ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : พบวินสแตนด์ ปิศาจค้างคาวหิน [ก็กากอยล์นั่นแหละว๊า~~~]
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฮัดชิ้ว!
“แปลกจริง ทำไมข้ารู้สึกเหมือนถูกคนนินทา”เกรเซียสพูดเบาๆ
“ครีอุส ท่าทางเจ้าจะเหนื่อยนะ”ข้าบอกเขา บางครั้งเขาโหมงานยิ่งกว่าข้าเสียอีก [ถึงคนอื่นจะบอกว่าการดัดนิสัยเหล่าเจ้าชายเจ้าหญิงทั้งหลายเป็นงานไร้สาระ แต่ในสายตาข้าก็เห็นว่าเขายังโหมงานหนักอยู่ดี] เขาไม่เหมือนข้าที่เป็นประมุขแห่งความตาย เขายังต้องกินต้องนอนบ้าง
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกฮาเดสที่รัก ข้าแค่รู้สึกว่ามีใครกำลังพูดถึงเท่านั้น”เกรเซียสถอนหายใจ
“จะพักก่อนมั๊ยล่ะ เราถ่ายได้เยอะแล้วล่ะ”โลชูถาม
“ให้ครีอุสพักบ้างเถอะ”ข้าขอร้องแทน
“สุดยอด รูปพวกนี้ลงได้ทุกรูปจริงๆนะ”อาต้าร้องอย่างดีใจ
ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องดีใจขนาดนั้น แค่เอาแสงส่องใส่เกรเซียสเท่านั้นเอง
แชะ!
“ท่านทำอะไร?”ข้าถามอย่างงงๆเมื่อเห็นโลชูเอาแสงประหลาดนั่นมาส่องใส่ข้าบ้าง
“นิสัยเสียอีกแล้ว ไปถ่ายตอนเขาเผลอเนี่ย”อาต้าตบหัวโลชูไปครั้งหนึ่ง
“เอาน่า ไหนๆรูปก็ออกมาดี...เฮ้ย!!!!!”
“ฮาเดสที่รัก โปรดมาช่วยข้าสักนิด”เสียงเกรเซียสเรียกข้า
“ข้าขอตัวซักครู่”ข้าบอกลาแล้วออกจากห้อง เดินตามเสียงมุ่งไปหาเกรเซียส
“เจ้ามาได้ซักทีลอเรน”เกรเซียสถอนหายใจอย่างโล่งอก
“มีอะไรหรือเกรเซียส”หากเขาเรียกข้าว่าลอเรน งั้นข้าจะเรียกเขาว่าเกรเซียสคงไม่แปลก
“เดี๋ยวข้าคิดว่าจะออกเดินเล่นเสียหน่อย เจ้าจะไปกับข้ามั๊ย?”เกรเซียสถาม
“...เดินเล่น...”จริงๆข้าเป็นคนชอบเดินเล่นนะ แต่ตั้งแต่ที่ข้ากลายเป็นตัวอะไรที่ไม่ใช่คนข้าก็ไม่ค่อยกล้าเดินไปไหนมาไหนเท่าไหร่ ข้าไม่อยากให้เกรเซียสเดือดร้อนนักหรอก
“เอาน่า ไปกับข้าทั้งที ไม่น่าจะมีอะไรหรอก”เกรเซียสยิ้มให้ข้า
“...ก็ดี...”
“คนที่นี่แต่งตัวประหลาดกันจัง”เกรเซียสพึมพำ
“...ข้าว่า...มันคงเป็นเรื่องธรรมชาติของที่นี่...”ข้าตอบ
“เหรอ แต่ใส่แบบนั้นไม่รู้สึกหวิวๆบ้างรึไงนะ เสื้อผ้าขาดปุปะไปหมด”เกรเซียสถอนหายใจ
“นั่นสินะ”ข้าอดเห็นด้วยไม่ได้
และด้วยความไม่ทันระวัง ข้าจึงเผลอไปชนกับชายคนหนึ่งเข้า
“เฮ้ย!”
“ขอภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”ข้าบอก
“ขอโทษแล้วมันหายรึไงวะ!!!”
“...คนที่นี่...อันธพาลกันทั้งนั้น...”เกรเซียสที่อยู่ข้างๆข้าถอนหายใจ
“เฮ้ยพวกเรา! จัดการสั่งสอน...”
“จะสั่งสอนใครนะ”เกรเซียสยิ้มกว้างให้พวกเขา แต่ข้ารู้จักรอยยิ้มนั่นดี...
......มันเป็นรอยยิ้มที่ฝืดฝืนเต็มทนของเกรเซียส......
......เป็นรอยยิ้มที่บอกว่า...เขาเริ่มโกรธแล้ว......
เพราะฉะนั้นข้าควรจะสั่งสอนพวกเขาเอง ดีกว่าให้เกรเซียสลงมือ
“ข้าถือว่าข้าขอโทษแล้ว”ข้าถอนหายใจ ก่อนจะหันไปสบตากับชายคนที่ข้าเดินชน
วู้ม...
“ห...เหวอ!!!!!!!”ข้าแค่ปล่อยไอปิศาจของข้าออกมาเล็กน้อย ชายคนนั้นก็เริ่มเสียสติ ร้องลั่นถนน
“...ถ้ายังไม่ไปจากที่นี่...แกตาย...”ข้าพูดเสียงเบาๆที่เย็นยะเยียบ แต่ข้าว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ข้ายังไม่ได้เสริมคำว่า...”ตายด้วยมือเกรเซียส” นะ...ให้พวกเขาเจอประมุขแห่งความตาย ดีกว่าให้พวกเขาเจอเกรเซียสเยอะ!!!
