ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [แปล] บันทึกการสงครามของคุโระ

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 10 ผลลัพธ์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.74K
      10
      21 เม.ย. 57

    บทแรก จุดเริ่ม

    ตอนที่ 10 ผลลัพธ์

    ด้วยผลจากการที่โครโน่ลดภาษีลงเป็นจำนวนมาก ทำให้ช่วงแรกของเดือนสิบ ที่เป็นครั้งแรกที่ได้เกิดการจัดเก็บภาษีขึ้นหลังจากโครโน่มาเป็นเจ้าเมือง

    ได้จบลงอย่างสงบสุข ไม่มีชาวนาที่ต้องขายลูกสาวไปเป็นทาส และไม่มีคนยากคนจนก่อการจลาจลเพราะไม่มีเงินจ่าย

    สำหรับผู้ที่ทำอาชีพเพาะปลูก นี่ก็ยังเป็นช่วงเวลาพักผ่อนก่อนจะเข้าฤดูหนาวเต็มที่ เพราะไม่สามารถปลูกอะไรได้

    อุณหภูมิในเมืองเองก็ค่อยๆหนาวขึ้นเรื่อยๆ

    และในตอนนี้ หลังจากที่การปิดงบประจำปีได้ผ่านพ้นคฤหาสน์เอรากิสไป เหลือเพียงแต่ผลลัพธ์เป็นสมุดสามเล่มวางอยู่บนโต๊ะของโครโน่

    จริงๆก็ดูผ่านตาไปรอบหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ยังเปิดสมุดสรุปรายรับขึ้นมาอีกรอบ

    ในสมุดรายรับนั้น มีตั้งแต่รายละเอียดเกี่ยวกับภาษีที่จัดเก็บได้มาจากหมู่บ้านต่างๆ  ภาษีที่ประเมินว่าจะจัดเก็บได้ ภาษีที่จัดเก็บได้จริง กำไรจากสินค้าที่ผลิตในเขต รวมกับเป็นจำนวนเงินสิ้นสุดในด้านท้ายสมุด

    ภาษีที่เก็บได้ในเมืองนั้น สามารถเทียบเอาจากสัมมะโนครัวเอาได้ง่ายๆ แต่ภาษีที่ได้มาจากเขตเกษตรกรรมและหม฿่บ้านต่างๆนั้นอย่างต่ำก็ต้องผ่านขั้นตอนสามขั้น

    ก่อนอื่น คือผู้จัดเก็บภาษีจะเดินตรวจสอบหมู่บ้านต่างๆจนถึงต้นเดือนเจ็ด แล้วประเมินจำนวนเงินที่คาดการณ์ว่าจะเก็บได้

    และหลังจากช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผ่านพ้นไป ผู้จัดเก็บภาษีก็จะต้องตรวจสอบรอบหมู่บ้านอีกครั้ง เพื่อทำการประเมินราคาและรับซื้อผลผลิตจากชาวนา นำไปขายให้พ่อค้าอีกต่อหนึ่ง

    ซึ่งเม็ดเงินที่จะกลายเป็นภาษีก็จะได้มาในขั้นตอนนี้เอง


    ในหมู่ผู้เก็บภาษีนั้น ก็มีผู้ที่จริงจังต่อการทำงาน รายงานต่อเจ้าเมืองว่าภาษีที่จัดเก็บได้จริงน้อยกว่าที่ประเมินไว้อยู่บ้าง

    บางคนก็ทำเพื่อช่วยเกษตรกรที่เผชิญกับผลผลิตที่ไม่ไม่ดีนัก

    บางคนก็ทำเพื่อจะงุบงิบส่วนต่างใส่กระเป๋าตนเอง

    วิธีจัดการพวกงุบงิบมันก็คงมีอยู่ล่ะมั้ง...

    โครโน่คิดแล้วก็นั่งเท้าคางกับโต๊ะทำงานของตน จ้องมองเอเลน่าที่อยู่ในสภาพใกล้ตายจากการทำงานหนักข้างหน้า

    "เอเลน่า ขอคำรายงานด้วย"

    "รวมรายรับของเขตเอรากิสทั้งหมดเป็นเหรียญทองหกหมื่นห้าร้อยเหรียญ.... ความจริงมันน่าจะน้อยกว่านี้พันเหรียญ เพราะพวกโจรที่นายเอามาเป็นลูกน้องค้านว่าตัวเลขที่ประเมินไว้มันสูงไป.... แต่ด้วยแผนของนาย... พวกพ่อค้าทาสก็เลยทำกำไรมหาศาล เก็บภาษีได้มากกว่าปกติพันเหรียญ หักลบกันได้พอดี"

    เอเลน่าตอบเขาด้วยแววตาไม่ค่อยพอใจนัก

    "แต่อย่างน้อยก็คิดได้ว่าเขาตั้งใจทำงานล่ะน่า..."

    "หมายถึงใครล่ะ? พวกโจร? หรือพวกพ่อค้าทาสที่ทำเงินได้ตั้งหมื่นเหรียญในเวลาแค่เดือนเดียว?"

