ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [แปล] บันทึกการสงครามของคุโระ

    ลำดับตอนที่ #33 : บทที่สาม ตอนที่ 1 เดิมพัน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.56K
      8
      2 ก.ย. 57

    บทที่สาม ออกเดิน

    ตอนที่ 1 เดิมพัน


    ""หวาววววว!""

    เดเนปกับแอนริเด็ตร้องขึ้นเมื่อเข้าไปในห้องพักของตน

    "เฟอร์นิเจอร์ใหม่!"

    "ผ้าปูเตียงใหม่!"

    ตรงหน้าของเดเนปคือเครื่องเรือนชุดใหม่..... เตียงและโต๊ะเก้าอี้ครบชุด

    ส่วนเอนริเด็ตก็หยิบผ้าปูเตียงใหม่มากอดอย่างดีใจ

    คนที่กำลังดีใจอยู่ไม่ใช่พวกเธอเท่านั้น เสียงร้องของกึ่งมนุษย์หลากเผ่าพันธ์กำลังดังไปทั่วหอพักทหารใหม่อย่างต่อเนื่อง


    ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เพราะในหอเก่านั้น มีเพียงทหารผู้ช่วยเท่านั้นที่มีห้องเดี่ยว ส่วนหัวหน้าหน่วยนั้นเป็นห้องคู่ ส่วนทหารทั่วไปเป็นห้องหกคน

    แต่พอย้ายมาหอใหม่ เหล่าหัวหน้าหน่วยก็ได้ห้องนอนเดี่ยวแล้ว แม้แต่ทหารทั่วไปก็ได้นอนเป็นห้องคู่

    ส่วนทหารที่พึ่งมาเข้ากับโครโน่ในช่วงสงครามกว่าห้าร้อยคนนั้นได้นอนในหอเก่า แต่พวกเขาเองก็ได้รับห้องคู่กับเครื่องเรือนชุดใหม่เช่นกัน ทำให้ไม่มีใครออกมาบ่นอะไรมาก


    "ดะ....ได้อยู่อย่างหรูหราแบบนี้!"

    "ท่านโครโน่ สุดยอด!"

    ถึงเจ้าตัวจะบอกว่ามันเป็นสิ่งปลูกสร้างสาธารณะหรือหางานในเกษตรกรในช่วงฤดูหนาวก็เถอะ พวกเขาก็ยังมีความเห็นเป็นที่พร้อมเพรียงกันว่า "ท่านโครโน่! สุดยอด!" ทั้งนั้น

    "ดะ....ได้เจอความหรูหราแบบนี้เข้าไป!"

    "คงจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้แล้วเนอะ"

    เมื่อห้าปีก่อน  ตอนที่สองสาวพึ่งจะมาประจำการใหม่ๆนั้น ความเป็นอยุ่ของพวกเธอเรียกได้ว่าเข้าขั้นเลวร้ายเลยทีเดียว

    ทั้งเป็นเตียงหลายชั้นที่พอนอนก็มีเสียงแปลกๆ ผ้าปูก็มีโทรมๆมีแมลงเต็มไปหมด แม้แต่อาหารวันละสองมือก็เป็นเพียงแค่ขนมปังแข็งๆกับซุปจืดๆเหมือนน้ำเปล่าเท่านั้น

    ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็เถอะ แต่เมื่อก่อนพวกเธอเองก็พอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนอยู่ไม่น้อย... ด้วยเหตุผลหลักๆว่าตนมีที่อยู่อาศัย... และไม่ต้องไปอาศัยโรงบรรเทาทุกข์....

    "จะว่าไปแล้วท่านโครโน่ไปไหนเหรอ?"

    "อือ.... เห็นว่าไปดูเขตคาโดะน่ะ"

    "เอ๋~ ที่นั่นไม่มีอะไรมีค่าเลยนี่นา"

    เขตคาโดะนั้นเป็นเขตที่อยู่ติดกับเขตเอรากิสทางด้านทิศตะวันตก และเป็นพื้นที่ที่โครโน่ได้เป็นรางวัลสำหรับสงครามเมื่อหนึ่งเดือนก่อน

    จากข้อมูลของพ่อค้าเพื่อนนิโคล่าแล้ว ที่นั่นไม่มีแม้แต่เมือง มีเพียงหมู่บ้านเล็กๆที่ทำการประมงยังชีพอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น

    "ถ้าพูดถึงข้อดีล่ะก็.."

    ฝาแฝดหันมามองหน้ากัน

    ""ต่อจากนี้จะได้กินปลาทุกวันแล้ว!""

    และก็ชูมือดีใจที่เมนูอาหารของพวกตนได้ถูกเพิ่มขึ้น


    *


    เกวียนคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปตามถนนเลียบทะเล สู่ทิศเหนือ ไปตามทางเรื่อยๆ

    ถึงแม้ว่าแผ่นหนังที่หุ้มแทนหลังคาของเกวียนจะช่วยบดบังลมจากทะเลได้บ้าง แต่ยังไงเทียบไม่ได้กับการเดินทางที่แสนสบายเหมือนรถม้าที่มีห้องไม้อยู่ดี

    ไม่รู้ว่าเพราะเหม็นคาวทะเลหรืออย่างไร แต่ใบหน้าของทีเรียและเรย์ร่าที่อยู่กับเขานั้นแสดงแววไม่สบอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน

    เฟย์ที่อยู่หน้ารถม้าคอยระวังรอบข้างให้เพียงเขาเองก็อยู่ในสภาพเดียวกัน

    ผู้ที่ยังสงบในตอนนี้ก็คงมีแต่ไวส์เคานต์เอริล  ซัลเมลค์ที่ยังเปิดหนังสืออ่านเหมือนปกติเท่านั้น

    แต่ในกรณีของเธอ แทนที่จะบอกว่าอ่านหนังสือ บอกว่าจมลงในโลกหนังสือและปิดกั้นการรับข้อมูลภายนอกโดยสิ้นเชิงจะเหมาะกว่า

    "ที่นี่ของเขตคาโดะเหรอ? เป็นที่ๆไม่มีอะไรจริงๆนะเนี่ย.."

    "แค่มีทะเลก็พอแล้วนี่? ถ้ามีทะเลเราก็จับปลาได้ ทำนาเกลือก็ได้ แน่นอนว่าท่าเรือก็เหมือนกัน... ว่าแล้วผมอยากลองทำฟาร์มไข่มุกอยู่พอดีเลยด้วย"

    ถึงแม้ว่าเขตคาโดะจะเป็นที่ๆไม่มีอะไรเหมือนที่ทีเรียพูดจริงๆ แต่แค่นี้ก็มีแหล่งเกลือกับปลาของตัวเอง ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อของเขตอื่นมาแพงๆแล้ว

    "....รอก่อนนะ โครโน่.. ไข่มุกมัน..ผลิตได้ด้วยเหรอ?"

    "อิงจากหนังสือที่โลกนู้นนะ ถ้าเราใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในเปลือกหอยมุก พอเวลาผ่านไปซักพักมันจะถูกเคลือบกลายเป็นมุกน่ะ"

    โฮ่.... ทีเรียดูจะพอใจกับข้อมูลนี้อยู่ไม่น้อย

    "ไม่สิ มันแปลกๆนะ.. ถ้าแค่ใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปก็ออกมาเป็นไข่มุกเนี่ย มันก็ไม่ต้องทำฟาร์มน่ะสิ.. หรือว่าถึงวิธีของนายจะได้ผลจริงๆแต่กว่าจะสำเร็จต้องใช้เวลาหลายสิบปีกัน?"

    แต่เธอก็พบข้อขัดแย้งในข้อมูลที่ได้รับมา จึงทักท้วงโครโน่

    "อืม... ก็ใช่ว่าจะเสร็จในวันเดียวหรอก แถมเราต้องหาวิธีเพาะเลี้ยงตัวหอยด้วย... กว่าจะใช้ได้จริงคงใช้เวลาซักพักแหละ"


    "ท่านโครโน่คะ? นาเกลือคืออะไรหรือคะ?"

