ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NoHero&LSK : ถ้าเทพอัศวินไปเซ็ตติ้งซัน

    ลำดับตอนที่ #5 : คำเตือนจากเหล่าเทพอัศวิน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.58K
      8
      26 ส.ค. 52

    หลังจากที่พวกเราแนะนำตัวกันเรียบร้อย เฮฟเตตัสก็คุยสนุกสนานกับอันเซียร์ไปเรื่อยๆ ส่วนไทรอนดูท่าจะหมดแรงจากการเมาเรือเลยหลับคาเก้าอี้ เอาเถอะ ข้าไม่ได้ว่าเขาหรอก แค่เอาก้อนสำลีไปอุดจมูกเขาเท่านั้นเอง

    เท่านั้นเองจริงๆนะ!!!

    ระหว่างที่ทุกคนสนุกสนานกับการพูดคุย ข้าที่ไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้วก็ออกมานั่งชมวิว ซึ่งเอาเข้าตามจริงต้องบอกว่าข้าเริ่มง่วงแล้วต่างหากล่ะ…การนอนเร็วเป็นหนึ่งในวิธีรักษาผิวให้ขาวผ่องอยู่เสมอนะอย่าลืมสิ!!!

    เจ้ารถนี่มันเร็วจริงๆ เล่นวิ่งเร็วขนาดนี้บรรยากาศดีๆเลยเสียหมด ข้าเป็นพวกชอบมองรอบๆตัวระหว่างเดินทางนะ! ถึงจิตสัมผัสของข้าจะทำให้สามารถสำรวจรอบข้างได้แม้ว่าจะไม่ได้ออกนอกรถก็ตามแต่ข้าต้องทำตัวให้ไม่มีพิรุธสิ! ข้าไม่อยากให้เคเรสมาตั้งแง่สงสัยอะไรข้าอีกหรอกนะ

    “ครีอุส”

    “ลอ…เอ่อ…ฮาเดส”ข้ารีบเปลี่ยนชื่อทันที

    “เจ้าง่วง?”ลอเรนถาม

    เฮ้อ ในโลกนี้คงจะมีแต่เทอร์มิสกับลอเรนเท่านั้นล่ะมั๊งที่รู้ใจข้า

    “ฮื่อ มันไม่มีอะไรให้ทำเลยนี่นา ข้าไม่ชอบการรอคอยเจ้าก็รู้”ข้ายักไหล่

    “งั้นไปเดินเล่นกับข้าหน่อยมั๊ย?”ลอเรนถาม

    แปลกจริง ปรกติลอเรนไม่ค่อยชวนข้าไปไหนมาไหนนัก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีอะไรอยากคุยกับข้าล่ะกระมัง

    “เทพอัศวินทั้งหลาย ข้าขอตัวไปสนทนากับเทพอัศวินฮาเดสซักระยะจะได้หรือไม่?”ข้าถามพวกเขา

    “ตามสบายเลยครีอุส”เฮฟเตตัสตะโกนข้ามห้องมา

    “เดี๋ยวสิครับ ที่นี่ก็มีแค่ห้องเดียว คุณครีอุสจะออกไป…”โจซัวทำท่าจะพูดอะไร

    ครืด…

    เรื่องอะไรข้าจะอยู่ฟังคนอื่นบ่นกันล่ะ ข้าเปิดกระจกออกก่อนจะโหนตัวขึ้นไปบนหลังคาทันที อ๊ะ ก่อนไปข้าเห็นสายตาอึ้งๆของคนของราชาซอนเน่ด้วย มันแปลกตรงไหนกันนะ การเคลื่อนไหวว่องไวเป็นความสามารถของเทพอัศวินทุกองค์อยู่แล้ว

    ข้าไม่ได้จงใจโชว์นะ! ไม่ได้จงใจซักนิด!!!

