ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NoHero&LSK : ถ้าเทพอัศวินไปเซ็ตติ้งซัน

    ลำดับตอนที่ #45 : The Beginning :จุดเริ่มต้นของตำนาน [3]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 631
      2
      10 ม.ค. 53

    ########################################

    The Beginning :จุดเริ่มต้นของตำนาน [3]

    ครี อุสกับประมุขแห่งความตายไล่กวดกันค่อนคืน โดยที่ครีอุสมักจะทำอะไรที่ประมุขแห่งความตายคาดไม่ถึงเสมอๆ เช่นอยู่ๆก็หันกลับมาปามีดสั้นใส่ แถมมีดสั้นพวกนี้ยังสร้างมาจากลำแสงแห่งเทพ ทำให้มันที่มัวแต่ไล่กวดได้รับบาดเจ็บ แถมบางครั้งยังกระโดดข้ามหัวมันแล้ววิ่งย้อนกลับไปทางเดิม วิ่งวนไปวนมาจนตาลาย ยิ่งทำให้ประมุขแห่งความตายถูกใจความเก่งกาจ ไหวพริบ และความชั่วร้ายของครีอุสไม่น้อย

    ในที่สุดครีอุสก็ถูกต้อนจนมุมจนได้ ที่ประตูทิศตะวันตกของเมือง เพราะเขาเหนื่อยจนวิ่งต่อแทบไม่ไหวแล้ว ประมุขแห่งความตายจึงตามมาทัน แต่สิ่งที่มันทำกลับเป็นการยืนนิ่ง สำรวจเขาอยู่อย่างนั้น

    “ฮะฮะ...ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ๊าฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    “หา???”ครีอุสอ้าปากค้าง

    “สนุกเป็นบ้าเลย ฮะๆๆๆๆๆๆๆฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ประมุขแห่งความตายหัวเราะลั่น

    “นี่เจ้า...”

    วูบ!

    โดย ไม่ทันคาดคิด ประมุขแห่งความตายผู้กำลังได้เปรียบกลับเก็บไอปิศาจของตนกลับไป ปีกเปื้อนเลือดสีแดงฉานนั้นก็หุบกลับเข้าไป รอยสลักสีดำทั่วร่างเองก็เลือนหายไปเช่นกัน ร่างที่ยืนอยู่ตอนนี้ คือร่างที่แท้จริงของประมุขแห่งความตายที่ไล่ต้อนเทอร์มิสจนมุม และยังไล่กวดครีอุสมาค่อนคืน ซึ่งดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อว่าจะใช่

    ผม ยาวตรงสลวยสีเงินสว่างเจิดจ้าล้อแสงจันทร์ยาวจนระพื้น ดวงตาสีแดงสดราวกับมีเพลิงอยู่ภายในที่เป็นเอกลักษณ์ของประมุขแห่งความตายก็ เปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่นๆดูไม่น่ากลัว ริมฝีปากบางหัวเราะไม่ยอมหยุดจนชวนให้ผู้อื่นรู้สึกผ่อนคลาย เปียเล็กๆที่มัดเอาไว้ที่ข้างแก้มนั้นมีเชือกสีแดงพันเอาไว้ตัดกับสีผม ร่างนั้นดูขาวซีดจนราวกับจะสลายไปได้ทุกเมื่อ

    “ฮะๆๆๆๆๆๆ ไม่อยากเชื่อเลยแฮะว่าที่ข้าไล่กวดมาเกือบทั้งคืนจะเป็นเจ้า...เทพอัศวินครีอุส!!!”

    “เจ้ารู้!!!”

    “ไอพลังแห่งเทพสูงส่งขนาดนี้ยังจะหาใครได้อีกล่ะ ฮะๆๆๆๆๆๆๆ”ร่างนั้นยังหัวเราะไม่หยุด

    “นี่เจ้าเป็นใครกันแน่!!!”