    ".....พวกเคย์นน่ะ"

    โครโน่ตอบเอเลน่าที่เห็นได้ชัดว่าตั้งใจประชด

    ความจริงผู้เก็บภาษีของเขตเอรากิสนั้นเป็นลูกน้องของทีเรีย แต่โครโน่ก็ไม่ได้เชื่อใจพวกเขามากนัก จึงส่งเคย์นและลูกน้องที่รุ้ถึงชีวิตของเกษตรกรดีไปทำหน้าที่เฝ้าดูแลคนเก็บภาษีอย่างเข้มงวด


    ต่อจากนั้น เขาก็หยิบสมุดเล่มถัดมา.. สมุดรายรับของโรงงานกระดาษที่พึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


    "เฉลี่ยผลิตกระดาษได้วันละประมาณห้าพันแผ่น คิดเป็นราคาทั้งหมดเหรียญทองสิบสองเหรียญ เหรียญเงินสิบเหรียญ หลังจากหักค่าคนงานเป็นเหรียญเงินยี่สิบเหรียญไปก็เหลือกำไรเป็นเหรียญทองสิบเอ็ดเหรียญ เหรียญเงินเก้าสิบเหรียญน่ะ"

    เอเลน่าเริ่มอธิบายเมื่อเห็นโครโน่หยิบสมุดขึ้นมาดู

    "ตอนแรกที่จ้างคนไปเยอะกว่าที่คาดไว้สิบคนก็แอบห่วงอยู่เหมือนกัน แต่ดูแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องห่วงล่ะมั้ง"

    พนักงานที่ทำงานในโรงงานกระดาษนั้นมีทั้งหมดยี่สิบคน และทุกคนเป็นผู้อาศัยในโรงบรรเทาทุกข์ทั้งสิ้น

    ตอนแรกเขาคาดว่าจะจ้างประมาณสิบคนก็พอ แต่หลังจากปรึกษาขั้นตอนการทำงานกับโกลดี้ และนึกได้ว่าต้องมีคนที่ค่อยจัดหาฟืน รวบรวมไม้กับขี้เถ้าแล้วจึงเพิ่มจำนวนขึ้นไปอีก

    "ดูไม่ค่อยดีใจเลยนะ?"

    "ก็ตอนนี้ไม่เสียค่าวัตถุดิบนี่นา ถ้าจะดีใจไว้รอตอนหลังทำพื้นที่ปลูกไม้ที่จะเอามาทำกระดาษเสร็จ.... และแล้วเริ่มเปิดโรงงานที่สองก่อนดีกว่า"

    "คิดมากจังนะนายเนี่ย กว่าจะทำได้จริงก็อีกนานเลยนา"

    เอเลน่าพูดกับโครโน่อย่างเอือมระอาเมื่อได้ยินคำตอบของเขา

    การทำพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้นั้นเป็นแผนการเมื่อวัตถุดิบเริ่มขาดแคลนของเขา

    เพราะถึงโกลดี้จะบอกว่าไม้ที่เอามาทำกระดาษได้นั้นขึ้นอยู่ทั่วไปตามเขตเอรากิส แต่ตอนนี้วันหนึ่งๆพวกเขาก็ใช้ไม้น้ำหนักมากกว่าห้าร้อยกิโลกรัมแล้ว

    อีกหน่อยมันก็คงหมดไป

    "ก็ถ้ารับรองเรื่องวัตถุดิบไม่ได้เราก็ทำเป็นอุตสาหกรรมไม่ได้สิ ถ้าตัดไม้แบบนี้ไปเรื่อยๆผมกลัวจะไปล่มเอาที่ไหนซักที่น่ะ"

    "นายนี่.... ความจริงแล้วเป็นพวกขี้กังวลรึเปล่า?"

    "....ก็ค่อนข้างนะ"

    "เห...... หืม...... เหรอ"

    อย่าว่าแต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อเลย

    แววตาที่เธอส่งกลับมาให้เขานั้นมีแม้แต่การดูถูกเหยียดหยามรวมอยู่ด้วย

    "มีปัญหาอะไรรึเปล่า?"

    "มีเยอะเลยย่ะ แต่ไม่คิดจะพูดตรงนี้หรอก"


    สุดท้าย เขาก็หยิบสมุดเล่มสุดท้าย... สมุดงบประมาณของเดือนต่อจากนี้ไปขึ้นมา

    "ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ รายรับทั้งหมดจากเก็บภาษีครั้งนี้รวมเป็นหกหมื่นห้าร้อยเหรียญ รวมกับเงินคงเหลืออีกสองหมื่นหนึ่งพันเหรียญ งบสำหรับปีหน้าก็จะมีแปดหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยเหรียญน่ะ.."

    เธอพูดไปก็แอบดูสมุดที่เขาถืออยู่ไปด้วย

    ก็อย่างว่า คงจำไม่ได้ทั้งหมดหรอก

    "ที่เพิ่มงบประมาณให้โรงพยาบาล กับการส่งเงินบริจาคไปให้โบสถ์ของเทพธิดาสีเหลืองเนี่ย มันก็พอรับได้อยู่ แต่จำเป็นต้องสร้างหอทหารใหม่จริงๆเหรอ? บอกไว้ก่อนนะ สร้างหอทหารใหม่เนี่ย จักรวรรดิไม่จ่ายให้หรอกนา"

    "แค่นั้นผมก็รู้อยู่น่า"

    เห็นแบบนี้ผมก็เป็นทหารของจักรวรรดิเหมือนกันนา เขาคิดไปก็เท้าคางไป

    ทหารของจักรวรรดินั้นจะได้รับเงินเดือนและชุดเกราะ รวมไปถึงหอทหาร ที่ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพจากจักรวรรดิ

    แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้นำกองทหาร... ที่ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าเมืองในเขตต่างๆ.... จะเป็นผู้มีหน้าที่เบิกงบประมาณทางการทหารมาจัดแบ่งให้แก่ทหาร

    ซึ่งส่วนที่เกินจากงบประมาณก็ต้องออกเอาเอง ทำให้เวลาจะตัดสินใจอะไรต้องคิดให้ดีๆ

    "นายจะโอ๋พวกกึ่งมนุษย์ชั้นก็ไม่แคร์หรอกนะ แต่ถึงขนาดสร้างหอให้ใหม่นี่เกินไปรึเปล่า?"

