถูกสร้างมาให้ใส่ได้ด้วยคนเดียว ไม่เหมือนเกราะหนักที่ใส่คนเดียวไม่ได้

    "ความจริงยังมีหมวกอีก... ไม่ได้ฟังแล้วนี่หว่า..

    "ดะ....ดีใจเจ้าค่ะ!"

    เฟย์ใช้มือทั้งสองกอดร่างกายของตัวเอง ให้รู้สึกถึงสัมผัสของชุดเกราะที่ตนเองใส่อยู่

    "พอถอดเกราะแล้วก็มาฝึกนะ"

    "เจ้าค่ะ!"


    *


    เคย์นนำทางหญิงสาวมาจนถึงที่ฝึกที่มีกึ่งมนุษย์กำลังต่อสู้กับด้วยพลองไม้หรือมือเปล่ากัน

    "มาช้านา?"

    "พอดีไปคุยเรื่องยัยนี่กับท่านโครโน่มาน่ะ"

    "เฟย์ มิวริเฟนเจ้าค่ะ"

    เฟย์มองมิโนเทารุสที่เบนสายตามาที่ตนเอง

    "...ขุนนางเหรอ?"

    "อือ แต่ท่านโครโน่บอกว่าให้ปฏิบัติด้วยเหมือนกันคนอื่นนะ"

    "จะเข้าร่วมเดียวนี้แหละเจ้าค่ะ"

    "เอาสิ.... แต่จะไปไหนล่ะนั่น?"

    เฟย์เก็บดาบไม้ที่ตกอยู่กับพื้น และวิ่งไปหามิโนเทารุสที่ยืนอยู่และดูท่าทางไม่มีอะไรทำ

    "ถ้าว่างก็อยากจะให้ช่วยเป็นคู่มือให้หน่อยเจ้าค่ะ?"

    "มนุษย์ก็ไปสู้กับมนุษย์เถอะ"

    จะตายเอานะ... มิโนเทารุสพูดพร้อมเหวี่ยงขอนไม้ขนาดมโหฬารให้ดู

    ดูท่ามิโนเทารุสคนนี้จะหยาบกร้านกว่าคนที่คุยกับเคย์นพอสมควร

    "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"

    "ถ้าตายก็อย่าบ่นแล้วกัน"

    มิโนเทารุสพ่นลมหายใจออกมาแล้วถือขอนไม้ขึ้นมาเตรียมต่อสู้

    เมื่อเห็นดังนั้น เฟย์เองก็ถอยออกมาทิ้งระยะห่างพอสมควร แล้วเริ่มต่อสู้กับมิโนเทารุสคนนั้น

    ฝั่งที่เริ่มขยับก่อนคือมิโนเทารุส

    ถึงมองผ่านๆจะดูเชื่องช้าก็ตาม แต่ด้วยขนาดของร่างกายแล้ว ทำให้มันไม่ได้ง่ายต่อการรับมือเลย

    เขาเริ่มจากก้าวไปเหยียบพื้นให้มั่น ก่อนจะใช้ท่อนไม้ที่ถืออยู่ฟาดเป็นแนวขวาง

    ท่อนไม้ที่เป็นอาวุธนั้นฟาดลงไปหาเฟย์ เกิดเป็นเสียงลม

    ความจริงนี่เป็นการโจมตีที่อันตรายพอจะปลิดชีวิตมนุษย์ปกติได้เลย แต่เธอหลบได้อย่างง่ายดาย แล้วโจมตีสวนกลับอย่างรวดเร็ว

    ดาบไม้ของเธอได้กินเข้าไปในหน้าท้องของมิโนเทารุสพอสมควร แต่เขากลับทำท่าเหมือนไม่รู้สึกเจ็บ แล้วจับท่อนไม้ขึ้นมาฟาดใส่หญิงสาวอีกครั้ง

    มีพลังทำลายสูงจนน่ากลัวเลยเจ้าค่ะ.... เฟย์คิดขึ้นเมื่อท่อนไม้ที่ว่าฟาดลงกับพื้น ทำให้พื้นดินเกิดสั่นสะเทือนน้อยๆ