    “ก็ประมุขแห่งความตายน่ะสิ โอ๊ย ปวดท้อง ฮะๆๆๆๆๆ”

    “มันมีอะไรน่าหัวเราะมากนักรึไง”ครีอุสเริ่มหงุดหงิด

    “ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าเทพอัศวินครีอุสผู้สง่างาม...นิสัยหลังหน้ากากจะชั่วร้ายได้ใจแบบนี้ ฮะๆๆๆๆๆ”

    ฉึก!

    ครีอุสรู้สึกเหมือนมีศรแทงใจดำอย่างไรชอบกล

    “ข้าเป็นคนแรกรึเปล่าเนี่ยที่ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเทพผู้สง่างาม คิกๆๆๆ”ร่างนั้นปาดน้ำตา

    “นี่ มันน่าตลกนักรึไง”ครีอุสเริ่มปวดหัว

    ...เจ้าตัวปัญญาอ่อนนี่น่ะนะที่ท่านจัสติสให้กำจัด!?!...

    “น่าตลกจะตาย ใครจะไปคิดว่าผู้ที่สง่างามที่สุดในเทพอัศวินจะเป็นพวก...หน้าไหว้หลังหลอก!!!”ร่างนั้นเน้นย้ำ

    “เพราะงั้น...สู้ข้าปิดปากเจ้าซะเลยจะง่ายกว่าสินะ”ครีอุสชักรู้สึกว่าความอดทนเริ่มมีขีดจำกัด

    “ไม่เอาๆ วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์สู้แล้ว หัวเราะจนปวดท้องแล้ว คิกๆ”ร่างนั้นยังหลุดหัวเราะ

    “ประมุขแห่งความตายบ้าอะไรเนี่ย ปัญญาอ่อน”ครีอุสกุมขมับ

    “อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้คิดจะฆ่าพวกเจ้าแต่แรกแล้วกันแหละน่า”ร่างนั้นว่า

    “ใช่สิ ถ้าเจ้าคิดจะฆ่าเทพอัศวินจริงๆเจ้าคงเชือดเทอร์มิสไปแล้ว่อนจะมาไล่ตามข้า เฮอะ!”ครีอุสสบถ

    “โอ้...ฉลาดแกมโกงแถมยังชั่วร้ายอีกต่างหาก นี่สินะตัวตนที่แท้จริง”ประมุขแห่งความตายพยักหน้าหงึกๆกับตัวเอง

    “แก...”

    “บอกแล้วไงว่าไม่เอา ถ้าอยากฆ่าข้าคืนนี้ค่อยเจอกันใหม่ก็ได้ ข้าจะไม่หนีและไม่ซ่อนแน่นอน”

    “นี่เจ้าช่วยมีจิตสำนึกหน่อยว่าเจ้าเป็นประมุขแห่งความตาย”

    “นี่เจ้าช่วยมีจิตสำนึกหน่อยว่าเจ้าเป็นหัวหน้าเทพอัศวินทั้งสิบสององค์”ประมุขแห่งความตายย้อน

    “...อึก...”

    “ข้า ประมุขแห่งความตายรุ่นที่สี่เซฟิวรอธ ถ้าอยากฆ่าข้าก็ไปหาที่ป่านอกเมืองแล้วกันนะ ท่านผู้สว่างไสวด้วยความชั่วร้าย คิกๆ”

    “นี่แก!!!”

    “อ้อ ไล่จับครั้งนี้ข้าชนะนะ บอกไว้ก่อน ไว้มาแก้มือใหม่ล่ะ”

    “โว๊ย!!! นี่มันบ้าอะไรกัน!!!!!”

    ......แต่ครีอุส...ไม่ได้รู้เลยว่ามีเรื่องให้เครียดมากกว่านั้น......



    - ย้อนเวลาเล็กน้อย ระหว่างที่ครีอุสกำลังวิ่งไล่จับกับประมุขแห่งความตาย -

    ปัง!!!!!