    เอเลน่าเริ่มจะมีน้ำโหให้กับรอยยิ้มของโครโน่

    "ไม่ได้โอ๋หรอก นี่ก็เป็นรายจ่ายสาธารณูโภคอย่างหนึ่งเหมือนกัน เป็นการคืนภาษีให้ประชาชนไง แถมคนที่ทำอาชีพเพาะปลูกก็จะได้มีงานทำในช่วงฤดูหนาวด้วย"

    โครโน่ตอบหญิงสาวตรงหน้าอย่างหน่ายใจ แล้วทิ้งน้ำหนักตัวเองลงไปกับเก้าอี้

    "ถ้านายจะว่าอย่างนั้นชั้นก็จะไม่พูดอะไรแล้ว... เอาเป็นว่าการรายงานจบแค่นี้แหละ"

    "ขอบคุณนะ วันนี้ไปพักไปแล้วล่ะ"

    แต่เอเลน่ากับมีสีหน้าไม่พอใจกับคำพูดของเขา

    "...แค่นั้นเองเหรอ?"

    "แค่นั้นแหละ"

    เมื่อได้ยินดังนั้น เธอจึงเริ่มหน้าแดงแล้วพูดกับเขาว่า

    "กะ..ก็บอกว่า...!"

    แต่ในจังหวะที่เธอจะพูดต่อมา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเสียก่อน

    "เข้ามาได้เลย"

    "...ขออนุญาตนะคะ คุณผู้ชาย"

    แล้วหัวหน้าเมด อลิสสา ที่ฟื้นตัวจากอาการป่วย แล้วกลับมาทำงาน...  ก็เข้าห้องมา

    "ท่านชิออนกับเหล่าผู้ใหญ่บ้านมารออยูที่ห้องประชุมค่ะ"

    "อืม เข้าใจล่ะ"

    เขาตอบเธอแล้วก็ตบไหล่เอเลน่าที่ค้อนอลิสสาอยู่ แล้วก็กระซิบอะไรบางอย่างลงไปที่ใบหูของหญิงสาว

    "วะ...ว่าอะไรนะ.... ตอนมาที่ห้องครั้งหน้า...ให้เตรียมตัวมาด้วย...?.... บะ...บ้ารึเปล่า! ไอ้โรคจิต... ปะ...ไปตายซะ!"

    แต่เขาก็เดินออกจากห้องทำงานไปโดยไม่สนเสียงของเอเลน่าที่ดังจากข้างหลัง

    "ทางนี้ค่ะ คุณผู้ชาย"

    จริงๆไม่ต้องนำทางก็ได้นะ...

    แต่เขาก็ไม่พูดอะไร เดินตามอลิสสาไปยังห้องประชุมที่มีชิออนกับเหล่าผู้ใหญ่บ้านรออยู่

    "ทำไมถึงมอบตำแหน่งหัวหน้าเมดให้ดิชั้นล่ะคะ?"

    อลิสสาพูดขึ้นโดยไม่หันมามองเขา

    ท่าทางราวกับจะบอกว่า "ถ้าตอบยากไม่ต้องตอบก็ได้" เลย

    "ก็ไม่มีผู้มีประสบการณ์เป็นเมดเหลือเลยน่ะ"

    "แค่นั้นหรือคะ?"

    อลิสสาหยุดเดิน แล้วหันมามองเขา

    "ก็....สงสารด้วยนิดหน่อย"

    "โล่งใจจังเลยค่ะ"

    แล้วเธอก็ออกเดินต่อ โดยไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น

    คิดว่าจะโดนทำเรื่องแบบนั้นอยู่รึเปล่านะ.. เขาคิดขึ้นแล้วเริ่มสำรวจอลิสสาที่เดินอยู่ข้างหน้าตนเอง

    ทั้งๆที่เธอแค่รวบผมขึ้น แล้วใส่ชุดพร้อมผ้ากันเปื้อนเฉยๆแท้ ทำไมถึงรู้สึกมีเสน่ห์อย่างนี้นะ....


    และในระหว่างที่คิดเรื่องพวกนั้นอยู่ เธอก็หยุดอยู่หน้าประตูห้องประชุมแล้ว

    ได้ยินเสียงคุยกันมาจากข้างในด้วย

    "จะเปิดประตูเข้าไปเลยไหมคะ คุณผู้ชาย?"

    "เชิญเลย"

    และเมื่ออลิสสาเปิดประตูห้องเข้าไป เสียงพูดคุยกันที่ดังอยู่ข้างในก็เงียบลง

    โครโน่จึงเดินเข้าไปนั่งพร้อมสำรวจชิออนและเหล่าผู้ใหญ่บ้านทั้งหลายไปด้วย

    "คุณชิออน อธิบายไปถึงไหนแล้ว?"

    "คะ....ค่ะ เพิ่งจะอธิบายเรื่องต้นโคลเวอร์จะช่วยฟื้นฟูพลังในดินไปเองค่ะ"

    "อา...อย่างนี้นี่เอง"

    เขาตอบชิออน แล้วหันไปมองเหล่าผู้ใหญ่บ้านทั้งหลาย

    พวกเขาทุกคนมีสิ่งเดียวกันอยู่บนสีหน้า

    ดูแล้วคงไม่เชื่อคำพูดของชิออนสินะ

    แต่พวกเขาก็กลัวชิออนจะเอาไปบอกโครโน่ และทำให้เขาไม่พอใจ

    ไม่ว่าใครก็ไม่อยากทำให้เจ้าเมืองที่ลดภาษี แถมยังส่งคนไปตรวจสอบคนเก็บภาษีโกรธหรอก

    "ก็ตามนั้นแหละ ผมอยากจะปลูกต้นโคลเวอร์ในช่วงเวลาพักดินแทนที่จะปล่อยเอาไว้เฉยๆ.... แล้วก็แน่นอนว่าไม่ใช่ที่ดินทั้งหมดหรอก เริ่มจากแปลงเดียวก่อนก็พอ ในกรณีที่ล้มเหลว... ในกรณีที่ได้ผลผลิตน้อยกว่า 80% ของผลผลิตเฉลี่ยต่อปีในห้าปีที่ผ่านมา ผมจะยกเว้นภาษีให้ที่ดินแปลงนั้น"