    “บรรยากาศดีนะ”ข้ายิ้ม

    “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้ามีเรื่องจะคุย เกรเซียส”ลอเรนถอนหายใจ เขาตามข้าขึ้นมาด้วยความเร็วไม่แพ้กัน ก็แหงล่ะ เขาเก่งกว่าข้านี่นา แต่ถ้าเทียบเรื่องเวทย์มนต์แล้วข้าเก่งกว่าเขาเป็นกอง

    “ข้ารู้ลอเรน”ข้าโบกมือครั้งเดียวก็เกิดเป็นกำแพงลมป้องกันไม่ให้ใครได้ยิน เอาเถอะ ในเวลาที่เจ้ารถมันเคลื่อนที่เร็วขนาดนี้ ลมจะพัดแรงก็ไม่แปลก คงไม่มีใครคิดหรอกว่ามันเป็นเวทย์ของข้าน่ะ

    หา? ใช้เวทย์แบบนี้ยังมีจิตสำนึกของบเทพอัศวินรึเปล่าน่ะเหรอ? ก็ต้องมีอยู่แล้ว ข้าน่ะเป็นเทพอัศวินครีอุสผู้เพียบพร้อมนะ!!! แต่เรื่องบางเรื่องแค่เก่งดาบอย่างเดียวมันจะไปทำอะไรกินกันล่ะ

    ที่จริงข้าวางแผนหลังเกษียณว่าจะไปเป็นนักบวชล่ะ บางทีอาจะมีเงินมีรายได้ดีกว่าการเป็นเทพอัศวินก็ได้ แล้วก็ทำงานอดิเรกเป็นการหมักเหล้าขาย แบบนั้นเงินทองจะหนีข้าไปไหน ฮึๆๆๆ

    “เรื่องของโจซัวกับเมโลดี้ สองคนนั้น…”

    “ข้าก็รู้ลอเรน พวกเขาทั้งสองคนมีไอมารที่คล้ายๆกับเจ้า แต่มันไม่เหมือนกันซะทีเดียว”ข้าบอก “ไอของเจ้าน่ะเป็นไอของประมุขแห่งความตาย เป็นไอของคนที่ตายไปแล้ว แต่ไอของพวกเขาสองคนเป็นไอที่เหมือนกับไอปิศาจมากกว่า”

    “ไอปิศาจ…ส่วนมากไอพวกนี้จะมาจากพวกปิศาจมากกว่านี่ มันจะมาจากมนุษย์ได้ยังไง”ลอเรนถาม

    “ไม่แน่หรอกลอเรน ที่นี่อาจจะมีปิศาจรูปร่างเหมือนมนุษย์ก็ได้ใครจะไปรู้”ข้ายิ้ม “แต่ข้าขอเตือนว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดให้ใครฟังดีกว่า เพราะท่าทางพวกเขาจะอยากปกปิดจากพวกเราอยู่เหมือนกัน”

    “เจ้าเป็นเทพอัศวินครีอุสนะ เห็นปิศาจอยู่ตรงหน้าจะไม่ทำอะไรเลยรึไง”ลอเรนถอนหายใจ

    “ข้าถือคติไม่หาเหาใส่หัวนะลอเรน ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นเรา อย่าหาเรื่องอะไรใส่ตัวจะดีกว่า”ข้ายิ้มกว้าง

    “นั่นสินะ…ทางเลือกของเกรเซียสกับทางเลือกของครีอุสมักจะขัดกัน แต่ให้ผลร่วมกันเสมอ”ลอเรนถอนหายใจอีกครั้ง

    อะไรกัน เขาเป็นประมุขแห่งความตายนะ!!! ถ้าข้ายึดหน้าที่ของเทพอัศวินครีอุสจริงๆล่ะก็ข้าต้องเชือดเขาก่อนพวกสองคนนั้นซะอีก! แถมคนที่ไม่สนหน้าที่ของประมุขแห่งความตายอย่างเขายังมีหน้ามาหาว่าข้าไม่สนหน้าที่ของเทพอัศวินครีอุสได้ยังไง!!! ข้าน่ะซื่อตรงต่อการเป็นเทพอัศวินครีอุสตลอดเวลานะ!!!!!