    “ท่านเทอร์มิส!”เหล่าเทพอัศวินใต้สังกัดต่างร้องอย่างดีใจ

    “ไปตามเอลเลนมาหาข้า”เทอร์มิสสั่ง

    “ท่านเอลเลนน่ะเหรอครับ?”ทุกคนงงวูบ

    เอ ลเลนที่พูดถึงนี้คือน้องชายแท้ๆของเทพอัศวินเทอร์มิส [และอนาคตเป็นเทพอัศวินครีอุสรุ่นที่สอง] ทั้งสองคนอายุห่างกันหลายสิบปีเพราะเอลเลนเป็นลูกหลงหลังจากเทอร์มิสได้ราว สิบสามสิบสี่ปี แต่บุคลิกท่าทางและนิสัยไม่แพ้ผู้เป็นพี่เลย

    “จำเป็นต้องถามเหตุผลด้วยรึไง”เทอร์มิสเอ่ยเสียงเย็น

    “ข...ขออภัยครับ!!!”

    แกร็ก

    “ท่านพี่ ถ้าจะเรียกล่ะก็ไม่จำเป็น ข้าอยู่นี่”เอลเลนก้าวออกมาจากห้องนั่งเล่นรวม

    “ไปคุยที่ห้องข้า”

    “ครับ”เอลเลนยิ้มบาง

    ......เรื่องยุ่งอีกแล้วสินะ......

    สอง พี่น้องเดินออกมาท่ามกลางสายตาสงสัยแต่ไม่กล้าเอ่ยปากแทรกของเทพอัศวินใต้ บังคับบัญชา เทอร์มิสพาเอลเลนเข้ามาในห้องตัวเองก่อนจะปิดประตูลงกลอนทันที อาการรีบร้อนจนเข้าขั้นลุกลี้ลุกลนของเทอร์มิสทำให้น้องชายต้องขมวดคิ้วหนัก

    “มีอะไรครับพี่ นานๆทีผมถึงจะเห็นพี่เดือดเนื้อร้อนใจได้”

    “วันนี้ข้าไปเจอประมุขแห่งความตายมา”เทอร์มิสเอ่ยคำเดียวทำเอลเลนเงียบได้ทันที

    “มันเป็นยังไงบ้างครับ?”เอลเลนถาม ซึ่งเทอร์มิสก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

    “...แปลกจริงๆอย่างที่พี่ว่าแหละครับ...”เอลเลนมุ่นหัวคิ้ว

    “ใช่ มั๊ยล่ะ ถึงฮาเดสจะอยู่ใต้สังกัดข้า แต่ข้าแน่ใจว่าเขาไม่ได้มีพลังเทพขนาดนั้น ข้ารู้”เทอร์มิสบ่นอย่างหงุดหงิด “ในแดนเทพเขาก็นับถือเทพชาโดว์ ไม่น่าจะมีลำแสงแห่งเทพสูงขนาดนั้น”

    “งั้นท่านสงสัยว่าเป็นใครล่ะพี่ข้า”เอลเลนยิ้มบางๆ

    “เจ้ายังต้องถามข้าอีกรึไงเอลเลน มันบอกกันอยู่ชัดๆ”

    “ท่านกำลังหาข้ออ้างนะท่านพี่”เอลเลนเอ่ย “หาข้ออ้างที่ว่าจะจับตาดูเพื่อเข้าใกล้คนคนนั้น คนที่หลบหน้าหลบตาท่านมาถึงเจ็ดปี”

    “...อึก...”

    “เอาเถอะ เพราะท่านเป็นพี่ข้าหรอกนะ ข้าจะยอมช่วยท่านซักครั้งแล้วกัน”เอลเลนถอนหายใจ

    “ขอบใจ เอลเลน”เทอร์มิสถอนหายใจโล่งอก

    “พี่ เป็นห่วงเขาก็บอกมาเถอะ ถ้าจากที่พี่เล่าถึงเขา เขาในตอนนี้มันไม่เหมือนกับที่พี่เล่าเลย และถ้าเขากำลังฝืนตัวเองอยู่จริงๆข้าก็ต้องขอยอมรับว่าเขาเก่งมาก เจ็ดปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครจับผิดเขาได้เลย”เอลเลนถอนหายใจบ้าง “พี่เป็นห่วงว่าเขาจะทำอะไรฝืนตัวเอง ห่วงโน่นห่วงนี่ไปหมด นี่แหละนะพี่ชายข้า เฮ้อ”

    “เอลเลน!”