    "มันเป็นคล้ายๆวิธีที่เอาไว้ผลิตเกลือน่ะ  ถ้าอิงตามหนังสือที่ผมเคยอ่านตอนเด็กล่ะก็... ก่อนอื่นต้องตักน้ำทาเลใส่ถังแล้วสาดลงใส่ทราบ พอทำซ้ำๆไปเรื่อยก็เอาทรายที่ได้ไปทะเลใส่น้ำทะเลแล้วต้ม ก็จะได้เกลือมาน่ะ"

    "....ถ้าแบบนั้นมันน้ำทะเลมันจะไม่ซึมผ่านทรายไปง่ายหรือคะ?"

    เมื่อเขาอธิบายถึงสิ่งที่เคยได้ในการ์ตูนประวัติศาสตร์ตอนเด็กๆให้เรย์ร่าฟัง เธอก็ถามกลับมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจนัก

    "ดูเหมือนว่าความรู้ของนายมันจะขาดสิ่งสำคัญมากๆไปนะ โครโน่"

    "อือ... ขอโทษ"

    "ถ้างั้นก็ทำให้มันไม่ซึมไปก็ไม่มีปัญหาแล้วนี่"

    ผู้ที่พูดกับเขาคือชิลบาร์ที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับหน้ารถนั่นเอง

    เขาเป็นน้องชายของโกลดี้ และเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสิ่งปลูกสร้าง... ถึงในฐานะสถาปนิกจะนับได้ว่าเป็นมือใหม่ก็เถอะ

    ยังไงเขาก็เป็นมือโปรในด้านช่างหินเลยทีเดียว

    "...แล้วะทำยังไงล่ะ"

    "แค่ทำพื้นคอนกรีตก็จบแล้ว"

    อืมมมมมม.. ทีเรียเริ่มคิดตาม... และทำสีหน้าที่เหมือนจะบอกว่า "มันจะง่ายแบบนั้นจริงเรอะ?"

    "จะว่าไปแล้วชิลบาร์ เจอทำเลดีๆรึยัง?"

    "ไม่มีเลย... ที่ติดทะเล... มีแนวโค้งดีๆหน่อย...... แบบนี้คงต้องทำพื้นที่เอาเองแล้วล่ะ"

    ดูเหมืนอว่าการจะสร้างท่าเรือนั้นต้องหาที่ๆถูกทะเลปิดล้อมทั้งสามด้านให้ได้

    "ดูจะใช้เงินเยอะนะ..."

    "ไม่น่าจะใช้เยอะหรอก"

    ชิลบาร์หยิบกระดาษออกมาจากลังเก็บของแล้วเริ่มต้นเขียนแผนผัง

    "ก่อนอื่นก็ตอกเสากั้นแบ่งพื้นที่ออกมาไม่ให้น้ำเข้า เอาน้ำข้างในออก แล้วก็อัดดินให้แข็งก่อสร้างได้เลย... อ้อ ต้องหาหินมาทำเป็นเขื่อนกั้นแรงคลื่นด้วย"

    "แล้วจะเอาน้ำออกยังไงล่ะ? ถัง?"

    "ปั้มน้ำเอาน่ะ ใช้เครื่องมือยาวๆเหมือนหอคอยที่ข้างในจะหมุนเป็นเกลียวคล้ายๆบันไดวนน่ะนะ พอหมุนๆไอ้ตัวเกลียวมันจะวิดน้ำขึ้นมาได้เอง"

    ชิลบาร์ทำไม้ทำมือพยายามอธิบายให้ทีเรียฟัง

    "ท่อนไม้หาเอาจากแนวป่าดงดิบก็ไม่มีปัญหา ส่วนหิน... หาจากแยวหินใกล้โบสถ์ของพระแม่สีเหลืองก็น่าจะได้เหมือนกัน..."

    "แต่ไม่มีคนทำสินะ"

    เฮ่อ.. โครโน่ถอนหายใจ

    ตอนนี้เดือนสองแล้ว.. พอเข้าเดือนสาม ผู้คนก็เริ่มเก็บเกี่ยวและหว่านเมล็ดพันธ์กันใหม่ ทำให้จะมาหาชาวนามาทำงานเหมือนตอนก่อสร้างหอพักทหารไม่ได้

    "อืม.... ไปขอร้องลูกน้องผมจะได้ไหมนะ?"

    "น่าจะยากอยู่นะคะ"

    ปรึกษาคุณมิโนดีกว่า..

    ใบหน้าผู้ช่วยของตนลอยขึ้นมาในใจของโครโน่


    *


    คืนนั้น... โครโน่ก็กลับมายังเขตเอรากิส และเดินไปเรียกผู้ช่วยของตนที่พึ่งจะเข้าเรียนกับชิอนเสร็จ

    "ไม่น่าจะทำได้หรอกท่านแม่ทัพ"

    "งั้น...หรือ"

    เขาตอบโดยแทบจะไม่ได้หยุดคืออะไรเลย

    ในปัจจุบัน ทหารของเขตเอรากิสมีประมาณหนึ่งพันสามร้อยเจ็ดสิบคนเศษ และในนั้นก็มีทหารใหม่ที่เข้ามาในสงครามประมาณห้าร้อยคน

    ส่วนที่เหลือแปดร้อยเจ็ดสิบคนก็เป็นทหารใหม่ที่ยังเข้ามาประจำการได้ไม่ถึงครึ่งปีหนึ่งสามห้าร้อยสิบ

    เพราะฉะนั้น ทหารที่เรียกได้ว่ามีประสบการณ์นั้น.. รวมทหารของเคย์นไปด้วยก็นับได้ไม่ถึงสี่ในสิบของทั้งหมดเลย

    แน่นอนว่าโครโน่เองก็เข้าใจว่าเขาควรจะให้ความสำคัญกับการฝึกก่อนการสร้างท่าเรือ

    "แล้วคุณมิโนมีคนรู้จักที่ไม่มีงานทำไหม?"

    "....ก็มีอยู่ แต่จะยอมฟังท่านแม่ทัพดีๆหรือเปล่าไม่รู้นะ"

    "เรื่องนั้นไว้เจอกันก่อนค่อยคิดแล้วกัน"


    *


    เขตโบว์ดิสเป็นเขตที่อยู่ห่างจากเขตเอรากิสไปทางใต้ประมาณสามวันเดินทาง ซึ่งคนรู้จักของคุณมิโนก็อาศัยอยู่ในทางตะวันออกของเขตนี้... ในพื้นที่ๆมีป่าปกคลุมไปกว่าครึ่งนั่นเอง

    หมู่บ้านของพวกเขานั้นนับได้ประมาณห้าสิบหลังคา และถึงจะไม่มีบ่อน้ำ พวกเขาก็อาศัยแม่น้ำเล็กที่อยู่ใกล้ๆดื่มกินและใช้งานอื่นๆได้

    บ้านในหมู่บ้านนั้นดูๆไปก็เหมือนกระท่อมปกติ แต่ขนาดของมันออกจะ.... ใหญ่ผิดปกติ หน้าต่างเองก็อยู่สูงกว่าที่ควรเป็น

    แต่ถ้าคิดว่าเป็นที่อยู่อาศัยของเพื่อนคุณมิโนแล้ว จะเป็นหมู่บ้านของมิโนเทารุสก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ซึ่งมันก็จะสามารถอธิบายรูปทรงของกระท่อมเหล่านี้ได้ด้วย

    ทางตะวันออกจากหมู่บ้าน... มีภูเขาเตี้ยจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่เรียงรายเต็มไปหมด ทำให้พอมองดูความต่างระดับของพื้นที่แล้วต้องเสียวสันหลังขึ้นมาทีเดียว

    "ถึงแล้วนา ท่านแม่ทัพ"

    "ถึงมันจะเป็นเรื่องปกติก็เถอะ.... เดินทางด้วยรถม้านี่เหนื่อยจริงๆแฮะ"

    เขาจับมือที่ผู้ช่วยตนยื่นให้แล้วลงจากรถม้า จึงค่อยยืดเส้นยืดสายคลายความเมื่อล้าจากการเดินทาง

    "จะพักที่ไหนหรือเจ้าคะ?"