    “เก่งจังเลย เขาทำได้ยังไงน่ะ”คุณหนูทำตาวาวอย่างตื่นเต้น

    “นั่นเป็นความสามารถพื้นฐานของพวกเราอยู่แล้ว”เฮฟเตตัสหัวเราะ

    “ความสามารถพื้นฐาน? พูดเหมือนพวกเทพอัศวินเนี่ยต้องเก่งทางการต่อสู้เลยนะ”เมโลดี้ถามบ้าง

    “แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเทพอัศวินทุกองค์มีหน้าที่ในการกำจัดปิศาจและอมนุษย์นี่นา”เฮฟเตตัสพูดอย่างสบายๆ แต่ผมกับเมโลดี้แอบหนาวสันหลังวูบ

    ที่ผมเดาในตอนนั้นคงไม่ใช่แค่คิดไปเองสินะ…ไม่แน่ว่าครีอุสคนนั้นอาจจะจับโกหกพวกเราได้ตั้งแต่แรกแล้ว!

    “แต่ยกเว้นครีอุส ในเทพอัศวินทุกองค์เขาเป็นคนเดียวที่ต้องยกเว้น”เฮฟเตตัสลดเสียงลงราวกับไม่อยากให้เสียงดังจนเกินไป

    “ทำไมล่ะครับ”ผมถาม

    “เพราะเขาเป็นเทพอัศวินที่ไม่น่าจะเป็นเทพอัศวินที่สุดในหมู่พวกเราน่ะสิ”ไอซอทพูดด้วยใบหน้าเย็นชา แต่ผมแอบสงสัยว่าเขาจะนิสัยเย็นชาเหมือนอย่างหน้าตาจริงๆน่ะเหรอในเมื่อเขาอุตส่าห์ช่วยเอาสำลีที่ใครก็ไม่รู้ยัดลงไปในรูจมูกของไทรอนและเกือบจะอุดจมูกไทรอนจนขาดอากาศตายออกให้

    “เจ้าก็พูดเกินไป…มั้ง”เคเรสยิ้มแห้งๆ

    “ฉันคิดว่าทางเราต้องการคำอธิบายในเรื่องนี้นะ”นายท่านเอ่ยปากเป็นครั้งแรก

    “เพราะเจ้านั่นเป็นเทพอัศวินที่ใช้ดาบได้ห่วยแบบไม่ธรรมดาน่ะสิ”เทอร์มิสที่เป็นคู่ปรับของครีอุสตอบ แต่ผมก็แอบงงกับเขาเหมือนกัน ถ้าบอกว่าเป็นคู่ปรับกันจริงๆทำไมตอนที่พวกเราเพิ่งขับรถไปรับเห็นเขาสองคนดูสนิทกันจัง

    “เป็นอัศวินน่ะต้องใช้ดาบ แต่เจ้านั่นน่ะวิชาดาบห่วยกว่าอัศวินฝึกหัดซะอีก เรียกว่าผ่านเกณฑ์มาแบบคาบเส้นเลยล่ะ”อาเทมิสแบะปาก

    “ครีอุสน่ะเป็นเทพอัศวินเพียงคนเดียวที่แหกกฏที่สุด…เป็นเทพอัศวินที่เก่งเวทย์มนต์ยิ่งกว่าพระสังฆราช เรียกได้ว่าเป็นคนที่ที่เก่งเวทย์มนต์ที่สุดในลีฟบัด”เนเฟลพูดเบาหวิว “เขาแตกฉานเวทย์มนต์ที่ไม่มีใครทำได้ ทั้งเวทย์มนต์ของวิหารเทพแห่งแสงสว่างของพวกเรา..เวทย์มนต์ของจอมเวทย์สะกดวิญญาณที่เป็นเวทย์มนต์ดำ…เวทย์มนต์ฟื้นคืนชีพที่หลายร้อยปีจะมีซักคน…และไหนยังจะเวทย์มนต์อื่นๆอีก”

    “นอกจากนั้นนะ…”เฮฟเตตัสลดเสียงลงอีก “ความชั่วร้ายของเขาก็ไม่ธรรมดาด้วย”

    “ความชั่วร้าย? ไหนพวกคุณบอกว่าคุณครีอุสเป็นเทพที่เพียบพร้อมที่สุดไงล่ะครับ?”ผมงงไปหมดแล้วนะ ทำไมพวกเขาพูดจาตีกันเองแบบนี้ล่ะ

    “นั่นเพราะไม่มีใครกล้าไปเตะส่วนที่ไม่เพียบพร้อมของเขาน่ะสิ!!!”ทุกคนประสานเสียงตอบ

    “ตามปรกติเขาจะไม่ใช้เวทย์มนต์ให้พวกเราได้เห็น แต่ลองอยู่ลับหลังพวกเราเหล่าเทพอัศวินดูสิ…ขนาดเจ้าหญิงเขายังกล้าเล่นงาน ขนาดพระราชายังถูกเขาตลบหลังขับไล่ลงจากบัลลังค์เลยคิดดู!!!”เฮฟเตตัสทำท่าปาดคอตัวเอง

    ทำไมผมรู้สึกว่าทุกคนกำลังพยายามเตือนพวกเราเรื่องครีอุสกันนะ?