ระหว่างที่ข้ากำลังคิดอยู่นั้น เหล่าชายพวกนั้นก็หนีหายไปหมดเสียแล้วโดยที่ข้าไม่ทันรู้ตัว เฮ้อ คนที่นี่ทำไมถึงได้มีร่างกายแปลกประหลาดราวกับถูกตัดแต่งมาจนคล้ายกับปิศาจใต้สังกัดของข้าแบบนั้นนะ
“เจ้าไม่น่าปล่อยไอปิศาจซะแรงเลยลอเรน”เกรเซียสยิ้มแห้งๆ
“มีอะไรหรือ?”ข้าถามเขาอย่างไม่เข้าใจ
“พวกอมนุษย์ที่หลังคาตึกพวกนั้นพากันหนีหัวหดหมดแล้ว ข้าไม่อยากวุ่นวายหรอกนะ”เกรเซียสบอกข้า
สรุปคือ...ข้าก่อความวุ่นวายให้เขาอีกแล้ว...ใช่มั๊ยนะ?
“น...นี่มันอะไรกันเนี่ย”โลชูครางจนทำให้คนอื่นสงสัย
“เอื๊อก”อาต้าหน้าซีด
“เกิดอะไรกับรูปถ่ายรึไงกัน”เอเฮิร์นดึงกล้องดิจิตอลจากโลชูมาดู
ภาพที่ถ่ายได้ แม้จะเป็นภาพที่ดูเหมือนจะปรกติ แต่เทพอัศวินฮาเดสที่ถ่ายติดมานั้น เป็นคนที่ใส่ชุดแขนยาวสีขาว มีเสื้อกั๊กสีน้ำเงินคลุมอยู่แทนที่จะเป็นชุดนักฆ่าสีดำสนิท ผมสีน้ำตาลอ่อนๆพลิ้วไหว ดวงตาสีแซฟไฟร์มองกล้องอย่างงงๆ
“ทำไมถึงติดเป็นคนคนนี้แทนซะงั้นล่ะ”แอบเนอร์ขมวดคิ้ว
“นี่อาจจะเป็นร่างจริงของเขา”เอเฮิร์นพูด
“แต่ไม่เห็นจะต้องร้องซะน่าตกใจแบบนั้นเลยนะคะ”ลีโอน่าขมวดคิ้วอีกคน
“ที่ตกใจไม่ใช่ผู้ชายคนนี้ซักหน่อย นี่ต่างหากนี่!”อาต้ารีบชี้ไปที่มุมล่างของจอ
มุมล่างของจอ...กลับมีเงาเงาหนึ่งติดมาด้วย มันเป็นเงาดำๆที่ดูไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร แต่มือของมันแปะที่รูปถ่ายราวกับว่าตอนที่ถ่ายมันเกาะติดอยู่กับเลนส์กล้อง ดวงตาสีแดงหรี่เล็ก ริมฝีปากแสยะยิ้มน่ากลัว
แว๊ก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แอบเนอร์และลีโอน่าเกือบจะโยนกล้องทิ้ง ทั้งสองหนีไปจนติดมุมห้อง
“รูปถ่ายติดวิญญาณ?”เอเฮิร์นยังคงรักษาความสงบเอาไว้ได้
“ไม่น่า...นี่น่าจะเป็น...”
“น่าจะเป็นทาสรับใช้ของพี่ฮาเดส”
“เซียร์!?!”
“เมื่อกี้พี่ชายเพิ่งโทรมาหาผม เขาบอกเรื่องสำคัญบางอย่างมาด้วย”อันเซียร์บอกทุกคน
“ขออภัยที่ต้องทำให้ท่านเดือดร้อนจริงๆ”สุดท้ายข้าต้องให้ลอเรนพาข้ามาหาปิศาจเจ้าถิ่นของที่นี่เพื่อขอโทษด้วยตนเอง
“...อึก...”แต่จากสีหน้าของปิศาจค้างคาวหินตัวนี้ มันคงไม่อยากเจอทั้งข้าทั้งลอเรนอยู่ดีนั่นแหละ
ก็นะ ไม่ได้อยากจะอวดอะไรหรอก แต่ลอเรนน่ะเป็นถึงประมุขแห่งความตาย พลังปิศาจเหนือชั้นกว่าคน อะแฮ่ม! เหนือกว่าปิศาจบนหลังคาตึกพวกนี้เป็นไหนๆ ต่อให้พวกมันมารุมทำร้ายเขายังไม่แน่ว่าจะทำได้เลย เพราะฝีมือดาบของเขาก็ดี การเคลื่อนไหวก็รวดเร็ว แถมยังมีความสามารถเรียกกองทัพปิศาจมาสมทบอีก ให้ตาย! ทำไมยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าข้าตั้งมากมายขนาดนี้กันล่ะ
ส่วนข้า พวกเขาจะกลัวข้าก็ไม่แปลก อย่างที่ข้าเคยบอก เลือดของข้าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันดับต้นๆของโลกเชียวนะ! กับพวกปิศาจพวกนี้ เลือดของข้าก็เป็นดั่งพิษร้ายแรงที่จะคร่าชีวิตพวกเขาได้ในครั้งเดียวนั่นแหละ แน่นอนว่าแม้แต่ลอเรนก็ไม่มีข้อยกเว้นเหมือนกัน
“พ...พวกเจ้าเป็น...เป็นใครกัน”
“พวกเรามาจากลีฟบัด...เราไม่ใช่คนของเซ็ตติ้งซันน่ะ”ข้ายิ้มบางๆให้เขาเพื่อปลอบประโลม ของมันแน่อยู่แล้วว่ามันต้องช่วยได้เสมอ ขนาดทำให้หญิงสาวทั้งหลายที่คิดว่ากำลังจะจับใครเป็นสามี แค่พบรอยยิ้มของข้ายังลืมไปเสียสิ้นเลย แล้วกับปิศาจพวกนี้จะไม่ได้ผลได้อย่างไร
“พวกเจ้า...เป็นแขกของตะวันรัตติกาลงั้นสินะ”