    เขาพูดเสร็จก็แอบมองสีหน้าของเหล่าผู้ใหญ่บ้านผ่านมือของตนเอง

    "....ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้อาสาสมัครมาทดลองน่ะนะ"

    "ถ้างั้นพวกกระผมเองครับ"

    ผู้ที่ยกมือขึ้นมานั้นดูคุ้นตาชอบกล... เขาคือผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับหอคอยที่พวกโจรเคยอาศัยอยู่นั่นเอง

    "เอาล่ะ งั้นก็ตามนี่นะ อย่าลืมล่ะว่าทางผมจะรับซื้อเมล็ดพันธุ์โคลเววอร์ด้วย อย่าลืมเก็บเกี่ยวมาล่ะ.... แล้วก็ต่อไปเป็นเรื่องของการเพาะปลูกในปีหน้า  คุณชิออน รบกวนด้วย"

    "คะ...ค่ะ"

    เขาปล่อยให้ชิออนเป็นคนบรรยาย แล้วนั่งดูสถานการณ์ในห้องต่อไป

    แผนการการเกษตรของปีหน้านั้นมีดังนี้

    ที่ดินเพาะปลูกแถบนี้จะแบ่งออกเป็นสามแปลง โดยจะปลูกอะไรนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละหมู่บ้านจะตัดสินกันเอง.. แต่ถ้าดูในภาพรวมแล้ว มันจะเกิดความไม่เท่าเทียมในเรื่องของชนิดของพืชที่ปลูก ทำให้แต่ละหมู่บ้านต้องปรึกษากันในเรื่องนี้

    และหลังจากทำความเข้าใจกันแล้ว แต่ละหมู่บ้านก็จะปรึกษาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านตน และแลกเปลี่ยนข่าวสารต่างๆ

    นี่คือจุดหมายของการประชุมครั้งนี้



    และถึงจะมีการขาดช่วงไปนิดหน่อย ชิออนก็สามารถทำให้การประชุมดำเนินไปได้ด้วยดี

    "อะเอ่อ... ท่านโครโน่คะ.. จบเรียบร้อยแล้ค่ะ"

    "อืม.. อลิสสา พาพวกผู้ใหญ่บ้านไปที่รถม้า แล้วส่งจนถึงหมู่บ้านที"

    "ค่ะ คุณผู้ชาย..... ท่านผู้ใหญ่บ้านทั้งหลายเชิญที่สวนเลยค่ะ"

    และเหล่าผู้ใหญ่บ้านก็เดินตาอลิสสาออกประตูไป เหลือเพียงชิออนกับโครโน่ในห้อง

    "เฮ่อ.... ประหม่าไปหมดเลยค่ะ"

    "เหนื่อยหน่อยนะ"

    ชิออนถอนหายใจ แล้วห่อตัวกับเก้าอี้

    "ทั้งๆที่ตอนฉันกับคุณพ่อพูดนี่ไม่คิดจะเชื่อเลยแท้ๆ...."

    เธอพูดพร้อมคิดถึงอดีตของตนเอง

    "แต่เรื่องจะปลูกบีตรูตนี่ดูไปไม่ค่อยสวยนะ"

    "ถึงจะอธิบายให้มันเอาไปทำน้ำตาลได้ แต่เวลาปลูกมันต้องขุดลงไปในดินลึกพอสมควร ตอนจะใส่ปุ๋ยก็ยุ่งยากอีกน่ะค่ะ"

    "แต่ผมก็อยากผลิตน้ำตาลให้ได้เร็วๆอ่ะน้า..."

    เขานั่งจมลงกับเก้าอี้ แล้วไขว้มือมารองศีรษะ

    บีตรูตที่ได้จากการเก็บเกี่ยวฟาร์มของชิออนนั้นมีจำนวนสามร้อยกิโลกรัม เอามาทำน้ำตาลได้ประมาณห้าสิบกิโลกรัม

    แต่มันก็ยังน้อยเกินไปที่จะทำตลาด

    "...ตอนนี้ผมพยายามจะเพาะต้นไม้ที่เอามาทำกระดาษได้อยู่น่ะ.... จะให้เพิ่มแรงงานแล้วทำบีตรูตไปด้วยไหม?"

    "จะ...จะดีหรือคะ?"

    ชิออนลุกขึ้นมามองเขา

    "แต่ต้องขายแค่ผมคนเดียวนะ บีตรูตกับต้นไม้มันปลูกใกล้ๆกันได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา ส่วนพวกขี้เถ้าทั้งหลายไปขอโกลดี้เอา พวกกากที่เหลือจากการทำน้ำตาลก็เอามาเป็นอาหารสัตว์แทนนะ"

    "ขะ....ขอบพระคุณมากค่ะ! แค่นี้ก็คงทำความฝันคุณพ่อให้เป็นจริงได้แล้ว"

    เธอจัดมือของเขาขึ้นมากุม

    แล้วทำท่าราวกับภาวนาต่อพระเจ้า


    *


    ไปดูตลาดค้าทาสหน่อยดีกว่า โครโน่คิดขึ้นแล้วเดินออกไปจากคฤหาสน์

    ตอนนี้คฤหาสน์เอรากิสเต็มไปด้วยเสียง ตึง! ตึง! ที่เกิดจากการตีเหล็ก และไอน้ำที่เกิดจากการทำกระดาษเต็มไปหมด

    "ฟาดดาบให้ดีกว่านี้เจ้าค่ะ!"