    “ที่เขาไม่ใช้เวทย์มนต์ต่อหน้าพวกเรา เพราะเขายังมีสำนึกของการเป็นเทพอัศวินว่าต้องไม่ใช้เวทย์มนต์ และถ้าพวกเราบังเอิญไปเห็นเขาก็จะกลบเกลื่อน แต่ในความเป็นจริงพวกเราทุกคนต่างรู้กันดีว่าเขาน่ะเก่งกาจขนาดไหน”เคเรสยืนยัน

    “แต่มันก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับความชั่วร้ายเลย ก็แค่เขาใช้เวทย์ได้เก่งแต่ไม่ยอมใช้เท่านั้นเอง”คุณหนูว่า ซึ่งทั้งผมทั้งเมโลดี้ต่างก็เห็นด้วยกันทั้งนั้น

    ปังๆๆๆๆๆๆๆ

    “หวา!!!!!”

    “นายท่านครับ! เราถูกลอบทำร้าย!!!”เสียงคุณไคล์ตะโกนมาจากที่นั่งคนขับ

    “ใครกัน! มันช่างกล้านักนะ!!!”นายท่านกำหมัดแน่น อา…ผมเห็นอนาคตของคนที่ลอบเล่นงานท่านได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ

    “เดี๋ยวสิ! ครีอุสกับฮาเดสอยู่บนหลังคานี่!!!!!”เคเรสตะโกนลั่น คำพูดนั้นทำให้พวกเราทุกคนรู้สึกหนาววูบทีเดียว

    ครีอุสกับฮาเดส!!!!! พวกเราลืมทั้งสองคนไปได้ยังไงกัน!!!!!!!



    ฟิ้ว…

    เสียงอะไรบางอย่างแหวกอากาศตรงมาทางพวกเราสองคน

    ฟุ่บๆๆๆๆๆๆๆ

    แน่นอนว่าโล่สายลมของข้ายังคงปัดป้องได้ดี อาวุธที่ถูกส่งมาเล่นงานหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเราทั้งสองคน

    “ก้อนโลหะ?”ลอเรนหยิบมันขึ้นมาพินิจพิเคราะห์

    “…บังอาจเล่นงานเทพอัศวินอย่างพวกเรางั้นเหรอ…ใจกล้าดีนี่…”ข้าหัวเราะหึๆ

    ในสายตาลอเรนมันเป็นแค่ก้อนโลหะ แต่ข้าดูแวบเดียวก็มองออกว่านี่เป็นเงินแท้ราคาแพงลิบลิ่ว คนที่ส่งพวกมันมาเล่นงานเรานี่ท่าทางจะไม่เห็นคุณค่าของมันเอาซะเลย ข้าก็เลยเก็บก้อนโลหะพวกนั้นให้หมด แล้วเดี๋ยวค่อยเอาไปหลอมให้เป็นก้อนใหญ่เอาไปขายคงได้ราคาดีน่าดู ฮึๆๆๆๆ

    “ลอเรน…ข้าจัดการเองดีกว่า”

    ขืนให้เจ้าจัดการ…ข้าก็อดได้เงินพวกนี้ไปขายน่ะสิ!

    ข้าเปิดพลังจิตสัมผัสแผ่กว้างออกเต็มที่ ในเวลาไม่กี่นาทีข้าก็จับได้ว่าคนที่บังอาจลอบทำร้ายพวกเราอยู่ที่ไหน เอาล่ะ มันต้องสำนึกเสียใจที่เอาของแบบนี้มายั่วให้ข้าอยากได้ เอ๊ย ที่บังอาจมาเล่นงานข้า

    ข้าใช้วิชาที่เจ้าหญิงอลิซสอนมา วิ่งไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว เอาเถอะ ซักวันค่อยไปขอให้อาจารย์พาเพื่อนเอล์ฟดำของท่านมาให้ข้าลอกวิชาทีหลัง ตอนนี้มีอะไรก็ใช้ๆไปก่อนเถอะ!!!