    เธอจึงโจมตีใส่มิโนเทารุสอีกครั้ง

    ถึงมันจะเกิดเสียงเบาๆน่าสมเพชเมื่อโดนตัวมิโนเทารุสก็เถอะ แต่เธอใส่พลังที่ทำให้มนุษย์ธรรมดาล้มลงไปได้ง่ายๆแท้ๆ

    เฟย์ค่อยๆหลบแล้วโจมตีใส่มิโนเทารุต่อไปเรื่อยๆ

    เมื่อเธอโจมตีสำเร็จอีกครั้ง คู่ต่อสู้ของเธอก็เริ่มฟาดท่อนไม้ไปมาอย่างบ้าคลั่ง

    ราวกับมังกรที่ว่ายน้ำไปมาท่ามกลางพายุทอร์เนโด.....

    เธอเผยอรอยยิ้มออกมาจนได้

    ถ้าโดนโจมตีล่ะก็ ตายแน่ๆ....

    สถานการณ์แบบนั้นมันทำให้เธอรู้สึกสนุกจนหยุดไม่อยู่

    อย่างน้อยมิโนเทารุสตรงหน้าก็มองเธอในฐานะคู่มือที่เท่าเทียม....

    จะเอาจริงล่ะนะคะ! เฟย์เพิ่มความเร็วขึ้นในพริบตา

    และเมื่อเสียงดาบไม้ของเธอกระทบกับร่างกายของมิโนเทารุสดังขึ้นซ้ำไปซ้ำมาซักพักหนึ่ง...

    "พะ...แพ้แล้ว..."

    คู่ต่อสู้ของเธอก็วางท่อนไม้ลงบนพื้น ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแสดงถึงเจตจำนงที่จะยอมแพ้

    "ไงดีล่ะ... มนุษย์แน่นะ?"

    "ยังอุตส่าห์ปล่อยคนที่เก่งขนาดนี้มาได้นะเนี่ย.."

    "ต่อไปเป็นใครดีเจ้าคะ?"

    เฟย์หันไปมองรอบๆ แล้วพยายามท้าสู้คนที่จ้องตาเธอกลับทุกคน

    "อ๊ะ... หักซะแล้วเจ้าค่ะ"

    เมื่อมองดาบไม้ที่หักอยู่ในมือตนเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมา เธอก็พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เดินมามือเปล่า

    อายุของเขาน่าจะประมาณสิบเจ็ด สิบแปดล่ะมั้ง

    และที่แก้มขวาของเขานั้น... มีรอยแผลเป็นที่ลากเป็นทางยาวอยู่บนใบหน้า

    "ถ้าว่างอยู่ก็ขอรบกวนเป็นคู่มือให้ด้วยเจ้าค่ะ"

    "ก็ได้อยู่หรอก แต่ออมมือด้วยนา"

    เป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยเจ้าค่ะ เธอคิดขึ้นแล้วทิ้งระยะห่างจากเด็กหนุ่มเล็กน้อย

    แต่การตั้งรับของเด็กหนุ่มนั้นมีช่องว่างเต็มไปหมด

    เมื่อเห็นดังนั้น ครั้งนี้เธอจึงเป็นฝ่ายโจมตีก่อนบ้าง

    เริ่มจากโจมตีเข้าไป แล้วหลบลูกเตะที่พุ่งเข้ามาก่อน....

