ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : เรื่องราว (1)
บริเวณลานหน้าบ้านของถานอวี้จี้ ขณะนี้ได้มีบุรุษชายสองคนกำลังนั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่หน้าประตูที่ซึ่งมีชายวัยกลางคนรูปร่างผอมยืนหลับตาพิงกำแพงอยู่
คนทั้งสองที่กำลังคุกเข่าอยู่นั้นไม่ใช่ใครที่ไหนอื่น ทั้งสองคือองครักษ์หมิงและสหายที่มารักษาความปลอดภัยฉินหลิงด้วยกัน ซึ่งขณะนี้ทั้งสองต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดนัก จากการที่เขาและสหายปล่อยให้นายน้อยตนถูกลอบโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยแต่พวกเขากับไม่ได้คอยอยู่ดูแลอารักษ์ขาผู้เป็นนายตน พวกเขาในฐานะองครักษ์ทำหน้าที่ได้ล้มเหลว ดังนั้นความผิดนี้จึงยากนักจะอภัยได้
ชายวัยกลางคนเปิดตาขึ้นมามองคนทั้งสองก่อนเอ่ยออกมา “ ข้าเคยสอนพวกเจ้าแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเราเหล่าองครักษ์คืออะไร? แล้วตอนที่นายน้อยโดนลอบสังหาร พวกเจ้าไปทำอะไรอยู่? ”
ชายที่คุกเข่าข้างหมิงฮ่าวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่น “ ขะ...ข้ากำลังฝึกซ้อมเพลงกระบี่อยู่ขอรับ ”
ก่อนที่ชายด้านข้างจะเอ่ยอะไรอีก หมิงฮ่าวก็เงยหน้าขึ้นก่อนเอ่ยขึ้นมา “ พวกข้าทำผิดในฐานะองครักษ์ พวกเราไม่อาจปกป้องนายน้อยได้ โปรดครูฝึกลงโทษด้วย! ”
ชายวัยกลางคนส่ายหัวไปมา “ ตอนนี้ข้าไม่ใช่ครูฝึกของพวกเจ้าอีกแล้ว พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าครูฝึกอีก และข้าก็ไม่มีสิทธิลงโทษเจ้าด้วย แต่ในฐานะที่ข้าเคยเป็นผู้สั่งสอนพวกเจ้ามา พวกเจ้าสองคนทำให้ข้าผิดหวังนัก! ”
องครักษ์ทั้งสองที่ได้ฟังคำพูดของอดีตครูฝึก ทำให้พวกเขาขมวดคิ้วและกำหมัดแน่น เพราะสิ่งที่ชายวัยกลางคนข้างหน้ากล่าวออกมาแทงใจดำพวกเขามาก สิ่งที่องครักษ์สมควรพึ่งกระทำคือการดูแลความปลอดภัยของผู้เป็นนายแม้จะต้องแลกกับชีวิตก็ตาม ซึ่งตัวพวกเขาเป็นเด็กกำพร้าที่บิดามารดาตายไปกับจากภัยสงคราม แต่ด้วยโชคดีที่พวกเขาถูกแม่ทัพฉินเก็บมาเลี้ยงดู และหลังจากเติบโตขึ้นพวกเขาจึงตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าตอบแทนบุญคุณนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มฝึกฝนพลังยุทธเพื่อเป็นองครักษ์ดูแลคนของตระกูลฉิน