    "อุปกรณ์ก็มีครบนี่ ตั้งเต้นท์พักแถวนี้เอาก็ได้"

    ตอนนี้เป็นก็เย็นพอสมควรแล้ว ขืนกลับเมืองไปก็หมดวันพอดี

    ขนมปังกรอบ เนื้อตากแห้ง ไวน์เต็มขวด.... แค่มีของพวกนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว เขาคิดแล้วตอบเฟย์

    "งั้นเดี๋ยวชั้นเป็นเวรเฝ้ายามเองเจ้าค่ะ"

    เฟย์ลงจากม้าแล้วเสนอตัว

    "....เป็นหมู่บ้านที่เงียบเหงาจังนะ"

    "รังของพวกกึ่งมนุษย์หรือพวกเผ่าสัตว์มันก็แบบนี้แหละท่านแม่ทัพ"

    ผู้ช่วยของเขาถอนหายใจแล้วหันไปมองยังหมู่บ้านของตนเองด้วยสีหน้าที่... ดูจะไม่พอใจนัก

    "หมู่บ้านผมน่ะ ทำงานในเหมืองหินมารุ่นต่อรุ่น.... ถึงจะว่าทำงานก็เถอะ จริงๆก็แค่ตัดหินแล้วขนออกมาตั้งแต่เช้ายันเย็นแค่นั้นแหละ งาน"

    สีหน้าของคุณมิโนนั้นดูก็รู้ว่ายังมีอะไรที่ไม่ใช่ "แค่นั้นแหละ" อยู่อย่างแน่นอน

    "ผมเกลียดชีวิตแบบนั้น... เลยมาเข้ากองทัพนี่แหละ"

    ถ้าบอกไปว่าตนเข้าใจ มันจะเป็นการดูถูกผู้ช่วยของเขาหรือเปล่านะ?

    ตัดหินออกมาจากภูเขา แล้วขนออกมา

    มันเป็นงานอันตรายที่จะเสียชีวิตเมื่อไหร่ก็ไม่แปลก

    ทั้งยังทำงานตั้งแต่เช้ายันเย็น เจออุบัติเหตุเมื่อไหร่ก็จบ

    ทำงาน ทำงาน ทำงานไปเรื่อยๆ แล้วก็ตาย

    คุณมิโนเกลียดชังชีวิตที่ไร้ความหมายและซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้น ถึงได้ดูไม่พอใจกับบ้านเกิดของตนเอง

    แต่ก่อนที่เขาจะคิดออกว่าจะตอบยังไงดี เสียงอะไรซักอย่างตกลงพื้นก็ดังขึ้นเสียก่อน

    พอทั้งคู่หันไปทางต้นเสียง พวกเขาก็พบกับมิโนเทารุสคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆทางเข้ากระท่อม

    "พี่!"

    "อาเรีย!?"

    ผู้ช่วยของเขาออกวิ่งไปหาหญิงสาวก่อนก่อน แล้วหญิงสาวมิโนเทารุสจึงออกวิ่งมาหามาเขาตาม

    "...พี่! ทำไม... ทำไมถึงออกจากบ้านไปล่ะ!?"

    "ขอโทษนะ...อาเรีย ผมน่ะ.. ไม่สิ... พี่น่ะ"

    มิโนกอดน้องสาวตัวเองไว้แล้วพยายามขอโทษเธอ

    "เป็นการเจอกันอีกครั้งที่น่าซึ้งตามไปด้วยจริงๆเจ้าค่ะ"

    "...นั่นสินะ"

    "แม่! พี่มิโนกลับมาแล้ว!"

    "มะ..มิโน!"

    หลังจากเสียงเรียกของอาเรีย มิโนเทารุสหญิงคนหนึ่งที่ดูมีอายุ.... ถึงจะมองจากรูปร่างภายนอกไม่ค่อยออกก็เถอะ.. ก็วิ่งออกมาจากกระท่อมใกล้ๆ

    "แม่!"

    "แม่เป็นห่วงลูกจริงๆนะ มิโน!"

    ผู้ช่วยของเขากอดมารดาของตนไว้ ตามด้วยน้ำตาที่เริ่มจะปรี่ล้นออกมา

    "เป็นการเจอกันอีกครั้งที่น่าซึ้งตามไปด้วยจริงๆเจ้าค่ะ"

    "...."

    ดูท่าหญิงสาวข้างๆเขาจะซึ้งไปกับภาพตรงหน้าจนจะร้องไห้ออกมาแล้ว

    "มิโนล่ะ!"

    "มิโน?"

    หลังจากเสียงมอๆที่ดังไปมาระหว่างบ้านเงียบลง เหล่ามิโนเทารุสก็ต่างออกมาจากบ้านของตน ตามด้วยพวกที่ทำงานในเหมืองหินเสร็จเรียบร้อยและกลับมาเจอคุณมิโนพอดี

    ดูเหมือนกับว่ามิโนเทารุสทั้งหมู่บ้านมากระจุกอยู่ที่พวกเขาเลย

    "ดูทุกคนจะรู้จักคุณมิโนหมดเลยจะเจ้าคะเนี่ย"

    "นั่นสินะ"

    "มิโน!"

    "พ่อ.!"

    เมื่อมิโนเทารุสตาเดียวเดินมาถึง เหล่ามิโนเทารุสคนอื่นก็หลีกทางให้เขากันหมด

    ไม่ทันจะได้ตั้งตัว คุณมิโนก็ถูกมิโนเทารุสตาเดียวต่อยเข้าทันที

    "พ่อ... พี่ล่ะ..."

    "ตายไปแล้ว หลังจากแกออกจากบ้านไปซักพัก... โดนหินตกลงมาทับน่ะ"

    มะ..ไม่จริงน่า... ผู้ช่วยของเขาพึมพัมกับตัวเองด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

    "แล้วแกไปเดินแตะฝุ่นอยู่ที่ไหนมาหือ?"

    "ผมทำงานเป็นทหารอยู่ในเขตเอรากิสน่ะ"

    ทหาร.... คำนั้นดังไปทั่วในหมู่มิโนเทารุสที่กำลังยืนมุงสองพ่อลูก

    "เฟย์.. ช่วยขนสัมภาระในรถม้ามาให้ที แต่พวกเสบียงปล่อยไว้แบบนั้นแหละ"

    ว่าแล้วเขาก็เดินหน้าไปยืนข้างๆกับคุณมิโน

    "นายเป็นใคร?"

    "ผมเป็นผู้ครองเขตเอรากิส ชื่อโครโน่ครับ รบกวนคุณมิโนที่ทำงานเป็นทหารผู้ช่วยอยู่เสมอๆเลย"

    ทหารผู้ช่วย? เขาว่าเป็นทหารผู้ช่วยล่ะ....

    เสียงพูดคุยระหว่างกลุ่มมิโนเทารุสดังขึ้นกว่าเก่า

    "ลูกฉัน...ไม่ใช่มนุษย์"

    "ครับ แต่เขาก็ทำงานให้ผม.. ในฐานะผู้ช่วยมาตลอด"

    "ขอทางหน่อยเจ้าค่ะ"

    เมื่อฝูงชนเปิดทางให้ เฟย์ก็ยกสัมภาระกองขนาดเท่าภูเขาย่อมๆมาวางแหมะลงบนพื้น

    "...ถึงจะเทียบกับสิ่งที่คุณมิโนทำให้ผมไม่ได้ แต่.. เฟย์"

    "เจ้าค่ะ"

    หญิงสาวเปิดผ้าคลุมสัมภาระเหล่านั้นออก เผยให้เห็นถึงม้วนผ้า เมจิคไอเท็มสำหรับให้แสงสว่าง แล้วก็ของจำพวกเครื่องประดับทั้งหลาย

    "....คุณมิโน เรื่องนั้นฝากด้วยละกันนะ วันนี้ไปใช้เวลากับครอบครัวเถอะ"

    "จะดีหรือครับ?"

    "อือ เดี๋ยวจะเกรงใจกันเปล่าๆ คืนนี้ผมไปพักในรถม้าดีกว่า"

    เมื่อเขากลับถึงรถม้าพร้อมกับเฟย์ เขาก็มองเห็นผู้ช่วยของตนถูกมิโนเทารุสคนอื่นๆรุมล้อมถามคำถามต่างๆ

    "ถึงขนาดเตรียมของขวัญให้ด้วยเนี่ย ท่านโครโน่นี่ใจดีกับคุณมิโนจังเลยเจ้าค่ะ"

    "จริงๆไอ้นั่นผมเตรียมไว้เผื่อเวลาเจรจาล้มเหลวน่ะ...."