“ตะวันรัตติกาล?”ลอเรนขมวดคิ้ว ซึ่งข้าว่าเจ้าปิศาจค้างคาวหินนี่คงเข้าใจผิดว่าลอเรนเริ่มไม่พอใจ ก็เลยถอยกรูดไปอีกหลายก้าว
“ใช่ครับ เราเป็นแขกของพวกเขา เรามาที่นี่เพื่อแผยแพร่ศาสนาแทนที่ศาสนจักรที่ถอนตัวออกไปจากเมืองนี้”ข้าตอบ
“ศาสนจักร!!!”เสียงที่เขาพูดถึงศาสนจักรดูโกรธเกรี้ยวน่าดู
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรหรือท่านปิศาจค้างคาว ข้าชื่อครีอุส ส่วนเขาชื่อฮาเดส”ข้าแนะนำตัวเสร็จสรรพ
“ข้าวินสแตนด์ พวกเจ้าจะมาแทนที่ศาสนจักรพวกนั้นสินะ ดี!!!”
“ท่าทางท่านจะไม่ชอบพวกนั้น”ลอเรนถาม
“ใครจะไปชอบพวกมัน! พวกมันน่ะชอบมาล่าอมนุษย์อย่างพวกเรา ก่อความวุ่นวายได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น!”วินสแตนด์ตะคอก ท่าทางเขาจะแค้นศาสนจักรมากจนลืมคิดไปแล้วว่าคนที่ถามเขาคือลอเรน
“พวกนั้นล่าอมนุษย์งั้นสินะ”ข้าถอนหายใจ
สิ่งที่ข้ากับเทอร์มิสคิดเอาไว้ท่าจะเป็นจริงซะแล้ว แบบนี้คงต้องระวังให้ลอเรนเป็นพิเศษเสียหน่อย เขายิ่งเอาจริงเอาจังเกินไปจนเกือบจะซื่อบื้อไปแล้ว ท่าทางว่า...นอกจากการที่เราต้องมาแทนที่ศาสนจักรแล้ว เรายังต้องเป็นศัตรูกับพวกเขาอย่างช่วยไม่ได้เสียแล้วถ้าข้ายังยืนกรานจะปกป้องลอเรน
“พวกเขาคงจะล่าข้าด้วยสินะ เกรเซียส”ลอเรนเองก็คงเข้าใจเรื่องนี้
“เจ้าพยายามระวังตัวหน่อยนะลอเรน ท่าทางงานที่นี่จะลำบากสำหรับพวกเราหน่อยแล้ว”ข้ายิ้มให้เขา
“เดี๋ยว!”วินสแตนด์รั้งพวกเราไว้
“ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรจะปรึกษาสินะ”ข้ายิ้มกว้าง
“พวกเจ้า...เป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงจะดูเหมือนมนุษย์ แต่ไอที่ออกมานั่นดูยังไงก็ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ ไอแบบนั้นมันไอปิศาจชัดๆ”วินสแตนด์หันไปทางลอเรน
“เจ้าก็เหมือนกัน รอบๆตัวเจ้ามีแต่ไอแห่งความสว่างจนพวกข้ายังรู้สึกเกรงกลัว ราวกับเป็นพลังชำระล้างเหมือนพวกศาสนจักรไม่มีผิด!!!”
อ๊า~ ข้าได้ความรู้ประดับสมองใหม่อีกแล้ว พวกศาสนจักรให้พลังแห่งแสงสว่างในการต่อกรกับพวกอมนุษย์พวกนี้เองหรือนี่
“ในลีฟบัด จะมีความเชื่อเรื่องเทพ เหมือนความเชื่อเรื่องศาสนาของพวกท่านนั่นแหละ”ลอเรนบอก “พวกเราเป็นคนของวิหารเทพแห่งแสงสว่าง และเป็นคนของกลุ่มสิบสองเทพอัศวินแห่งลีฟบัด”
“ข้าคือตัวแทนแห่งความเมตตา ผู้ใช้แสงสว่าง ครีอุส ส่วนเขาคือตัวแทนแห่งความตาย ผู้ใช้เงา ฮาเดส”
“แสงกับ...เงา”
“จริงๆคนที่เก่งกว่าข้าก็คือเทพอัศวินเทอร์มิส ตัวแทนแห่งความเด็ดขาดผู้ใช้ความมืด”ลอเรนบอก “ถ้าเจ้าเจอเขาซักครั้ง เจ้าจะรู้เอง”
“ประมุขแห่งความตาย!!!!!”อาต้าร้องจ๊าก
“...ถึงว่าสิ...ไอมืดขนาดนั้น...”โลชูพึมพำ
“แต่ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ...วิหารเทพแห่งแสงสว่างที่น่าจะมีแต่เทพแห่งแสงสว่าง กลับมีปิศาจที่ชั่วร้ายและน่ากลัวที่สุดเป็นหนึ่งในสิบสองเทพด้วย”เอเฮิร์นว่า
“ตามที่พี่ชายเล่า คุณเทอร์มิสบอกว่าการที่คุณลอเรนกลายเป็นเทพอัศวินฮาเดสก็เพราะแผนการของคุณครีอุส เขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน”
“ครีอุส...ทั้งๆที่ออกจะดูเป็นแบบนั้น...ทำไมถึงได้คิดอะไรแบบนี้ได้เนี่ย”อาต้าแทบลมจับ
“เขาอาจจะเหมือนผมก็ได้”อันเซียร์ยิ้มกว้าง
......ฉากหนึ่ง...คือเทวดาตัวน้อยๆ...ศูนย์รวมจิตใจของเซ็ตติ้งซัน......