    แต่เขากลับได้ยินเสียงแทรกซ้อนมา จนต้องหันไปมอง

    ปลายตาของโครโน่นั้นพบกับเฟย์ที่กำลังสอนวิชาดาบให้กับเด็กสามคนอยู่ในมุมหนึ่งของคฤหาสน์

    แต่ดูแล้วในเด็กสามคนนั้นมีเด็กสาวที่ฝึกอยู่นี่ทำท่าไม่อยากฝึกอยู่ด้วยแฮะ

    "วันนี้ไม่ได้เป็นวันหยุดเหรอเฟย์?"

    "เจ้าค่ะ ท่านโครโน่"

    พอเขาเดินเข้าไปทัก เฟย์ก็สะดุ้งขึ้นแล้วหันมาตอบเขาอย่างรวดเร็ว

    "คือตอนแปรงขนม้าอยู่ เด็กๆก็มาขอให้สอนวิชาดาบให้น่ะเจ้าค่ะ!"

    "อย่างนี้นี่เอง"

    ถึงเธอจะพยายามมีอะไรกับเขาเพื่อจะฟื้นฟูตระกูลของตนเองขึ้นมาก็ตาม แต่เธอก็เขาก็ไม่ได้ดูถูกดูแคลนอะไรเธอมากนัก

    "ในอนาคต ตอนฟื้นฟูตระกูลขึ้นมาแล้วก็ต้องมีผู้ติดตามกับคนรับใช้เจ้าค่ะ! จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็ขอให้ท่านโครโน่่อย่าพึ่งตายแล้วก็ผลิตทายาทไว้ก่อนด้วยเจ้าค่ะ!"

    "...แบบนี้ถ้ามีลูกแล้วก็หมดธุระ?"

    "ชีวิตของขุนนางมันก็มีแค่นี้นี่เจ้าคะ!"

    อย่างกับสัตว์เลยแฮะ......

    "ผมขออยู่ดูต่อซักหน่อยแล้วกัน"

    "พวกเธอก็ฟาดดาบต่อไปเลยเจ้าค่ะ!"

    เมื่อเขานั่งลงบนกล่องใหม่ที่อยู่ใกล้ๆ เฟย์ก็มายืนข้างๆเหมือนกับที่ผู้ช่วยทหารเคยทำ

    "....ผมได้ยินเรื่องเธอมาจากเคย์นแล้วนะ"

    "มะ....มีปัญหาหรือเจ้าคะ?"

    "เปล่า.. แค่ชมว่าตั้งใจทำงานดีน่ะ"

    จริงๆแล้วเคย์นพูดว่า "เด็กใหม่ตั้งใจทำงานเกินไปจนอู้ไม่ได้เฟ้ย!"

    แต่มันก็คงเป็นคำชมชนิดหนึ่งน่ะแหละ

    "ดีจังเลยเจ้าค่ะ"

    "แล้วก็มีจดหมายมาจากเจ้านายเก่าของเธออีกแล้วน่ะ"

    เธอสะดุ้งขึ้นอีกรอบ

    "ขะ...เขียนว่าอะไรบ้างหรือคะ?"

    "อืม.... หลักๆก็เหมือนครั้งก่อนน่ะแหละ"

    ทั้งๆที่ส่งจดหมายมาฉบับหนึ่งนั้นต้องใช้เงินไม่น้อยเลยแท้ๆ แต่ถึงกับส่งมาทุกๆสองสัปดาห์นี่มันต้องมีอะไรแล้วแหละ

    "ทำอะไรไว้กับเจ้านายเก่ารึเปล่า? เช่นบีบคอเกือบจะฆ่าตอนฝึก หรือว่าใช้ดาบไม้ฟาดจนน่วมตอนฝึก...?"

    "แค่ปฏิเสธที่จะเป็นภรรยาน้อยเองเจ้าค่ะ"

    "ใจแคบจริงๆเลยน้า...."

    ส่วนเขานั้นเชื่อคำว่า "ออมมือแล้วเจ้าค่ะ" ของเฟย์ และไม่คิดจะเห็นด้วยกับเจ้านายเก่าของเธอเลย

    "เอ้อ.. พอผมคิดว่าถ้าเมินไปนานๆมันอาจจะเสียมารยาทไปหน่อย ก็เลยเขียนข้างหลังจดหมายกลับไปไปว่า "หนูเฟย์เป็นเด็กดีตั้งใจทำงานครับ" ด้วยน่ะ"

    "....ฉันอายุเยอะกว่าท่านโครโน่นะเจ้าคะ"

    ฮะๆ เพราะนิสัยเคร่งเครียดเกินไปนี่แหละ ถึงโดนเกลียดเอาน่ะ

    เขามองเฟย์แล้วคิดขึ้น

    "อย่างที่คิดเลย.. พี่สาวนี่ไม่เข้าใจจริงๆเลยน้า"

    "ก็บอกว่าตอนสอนดาบให้เรียกว่าอาจารย์ไงล่ะเจ้าคะ!"

    หลังเด็กชายหยุดฟาดดาบแล้วหันมาทำยกมือทำท่ากวนประสาทใส่เฟย์ เขาก็โดนเธอตวาดกลับพร้อมโดนดาบชี้หน้าด้วย

    "....อาจารย์นี่ไม่ได้เข้าใจอะไรจริงๆเลยน้า"

    "ไม่เข้าใจอะไรหรือเจ้าคะ?"

    เธอเบ้ปากถาม คิดว่าตนเองกำลังโดนกำลังโดนล้อ

    "ท่านโครโน่อุตส่าห์ชมนะ ต้องแสดงความขอบคุณสิ"

    "ฉันอายุมากกว่าท่านโครโน่ แล้วก็เป็นอัศวินด้วยเจ้าค่ะ! ใส่ "หนู" ข้างหน้านี่มันไม่เหมาะเลยนะคะ!"

    "ก็ท่านโครโน่น่ะใหญ่กว่าพี่สา..อาจารย์นี่นะ ต้องปล่อยไปบ้างนะ ลูกน้องน่ะต้องเอาใจใส่เจ้านายบ้าง"

    เด็กหนุ่มคิดถึงประสบการณ์ตอนอยู่ข้างถนนของตนเองแล้วพูดกับเฟย์

    "....."