    “ข้าก็แค่พูดความจริง พี่ชาย”เอลเลนยิ้มชั่วร้าย “และที่คนโบราณเขาว่าคนชั่วมักจะมองคนชั่วกันเองออก ข้ากล้ายืนยันว่าพี่ชายคนนั้นน่ะชั่วร้ายกว่าข้าหลายเท่า ท่านระวังตัวให้ดีเถอะพี่ข้า”



    [โหมดภาค : ครีอุส]

    ง่วง!!!

    ข้าไม่ได้นอนทั้งคืน! เจ้ายังใจร้ายเอางานกองพะเนินนี่มายัดใส่ข้าอีกเหรอเทมเพส!!!

    แต่ คิดไปคิดมา ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อคืนข้าไม่ได้นอน เพราะข้าให้ฮาเดสแสดงตัวเป็นข้าแทนเมื่อวาน ดังนั้นคนที่ออกไปซ้อมดาบที่ลาน คนที่นั่งเทศนาในตอนเย็นล้วนเป็นฮาเดสทั้งนั้น และเมื่อยามอาทิตย์ตกดินเขาในคราบของข้าก็อ้างว่าไม่ค่อยสบายเพื่อกลับห้อง ล็อคประตู แล้วเปลี่ยนกลับเป็นพระสังฆราชที่ต้องออกศึกษาคำสอนในยามกลางคืน อ๊า~ มีฮาเดสเป็นผู้ช่วยคนเดียวข้าก็ไม่ต้องการใครแล้ว~~~

    ดังนั้น วันนี้ข้าเลยต้องมานั่งทำงานให้เทมเพส ระหว่างที่เจ้าตัวออกไปหลีสาว! คอยดูนะ! ซักวันจะต้องมีเทพอัศวินครีอุสโยนงานให้เทพอัศวินเทมเพสกันมั่งล่ะ!!! ข้าขอแช่งตำแหน่งเทพอัศวินเทมเพสเอาไว้ตรงนี้เลย!!!!! [รู้สกคำแช่งท่านจะสัมฤทธิ์ผลไปแล้วล่ะ ^_^b]

    ข้านั่งบ่นอุบอิบทำงาน ไปอย่างเดิม ที่ข้านั่งอุบอิบเพราะนอกจากข้ายังมีไทรอนอยู่ด้วยน่ะสิ ไม่งั้นข้าจะตะโกนลั่นห้องแล้วหาอะไรระบายอารมณ์เลยคอยดู!

    “ครีอุส งานยากอย่างนั้นหรือ?”ไทรอนถามข้า

    อื้ม เจ้าช่างสมกับเป็นเทพแห่งความภักดีจริงๆไทรอน เห็นข้านั่งอุบอิบทำหน้าเครียดก็เลยคิดว่าข้าเครียดเรื่องงาน แต่เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าเครียดเรื่องอื่นจะดีกว่านี้เยอะ!