......อีกฉาก...คือมัจจุราชแห่งความมืดที่คอยปกป้องทุกคน......
“แต่ระดับความชั่วมันต่างกันนะ”แอบเนอร์เองยังไม่อยากเชื่อเลย
“นั่นสิคะ จะเป็นไปได้เหรอ”ลีโอน่าทำหน้าแหยๆ
“เป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปแล้ว”
“พี่อาเทมิส!!!”อันเซียร์ร้องอย่างดีใจ “เมื่อเช้าเห็นโจซัวบ่นว่าพวกพี่ไม่ยอมตื่นกันเลยซักคน ดีขึ้นแล้วเหรอฮะ”
“...อย่าให้พูดถึงเถอะ...”อาเทมิสกุมขมับ
“ผ...ผู้ชายเหรอ...นั่นน่ะ”ลีโอน่าแอบกระซิบ
“สวยชะมัด”แอบเนอร์พึมพำ
“ข้ามาหาดูผ้าคลุมใหม่ไปให้เทอร์มิส”อาเทมิสตอบ
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่เทอร์มิสเหรอฮะ”อันเซียร์ถาม
“เขาบอกว่าสัมผัสได้ถึงไอปิศาจเลยรีบร้อนออกไป แต่คราวนี้กลับโดนพวกชายประหลาดๆดักเล่นงาน”อาเทมิสถอนหายใจอีกครั้ง “พวกนั้นซวยเองที่ดันไปหาเรื่องเทอร์มิส ตอนนี้ก็โดนรถสีขาวเปิดไฟแดงๆหามไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนเทอร์มิสถูกพวกที่เรียกว่า...อะไรนะ...ตำรวจมั๊ง พาตัวไป”
“อุ๊บ! คิกๆ”อันเซียร์หลุดหัวเราะพรืด
“งั้นตอนนี้ก็น่าจะอยู่โรงพักน่ะสิ”โลชูว่า
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าอะไรคือโรงพัก แต่คล้ายๆว่าพวกตำรวจนั่นจะพูดอะไรแบบนี้เหมือนกัน เทอร์มิสที่กำลังหงุดหงิดน่ะพวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าอันตรายขนาดไหน ตอนนี้พวกตำๆบ้านั่นก็เลยโดนรถแบบเดียวกันหามไปหมดแล้ว ส่วนเทอร์มิสน่ะผ้าคลุมเขาขาด ก็เลยให้ข้ามาหาซื้อใหม่”อาเทมิสยักไหล่
“......”คราวนี้เอเฮิร์นและโลชูต่างพากันเงียบกริบ
“พวก...พวกตำรวจกี่คนคะ...แล้ว...แล้วคนกลุ่มแรกนั่นด้วย”ลีโอน่าคราง
“ถ้าเท่าที่เทอร์มิสบอกมา คนกลุ่มแรกนั่นเขาไม่ได้นับ แต่ทุกคนใส่ชุดสีดำ มีแว่นกันแดด แล้วก็พกอาวุธกันทุกคน ตอนที่รถหามไปน่ะต้องใช้ตั้งเกือบแปดคันมั๊ง”
......พวกมาเฟีย......ทุกคนคิด
“ส่วนตำรวจ อันนี้ข้าว่าอาจจะซักสี่ห้าคนที่อาการร่อแร่ เห็นเทอร์มิสว่าเขาไม่ได้ใช้คม แต่ใช้แค่สันดาบ เพราะงั้นไม่น่าจะถึงตายหรือมีแผลมากมายนัก แต่ก็คงเจ็บประอักกันไปข้างล่ะ”อาเทมิสถอนหายใจอีกรอบ ถ้าเขาก้มหน้าได้คงก้มหน้าบ่นอุบอิบไปแล้ว
“เขาใช้ข้ากับอาร์เมลมาซื้อผ้าคลุมดำผืนใหม่ให้เขา แต่พวกข้าไม่รู้ทางไปเลยคิดว่ามาถามเจ้าจะดีที่สุด”อาเทมิสต่อ
“งั้นผมไปด้วยดีกว่าฮะ ขากลับจะได้ไปเยี่ยมพี่เทอร์มิสด้วยเลย”อันเซียร์ตอบ “ได้นะฮะพี่โลชู?”
“ได้สิ”โลชูพยักหน้ารับ
“งั้นพวกเราไปด้วยสิ”แอบเนอร์เสนอ “อยากเห็นแขกของนายให้ครบๆสิบสองคนเลย”
“งั้นก็ไปด้วยกันหมดนี่เลยดีกว่า เนาะ”อันเซียร์ยิ้มกว้าง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฮัดชิ้ว!