    เฟย์หยุดคิดไปซักพัก ราวกับว่านึกได้ว่ามีสถานการณ์คล้ายๆแบบนี้ในอดีต

    หลังจากนั้นประมาณห้านาที เด็กหนุ่มก็ค่อยๆถ่ายทอดมุมมองของตนเองให้อาจารย์ตนฟัง

    "ท่านโครโน่.... ปล่อยไปจะดีกว่าหรือคะ?"

    หลังเธอฟังเด็กหนุ่มพูดจนจบ เธอก็หันมาถามเจ้านายตนเองบ้าง

    "ผมไม่ค่อยคิดมากหรอก แต่คนที่ไม่ชอบก็มีอยู่เหมือนกัน"

    ทะ...ท่านโครโน่ยังบอกว่าไม่ใส่ใจเลยเจ้าค่ะ!"

    "อาจารย์นี่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยจริงจริ้งงงง"

    เด็กหนุ่มชี้เฟย์แล้วใช้อีกมือโบกไปมา

    "เอาล่ะ.. พยายามเข้าละกัน"

    โครโน่ปล่อยให้เด็กๆกับเฟย์ฝึกกันต่อไป แล้วออกเดินทางไปยังย่านการค้า


    *


    ถ้าอยากจะหาทาสที่มีแขนขาครบและไม่เจ็บไข้ได้ป่วยล่ะก็.. ให้ไปที่เขตเอรากิสซะ

    ดูเหมือนว่าในเหล่าสุภาพบุรุษที่แสวงหาความผ่อนคลาย จะมีข่าวลือทำนองนี้ถูกบอกกล่าวอยู่

    แบบนี้จะถือเป็นข่าวลือที่ดีได้ไหมเนี่ย... โครโน่นั่งเท้าคางบนโซฟา มองดูตลาดค้าทาสตรงหน้าแล้วคิดขึ้น


    ข้างหน้าเขามีเด็กสาวที่เป็นทาสเดินอยู่บนเวที.. เหมือนกับตอนที่เขาซื้อเอเลน่าไป

    สิ่งที่เธอสวมใส่ติดตัวมีเพียงแค่ผ้าผืนเล็กๆเท่านั้น พอเดิน ส่วนต่างๆที่ถูกปิดไว้ก็จะโผล่แหล่มิโผล่แหล่

    แต่พอเพียบกับตอนนั้นแล้วผ้าก็ดูสะอาดขึ้นนะ แล้วอย่างน้อยก็ดูไม่มีร่องรอยการโดนซ้อม

    หลังจากแขกมานั่งกันจนเต็มที่นั่งแล้ว เด็กสาวก็เริ่มพูดขึ้น

    "ฉะ....ฉันชื่อมาเรียค่ะ เกิดในหมู่บ้านเกษตรกรรม ทำให้ไม่มีการศึกษาเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ก็พอจะอ่านออกเขียนได้บ้างแล้วค่ะ"

    เธอพูดกับผู้ชม

    "....นึกว่าจะไม่มาอีกแล้วนะครับเนี่ย"

    "ผมเองก็ไม่ได้อยากมาหรอก แต่ยังไงก็รู้สึกว่าต้องมาดูด้วยตัวเองน่ะ"

    เขาตอบไมล์สที่เดินมาทักอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

    "ก็ดูประสบความสำเร็จดีนะ ตลาดนี่น่ะ..."

    "ประสบความสำเร็จจนบางคนคิดจะเปิดตลาดสัปดาห์ละสองครั้งเลยล่ะครับ.... แต่แน่นอนว่าถ้าทำอย่างนั้นคุณภาพสินค้ามันจะตกลง"

    "ที่สอนหนังสือให้ก็เป็นแผนการเพิ่มคุณภาพใช่ไหมล่ะ?"

    "โอ๋... ทราบด้วยหรือครับ"

    ไมล์สหัวเราาะเงียบๆแล้วยิ้มตอบ

    "เงื่อนไขขั้นต่ำที่ลูกค้าร้องขอก็คือทาสที่มีสุขภาพดีเฉยๆน่ะครับ ... แต่ถ้าเราเปลี่ยนเงื่อนไขขั้นต่ำของทางเราเป็นทาสที่มีสุขภาพดี และมีความสามารถด้วยล่ะก็ เราก็จะยกราคาเฉลี่ยขึ้นได้อีก แต่ตอนนี้ก็ยังสอนแต่เรื่องง่ายๆเองครับ"

    "ก็แค่ให้อ่านหนังสือออก ไม่ต้องมีความสามารถก็ทำได้นี่นะ"

    "เหรียญทองสามสิบเหรียญ!"

    "สามสิบสอง!"

    "สามสิบห้าเหรียญเฟ้ย!"

    โครโน่ดื่มน้ำแก้กระหาย แล้วมองราคาของเด็กสาวที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ

    "เหรียญทองห้าสิบเหรียญ!"

    "มีท่านไหนจะให้ราคามากกว่าห้าสิบเหรียญอีกไหมครับ? ...ไม่มีสินะครับ จบที่ห้าสิบเหรียญครับ!"

    หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็นำใบรับรองคุณภาพให้เด็กสาวถือไว้ และพาเธอไปหาผู้ที่ชนะการประมูล

    ในใบรับรองคุณภาพนั้น มีผลการตรวจสอบสุขภาพและสภาพของเยื่อพรมจรรย์เขียนเอาไว้

    นี่ก็เป็นบริการอย่างหนึ่งของพ่อค้าทาสเหมือนกัน

    นับว่าแผนของโครโน่นั้นนำกำไรเข้าเขตเอรากิสมามากมายจริงๆ

    "ผมไม่รู้เกี่ยวกับที่อื่นหรอกนะ แต่หอนางโลมของผมก็มียอดขายสูงขึ้นเยอะเลยครับ"

    "นั่นผมก็รู้แล้วเหมือนกัน"

    "เห็นทำหน้าไม่ค่อยสบายใจเลย.... เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ?"