    เขารู้ว่ายังไงซะพวกมิโนเทารุสก็คงไม่ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีนักหรอก

    "....ท่านโครโน่นี่... จะว่ายังไงดีล่ะเจ้าคะ...."

    "ผมเองก็อยากให้แค่อธิบายแล้วจบนะ แต่จะให้พวกเขาทิ้งชีวิตความเป็นอยู่แบบเดิมๆโดยไม่มีอะไรมารับรองเลยก็ไม่ได้เหมือนกัน"

    จะสัญญาถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับก็ไม่ได้ด้วยนี่น้า...

    "ว่าแต่ท่านโครโน่จะให้คนรู้จักของคุณมิโนไปทำอะไรให้หรือเจ้าคะ?"

    "สร้างท่าเรือน่ะ... ถ้าท่าเรือเสร็จก็ให้ช่วยทำงานขนของจากเรือไปคลังสินค้า ไม่ก็ขนส่งสินค้าในเมือง.. อะไรทำนองนั้นแหละ"

    อยากให้ช่วยทำนาเกลือน่ะ... แต่เขากลืนคำพูดนั้นลงคอก่อน

    เพราะชายหนุ่มไม่รู้ว่าความรู้ที่เขามีจะนำไปใช้ได้จริงถึงแค่ไหน....

    "ท่านโครโน่คิดเองคนเดียวมากไปหรือเปล่าเจ้าคะ?"

    "ก็มันเกี่ยวกับชีวิตคนอื่นนี่ ไม่คิดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นพวกไร้ความรับผิดชอบไป"

    "ฉันบอกว่าคิดเอง "คนเดียว" มากเกินไป เจ้าค่ะ"

    หญิงสาวย้ำคำพูดของตนอีกครั้ง

    "ท่านโครโน่น่ะอ่อนแอจะตายไปเจ้าค่ะ"

    "ก็นะ..."

    ในทางพละกำลังแล้ว เขาเทียบเธอไม่ได้หรอก ถ้าเทียบกับคนแคระหรือเอล์ฟที่พึ่งเป็นทหารใหม่อาจจะพอสู้ได้ แต่ถ้าเป็นเผ่าสัตว์ ต่อให้เป็นทหารใหม่เขาคงสู้ไม่ไหว

    "ท่านโครโน่น่ะ ใช่ว่าจะทำอะไรไปคนเดียวได้ตลอดเจ้าค่ะ"

    "ก็....นะ.."

    ความปลอดภัยบนถนนตอนนี้ก็สามารถรักษาไว้ได้จากการที่เคย์นเดินตรวจตราอญู่เป็นประจำ

    ความปลอดภัยในเมืองก็เกิดจากชิโระและไฮอิโระ

    ถ้าไม่มีเอเลน่าบัญชีของเขตเขาก็คงเละเทะไปหมด ถ้าไม่มีคนที่ทำงานให้กฏเรื่องทาสและหอนางโลมก็คงทำให้เป็นจริงไม่ได้

    ยิ่งคิดก็ยิ่งเยอะ เรื่องแทบจะทุกอย่างนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาเพราะเขาคนเดียว ถ้าไม่มีผู้ดูแล ถ้าไม่มีอลิสสา ถ้าไม่มีชิอน ถ้าไม่มีโกลดี้...

    "ถึงท่านโครโน่จะเป็นคนตัดสินใจ แต่คุณมิโนเองก็คงมีความคิดของคุณมิโนนะเจ้าคะ เขาตัดสินด้วยตัวเองว่าการไปยังเขตเอรากิสเป็นทางเลือกที่ดีที่สึดสำหรับครอบครัวของตัวเองเจ้าค่ะ"

    "....นั่นสินะ"

    เขามองไปทางผู้ช่วยของตนที่กำลังถูกรายล้อมด้วยคนรู้จัก


    *


    ครอก~ ฟี้~

    เสียงกรนเบาๆดังขึ้นในรถม้า

    เฟย์ที่บอกเองว่าตนจะอยู่เวรยามนั้น.. หลังจากทานขนมปังกรอบ.. ต่อด้วยซดไวน์แก้กระหายแล้ว..... ก็เดินทางไปยังโลกแห่งนิทราจนได้

    ไหนๆก็หลับไปแล้ว... ขอหนุนตักนอนซะเลยดีไหมเนี่ย?

    สายตาของเขาในตอนนี้ไม่ได้จ้องอยู่ที่ตักหญิงสาว  แต่เป็นหน้าอก


    ตอนสงครามเขาเคยเสียดายว่าน่าจะจับหญิงสาวรวบหัวรวบหางซะให้หมดเรื่อง

    แล้วก็คิดว่าน่าจะบีบหน้าอกทีเรียด้วย

    พอมาถึงตอนนี้แล้วก็คิดได้.... เขาคิดเรื่องแบบนั้นไปทำไมกันล่ะเนี่ย...

    จริงอยู่ที่ว่าหน้าอกของทีเรียน่ะ ยอดเยี่ยม ทั้งใหญ่... นุ่ม...

    แต่ก็เป็นหน้าอกที่เอาแต่ใจจริงๆ

    ไม่สิ.. นั่นน่ะ... มันเป็นเพราะอำนาจเทพทั้งนั้น

    ถ้าวัดกันที่พละกำลังล้วนๆเขากับเธอไม่น่าจะห่างชั้นกันขนาดนั้นแน่ๆ

    จะว่าไป.... เฟย์เองก็เป็นผู้ใช้อำนาจเทพเหมือนกันนี่นา...


    ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรต่อ หญิงสาวก็ลุกขึ้นมาก่อน

    "เฟย์?"

    "มีกำลังมาทางนี้เจ้าค่ะ"

    เธอไม่พูดเปล่าๆ เอื้อมมือไปจับดาบที่อยู่ข้างตัวทันที

    "...ตื่นอยู่หรือคะ?"

    "เดี๋ยวผมเปิดให้"

    เมื่อเปิดม่านรถม้าออก เขาก็พบอาเรียที่ถือหม้อใบหนึ่งอยู่

    "คือ... พี่ชายบอกว่าพกมาแต่อาหารแบบถนอมแล้ว ก็เลย... แต่อาจจะไม่ถูกปากท่านขุนนางหรอกนะคะ..."

    "ไม่หรอก ขอบคุณนะ"

    เมื่อเขารับหม้อมา อีกฝ่ายก็เดินกลับบ้านไปด้วยสีหน้าดีใจ

    ข้างในหม้อนั้น... มีซุบผักแบบที่ผู้ดูแลเคยทำสมัยยังเปิดโรงแรม/ร้านอาหารอยู่

    โครโน่ก็ไม่รอช้า ยกหม้อขึ้นซดทันที

    "ท่านโครโน่.. มารยาทแย่จังเจ้าค่ะ"

    ".....ก็ไม่มีช้อนอ่ะ"

    ดูเหมือนว่าอาเรียจะเป็นคนซุ่มซ่ามไม่เบา


    *


    เช้าวันถัดมา โครโน่ก็ต้องตื่นมาด้วยเสียงตะโกนที่ดังมาจากข้างนอก

    เมื่อเขาโผล่หัวออกไปดู เขาก็พบกับผู้ช่วยของตนกำลังโดนพ่อของเขา...ต่อยจนกระเด็นถอยหลังไป

    "...พ่อ... ฟังผมหน่อยสิ!"

    "อย่ามาพูดบ้าๆ! อุตส่าห์กลับบ้านมา... แต่กลับคิดจะขายพวกฉัน... ขายครอบครัวงั้นเรอะ!"

    เสียงตะโกนนั้นดังไปทั่วทุกทิศทาง

    เหล่ามิโนเทารุสคนอื่นๆแถวนั้นต่างก็ยื่นหัวออกมาจากบ้านตนเองเพื่อดูทั้งสอง

    "ไม่ใช่! ผมน่ะ.... ผมแค่คิดถึงอนาคตของทุกๆคน!"

    "ไม่ใช่ว่าแกคิดว่าจะเอาความดีความชอบใส่ตัวเรอะ!"

    "พ่อ!"