“แปลกจริง ทำไมข้ารู้สึกเหมือนถูกคนนินทา”เกรเซียสพูดเบาๆ
“ครีอุส ท่าทางเจ้าจะเหนื่อยนะ”ข้าบอกเขา บางครั้งเขาโหมงานยิ่งกว่าข้าเสียอีก [ถึงคนอื่นจะบอกว่าการดัดนิสัยเหล่าเจ้าชายเจ้าหญิงทั้งหลายเป็นงานไร้สาระ แต่ในสายตาข้าก็เห็นว่าเขายังโหมงานหนักอยู่ดี] เขาไม่เหมือนข้าที่เป็นประมุขแห่งความตาย เขายังต้องกินต้องนอนบ้าง
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกฮาเดสที่รัก ข้าแค่รู้สึกว่ามีใครกำลังพูดถึงเท่านั้น”เกรเซียสถอนหายใจ
“จะพักก่อนมั๊ยล่ะ เราถ่ายได้เยอะแล้วล่ะ”โลชูถาม
“ให้ครีอุสพักบ้างเถอะ”ข้าขอร้องแทน
“สุดยอด รูปพวกนี้ลงได้ทุกรูปจริงๆนะ”อาต้าร้องอย่างดีใจ
ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องดีใจขนาดนั้น แค่เอาแสงส่องใส่เกรเซียสเท่านั้นเอง
แชะ!
“ท่านทำอะไร?”ข้าถามอย่างงงๆเมื่อเห็นโลชูเอาแสงประหลาดนั่นมาส่องใส่ข้าบ้าง
“นิสัยเสียอีกแล้ว ไปถ่ายตอนเขาเผลอเนี่ย”อาต้าตบหัวโลชูไปครั้งหนึ่ง
“เอาน่า ไหนๆรูปก็ออกมาดี...เฮ้ย!!!!!”
“ฮาเดสที่รัก โปรดมาช่วยข้าสักนิด”เสียงเกรเซียสเรียกข้า
“ข้าขอตัวซักครู่”ข้าบอกลาแล้วออกจากห้อง เดินตามเสียงมุ่งไปหาเกรเซียส
“เจ้ามาได้ซักทีลอเรน”เกรเซียสถอนหายใจอย่างโล่งอก
“มีอะไรหรือเกรเซียส”หากเขาเรียกข้าว่าลอเรน งั้นข้าจะเรียกเขาว่าเกรเซียสคงไม่แปลก
“เดี๋ยวข้าคิดว่าจะออกเดินเล่นเสียหน่อย เจ้าจะไปกับข้ามั๊ย?”เกรเซียสถาม
“...เดินเล่น...”จริงๆข้าเป็นคนชอบเดินเล่นนะ แต่ตั้งแต่ที่ข้ากลายเป็นตัวอะไรที่ไม่ใช่คนข้าก็ไม่ค่อยกล้าเดินไปไหนมาไหนเท่าไหร่ ข้าไม่อยากให้เกรเซียสเดือดร้อนนักหรอก
“เอาน่า ไปกับข้าทั้งที ไม่น่าจะมีอะไรหรอก”เกรเซียสยิ้มให้ข้า
“...ก็ดี...”
“คนที่นี่แต่งตัวประหลาดกันจัง”เกรเซียสพึมพำ
“...ข้าว่า...มันคงเป็นเรื่องธรรมชาติของที่นี่...”ข้าตอบ
“เหรอ แต่ใส่แบบนั้นไม่รู้สึกหวิวๆบ้างรึไงนะ เสื้อผ้าขาดปุปะไปหมด”เกรเซียสถอนหายใจ
“นั่นสินะ”ข้าอดเห็นด้วยไม่ได้
และด้วยความไม่ทันระวัง ข้าจึงเผลอไปชนกับชายคนหนึ่งเข้า
“เฮ้ย!”
“ขอภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”ข้าบอก
“ขอโทษแล้วมันหายรึไงวะ!!!”
“...คนที่นี่...อันธพาลกันทั้งนั้น...”เกรเซียสที่อยู่ข้างๆข้าถอนหายใจ
“เฮ้ยพวกเรา! จัดการสั่งสอน...”
“จะสั่งสอนใครนะ”เกรเซียสยิ้มกว้างให้พวกเขา แต่ข้ารู้จักรอยยิ้มนั่นดี...
......มันเป็นรอยยิ้มที่ฝืดฝืนเต็มทนของเกรเซียส......
......เป็นรอยยิ้มที่บอกว่า...เขาเริ่มโกรธแล้ว......
เพราะฉะนั้นข้าควรจะสั่งสอนพวกเขาเอง ดีกว่าให้เกรเซียสลงมือ
“ข้าถือว่าข้าขอโทษแล้ว”ข้าถอนหายใจ ก่อนจะหันไปสบตากับชายคนที่ข้าเดินชน
วู้ม...
“ห...เหวอ!!!!!!!”ข้าแค่ปล่อยไอปิศาจของข้าออกมาเล็กน้อย ชายคนนั้นก็เริ่มเสียสติ ร้องลั่นถนน
“...ถ้ายังไม่ไปจากที่นี่...แกตาย...”ข้าพูดเสียงเบาๆที่เย็นยะเยียบ แต่ข้าว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ข้ายังไม่ได้เสริมคำว่า...”ตายด้วยมือเกรเซียส” นะ...ให้พวกเขาเจอประมุขแห่งความตาย ดีกว่าให้พวกเขาเจอเกรเซียสเยอะ!!!