    เมื่อเขาเงยหน้า เขาก็พบหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ พร้อมกับส่งรอยยิ้มบางๆมาให้เขา

    อายุประมาณสามสิบล่ะมั้ง หรืออาจจะน้อยกว่านิดหน่อย

    หน้าอกใหญ่ น่องเล็ก

    เธอใส่ชุดเดรสสั้นๆที่ชวนให้คิดลามกอยู่

    ชุดของเธอนั้นเป็นชุดที่เปิดเผยเนื้อหนังมาก มีทรงแบบเดียวกับทาสที่ถูกนำออกมาประมูล

    แต่ราคานั้นน่าจะสูงกว่าซักพันเท่าได้

    "ขอนั่งตรงนี้ได้ไหมคะ?"

    "....."

    หญิงสาวนั่งลงบนโซฟาข้างๆโดยไม่รอคำตอบของเขา และเข้ามาซุกกับโครโน่

    "นี่คือเจ้าเมืองเอรากิสสินะคะ? เป็นคนที่ยอดเยี่ยมอย่างที่ได้ยินมาเลย"

    "คือผมอยากให้เลิกการแสดงแบบนี้แล้วแนะนำตัวดีๆซักทีอ่ะนะ"

    สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปในพริบตากับคำพูดของโครโน่

    "รู้ด้วยหรือคะ?"

    "ไม่รู้หรอก"

    คำพูดนั้นทำให้เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาเป็นรอบที่สอง

    "แลล้วทำไมถึง.."

    "ถ้าโดนบอกว่าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมล่ะก็ ใครๆก็ต้องสงสัยทั้งนั้นล่ะ"

    หญิงสาวเมินหน้าไป ทำท่าไม่ค่อยสะดวกใจ.... หรือจะว่าไม่สะดวกใจจริงๆนะ?

    "คุณนี่.... เป็นพวกตีค่าตัวเองต่ำรึเปล่า?"

    "อย่างน้อยคิดว่าไม่มีทางที่ผู้หญิงที่ไม่เคยเจอจะมาชมแบบนี้ได้น่ะนะ"

    ถ้าเป็นผู้หญิงที่รู้จักกันนานพอจนรู้ว่าไม่มีจุดประสงค์แอบแฝง ผมจะก็เชื่ออยู่หรอก...


    เมื่อได้ฟังคำตอบของเขา หญิงสาวตรงหน้าก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดต่อ

    "เธอนี่... เป็นคนน่าสนใจนะ"

    "ขอบคุณ....  แล้วก็... ขอทราบชื่อด้วยครับ?"

    "กิลส์มาสเตอร์ของพวกโสเภณีจากรัฐอิสระน่ะ ได้รับคำสั่งจากตาลุงน่ารำคาญให้มาหาเธอ... ตกใจรึเปล่า?"

    "ผมแค่อยากจะถามชื่ออ่ะนะ....."

    หืม? หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ

    "เอเลนน่ะ เอเลน ชีน่า.. บอกไว้ก่อนนะ  ฉันแค่ใส่นามสกุลไว้หลังชื่อเท่านั้นเอง จริงๆเป็นสามัญชนธรรมดาๆ"

    หญิงสาว.... หัวหน้ากิลด์โสเภณีพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มยั่วยวน

    "แล้วทำไมถึงมาสืบเรื่องของผมล่ะ?"

    "นั่นสินะ... ถึงฉันจะเป็นกิลด์มาสเตอร์ก็เถอะ จริงๆก็โดนใช้งานมาเหมือนกัน พวกตาลุงนั่นคิดอะไรอยู่ฉันไม่รู้หรอก"

    "แล้วคุณเอเลนว่ายังไงบ้างล่ะ?"

    เมื่อได้ฟังคำถามของโครโน่ เธอก็กอดอก..หรือจะเรียกว่าดันหน้าอกดี.... แล้วตอบเขา

    "ก็นะ... เธอน่ะผลิตกระดาษด้วยวิธีที่ไม่เคยมีมาก่อน... พวกนั้นก็คงกังวลว่าจู่ๆจะมาใครไม่รู้มาแย่งกำไรตัวเองไปน่ะ วิธีผลิตกระดาษจริงๆก็เป็นความลับด้วย"

    "อย่างนี้นี่เอง..."

    เธอจริงใจขนาดไหนกันนะ... เขาคิดอยู่กับตนเอง

    "ฮิๆ.. มีความคิดยังไงบ้างล่ะ"

    "กำลังคิดว่าถ้ามีคนให้คำปรึกษาแบบคุณเอเลนได้ผมคงสบายใจกว่านี้น่ะ"

    ที่แย่ก็คือเธอไม่ใช่หนามของดอกกุหลาย ที่ถ้าเล่นด้วยโดยไม่ระวังก็แค่โดนหนามตำ

    แต่เธอเหมือนกับเครื่องจักรที่ถ้าไปแตะมั่วๆจะแขนขาขาดเอาได้ง่ายๆ

    "ฉันแพงนะ"

    "เอ่อ... เท่าไหร่ครับ?"

    เธอชูนิ้วชี้ขึ้นมา

    "เหรียญทองหนึ่งหมื่นเหรียญ....นี่ไม่ใช่การซื้อตัวนะ ฉันเป็นเจ้าของหอนางโลมตัวเอง แต่อย่างต่ำก็อยากได้ประมาณนั้น..... ฉันมีเส้นสายหลายๆอย่างด้วย ถ้าเธอคิดจะค้าขายล่ะก็ นี่ถือว่าถูกด้วยซ้ำ"

    "ตอนนั้นก็ฝากด้วยละกัน"

    "อืม ทางนี้ก็เช่นกัน"

    หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็คุยกันขณะอยู่ดูการประมูลทาสต่อไป


    *


    คืนนั้น ขณะที่โครโน่กำลังอ่านรายงานซ้ำอีกรอบอยู่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

    "....."