    ถ้าแสดงความสามารถออกมาขนาดนี้ล่ะก็ ข่าวลืออาจจะไปถึงท่านโครโน่ก็ได้เจ้าค่ะ

    จะให้ทำประโยชน์ในการรบก็ได้ หรือจะลากฉันขึ้นเตียงไปก็ไม่เกี่ยงเจ้าค่ะ

    เฟย์คิดขึ้นขณะขว้าคอของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กองลงไปกับพื้นเอาไว้

    "หืม... สุดยอดเลยนี่นา"

    "ไม่มีออมมือเลยนะเนี่ย"

    "ออมมือแล้วเจ้าค่ะ.. แต่ฉันเชื่อว่าถ้าพยายามแบบนี้เรื่อยๆท่านโครโน่อาจจะสังเกตุเห็นก็ได้เจ้าค่ะ"

    "ไม่หรอก... ฉันว่าท่านโครโน่ยอมรับเธอแบบเกินขนาดแล้วล่ะ"

    "จริงหรือเจ้าคะ?"

    เคย์นยิ้มขึ้นมา แล้วชี้ไปที่พื้นดิน ตรงที่เฟย์อยู่

    "...ระหว่างที่โดนเธอบีบคออยู่น่ะนะ"

    "ทะ....ท่านนี้....คือท่านโครโน่หรือเจ้าคะ?"

    เฟย์ค่อยๆปล่อยมือของตนจากเด็กหนุ่ม.... จากโครโน่ แล้วก้นจ้ำเบ้าลงไปกันพื้น

    รู้สึกสิ้นหวังเหลือเกิน

    "ทะ...ท่านโครโน่ เป็นอะไรรึเปล่าคะ?"

    ฮาล์ฟเอล์ฟผิวสีน้ำตาลวิ่งเข้ามาหาโครโน่ แล้วหันมาเขม่นใส่เฟย์อย่างเคียดแค้น

    เสียที่อยู่ไปเป็นครั้งที่สองแล้วเจ้าค่ะ

    "แค่ก.. แค่กๆ"

    "คุณแม่.. ต่อไปจับคู่กับผมนะ!"

    โครโน่จำต้องเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นสโนว์วิ่งเข้ามากอดฮาล์ฟเอล์ฟที่อยู่ตรงหน้าเขา

    "คะ...คุณแม่?"

    "มะ..ไม่ใช่นะคะ ท่านโครโน่!"

    โครโน่ลุกขึ้นมา แต่ด้วยความที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก เลยล้มลงไปอีกรอบ

    แต่ดวงตาของเขาก็ยังไม่ละไปจากฮาล์ฟเอล์ฟผิวสีน้ำตาลกับสโนว์อยู่ดี

    "กลายเป็นเรื่องสุดยอดขึ้นมาแล้วแฮะ"

    "นองเลือดแน่ๆ...."

    "มะ..ไม่ใช่นะคะ ท่านโครโน่ ฉันไม่มีลูกนะคะ!"

    แล้วเขาก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง

    "ผมเป็น...พ่อของเธอนะ"

    "เอ๋?"

    สโนว์เบิกตากว้างอย่างตกใจให้กับรอยยิ้มและคำพูดของโครโน่

    "เนื่องจากปัญหาบางประการ ผมเลยต้องให้พวกเธอไปอยู่ที่สลัมน่ะ แต่ต่อจากนี้มาอยู่กันแบบพ่อลูกอย่างมีความสุขดีกว่านะ"

    "จริงเรอะ?"

    "โม้ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์"

    ฮะๆ

    และด้วยเสียงหัวเราะที่ฟังดูกลวงๆชอบกล โครโน่ก็เข้าไปกอดฮาล์ฟเอล์ฟผิวสีน้ำตาลกับสโนว์

    "อะ...เอ่อ.... ท่านโครโน่คะ.... ดูไม่ใช่ลูกฉันจริงๆนะคะ"

    "เอ๋?"

    หลังจากเขากู้สติกลับมาได้ โครโน่จึงมองหน้าสโนว์อีกครั้ง

    "เอ่อ... ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดค่ะ คุณแม่เรย์ร่าน่ะ.... เรียกว่าคุณแม่เฉยๆ แต่ไม่ใช่แม่แท้ๆนะคะ"

    "เอ่อ... งั้นหรือ?"