ระหว่างที่ข้ากำลังคิดอยู่นั้น เหล่าชายพวกนั้นก็หนีหายไปหมดเสียแล้วโดยที่ข้าไม่ทันรู้ตัว เฮ้อ คนที่นี่ทำไมถึงได้มีร่างกายแปลกประหลาดราวกับถูกตัดแต่งมาจนคล้ายกับปิศาจใต้สังกัดของข้าแบบนั้นนะ
“เจ้าไม่น่าปล่อยไอปิศาจซะแรงเลยลอเรน”เกรเซียสยิ้มแห้งๆ
“มีอะไรหรือ?”ข้าถามเขาอย่างไม่เข้าใจ
“พวกอมนุษย์ที่หลังคาตึกพวกนั้นพากันหนีหัวหดหมดแล้ว ข้าไม่อยากวุ่นวายหรอกนะ”เกรเซียสบอกข้า
สรุปคือ...ข้าก่อความวุ่นวายให้เขาอีกแล้ว...ใช่มั๊ยนะ?
“น...นี่มันอะไรกันเนี่ย”โลชูครางจนทำให้คนอื่นสงสัย
“เอื๊อก”อาต้าหน้าซีด
“เกิดอะไรกับรูปถ่ายรึไงกัน”เอเฮิร์นดึงกล้องดิจิตอลจากโลชูมาดู
ภาพที่ถ่ายได้ แม้จะเป็นภาพที่ดูเหมือนจะปรกติ แต่เทพอัศวินฮาเดสที่ถ่ายติดมานั้น เป็นคนที่ใส่ชุดแขนยาวสีขาว มีเสื้อกั๊กสีน้ำเงินคลุมอยู่แทนที่จะเป็นชุดนักฆ่าสีดำสนิท ผมสีน้ำตาลอ่อนๆพลิ้วไหว ดวงตาสีแซฟไฟร์มองกล้องอย่างงงๆ
“ทำไมถึงติดเป็นคนคนนี้แทนซะงั้นล่ะ”แอบเนอร์ขมวดคิ้ว
“นี่อาจจะเป็นร่างจริงของเขา”เอเฮิร์นพูด
“แต่ไม่เห็นจะต้องร้องซะน่าตกใจแบบนั้นเลยนะคะ”ลีโอน่าขมวดคิ้วอีกคน
“ที่ตกใจไม่ใช่ผู้ชายคนนี้ซักหน่อย นี่ต่างหากนี่!”อาต้ารีบชี้ไปที่มุมล่างของจอ
มุมล่างของจอ...กลับมีเงาเงาหนึ่งติดมาด้วย มันเป็นเงาดำๆที่ดูไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร แต่มือของมันแปะที่รูปถ่ายราวกับว่าตอนที่ถ่ายมันเกาะติดอยู่กับเลนส์กล้อง ดวงตาสีแดงหรี่เล็ก ริมฝีปากแสยะยิ้มน่ากลัว
แว๊ก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แอบเนอร์และลีโอน่าเกือบจะโยนกล้องทิ้ง ทั้งสองหนีไปจนติดมุมห้อง
“รูปถ่ายติดวิญญาณ?”เอเฮิร์นยังคงรักษาความสงบเอาไว้ได้
“ไม่น่า...นี่น่าจะเป็น...”
“น่าจะเป็นทาสรับใช้ของพี่ฮาเดส”
“เซียร์!?!”
“เมื่อกี้พี่ชายเพิ่งโทรมาหาผม เขาบอกเรื่องสำคัญบางอย่างมาด้วย”อันเซียร์บอกทุกคน
“ขออภัยที่ต้องทำให้ท่านเดือดร้อนจริงๆ”สุดท้ายข้าต้องให้ลอเรนพาข้ามาหาปิศาจเจ้าถิ่นของที่นี่เพื่อขอโทษด้วยตนเอง
“...อึก...”แต่จากสีหน้าของปิศาจค้างคาวหินตัวนี้ มันคงไม่อยากเจอทั้งข้าทั้งลอเรนอยู่ดีนั่นแหละ
ก็นะ ไม่ได้อยากจะอวดอะไรหรอก แต่ลอเรนน่ะเป็นถึงประมุขแห่งความตาย พลังปิศาจเหนือชั้นกว่าคน อะแฮ่ม! เหนือกว่าปิศาจบนหลังคาตึกพวกนี้เป็นไหนๆ ต่อให้พวกมันมารุมทำร้ายเขายังไม่แน่ว่าจะทำได้เลย เพราะฝีมือดาบของเขาก็ดี การเคลื่อนไหวก็รวดเร็ว แถมยังมีความสามารถเรียกกองทัพปิศาจมาสมทบอีก ให้ตาย! ทำไมยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าข้าตั้งมากมายขนาดนี้กันล่ะ
ส่วนข้า พวกเขาจะกลัวข้าก็ไม่แปลก อย่างที่ข้าเคยบอก เลือดของข้าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันดับต้นๆของโลกเชียวนะ! กับพวกปิศาจพวกนี้ เลือดของข้าก็เป็นดั่งพิษร้ายแรงที่จะคร่าชีวิตพวกเขาได้ในครั้งเดียวนั่นแหละ แน่นอนว่าแม้แต่ลอเรนก็ไม่มีข้อยกเว้นเหมือนกัน
“พ...พวกเจ้าเป็น...เป็นใครกัน”
“พวกเรามาจากลีฟบัด...เราไม่ใช่คนของเซ็ตติ้งซันน่ะ”ข้ายิ้มบางๆให้เขาเพื่อปลอบประโลม ของมันแน่อยู่แล้วว่ามันต้องช่วยได้เสมอ ขนาดทำให้หญิงสาวทั้งหลายที่คิดว่ากำลังจะจับใครเป็นสามี แค่พบรอยยิ้มของข้ายังลืมไปเสียสิ้นเลย แล้วกับปิศาจพวกนี้จะไม่ได้ผลได้อย่างไร
“พวกเจ้า...เป็นแขกของตะวันรัตติกาลงั้นสินะ”