    ไม่ว่ามิโนจะพยายามพูดอะไร แต่พอของเขาก็ไม่ยอมฟัง แล้วหันหลังออกเดิน ทิ้งลูกชายของตนเอาไว้

    "....อย่ามาให้เห็นหน้าอีกเป็นครั้งที่สองล่ะ"

    หลังจากพ่อของเขาเดินจากไป พวกมิโนเทารุสที่โผล่หัวออกมาดูตอนแรกก็ออกมาจากบ้าน แล้วเดินตามพ่อของมิโนไป

    "คุณมิโน..."

    "ขอโทษด้วย ท่านแม่ทัพ.... ล้มเหลวซะแล้วครับ..."

    "ตอนนี้ห่วงเรื่องแผลก่อนเถอะ"

    เขาชี้ไปที่เลือดกำเดาของผู้ช่วยของตนซึ่งไหลไม่หยุด แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นเช็ดมันเท่านั้น

    "แค่นี้ไม่นับว่าเป็นแผลหรอกครับ"

    "ขอโทษนะ ทั้งๆที่ได้กลับมาบ้านแท้ๆ.... เพราะผมเอง..."

    "นี่ไม่ใช่ความผิดของท่านแม่ทัพหรอกครับ"

    มิโนลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วพูดกับโครโน่ต่อ

    "ท่านแม่ทัพ.. ปล่อยให้ผมจัดการเรื่องโน้มน้าวคนในหมู่บ้านเองได้ไหม?"

    "....อืม"

    เขาไม่อยากให้มิโนต้องรับหน้าที่แบบนี้อีก แต่เขาก็จำต้องเคารพต่อความมุ่งมั่นของผู้ช่วยของตน


    *


    จะบอกว่าเป็นไปตามที่คิดก็ว่าได้

    การเจรจาของคุณมิโนนั้นไม่ประสบผลสำเร็จเลยแม้แต่นิดเดียว

    เขาโดนต่อย โดนดูถูกซ้ำไปซ้ำมา

    แม้แต่ผู้ที่เห็นด้วยตอนแรกก็โดนพ่อของเขากดดันจนเริ่มแสดงท่าทางไม่พอใจกับคุณมิโนจนหมด

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้ที่สนใจข้อเสนอของเขาเลย เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถพูดออกมาตรงๆได้เท่านั้น โดยเฉพาะ น้องสาวของเขา แม่ของเขา และมิโนเทารุสที่มีอายุน้อยทั้งหลาย



    ช่วงเที่ยงของวันที่ห้านับจากที่เขามาถึง... เสบียงที่พวกเขาเอามาก็เริ่มจะร่อยหรอลงทุกที โครโน่ส่งเฟย์ให้ขับรถม้ากลับเมืองไปซื้อของก่อน

    "เป็นอะไรมากไหม คุณมิโน?"

    "แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ"

    ทั้งๆที่เขาโดนต่อยจนหน้าเปลี่ยนรูปไปแล้วแท้ๆ ผู้ช่วยของโครโน่ก็ยังยืนยันด้วยคำพูดเดิม

    "...คุณมิโน.... เลิกเถอะ"

    "ท่านแม่ทัพครับ.. ผมจะทำให้สำเร็จให้ได้! เพราะงั้นช่วยรอหน่อยเถอะครับ....."

    ไม่ใช่ว่าปกติมันต้องกลับกันเหรอ?  เจ้านายน่าจะเป็นฝ่ายกดดันลูกน้องนะ.....

    "ผมดีใจนะ ที่คุณมิโนพยายามเต็มที่น่ะ แต่ผมว่ามันออกจะเกินไปแล้วนะ..."

    "ผมน่ะ... ผมไม่ได้ทำเพื่อท่านแม่ทัพคนเดียวนะครับ.... ท่านลองมองดูหมู่บ้านนี้เถอะ"

    ชายหนุ่มหันไปมองหมู่บ้านตามคำพูดของลูกน้อง

    "...หมู่บ้านนี้น่ะ ยากจนอย่างที่ท่านโครโน่เห็นแหละ ถึงจะทำงานหนักเช้ายันค่ำ ก็ยังไม่มีเงินพอกินด้วยซ้ำ"

    "แต่ก็มีงานตัดหินอยู่ไม่ใช่หรือ?"

    "ก็จริงอยู่ที่หินจากภูเขามันเอาไปใช้ในงานก่อสร้างได้.... แต่เจ้าเมืองทุกที่ไม่เป็นเหมือนท่านโครโน่หรือท่านโคร์ลดนะครับ"

    ก็คือจะมีกำไรเท่าไหร่ก็ไม่ตกมาถึงมือพวกมิโนเทารุสสินะ....

    ไม่สิ... อาจจะไม่มีแม้แต่สวัสดิการรับรองความปลอดภัยในการทำงานเลยด้วยซ้ำ

    "ว่าได้ว่าถ้ามีลูกสี่คนก็ต้องป่วยตายคนหนึ่ง โดนขายไปคนหนึ่ง เกิดอุบัติเหตุตายไปคนหนึ่งเลยแหละครับ"

    "ผมสัญญาเรื่องผลประโยชน์ไม่ได้นะ"

    "ผมไม่ได้อยากให้พวกเขาได้ผลประโยชน์นะ... ผมแค่อยากให้พวกพ่อได้เห็นความฝันบ้าง.. ได้คิดว่าวันพรุ่งนี้อาจจะดีกว่าวันนี้บ้างแค่นั้นเอง..."

    วันพรุ่งนี้อาจจะดีกว่าวันนี้

    มันเหมือนความหวังมากกว่าความฝัน

    แต่ตอนนี้... พวกเขาก็มีไม่ได้แม้เพียงความหวังแค่นั้น

    "....เรื่องนั้นผมสัญญาให้ได้"

    "ถ้างั้..!"

    เมื่อมองไปทางแนวภูเขา พวกเขาก็เห็นมิโนเทารุสคนหนึ่งวิ่งเข้ามายังหมู่บ้านแล้วแหกปากตะโกนอะไรซักอย่างอยู่

    "เกิดอะไรขึ้นน่ะ?"

    "หินถล่มน่ะครับ!"

    ทั้งคู่ออกวิ่งไปพร้อมๆกัน


    *


    เมื่อโครโน่และผู้ช่วยมาถึงเหมืองหิน ที่นั่นก็กลายเป็นนรกขนาดย่อมๆที่เลวร้ายไม่แพ้สงครามเลย

    มิโนเทารุสที่ปกติจะแข็งแรงดูพึ่งพาได้นั้นต่างล้มลงบ่นพื้น ครางขอความช่วยเหลือดังระงม


    หลังจากเห็นกองภูเขาหิน โครโน่ก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่น่า

    ถ้าเขาคิดไม่ผิด พวกมิโนเทารุสน่าจะพยายามตัดหินที่อยู่ด้านบนศีรษะของพวกตน แต่รอยแยกในหินทำให้หินในเหมืองเกิดการถล่มลงมาใส่ชาวเหมืองทั้งหลาย

    และผลก็คือฝันร้ายตรงหน้าพวกเขานี่เอง


    "ใจเย็นไว้! พวกที่ปลอดภัยรีบขนย้ายคนเจ็บหนักออกมา! ส่วนคนที่เจ็บไม่หนักมาก็พยายามออกมาด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด!"

    เรื่องต้นเหตุช่างมันก่อน ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาควรทำคือช่วยผู้รอดชีวิตออกมาให้เร็วที่สุด

    เมื่อพวกมิโนเทารุสที่กำลังแตกตื่นได้ยินคำสั่งของโครโน่ พวกเขาก็หยุดขยับไปชั่วขณะ แล้วรีบทำตามที่ชายหนุ่มบอก

    ความจริงพวกเขาไม่มีหน้าที่ต้องทำตาม และก็คงไม่ทำตามโครโน่ในเวลาปกติหรอก แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะทำให้พวกเขาไม่สามารถคิดอะไรได้กระจ่างนัก

    "คุณมิโน?"

    "....พ่อ! พ่อครับ!"

    "ใจเย็นๆก่อน คุณมิโน!"

    โครโน่หยุดผู้ช่วยของตนไว้

    "...ทะ..ท่านแม่ทัพ"

    "ใจเย็นๆก่อน ถ้าเสียความเยือกเย็นไปตอนนี้เรื่องที่ทำได้ก็จะกลายเป็นทำไม่ได้ไปหมด แล้วก็อย่างที่รู้... คำสั่งของผมน่ะ มันมีช่องว่างอยู่เต็มไปหมดเหมือนปกติแหละ"


    หลังจากหายใจเข้าออกซ้ำๆกันอยู่หลายครั้ง คุณมิโนจึงพูดกับเจ้านายของตน

    "ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ท่านแม่ทัพ"

    "จะเริ่มล่ะนะ"

    ครับ...