แต่หลังจากองครักษ์หมิงและสหายได้เข้ามารับหน้าที่แทนองครักษ์ชุดเก่าที่ทำหน้าที่ล้มเหลวในการดูแลความปลอดภัยนายน้อยจนเกือบทำให้นายน้อยตายไป จึงทำให้พวกเขาอดรู้สึกภูมิใจอย่างช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะได้ทำหน้าที่ดูแลคนจากตระกูลท่านเเม่ทัพ และเมื่อเขาได้มารู้จักนายน้อยฉินทำให้เขารู้สึกเคารพนายน้อยผู้นี้มากขึ้น ซึ่งเขาเป็นคนที่ไม่ถือตัวแตกต่างจากข่าวลือที่กล่าวหาว่าเขาเป็นเพียงอันธพาลนิสัยไม่ดีที่มีตระกูลคอยหนุนหลัง
พวกเขาเดินทางออกจากเมืองไผ่เขียวตามคำสั่งของฉินหลิงมายังหมู่บ้านชนบทแห่งนี้ ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเกิดความประมาทมากขึ้น ซึ่งพวกเขาคิดเพียงแค่ว่าที่แห่งนี้เป็นหมู่บ้านชนบทที่อยู่ในความดูแลของเมืองไผ่เขียวเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ควรจะมีอันตรายอันใดเกิดขึ้นแก่นายน้อยตนได้ จึงทำให้การเฝ้าดูแลนายน้อยหละหลวมลง
“ พวกเจ้าคิดว่า หากเวลานั้นข้าไม่บังเอิญอยู่ที่นั้นในตอนที่นายน้อยโดนลอบสังหารจะเกิดอะไรขึ้น ” อดีตครูฝึกเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง
หมิงฮ่าวเอ่ยตอบด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย “ นายน้อยคงต้องตายเป็นแน่ขอรับ ”
“ ถูกต้อง แล้วการที่เจ้าปล่อยปละละเลยนายน้อยจนถูกลอบสังหารได้ เจ้าเคยคิดถึงผลกระทบนี้ขึ้นมาบ้างไหม ? ” อดีตครูฝึกขององครักษ์ทั้งสองเอ่ยถาม
องครักษ์ทั้งสองส่ายหัวไปมาด้วยท่าทีสับสน “ คะ...คือ ข้าไม่รู้ขอรับ ”
ชายวัยกลางคนถอนหายใจก่อนจะเงยขึ้นไปมองบนฟ้าแล้วเอ่ยออกมาด้วยความจริงจัง “ เห้อ...ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ หากนายน้อยตายขึ้นมาจริงๆ แล้วพวกเจ้าคิดว่าท่านแม่ทัพจะรู้สึกเช่นไร พวกเจ้าลองคิดดู ท่านแม่ทัพที่ควบคุมกองกำลังทหารมากกว่าครึ่งภายในแคว้นต้าเหยียน เมื่อเขาบ้าครั้งขึ้นมา ไม่ต้องคิดเลยว่าจะมีภูเขาเนื้อและทะเลโลหิตเท่าไหร่ที่จะเกิดขึ้น ท่านแม่ทัพคงไม่สนใจหรอกว่าศัตรูเป็นใคร เพราะด้วยทายาทเพียงคนเดียวที่ตายลง ท่านคงจะสังหารเหล่าขุนนางหมดราชสำนักเป็นแน่ แล้วเจ้าคิดดูว่าหากเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น ก็ย่อมนำไปสู่สงครามภายในที่เหล่าตระกูลอิทธิพลต่างๆเข้าร่วม จากนั้นก็คงทำให้กำลังทหารที่ใช้ป้องกันแคว้นเคลื่อนไหวกับศึกภายใน ส่วนแคว้นรอบข้างที่รู้ว่าแคว้นของเราที่มีกำลังทหารลดลง แล้วเจ้าคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นไปละ?”