    “เฮ้ย!”เป้าหมายของข้าคงเห็นข้าเข้าแล้วถึงได้ร้องลั่นซะขนาดนั้น แต่ถึงมันจะเร็ว มันจะเร็วสู้ข้าได้เหรอ ข้าโผล่ไปดักหน้าเจ้าคนลอบกัดนั่น ก่อนจะดึงโลหะทรงกระบอกยาวออกจากมือมัน

    ถึงข้าจะไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ข้าไม่ใว้วางใจว่าของแบบนี้อาจจะทำอันตรายข้าได้รึเปล่า เพราะฉะนั้นข้าต้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง

    “น…นี่มันอะไรกันวะ!!!”

    “ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดหรอกนะ เสียใจด้วย”ข้ายิ้มตามแบบฉบับของครีอุสที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี

    “ไม่เห็นมีรายงานเลยว่าตะวันรัตติกาลมีบอดี้การ์ดแบบนี้อยู่!”ชายคนนั้นกระฟัดกระเฟียด

    จริงๆเขากะจะเล่นงานใครก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่ข้าสินะ…จริงๆตามปรกติถ้าข้ารู้ว่าเขาเล่นงานผิดคนข้าก็แค่ล้างแค้นเล็กๆน้อยๆก่อนจะปล่อยเขาไปหรอกนะ…แต่เงินแท้ที่เจ้าเอามาทำเป็นก้อนเล็กๆนั่นยั่วตายั่วใจข้าจริงๆ

    เพี๊ยะ!

    ระหว่างที่ข้าไม่ทันตั้งตัว เจ้าหนุ่มนั่นก็เอาแส้ยาวออกมา อืม มันเหมือนแส้ที่แผ่นดินของข้าใช้นะ แต่ทำไมมันมีแสงสีวิ้งๆน่ากลัวแบบนั้นกันล่ะนี่

    “ตาย!!!”

    เพี๊ยะ!!!

    ข้ากระโดดหลบได้ ทำให้แส้นั่นฟาดลงกับพื้นแทน หญ้าส่วนที่ถูกแส้สัมผัสเกิดเป็นรอยไหม้แถมกลิ่นฉุน ทำให้ข้ารู้เลยว่าเจ้านั่นต้องมีความร้อนสูงพอๆกับเปลวไฟแน่ๆ

    แต่ยิ่งของแปลกตาแบบนี้ ถ้าเอากลับไปขายก็ยิ่งมีราคา ตอนนี้ข้ายิ่งจนๆเพราะต้องหาถุงมือมาแทนคู่ที่เปื้อนเลือดยุงในคราวก่อนอยู่ด้วย เพราะงั้นข้าจะจัดการเจ้านี่ซะก่อนจะยึดอาวุธไปน่าจะเหมาะกว่า

    อะไรกัน? ข้าแค่คิดว่าถ้าปล่อยคนแบบนี้ลอยนวลต่อไปชีวิตข้าก็ไม่สงบสุขแค่นั้นเองนะ!!!



    “ครีอุส! ฮาเดส! เป็นยังไงบ้าง!!!”เฮฟเตตัสและเคเรสรีบผลุนผลันออกมาจากรถทันทีที่รถจอด แต่พวกเขาก็พบแต่ฮาเดสยืนงงๆอยู่กับที่แค่นั้น

    “ฮาเดส ครีอุสล่ะ”เทอร์มิสถาม

    “เขาไปแล้ว”ฮาเดสชี้ไปทางยอดเขา

    “อาวุธที่โจมตีพวกคุณ…มันคืออะไรเหรอครับ”ผมถาม

    “ไอ้นี่”ฮาเดสโยนมันให้ผม ซึ่งผมดูแวบเดียวก็ดูออกทันทีว่ามันเป็นกระสุนเงินที่มักจะเอาไว้ใช้ต่อกรกับแวมไพร์โดยเฉพาะ

    “…ศาสนจักรอีกแล้วเหรอ…”เมโลดี้ทำเสียงเบื่อๆ

    “แบบนั้นครีอุสจะไม่เป็นอันตรายเหรอครับ เขาไปคนเดียวแบบนั้น”ผมถามอย่างเห็นห่วง “คุณหนูครับ คุณให้ผมตามไปจะดีกว่ามั๊ยครับ?”