“ตะวันรัตติกาล?”ลอเรนขมวดคิ้ว ซึ่งข้าว่าเจ้าปิศาจค้างคาวหินนี่คงเข้าใจผิดว่าลอเรนเริ่มไม่พอใจ ก็เลยถอยกรูดไปอีกหลายก้าว
“ใช่ครับ เราเป็นแขกของพวกเขา เรามาที่นี่เพื่อแผยแพร่ศาสนาแทนที่ศาสนจักรที่ถอนตัวออกไปจากเมืองนี้”ข้าตอบ
“ศาสนจักร!!!”เสียงที่เขาพูดถึงศาสนจักรดูโกรธเกรี้ยวน่าดู
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรหรือท่านปิศาจค้างคาว ข้าชื่อครีอุส ส่วนเขาชื่อฮาเดส”ข้าแนะนำตัวเสร็จสรรพ
“ข้าวินสแตนด์ พวกเจ้าจะมาแทนที่ศาสนจักรพวกนั้นสินะ ดี!!!”
“ท่าทางท่านจะไม่ชอบพวกนั้น”ลอเรนถาม
“ใครจะไปชอบพวกมัน! พวกมันน่ะชอบมาล่าอมนุษย์อย่างพวกเรา ก่อความวุ่นวายได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น!”วินสแตนด์ตะคอก ท่าทางเขาจะแค้นศาสนจักรมากจนลืมคิดไปแล้วว่าคนที่ถามเขาคือลอเรน
“พวกนั้นล่าอมนุษย์งั้นสินะ”ข้าถอนหายใจ
สิ่งที่ข้ากับเทอร์มิสคิดเอาไว้ท่าจะเป็นจริงซะแล้ว แบบนี้คงต้องระวังให้ลอเรนเป็นพิเศษเสียหน่อย เขายิ่งเอาจริงเอาจังเกินไปจนเกือบจะซื่อบื้อไปแล้ว ท่าทางว่า...นอกจากการที่เราต้องมาแทนที่ศาสนจักรแล้ว เรายังต้องเป็นศัตรูกับพวกเขาอย่างช่วยไม่ได้เสียแล้วถ้าข้ายังยืนกรานจะปกป้องลอเรน
“พวกเขาคงจะล่าข้าด้วยสินะ เกรเซียส”ลอเรนเองก็คงเข้าใจเรื่องนี้
“เจ้าพยายามระวังตัวหน่อยนะลอเรน ท่าทางงานที่นี่จะลำบากสำหรับพวกเราหน่อยแล้ว”ข้ายิ้มให้เขา
“เดี๋ยว!”วินสแตนด์รั้งพวกเราไว้
“ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรจะปรึกษาสินะ”ข้ายิ้มกว้าง
“พวกเจ้า...เป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงจะดูเหมือนมนุษย์ แต่ไอที่ออกมานั่นดูยังไงก็ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ ไอแบบนั้นมันไอปิศาจชัดๆ”วินสแตนด์หันไปทางลอเรน
“เจ้าก็เหมือนกัน รอบๆตัวเจ้ามีแต่ไอแห่งความสว่างจนพวกข้ายังรู้สึกเกรงกลัว ราวกับเป็นพลังชำระล้างเหมือนพวกศาสนจักรไม่มีผิด!!!”
อ๊า~ ข้าได้ความรู้ประดับสมองใหม่อีกแล้ว พวกศาสนจักรให้พลังแห่งแสงสว่างในการต่อกรกับพวกอมนุษย์พวกนี้เองหรือนี่
“ในลีฟบัด จะมีความเชื่อเรื่องเทพ เหมือนความเชื่อเรื่องศาสนาของพวกท่านนั่นแหละ”ลอเรนบอก “พวกเราเป็นคนของวิหารเทพแห่งแสงสว่าง และเป็นคนของกลุ่มสิบสองเทพอัศวินแห่งลีฟบัด”
“ข้าคือตัวแทนแห่งความเมตตา ผู้ใช้แสงสว่าง ครีอุส ส่วนเขาคือตัวแทนแห่งความตาย ผู้ใช้เงา ฮาเดส”
“แสงกับ...เงา”
“จริงๆคนที่เก่งกว่าข้าก็คือเทพอัศวินเทอร์มิส ตัวแทนแห่งความเด็ดขาดผู้ใช้ความมืด”ลอเรนบอก “ถ้าเจ้าเจอเขาซักครั้ง เจ้าจะรู้เอง”
“ประมุขแห่งความตาย!!!!!”อาต้าร้องจ๊าก
“...ถึงว่าสิ...ไอมืดขนาดนั้น...”โลชูพึมพำ
“แต่ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ...วิหารเทพแห่งแสงสว่างที่น่าจะมีแต่เทพแห่งแสงสว่าง กลับมีปิศาจที่ชั่วร้ายและน่ากลัวที่สุดเป็นหนึ่งในสิบสองเทพด้วย”เอเฮิร์นว่า
“ตามที่พี่ชายเล่า คุณเทอร์มิสบอกว่าการที่คุณลอเรนกลายเป็นเทพอัศวินฮาเดสก็เพราะแผนการของคุณครีอุส เขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน”
“ครีอุส...ทั้งๆที่ออกจะดูเป็นแบบนั้น...ทำไมถึงได้คิดอะไรแบบนี้ได้เนี่ย”อาต้าแทบลมจับ
“เขาอาจจะเหมือนผมก็ได้”อันเซียร์ยิ้มกว้าง
......ฉากหนึ่ง...คือเทวดาตัวน้อยๆ...ศูนย์รวมจิตใจของเซ็ตติ้งซัน......