    “...เอ่อ...ก็...”ข้าทำหน้าลังเลใจที่จะกล่าว

    แน่นอนว่าถ้าเป็นไทรอนล่ะก็ย่อมต้องมาอาสาช่วยงานข้าแน่นอน ฮึๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    “ถ้าเช่นนั้นให้ข้าช่วยแบ่งเบาภาระของเจ้าแล้วกัน”ไทรอนยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นมาขนเอกสารกองใหญ่ๆไปจากบนโต๊ะของข้า

    อ๊า~ ข้านี่โชคดีจริงๆที่มีเพื่อนผู้แสนดีอย่างไทรอน อืม ข้าจะพูดขอบคุณเขาอย่างไรดี แต่คิดอีกทีข้าไม่พูดอะไรเลยอาจจะเป็นการขอบคุณเขาที่ดีที่สุดก็ได้ ถ้าข้าเปิดปากพูดมันต้องมีคำอันแสนยาวดั่งที่ข้าพยายามพูดมากว่าเจ็ดปี เขาคงไม่อยากฟังคำพร่ำเพรื่ออันยาวเหยียดของข้าหรอก

    ข้าพยักหน้า พร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของท่านไลท์ให้เขา แค่นั้นก็ถือเป็นการสื่อถึงความขอบคุณของข้าแล้ว อ๊ะ ข้าเห็นไทรอนแอบถอนหายใจ ข้าคงคิดถูกล่ะสิที่ไม่พูดขอบคุณออกไปอย่างเป็นทางการ

    ก๊อก ก๊อก

    “ไม่ทราบว่า...”ข้ากำลังจะเอ่ยปากไทรอนก็รีบยกมือขัดข้าทันที

    “ข้างนอกนั่นใคร”ไทรอนถาม

    โอ้ ข้าขอตบมือให้เขาเลย รู้ล่ะสิว่าถ้าให้ข้าถาม คำพูดง่ายๆที่เขาพูดไม่ถึงสิบวินาทีข้าต้องพูดยาวเกินสองนาทีเป็นแน่ ฮึๆ

    “ข้าเอลเลนครับ ท่านเทพอัศวินไทรอน”

    ใครคือเอลเลนกันนะ? ข้าไม่เห็นคุ้นหูกับชื่อนี้เลย???

    “เอลเลน? น้องชายของเทพอัศวินเทอร์มิสสินะ”ไทรอนเอ่ยขยายความ ทำให้ข้ารู้จักเขามากขึ้น

    แต่...น้องของเทอร์มิสงั้นเหรอ!!! เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยล่ะ!?!

    แย่แล้ว เด็กคนนี้จะมีสายตาแบบเดียวกับเทอร์มิสรึเปล่าเนี่ย ข้าต้องรีบตั้งตัวไม่ให้ “หลุด” ออกมาเสียแล้ว

    แกร็ก

    “ขออภัยด้วยครับ”เด็กคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง

    อืม... เขาดูไม่เหมือนกับที่ข้ากังวลเท่าไหร่นัก อย่างน้อยเขาก็มีผมสีทอง ถึงดวงตาจะเป็นสีดำแบบเดียวกับเทอร์มิสก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกดำตลอดกาลแบบเขา แต่ทำไมเด็กคนนี้อายุน้อยจัง เป็นน้องชายของเทอร์มิสแน่เหรอเนี่ย อายุคงห่างกันเป็นสิบๆปีได้เลยล่ะ

    “อ้อ เจ้าคงไม่รู้จักสินะครีอุส”ไทรอนสะดุ้ง

    นี่เจ้าเพิ่งรู้ตัวเหรอ?

    “เด็กคนนี้ชื่อเอลเลน เป็นน้องชายแท้ๆของเทอร์มิสน่ะ แต่เป็นลูกหลง อายุเลยห่างกันอยู่สิบปีกว่าๆเชียวล่ะ”ไทรอนว่า

    “สวัสดีครับท่านเทพอัศวินครีอุส”เอลเลนยิ้มกว้างให้ข้า

    อืม... หน้าตาผ่าน นิสัยผ่าน ไม่เหมือนเทอร์มิสจริงๆด้วย จากท่าทางดูจะเซ่อซ่ากว่า ข้าคงไม่ต้องระวังตัวให้มากนัก ตอนแรกก็คิดว่าน้องชายของเทอร์มิสจะได้เรื่องกว่านี้ แต่ถ้าซื่อซะขนาดนี้คงไม่น่าเป็นห่วงอะไร

    “ต้องเป็นการชักนำของเทพแห่งแสงสว่างเป็นแน่ที่พาเจ้ามาพบข้า เอลเลน”ข้ายิ้มให้เขาบ้าง

    “ครับ”เอลเลนโค้งตัวให้ข้า

    ความสุภาพผ่าน! เด็กคนนี้ไม่ใช่น้องเทอร์มิสใช่มั๊ย!!! เจ้าช่วยยืนยันกับข้าทีไทรอน!!!!!