    “ตามใครเหรอโจซัว”

    “ครีอุส!!!!!!!”เคเรสตะโกนอย่างดีใจ “เจ้าเป็นอะไรมากมั๊ยครีอุส เจ้าโจรชั่วนั่นได้ทำอะไรเจ้ารึเปล่า!?!”

    “เคเรสที่รัก ข้าสบายดีไม่ต้องห่วง”ครีอุสยิ้ม “แต่เจ้านั่นอาจไม่ค่อยสบายนักเท่านั้นเอง”

    “ท่านเจอตัวมันรึเปล่า?”นายท่านถาม

    “น่าเสียดายเหลือเกินที่ไม่พบ”ครีอุสทำเสียงเศร้า “ข้าไปช้าเกินไป เจ้าโจรลอบกัดนั่นหนีไปได้เสียก่อน”

    แต่คำพูดนั้นทำให้เหล่าเทพอัศวินทุกองค์พร้อมใจกันขมวดคิ้วทันที

    “ตอนนี้ข้ากลับคิดว่าองค์มหาเทพแห่งแสงสว่างต้องไม่พอพระทัยเป็นเป็นแน่หากเราไม่ถึงเป้าหมายก่อนที่จะขึ้นวันใหม่ ข้าในฐานะของผู้สืบทอดวจนะแห่งเทพไม่อาจทนเรื่องแบบนั้นได้อย่างแน่นอน”ครีอุสพูดประโยคสุดยาวเหยียดออกมาอีก เฮ้อ ผมไม่เคยฟังคนคนนี้รู้เรื่องเลยจริงๆ

    “นั่นสินะ ดึกมากแล้ว ไม่รีบเดินทางจะไม่ทันเอาซะก่อน”

    คุณหนู! ผมแปลกใจจริงๆที่คุณหนูสามารถแปลภาษาสุดยาวเหยียดของครีอุสออก!!!

    “คุณหนูนายนี่แปลกดีนะ”เทอร์มิสพูดกับผมเบาๆ “มีไม่กี่คนหรอกที่แปลคำพูดของครีอุสออก”

    “ผมควรภูมิใจรึเปล่าครับ”ผมหันมาทางเทพอัศวินเทอร์มิส จริงๆผมต้องขอยอมรับว่าถ้าไม่นับเทพอัศวินครีอุสแล้ว เขาเป็นคนที่ผมไม่อยากเข้าใกล้ที่สุด

    “แต่คนที่แปลภาษาของครีอุสออกน่ะ…มักจะรู้ตัวก่อนเสมอว่าครีอุสกำลังก่อเรื่องอะไร…อย่างครั้งนี้เป็นต้น”

    “อะไรนะครับ”ผมถาม

    “ฮึ”เทอร์มิสยิ้มเย็นๆให้ผมนิดหนึ่ง ก่อนจะสะบัดผ้าคลุมจากไป ท่าทางเขาคงไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ซ้ำสอง แต่แค่เขาเตือนผมแค่นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ไว้วางใจ “เทพอัศวินครีอุส” ได้แล้ว



    “ครีอุส”ระหว่างที่ข้ากำลังจะก้าวขึ้นรถ เทอร์มิสก็มาเรียกตัวข้าไว้เสียก่อน

    “เทอร์มิสที่รัก ไม่ทราบว่า…”

    “คนอื่นขึ้นรถไปแล้ว”เทอร์มิสสบตาข้านิ่ง

    “เจ้าพยาธิเอ๊ย”ข้ากัดฟันกรอดๆ บางครั้งการที่เทอร์มิสรู้ทุกอย่างที่ข้าคิดแบบนี้ก็ทำให้ข้ารู้สึกว่าเขาอยู่เหนือกว่าข้ายังไงยังงั้น

