คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #151 : ปลอมตัวเข้าไปในหุบเขาเซียน
ระหว่างทางเดินขึ้นไปบนหุบเขา
ฉินหลิงก็สัมผัสได้ถึงไอวิญญาณที่หนาแน่นขึ้นจนทำให้เขารู้สึกอยากฝึกบำเพ็ญตนในสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่น้อย
แต่เรื่องราวในครานี้ยังเกี่ยวข้องกับมารดาทั้งสองคนของกลุ่มเด็กน้อยพวกนั้น
เขาจึงระงับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ฉินหลิงรีบหมุนเวียนพลังโลหิตเพื่อยับยั้งไอวิญญาณในร่างกาย...
ด้วยเคล็ดวิชาระเบิดโลหิตที่เขาฝึกอยู่นั้นสามารถกักเก็บไอวิญญาณและเปลี่ยนตัวเองให้ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดาได้
แต่อย่างไรก็ตามฉินหลิงก็ยังรู้สึกลังเลอยู่ไม่น้อยเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนคนอื่นจริงๆ
แผนการของฉินหลิงนั้นเรียบง่าย
เพียงแค่ช่วยสตรีทั้งสองได้เขาก็จะรีบหนีออกจากหุบเขาแห่งนี้ทันที
ความสามารถของผู้ฝึกตนผู้นี้ยังคงเป็นปริศนาอยู่โดยเฉพาะความแข็งแกร่ง
ฉินหลิงจึงไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้มากเกินไปอยู่แล้วและตัวเขาเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้กับผู้ฝึกตนคนอื่นเลย
ดังนั้นแผนการแฝงตัวเป็นจอมยุทธเพื่อตีเนียนเป็นลูกสมุนของผู้บำเพ็ญที่อยู่บนหุบเขานี้คือสิ่งที่ฉินหลิงคิดออกมาได้
ระหว่างทางขึ้นเบาเขาฉินหลิงก็สังเกตุเห็นพืชพรรณแปลกๆหลายชนิดจึงอดไม่ได้ที่จะถามจอมยุทธที่เดินทางมาพร้อมกับเขา
“นั้นคือต้นอะไรรึ ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นมาก่อน”
จอมยุทธที่อยู่ใกล้กับฉินหลิงก็หัวเราะออกมา
“เจ้าไม่เคยเห็นน่ะไม่แปลกเพราะพวกนั้นคือสมุนไพรวิเศษที่ท่านเซียนปลูกเอาไว้
แม้แต่พวกเราก็ไม่มีสิทธิเข้าไปยังพื้นที่ด้านข้าง
ต่อไปเจ้าเองก็ต้องระวังไว้ด้วย”
ฉินหลิงพยักหน้าเบาๆเพื่อบอกว่าเขารับรู้แต่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับพืชชนิดใหม่ๆที่เขาไม่เคยพบ
หนทางการฝึกตนยังอีกยาวไกล
มีเรื่องอีกมากมายให้เขาต้องศึกษา
ผ่านไปไม่นาน
ฉินหลิงก็มาถึงบ้านพักหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณไหล่เขาห่างจากที่เก็บตัวของผู้ฝึกตนผู้นั้นที่อยู่ยอดเขาไม่มากนัก
บ้านหลังใหญ่นี้คือสถานที่พักของเหล่าจอมยุทธที่มารวมตัวกันเพื่อรับภารกิจตามคำขอของผู้ฝึกตนที่อาศัยบนยอดเขา
ภายในบ้านแบ่งออกเป็นห้องพักเหมือนโรงเตี๊ยมทั่วไป
ระบบการจัดการเหมือนเหล่าสำนักที่มีลูกศิษย์คอยรับภารกิจเพื่อแลกกับคะแนน
แต่สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมจอมยุทธดีๆนี้เอง
จอมยุทธนับสิบคนที่นั่งดื่มชาตามจุดต่างๆหันมามองกลุ่มของฉินหลิงทันทีเมื่อเขาเดินเข้ามาภายในบ้านหลังนี้
จอมยุทธทั้งสองคนที่เป็นคนเฝ้าเวรยามก็ได้พาฉินหลิงมายังด้านหน้าที่มีชายหัวล้านนั่งอยู่
“พี่หู่ ข้าพาน้องใหม่มาเข้าพวกกับเรา
หากมีภารกิจระดับสูงน้องเล็กผู้นี้ช่วยเราได้เยอะแน่”
ชายหัวล้านที่ถูกเรียกว่าพี่หู่ก็หรี่ตาลงก่อนจะหันไปมองจอมยุทธที่พูดชมฉินหลิง
“เจ้าคิดว่าข้าโง่นักรึไงถึงได้หลอกเอาเด็กที่ไหนไม่รู้มาบอกว่าเป็นจอมยุทธ
ไอพวกสารเลวหากจะหลอกข้าก็ควรหาคนที่อายุมากกว่านี้หน่อย ไอพวกโง่!!”