    “ข้าเป็นน้องชายของพี่เทอร์มิสครับท่านเทพอัศวินครีอุส มีชื่อว่าเอลเลนครับ”เด็กชายแนะนำตัว

    เจ้าโกหกใช่มั๊ยเนี่ย! จากนิสัยข้าว่าไม่ใช่น้องแน่ๆเลยขอฟันธง!!!

    แต่เอาเถอะ...ยิ่งเด็กซื่อๆนี่แหละยิ่งหลอกใช้ง่าย...อย่างไทรอนไงล่ะ ฮึๆๆๆๆ

    ข้าเริ่มคิดแผนชั่วร้ายในใจไปพลางๆระหว่างนั่งก้มหน้าก้มตาสะสางเอกสารของเทมเพสที่เอามาสุมกับข้า

    ฮึๆๆๆๆ แต่ก่อนที่จะคิดแผนการใช้เด็ก...ข้าขอคิดแผนการแก้แค้นเทมเพสแบบ “หาตัวคนทำไม่เจอ” ก่อนได้มั๊ย เจ้านั่นถึงกับกล้าเอางานมาสุมกับหัวหน้าของตัวเองแบบนี้...ต้องโดนซะบ้าง

    “...ฮึๆ...”ครีอุสหัวเราะในลำคอเบาๆจนแทบไม่ได้ยิน

    เทมเพสเอ๋ย! เจ้าจงเตรียมตัวเตรียมใจรับ “ฑัณฑ์สวรรค์” เอาไว้ให้ดีเถอะ!!!!!



    “ว่ายังไงบ้าง”เทอร์มิสถามหลังจากที่น้องชายของตนกลับมารายงานผลที่ห้อง

    “ท่านอย่า ห่วงเลย นิสัยเดิมๆน่ะมันแก้ไขกันไม่ได้ง่ายๆหรอก”เอลเลนสะบัดผ้าคลุมสีดำสนิทของตน ที่แขวนอยู่ในห้องของเทอร์มิสก่อนจะสวมมันอีกครั้ง

    “หมายความว่า...”

    “รับรอง ด้วยเกียรติของข้าเลย ชายคนนั้นน่ะไม่ได้เปลี่ยนไปซักนิด”เอลเลนชักสีหน้า “ข้ายังโชคดีที่เขายังมีบัญชีเก่าอยู่ ไม่งั้นข้าคงโดนเขาใช้ลูกไม้ชั่วร้ายหลอกใช้งานแบบท่านไทรอนเมื่อครู่นี้ แน่”

    “...แล้ว...เขาเป็นยังไงบ้าง?”เทอร์มิสถาม

    “ก็อย่างที่ ท่านเดา เขาดูตาแดงๆเหมือนคนอดหลับอดนอน นอกจากนั้นข้าเห็นว่าเขาอิดโรยนิดหน่อย ถึงจะซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียนก็เถอะ”เอลเลนยักไหล่ “ขนาดท่านไทรอนที่อยู่กับชายคนนี้มากว่าสิบปียังมองไม่ออก ข้าว่าหากข้าไม่ได้มีพรสวรรค์ที่ท่านพ่อท่านแม่ให้มาแบบเดียวกับท่านก็คงมอง ไม่ออกหรอก พี่ชาย”

    “เขาไม่เป็นไรมากนะ”เทอร์มิสถามอย่างร้อนรน

    “บาดแผลภายนอกไม่มีแม้แต่รอยเล็บข่วน ผมทุกเส้นเท่ากับเป๊ะไม่มีขาดไม่มีแหว่ง พอใจมั๊ยล่ะครับ”

    “ไม่ได้รับบาดเจ็บสินะ”เทอร์มิสถอนหายใจโล่งอก

    “ครับ”เอลเลนพยักหน้า “แต่เขาทำยังไงนะประมุขแห่งความตายถึงทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เหมือนไม่ได้สู้กันเลยด้วยซ้ำ”

    “......”

