คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #49 : คำสาป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เทศกาลฉลองจันทร์?”
“เป็นเทศกาลที่มนุษย์จัดขึ้น...เหมาะสมกับเป็นการประกาศศักดาของเราเป็นที่สุด”สตรีในชุดสีแดงสดดั่งสีเลือดเอ่ย แต่แม้นางจะงดงามแค่ไหน...ความงามนั้นก็ถูกบดบังด้วยรอยแผลเป็นที่ลากยาวตั้งแต่หน้าผาก ลากผ่านตาข้างซ้ายไปจนจรดปลายคาง ดวงตาข้างซ้ายมืดบอดไปเสียแล้วด้วยกรงเล็บของ...คนที่ถูกขังอยู่เบื้องล่างนั่น
“เจ้าจะเอาอย่างนั้นหรือ”เซย์ไซเอ่ยถาม
“ใช่...ข้าอยากให้มีคนดูมากๆ...ให้มันตายอย่างทรมานให้สาสมกับสิ่งที่มันทำ!”หญิงสาวกรีดเสียง แผลเป็นที่ใบหน้าเจ็บแปล็บเพราะความแค้น
“นั่นสินะ”เซย์ไซแสยะยิ้ม “ให้มีคนดูมากๆก็น่าสนดี...หลังเสร็จพิธีเราจะได้อาละวาดไม่ต้องเสียความต่อเนื่องเสียเลย”
“เพราะมัน! เพราะมันทำให้หน้าตาของข้าเป็นแบบนี้! ข้าต้องแก้แค้น!!!”
“สนุกมั๊ยครับ แกล้งเด็กเนี่ย”
“เอลเลน เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ”ชายหนุ่มถาม
“ถ้าข้าเข้านอนแล้วคงไม่มานั่งจับผิดท่านอยู่นี่หรอกครับ ท่านพี่”
“ข้าไม่ได้แกล้งซักหน่อย แค่เป็นห่วง”ชายหนุ่มคลุมผ้าคลุมสีดำสนิท
“คำพูดแบบนั้นไม่น่าออกจากปากของเทพอัศวินเทอร์มิสเลยนะครับ พี่”เอลเลนว่า
“อ้อเหรอ การทำเรื่องชั่วๆอย่างที่เจ้ากับครีอุสทำเป็นประจำก็ไม่เหมาะกับเทพอัศวินครีอุสเหมือนกันแหละ”ชายหนุ่มย้อน
“งั้นหรือขอรับ ท่านพี่เทอร์มิส”
“เหอะ ประวัติเทพทั้งสิบสองค์องค์ต้องมามัวหมองเพราะพวกเจ้านี่แหละ”เทพอัศวินเทอร์มิสกระแทกตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างหงุดหงิด
“ยกเว้นท่านครีอุสนะครับ รู้สึกว่ารายนั่นจะเป็นแบบนี้มาแต่แรก ไม่งั้นข้าคงไม่ได้ตำแหน่งนี้มาหรอก”เอลเลนหัวเราะหึๆ
“...อุ...”ผู้เป็นพี่อับจนด้วยถ้อยคำจะเถียงไปเลย
“ท่านพี่ไม่คิดออกจากที่นี่เลยรึไง”เทพอัศวินครีอุสรุ่นที่สอง เอลเลน กวาดตามองรอบๆห้อง
“พูดเหมือนข้าออกไปได้?”เทอร์มิสย้อน
......ตรวนที่เป็นดั่งคำสาป......
......สายโซ่แห่งความมืดนับร้อยนับพันที่พันธนาการพี่ชายของตนอยู่...ทำไมเขาจะไม่รู้......เอลเลนถอนหายใจ
ที่พี่ของเขาต้องมาติดแหง็กอยู่ที่นี่...มันมีสาเหตุ...
...สาเหตุที่มีเพียงคนสามคนเท่านั้นที่รับรู้...
“ท่านพี่...ไม่อยากพบท่านครีอุสหรือครับ”เอลเลนถาม
“...ถ้าข้าออกไปจากที่นี่ได้...นั่นก็อีกเรื่อง...”เทอร์มิสถอนหายใจ
ที่นี่...ที่ดินแดนแห่งเทพนี่แหละ!
“นี่ เกรเซียส”
“ท่านครีอุส”เกรเซียสเอ่ยนาม
“เจ้านี่มันจริงๆเลยนะ ตีสี่ตีห้าเข้าไปแล้วนะไม่นอนมั่งรึ”ครีอุสยิ้มบาง
“ข้าหลับไปแล้วครับ ท่านครีอุส”เกรเซียสถอนหายใจ “ข้าเป็นห่วงเรื่องของทางโน้นนิดหน่อย เท่านั้นเอง”
“พวกเพื่อนๆของเจ้าไม่เป็นไรหรอก ข้ารับรอง”ครีอุสลูบหัวผู้สืบทอดของตนเบาๆ
“ถึงอย่างนั้นก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีแหละครับ”เกรเซียสหัวเราะ “เทอร์มิสน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ลอเรนเนี่ยเอ๋อจนได้เรื่องมาหลายรอบแล้ว เฮฟเตตัสก็คงไปหาเรื่องเจ็บตัวอีก ส่วนไทรอน...ไม่รู้ป่านนี้ได้แฟนคนที่เท่าไหร่แล้ว”
“เฮ้อ...ท่าทางเทพอัศวินรุ่นนี้จะไม่มีปัญหานะ”ครีอุสถอนหายใจ
“ท่านครีอุส”เกรเซียสเรียก
“มีอะไรรึเกรเซียส?”