    โครโน่หัวเราะอย่างอายๆ แล้ววิ่งออกไปทันที

    "...อา"

    "หน้าแตกเลยแฮะ"

    "ขะ..ขอตัวนะคะ"



    ไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ

    เฟย์ก้มหน้ามองพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

    "เอาน่า ไม่ต้องซึมขนาดนั้นก็ได้"

    แล้วเธอก็หันมามองเคย์นที่เข้ามาตบบ่า


    *


    หลังจากทานข้าวและอาบน้ำเสร็จ เฟย์ก็ขึ้นไปยังชั้นสามของคฤหาสน์ที่มีห้องนอนของโครโน่อยู่

    คำพูดที่เคย์นบอกเธอดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

    ....ท่านโครโน่น่ะใจดี แสดงความจริงใจให้เห็นเดี๋ยวก็ยกโทษให้เองแหละ



    แปลว่าให้ไปมีอะไรด้วยสินะเจ้าคะ!

    เฟย์ชูกำจัดขึ้นมา

    ดูเหมือนนอกจากนั้นจะบอกอะไรมาด้วย แต่เรื่องที่สำคัญคือความตั้งใจจริงๆ

    "แต่ไม่อยากถูกเรียกว่าสาวขี้ม้าเลยเจ้าค่ะ.."

    "นี่เธอ...ใครน่ะ?"

    พอหยุดยืนอยู่หน้าประตู เธอก็ได้ยินเสียงเรียกตนเองอย่างไม่สบอารมณ์นัก

    เจ้าของเสียงเป็นเด็กสาวร่างเล็กคนหนึ่ง

    "เฟย์ มิวริเฟนเจ้าค่ะ"

    "ไม่ได้ถามชื่อย่ะ.... แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่?"

    เด็กสาวกอดอกตัวเอง แล้วมองเธออย่างไม่พอใจนัก

    "มามีอะไรกับท่านโครโน่เจ้าค่ะ"

    "หา?"

    "งั้นขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ"

    แต่พอเธอจะเปิดประตู เด็กสาวก็คว้ามือเธอไว้ก่อน

    "จะทำอะไรน่ะเจ้าคะ?"

    "คือว่านะ... วันนี้มันตาชั้น ชั้นอุตส่าห์รอมาตั้งอาทิตย์นึง กว่าจะถึงวันที่มาเอาหมอนได้เนี่ย"

    เฟย์เอียงคอ ไม่เข้าใจในความหมายของคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า

    "ถ้าแค่มาเอาหมอน แป๊ปเดียวเสร็จแล้วนี่เจ้าคะ?"

    "ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นย่ะ!"

    เมื่อเด็กสาวเริ่มโวยวาย ประตูห้องก็เปิดออก

    "พวกเธอนี่อารมณ์ดีกันจังนะ"

    "ท่านโครโน่ ฟังนี่หน่อย"

    แต่จังหวะที่สายร่างเล็กจะพูดกับโครโน่ เฟย์ก็เดินผ่านตรงกลางทั้งสองขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว

    "ทะ...ทำอะไรน่ะ!?"

    "รอท่านโครโน่เจ้าค่ะ"

    เมื่อเห็นดังนั้น โครโน่จึงตบแก้มตนเองให้ใจเย็น แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ในห้อง

    "....ไอ้นี่"

    เด็กสาวก็หันมาเขม่นเฟย์ แล้วนั่งลงบนเตียง

    "มาทำอะไรเหรอ?"

    "มามีอะไรกับท่านโครโน่เพื่อขอโทษเรื่องเมื่อกลางวันค่ะ?"

    "จุดประสงค์ที่แท้จริง?"

    เขาถามต่อด้วยรอยยิ้ม

    เฟย์ฟังดังนั้นก็ลงมาจากเตียง นั่งลงบนพื้น แล้วบอกเขาว่า

    "ไม่อยากคืนเกราะกับม้าเจ้าค่ะ!"

    "เอ่อ...แค่นั้นเหรอ?"