    คุณมิโนพยักหน้า

    เมื่อเขานำความเยือกเย็นกลับมาได้ การสั่งงานก็เป็นไปได้อย่างราบรื่น เรียกได้ว่าคนในหมู่บ้านค่อนข้างเชื่อถือ.... และเชื่อฟังคุณมิโนเลยทีเดียว

    "...ไม่น่าให้เฟย์ไปซื้อของในเมืองเลยแฮะ"

    "ช่างมันเถอะท่านแม่ทัพ ผ่านไปแล้ว"


    เหล่าผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุถูกวางให้นอนเรียงกันอยู่ในพื้นที่ๆห่างจากเหมืองไปเล็กน้อย โดยมีครอบครัวของแต่ละคนคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด

    แต่พวกเขาก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากหาอะไรมาอุดปากแผลเท่านั้น

    "น่าจะช่วยได้เกือบหมดแล้วมั้ง...."

    "มิโน! ....พ่อ"

    เมื่อเขาหันไปทางต้นเสียง เขาก็พบกับบิดาของมิโน... มิโนเทารุสตาเดียวถูกหินทับช่วงล่างอยู่

    ดูจากสภาพแล้วน่าจะโดนกลิ้งทับทีหลัง ทำให้บาดแผลไม่รุนแรงเหมือนผู้ที่โดนหินตกใจอย่างจัง

    "รีบหนีไปเถอะ... หินมันยังค่อยๆถล่มลงมาอยู่นะ.."

    เป็นจริงๆอย่างที่พ่อของมิโนพูด หินก้อนเล็กๆยังคงร่วงลงมาจากเพดานเหมืองอย่างไม่หยุดหย่อน

    "....ท่านแม่ทัพ"

    "รู้แล้วน่า ผมไม่ทิ้งพ่อคุณมิโนไปหรอก.. ทุกคน! กลับไปข้างนอกก่อน!"

    ความสำราญของพระผู้เป็นเจ้า.... โครโน่กระซิบขึ้นอย่างแผ่วเบา

    เขาสั่งให้เวทมนตร์ทำงานขึ้นอย่างต่อเนื่องเหมือนกับตอนที่ทำลายเครื่องกระทุ้งในสงคราม

    ในพริบตา ตัวอักษรแปลกๆก็ปรากฏขึ้นมาในการมองเห็นของเขา

    หัวของเขาปวดราวกับว่าสมองจะไหม้ในไม่ช้า

    ภาพที่เขามองเห็นถูกย้อมไปด้วยสีแดง

    แม้แต่จมูกของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยเลือดกำเดาที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง



    แต่ไม่รู้ว่าโครโน่เป็นพวกบ้าคลั่ง หรือสติไม่เต็มกันแน่

    เขายังคงใช้เวทมนตร์ต่อไป

    "....ความสำราญของพระผู้เป็นเจ้า"

    ก้อนของเหลวสีดำปรากฏออกมาปกคลุมก้อนหินที่ทับร่างของพ่อคุณมิโนอยู่ และส่งมันไปยังที่ไหนซักที่หนึ่ง

    "ขอบคุณครับ ท่านแม่ทัพ"

    "ไว้ขอบคุณทีหลังเถอะ รีบออกไปก่อนดีกว่า"

    แต่ยังไม่ทันที่เขาจะออกเดิน เขาก็ล้มลงก้นจ้ำเบ้าเสียก่อน

    เอ๋?

    ด้วยท่าที่ล้มลงอยู่กับพื้น ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นภาพเหนือศรีษะของตนเอง

    ภาพของก้อนหินขนาดใหญ่ที่กำลังหล่นลงมา

    "ท่านแม่ทัพ!"

    ถึงแม้ว่าขนาดของก้อนหินนั้นจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ถ้าโดนหัวเข้าจังๆล่ะก็ตายแน่นอน

    แย่แฮะ....

    เขาเตรียมใจที่จะตายบนสนามรบ หรือแม้แต่ตายคาเตียงมาตั้งนานแล้ว แต่โดนหินหล่นใส่หัวตายนี่ไม่ได้เตรียมใจไว้จริงๆแฮะ....


    "เทพเอ๋ย.. ขอคำอวยพรแค่คมดาบของข้าด้วย!"

    คบดาบสีดำวาดผ่านก้อนหินที่ควรจะตกใส่หัวของเขา ผ่ามันออกเป็นสองเสี่ยง แล้วตกลงข้างๆชายหนุ่ม

    "เฟย์.... ขอบคุณนะ"

    "สังหรณ์ไม่ค่อยดีเลยกลับมาน่ะเจ้าค่ะ"

    แล้วเธอก็ยื่นมือฉุดโครโน่ให้ยืนขึ้นมาอีกครั้ง


    *


    ผุ้เสียชีวิตห้านาย บาดเจ็บสาหัสสิบนาย และบาดเจ็บเล็กน้อยอีกยี่สิบ....

    ถึงแม้ว่าเฟย์จะใช้อำนาจเทพพยายามรักษาคนที่บาดเจ็บหนักแล้ว แต่เทพธิดาสีดำที่เธอนับถือนั้นไม่เหมาะกับเรื่องรักษา ทำให้มันไม่มีผลเท่าที่ควร

    หลังจากจัดการกับร่างของผู้ที่เสียชิวตและรักษาคนบาดเจ็บเสร็จ เวลาก็เลยมาจนพระอาทิตย์เกือบจะตกดินแล้ว

    ในตอนนี้... เหล่ามิโนเทารุสที่ยังสบายดีได้มารวมตัวกันในลานกลางหมู่บ้าน


    "ทุกคน... ฟังผมพูดหน่อย"

    ผู้ที่เอ่ยปากออกมาคนแรกคือทหารผู้ช่วยของโครโน่

    "ตอนนี้... ผมน่ะ... ทำงานเป็นทหารผู้ช่วยให้ท่านโครโน่ที่อยู่ตรงนี้ และที่ผมกลับมาที่นี่.. ก็เพราะท่านโครโน่ต้องการคนงานไปช่วยสร้างท่าเรือ"

    เฟย์รีบเดินมาขวางระหว่างโครโน่กับเหล่ามิโนเทารุสทันทีที่คุณมิโนพูดจบ.... ถึงเธอจะอยู่ในสภาพหมดแรงจากการใช้อำนาจเทพมากกเกินไปก็เถอะ

    "แน่นอนว่าไม่ใช่แค่นั้นหรอก... อยู่ที่นี่น่ะ... มันไม่มีอนาคตหรอก"

    "แล้วถ้าไปที่เมืองของคนนั้นจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้แน่หรือ?"

    "ใช่ๆ ไม่ใช่ว่าจะหาเรื่องลำบากไปมากกว่านี้เหรอ?"

    ผู้ช่วยของเขาตอบคนในหมู่บ้านโดยไม่แม้แต่จะหลบตา

    "สัญญาไม่ได้หรอก หลังท่าเรือเสร็จก็ต้องเดิมพันกันเอา.. แน่นอนว่าท่านโครโน่จะพยายามเต็มที่เพื่อช่วยพวกเรา แต่มันก็ใช่ว่าจะสำเร็จเสมอ"

    เดิมพันเหรอ.... ไร้ความรับผิดชอบไปหน่อยมั้ง...

    ความไม่พอใจเริ่มแพร่กระจายไปตามหมู่มิโนเทารุสที่ฟังทหารผู้ช่วย

    "แต่กลับกัน... คิดว่าไปหาชีวิตที่ดีขึ้นโดยไม่เสียงได้จริงๆหรือ? อยู่ที่นี่ต่อไปก็ใช่ว่าจะดี มีลูกสี่คนยังไงก็ต้องตายไปซักคน จะโดนขาย จะโดนหินถล่มเหมือนวันนี้ก็ตามเถอะ!"