    “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลยท่านพี่ ข้าไม่ว่างไปสอดส่องจ้องจับผิดเขาตลอดเวลา อย่าโยนงานให้ข้าเด็ดขาด”เอลเลนขัด

    “นี่เจ้าเป็นน้องข้านะ”เทอร์มิสบ่น

    “ขอ อภัยที่ข้าพูดจาไม่รักษาน้ำใจ แต่ข้าว่ามันยังดีกว่าการที่ข้าต้องมาเสแสร้งต่อหน้าท่านนะพี่ชาย”เอลเลน แสยะยิ้มชั่วร้ายแบบที่พี่ชายแท้ๆยังขนลุก

    “ใช่สิ...เจ้ามันจอมเสแสร้งไม่แพ้ครีอุสอยู่แล้วนี่”เทอร์มิสถอนหายใจ

    “ไม่ต้องห่วง ข้ายังไม่เก่งขนาดใส่หน้ากากมาเจ็ดปีไม่เคยโดนจับผิด”เอลเลนย้อน “แต่บางที...หลังจากวันพรุ่งนี้ข้าอาจได้เรียนรู้”

    “อะไรนะ?”เทอร์มิสชะงัก

    “นี่ ท่านคงไม่คิดว่าข้าจะสมัครเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเทพอัศวินเทอร์มิสของท่าน หรอกใช่มั๊ยพี่ชาย ข้าไม่อยากรับชะตากรรมแบบท่านหรอกนะ”เอลเลนยักคิ้ว

    “นี่เจ้า...สมัคร...ตำแหน่ง...”

    “ใช่แล้วท่านพี่ ตำแหน่งเทพอัศวินครีอุสไงล่ะ”เอลเลนหัวเราะเบาๆ

    ......ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงเขา...เป็นห่วงครีอุสคนนั้น......

    ......เพราะเหตุนั้นข้าจึงเลือกตำแหน่งนี้......

    ......ข้าไม่ยอมให้คนที่ไร้ความสามารถได้เป็นผู้ครอบครองพี่ชายข้าเด็ดขาด!!!!!......

    “ขอตัว”

    “เจ้า! เอลเลน!!!”เทอร์มิสตะโกน แต่น้องชายตัวดีก็กระโดดลงจากหน้าต่างที่เปิดกว้างเรียบร้อยแล้ว



    ก๊อก ก๊อก

    “นั่นใคร?”ไทรอนตะโกนถาม

    “ข้าเอง”

    “เทพอัศวินเทอร์มิส?”ไทรอนขมวดคิ้ว

    “ข้าเข้าไปได้รึเปล่า ไทรอน”เทอร์มิสถาม

    “...คิดว่าได้ ครีอุสหลับไปแล้ว...”ไทรอนถอนหายใจ

    ทำไมพวกเขาจะไม่รู้...ทำไมพวกเขาจะไม่สังเกต...