เมื่อพี่หู่ตำหนิจอมยุทธด้านข้างฉินหลิงเสร็จ
เขาก็หันมาชี้หน้าฉินหลิง “ไอเจ้าเด็กสารเลว ท่านปู่ของเจ้าผู้นี้เห็นแก่หน้าไอตัวเหม็นทั้งสองนี้รีบไสหัวไปให้เร็ว”
แกร๊บบ!!
นิ้วชี้ของชายหัวล้านถูกฉินหลิงคว้าไว้พร้อมหักไปอีกด้านจนงออย่างรวดเร็วจนไม่มีใครเห็นได้ทัน
“อ๊ากกก!!! เจ็บบบโว๊ยยย
เจ้าเด็กสารเลวกล้ามาหักนิ้วข้าได้ยัง....” ระหว่างที่พี่หู่กำลังร้องออกมา
ฉินหลิงก็เตะใบหน้าจนปลิวกระแทกโต๊ะโดยรอบจนแตกหักกลายเป็นเศษไม้
อย่างไรก็ตามร่างของฉินหลิงก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับลมปราณสีเข้มห่างจากชายหัวล้านที่นอนโอดครวญอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“น้ำหน้าอย่างเจ้าไม่มีสิทธิเป็นปู่ของข้าได้หรอก”
ฉินหลิงเผยอารมณ์โกรธอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินชายหัวล้านเอ่ยลบหลู่ปู่ของเขา
ถึงแม้ว่าชายชราแซ่ฉินผู้นั้นจะสิ้นใจไปแล้วแต่ความทรงจำที่ทั้งสองใช้ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นยามที่พูดคุยหรือทะเลาะกันก็ตามยังคงอยู่
ฉินหลิงก็ยังรู้สึกเคารพผู้เป็นปู่อย่างยิ่ง
แต่เมื่อได้ยินชายหัวล้านกล้าแทนตัวเองว่าเป็นปู่ของเขา
จึงทำให้ฉินหลิงขาดสติไปชั่ววูบ
จอมยุทธนับสิบที่นั่งดื่มชาอยู่ในตอนแรกที่คิดว่าจะได้ดูเรื่องสนุกอย่างชายหัวล้านกลั่นแกล้งเด็กน้อยผู้นี้กลับเผยสีหน้าตกตะลึง
เด็กหนุ่มวัยยี่สิบนิดๆกลับล้มชายหัวล้านได้อย่างง่ายดาย
แถมพลังยุทธที่เกินจริงนั้นอีก
ต้องรู้ว่าพวกเขาทุกคนต่างแก่งแย่งชิงดีกันเพื่อให้เป็นที่โปรดปราณของท่านเซียนผู้อาศัยอยู่บนยอดเขา
เมื่อเห็นอัจฉริยะวัยหนุ่มอย่างฉินหลิงปรากฏตัวขึ้นพวกเขาก็พบว่ากำลังมีคู่แข่งคนสำคัญอีกคนหนึ่งแล้ว
“น้องชายใจเย็นๆก่อน พี่หู่เข้าใจผิดเล็กน้อย
อย่าทะเลาะกันเลย”
จอมยุทธที่พาฉินหลิงขึ้นมาบนเขาก็รีบเข้ามาห้ามปราบมิใช่เด็กหนุ่มลงมือต่อ
ไม่เช่นนั้นชายหัวล้านอาจจะพิการก็เป็นได้
อีกด้านหนึ่งจอมยุทธอีกคนก็เข้าไปกระซิบชายหัวล้าน
“พี่หู่ทำไมไม่ฟังข้าพูดก่อน เห็นไหมล่ะน้องชายที่ข้าพามาเก่งกาจขนาดไหน
หากปล่อยให้เขาไปอยู่กลุ่มคนอื่นพวกเราจะเสียเปรียบเอาได้น่ะ”
ชายที่ถูกเรียกว่าพี่หู่ก็เผยสีหน้าบิดเบี้ยว
เขาที่โดนเด็กหนุ่มตรงหน้ากระทืบยังมีหน้าไปชวนเขาเข้าร่วมได้อีกรึ? แถมต่อไปเขายังจะมีหน้าเป็นหัวหน้ากลุ่มได้อีกหรือ?