องครักษ์ทั้งสองเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ เกิดสงครามขอรับ ”
“ ใช่แล้ว มันจะก่อให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น แต่ไม่ใช่เพียงแค่สงครามรอบนอกเท่านั้นแต่เป็นสงครามภายในด้วย และเจ้าคิดว่าแม่ทัพใหญ่ที่หมดอาลัยตายอยากจากการเสียทายาทไป คงไม่มีแรงจูงใจในการทำสงครามอีกแล้ว ดังนั้นคงทำให้ขวัญกำลังใจเหล่าทหารลดลง และสุดท้ายทหารที่ไม่อาจดูแลรักษาแคว้นได้ก็ทำได้เพียงรอวันพังพินาศไป ” อดีตครูฝึกเอ่ยจบก็หันไปสบตาองครักษ์ทั้งสองที่ประมาทและทำผิดพลาด จนเกือบทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น
“ ขนาดนั้นเลยรึขอรับ ”
“ ที่ข้าพูดนะเป็นเพียงสิ่งที่คาดการณ์ขึ้น เจ้าก็รู้ว่าเหล่าขุนนางที่ไม่พอใจท่านแม่ทัพมีมากขนาดไหน แต่ที่พวกเขาไม่เคลื่อนไหวอะไรมาก เพราะด้วยความสามารถและบารมีของท่านแม่ทัพที่สามารถสยบแคว้นเเละรักษาความสงบได้โดยรอบ จึงทำให้นายน้อยใช้ชีวิตโดยปลอดภัยและไม่เคยเจอการลอบสังหารมาก่อน แต่ข้าก็คิดไม่ถึงจริงๆว่ามีคนบ้าขนาดไหนกันถึงกับกล้าสั่งให้นักฆ่ามาลอบสังหารนายน้อยโดยไม่คิดถึงส่วนรวม หรือไม่แน่อาจจะเป็นแคว้นข้างเคียงก็เป็นได้ ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่อดีตครูฝึกก็ทำให้พวกเขากระสับกะส่ายอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดขัด “ ละ...แล้วพวกเราควรจะทำอะไรต่อไปดีขอรับ ”
“ พวกเจ้าคือองครักษ์ หน้าที่ของเจ้าคือปกป้องผู้เป็นนาย ดังนั้นก็จงปกป้องนายน้อยให้ดี อย่าได้ผิดพลาดอีก แล้วก็เรื่องบทลงโทษของพวกเจ้า รอให้นายน้อยฟื้น พวกเจ้าก็ไปให้นายน้อยตัดสินเอาเองละกัน ” กล่าวจบเขาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอคำตอบจากอดีตลูกศิษย์ทั้งสอง
...................
บ้านถานอวี้จี้ ภายในห้องพัก ตอนนี้มีหนึ่งสตรีและหนึ่งบุรุษตัวน้อยนั่งอยู่ด้วยกัน หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามราวเทพธิดาในรูปวาดกำลังรินน้ำชาใส่ถ้วยใบเก่าให้เด็กชายตัวน้อยด้วยแววตาสับสน เพราะหลังจากเธอฟังสิ่งที่บุรุษเบื้องหน้ากล่าวออกมาทำให้เธอทราบว่านายน้อยฉินผู้นั้นอาจจะมีเหตุจำเป็นบางอย่างที่ทำไม่ดีกับเธอ
“ ท่านลู่ชิง ได้โปรดบอกเรื่องราวของนายน้อยฉินให้ข้ารู้ด้วยเถอะเจ้าคะ” ถานอวี้จี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานราวกับน้ำผึ้ง แต่เมื่อสังเกตเห็นบุรุษตัวเล็กเบื้องหน้ายังไม่มีท่าทีตอบสนองกับเสน่ห์เธอเลย ทำให้เธอเสียความมั่นใจไม่น้อย เพราะถึงแม้เธอไม่ได้แสดงท่าทีเย่อหยิ่งอะไรออกมา แต่เธอก็มั่นใจในความงดงามของตนเองไม่น้อย แต่การที่เธอต้องเจอกับหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ด้านหน้าเธอ ที่ทำราวกับหน้าตาของเธอไม่ต่างจากกะโหลกหุ้มเนื้อไม่ปาน ก็อดทำให้เธอประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้
