# ม้ามืดโมรอกโก

ครั้งนี้ผมไม่ได้เลือกใครเพราะคิดว่าไม่มี แต่สุดท้ายก็มีจนได้ และนับเป็นเรื่องที่ดีนะครับ ที่มีม้ามืด

นึกถึงความสุขของคนโมรอกโก 38 ล้านคนที่มีทีวี 37.99 ล้านครัวเรือนดูเอาได้ 
 

ไม่รวมกับที่ออกมารวมตัวดูบอลที่เมืองหลวง มาคาเรช, คาซาบลังกา อีกเป็นหมื่นคน

พวกเขาคือ "ม้ามืด" ที่มาโผล่ในช่วงทางตรง100 เมตรสุดท้าย แซงจนมีลุ้นเข้าเส้นชัยด้วยเหมือนกัน
 

โมรอกโก สร้างประวัติศาสตร์ เป็นชาติจากทวีปแอฟริกาชาติแรกที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก

1 โค้ช วาหลิด
 

คนแรกที่ให้เครดิตคือ วาหลิด เรกรากุย โค้ชโมรอกโก ที่พึ่งมารับงานเมื่อต้นเดือนก.ย. แทนที่ วาฮิด ฮาลีฮอดซิช ที่พาทีมเข้ารอบสุดท้ายแต่มีปัญหากับนักเตะในทีม จนต้องโบกมือลา เป็น วาหลิด คนในที่รู้เรื่องบอลโมรอกโก ดี โดยไม่ต้องมาทำทีมในยุโรป หรือมีประสบการณ์มากมาย

วาหลิดวางแผนรับแล้วสวน เหนียวแน่นไว้ก่อน ค่อยว่าเรื่องยิงประตู 

เขาคือโค้ชชาวแอฟริกันคนแรกที่ทำได้ 

2 นักเตะเทคนิคดี
 

ชั้นเชิง ทักษะของนักเตะโมรอกโก ทุกคนดี เอาตัวรอดได้ในพื้นที่แคบๆ และการโดนเพรส ดังนั้นจึงสามารถเล่นสวนกลับได้ดี จังหวะ1ต่อ1 หลบได้เลย แถมยังเล่นบอล วัน ทัช ทู ทัช เท่านั้น

3 โบโน เหนียว
 

นายประตูโมรอกโก มีส่วนสำคัญ ในการช่วยพาทีม มาถึงจุดนี้ ทั้งในเกมและจุดโทษ มีความนิ่ง และห้าวในเวลาเดียวกัน ไม่มีพลาดง่ายๆ ไว้ใจได้ กองหลังเลยมั่นใจ

โบโน สร้างสถิติ  ประตู แอฟริกา ที่“คลีน ชีต”ในบอลโลก4 นัด

4 เกมรับแน่นจริง
 

ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมใน 5 นัด เสียให้คู่แข่ง 1 ประตูจากการทำเข้าตัวเองอีกต่างหาก อเกิร์ด (เวสต์ แฮม) คือไม่มีคู่แข่งทีมไหนยิงพวกเขาได้เองเลย จนถึงโปรตุเกสที่ถล่มสวิสเซอร์แลนด์ 6-1  ที่แม้ตัวรุกขนมาเพียบก็ตาม 

โบโน + แบ๊กโฟร์ 

ฮาคิมี, เอล ยามิค (แทนอาเกิร์ด), ซาอิส, อัลลาห์ (แทน มาสราอุย) และแดนกลาง3 คน ตั้งโซนรับดีเหลือเกิน มีความมุ่งมั่น ทีมสปิริต มาครบ

5 กองเชียร์ ที่กาตาร์
 

เรียกว่าขนเครื่องบินกันมา รวมทั้งกลุ่มใหญ่ๆ ในกาตาร์ ที่เชียร์กันทุกเกม นัดล้มโปรตุเกส เสียงเชียร์ทั้งสนามคือเสียงโมรอกโก นั่นรวมทั้งชาติอาหรับทั้งหลายที่ส่งแรงใจลุ้น โมรอกโก

ยอดเยี่ยมครับ พวกเขาทำในสิ่งที่ทีมเต็งทำไม่ได้ 

นั่นคือเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก แถมยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติแอฟริกาทีมแรกที่เข้ารอบรองชนะเลิศ