ในขณะที่ชายทั้งสองคนปรึกษากันฉินหลิงก็เอ่ยขึ้น
“ขอบคุณพี่ท่านที่พาข้าขึ้นมาบนเขา ต่อจากนี้ทางใครทางมัน”
“เดี๋ยวววว!! น้องชายใจเย็นๆ
พวกเราแค่มีความเข้าใจผิดต่อกันเล็กน้อย ใช่ไหมพี่หู่” จอมยุทธเอ่ยออกมาพร้อมกับจ้องไปยังชายหัวล้านด้วยท่าทางราวกับจ้องจะกินเลือดเนื้อ
พี่หู่เม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา “เมื่อครู่ข้าเข้าใจผิดไปหวังว่าน้องชายจะไม่ถือสา”
ฉินหลิงก็พยักหน้าเบาๆด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ
เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ได้ตั้งใจทำตัวเองให้เป็นจุดเด่นอยู่แล้ว
แต่เมื่อครู่เขาแสดงอาการออกไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบจริงๆ
ความรู้สึกโกรธและอารมณ์ทางลบของฉินหลิงนั้นเป็นตัวยืนยันอย่างดีเลยว่าเขาไม่ได้โดนตัดกรรมในระหว่างเป็นผู้ฝึกตน
ส่วนสาเหตุที่ว่าเป็นเพราะจิตวิญญาณของเขาเป็นคนจากอีกโลกหนึ่งรึเปล่านั้นเป็นเรื่องที่เขาจะต้องพิสูจน์ให้ได้ในอนาคต
หลังจากรักษาชายหัวล้านจนเสร็จ จอมยุทธที่เป็นคนพาฉินหลิงมาบนเนินเขาก็เรียกรวมคน
หากไม่นับชายหัวล้านที่ดามนิ้วมือซึ่งหักเพราะฉินหลิง
ก็มีจอมยุทธมาเพิ่มอีกสองคน ชายทั้งสองนั้นมีรูปร่างผอมแห้งและหน้าตาซีดเซียว
พวกเขานั่งใกล้กันด้วยความคุ้นเคยจึงทำให้เขาใจได้ว่าพวกเขาทั้งสองเป็นสหายที่สนิทกันอย่างแน่นอน
“เอาล่ะในเมื่อทุกท่านมากันครบแล้ว
ข้าขอแนะนำสมาชิกใหม่ของเรา เอ่อน้องชาย เจ้าชื่ออะไรรึ...”
จอมยุทธที่เป็นคนห้ามไม่ให้ฉินหลิงซ้ำชายหัวล้านในตอนที่เขาสั่งสอนบทเรียนแก่ชายหัวล้านเป็นคนเอ่ยขึ้นมา
“ข้าน้อยแซ่ฉิน เดินทางมาจากทางใต้
บังเอิญได้ข่าวคราวเกี่ยวกับท่านเซียนจึงอยากฝากตัวเป็นศิษย์”
ฉินหลิงเอ่ยตอบด้วยความมั่นใจแต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความทระนงอยู่ส่วนหนึ่ง
เหล่าจอมยุทธที่เหลือต่างก็เข้าใจ
เพราะอย่างไรการที่เด็กน้อยผู้หนึ่งบรรลุเป็นจอมยุทธตั้งแต่อายุยังน้อยย่อมต้องมีท่าทีเช่นนี้
แตกต่างจากชายหัวล้านที่เคยเป็นหัวกลุ่มที่แสดงท่าทางอึดอัด
ความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้า
แต่เขาไม่อยากถูกปลดจากตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม
“ยินดีที่ได้รู้จักน้องชายฉิน”
“สวัสดีน้องชาย”
จอมยุทธร่างผอมอีกสองคนก็พยักหน้าเบาๆให้ฉินหลิงเช่นกัน
หลังจากผ่านการพูดคุยไปเล็กน้อย จอมยุทธคนเดิมก็เอ่ยออกมา
“สำหรับเรื่องหัวหน้ากลุ่มเราจะเอาอย่างไร”
เอ่ยจบพี่หู่ที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็กำหมัดแน่นแต่คำพูดของฉินหลิงกับทำให้เขาเบิกตากว้าง
“ข้าไม่สนใจตำแหน่งหัวหน้าอะไรนั้นหรอก”
ไม่เพียงพี่หู่ที่ตื่นตกใจ
จอมยุทธอีกสี่คนก็หันมามองฉินหลิงด้วยท่าทางไม่เชื่อ
“อะแฮ่มๆ...