ลู่ชิงที่มองเห็นท่าทางทุกข์ร้อนของหญิงสาวเบื้องหน้าก็ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ เอาเถอะ..เห็นว่าเจ้ามีน้ำใจหรอกนะ ข้าถึงคิดจะได้บอกออกมา ถึงแม้นายน้อยเขาจะห้ามไม่ให้ข้าพูดก็เถอะ แต่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าจะบอกถึงเรื่องราวนายน้อยที่ผ่านมาละกัน ”
“ เช่นนั้นรบกวนท่านแล้วเจ้าคะ ” ถานอวี้จี้ที่เมื่อได้ยินอีกฝ่ายยอมเล่าเรื่องออกมาทำให้ดวงตานางเปล่งประกายขึ้นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนางไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าเหตุใดบุรุษผู้นั้นถึงต้องมาทำดีกับนางขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาทำร้ายนางไปขนาดนั้น และด้วยความสามารถของตระกูลฉินที่เรียกได้ว่าเป็นรองเพียงเหล่าตระกูลราชวงศ์เท่านั้น ดังนั้นการจะบังคับนางไปเป็นนางบำเรอก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่เขาทำดีกับนางราวกับเขากำลังชดใช้ความผิดที่เกิดขึ้นกับนาง ทำให้นางนึกได้ว่าบางทีเหตุการณ์อาจไม่เป็นดังที่นางคิดก็เป็นได้
“ เห็นแก่ท่านที่มีโอกาสเป็นฮูหยินน้อยในจวนข้าหรอกนะ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ใส่เจ้าหรอก ต่อไปหากเจ้าเข้ามาอยู่ในเรือน เจ้าต้องเลี้ยงดูข้าดีๆด้วยละ ” ลู่ชิงยิ้มออกมาด้วยท่าทีจองหอง
เมื่อถานอวี้จี้ได้ยินคำเรียกกล่าวว่าตนจะเป็นฮูหยินของตระกูลฉิน ก็ทำให้เธอหน้าแดงออกมาพร้อมก้มหลบสายตาอีกฝ่ายทันที ถึงแม้เธอตัดสินใจที่ยอมรับบุรุษสวมหน้ากากแล้ว แต่กับตัวตนนายน้อยฉิน เธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าความรักของพวกเธอจะดำเนินเช่นไรต่อ
หากเพราะเขาเป็นคนตระกูลใหญ่แต่นางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านที่อาศัยในชนบท ทำให้ความปรารถนานี้ยากจะสำเร็จนักเหมือนดั่งเหล่านิยายคู่รักที่หนีตามกันไปซึ่งมีขายมากมายตามร้านหนังสือ
ลู่ชิงมองสาวงามเบื้องหน้าที่กำลังเขินอายด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ก็ไอออกมาเบาๆ “ เริ่มแรกเพราะด้วยโชคดีที่ท่านแม่ทัพบังเอิญเก็บข้าได้ตอนบาดเจ็บเมื่อครั้งยังเด็กและในระหว่างรักษาตัว ข้าก็ได้บังเอิญไปพบเจอกับนายน้อยฉินและพวกเราก็สนิทกัน ซึ่งเมื่อท่านแม่ทัพเห็นเข้าและรู้ว่าข้าเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งอายุไม่ห่างกันมากและไม่มีที่ไปจึงรับข้าเป็นบ่าวคนสนิทของนายน้อยฉิน ”
ลู่ชิงจิบน้ำชาเล็กน้อยก่อนหันไปดูถานอวี้จี้ที่มองมาที่เขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ ตอนที่เจ้าไปทำงานที่โรงเตี๊ยมนั้น เจ้าคงได้ยินชื่อเสียงที่เหล่าชาวบ้านล่ำลือของนายน้อยฉินมาไม่น้อยสินะ แล้วเจ้าไม่สงสัยรึว่าเหตุใด คำบอกเล่ากับคนที่เจ้าเจอถึงแตกต่างกันเพียงนี้ ”