“ทำไม...ท่านชาเพรย์ถึงเกลียดประมุขแห่งความตายครับ?”
“คิดยังไงถึงถามล่ะ”ครีอุสยังไม่ยอมตอบ เลี่ยงไปเปิดตู้เก็บไวน์ แล้วเอาไวน์องุ่นออกมาเทใส่แก้ว
“ของดี ค่อยๆจิบเจ้าจะรู้รสชาติ”
“ค่อยๆจิบมันแสลงกับพวกคอแข็งอย่างข้านะครับเนี่ย”เกรเซียสพึมพำ
“อย่าลองดีกว่าถ้าไม่อยากน็อค ขนาดไซนาสดื่มเจ้านี่แค่ขวดเดียวยังเมาเลย นับประสาอะไรกับเจ้า”
......ท่านไซนาส...ที่เห็นกระดกเหล้าเกือบลังเมื่อคืนนี้น่ะนะ?......เกรเซียสขมวดคิ้วทันที และด้วยความที่เชื่อหรือไม่อยากลองดีครีอุสรุ่นแรกก็ไม่แน่ใจ เกรเซียสค่อยๆจิบเหล้าองุ่นนั้นนิดๆ
“...หวาน...”เกรเซียสทำตาวาว
“ถ้าค่อยๆจิบจะหวานติดลิ้น แต่ถ้าดื่มเข้าไปรวดเดียว ต่อให้เป็นเจ้ายี่สิบเจ็ดนีโอยังไม่รอดเลยข้าว่า”ครีอุสบรรยายสรรพคุณอย่างสนุกปาก
......แปลกจัง...ทำไมดูเหมือน......
......เขาชวนเราคุยมากกว่าปรกติ?......เกรเซียสงงนิดๆ เพราะเขาเองก็เพิ่งมาที่นี่เป็นวันแรก ไม่น่าจะสนิทสนมขนาดมานั่งดื่มเป็นเพื่อนในตอนเช้าตรู่เช่นนี้
“เจ้าน่ะ...เคยได้ยินเรื่องคำสาปบ้างรึเปล่า”
“คำสาป?”เกรเซียสขมวดคิ้ว
“คำสาปแห่งประมุขแห่งความตาย เกษาพฤกษก”ครีอุสเอ่ยถามระหว่างที่ตนเอาขวดไวน์ไปเก็บ
“มันคืออะไรครับ”เกรเซียสถาม
“เป็นพลังชั้นพิเศษของเทพแห่งความมืดมน เจ้าน่าจะรู้ว่าเทพแห่งความมืดมนกับเทพแห่งแสงสว่างนั้นไม่ถูกกัน”ครีอุสว่า
“ก็...พอจะรู้อยู่ครับ”
“งั้นเจ้ารู้มั๊ยว่าเกษาพฤกษกที่ว่าเนี่ย เป็นพลังของจากเทพแห่งแสงสว่าง”
“หา!!!”
“ในยุดแรกของเทพอัศวิน ยุคของข้าน่ะ ตอนนั้นเทพแห่งแสงสว่างและเทพแห่งความมืดทะเลาะกันรุนแรงจนถึงขนาดเปิดสงคราม”ครีอุสพูดลอยๆ
“สงคราม...เหรอครับ”
“ผลสิ้นสุดของสงครามนั้น...คือการที่เทอร์มิสรุ่นแรกตายในหน้าที่ และฮา...พระสังฆราชโดนเวทย์มนต์ย้อนกลับเข้าตัวจนสูญสลายไปพร้อมกับเทพเจ้าแห่งความมืดมน”
“!!!”
“จริงๆแล้วแค่พลังของสิบสองเทพอัศวินน่ะทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะยังไงเขาก็เป็นถึงเทพ และยังเป็นเทพชั้นสูงด้วย ต่อให้อยากฆ่าแค่ไหนก็ไม่มีวันตาย แต่...เราได้รับความช่วยเหลือจากชายคนนั้น จึงรุกประชิดเข้าถึงเทพเจ้าแห่งความมืดมนดาร์คเนสได้ในที่สุด”
“ชายคนนั้น?”
“ประมุขแห่งความตายรุ่นที่หนึ่งและสี่ เดวิแลนซ์กับเซฟิวรอธ”ครีอุสพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามราตรี
......ท่านเอง...ก็ชอบมองท้องฟ้าแบบนี้บ่อยๆ......
......และมักพูดอยู่เสมอว่าขอแค่อยู่ใต้ท้องฟ้า ไม่ว่าที่ไหนก็คือบ้านของท่าน......