    ตั้งแต่ที่ลงมาจากแดนเทพ...ตั้งแต่ที่ครีอุสนิสัยเปลี่ยนจากดำเป็นขาว...เขาก็พยายามหลบหน้าเทอร์มิสมาตลอด

    และ ไม่ว่าเทอร์มิสจะพยายามและใช้ลูกไม้พยายามพบหน้าครีอุสทีไร เจ้าตัวก็ราวกับนกรู้ หลบรอดไปได้แทบทุกครั้ง และหากต้องพบปะกันจริงๆครีอุสจะพยายามพูดให้สั้นและน้อยที่สุดเพื่อหลีกหนี ไม่เปิดโอกาสให้ใครรั้งเอาไว้เลย [แอบสงสารเทพอัศวินรุ่นแรก...ต้องมาไล่ต้อนท่านครีอุสรุ่นแรกให้จนมุมมัน ยากกว่าการต้อนเกรเซียสให้จนมุมอีกนะเนี่ย ขนาดแค่เกรเซียสของพวกเราก็ยากจะแย่แล้วถ้าไม่จับได้คาหนังคาเขา เหอๆๆๆ]

    แกร็ก

    เทอร์มิสเปิดประตูเบาๆแล้วค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากหลังประตู

    “ฝาก งานเอกสารของครีอุสด้วยแล้วกัน ข้าจะไปพักบ้างล่ะ”ไทรอนเลี่ยงหลบออกจากห้องเพราะไม่อยากให้ครีอุสรู้ว่าตน เองเป็นคนให้เทอร์มิสเข้ามา

    “ถ้าครีอุสตื่น...บอกว่าเจ้าเข้ามาเพราะข้าไม่อยู่แล้วกันนะ ข้าไม่อยากโดนลูกหลง”ไทรอนหลบวูบไป

    “...ครีอุส...”เทอร์มิสถอนหายใจ มองตั้งเอกสารบนโต๊ะของครีอุสและไทรอน [ที่เอามาจากครีอุสนั่นแหละ] ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปหา

    ......ขอบตาคล้ำหน่อยๆ...คงไม่ได้นอนมาสินะเมื่อคืน......

    “คนที่ช่วยข้าเมื่อคืน...เป็นเจ้าสินะ ครีอุส”เทอร์มิสกำหมัดแน่น

    ......ทำไม...ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลย...ทำไมต้องเก็บเรื่องทุกอย่างเอาไว้กับตัว......

    ......เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอครีอุส...ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้!......

    ......ทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนไป...ทำไมเจ้าต้องหลบหน้าข้า!......

    เทอร์ มิสได้แต่ตั้งคำถามในใจ เพราะรู้ดีว่าหากอีกฝ่ายตื่นก็คงพยายามหลบหน้าเขาเหมือนเดิม...และเขาก็คง ไม่ได้รับคำตอบของคำถามที่สงสัยมาเจ็ดปีนี่หรอก

    ร่างสีดำขยี้ตาตัวเองที่เริ่มชื้น ก่อนจะหันหลังกลับไปขนกองเอกสารออกจากโต๊ะของครีอุสจนหมด



    ......อย่าทำหน้าแบบนั้นได้มั๊ยเทอร์มิส...อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้น...ต่อหน้าข้าเลย......

    ......มันทำให้ข้ารู้สึกเจ็บปวดไปด้วย......

    ......และมันทำให้หน้ากากที่ข้าเพียรสร้างพังทลาย......

    ครีอุสแอบลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง แอบมองชายหนุ่มในชุดสีดำนั่งทำงานของเขาอย่างขมักเขม้น

    ......ใช่ว่าข้าอยากหลบหน้าเจ้า...หากแต่ข้าไม่อาจเสแสร้งต่อหน้าเจ้าได้......

    ......เพราะเหตุนี้ข้าจึงต้องหลบ...เพราะเจ้าเป็นจุดอ่อนข้อเดียวของข้า......

    ......อย่าทำแบบนี้เลยเทอร์มิส...เจ้าลืมข้าไปซะ......

    ......ข้าไม่ใช่ครีอุสเพื่อนของเจ้าอีกต่อไปแล้วนะ...ขอร้องล่ะ......

    ......ลืมข้าไปจากหัวใจของเจ้าซะ...อย่าคิดถึงข้าอีกเลย......

    ......แสงสว่างจอมปลอมอย่างข้า...ไม่เหมาะกับคนอย่างเจ้า...เทอร์มิส......

    ########################################
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×