โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน - โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน นิยาย โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน : Dek-D.com - Writer

    โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน

    โดย Zarene

    ผู้แต่ง: พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้พระนามแฝงว่า: “อัศวพาหุ”

    ผู้เข้าชมรวม

    48,166

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    48.16K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 มิ.ย. 53 / 22:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ผู้แต่ง: พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
      ทรงใช้พระนามแฝงว่า: “อัศวพาหุ”
      รูปแบบ: บทความ

      ที่มาของเรื่อง:
      พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ เรื่อง โคลนติดล้อซึ่ง มีทั้งหมด 12 ตอน ลงพิมพ์ในหนังสือไทย พ.ศ. 2458 ตอนความนิยมเป็นเสมียนเป็นตอนที่ 4 ลงพิมพ์ในหนังสือสยาม(สยามออ บเซอร์เวอร์) ฉบับวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2458

      เนื้อเรื่อง:
      เสมียนเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับหนังสือ ผู้ที่มีการศึกษานั้นนิยมเป็นเสมียน คือ นิยมเข้ารับราชการ ไม่สนใจกลับไปทำการเกษตรในภูมิลำเนาของตน ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ให้ประเทศได้มาก ทั้งนิยมใช้ชีวิตอยู่ในเมือง
      บุคคลเหล่านี้เห็นว่า กิจการอย่างอื่นไม่สมเกียรติยศ คนที่ได้รับการศึกษาไม่ควรเสียเวลาไปทำงานให้ที่คนไม่รู้หนังสือก็ทำได้ และเพราะไม่อยากลืมวิชาความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา คนจำพวกนี้ยอมทนใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพ ฯ ทั้งที่เงินเดือนไม่มาก แต่ก็จับจ่ายทรัพย์เพื่อการต่างๆได้ เช่น นุ่งผ้าม่วงสี ดูหนัง กินข้าวตามกุ๊กช้อป บุคคลเหล่านี้ไม่เข้าใจว่าการทำงานอื่นๆนั้นก็มีเกียรติเท่ากับผู้ที่ทำงาน ด้วยปากกาเหมือนกัน
      การที่เป็นเช่นนี้ถือเป็นความผิดของเราทั้งหลายด้วย ถ้ายังเห็นว่าการเป็นเสมียนสูงกว่าชาวนาชาวสวนก็จะทะเยอทะยานอยากเป็น ทางกระทรวงทบวงการคัดเลือกเสมียนที่มีมากเกินความจำเป็นออก บุคคลเหล่านี้ก็ไม่อาจเป็นชาวนาได้ ดังนั้นจึงต้องอยู่แต่ในเมือง อายุมากขึ้น โอกาสก็น้อยลง ดังคำกล่าวว่า การทำงานอื่นๆก็สามารถทำประโยชน์ได้ดีกว่าการเป็นเสมียน จึงเห็นว่าการทำงานอื่นก็มีเกียรติยศเหมือนเสมียนเช่นกัน

      คุณค่าของเรื่อง:
      1. เป็นตัวอย่างบทความที่ดี
      2. เสนอข้อคิดเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมืองในเรื่องค่านิยมที่เป็นอุปสรรคทำให้ ประเทศเจริญได้ช้า
      3. ให้แนวคิดว่าอาชีพอื่นก็สามารถทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้


      คำนำ

      ในการกระทำความติดต่อซึ่งกันและกัน ในหมู่นานาประเทศนั้น บางทีก็เหลือที่จะแก้ไขป้องกันมิให้เครื่องกีดขวางต่าง ๆ มาติดล้อแห่งความเจริญของชาติได้ ของกีดขวางเหล่านี้ ในชั้นต้นก็ดูไม่สู้จะสลักสำคัญอะไรนัก แต่ครั้นเวลาล่วงไป ก็กลับกลายเป็นของใหญ่โตขึ้นทุกที จนถึงวันหนึ่งเราจึ่งรู้สึกว่าแทบจะทนทานไม่ได้