ถานอวี้จี้พยักหน้าเล็กน้อย “ เจ้าคะ ตอนแรกข้าก็สับสนเช่นกันว่าคุณชายที่สุภาพเช่นนั้นช่างต่างจากข่าวลือที่กล่าวหาว่าเขาเป็นทั้งจอมอันธพาลที่ชอบหาเรื่องทุบตีคนไปทั่วและเป็นจอมปีศาจราคะที่ชอบข่มเหงสตรีที่อ่อนแอ ” เมื่อหญิงงามเอ่ยจบก็ทำใบหน้าเศร้าออกมาเล็กน้อย เพราะถึงแม้นางไม่อยากเชื่อข่าวลือเท่าไหร่นัก แต่นามเรียกขานว่าเป็นปีศาจราคะก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะนางเองก็ได้เป็นหนึ่งในพยานคนสำคัญของฉายานี้
ลู่ชิงที่ได้ยินคำกล่าวของหญิงสาวเบื้องหน้าก็อดหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “ ฮ่าๆ จะว่าไปเจ้านี้มันก็น่าสงสารจริงๆนั้นแหละ แต่เรื่องราวทั้งหมดนั้นมันเริ่มจากเจ้าเด็กสารเลวถังและเหล่าสหายของมัน ที่เริ่มมาชักชวนนายน้อยของข้าให้เสียคน นายน้อยเมื่อตอนเด็กที่ยังน่ารักและบริสุทธิ์ที่ยืนรอหน้าจวนเฝ้าคอยท่านแม่ทัพกลับจากงานราชกาลทุกวัน ไหนเลยจะรู้ถึงด้านมืดของผู้คนได้เล่า พอได้รู้จักเจ้าสารเลวนั้น ชื่อเสียงที่มีมาก็พังพินาศหมด ทั้งการเข้าหอนางโลม ทั้งการพนัน ล้วนเป็นเจ้าคนนั้นริเริ่มพานายน้อยข้าไปรู้จักทั้งสิ้น แล้วข่าวลืออันเลวร้ายนั้นอีก คงไม่พ้นฝีมือของพวกเบื้องหลังมันเป็นแน่ ทั้งที่ข้าเคยห้ามเตือนแล้วแท้ๆ”
ลู่ชิงถอนใจเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ “แต่เรื่องราวคงไม่เกิดหรอก หากว่านายน้อยมีครอบครัวที่คอยดูแลอย่างอบอุ่น ที่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ได้ คงเพราะท่านแม่ทัพที่ต้องออกเดินทางบ่อยจนไม่มีเวลาดูแลหลานชายเพียงคนเดียว และทำได้เพียงตามใจนายน้อยด้วยทรัพสินเงินทองเท่านั้น แต่ท่านแม่ทัพคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เด็กน้อยคนนั้นต้องการที่สุดคือความรักความสนใจจากครอบครัว เพราะด้วยวัยเด็กที่ต้องอยู่คนเดียว ทำให้เขาเรียกร้องความสนใจจากท่านปู่ จนเมื่อได้ยินคำยุยงจากเจ้าเด็กตระกูลถังนั้นก็ทำให้นายเปลี่ยนไป ถึงแม้นายน้อยฉินจะไม่เคยใช้อำนาจในทางที่ไม่ดี แต่ในเรื่องวิวาทกันก็คงไม่อาจปฏิเสธได้เพราะยามนายน้อยดื่มสุราก็มีเรื่องทุบตีกันเป็นประจำแต่ก็ไม่เคยมีใครตายในเงื้อมมือนายน้อย ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นสำหรับชื่อเสียงในฐานะจอมราคะ ข้าไม่เคยเห็นนายน้อยไปข่มเหงสตรีชาวบ้านนางใดมาก่อน เพราะเมื่อเหล่าสตรีนางใดได้เห็นหน้าเขาก็หนีกันไปหมดแล้ว ”
ถานอวี้จี้ที่นั่งฟั่งก็มีแววตาสับสนก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมกับหยดน้ำที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่งาม “ แล้วข้าละเจ้าคะ ทำไมนายน้อยของท่านต้องข่มเหงข้าด้วย หรือเพียงเพราะข้าไปบังเอิญอยู่ในหอคณิกานั้นหรอกรึ ทั้งที่ข้าไม่ยินยอม แต่... ”
ลู่ชิงเงยหน้ามองหญิงสาวเบื้องหน้าปรากฏแววตาสงสาร
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น