    ดูท่าพูดความจริงจะง่ายกว่าเจ้าค่ะ เฟย์คิดขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม

    "อยากจะทำความดีความชอบในฐานะอัศวิน หรือเป็นภรรยาหลวงของท่านโครโน่เพื่อจะฟื้นฟูตระกูลมิวริเฟนเจ้าค่ะ!"

    "....ทำไมผู้หญิงรอบๆตัวผมนี่ไม่ธรรมดาซักคนเลยหว่า"

    เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

    "ไม่ได้หรือเจ้าคะ? ถ้าภรรยาหลวงไม่ได้เป็นภรรยาน้อยก็ได้เจ้าค่ะ แต่ยังไงก็ขอทุนสนับสนุน....."

    "มะ...ไม่ได้แน่นอนย่ะ! ไม่สิ... เธอ... คิดว่าตัวเองมีค่าขนาดไหนกันหือ!"

    เด็กสาวยืนขึ้นมาชี้หน้าเฟย์

    "ฉันยังซิงอยู่นะเจ้าคะ!"

    "บะ..บ้ารึเปล่า! ทาสที่ยังซิงอยู่น่ะ ในเขตเอรากิสไปที่ไหนก็เจอย่ะ!"

    "นี่เอเลน่า ผมจำได้ว่าเธอก็เคยพูดอะไรทำนองนี้อยู่นะ.."

    โครโน่หัวหน้าแล้วพูดกับเด็กสาวที่ถูกเรียกว่าเอเลน่า

    "จะไม่ยกโทษให้หรือเจ้าคะ?"

    "ก็ตอนนั้นประลองกันนี่นะ ปกติก็ไม่น่าโกรธอยู่แล้ว"

    "จริงหรือเจ้าคะ!"

    เฟย์ลุกจากพื้นมากุมมือเขาทันที

    แต่โครโน่กลับเบนสายตาออกห่างจากเธอด้วยท่าทีแปลกๆ

    จะว่าไปแล้วไม่ได้ใส่ชุดชั้นในมานี่นะ..

    "พรุ่งนี้ห้ามบอกให้คืนม้ากับชุดเกราะนะเจ้าคะ!"

    "ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า"

    "เชื่อได้จริงหรือเจ้าคะ?"

    "เธอนี่เชื่ออะไรยากจริงนะ"

    เฟย์หันมามองเอเลน่าแล้วตอบเธอว่า

    "ก็มันเป็นโอกาสที่อุตส่าห์ได้มาเลยนะเจ้าคะ!"

    "ถ้าสงสัยขนาดนั้น ให้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรสิ?"

    "อืม.. ถ้าเขียนแล้วเธอพอใจ ผมเขียนให้ก็ได้"

    เด็กหนุ่มพูดแล้วก็หยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่ง แล้วเริ่มเขียนมัน

    "เอ้านี่"

    "ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ"

    เฟย์รับกระดาษมาจากโครโน่ แล้วกอดมันไว้แนบอก

    ถึงเนื้อหาของมันจะมีสั้นๆง่ายๆว่า "จะไม่บอกให้คืนม้ากับเกราะ"

    แต่สำหรับเธอ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว


    *


    วันถัดมา เฟย์ได้มาถึงคอกม้าก่อนใคร เพื่อแปรงขนให้ม้าของตนเอง

    ถึงจะเป็นเรื่องที่ทำมาตลอดสี่ปี แต่พอคิดว่าเป็นม้าของตนเอง เธอก็ไม่รู้สึกเบื่อเลย

    ยิ่งทำรอยยิ้มบนหน้ายิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำ

    "ไง ขยันแต่เช้าแล้วนะ"

    "อะ...อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านโครโน่"

    เฟย์หยุดมือแล้วหันมาหาโครโน่

    ยะ...อย่าบอกนะเจ้าคะ ว่าตั้งใจจะผิดสัญญา?

    "เผอิญได้จดหมายมากจากหัวหน้าเก่าของเธอน่ะ....แต่ก็นะ จริงๆได้มาตั้งแต่เมื่อวานน่ะแหละ"

    "ขะ....เขียนว่าอะไรบ้างหรือเจ้าคะ?"