      ธรรมดารถซึ่งขับเร็วไปในถนนซึ่งมี โคลน โคลนนั้นก็ย่อมกระเด็นเปรอะเปื้อนรถเป็นธรรมดา และบางทีก็เป็นอันตรายได้โดยเหตุที่ม้าพลาดหรือล้มลง แต่ล้อแห่งรถนั้นในเวลาที่ถึงที่หยุดแล้ว จะมีโคลนก้อนใหญ่ๆ ติดอยู่ก็หาไม่ เพราะว่าโคลนซึ่งติดล้อในระหว่างที่เดินทางนั้นได้หลุดกระเด็นไปเสียแล้ว ด้วยอำนาจความเร็วแห่งรถนั้น ส่วนรถที่ขับช้า ๆ ไปในถนนซึ่งมีโคลนทางเดียวกัน ย่อมไม่สู้จะเปรอะเปื้อนหรือเป็นอันตรายด้วยเหตุที่ม้าพลาดหรือล้มนั้นจริง แต่ล้อแห่งรถนั้นย่อมจะเต็มไปด้วยโคลนอันใหญ่และเหนียวเตอะตัง ซึ่งนอกจากแลดูไม่เป็นที่จำเริญตาแล้ว ยังสามารถเป็นเครื่องกีดขวางและทำให้ล้อเคลื่อนช้าลงได้

      ข้อนี้ย่อม ได้แก่ประเทศซึ่งดำเนินไปสู่ความเจริญ หรือซึ่งโดยมากชอบเรียกกันว่า "ความศิวิไลซ์" ยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่าย คือ ญี่ปุ่นเขาได้ดำเนินขึ้นสู่ความเจริญด้วยความรวดเร็วยิ่งนัก ประเทศญี่ปุ่นมีรอยโคลนเปรอะเปื้อนอยู่เป็นอันมาก แต่เราต้องยอมว่าล้อของเขาไม่ใคร่จะมีก้อนโคลนติด

      ส่วนประเทศสยามของ เรานั้นเล่าเป็นอย่างไรบ้าง ?

      เราได้ดำเนินขึ้นสู่ความเจริญด้วยความ ระวังระไว เพราะว่าเราเห็นควรที่จะใช้สติและความไตร่ตรองดูโดยรอบคอบ และถึงแม้เมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่น ความเจริญของเรานั้นช้าก็จริงอยู่ แต่ดูเราไม่สู้จะเปรอะเปื้อนมากนัก และตัวรถของเราก็นับได้ว่ายังสะอาดดีอยู่

      ส่วนล้อของเรานั้นเป็น อย่างไรเล่า ?

      ล้อของเรานั้นหรือมีก้อนโคลนติดกรังไปทั้งล้อ ! รถของเรายังเคลื่อนไปได้จริง แต่ก้อนโคลนเหล่านั้นช่างกีดขวางเสียจริง ๆ เพราะฉะนั้นวันจะมาถึงเข้าวันหนึ่ง ซึ่งเราจะรู้สึกว่า ถึงแม้เราจะต้องเดินเร็วจริงๆ เพื่อให้รอดอันตราย เราก็จะไม่สามารถไปเร็วได้เสียแล้ว

      เจ้าของรถที่เขามีสติปัญญา เมื่อได้เห็นโคลนติดล้อของเขามากมายเช่นนั้น ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะต้องขวนขวายจัดการเปลื้องโคลนออกเสียจากล้อ ก่อนที่เขาจะเริ่มออกเดินทางต่อไปในที่อันสำคัญไม่ใช่หรือ ?

      เราทั้ง หลายควรจะลืมตาของเรา และพิจารณาดูก้อนโคลนต่าง ๆ ซึ่งติดอยู่กับล้อแห่งความเจริญของชาติเรา เราจะเห็นได้ว่าโคลนเหล่านี้ บางก้อนได้ติดมานานแล้ว และเป็นการลำบากที่จะเปลื้องออกให้เกลี้ยงได้ในคราวเดียว แต่ถ้าประกอบด้วยวิริยภาพและความบากบั่น เราก็สามารถที่จะชำระโคลนนั้นออกได้หมดในเวลาอันควรเหมือนกัน ของย่อมมีอยู่ บางอย่างที่เราจะเปลี่ยนแปลงได้ทันใดตามความพอใจ เพราะไม่เกี่ยวข้องแก่ผู้ใดนอกจากตัวเราเอง แต่ย่อมมีของบางอย่างเหมือนกัน ซึ่งยากจะเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยเหตุว่ามีผู้อื่นเขามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วย

      เรา ควรจะพิจารณาในสิ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวเราเองก่อน และในการพิจารณานี้เราจะได้เห็นของอัศจรรย์ต่าง ๆ มาก ซึ่งจะทำให้เรานึกพิศวงว่าเหตุใดเราจึงคงมีหรือคงทำสิ่งนั้น ๆ อยู่


      http://blog.pakorn.net/2009/11/blog-post.html
      http://www.wechange.in.th/2008-10-19-07-04-34/2008-09-18-15-54-33

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×