    ทหารผู้ช่วยเริ่มใส่อารมณ์เข้าไปในน้ำเสียงของตน

    "พวกเราน่ะ มีแต่จะต้องเดิมพันเพื่อหนีจากชีวิตแบบนี้แล้ว"

    พอเห็นภาพแบบนี้แล้วก็นึกถึงภาพของไมร่าที่กำลังหัวเราะอยู่จริงๆ

    บางทีเขาอาจจะอยู่กับเธอนานเกินไปก็ได้

    "ผมน่ะ เดิมพันกับท่านโครโน่ไปแล้ว แล้วผมก็เชื่อว่าท่านโครโน่จะพยายามเต็มที่เป็นการตอบแทน"

    ความเงียบเข้าปกคลุมฝูงมิโนเทารุส

    อยู่ที่นี่ไปก็ไร้อนาคต ทำได้เพียงแค่มีชีวิตรอดไปวันๆ

    "...ฉันว่าจะลองพนันดูก็ได้"

    "พ่อ!?"

    ผู้ที่พูดขึ้นมาคนแรกคือบิดาของคุณมิโนนั่นเอง

    "ถึงจะมีเบื้องหลังก็เถอะ แต่...ท่านโครโน่ตรงนั้นก็ช่วยพวกฉันโดยไม่หนีไปก่อน... อย่างน้อยฉันก็ว่าเขามีค่าพอที่จะเดิมพันด้วย"

    เขาเข้าไปเกลี้ยกล่อมเหล่าคนในหมู่บ้านแทนลูกชาย

    แต่ในเวลาไม่นาน....

    "นั่นสินะ.. เดิมพันกันหน่อยก็ได้"

    เริ่มจากหนึ่งคน สองคน สามคน....

    คำพูดแบบนั้นเริ่มแพร่กระจายไปยังเหล่ามิโนเทารุสทั้งหมด


    *


    เช้าวันถัดมา ผู้บาดเจ็บหนักจำนวนสามคนนั้นหยุดหายใจไปโดนไม่ตื่นขึ้นมาอีก ส่วนอีกเจ็ดคนนั้นเริ่มได้สติกลับมาแล้ว

    หลังจากจัดการฝังผู้เสียชีวิตเสร็จเรียบร้อย ผู้ครองเขตโบว์ดิสและผู้คุ้มกันก็มาถึงหมู่บ้านของเหล่ามิโนเทารุสจนได้

    เจ้าเมือง.... หรือบารอนโบว์ดิสนั้นเป็นชายหนุ่มอายุประมาณสี่สิบกว่า ดู....สมกับเป็นขุนนางดี

    "ได้ยินว่ามีหินถล่มเลยมาดูหน่อย แต่เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรนี่... กลับไปทำงานกันได้แล้ว"

    เขาพูดกับเหล่ามิโนเทารุสโดยไม่แม้แต่จะลงจากม้า

    ".....ช่วยรอก่อนครับ"

    "ใคร?"

    "ผมเป็นผู้ครองเขตเอรากิสและเขตคาโดะ มีนามว่าโครโน่ครับ"

    เมื่อเห็นโครโน่คุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมก้มหัวให้ บารอนโบว์ดิสก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ

    "แล้วผู้ครองเขตเอรากิสมีธุระอะไรกับเราล่ะหืม?"

    "คือความจริงผมมีเรืองอยากขอร้องใต้เท้าน่ะครับ"

    เขาอธิบายถึงความไม่สงบในพื้นที่ของตนที่ส่งผลกระทบให้การพัฒนาพื้นที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ทำให้ขุนนางใหม่อย่างตนต้องมาขอยืมพลังของขุนนางเก่าอย่างบารอนโบว์ดิส

    ซึ่งก็แน่นอนว่าโม้ทั้งแพ

    "หืม... เป็นขุนนางใหม่ที่รู้จักสำเหนียกตัวดีนี่ เราขอสัญญาว่าจะช่วยเท่าที่ทำได้แล้วกัน"

    "ขอบพระคุณมากครับ ถึงมันจะดูมากไปดสียหน่อย แต่ขอให้ยกเหล่ามิโนเทารุสเหล่านี้ให้แก่ผมได้ไหมครับ?"

    บารอนโบส์ดิสหรี่ตาลง เหมือนกับจะเริ่มคำนวณผลได้ผลเสียของตน

    "แน่นอนว่าไม่ได้ขอฟรีๆครับ เฟย์"

    "เจ้าค่ะ"

    เมื่อเฟย์วางกล่องที่ขนมาจากรถม้าลงกับพื้น ก็เกิดเสียงตูม! ขึ้น

    โครโน่เปิดกล่องใบนั้นออก โดยตั้งใจให้บารอนโบว์ดิสเห็นเหรียญทองที่ถูกอัดไว้ข้างในกล่องอย่างถนัด

    "..ถึงจะไม่มากนัก แต่ผมได้เตรียมเงินมาเป็นจำนวนเหรียญทองสี่พันเหรียญครับ"

    "โฮ่... โฮ่...."

    แววตาของบารอนโบว์ดิสเริ่มมีประกายอกมา

    "ก็ได้ เรายอมยกพวกมิโนเทารุสให้เจ้าก็ได้ แลกกับเหรียญทองสี่พันเหรียญนะ"

    "ขอบพระคุณมากครับ"

    เหล่ามิโนเทารุสที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้มีจำนวนสองร้อยคนเศษๆ และถ้าคิดจากราคาตลาดของทาสหนึ่งคนเป็นยี่สิบเหรียญทองแล้ว มันนับว่าไม่ใช่จำนวนเงินที่แพงมากเลย ยิ่งถ้าคำนวณได้ว่ามีคนที่พร้อมจะใช้แรงงานได้กว่าหกหรือเจ็ดสิบคนแล้ว มันออกจะเป็นราคาที่ถูกด้วยซ้ำ

    แต่เขาก็ไม่ได้พูดมันออกมาแต่อย่างใด


    *


    การเดินทางของพวกโครโน่กับเหล่ามิโนเทารุสทั้งสองร้อยคนนั้นกินเวลาไปกว่าเจ็ดวัน

    เพราะถึงแม้ว่าผู้บาดเจ็บหนักจะได้เฟย์คอยใช้อำนาจเทพรักษาให้อยู่เป็นเนืองๆ แต่เขาก็ไม่สามารถให้คนเจ็บหนักลุกขึ้นมาเดินเองได้อยู่ดี

    และเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงยังประตูเมืองฮาเชล เขาก็พบกับพ่อค้าทาสคนหนึ่ง

    "โอ้! ท่านโครโน่! กำลังรออยู่เลยขอรับ!"

    "อืม... ไม่ได้เจอกันนานนะ"

    "เผอิญกระผมได้ยินว่าท่านโครโน่กำลังต้องการแรงงาน เลยรวบรวมทาสสำหรับใช้แรงงานหนักมาน่ะขอรับ"

    ....ข่าวหลุดไปจากใครอีกล่ะเนี่ย

    "เชิญดูเลยขอรับ"

    "ก็ดูอยู่เนี่ย"

    คนของพ่อค้าทาสเปิดประตูของรถม้าออก เผยให้เห็นถึงลิซาร์ดแมนที่อัดกันอยู่ภายใน

     อนึ่ง..ไม่ใช่รถม้าสำหรับโดยสารทั่วไป เป็นรถม้าที่มีหน้าต่างบานเล็กๆสำหรับขนย้ายทาส...
     
    "ถึงจะมีเวลาเตรียมการน้อย แต่กระผมก็รวบรวมลิซาร์ดแมนมาได้ประมาณห้าสิบคนขอรับ แน่นอนว่าทางกระผมไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ใบยืนยันของทางโรงพยาบาลฮาเชลเองก็มีเรียบร้อยขอรับ"

    "....แล้วถ้าผมไม่ซื้อล่ะ?"

    "ก็คงขายไปให้ทางเหมืองน่ะขอรับ"

    พ่อค้าทาสตอบโครโน่ด้วยรอยยิ้ม

    "เท่าไหร่?"

    "ความจริงราคาคนละสามสิเหรียญทอง... แต่เห็นแก่ที่ว่าเป็นการรวบรวมมาโดยไม่ได้ขออนุญาตท่านโครโน่ก่อน คนละยี่สิบห้าเหรียญทองเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?"

    อืม.....

    มันก็จริงอยู่ที่เขาต้องการแรงงานคนในการสร้างท่าเรือ แต่ไม่ถูกใจการขายแบบนี้จริงๆแฮะ

    แถมถ้าไม่ซื้อก็รู้สึกแย่อีก...