    "นี่! ชั้นเคาะอยู่นะยะ รีบเปิดหน่อยสิ!"

    พอทำเมินไม่ตอบ เอเลน่าก็เปิดประตูเข้ามาตวาดใส่

    "โทษทีๆ พอดีอ่านรายงานอยู่น่ะ"

    "หา? ชั้นเช็คตั้งหลายรอบแล้วนี่ นายเองก็เพิ่งตรวจดูไปไม่่ใช่หรือไง!"

    เอเลน่าตอบอย่างไม่พอใจ แล้วยื่นหน้ามาดูรายงานที่เขาอ่านอยู่

    "....ถึงขนาดมาทดในนี้เลย.... นี่เชื่อถือไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?"

    "ก็เป็นเงินสำคัญที่ได้จากประชาชนนี่นา"

    "นายนี่... เป็นขุนนางที่แปลกจริงๆ"

    ทันใดนั้น กลิ่นลาเวนเดอร์ก็ลอยมาเตะจมูกชายหนุ่ม

    ".....กลิ่นแชมพูที่นายให้พวกคนแคระทำน่ะ"

    "เผอิญขี้เถ้าเหลือน่ะ จะซื้อก็แพง เลยให้ทำใช้กันเอง"

    "ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่"

    เธอทำท่าไม่สนใจ แล้วนั่งลงบนเตียง

    "เอเลน่า... เตรียมตัวมารึยัง?"

    "....!"

    เธอสะดุ้งเมื่อได้ยินทำถามของชายหนุ่ม

    "นี่ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ?"

    "ระ...เรื่องแบบนั้น... ไม่ได้นับหรอกย่ะ"

    ชายหนุ่มเผยยิ้ม แล้วเดินเข้าใกล้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงนอนของตน

    "ครั้งที่?"

    "คะ...ครั้งที่สี่"

    เมื่อเขาดังปลอกคอที่เธอสวมอยู่ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่แสดงออกถึงความตื่นกลัว และความคาดหมายในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

    ผมนี่เป็นพวกได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะเนี่ย

    "มะ...ไม่ได้นะ! จูบไม่ได้!"

    พอเลื่อนริมฝีปากไปใกล้ๆ เอเลน่าก็ใช้แขนของตนเองดันเขาออกไป

    ทำไมใช้ปากทำได้ แต่จูบไม่ได้ล่ะฟะ.... เขาคิดขึ้นเงียบๆในใจ

    "...จะว่าไปแล้ว.... ไม่ได้เตรียมตัวมาสินะ? งั้นก็ช่วยไม่ได้..."

    "ชะ..ช่วยไม่ได้อะไรกัน...... กะ....โกหกใช่ไหม..."

    ชายหนุ่มจับข้อเท้าของเอเลน่าที่เริ่มจะคลานสี่ขาไปยังอีกฝั่งของเตียงเอาไว้ แล้วดึงเบาๆอย่างไม่ทำให้หญิงสาวเจ็บ

    "ตะ...เตรียมตัว...มาแล้ว"

    "งั้นก็... เลือกสิ"

    เธอครางออกมาอย่างเข้าใจในความหมายของเขา


    *


    เช้าวันถัดมา พอลืมตาตื่นขึ้น เขาก็พบเอเลน่านอนให้หลังให้ตนเองอยู่

    และแน่นอนว่าทั้งเธอและเขานั้นไม่ได้ใส่อะไรติดกายอยู่เลย

    "....เจ็บก้นอ่ะ"

    เธอบ่นๆเบาอยู่คนเดียวบนเตียง

    "เอ่อ.... คุณเอเลน่าครับ?"

    "นายนี่มัน!"

    เธอลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว... แต่ด้วยความเจ็บปวดจากเมื่อคืน ทำให้เธอต้องสะดุุ้งเล็กน้อย

    "นะ..นายนี่มัน! บะ..บ้ารึเปล่า! ทำไมถึงใส่ของแบบนั้นเขามาหา!"

    "ก็เธอบอกว่า "ตรงนั้นอย่านะคะ ขอร้องล่ะค่ะ" นี่นา"

    "ก็! ....ก็! ปกติมันต้อง..... โอ๊ยยยยยย! นายนี่สมองเสื่อมหรือสติไม่ดีรึเปล่า! ไปตายซะ! ไปตายซร้าาาาาาาาาาาาา! ไอ้บ้า!"

    เมื่อโวยวายจนพอใจ เธอก็ล้มตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง

    "...เจ็บก้นอ่ะ"

    "เอ่อ... คุณเอเลน่าครับ"

    "อะไรยะ?"

    เธอหันมาตอบเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก

    "....น่ารักดีนะ"

    "หุบปากไปเลย ไอ้บ้า..."

    สีหน้าของเธอปรากฏสีแดงระเรื่อ แล้วเธอก็หันหน้าหนีเขาไป














    มุมบ่นของผู้แปล (ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ จะพยายามไม่สปอยมาก)

    เอเลน่า! เอเลน่า! เอเลน่า!

    .......

    จบบทแรกซะที บทนี้หลักๆก็จะเป็นการเปิดตัวสาวๆแล้วก็ตัวละครหลักๆของเรื่องนะครับ ถึงจะดูมีแต่เซอร์วิสก็เถอะ

    บทต่อไปจะเป็นเนื้อเรื่องนอกเขตเอรากิส เน้นแนะนำพวกตัวละครอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในเขต แล้วก็สงคราม...







    *ผมไม่อยู่ 11-20 นะครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×