“แต่...ประมุขแห่งความตาย...”
“ควรจะเข้าข้างฝ่ายความมืดอย่างวิหารเทพแห่งความมืดมนมากกว่าวิหารเทพแห่งแสงสว่าง...ใช่มั๊ยล่ะ”ครีอุสหัวเราะ “เรื่องนั้นน่ะเจ้าอย่ารู้เลยว่าทำไม รู้แค่ว่าทั้งสองคนอยู่ฝ่ายเดียวกับเราก็พอ”
“...ครับ...”เกรเซียสพยักหน้ารับ
“เมื่อถึงจุดสิ้นสุด ตอนที่เทพอัศวินเทอร์มิสตาย...พวกเราทุกคนก็โกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า อะไรเป็นอะไรก็ไม่สนแล้วล่ะตอนนั้น ทีนี้ข้าคงไม่ต้องบอกจุดจบของเทพเจ้าแห่งความมืดมนหรอกนะ”ครีอุสหัวเราะ
“...ข้าพอจะนึกภาพออกเลยล่ะครับ...”เกรเซียสเอ่ย
“ฮื่อ แต่ก็อย่างที่ข้าเพิ่งบอกไป เทพเจ้าน่ะฆ่ายังไงก็ไม่ตายหรอก เขายังเหลือเศษเสี้ยวของวิญญาณอยู่ และพระสังฆราชก็คิดจะจัดการขั้นเด็ดขาด แต่สุดท้าย...”
“เทพเจ้าแห่งความมืดมนก็ส่งเวทย์สะท้อนกลับจนพระสังฆราชจากไปอีกคนสินะครับ”เกรเซียสเดา
“ใช่ ขนาดร่างสลายไปแล้วยังฆ่าหนึ่งในพวกเราไปอีก ข้าไม่มีทางอภัยให้มันแน่”ครีอุสกัดฟันกรอด
“แล้ว...ท่านทำยังไงครับ?”เกรเซียสถาม
“ง่ายจะตาย ส่งมันลงนรกไปเลยไงล่ะ”ครีอุสยักไหล่ “เทพก็เทพเถอะ ยังไงฝ่ายเราตอนนั้นก็มีเทพไลท์คอยสนับสนุนอยู่แล้ว สุดท้ายเทพดาร์คเนสก็เลยถูกส่งลงนรก ไม่ได้กลับมาจุติอีกตลอดกาล”
“แบบนั้นก็ดีแล้วนี่ครับ”
“มันไม่ได้จบแบบดีๆอย่างที่คิดน่ะสิ เพราะสาวกของมันยังเหลืออยู่ ทีนี้เรื่องก็เลยยุ่งเพราะพวกเรากำจัดสาวกที่เหลือไม่ได้จนมันแทรกซึมเข้าสู่อาณาจักรกัลซิลด์ สุดท้ายอาณาจักรนั้นก็ไปนับถือเทพเจ้าแห่งความมืดมนซะงั้น แถมประมุขแห่งความตายบางส่วนก็ดันไปเป็นพวกของพวกนั้นอีกต่างหาก”
“จริงๆท่านควรจะบอกว่าประมุขแห่งความตายสองคนนั้นแหกคอกเองมากกว่า”เกรเซียสว่า
“ก็ราวๆนั้นแหละ แต่เจ้ารู้รึเปล่าว่าประมุขแห่งความตายรุ่นที่สาม...เป็นคนฆ่าพี่ชายของชาเพรย์”
“อ...อะไรนะครับ”
“ทีนี้ก็ได้เรื่องสิ เจ้าชาเพรย์เข้ารับตำแหน่งเทพอัศวินครีอุสรุ่นที่สิบสอง แล้วก็เป็นรุ่นที่ล่าล้างปิศาจและประมุขแห่งความตายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ปัญหาคือเจ้านั่นมันเก่งเกินไป เก่งขนาดที่ว่าเกือบฆ่าเซฟิวรอธ ประมุขแห่งความตายรุ่นที่สี่ที่เคยช่วยพวกเราเอาไว้”
“...อ่า...”
“ก็เหมือนเจ้านั่นแหละเกรเซียส ความแค้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องชำระ แล้วสำหรับความแค้นใหญ่หลวงขนาดนั้น ชาเพรย์ก็เลยเหมารวมประมุขแห่งความตายทั้งหมดเลย”ครีอุสถอนหายใจ “ข้าล่ะเหนื่อย ฝั่งหนึ่งก็ผู้สืบทอด ฝั่งหนึ่งก็ผู้มีพระคุณ เป็นเจ้าจะทำยังไงล่ะ”
“ข้าคง...ทำอะไรไม่ถูกล่ะครับ”
“ช่าย~ ข้าก็เลยปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง ถือว่าข้าไม่เกี่ยว แต่เรื่องของลูฟนี่ข้าต้องเกี่ยวเพราะเขามีความสำคัญมาก”
......ใช่...สำคัญมากเชียวล่ะ......
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น