    “เจ้าทำอะไรกับมือสังหารนั่น”เทอร์มิสถามข้าอย่างไม้อ้อมค้อม

    “ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายจนน้าสนใจหรอกเทอร์มิส”ข้าตอบปัดๆพลางหันหลังให้เขา เตรียมจะก้าวขึ้นรถ

    “เกรเซียส จะตอบข้าดีๆหรือต้องให้ข้าบีบบังคับเจ้า”เทอร์มิสเอ่ยเสียงเย็น

    “เฮ้อ…บางครั้งข้าก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าเป็นพยาธิในกระเพาะข้าจริงๆรึเปล่า”ข้าถอนหายใจ ปิดเทอร์มิสไม่เคยได้จริงๆ แต่ถ้าให้พูดกันตามตรง เทพอัศวินทุกองค์ต่างก็รู้ๆกันดีว่าไม่มีทางเป็นอย่างที่ข้าบอกหรอก แค่ไม่มีใครพูดออกมาเท่านั้นเอง

    จริงๆถ้าข้ายึดของที่ข้าต้องการได้แล้วก็ว่าจะปล่อยไปดีๆหรอกนะ แต่เจ้านั่นกลับมาพูดจายั่วโมโหข้าซะงั้น พูดเหมือนกับว่าข้ากำลังเข้าข้างปิศาจ หาว่าข้าไม่ใช่มนุษย์ ข้าก็เลยอารมณ์ขึ้นมานิดหน่อย จับเจ้านั่นแช่แข็งทั้งเป็นเท่านั้นเอง

    “เจ้าฆ่าเขารึเปล่า”เทอร์มิสถามข้า

    “ข้าเป็นเทพอัศวินครีอุสนะ! จะสามารถฆ่าสัตว์ตัดชีวิตคนที่ไม่ใช่พวกปิศาจหรืออมนุษย์ได้ยังไงกัน ข้าก็แค่แช่แข็งเฉพาะภายนอก แล้วจับเขาไปวางกลางแจ้ง รอให้น้ำแข็งละลายไปเองเท่านั้นแหละ”ข้าตอบยิ้มๆ

    “แต่กว่าน้ำแข็งจะละลาย…เขาคงโดนแดดเผาจนเกรียมไปก่อนแล้ว”เทอร์มิสส่ายหัว

    “ไม่หรอกแลนซ์ที่รัก ข้าบอกแล้วว่าเอาเขาไปวางกลางแจ้ง เพราะอย่างนั้นเดี๋ยวก็คงมีคนมาช่วยเขาเองแหละ แต่โชคร้ายที่ข้าลืมไปแล้วสิว่าร่ายเวทย์เยือกแข็งทับลงไปกี่ชั้น เพราะฉะนั้นน้ำแข็งพวกนั้นตอนนี้อาจจะแข็งจนไฟยังไม่อาจหลอมละลายมันได้เท่านั้นแหละ”

    “เจ้านี่มันน่ากลัวจริงๆ”เทอร์มิสพึมพำ

    “ข้าแค่แก้แค้นและทวงความยุติธรรมที่ข้าควรได้รับเท่านั้นเองนะ เขามาโจมตีข้ากับลอเรนก่อนเองนี่ ถ้าเขามาอย่างสันติก็คงได้กลับไปแบบสันติเหมือนกัน”ข้ายิ้มกว้าง

    “เจ้าระวังตัวเอาไว้เถอะเกรเซียส ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเรา อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าได้ทุกเมื่อ ข้าไม่ได้อยู่ปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลาหรอกนะ”เทอร์มิสถอนหายใจ

    “พอเลยแลนซ์ ทั้งเจ้าทั้งลอเรนนี่พอกันทั้งคู่ คิดว่าข้าเป็นเด็กทำอะไรไม่เป็นรึไง แค่ปกป้องตัวเองข้าทำได้น่า”ข้าแบะปาก

    “เจ้าก็เป็นอย่างนี้ทุกที ข้าถึงได้เป็นห่วงอยู่เรื่อย”เทอร์มิสพึมพำ “ปากก็บอกไม่หาเรื่องใส่ตัว แต่จริงๆเจ้าเคยอยู่นิ่งๆกับเขาบ้างรึเปล่าล่ะเกรเซียส”

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×