ในเมื่อน้องชายไม่อยากเป็นหัวหน้ากลุ่ม ข้าก็ขอทำหน้าที่ต่อไปเอง
ส่วนน้องชายฉินมีเรื่องเดือดร้อนหรือปัญหาอะไรก็เข้ามาปรึกษาข้าได้เลย”
ชายหัวล้านเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางไร้ยางอายพร้อมกับประจบฉินหลิงอย่างเต็มที่
การพูดคุยของคนในกลุ่มดำเนินไปเรื่อยๆกว่าหนึ่งชั่วยาม
ฉินหลิงเองก็นั่งฟังรายละเอียดอย่างตั้งใจเช่นกัน หน้าที่ของจอมยุทธที่มารวมตัวกันคือปฏิบัติตามภารกิจเพื่อเพิ่มคะแนนและแลกเปลี่ยนกับเม็ดยาวิเศษเพื่อเพิ่มโอกาสเป็นผู้ฝึกตน
ด้วยข้อเสนอที่ล่อใจเช่นนี้ของผู้ฝึกตนที่อยู่บนยอดเขาจึงทำให้มีจอมยุทธมากมายเข้ามาอยู่ในหุบเขาแห่งนี้และรวมตัวกันเป็นกลุ่มต่างๆเพื่อแบ่งกันไปทำภารกิจ
ภารกิจของผู้ฝึกตนนั้นมีหลากหลายอย่าง
ตั้งแต่เฝ้าเวรยาม รดน้ำสมุนไพรไปจนถึงหาสิ่งของวิเศษที่ต้องเสี่ยงชีวิตเอา
ดังนั้นเมื่อมีงานที่อันตรายจอมยุทธทั้งหลายจึงมักรวมตัวกันหลายคนเพื่อทำภารกิจ
“แล้วน้องชายฉินรู้ข่าวเกี่ยวกับหุบเขาแห่งนี้ได้ยังไงในเมื่อเจ้าเป็นคนจากตอนใต้”
พี่หู่เอ่ยถามด้วยท่าทางเอ็นดูราวกับคนที่หักนิ้วเขาไม่ใช่ฉินหลิง
แววตาฉินหลิงเปล่งประกายขึ้นมา
“ข้าบังเอิญเห็นจอมยุทธกลุ่มหนึ่งลักพาตัวสตรีสองนางและพวกชาวบ้านพูดกันว่าจอมยุทธพวกนั้นเป็นคนของหุบเขาท่านเซียน
ข้าจึงถือโอกาสมาเคารพท่านเซียนเผื่อได้รับโชคกลับไปบ้าง”
“บัดซบคงเป็นคนของพวกตาแก่เหลียงอย่างแน่นอน
พวกมันพึ่งรับภารกิจนี้ไป แต่พวกมันทำอะไรไม่คิดดูให้ดีเลย
ชื่อเสียงของหุบเขาเซียนต้องมัวหมองเพราะความบ้าอำนาจของพวกมัน”
ชายหัวล้านสบถด้วยท่าทางขุ่นเคืองโดยเฉพาะเมื่อเอ่ยถึงชื่อตาแก่เหลียง
“เช่นนั้นก็หมายความว่าท่านเซียนต้องการสตรีทั้งสองนางอย่างนั้นรึ”
ฉินหลิงเอ่ยถามอีกครั้ง
พี่หู่โบกมือไปมา “ไม่ใช่หรอก
เรื่องนี้มันเป็นเพราะคำขอร้องของขุนนางผู้หนึ่งต่างหาก”
เอ่ยจบพี่หู่ก็เผยท่าทางลังเล แต่เมื่อเห็นฉินหลิงหยิบทองออกมาสองก้อนเขาก็รีบเก็บอย่างไวพร้อมกับเล่าต่อ
“เรื่องนี้จริงๆแล้วข้าบังเอิญได้ยินตอนที่ข้านำขุนนางผู้นั้นไปเข้าพบท่านเซียน
เจ้าขุนนางผู้นั้นโกรธแค้นสตรีทั้งสองนางที่ทำให้เขาหมดตัว
แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าเพียงสตรีสองนางจะทำให้พวกขุนนางเจ้าเล่ห์หมดท่าได้ยังไง
แต่ข้อแลกเปลี่ยนที่ท่านเซียนเอ่ยขึ้นคือวิญญาณของขุนนางผู้นั้นแลกกับชีวิตของหญิงทั้งสอง”
“เช่นนั้นตอนนี้หญิงสาวทั้งสองคนนั้นล่ะ”
ฉินหลิงเอ่ยถามออกมา
พี่หู่หรี่ตาลงมองฉินหลิง
“ข้าขอเตือนเลยน่ะว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของท่านเซียน พวกเราเพียงทำหน้าที่ของเราก็พอ
เคยมีจอมยุทธผู้หนึ่งแอบลอบเข้าไปภายในบ้านของท่านเซียนสุดท้ายแล้วมันผู้นั้นถูกมัดและปล่อยให้อดตายอย่างทรมาน”
ความคิดเห็น