......อีกฉาก...คือมัจจุราชแห่งความมืดที่คอยปกป้องทุกคน......
“แต่ระดับความชั่วมันต่างกันนะ”แอบเนอร์เองยังไม่อยากเชื่อเลย
“นั่นสิคะ จะเป็นไปได้เหรอ”ลีโอน่าทำหน้าแหยๆ
“เป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปแล้ว”
“พี่อาเทมิส!!!”อันเซียร์ร้องอย่างดีใจ “เมื่อเช้าเห็นโจซัวบ่นว่าพวกพี่ไม่ยอมตื่นกันเลยซักคน ดีขึ้นแล้วเหรอฮะ”
“...อย่าให้พูดถึงเถอะ...”อาเทมิสกุมขมับ
“ผ...ผู้ชายเหรอ...นั่นน่ะ”ลีโอน่าแอบกระซิบ
“สวยชะมัด”แอบเนอร์พึมพำ
“ข้ามาหาดูผ้าคลุมใหม่ไปให้เทอร์มิส”อาเทมิสตอบ
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่เทอร์มิสเหรอฮะ”อันเซียร์ถาม
“เขาบอกว่าสัมผัสได้ถึงไอปิศาจเลยรีบร้อนออกไป แต่คราวนี้กลับโดนพวกชายประหลาดๆดักเล่นงาน”อาเทมิสถอนหายใจอีกครั้ง “พวกนั้นซวยเองที่ดันไปหาเรื่องเทอร์มิส ตอนนี้ก็โดนรถสีขาวเปิดไฟแดงๆหามไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนเทอร์มิสถูกพวกที่เรียกว่า...อะไรนะ...ตำรวจมั๊ง พาตัวไป”
“อุ๊บ! คิกๆ”อันเซียร์หลุดหัวเราะพรืด
“งั้นตอนนี้ก็น่าจะอยู่โรงพักน่ะสิ”โลชูว่า
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าอะไรคือโรงพัก แต่คล้ายๆว่าพวกตำรวจนั่นจะพูดอะไรแบบนี้เหมือนกัน เทอร์มิสที่กำลังหงุดหงิดน่ะพวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าอันตรายขนาดไหน ตอนนี้พวกตำๆบ้านั่นก็เลยโดนรถแบบเดียวกันหามไปหมดแล้ว ส่วนเทอร์มิสน่ะผ้าคลุมเขาขาด ก็เลยให้ข้ามาหาซื้อใหม่”อาเทมิสยักไหล่
“......”คราวนี้เอเฮิร์นและโลชูต่างพากันเงียบกริบ
“พวก...พวกตำรวจกี่คนคะ...แล้ว...แล้วคนกลุ่มแรกนั่นด้วย”ลีโอน่าคราง
“ถ้าเท่าที่เทอร์มิสบอกมา คนกลุ่มแรกนั่นเขาไม่ได้นับ แต่ทุกคนใส่ชุดสีดำ มีแว่นกันแดด แล้วก็พกอาวุธกันทุกคน ตอนที่รถหามไปน่ะต้องใช้ตั้งเกือบแปดคันมั๊ง”
......พวกมาเฟีย......ทุกคนคิด
“ส่วนตำรวจ อันนี้ข้าว่าอาจจะซักสี่ห้าคนที่อาการร่อแร่ เห็นเทอร์มิสว่าเขาไม่ได้ใช้คม แต่ใช้แค่สันดาบ เพราะงั้นไม่น่าจะถึงตายหรือมีแผลมากมายนัก แต่ก็คงเจ็บประอักกันไปข้างล่ะ”อาเทมิสถอนหายใจอีกรอบ ถ้าเขาก้มหน้าได้คงก้มหน้าบ่นอุบอิบไปแล้ว
“เขาใช้ข้ากับอาร์เมลมาซื้อผ้าคลุมดำผืนใหม่ให้เขา แต่พวกข้าไม่รู้ทางไปเลยคิดว่ามาถามเจ้าจะดีที่สุด”อาเทมิสต่อ
“งั้นผมไปด้วยดีกว่าฮะ ขากลับจะได้ไปเยี่ยมพี่เทอร์มิสด้วยเลย”อันเซียร์ตอบ “ได้นะฮะพี่โลชู?”
“ได้สิ”โลชูพยักหน้ารับ
“งั้นพวกเราไปด้วยสิ”แอบเนอร์เสนอ “อยากเห็นแขกของนายให้ครบๆสิบสองคนเลย”
“งั้นก็ไปด้วยกันหมดนี่เลยดีกว่า เนาะ”อันเซียร์ยิ้มกว้าง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น