    "ผมซื้อก็ได้ แต่ว่า.. ครั้งต่อไปอย่าทำอะไรโดยพลการแบบนี้อีกล่ะ"

    "รับทราบครับผม"

    พ่อค้าทาสตอบทันที

    แต่จะเข้าใจจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้.....


    *


    คืนนั้น.... โครโน่ได้ชำระล้างร่างกายที่สกปรกจากการเดินทาง แล้วจึงทานอาหารของผู้ดูแลที่ไม่ได้ทานมาเป็นเวลาซักพักใหญ่ๆแล้ว

    และแน่นอนว่าเขาก็โดนเอเลน่าสวดเสียยกใหญ่ข้อหาใช้เหรียญทองหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบเหรียญไปซื้อพวกลิซาร์ดแมนทั้งๆที่ไม่ได้วางแผนไว้

    ซึ่งเธอก็พูดอะไรทำนองนี้

    "หา? ไหนบอกว่าไม่ชอบระบบทาสไง? สติดีอยู่ป่ะ?"


    เฮ่อ.... ชายหนุ่มถอนหายใจแล้ววางปากกาลง

    ในตอนนี้เขากำลังเขียนเอกสารสัญญาเกี่ยวกับลิซาร์ดแมนที่ซื้อมานั่นเอง

    เนื่อหาของมันมีอยู่ว่า สร้างท่าเรือเสร็จแล้วเขาจะปล่อยพวกลิซาร์ดแมนเป็นอิสระ และระหว่างนั้นเขาจะจ่ายเงินเดือนให้เดือนละหนึ่งเหรียญทอง ส่วนอาหารและที่พักอาศัยเขาจะเป็นฝ่ายจัดหาให้

    แต่เขียนไปพวกลิซาร์ดแมนก็อ่านไม่ออกอยู่ดี โครโน่เริ่มรู้สึกถึงข้อผิดพลาดของตัวเอง

    ทันใดนั้น เสียงเคาะ(ชก?) ประตูก็ดังขึ้นอย่างไร้ความเกรงใจ

    ตูม! ตูม!

    และเมื่อเขาเปิดประตูอย่างกล้าๆกลัว....

    "มาหาแล้วนะ! โครโน่!"

    พอเห็นทีเรียยืนอยู่อีกฝากหนึ่งของประตู เขาก็ปิดมันทันที

    "ปะ...ปิดประตูทำไมกัน!"

    "ยะ...อยู่ระหว่างการทำงานขรับ!"

    เขาไม่ได้กลับมาที่เขตก็เป็นเวลากว่าสองอาทิตย์แล้ว งานคั่งค้างเองก็เยอะพอสมควรเลย

    ถ้าเพิ่มทีเรียเข้ามาคืนนี้นี่พรุ่งนี้เขาคงตื่นไม่ไหวแน่ๆ

    "ตะ...ตั้งสองอาทิตย์แล้วนะ!"

    "ทำงานอยู่ขรับ!"

    โครโน่พยายามบีบลูกบิดประตูสุดแรงไม่ให้ทีเรียเข้ามาได้

    แต่ในพริบตา

    ทีเรียก็ถีบประตูให้เปิดออก ส่งผลให้เขาที่อยู่หลังประตูต้องถึงกับกระเด็นไปตามแรงผลัก

    เมื่อเขายันกายลุกขึ้นมาจากพื้นได้ หญิงสาวก็นั่งรออยู่บนเตียงเสียแล้ว

    "ถ้ามีงานก็ช่วยไม่ได้นะ... จะรอหน่อยก็ได้"

    "สายตาจากข้างบนนี่มันอะไรกัน!?"

    แต่สุดท้ายเขาก็หย่อนก้นลงบนเก้าอี้และเริ่มทำงานต่อจนได้

    "...จะว่าไปแล้ว"

    "ถ้าหมายถึงผู้หญิงคนอื่นล่ะก็ไม่มาหรอก เห็นบอกว่าโครโน่คงกำลังเหนื่อยอยู่น่ะ"

    "ละ...แล้วเธอมาทั้งๆที่รู้เนี่ยนะ!?"

    "แน่นอนสิ"

    เธอยืดอกตอบอย่างภูมิใจโดยไม่ได้แม้แต่จะพยายามอ่านบรรยากาศเลยซักนิดเดียว

    โถ่ว้อยยย! ช่างเป็นหน้าอกที่เอาแต่ใจอะไรเช่นนี้!?

    มันต้องมีอะไรซักอย่างสิ...

    และเขาก็นึกอะไรออกจนได้

    โครโน่หยิบ"สิ่งนั้น"ออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงาน แล้วยื่นให้ทีเรีย

    "ทำไม... นายถึงมีของพรรค์นั้นอยู่ในโต๊ะทำงานได้...."

    ทีเรียเบิกตากว้างเมื่อเห็นของ "สิ่งนั้น"  

    ซึ่งของ "สิ่งนั้น" มันก็คือกุญแจมือที่ทำด้วยไม้นั่นเอง

    "มีที่ล๊อคข้อเท้ามาเป็นเซ็ตเดียวกันด้วยนะ"

    "ฮะ....โฮ่.... แล้ว... มันทำไมเหรอ..."

    "ได้โปรดใส่ด้วยครับ"

    โครโน่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจจะจริงจังไปกว่านี้ได้แล้ว

    "วะ...ว่าไงนะ?"

    "ก็ว่าตามนั้นแหละ"

    หรือจะไปขอคนอื่นดีน้า.... โครโน่แอบบ่นกับตัวเองเบาๆ... แต่ดังพอที่จะให้ทีเรียได้ยิน

    ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็จำต้องยอมรับมันอย่างเลี่ยงไม่ได้

    "กะ...ก็ได้"

    "..."

    เมื่อได้ยินดังนั้น โครโน่จึงจับมือทีเรียไขว้หลังไว้แล้วใส่กุญแจ แน่นอนว่าที่ล๊อคขาเองก็ได้

    "วะ...วันนี้นายดูแปลกๆนะ..."

    "ฮึบ!"

    เขาผลักทีเรียให้นอนลงบนเตียง

    "ดะ..เดี๋ยวก่อนสิ! ทำไมหันหลังให้ฉันล่ะ!"

    "ก็บอกว่าผมมีงานไง"

    "หลอกกันได้นะ!"

    "คนโดนหลอกสิผิด"

    ทีเรียถึงกับต้องตัวสั่นเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของคนรักของเธอ

    "ถอดไอ้ของพวกนี้ออกซะ!"

    "....ไม่เยา"

    "วะ...ว่าไงนะ!"

    ทีเรียดิ้นไปมาบนเตียง แต่แค่นั้นมันก็ยังไม่อาจทำให้กุญแจมือและเครื่องล๊อคขาหลุดไปได้ง่ายๆ

    "ถ้าไม่ทำถึงขนาดนี้ผมก็หยุดเธอไว้ไม่ได้สิ"

    "อะ....ไอ้ขี้ขลาด!"

    "เป็นคำชมที่สุดยอดเลยล่ะ... ผมแถมผ้าปิดตาให้ด้วยแล้วกัน"


    คือความจริงเขาเตรียมของพวกนี้ไว้ใช้กับเอเลน่าอ่ะนะ



    มุมบ่นของผู้แปล (ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ จะพยายามไม่สปอยมาก)

    มีแรงปริศนาที่ทำให้ผมพยายามใส่คำว่าคืนความสุขให้ประชาชนลงในช่วงต้นตอน แต่ไปๆมาๆอย่าดีกว่า lol

    แล้วตอนนี้ยอมรับว่าคุณภาพการแปลดรอปมากครับ ปิดเทอมนานไปหน่อย เปิดเทอมพอกลับบ้านมาจากมหาลัยแล้วเหนื่อยไม่ค่อยมีอารมณ์นั่งแปลเลย แปลไปก็ไม่ลื่นเหมือนปกติ แต่ดีขึ้นแล้วล่ะ (มั้ง)





    ส่วนไอ้ปั้มน้ำนั่นไป google  ancient pump ดูละกันครับ มีรูปอยู่ (ผมก็หาเหมือนกัน อ่านตอนแรกงงแดก)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×