    ขาของเธอสั่นไม่หยุด

    ตอนแรกเธอคิดว่าทีโครโน่เขียนให้เมื่อคืนก็พอแล้ว

    แต่ถ้าเคานต์พิสเคย์เขียนอะไรไม่ดีเรื่องเธอไว้ล่ะก็ มันอาจจะกลายเป็นเศษกระดาษเลยก็ได้

    "เขียนไว้ว่าพ่อเธอทำตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง แม่ของเธอทำเรื่องน่าอับอาย ส่วนเธอก็ไม่ตั้งใจทำงาน... แถมยังไปหว่านเสน่ห์กระทั่งคนแคระอีก อะไรพวกนี้น่ะ"

    "คะ...คุณพ่อฉันป่วยนะเจ้าคะ.... คุณแม่ก็ทำงานหนัก ฉัน..ฉันเองก็ทำงานอย่างตั้งใจมาตลอดสี่ปีนะเจ้าคะ"

    ร่างกายเธอสั่นไม่หยุด

    แค่ปฏิเสธไม่ยอมเป็นภรรยาน้อยนี่... ต้อง... ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ?

    ทั้งย่ำยีเกียรติของคุณพ่อคุณแม่ แม้แต่โอกาสที่พึ่งจะได้มาก็ยังต้องหายกลายเป็นอากาศแบบนี้มันโหดร้ายไปแล้วเจ้าค่ะ!

    "แต่เอาเถอะ มันก็ขยะล่ะนะ"

    "เอ๋?"

    เฟย์เงยหน้าขึ้นมาหลังได้ยินคำพูดของเด็กหนึ่ม

    "ผมไม่ได่้โง่ขนาดจะเชื่อจดหมายแบบนี้หรอกนา"

    "แต่ทำไม?"

    "ก็ถ้าเป็นคนที่เขียนเรื่องพวกนี้ขึ้นมาได้ อาจจะแกล้งเธออย่างอื่นก็ได้น่ะสิ ก็เลยมาเตือนไว้ก่อน"

    "....หัวใจเกือบวายแหน่ะเจ้าค่ะ"

    เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ


    ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านเทพ

    เธอภาวนาในใจ

    แต่สิ่งทำปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอกลับเป็นภาพโครโน่ต่อสู้กับอัศวินชุดในเกราะสีขาวที่เธอไม่รู้จัก

    ด้วยความตกใจ เธอจึงส่ายหัวอย่างแรงเพื่อให้ภาพในหัวหายไป......












    มุมบ่นของผู้แปล (ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ จะพยายามไม่สปอยมาก)

    นางอวย #2 เปิดตัว

    แต่กว่าจะมีบทจริงจังก็อีกนาน แถมโผล่มาเด่นสองสามตอนก็กลายเป็นตัวประกอบเหมือนเดิมอีกต่างหาก T T

    แต่ยังไงก็ชอบ เธอฮาอ่ะ....





    ...ไม่ได้พูดถึงเฟย์นะครับ บอกก่อน








    ทำไมเวลาพวกยุ่นพยายามคิดชื่อออกยุโรปๆ จะออกมาเป็นภาษาต่างดาวแทนทุกทีเลย

    นั่งคิดนานมากว่าจะเขียนนามสกุลคุณเธอยังไงให้ไม่ดูพิลึก แต่ก็ไม่สำเร็จ



    *ผมเข้าใจว่าอัศวินรักษาพระองค์ = อัศวินปกติที่ทำงานให้จักรวรรดิ ในเรื่องนี้นะครับ ไม่แน่ใจเหมือนกัน
    *ช่องทำพูดของมิโนเทารุสและเผ่าอื่นๆที่ใช้เครื่องแปลภาษาต้นฉบับจะใช้ เครื่องหมายคำพูดไม่เหมือนกัน (เป็นเครื่องหมายใน font ญี่ปุ่น) แต่ผมว่ามันยุ่งยาก เอาเหมือนกันเลยดีกว่าเนอะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×